NovelToon NovelToon

เจ้าหญิง : มังกร | Dragon : Princess.. |

Ch. 1

| ตอน : กลับมาเกิดใหม่ |

++++++++

"ในปีที่ นักรบที่ 320 มนุษย์ได้ทำสงครามกันเอง... ผู้คนมากมายต่างล้มตายกันนับไม่ถ้วน

กองศพนับพันนับล้านกองทับถมกันกลายเป็นเนินภูเขาเลือดต่างไหลรินรวมกันกลายเป็น

สายน้ำ..."

มนุษย์ต่างเรียกสงครามนั้น! สงครามยุคมืด!!

จนในที่สุดสงครามก็ได้จบใน ปีนักรบที่ 500 สงครามจบสิ้นลงเหล่าจอมมารผู้เป็นต้นเหตุแห่งสงครามได้ตายจากไป บางคนก็หายสาปสูญ มีจอมมารบางคนที่หลบหนีกลับคืนสู่ ทวีปปีศาจ และหน้าประวัติศาสตร์ของ ปี นักรบก็ได้จบลง

ณ เวลานั้นเอง หน้าประวัติศาสตร์ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ' ปีมังกรที่ 1 ' นับแต่ในนั้นมา

ในดินแดนหนาวแห่งหนึ่งบนสุดขอบของแผนที่โลก..

พื้นที่ ที่เต็มไปด้วยหิมะที่ลอยผ่านอากาศหนาวแน็บ.. หลังจากจบสงครามยุคมืด

หลังจาก มหาสงคารยุคมือจบลงทวีปที่เต็มไปด้วยพื้นดินที่อุดมสมบรูณ์ก็ถูกย้อมไปด้วยหิมะตลอดปี

ผู้คนมากมายต่างอาคัยอยู่ได้โดยการปรับตัว ให้ตัวเองเอาชีวิตอยู่รอดได้...

ท่ามกลางพื้นที่มีแต่หิมะทับถมกันอยู่ทุกที่มองไปนั้น ก็มีเมืองหนึ่งตั้งอยู่

บนสุดขอบทวีปเหนือ ฟาเรียนา

แสงสว่างในเมืองสาดส่องออกไปทั่วทิศ..

ผู้คนในเมืองต่างเดินใช้ชีวิตราวกับเคยชินกับอากาศหนาว

ชื่อของเมืองนั้นคือ วินเทล

-----------

ในปีมังกรที่ 582..

เป็นปีที่มีอากาศหนาวจนถึงสุดขีด...

ลมหนาวพัดผ่านไปทั่วทั้งดินแดน...ทวีปเป็นช่วงฤดูหนาวที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา

ผู้คนมากมายต่างล้มป่วย เหตุเพราะมาจากอากาศหนาวที่รุนแรงกว่าทุกปี

พวกเขาไม่เคยแม้จะเคยพบกับลมหนาวเช่นนี้มาก่อน

มันไม่เพียงแต่ลมหนาวที่สัมผัสได้เท่านั้น ใครก็ตามที่ออกจากมาด้านนอกรับลมหนาวที่พัดอยู่ก็เริ่มเจ็บปวดกันไปหมด

ในไม่ช้า ผู้คนในเมืองวินเทล ต่างล้มตายกันเพราะอากาศหนาวไปที่ละคนสองคนเรื่อยๆ

มันเป็นปีที่ ลำบากที่สุดตั้งแต่มีเมืองแห่งนี้มา

ผู้คนในเมืองต่างภาวนาให้ลมหนาวในตอนนี้พัดหายไปให้เร็วที่สุดได้เท่านั้น!!

พวกเขาหวังเพียงไม่ให้ตัวเขาในตอนนี้ตายจากไปในอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้..

หรือให้ผู้คนที่รักของตนเองต้องตายไปอย่างทรมาน!!

----------

ใจกลางเมือง....

เป็นสถานที่ตั้งของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง.. มันเป็นคฤหาสน์ที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

แม้ลมหนาวจากภายนอกจะพัดแรงแค่ไหน ก็ไม่อาจทำให้คฤหาสน์แห่งนี้เป็นอะไรได้

พวกคนด้านในต่างมองออกไปข้างนอก มีหญิงสาวคนหนึ่ง

เธอมีรูปร่างหน้าตาที่ดูสวยเธอช่างเป็นหญิงที่ดูมีอายุระดับหนึ่ง!

เธอมีสีผมสีทองปนสีขาวสว่างทุกครั้งที่สะท้อนกับแสงไฟ ดวงตาของเธอเป็นสีดำ ผิวเธอซีดแห้งเหมือนกับคนที่โดนแวมไพร์ดูดเลือดออกจากร่างเกือบหมด

เธอนั่งอยู่เตียงขนาดใหญ่.. จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างที่ตั้งอยู่ข้างๆตัวเธอ

ดวงตาเธอเหม๋อลอยออกไปในที่ใดแห่งหนึ่ง..

สีหน้าเธอเหมือนกับรอใครบางคนให้กลับมา

มือก็จับไปตรงท้องของเธอที่ใหญ่

ท้องของเธอตอนนี้มันใหญ่ ผิดแปลกไปจากผิวหนังตัวเธอในตอนนี้ที่แบนราบจนเกือบเห็น

กระดูก..

ตอนนี้เธอท้องอยู่นั้นเอง..

ในขณะที่หญิงสาวกำลังลูบท้องตัวเองไปมาอยู่นั้นเอง

เสียงประตูก็ดังขึ้น มีใครบางคนเคาะประตู...

"คุณหนู.... ได้เวลากินข้างแล้วค่ะ"

—เสียงหญิงสาวบ้างคนดังขึ้นจากด้านหลังประตู เธอพูดออกมาด้วยเสียงดัง

จนแม้หญิงสาวที่นั่งบนเตียงยังได้ยินอย่างชัดเจน

เธอไม่แม้จะตอบกลับไป ไม่แม้จะเปิดปากออกมา

เธอได้แต่มองไปทางต้นทางของเสียง

และก็หลังหน้ากลับไปที่หน้าต่างคู่เดิมที่มองอีกครั้งอย่างกลับเสียงดังกล่าวที่ได้ยิน

ไม่เคยได้ยินขึ้น...

