.../you’re beautiful/...
เสียงฟ้าร้องและเสียงฝนที่โหมกระหน่ำเทลงมาอย่างไม่หยุดหย่อนแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาโรงเลี้ยงวัวที่ถูกออกแบบมาอย่างดีถูกหลักปศุสัตว์แม้พายุจะโหมกระหน่ำสักเท่าไหร่วัวทุกตัวที่อยู่ด้านในก็ยังคงหลับได้สบาย
ไฟทั้งโรงถูกปิดให้มืดสนิทเพื่อให้เจ้าวัวทุกตัวได้หลับนอนเหลือเพียงแค่ไม่กี่ดวงเท่านั้นเปิดเอาไว้เพื่อให้ความสว่าง เจ้าวัวทั้งหลายได้นอนหลับกันอย่างสนิทเหลือเพียงพ่อวัวแม่วัวอยู่คู่หนึ่งที่ยังคงทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันยามกลางคืน เสียงอื้ออึงดังออกมาไม่มากไม่น้อยกิจกรรมรีดนมวัวที่มีอยู่บ่อยครั้งเหมือนคราวนี้จะรีดกันหนักหน่วง ไม่นานเสียงน่าอายก็ดังออกมาบ่งบอกว่ากิจกรรมรีดนมวัวคงเสร็จเป็นที่เรียบร้อย เสียงหายใจเหนื่อยจากกิจกรรมแม่วัวเอนซบไหล่ของอีกคน พ่อวัวมอบจุมพิศลงที่มุมปากก่อนจะเอนหลังพิงกองฟาง มือหนาเลื่อนลงด้านล่างก่อนจะสัมผัสบางส่สวนเพื่อเฉดชิมรสชาติของนมวัวสดๆที่ออกจากแม่วัว
“คราวนี้หวาน”
“ก็หวานอยู่แล้วมั้ย”
“นั่นสินะ ก็หวานอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันหวานมากกว่าเดิม”
“นมวัวมันก็รสชาติแบบนี้แหละ”
“หรอ พึ่งรู้นะเนี่ย ว่านมวัวมันเป็นรสหวาน”
“ทำไมเราถึงต้องทำงาน”
“เพื่อเงินไง หรือมึงไม่อยากได้เงิน”
“อยากสิแต่ก็ขี้เกียจด้วย”
บทสนทนาของเพื่อนสาวที่ปากเอาแต่บ่นเรื่องงานแต่สายตาและมือนั้นยังคงสาละวนง่วนอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผมละสายตาจากหน้าจอตรงหน้าหันมองนาฬิกาที่ด้านล่างขวามุมของจอเลขโชว์ขึ้นบอกว่าตอนนี้เวลาเที่ยงตรงแล้วได้เวลาพักผ่อนหย่อนกายก่อนค่อยไปงมงานกันต่อ
“จา ตรงที่มึงทำมันคนละสีเลยน่ะ”
“อะไร ตรงไหน”
“นั่นน่ะ ตรงที่เม้าส์มึงชี้อยู่น่ะ”
“ไหนวะ”
สองคนเถียงกันไม่หยุดส่วนผมก็นั่งรอไป มีนที่กำลังชี้จุดผิดพลาดให้อีกคนดูส่วนจาก็พยายามมองตามแต่ก็ยังไม่เห็นจุดนั้นได้แต่เถียงฟ่อดๆเหมือนเด็ก
โคตรเหมือนเด็กเถียงกันเลย ดูวุ่นวายดีเนาะ
“วันนี้กูจะได้กินข้าวมั้ยเนี่ย”
“รอแปปนึงนะคุณชาย อย่าพึ่งหิว”
“มึงห้ามกูหิวได้ด้วยหรอ”
“ห้ามได้ เพราะกูสั่ง”
ผมส่ายหน้าเนือยกับคมวุ่นวายคาดว่าวันนี้ผมคงจะไม่ได้กินข้าวแล้วแหละ เสียงแจ้งเตือนจากคอมพิวเตอร์ดังขึ้นให้ผมหันไปมอง แท็บเว็บโซเชียลเฟสบุ๊คขึ้นแสดงว่ามีแจ้งเตือนผมจับเม้าส์กดไปที่แจ้งเตือนหน้าฟีดของเฟสบุ๊กเปลี่ยนเป็นหน้าของคนที่เกิดในเดือนนี้หนึ่งในนั้นเป็นคนที่ผมรู้จักดีด้วย
วันนี้เป็นวันเกิดของ renremember\- ร่วมฉลองวันเกิดกับพวกเขา!
ลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเขา
ใจแรกนึกอยากจะเลื่อนผ่านแต่หัวสมองมันกลับบอกว่าให้ผมกดไป ไม่นานหน้าฟีดมันก็เปลี่ยนอีกไปเป็นหน้าอวยพรวันเกิด ผมมองมันอยู่ครู่คิดว่าจะพิมพ์ดีมั้ยแต่ก็นะ มือมันไปแล้ว
สุขสันต์วันเกิดครับคนสวย
ก็พิมพ์นั่นแหละแต่ผมไม่คิดว่าเขาจะเม้นกลับหรอก เพราะเท่าที่ผมดูเขาไม่เม้นตอบใครสักคนขนาดจาที่เป็นญาติเขายังไม่ตอบเลย
“แอบส่องเร็นหรอ”
เสียงแจ้วดังขึ้นด้านหลัง จาเอ่ยถามขณะสายตายังคงจ้องไปที่หน้าจอ ผมหมุนตัวเลิกคิ้วมองเพื่อนสาว มายืนแบบนี้แสดงว่างานเสร็จแล้วสินะ
“ไม่ได้แอบ ดูโต้งๆเลยต่างหาก”
“ชิ ดูได้แต่ห้ามยุ่งนะ”
“ทำไม”
จาขี้หวงแลหวงพี่มาก
“มึงร้ายกาจเกินไป ไว้ใจไม่ได้”
จาพองแก้มเหมือนน่ารัก เออ แต่มัก็น่ารักแหละ มันพูดพลางเขย่าเก้าอี้ผมเล็กๆตามประสาคนอยู่ไม่สุก ผมมองจาสบตากันอยากบอกมันเหลือเกินแต่ก็กลัวเพื่อนจะช็อค
โทษทีว่ะเพื่อนแต่กูกินพี่มึงแล้ว
ตั้งแต่เช้าแจ้งเตือนในมือถือยังคงดังไม่หยุดหย่อน คงไม่ใช่เพราะอะไรนอกจากวันนี้เป็นวันเกิดผม โซเชียลทุกคนบนโซเชียลทุกแพลตฟอร์มต่างส่งคำอวยพรมาให้ ผมไม่ได้ตอบกลับใครเพราะจำนวนมันเยอะมากจนเลือกไม่ถูก นิ้วเรียวเลื่อนไถมือถือไปพลางระหว่างรอ วันนี้ผมนัดจาเอาไว้มันบอกว่าจะพาผมไปเลี้ยงชาบูเนื่องในวันเกิด
“มาแน้วววว”
เสียงแจ้วเด่นมาแต่ไกลผมเงยหน้าจากมือถือมองเจ้าของเสียง จาวิ่งดุ๊กดิ๊กตรงมาหาผมพร้อมกับเพื่อนอีกสองคนที่เดินตามหลัง ผมจำได้ผู้หญิงคนนั้นชื่อมีนและอีกคน…
เวย์
“งั่มๆ คิดถึง”
“อือ”
อีกคนที่มากกว่ารู้จัก
มือเล็กอีกฝ่ายยื่นบีบแก้มผมตามนิสัยดีดของมัน จายังคงง่วนอยู่กับแก้มผมแต่สายตาก็ดันไปสบตาของอีกคน สายตาที่นิ่งเรียบแต่แอบแฝงความทะเล้นและร้ายกาจอยู่ภายในนั้น ไม่ว่ามองมันกี่ครั้งก็ชวนให้รู้สึกกระอักกระอ่วนท้องได้ตลอด
“ไปกินชาบูกัน”
“เลี้ยงนะ”
“ไม่ช่วยหรอ”
“ไหนบอกเลี้ยง”
“ง่า ก็ได้”
จาดึงแขนผมให้ลุกจากเก้าอี้ก่อนจะกอดแขนตามนิสัยของเธอโดยมีอีกสองชีวิตเดินตาม เดินเรื่อยกันกว่าหลายนาทีเพื่อหาร้านเพื่อจะปักหลักแต่ด้วยเพราะวันนี้เป็นวันเสาร์คนเลยเยอะเป็นพิเศษ ในที่สุดเราก็เลือกร้านได้เป็นร้านชาบูสไตล์ยุโรป ภายในร้านคนไม่เยอะมากเท่าไหร่
เลือกที่ได้ก็จัดการพากันหย่อนตัวลงแน่นอนว่าการนั่งมันคงไม่แตกต่างจากที่คิดไว้สักเท่าไหร่ ผมกับจานั่งฝั่งเดียวกันอีกฝั่งก็เป็นมีนและเวย์…ที่นั่งตรงกับผม
“ต้องไปตักของเอง ใครจะเฝ้า”
“มึงไปเดี๋ยวกูเฝ้า”
“สุภาพบุรุษเนาะ”
“เร็นอยู่โต๊ะนะเดี๋ยวเอามาเผื่อ เวย์ไป”
“กูไม่ไป”
“มานี่”
ไม่ทันที่อีกคนจะได้ต่อเถียงจาก็จัดการดึงอีกคนให้ลุกจากที่นั่ง ผมถอนหายใจออกมาเล็กน้อยบอกตามตรงว่าแอบอึดอัดและกระอักกระอ่วนท้องเล็กน้อย ไม่ใช่ว่ารังเกียจเขาแต่อย่างที่รู้
ว่าเราเคยมีอะไรกัน และจาก็ไม่รู้
จาเป็นเด็กหวงของและหวงญาติพี่น้องที่สนิทกันมากๆ ผมกลัวใจว่าหากวันนึงจามันรู้เข้าจาจะโกรธผม และรังเกียจ ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้น
“ทำหน้าเครียดแบบนั้นไม่เหมาะกับคนสวยเลย”
เสียงทุ้มออกแนวกวนประสาทเอ่ยให้ผมละหันไปมอง เวย์ยกยิ้มเล็กน้อยตามสไตล์ก่อนจะวางจานหมูลงบนโต๊ะ ช้อนตามองเล็กน้อยก่อนจะรับจานนั้นมาจัดการใส่ลงไปในหม้อ อีกฝ่ายหย่อนตัวลงที่เดิม
เราไม่ได้พูดอะไรกัน ไม่รู้ว่าเป็นต่างคนต่างเลือกที่จะเงียบ หรือมีเพียงแค่ผมที่ไม่ต้องการที่จะพูด
ผมจัดการลงของในหม้ออย่างเงียบๆ มือหนาของบางคนเอื้อมหยิบหมูในหม้อจากฝั่งตร
งหน้า ท่าทางการกินของเขามันไม่ต่างจากคนทั่วไปแต่อาจเป็นเพราะเขาคือเวย์ ชายหน้าตาดีที่หลายคนต่างยกยอว่าเขาคือเหมือนเจ้าชายนิสัยร้ายกลับกลายทำให้อากัปกิริยาของเขามันดูหรูขึ้นมาทันที อีกคนจิ้มหมูลงน้ำจิ้มก่อนจะยัดมันเข้าปากความเร็วในการเคี้ยวอยู่ระดับปานกลางก่อนจะกลืนมันลงคอจนเห็นลูกกระเดือกขยับอย่างชัดเจน
พึ่งนึกได้…
“อยากกินด้วยรึไง”
ดันคิดอะไรอุบาทว์ไปแล้ว
“สองคนนั้นไปไหนทำไมนาน”
“ไม่ตอบอีก อยู่ด้วยกันมันน่าอึดอัดขนาดนั้นเลยรึไงหืม?”
หันไปสบตาอีกคน อีกฝ่ายเลิกคิ้วเหมือนต้องการคำตอบ ผมเลือกหลบสายตาหันไปจัดการหมูที่อยู่ในจานแต่เหมือนผมจะเกร็งมากไปหน่อยดันเผลอปล่อยข้าวโพดชิ้นใหญ่ลงไปจนน้ำร้อนกระเด็นโดนมือ
“โอ๊ย!”