----------

9 เดือน...กำหนดเวลาคลอด

ลมหนาวในตอนนี้ก็ยังแรงเหมือนเช่นเดิม...

หญิงสาวในตอนนี้ก็ยังมองไปยังหน้าต่างเดิมเช่นเคย ต่างจากครั้งก่อน

คือเธออยู่ในสภาพนอน มองไปยังหน้าต่างที่มีสีขาวของหิมะผ่านหน้าต่างไปมาอยู่อย่างงั้น

ในตอนนี้ท้องเธอโตเต็มวัยแล้ว ท้องเธอใหญ่ขึ้นจนพร้อมจะใกล้คลอด

ในไม่ช้านี้..

แต่แล้วจู่ๆก็มีเสียงประตูเปิดดังขึ้น.. พร้อมกับชายในชุดเกราะคนหนึ่งเดินเข้ามา..

ชุดเกราะของเขาอยู่ในสภาพที่เละเทะไปหมด.. เหมือนกับคนผ่านสงครามมาไม่นาน

ชายหนุ่มเขาเดินตรงมาที่หญิงสาวนอนอยู่

หญิงสาวและชายหนุ่มจ้องมองกัน สายตาทั้งคู่มองกัน

น้ำตาของทั้งคู่ต่างไหลรินออกมาโดยไม่มีคำพูดใดๆออกมาโดยสักคำ

จนในที่สุดชายหนุ่มก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูสั่นไหว

"มารีน"

"เลย์" —หญิงสาวกล่าวตอบ

ชายหนุ่มจับไปตรงมือของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ

ชายหนุ่มเขาจูบลงไปที่มือหญิงสาวผู้เป็นอันที่รัก ด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่หยุด

"ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องรอ ผมทำให้คุณรอผมนานเหลือเกิน ผมคิดถึงคุณ"—

ชายหนุ่มพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่เหมือนคนพูด แม้จะไม่ค่อยออกแต่หญิงสาวก็ยิ้มรับคำพูดนั้นของชายหนุ่มอย่างใจจริง

ชายหนุ่มจับไปตรงท้องของมารีน

ทั้งคู่มองหน้ากัน ใบหน้าทั้งคู่เต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมา

"ลูกรอเราอยู่!!"

—มารีนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนล้าไม่ไหวต่อไปแล้ว

มารีนเธอก็ร้องออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด!!

"โอ้ยยย...เจ็บ"

เลย์รับรู้ได้โดยทันที ว่าลูกเขาในตอนนี้พร้อมจะออกมาแล้ว

"ไปตามหมอมา"

—ชายหนุ่มได้เพียงแต่ตะโกนออกไปด้วยน้ำเสียงที่ดังสนั่น...

ในเวลาไม่ถึง 10 วิ

ก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาในห้องโดยทันที เขาคือหมอนั้นเอง

หมอเข้ามาข้างๆของมารีนที่นอนในทันที

ในตอนนี้เลย์ที่เป็นสามีเธอนั้นได้หลบทางให้หมอ ไปยืนอยู่มุมหนึ่งของห้อง

ช่วงเวลาค่อยๆไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปไม่นานก็มีสาวรับใช้อีก 3 คนเข้ามาเพื่อเป็นผู้ช่วยหมอ

พวกเขาต่างจับไปตัวของมารีน ให้เธอไม่ดิ้นไปมาจากความเจ็บปวด และเริ่มการคลอดทารกในทันที

เสียงกริ๊ดร้องของมารีนดังขึ้นไม่ขาดสายนับตั้งแต่นั้น

เสียงได้ส่งผ่านเส้นทางเดินไปทั่วทั้งคฤหาสน์

จนในที่สุดเวลาก็ล่วงเลยไปได้สักพักใหญ่

เสียงกริ๊ดร้องของมารีนก็เงียบหายไปแล้ว..

ภายในห้องนั้น มีเพียงเสียงเด็กทารกที่ร้องออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาอยู่ในอ้อมกอดของหมอ

และก็เงียบลงไปในที่สุด

เสียงการเต้นของหัวใจของเด็กทารกหยุดลง ในตอนนี้เด็กทารกไม่หายใจแล้ว

คนเป็นพ่อได้เพียงแต่เดินเข้ามาด้วยขาที่สั่นใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความตกใจ

ใจของผู้เป็นพ่อได้แตกสลาย!! ลงไปในพริบตา

เหมือนโลกทั้งใบของเขาแตกสลาย ในมือของเขาตอนนี้กำลังถือร่างเด็กน้อย

ที่ทั้งเบา ถึงขนาดที่เกราะตามตัวที่ใส่ตอนนี้ยังหนักกว่าเด็กทารกในมือเสียอีก..

เลย์ไม่แม้จะร้องออกมา

ต่างจากคนเป็นแม่ เธอนอนหายใจโรยริน..

เสียงหายใจเธอราวกับคนที่วิ่งมากว่ามาเสียงพูดเธอชั่งอ่อนล้าจนถึงสุดขีด

"เลย์ ลูกของเรา!!!"

—เธอมองไปยังหน้าของสามีของเธอ.. เธอรับรู้ได้ผ่านหน้าของสามีของเธอ

แม้จะไม่ได้พูดออกมาเป็นคำพูดแต่ทั้งคู่ก็รับรู้ได้ทันที

หัวใจของผู้ให้กำเนิดแทบแตกสลาย ร่างกายในตอนนี้แทบรับไม่ไหว...

"ขอฉัน... ดูหน้าเธอหน่อย!"

—มารีนกล่าวขึ้น เธอรับเด็กน้อยเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเธอเอง เด็กทารกเพศหญิงนอนอยู่ในอ้อมกอดมารีนที่ไม่มีแม้เสียงร้องของเด็กทารก ไม่มีการหายใจตัวเย็นเหมือนอากาศภายนอกที่กำลังพัดอยู่อย่างบ้าคลั่งในตอนนี้

เธอมองเด็กทารกอย่างมีความหวัง ความหวังที่ว่าเด็กน้อยจะมีชีวิตที่ดีหากได้มีชีวิตจริงๆ

ผู้เป็นแม่ได้ลุกขึ้นมาในท่านั่ง เธอได้อุ้มลูกสาวของตัวเองในมือเธอ

หน้าตาเธอเต็มไปด้วย ความรู้สึกมากมายเต็มไปหมด มีทั้งความเศร้าทุกข์ผสมปนกันไป

"ลูกแม่...ได้โปรด"

ในใจลึกๆของผู้เป็นแม่ได้เพียงแต่หวังจะมี ความหวังเท่านั้น ความหวังที่ว่าเด็กน้อยจะลืมตาขึ้นและร้องอย่างเด็กคนอื่น น้ำตาของผู้เป็นแม่ได้เริ่มเอ่อล้นออกมากอดร่างของเด็กทารกที่ไร้วิญญาณอยู่อย่างงั้น..

-------------

ณ สถานที่แห่งหนึ่งที่ห่างไกลจากดินแดนหนาวเย็น

ได้มีก้อนพลังงานบางอย่างลอยอยู่บนอากาศ

มันตั้งอยู่ในดินแดนที่เต็มไปด้วยความแห้งแล้ง มันลอยอยู่เหนือผู้คนมากมายที่ยืนมองมันอยู่

"นี้ก็ สามวันแล้วมันใหญ่ขึ้นรึเปล่า"

—ชาวบ้านคนหนึ่งกล่าวขึ้น

"ใช่ เหมือนจะใหญ่ขึ้นกว่าเมื่อวานเลย"

—ชาวบ้านอีกคนก็พูดต่อจากคนก่อน

"มันคืออะไรกันนะ..."

—เสียงชาวบ้านในฝูงชนที่ยืนมองอยู่พูดขึ้นมา

เสียงคำพูดมากมายและคำถามต่างๆ ต่างพูดขึ้นทุกคนต่างประหลาดใจกับก้อนพลังงาน

ปริศนา...

ในทันทีนั้นเอง ก็เกิดสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น!

ก้อนพลังงานปริศนาค่อยๆขยายใหญ่ มันใหญ่ขึ้นรวดเร็วในชั่วพริบตาแสงจากดวงอาทิตย์ก็ได้ถูกบดบังจากก้อนพลังงานที่ในขณะนี้ใหญ่ขึ้น

"เห้ย... มันใหญ่ขึ้นเกิดอะไรขึ้น"

"เห้ยมันจะระเบิดแล้วแน่เลย"

"อะไรนะระเบิด"

"ไม่ผิดแน่"

—เสียงดังมากมายพูดขึ้น ชาวบ้านที่ยืนดูต่างตื่นตัวกันจนสุดขีด พวกเขาเริ่มขยับตัว

แทรกแซงกันไปมา ในขณะที่

ก้อนพลังงานใหญ่ได้ย้อมช่วงเวลากลางวันให้กลายเป็นเวลากลางคืน

ในชั่วพริบตา...

และแล้วในที่สุด

ก้อนพลังงานได้ระเบิดขึ้น!!

แรงระเบิดได้ส่งผ่านไปยังทั่วทุกทวีป ทุกมุมโลก

มันได้ไปกระตุ้นช่องว่างระหว่างมิติขึ้น รอยร้าวของมิติได้ถูกเปิดขึ้นไปทั่วโลก...

ในดินแดนที่แห้งแล้ง ดินแดนที่เต็มไปด้วยป่าไม้ ดินแดนฝน และดินแดนแห่งความหนาวเย็น!

ได้มีก้อนแสงอะไรบางอย่างหลุดออกมาช่องว่างของมิตินั้น มันลอยออกมาจาก

ช่องมิติที่เปิดขึ้น ในดินแดนแห่งความหนาวเย็น..

และก็พุ่งหายไป

---------------

#ต่างโลก

ณ... เมืองแห่งหนึ่งที่ดูมีความเจริญรุ่งเรือง

มีตึกสูงมากมายถูกตั้งอยู่ไปหมด รถไฟฟ้าที่วิ่งไปมา ผู้คนที่เดินผ่านถนนที่มีรถจอดรอให้คนข้ามผ่านนับ 10 คัน..

ได้มีชายคนหนึ่งวัย 30+ กำลังเดินข้ามทางม้าลายอยู่

ในหูเขากำลังใส่หูฟังอยู่ เขาเดินไปพร้อมกับฟังเพลงไปด้วย

ชายหนุ่มรู้สึกชิวและผ่อนคลายปากก็ร้องเพลงไปด้วยระหว่างเดิน

เขาเดินผ่านทางม้าลายเดินผ่านผู้คนมากมายที่เดินสวนทางไปมา

เดินตรงไปที่แห่งใด แห่งหนึ่ง..

ชายหนุ่มเดินไปเรื่อยๆจนมาหยุดตรง...

หน้าร้านแห่งหนึ่ง ร้านอาหารญี่ปุ่น

ชายหนุ่มไม่รอช้าเก็บหูฟังเข้ากระเป๋าที่พกมาเช็คดูเวลาที่ตอนนี้เป็นเวลา 17:00 พอดี

ชายหนุ่มเดินเข้าไปในร้านในทันที

ภายในร้านมีขนาดแคบพอให้คนเดินสวนกันเล็กน้อย!