ด้วยสัญชาตญาณมือเลยเผลอทิ้งของทุกอย่างในมือลงบนโต๊ะกระเด็นกระดอนจนเละเทอะเต็มไปหมด ผมสะบัดมือพลางดูตรงจุดที่น้ำมันกระเด็นเหมือนว่าตอนนี้มันจะยังไม่มีแผลมีแค่รอยแดง ระยะสายตาเหลือบมือหนึ่งเข้ามาจับที่ข้อมือก่อนจะไปยังฝั่งตรงข้ามอย่างอ้อมๆเพื่อไม่ให้โดนเตา มือหนาลูบไล้ตรงจุดที่โดนน้ำร้อนลวกอย่างเบาๆก่อนจะหยิบน้ำแข็งก้อนหนึ่งในแก้วมาประคบ
“ดีขึ้นมั้ย”
“ก็ดี”
ตอบไปด้วยความไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ แม้จะสงสัยแต่มันก็รู้สึกดี
“รอยแผลพวกนี้มันไม่เหมาะกับเธอหรอก”
แต่บางทีมันก็แอบคิดว่าคนๆนี้เขาเกิดและโตมาในสังคมแบบไหน
“แต่ถ้าจะให้ดีกว่า รอยแผลจากเซ็กส์ มันดีที่สุด :)”
ถึงได้ร้ายกาจแบบนี้
.../ I like strawberry jam/...
“ถ้าฉันไม่เรียกแกมาก็ไม่คิดจะโผล่หัวมาให้เห็นเลยใช่มั้ย”
“คงงั้นมั้งครับ”
เหมือนที่เขาบอก ว่าบางทีบ้านก็ไม่ใช่เซฟโซนเสมอไป
ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบก่อนจะนั่งลงที่โต๊อาหารฝั่งตรงข้ามของคุณย่า การกลับบ้านครั้งนี้ไม่ใช่ว่าผมอยากมาแต่เพราะคำประกาศิตของคนตรงหน้าต่างหากถึงทำให้ผมมาอยู่ที่นี่ได้
“มีธุระอะไรก็รีบพูดมาเถอะครับ ผมไม่มีเวลามากขนาดนั้น ผมต้องทำงานต่อ”
“งานเส็งเคร็งพรรณ์นั้นน่ะรึ ทำไปก็เสียเวลาเปล่าๆ งานแบบนั้นมันไม่มีทางสำเร็จตามที่แกหวังหรอก”
“ถ้าคุณย่าเรียกผมเพื่อมาพูดแค่นี้ละก็ ผมขอตัวนะครับ เพราะเสียเวลาชีวิตของผม”
“หึ แกนี่นิสัยเสียเหมือนแม่แกไม่มีผิด ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเจ้าสุถึงได้ไปหลงรักผู้หญิงข้างถนนแบบนั้น”
มือหนากำหมัดแน่นแต่คงไม่มีใครเห็น บางทีก็อยากถามนะ ว่าการที่พ่อกับแม่เขารักกันมันผิดขนาดนั้นเลยหรอ มันต้องเกลียดชังกันถึงขนาดนี้เลยรึไง ขนาดพวกเขาตายไปแล้วไปอยู่คนละภพคนละชาติแล้วคนเป็นแม่ก็ยังมิวายสร้างความเกลียดชังพวกได้อยู่เสมอ
“คุณนายใหญ่คะ คุณหนูริชมาแล้วค่ะ”
“พาเธอเข้ามา”
สิ้นเสียงทางด้านประตูฝั่งขวาเผยให้เห็นหญิงสาวคนหนึ่ง คุณหนูริชลูกสาวคนเล็กจากตระกูลดังในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มผมดำดัดลอนยาวประมาณกลางหลังมองดูรวมๆแล้วมีเสน่ห์ตามสไตล์ลูกคุณแต่สำหรับผมเธอก็แค่หมากตัวหนึ่งของคุณย่าเท่านั้น
ช่างน่าสงสารเธอนะ
“สวัสดีค่ะพี่เวย์”
“ครับ”
ผมตอบไปตามมารยาทอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนัก อีกคนนั่งลงฝั่งซ้ายมืออย่างเรียบร้อย การมาของเธอคงไม่พ้นให้ผมมานั่งกระชับสัมพันธ์ไม่ก็…เรื่องหมั้นหมาย
“นี่คือคู่หมั้นของแก”
เห็นมั้ย ผมเดาไม่ผิด
“แล้วแกก็ห้ามปฏิเสธเด็ดขาด”
“หึ ว่าแล้วเชียว คือผมปฏิเสธไม่ได้เลยใช่มั้ย”
“แกก็ลองดู ถ้าแกอยากหาเรื่องฆ่าตัวตายให้ตัวเองละก็ อยากทำก็เชิญเลย”
คำประกาศิตออกจากปากผู้เป็นย่า เธอคงแค่คิดว่าผมไม่มีทางที่จะกล้าปฏิเสธเธออย่างแน่นอน เพราะคำประกาศิตของเธอถือว่าเป็นใหญ่ที่สุดในตระกูล หากใครคิดคัดค้านมันก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายทั้งนั้น
แต่ไม่ใช่สำหรับผม เขาว่ากันว่ายิ่งปีนสูงยิ่งเจออุปสรรคเยอะแต่ยิ่งสนุก แบบนี้ต่างหากที่น่าลอง
“น่าสนุกดีนะครับ ผมอยากลองดูเหมือนกัน ถ้างั้นผมก็ขอเลือกปฏิเสธ บางทีว่าถ้าหากผมเลือกฆ่าตัวตายอย่างที่คุณย่าพูด ชีวิตผมมันอาจจะดีขึ้นก็ได้ หรือไม่บางที…เส้นกราฟชีวิตของผมมันอาจจะพุ่งสูงจนผมรับมือไม่ไหวก็ได้นะ”
“เจ้าเวย์!!!!! แกกล้าเล่นลิ้นฉันงั้นเรอะ!”
“เอ้า ทำไมล่ะครับ เมื่อกี้คุณย่ายังบอกให้ผมท้าทายอยู่เลยหนิ ผมก็ทำตามคำขอแล้วไง ไม่ใช่ชอบหรอครับ หรืออยากได้ที่มันมากกว่านี้”
“แกอย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ แกนี่มันนิสัยปากร้ายเหมือนแม่แกไม่มีผิด”
คนแก่ยืนชี้หน้าเขาด้วยมือสั่นเครือนั่น ยืนก็จะไม่ไหวอยู่แล้วเชียว ยายแก่เอ้ย
“แหม ดูเหมือนคุณย่าจะชอบแม่ผมนะครับเนี่ย พูดถึงแม่บ่อยซะเหลือเกิน”
“ฮึ่ย…!”
“อ้าวๆ เวลาหมดแล้วหรอเนี่ยเสียดายจังเลย แหม อยากจะอยู่เล่นต่ออีกสักหน่อยนะครับ แต่พอผมมีงานมีการต้องทำ งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ แล้วก็…อย่าลืมดูแลรักษาสุขภาพด้วยนะครับคุณย่า อย่ายืนนานล่ะเดี๋ยวจะล้มหัวฟาดเอา”
“ฮึ่ย…เจ้าเวย์!!! แก…กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!!!!”
ผมเดินออกจากบ้านใหญ่ตรงเพื่อจะขึ้นรถไม่รอให้เสียงของคุณย่ามารั้งผมหรอก เกือบจะถึงรถผมได้ยินเสียงเรียกจากคนคุ้นเคย หันไปพบกับป้าสายที่วิ่งมาทางพร้อมกับของบางอย่างที่อยู่ในมือ
“คุณหนูคะ ป้าทำของโปรดเอาไว้ให้เห็นคุณหนูไม่ได้ทานเมื่อกี้”
“ขอบคุณครับป้า ผมจะกินมันอย่างดีเลย”
ป้าสายเป็นอีกคนรองจากพ่อและแม่ที่ผมนับถือและรักมากที่สุด เธอมักจะคอยดูแลเวลาที่พ่อแม่ไปทำงานหรือคอยให้คำปรึกษาอะไรหลายๆอย่าง ทุกครั้งเวลาผมเสียใจหรือร้องไห้ป้าสายนี่แหละที่จะคอยปลอบผมเสมอ
“ป้าอยากจะช่วยคุณหนูนะคะ แต่ป้าไม่รู้จะช่วยยังไงดี”
“ไม่เป็นไรครับ แค่ที่ผ่านมาป้าก็ช่วยผมเยอะแล้ว”
ผมบอกปัดปฏิเสธ ผมเกรงใจป้าสายและไม่อยากให้แกเหนื่อยเพราะแค่นี้แค่ก็เหนื่อยกับยายแก่เต็มทนแล้ว
“งั้นผมไปก่อนนะครับ”
“เดินทางปลอดภัยนะคะคุณหนู”
“ครับป้า โชคดีเหมือนกัน”
ผมเอ่ยลาก่อนจะขึ้นรถขับออกจากบ้านไป
ลาก่อนบ้านที่เคยอยู่ ลาก่อนบรรยากาศแย่ๆ ลาก่อนยายอภิญญา
“ออเดอร์ดังอีกแล้ว”
“หยุดบ่นน่า”
ผมเหวใส่อีกคนก่อนจะกลับมาสนใจกับการชงเครื่องดื่มตรงหน้า ผมทำงานอยู่ที่นี่ได้สี่ปีกว่า ถ้าจำไม่ผิดก็ตั้งแต่เรียนอยู่ปีสองหรือปีสามนี่ล่ะ เดิมนี่คาเฟ่นี้เป็นของพี่บีลูกพี่ลูกน้องที่รู้จักกันตั้งแต่ยังเด็ก แต่เพราะเมื่อสองปีที่แล้วพี่บีต้องแต่งงานและย้ายตามสามีไปอยู่ที่ฝรั่งเศสแล้วแกก็รักร้านนี้มากด้วยยังไม่อยากให้ปิดเลยตัดสินใจยกร้านที่ให้ผมเป็นคนดูแลแทน นั่นจึงให้ตอนที่ผมเรียนจบเลยเลือกมารับช่วงต่อทันที ตอนแรกก็ไม่ได้ชอบอะไรมากแต่พอทำไปนานเข้ามันกลับมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
สายเหลือบมองนาฬิกาเขาจำได้ว่าวันนี้เจลมีติวสอบเข้ามหาลัย หันมองอีกคนที่เดินเข้าเดินออกหลังร้านดูท่าคงจะลืมเวลาไปแล้ว
“เจล มีติวไม่ใช่หรอ”
“ใช่ หนูลืมเลย!”
ผมส่ายหัวเล็กน้อย งี้แหละพอทำงานยุ่งเข้ามากๆก็จชอบลืมนู่นนี่นั่นอยู่เสมอ
“ไปเถอะเดี๋ยวพี่ทำต่อเอง”
“จะดีหรอพี่”
“อือ”
“งั้นหนูไปนะ สวัสดีค่ะพี่เร็น” ผมพยักหน้าตอบ
เจลไปแล้วเหลือเพียงผมที่ต้องเฝ้าร้าน ผมยังคงง่วนอยู่กับการทำเครื่องดื่มทำบ้างพักบ้างแต่ก็ไม่ได้หนักเท่าไหร่ ผมทำไปได้พักใหญ่เหมือนรู้สึกว่าเวลามันน่าจะเย็นแล้ว ผมเงยหน้าดูนาฬิกาที่แขวนติดผนังร้านบอกว่าตอนนี้ห้าโมงเย็นแล้วได้เวลาที่ผมจะต้องปิดร้านแล้วล่ะ ผมเริ่มทยอยเคลียร์ของจัดการเคลียร์ออเดอร์ทั้งหมดเพื่อเตรียมจะปิดร้าน เสียงกระดิ่งประตูดังขึ้นให้ผมหันไปมอง ชายคุ้นเคยในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลกับกางเกงยีนส์ยาวที่ดูแล้วดูดีเข้ากับหน้าตาของเขาเลยทีเดียว
ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ เวย์