สภาพร้านดูเป็นร้านที่ไม่ได้มีระดับอะไรมากมาย ดูเป็นร้านเป็นปลายแถวทั่วๆไป

มีคนสามคนไม่รวมชายหนุ่มนั่งอยู่

พวกเขากำลังกิน อะไรบางอย่างอยู่ มันคือแกงกระหรี่นั้นเอง

เมื่อคนในร้านเห็นชายหนุ่มเดินเข้ามา ต่างมองหน้านั้นพร้อมๆกัน

พวกเขาต่างไม่พูดอะไรใส่กัน มีเพียงชายหนุ่มส่งรอยยิ้มออกมาเบาๆ

"มาช้านะ ไอ้บ้านี่!!"

—ชายหนุ่มคนหนึ่งที่นั่งอยู่สุดแถวพูดขึ้น ในปากก็ยังเคี้ยวข้าวอยู่

"โทษที... พอดี—"

—ชายหนุ่มกล่วขึ้นยังไม่ทันจบประโยค

ก็มีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น

"ช่างเถอะ นั่งลงได้แล้วจะกินอะไรล่ะ"

—หญิงสาวคนก่อนคนสุดท้ายกล่าวขึ้น..

"อ่อ.. งั้นเอาเหมือนกันก็ได้ครับ"

ชายหนุ่มพูดขึ้นเพราะเหมือนจะคิดอะไรไม่ออก...

"โอเค ได้เลย!!!"

เถ้าแก่ร้านตอบรับคำพูดนั้นของเด็กหนุ่ม... ในมือก็เริ่มทำอาหารแล้ว!

"นายมาสายนะ เลี้ยงด้วย ไอ้เวร!"

—หญิงสาวคนหน้าสุดเธอกล่าวขึ้น...

ดูใบหน้าเธอตอนนี้เหมือนจะโกรธสุดๆไปเลย

"ขอโทษจริงๆ..."

—ชายหนุ่มไม่แม้จะตอบโต้งอะไรเธอ ได้เพียงแต่ก้มตัวลงขอโทษเธอด้วยความนอบน้อมเท่านั้น

เมื่อหญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็ได้เพียงแต่นั่งนิ่ง ใบหน้าที่ดูโกรธก็ค่อยๆสงบลง!!

"ก็ได้ ถ้าวันเกิดฉันครั้งหน้านายช้าอีกตายแน่!"

—หญิงสาวกล่าวขึ้น...

ดูเหมือนในวันนี้ที่พวกเขารวมตัวกันจะมาจากเนื่องในโอกาสวันเกิดเพือนของชายหนุ่มนั้นเอง

เด็กหนุ่มที่ยืนอยู่นั้นมีชื่อว่า เคน อายุ 32

ปัจจุบันเป็นบรรณารักษ์ในห้องสมุดแห่งหนึ่ง

เป็นอาชีพที่คนทั่วไปมองว่าน่าเบื่อสุดๆ แต่สำหรับเคนนั้น เป็นอาชีพในฝันของเขาสุดๆเลย

ส่วนหญิงสาวที่โกรธเขาคือ ไอรีน อายุ 32

เธอเป็นคนที่ปากจัดที่สุดในกลุ่มเพือนทั้งสี่คนรวมเคนไปด้วย

ปัจจุบันเธอเป็นครูสอนคาราเต้.. ในอดีตเธอเคยเป็นทีมชาติมาก่อนได้เหรียญทองมามาก

แต่ด้วยการที่เก่งไปและเบื่อเลยผันตัวมาเป็นครูฝึกสอนแทน!!

"นั่งลงได้แล้ว"

เสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้น สติของเคนที่หลุดลอยไปก็เริ่มเข้าที่ เคนเขามองไปที่หญิงสาว

คนนั้นเธอนั่งต่อไปจากไอรีนนั้นเอง

เคนเขานั่งลง มองไปยังหญิงสาวคนนั้น

เธอคือ เมษา อายุ 30

เป็นคนที่อายุน้อยที่สุดในกลุ่มเห็นอายุน้อยแบบนี้ แต่เธอกลับเป็นเหมือนแม่ใหญ่ของกลุ่ม

เลยก็ว่าได้เธอมักจะเป็นที่พึ่งที่ดีให้กับคนในกลุ่มสุดๆ ทั้งในด้านการปรึกษา

ด้านหัวใจ แม้กระทั้งด้านงานที่ทำ

ปัจจุบันเธอเป็นนักวาดรูป ที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงแต่ก็พอมีเงินใช้จ่าย..

เธอเป็นคนที่สงบนิ่งที่สุดในกลุ่มของเราแล้ว!!

เคนเขาคิดเช่นนั้น!!

"อาหารเสร็จแล้วครับ"

เถ้าแก่ร้านพูดขึ้นในมือก็ถือจานอาหารส่งให้เคน!!

เคนรับจานอาหารมา เขาวางมันลงบนโต๊ะพร้อมกับหยิบช้อนออกมา..

"รีบๆกินซะวันนี้เรามีต่อนะ "

—เสียงของชายหนุ่มดังขึ้น..

เคนที่ได้ยินแบบนั้นก็มองไปยังชายหนุ่มสีหน้าของเขาตอนนี้มันบอกออกมาเป็นคำพูด

เลยว่า เข้าใจแล้ว

ชายหนุ่มดังกล่าวที่เห็นแบบนั้นก็ไม่พูดอะไรต่อ ได้เพียงแต่ทำหน้าตอบกลับว่า โอเค

เขาคือ มีน อายุ 32 อาชีพคือนักแข่งรถในสนาม เขาเป็นคนที่ดูเลือดร้อนที่สุดในกลุ่ม

ดูหน้าตาหาเรื่องสุด แต่หากได้รู้จักเลยว่า ไอ้หมอนี่มันแผนสูงชะมัด..

ทุกครั้งที่จะทำอะไรก็มักจะมีผลประโยชน์ตลอดแม้แต่เพือนก็ไม่เว้น...