“ร้านปิดแล้วเชิญวันอื่น”
“ใจร้ายกับลูกค้าจังเลยนะ”
เวย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจแต่ใบหน้าดันยิ้มร้ายกาจซะงั้น แม่วโคตรเชื่อไม่ได้เลย
“ก็บอกว่าปิดร้านแล้ว”
“ไม่ได้มาอุดหนุน”
“แล้วมาทำไม”
“ก็…อยากมาหาเฉยๆ ม่ได้หรอ”
คำตอบจากปากเขากับรอยยิ้มนั่นผมคงเชื่อแหละ เวย์เดินมาหย่อนตัวลงที่หน้าเคาน์เตอร์พร้อมกับเท้าคางอย่างสบายใจ เราสบตากันอยู่ครู่ก่อนที่ผมจะเลือกเป็นฝ่ายที่ละออกไปเอง ถ้ามองกันนานถ้าผมเป็นปลาคราฟคงได้ท้องไปแล้ว
“ให้ช่วยมั้ย”
“ไม่ต้อง”
“อยากช่วย”
“อยู่เฉยๆเถอะ”
พูดเสร็จผมก็ปลีกตัวไปที่หลังร้านทันทีหลังจากที่ปิดประตูด้านหน้าเสร็จเรียบร้อย จัดการเก็บของเข้าที่พร้อมกับเช็คของสำหรับวันพรุ่งนี้ดูเหมือนของจะไม่พอสงสัยวันพรุ่งนี้คงต้องซื้อเพิ่ม
“กลิ่นแยมสตอเบอรี่หรอเนี่ย”
ลมหายใจรดอุ่นอยู่ที่ต้นคอผมหันมองอีกคนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“เข้ามาทำไม”
“ก็มันเหงาหนิ”
โคตรข้ออ้างเลย ผมดันอกแต่อีกคนมันยื้อพยายามที่จะก้มลงมาพร้รอมกับทำจมูกฟุดฟิด คิดว่าตัวเองเป็นหมารึไง
“ถอย”
“อยากกิน”
กินอะไร จะมาหาหิวอะไรตอนนี้วะ ผมดันอกของอีกคนแต่อีกคนดันสู้กลับคนตัวสูงดึงแขนผมล็อคด้วยแรงของเขาผมพยายามดิ้นแต่ไม่ว่าจะดิ้นยังไงก็สู้แรงของเขาไม่ได้อยู่ดี
“มันใช่เวลามั้ย”
“ก็หิว ไม่ได้หรอ”
อีกคนทำเสียงอ่อนบวกอ่อย เวย์เชยคางผมให้เชิดขึ้นก่อนจะโน้มตัวลงมาบรรจงมอบจูบให้ มันน่าตลกนะทั้งใจผมแม่งโคตรเกลียดเขาแต่พอเขาทำแบบนี้กลับไม่ปฏิเสธ ดิ้นหนาของอีกฝ่ายดุนเข้ามาในโพรงปากเราแลกเปลี่ยนความหวานกันจนเกิดเสียงของนำ้ตายกระทบกัน อีกคนละก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายบรรจงจูบลงที่ไหปลาร้าก่อนที่จะขบมันจนทำให้ผมเสียอาการ
“อึก ย\- กัด”
“หวานสัส”
ริมฝีปากหนาเปลี่ยนมาจูบผิวขาวไล่ลงมาเรื่อยๆ เขาจัดการถกเสื้อและเอี๊ยมของผมขึ้นมาจนถึงหน้าอกเผยให้เห็นหน้าท้องเนียน อีกคนก้มลงบรรจงจูบก่อนจะขบที่ท้องผมจนความเจ็บแล่นปรี๊ด
“อย่าทำรอย”
“ไม่เอา”
ผมจัดการยกแขนฟาดอีกคนไปทีนึง คนอะไรแม่งยิ่งห้ามยิ่งยุ
“หิวแล้ว”
เวย์เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มแอบแหบพร่าคนฟังอย่างผมใจสั่นขึ้นมาทันที เขาไม่ทันให้ผมได้เอ่ยปากพูดมือหนาจัดการปลดกางเกงออกจนเผยให้เห็นชั้นในก่อนจะจัดการสอดมือเข้า
“อะร\-อึก!!”
ไม่ทันได้เบรคอีกคนก็จู่โจมคนผมเผลอเปล่งเสียงออกมา หัวสมองตอนนี้มันขาวโพลนไปหมดแล้วคิดอะไรไม่ออกมีแต่เรื่องอุบาทว์เข้ามาในหัวแทน
“เฮือก!!!”
เผลอเปล่งเสียงร้องน่าอายออกมาโดยที่ไม่ได้กลัวว่าเสียงมันจะเล็ดลอดออกไป แยมรสสตอเบอรี่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย อีกคนก้มเฉดชิมมันเหมือนไม่กลัวว่ามันจะสกปรก ผมดันไหล่ของอีกคนแต่แรงหมดเสียงก็หาย
“อึก”
“อร่อยสัส”
ภาพตรงหน้าเวย์เลียริมฝีปากแต่มันกลับทำให้เขาดูเซ็กซี่ขึ้นเป็นกอง มือของผมหมดเรี่ยวแรงที่จะต่อกรกับเขาอยู่ที่ท้องแกร่ง
ไม่ว่าจะกี่ครั้งเซ็กส์ของเขามันก็ดีไม่เปลี่ยนเลย
.../Cow’s milk doesn’t always have to be fishy/...
“พี่เร็น อันนี้อาไรหรอ” ผมมองเด็กน้อยที่วิ่งหน้าตั้งมาหาผมพร้อมกับกล่องเพลง
“อันนี้เขาเรียกว่ากล่องเพลง”
“กล่องเพลงคือไร”
“ถ้าหมุนกุญแจตรงนี้ไปเรื่อยๆจนสุดแล้วปล่อยมันก็จะมีเพลงขึ้นมา เห็นมั้ย”
“หูวววววว”
เด็กน้อยจ้องกล่องเพลงที่กำลังเล่นอย่างตื่นเต้นก่อนจะรับมันมาเอาไว้ในมือแล้วเดินจากไป ผมมองถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปสนใจงานตัวเองต่อ วันนี้เป็นวันหยุดไม่ได้เปิดคาเฟ่โดยปกติผมก็จะใช้เวลานี้ในการเคลีย์บิลหรือเคลียร์สต็อคแต่โชคดันไม่เข้าข้างญาติสนิทติดต่อมาบอกว่าต้องไปดูงานาต่างจังหวัดดูแลลูกไม่ได้เลยอยากจะฝากให้ผมดูแลแทน ตอนแรกก็อยากจะปฏิเสธอยู่หรอกแต่เอาจริงๆผมก็ไม่ได้ยุ่งขนาดนั้น เพราต่อให้ทำงานผมก็ดูแลได้อยู่เลยตัดสินใจรับมา
“พี่เร็นนนน มาเล่นกัน”
“หือ? อ่าโอเคๆ เดี๋ยวพี่ไป”
ผมอกกับจิมมี่ที่ยืนโผล่หน้าอยู่ที่หน้าประตูห้องรอคนพี่ ดีที่ผมจัดการเคลียร์งานเสร็จ เสร็จตั้งแต่ที่รู้ว่าจะต้องเลี้ยงจิมมี่แล้ว เพราะผมรู้ว่าถ้ารับจิมมี่มาเลี้ยงงานคงไม่ได้ทำหรอก เล่นทั้งวัน
ผมเดินไปอุ้มเจ้าตัวแสบขึ้นอกจะว่าไปไม่ได้เจอกันนานหลานผมดูอ้วนขึ้นะเนี่ย เดินพากันลงมาชั้นล่างสายตาเห็นหลายสิ่งที่วางกระจัดกระจายทั้งบนพื้นบนโต๊ะบนโซฟหน้าทีวี
เวร ทำไมมันรกอย่างนี้วะ
“จิมมี่ พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่าเล่นเสร็จให้เก็บของ”
”หนูยังเล่นไม่เสร็จเลย”
“จิม”
“งือ”
ทำเสียงงอแงอีกแล้วรู้เลยได้ใครมาคงไม่เป็นจาที่สอน บ่นไปงั้นสุดท้ายก็ผมนี่แหละที่เป็นคนเก็บให้ เสียงมือถือดังขึ้นผมหยิบขึ้นมาเช็คก่อนจะรับ
“ฮัลโหล”
\[เร็น เครื่องชงกาแฟให้เอาไปให้เลยมั้ย\]
“ได้แล้วหรอ”
\[ใช่ พึ่งได้เลย\]
“เอาไปให้ที่ร้านพรุ่งนี้ได้มั้ย”
\[พรุ่งนี้ไม่ว่างอ่ะ มีนัดสัมภาษณ์กับทีวีต่างประเทศ\]
“งั้นเอามาเลยก็ได้”
\[เคๆ ให้ซื้ออะไรเข้าไปมั้ย\]
“เอาข้าวกล่องกับโจ๊ก”
\[เค\]
“ย๊ากกกกกกกกกก นี่แหนะ”
ยังไม่ทันที่จะวางสายดีเลยเจ้าตัวแสบก็วิ่งเอาหัวมาชนขา ผมก้มมองคนตัวเล็กก่อนจะย่อตัวลงที่ใส่ชุดวัวตัวน้อย
“เล่นเป็นลูกวัวหรอ”
“ใช่ พี่เร็นเป็นแม่วัว”
“พี่ไม่มีชุดนะ จะเป็นได้ไง”
“นี่ไง”
จิมมี่วิ่งไปหยิบบางอย่างในที่ในถุงไม่นานก็กลับมาพร้อมกับถุงผ้าบางอย่าง ผมว่าลางสังหรผมแม่นนะ จิมมี่วิ่งมายื่นใส่มือผมรับมันมองอย่างพินิจชุดวัวที่ยังไม่แกะผมมองสลับกับเจ้าเล็ก
สรุปต้องใส่ใช่มั้ย จิมมี่มองกลับด้วยสายตาแป๋วเหมือนรอให้ผมใส่
อ่ะโอเค กูใส่ก็ได้
ผมจัดการแกะมันกางชุดมองมันอย่างพินิจขนาดชุดพอเอามาทาบกลับพอดีอย่างน่าเหลือเชื่อ เอาเถอะมาถึงขนาดนี้มันคงถอยไม่ได้แล้วล่ะนะ
“แม่วัว”
จิมมี่โผเข้ากอดผมที่ตอนนี้อยู่ในชุดวัวเรียบร้อย ผมเหลือบมองตัวเองในทีวี แม่งโคตรจะมุ้งมิ้ง บอกตามตรงไม่ได้อยากใส่มันเลยแม้แต่น้อยแต่เพื่อหลานใส่มันหน่อยก็ได้ มันคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง
“เราต้องมีพ่อวัวด้วย”
“แค่แม่วัวคนเดียวไม่ได้หรอ”
“ไม่ได้ ต้องมีพ่อวัวด้วย”
อ่า เรื่องเยอะชิบ
เสียงกดออดหน้าบ้านให้ผมหันไปมอง ผมเดินออกไปหน้าบ้านเปิดจะทำการเปิดรั้วสงสัยจาคงมาแล้วแหละ เปิดประตูออกเผยให้เห็นใครบางคนที่ยืนอยู่หน้าประตู คิ้วขมวดมองอีกคนเพราะคนตรงหน้ามันต้องเป็นจาไม่ใช่…
“ไง วันนี้เป็นแม่วัวหรอ”
…เวย์
เสียงแจ้วๆของจิมมี่ยังคงดังเรื่อยๆ และจะดังมากกว่านี้ ภาพที่เห็นเรียกได้ว่าปวดหัวยิ่งกว่าเก่าก็เพราะตอนนี้เวย์พาเจ้าตัวแสบเล่นเล่นพิเรนทร์เลยล่ะ ทั้งหกสูง เครื่องบินหรือแม้กระทั่งปาดป้ายเอาเมจิกมาเขียนตามตัว เละเทะยิ่งกว่าเดิมอีก
“พี่เร็น มาเล่นด้วยกันจิ”
“พี่เหนื่อยอ่ะ ขอพักก่อนได้มั้ย”
“ง่า ก็ได้”
ปกติจิมมี่จะไม่ยอมง่ายขนาดหรอก เขาจะตื้อจนกว่ามีคนเล่นด้วยแต่ครั้งนี้ที่ยอมคงเป็นเพราะมีเวย์เล่นเป็นเพื่อนเลยยอมง่ายๆ หรือไม่ก็คงโดนอีกคนหลอก
ผมเอนกายพิงกับโซฟาด้วยความหนื่อยล้าจากงานก็ไม่ใช่ปวดหัวก็ไม่เชิง ไม่คิดว่าการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งจะสามารถสูบพลังกายมากขนาดนี้ ปิดตาลงปรับลมหายใจให้คงที่ในเมื่อเจ้าตัวแสบมีเพื่อนเล่นแล้วงั้นผมก็คงของีบก่อนพักเอาแรงก่อนละกัน แต่คงหวังว่าตื่นมาจะไม่เจออะไรที่ทำให้ผมตกใจนะ