แต่ถึงอย่างงั้นมีนก็กลับเป็นคนที่ใส่ใจเพือนสุดๆ!!...

---------

หลังจากนั้นพวกเคนก็กินข้าวกันจนเรียบร้อย!!

ทั้งสี่คนเดินเข้าร้านคาราโอเกะไปนานกว่าสามชั่วโมงและกลับออกมาในสภาพ

เมากันหมด ทั้งสี่คนกอดคอกันเรียงเป็น เมย์ซ้ายสุดต่อมาก็เคนมีนและก็ไอรีน

"ให้ตายเถอะสนุกเป็นบ้า!! ไปต่อไหนดี!"

—มีนกล่าวขึ้น สภาพตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับขี้เมาสุด พร้อมที่จะอ้วกแตกได้ทุกเมื่อ

หากไม่ได้เพือนๆประคองไว้มีหวังนอนกลางถนนแน่นอน...

"ฉันกินไม่ไหวแล้ว หัวมันหมุนไม่หยุดเลย"

—เสียงของเคนกล่าวขึ้นตอบมีน สภาพของเคนก็ไม่ต่างอะไรจากมีโดยสิ้นเชิง

เพียงแต่ว่าดีขึ้นมาหน่อยตรงที่เคนดื่มไปน้อยกว่ามีน ทำให้สภาพเขาเมาน้อยกว่ามีน

เพียง 30 %

"ให้ตายเถอะพวกนายมันคออ่อนชะมัด!!"

—เสียงหญิงสาวบางคนกล่าวขึ้น เสียงเธอหนักแน่นสุด ไอรีนนั้นเอง

ในขณะดื่มไอรีนเป็นคนที่กินเยอะสุด แต่สภาพเธอในตอนนี้

ถึกสุดๆ ไม่มีสภาพของคนเมาเลยสักนิด เพียงแค่ขาเดินเอี้ยงหน่อย แต่คนที่ประคองเพือนๆ

ทั้งหมดก็คือไอรีน..

"...."

เสียงใครบ้างคนกำลังส่งเสียงหลับฝันดีออกมา

เคน,มีน,ไอรีน ต่างก็มองไปที่เจ้าของเสียงนั้นในโดยทันที

เมย์นั้นเอง.. ในตอนนี้สภาพเธอไม่ต่างอะไรกับคนเมาจนหลับไปแล้วด้วยซ้ำ

ขาของเธอลากมากับพื้นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ รอยลากยาวสุดๆ

"อย่าบอกนะหลับตั้งแต่เริ่มออกมา"

—เสียงเคนกล่าวขึ้น...

คนอื่นคงกินแล้วเมาสำหรับ ยัยนี้คงกินแล้วหลับสินะ!!

เคนคิดในใจ ทั้งแต่รู้จักกันมา เมย์เป็นคนที่กินน้อยสุด จนเหมือนจะเป็นหน่วย

กู้ซากเหล่าคนเมาเท่านั้น แต่เพราะมันเป็นงานวันเกิดไอรีน จึงเป็นครั้งแรกที่เห็นเมย์เธอปล่อย

สุดขนาดนี้ สุดจนหลับปุ้ยฝันดีสุดๆ

"อยากกิน...น้ำผึ้งจัง"

—เสียงเมย์ที่ฝันละเมอพูดออกมา ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับกระสอบชัดๆ

"ให้ตายเถอะ ยัยนี้ใส่สุดกว่าเจ้าของงานอย่างฉันอีก หลับไม่สนใจกันเลย"

—คำพูดของไอรีนกว่าขึ้นต่อประโยคของเมย์

แม้เมย์จะพูดออกมาไม่รู้ตัวในตอนนี้ แต่ก็เป็นความจริงที่ว่า เมย์เธอเองก็มุมที่เพือนๆไม่เคยเห็น

เช่นเดียวกัน!!..

-------

ในระหว่างนั้นเองทั้งสี่คนก็เดินไปเรื่อยๆ นานหลายชั่วโมง

จนไปถึงสี่แยกไฟแดง.. ที่ดึกมากแล้วไร้ผู้คน

รถผ่านไปมาน้อย

ทั้งสี่คนยืนอยู่ตรงหน้าทางม้าลาย แม้จะไม่มีคนก็ตามแต่ก็ไม่ควรที่จะข้ามไป

เพราะในตอนนี้ ไฟสัญญาแจ้งไว้อย่างชัดเจนคือสีแดง

ทั้งสี่คนที่หลับไปแล้วหนึ่งคนรู้ดีว่า ถ้าตัวเองเมาขนาดนี้ ก็ต้องทำตามกฏระเบียบ

ทั้งสี่ยืนกอดคอกันอยู่ตรงนั้นอีกฝั่งหนึ่ง..

-----

อีกฝั่งหนึ่งของสี่แยกไฟแดง มีเด็กผู้หญิงสองคนใส่ชุดนักเรียนกำลังยืนอยู่กับชายสามคน

เธอทั้งสองยืนอยู่ท่ามกลางชายสามคนที่ยืนชิดตัวพวกเธออยู่...

โดยมีสายตาของเคนจ้องมองเหตุการณ์อยู่ไกลๆ

"ช่วยถอยห่างด้วยค่ะ!!"

—หนึ่งในเด็กสาวในชุดนักเรียนกล่าวขึ้น..

ตัวเธอนั้นพยายามขัดขืนพวกผู้ชายสุดตัวที่พยายามจับแขนเธอ

แต่ดูเหมือนพวกผู้ชายจะมีแผนมาดีพอสมควร.. พวกเขาประชิดตัวเธอมาขึ้นราวกับ เรื่องที่ทำนี้

พวกเขาทำจนชำนาญแล้ว..

"จะรีบไปไหน...มาสนุกด้วยกันก่อน.."