way part
เกมกระดานเศรษฐียังคงดำเนินเรื่อยๆแต่อีกไม่นานก็คงจบแล้วล่ะ ผมนั่งจ้องกระดานเกมเศรษฐีก่อนจะหยิบลูกเต๋าขึ้นทอยผลออกมาเป็นเลข 12 ผมจัดการเดินหมากเมื่อถึงที่หมายผมก็จัดการยึดทรัพย์ของจิมมี่ทันที
“พี่เวย์ขี้โกงงงงง”
“พี่ขี้โกงตรงไหน”
“ไม่รู้ แต่พี่โกง”
เด็กหนอเด็กแพ้ก็ยังไม่ยอมรับอีก
จบเกมเกมกระดานก็คงต้องเก็บผมจัดการเก็บทุกอย่างให้เข้ากล่องเหมือนเดิมโดยมีจิมมี่ช่วยเก็บด้วย
“พี่เวย์ เป็นเพื่อนพี่เร็นหรอ” เสียงแจ้วเอ่ยถามผมเงยหน้าจากเกมกระดานมองเด็กน้อยตาแป๋วก่อนจะหันไปมองอีกคนที่ตอนนี้เหมือนจะหลับไปแล้วที่โซฟาพยักหน้าเป็นคำตอบให้เขา
“ใช่ พี่เป็นเพื่อน”
“รู้จักกันได้ไงอ่ะ”
“พี่เป็นเพื่อนของจาน่ะ ญาติเรานั่นแหละ”
ผมตอบเด็กอีกคนไป ผมรู้จักเร็นผ่านจาเราเจอกันตอนงานรับปริญญาของจา นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขารู้จักกันแบบรู้จักจริงๆ รู้จักชื่อรู้จักว่าใครเป็นใคร แต่ถ้าถามว่าเจอกันครั้งแรกที่ไหนก็คงตอบว่าเป็นตอนวันเกิดของเพื่อน เราเจอกันที่ผับแล้วเราก็เจอกันในห้องน้ำ ผมจำได้อย่างดีวันนั้นเร็นเมาและเหมือนจะโดนลวมลามแล้วก็เป็นผมที่ไปช่วยจากนั้นด้วยความเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์มันเลยทำให้เราพลาดมีเซ็กส์กัน
แต่เชื่อมั้ยว่ามันดีมากเลย ผมยังจดจำได้ทุกท่วงท่า กลิ่นของและความหวานนั่น มันดีจนผมลืมมันไม่ลงเลย
“แล้วพี่จาไปไหน”
“พี่จาไปทำธุระมาไม่ได้”
“งือ อดเจอเลย”
เด็กน้อยอวดครวญจะว่าไปนิสัยของจิมมี่ก็เหมือนจาเด๊ะๆนะ ไม่รู้ว่าจิมมี่ติดนิสัยจากจาหรือจาที่ติดนิสัยน้องมาแน่ ผมหยิบมือถือเพื่อดูเวลาเลขขึ้นโชว์ว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายกว่า สายตามองไปรอบๆจะว่าไปก็พึ่งสังเกตว่าทั้งจิมมี่และเร็นต่างก็ใส่ชุดเหมือนกัน ตอนแรกที่ผมเห็นเร็นในชุดนี้ก็แอบตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าคนนิ่งๆจะใส่ชุดมุ้งมิ้งค์แบบนี้ได้
“จิมมี่ ทำไมเรากับพี่เร็นถึงใส่ชุดนี้ล่ะ”
“เราเล่นแม่วัวลูกวัวกัน”
“แล้วพ่อวัวล่ะ”
“ไม่มี”
จิมมี่เอ่ยเสียงอ่อย แสดงว่ายังไม่มีพ่อวัวล่ะสิท่าหน้าหงอยเชียว
“พี่เป็นได้นะ พ่อวัวอ่ะ”
“ไม่ให้” จิมมี่ตอบเสียงแข็ง
“ทำไมอ่ะ พี่อยากเป็นนะ”
“พี่จาบอกว่าห้ามใครเล่นเป็นพ่อคู่กับพี่เร็นเด็ดขาด”
พอได้ยินคำตอบผมนี่แทบจะวิ่งไปทุบหัวคนที่น้องเอ่ยทันที หวงจังนะพี่ชายคนนี้เนี่ยขนาดตัวไม่ได้อยู่ยังมีฝากคนอื่นอีก
“แต่พี่อยากเป็นอ่ะ
“งื้ออออ ไม่ได้”
“ไม่สน พี่จะเป็น”
จิมมี่เริ่มงอแงทำปากเบะก่อนจะลุกวิ่งไปหาเร็นที่กำลังนอนอยู่โผเข้ากอดราวกับเด็กหวงของ ผมเห็นดังนั้นเดินตามไปก่อนจะแกล้งแหย่เจ้าตัวเล็กโดยการดึงจิมมี่อออกก่อนจะจับคนที่นอนหลับพิงอกแกร่ง แน่นอนว่าเด็กหวงของอย่างจิมมี่ไม่ยอมแน่ๆเขาพยามแกะมือหนาของผมออกแต่ด้วยแรงเด็กอันน้อยนิดไม่สามารถแงะมือผมออกจากอีกคนได้ แต่ดูเหมือนว่าจิมมี่ยังไม่ยอมแพ้จัดการปีข้ามตัวเร็นผลักด้านผมจนสุดแรงเกิดกลายเป็นว่าตอนนี้เราตีกันไปแล้ว
“ขี้โกงอ่ะ อย่าดันพี่ดิ”
“ออกไปนะ”
เหมือนการตีกันครั้งนี้จะทำให้อีกคนตื่น เร็นเริ่มขยับตัวหรี่ตามองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความงงและใบหน้าที่ยุ่งเหยิง เหมือนได้โอกาสที่คนพี่ตื่นคนน้องก็ทำการฟ้องทันที
“พี่เวย์แย่งหนู”
“แย่งอะไร”
“แย่งพี่เร็น”
เร็นฟังแล้วพร้อมกับขมวดคิ้วเหมือนจะยังงงกับเหตุการณ์อยู่ผมไม่รีรอให้อีกคนได้เอ่ยตอบจัดการรวบเอวแล้วซุกหน้าลงไล่เพื่อแกล้งเจ้าตัวเล็ก แน่นอนแหละการทำแบบนี้ผมได้กำไรและชนะเห็นๆ จิมมี่ร้องแงเสียงดังลั่นส่วนผมก็ได้สูดดมกลิ่นหอมจากตัวของอีกคน
เห็นป่ะ ผมชนะใสๆ
“จิมได้เวลานอนกลางวันแล้วนะ”
“งึ โป้ง”
พอเร็นทักเท่านั้นหน้าก็ง่วงขึ้นมาทันที จิมมี่หันมายกโป้งให้ผมกับหน้าง่วงนั่นพร้อมกับทำปากเบะ ผมยีหัวจิมมี่ด้วยความหมั่นเขี้ยวเด็กหนอเด็ก
ไม่นานเร็นก็เดินลงมาจากชั้นสองแต่ยังคงอยู่ในชุดแม่วัว?