—หนึ่งในชายที่ล้อมตัวตัวพวกเด็กสาวกล่าวขึ้น

เขายืนอยู่ตรงกลาง..มือของเขาจับตรงไปที่แขนเด็กหญิงที่ยืนอยู่ขวามือของเขา

"ปล่อยนะ"

—เด็กหญิงสะดุ้งตัวขึ้น เธอทำท่าไม่พอใจสุดขีด...

สายตาเธอมองขึ้นไปหาชายหนุ่มที่จับแขนเธอ

เพื่อบอกกับเขาอย่างชัดเจนผ่านสายตาแล้วว่า.. ถ้าไม่ปล่อยจะร้องให้คนช่วย

แต่มีหรือชายหนุ่มนั้นจะกลัว..

เขาเริ่มที่จะจับต่ำลงไปอีก..

เมื่อเห็นท่าไม่ดีแบบนั้น เพือนสาวก็พยายามจะช่วย

เพือนเธอที่ตอนนี้กำลังถูกลวนลาม..แบบเดียวเช่นกัน

แต่มันก็สายไปแล้ว.. ชายที่ยืนตรงหลังเธอจับตัวเธอไว้แน่น..ปิดปากแน่นไม่ให้ส่งเสียงร้องออกไป

แม้ว่าเพือนสาวพยายามดิ้นเท่าไหร่ก็ดิ้นไม่หยุด

เธอได้เพียงแต่มองเห็นเพือนตัวเองกำลังจะโดนลวนลามในใจก็รู้สึก

แย่.. ทำอะไรไม่ได้เลย รู้สึกไร้ค่าสุดๆ

แต่ในตอนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านั้นแล้ว...

เสียงตบก็ดังขึ้น..

ใบหน้าของชายคนกลางก็แดงขึ้น พร้อมกับรองเท้าที่ตกลง

รองเท้าของผู้หญิงได้ตกลงสู่พื้น พร้อมกับเจ้าของรองเท้าที่เดินเข้ามาพร้อมกับไฟสีเขียวที่ส่งสัญญาณให้ข้ามผ่านทางม้าลายได้

"นี้แก!!"

—ชายที่โดนรองเท้าเข้าที่หน้ากล่าวขึ้น อารมณ์ตอนนี้เดือดสุดๆ ในมือก็ล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า

"ทำไม ถ้าแกบังอาจอีกฉันจะตัดคอแกทิ้งซะ"

—เสียงของหญิงสาวเจ้าของรองเท้ากล่าวขึ้น ใบหน้าของเธอแดงก้ำสุด ไอรีน นั้นเอง

ชายหนุ่มในตอนนี้เขารู้สึกเสียศักดิ์ศรีสุดๆ

เพื่อจะกู้หน้า ชายหนุ่มยกมือขึ้นในมือถือใบมีดสั้นไว้อยู่

หวังแทงลงไปที่เด็กสาวที่อยู่ใกล้ที่สุด เด็กสาวที่รับรู้ได้แบบนั้นได้เพียงแต่หลับตาเพราะรู้ว่าตัวเองไม่อาจหนีได้แล้ว

"ทำอะไรของแก!!"

—เสียงปริศนาดังขึ้น พร้อมกับแขนของใครบางคนที่จับมือชายหนุ่มไว้ไม่ให้แทงลงไปที่เด็กสาวนั้น เคน อยู่ยืนอยู่ด้านหลังชายหนุ่ม

เมื่อเห็นแบบเด็กสาวได้ลืมตามองไปยังเคน ผู้ชายชีวิตตัวเองไว้

"เห้ย"

เสียงของไอรีนดังขึ้น เธอวิ่งเข้ามาด้วยสภาพที่เมา แตะไปที่ขาของคนข้างชายหนุ่มที่เคนจับแขนไว้อยู่อย่างรวดเร็ว

เคน ได้เพียงอยู่แต่ยืนมองชายคนในมือมีมีดอยู่ เขาตัวเตี้ยกว่าเคนที่สูงถึง 190 สายตาเขามองสูงขึ้นไปดู เคน ที่ดวงตาดูดุร้ายเหมือนสัตว์ประหลาดขาสั่นกลั่วไปหมด มีดในมือก็สั่นไปมาพร้อมๆกับขา

"ทำอะไรของแก!!"

—เคนกล่าวขึ้นพลางบีบมือของชายหนุ่ม จนมีดหลุดมือเขาไป

"ฉันถามว่าแกจะทำอะไร"

—เคนผู้สูงสง่าถามขึ้นอีกครั้ง!! เขาจ้องมองไปยังชายที่ไม่มีมืออยู่ในมือเขาแล้ว

พร้อมกันนั้นแสงไฟสีเขียวก็กลายเป็นสีแดง!!

เคนบีบมือของชายหนุ่มแรงขึ้น แรงขึ้นเรื่อยๆ

"โอ๊ยย!!"

ชายหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่วิ่งผ่านมาจากมือที่ถูกบีบรัด!!

ในใจของเขาคิดเพียงว่า

แรงเยอะเกินไปแล้ว มือจะหักแล้ว

เมื่อเห็นแบบนั้นเหล่าเพือนในแก็งชายลามกก็ยืนดูเพือนเจ็บปวดไม่ไหว

คนที่อยู่ด้านซ้ายของเคนพุ่งเข้ามาหวังจะช่วยเพือน

"แกเดี่ยวก็...—"

—เสียงคำพูดยังไม่ทันได้เอ๋ยปากได้จบประโยค เท้าของใครบางคนก็ซัดหน้าของชายหนุ่มที่หวังจะช่วยเพือนเต็มๆ

เสียงดัง ตุ๊บดังขึ้นกลางหน้าของชายหนุ่มหมายเลขสองทันที

ร่างที่ยืนตรงล้มลงไปไม่เป็นท่าในทันทีพร้อมกับหน้าที่สัมผัสกับพื้น

เขานอนสลบตรงนั้น...