“ภาพเมื่อกี้น่าจะถ่ายรูปเก็บไว้นะ”
“เพื่ออะไร”
“ป่าว ก็แค่ไม่เคยเห็นมุมนี้”อีกคนไม่ตอบดันอกผมให้ถอยห่าง
“เขินหรอแม่วัว”
ประโยคเรียกทำให้เร็นหันไปมองด้วยใบหน้าที่หงุดหงิดจะว่าไปก็นึกขึ้นได้ว่าเขาใส่ชุดวัวนี่อยู่ เร็นยกมือขึ้นรูดซิบเพื่อจะจัดการถอดผมเห็นดังนั้นจู่ๆมือมันก็ไปรั้งแขนของอีกคนอย่างอัตโนมัติ ความรู้สึกด้านในมันบอกว่ายังแยากเห็นเขาใส่ชุดนี้ต่อ ไม่อยากให้ถอดเพราะมันออกจะน่ารัก
“ปล่อย” เร็นเงยหน้ามองผมเราสบตานิ่งก่อนจะไล่สายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะยกยิ้มออกมา
เชี่ย น่ารักสัส
“ยิ้มอะไร”
“อยากกินนมวัว”
คำตอบที่ออกจากปากผมเหมือนจะทำให้อีกคนไปไม่เป็น ผมไม่รอให้อีกฝ่ายได้แย้งจัดการออุ้มอีกคนขึ้นวางที่เคาน์เตอร์ครัวทันที จัดการรูดซิปชุดวัวออกเผยให้เห็นชุดด้านในผมไม่ได้ถอดมันหมดแต่แค่แหวกมันออกเฉยๆ อ้อมมือสอดเข้าใต้กลุ่มผมฉกฉวยริมฝีปากของอีกคนไม่ให้ตั้งตัว ดันลิ้นหนาเข้าไปในโพรปากเพื่อสำรวจความหวาน ให้ตายเถอะพอเร็นในร่างแม่วัวแม่งโคตรจะน่ารักเลย ผมเปลี่ยนเป้าหมายไล่บรรจงจูบจากคอขาวไล่มาจนถึงหน้าท้องขาวที่ถกขึ้นโดยไม่ให้อีกคนรู้ก่อนจะขบลงไปเบาๆ
“อึก-”
แม่วัวที่ไม่ได้ทันตั้งตัวเผลอเปล่งเสียงร้องที่น่าอายออกมาประสานกับเสียงของน้ำลายที่กระทบของผิวหนังจนได้ยินได้อย่างชัดเจน มือหนาจัดปลดกางเกงด้านในออกโชคดีที่เป็นกางเกงยีนส์ทำให้สามารถปลดออกได้อย่างง่ายแม้จะมีชุดวัวบังอยู่ภายนอก
“อย่า-เดี๋ยวน้องได้ยิน”
“อืม พ่อวัวจะพยายามแล้วกัน”
ส่งมือซุกซนสอดเข้าไปใต้กางเกงที่อยู่ด้านใน ทันทีที่มือสัมผัสแม่วัวเผลอเปล่งเสียงน่าอายออกมาอีกครั้งเมื่อถูกเร่งเร้าอารมณ์ ความเร็วถี่ขึ้นเรื่อยๆไม่นานนมวัวที่ต้องการออกมา
“นมวัวออกมาเยอะแฮะ”
ผมจัดการยกขาของอีกคนก่อนจะเฉดชิมนมวัวที่ตัวเองรีดออกมา เสียงน่าอายคราวนี้ถูกเปล่งออกมาเรื่อยๆมือเรียวยกกุมผมของด้วยอารมณ์ที่มากมาย
มันทั้งดีและเยี่ยมยอดจนอธิบายไม่ถูก แม้เขาจะเคยมาหลายครั้งก็ตามแต่เหมือนนับวันมันจะยิ่งรู้สึกดีขึ้นเรื่อยๆ
หรือเขาเสพติดมันไปแล้วนะ
ผมเงยหน้าขึ้นช้อนมองที่คนที่นั่งอยู่ที่สูงกว่าไม่รู้ทำไมรู้สึกว่าวันนี้อีกคนน่ารักก็ไม่รู้หรือเป็นเพราะชุดแม่วัวมันถึงทำให้เขาน่ารัก ปากหนาจัดการรีดนมวัวที่ทะลักออกมาเรื่อยๆความหวานที่แอบคาวแต่กลับลงตัวกันอย่างพอดิบพอดีมันอร่อยจนหยุดไม่ได้เลย
“พ-พอ อื้อ!”
น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยแต่ร่างกายกับทำสวนทาง คงจะเป็นเพราะอารมณ์ที่ตอนนี้ห้ามยังไงมันก็ไม่หยุดแล้ว มือเรียวขยุ้มกลุ่มผมเอวบางขยับรับให้ผมสามารถรีดนมวัวได้ง่าย ไม่นานนมวัวล็อตใหม่ก็ออกมาอีกครั้งผมจัดการกลืนมันลงคอไปอย่างง่ายดายอย่างไม่รังเกียจ
“อย่ากลืน…มันสกปรก”
เคยมีคนบอกผมว่านมวัวถ้ากินจากตอนรีดสดๆมันจะอันตรายและอาจทำให้ท้องเสีย แต่ไม่ใช่กลับวัวตัวนี้…
“นมวัวตัวนี้แม่งโคตรอร่อยเลย”
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!