ท่ามกลางสายตาของคนที่เห็นเหตุการณ์

เจ้าของเท้าที่พุ่งมาคือ ไอรีน ครูสอนคาราเต้นั้นเอง

เธอแตะเขาไปที่หน้าของชายหื่นอย่างจังโดยไม่สนใจอะไร

"สวะ"

—มันเป็นคำพูดเพียงคำเดียวที่หลุดออกมาจากปากเธอ

ตอนนี้อารมณ์เธอสูบฉีดเต็มกำลังสุดๆ

เสียงรองเท้ากระทบกับพื้นดัง กร๊อบ

เหล่าคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างยืนนิ่งไม่ขยับตัวกันแม้สักคน

แม้แต่ เคนที่เป็นเพือนของเธอก็ยืนนิ่งไปกับเขาด้วย

ยัยนี่แค่ใจว่าเมาจริงงั้นเหรอ ไม่ใช่ชัดๆ โกหกชัดๆ

—ในใจเคนกล่าวร้องออกมาแบบนั้นหลังจากเห็นไอรีนแตะคนสลบไปได้หนึ่งด้วยสภาพที่ยังเมาอยู่

ในความจำของเคนที่มีต่อลูกแตะของไอรีนนั้น..

แม้จะเคยเห็นมันบ่อยจนชินแล้ว จากการฝึกซ้อมจากการแข่งและจากการใช้ให้เหล่าลูกศิษย์เธอดู

แต่เคนกลับไม่รู้สึกมันจะน่ากลัวไม่เคยเปลี่ยน

นี้เธอไปโกรธใครมากันเนี้ย

—ในใจความที่เคนอยากจะสื่อออกไปให้ไอรีนเธอได้ยินหลังจากเห็นลูกแตะนั้นแล้ว

แต่ก็ชั่งเถอะ ตอนนี้ควรจัดการเรื่องข้างหน้าเสียก่อน..

เมื่อคิดได้เช่นนั้น

เคนก็สะบัดแขนของชายหนุ่มหมายเลขหนึ่งไปไว้ข้างหลังของตัวชายหนุ่มเอง

"โอ๊ยๆๆ เจ็บแขนจะหัก"

เสียงร้องเจ็บปวดถูกพูดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้คงจะเจ็บจริงนั้นล่ะเหมือนว่าจะได้ยินเสียง

กระดูกหักออกมานิดหน่อย.. แต่นี้ก็เป็นสิ่งที่สมควรจะได้รับหากทำตัวสวะแบบนี้แล้ว

เคนเหวี่ยงชายหนุ่มเลขหนึ่งขึ้นอีกครั้ง.. ชายหนุ่มร้องออกมาด้วยความเจ็บและในเวลาเดียวกันนั้นเองเคยก็ปล่อยชายหนุ่มออกผลักตัวให้ล้มลงไปกองพื้น

ชายหนุ่มนอนล้มลงไปกับพื้น สภาพตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรกับคนที่หมดสภาพสุดๆ

เคนเห็นแบบนั้นก็หันกลับไปฝั่งขวาของเขาเพื่อจะจัดการอีกคน แต่..

กลับไม่ทันแล้ว..

ชายหนุ่มหมายเลขสามคุกเขาลงแล้ว

ด้านหลังเขามีชายบางคนกำลังยืนจับไหล่ชายหนุ่มอยู่

ด้านหน้าเขาคือ มีน ที่ยืนอยู่

พร้อมกันนั้นก็พยุงเมย์ที่สติเริ่มกลับมาแล้ว..

เพราะเหตุนั้นเรื่องก็จบลงได้ด้วยดี..

หลังจากเกิดเหตุการณ์...

เวลาก็ผ่านไป 30 นาทีเสียงไซเรนดังสนั่นขึ้น รถตำรวจนั้นเอง รถตำรวจได้มาถึงที่เกิดเหตุ

เหล่าชายลามกทั้งสามถูกจับยัดใส่รถไปในสภาพไม่ตอบโต้งอะไรทั้งนั้น

พวกเขาได้เพียงแต่นั่งเงียบอยู่ไม่เอ๋ยปากสักคำ..

"ขอบคุณมากครับ ขอบคุณสำหรับคำให้การ"

—เสียงคุณตำรวจดังขึ้น มือเขาก็ทำความเครารพ เพื่อเป็นคำขอบคุณ

หลังจากนั้นรถตำรวจก็ได้ขับออกไปเหลือเพียง..

เคน และเพือนที่ยืนอยู่กับเด็กสาวในชุดนักเรียนทั้งสอง

ยืนอยู่ตรงนั้น

"ขอบคุณมากๆค่ะ ไม่ได้พวกพี่เราแย่แน่เลย"

—หญิงสาวที่จะโดนทำร้ายเธอกล่าวขึ้น พร้อมก้มหัวลงซ้ำไปซ้ำมา

ในการช่วยเหลือ เธอรู้สึกตื้นตันใจสุดๆ

"ขอบคุณค่ะ"

—หญิงสาวอีกคนก็พูดต่อจากเพือนของเธอ

ทั้งสองได้แต่ยืนก้มหัวขึ้นลงไปมา

"ไม่เป็นไรหรอก พวกเธอปลอดภัยก็ดีแล้ว!!"

—เคนเขากล่าวตอบคำขอบคุณของเหล่าเด็กสาวทั้งสอง

ในมือก็ลูบหัวพวกเธอเบาๆ

"ยังไงก็กลับบ้านดีๆล่ะ"

—เคนเขากล่าวขึ้นพร้อมกับปล่อยมือออก..

ทั้งสี่คนได้ยืนมองเด็กสาวในชุดนักเรียนทั้งสองที่กำลังจะเดินผ่านทางม้าลายไป..

จู่ๆ ท้องฟ้าที่น่าจะมืดเพราะเวลาดึกแล้วก็สว่างขึ้น

มันสว่างมากจนท้องฟ้าที่น่าจะกลายเป็นสีดำกลับกลายเป็นสีขาว

มันสว่างมากจนมองอะไรแทบไม่เห็น

"เกิดอะไรขึ้น!!"

—มีนกล่าวขึ้นขึ้น ในมือก็ปิดดวงตาไว้

"แสงสว่าง..จากไหน"

—ไอรีนกล่าวต่อจากมีน

"แสบตา..!!!"

—เคนกล่าวขึ้นหลังได้ยินเสียงเพือนพูดออกมา

"เกิดอะไรขึ้นเหรอ"

—เสียงพูดเมาของเมย์ก็ดังขึ้นเธอตื่นขึ้นมาเพราะแสงสว่างที่ส่องลงมา

ในตอนที่คำถามมากมายถูกตั้งขึ้น..

เสียงรถขนาดใหญ่ก็ดังขึ้น มันเป็นเสียงเบรครถกระทันหัน

ภาพนั้น เคนมองไปยังต้นทางของเสียงภาพที่เขาเห็นคือ

รถบรรทุก 10 ล้อขนาดใหญ่พุ่งเข้ามา แม้จะอยู่ในสถานะที่เบรคมาแล้ว

แต่รถที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงก็ไม่อาจผ่อนแรงได้ในทันที

รถบรรทุกพุ่งชนพวกเคนและเพือนในทันที

ร่างของทั้งสี่ต่างกระเด็นกระจายไปคนละทิศละทาง

เคนนั้นเขากระเด็นไปไกลพอสมควรร่างกายเต็มไปด้วยเลือดไหลนองกองเต็มพื้นไปหมด

"พี่ค่ะ!!"

เสียงหญิงสาวบางคนดังขึ้น ใครบางคนกำลังวิ่งเข้ามาใกล้เคน

ภาพในตอนนี้เบลอไปหมด

"เกิดอะไรขึ้น..."

ทุกอย่างเกิดเร็วมาก เร็วจนไม่แม้แต่จะเตรียมใจ

เด็กสาวพยายามจับตัวเคนเขย่าตัวเขาไปมา...

ภาพที่เคนเห็นขนาดนี้ มันช่างสว่างไปหมด..

หน้าของเด็กสาวในตอนนี้จ้องมองมาที่เคนที่สติเริ่มหลุดลอยไปเรื่อยๆ

เคนจ้องมองไปยังท้องฟ้าเห็นเพียงรอยแยกประหลาดที่อยู่บนฟ้า..

หลังจากนั้นไม่ทันถึง 10 วิ หลังจากถูกชนเสียงฝนก็ดังตกลงมาอย่างบ้าคลั่ง สายฝนที่ตก

อย่างรุนแรงได้ผสมรวมกับเลือดของเคนที่ไหลออกมาไหลผ่านทางไปทั่วบริเวณ

"อ่า...นี้ฉันกำลังจะตายสินะ"

—เคนพูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบา เด็กสาวในชุดนักเรียนจับมือเขาแน่น

ก่อนที่ลมหายใจเคนจะหมดลง จู่ๆภาพทุกอย่างที่น่าจะดำมือลง

กลับสว่างขึ้น!!

หลังจากนั้นร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดก็เหลือเพียงกายหยาบเท่านั้น

เสียงลมหายใจเคนได้หายไป

เคนได้ตายลงไปแล้ว..

หลังจากที่เกิดเหตุขึ้น หลังจากนั้นก็เป็นเวลา 23:00 พอดี

เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้มาถึงที่เกิดเหตุ

พวกเขามุ่งหน้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความช่วยเหลือ

แต่พวกเขาก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ

"อะไรกันเนี้ย!!"

ภาพที่หน่วยกู้ภัยเห็นมีเพียงรถบรรทุกคันหนึ่งที่หน้าชนต้นไม้...

และรอยเลือดมากมายที่ไหลผสมปนสายฝนที่ตกลงมา

แต่กลับไม่มีสิ่งที่ควรจะอยู่กับที่เกิดเหตุอยู่

ร่างกายของคนได้รับบาดเจ็บนั้นเอง

คนที่ได้ขับชน, คนที่โดนชน, คนที่แจ้งเหตุ..

ไม่มีใครอยู่เลยไม่จุดเกิดเหตุทิ้งไว้เพียงกู้ภัยที่ยืน งง อยู่ตรงนั้น

-------

ในปีมังกรที่ 582

เคนได้ตื่นขึ้นอีกครั้ง เขาลืมตาขึ้น

ภาพทุกอย่างเบลอไปหมด..

แต่เคนก็รู้สึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้ตายจากไป

แสบตา แสบตาสุดๆ

เคนได้เพียงยกมือตัวเองขึ้น ที่ได้กลายเป็นทารกไปแล้ว

.......

จบ(1)

Ch. 2

...| ตอน อลิซาเบธ |...

...++++...

...เคนได้ขึ้นกวาดมือตัวเองไปมาสายตาในตอนนี้เห็นทุกอย่างเบลอไปหมด แต่แล้วจู่ๆ ก็มีมือใครบางคนจับมือของเคนไว้!!...

มือขนาดใหญ่จับไปที่มือของอคนที่เล็กและนุ่มนิ่ม เคนค่อยๆได้สติกลับสายตาเริ่มเห็นภาพชัดเจนขึ้น เคนมองขึ้นไปบนเพดานด้านบน

เพดานสีทองที่ส่องประกายลงมายังตาของเคนจนแสบตาไปหมด

... เคนเขากระพริบตาตัวเองไปมาพร้อมกันนั้นก็หันมองไปยังรอบๆ...

...ภาพที่เห็นคือ เห็นหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ข้างกายเคนเธอมองมาหาเคนดูสีหน้าเหมือนคนที่ร้องไห้จนตาแดงไปหมด...

...เธอคนที่ว่านั้นคือ มารีน นั้นเองเป็นผู้ให้กำเนิดเคน แต่หากตอนนี้เคนยีงไม่รู้ตัวเอง...

... ดวงตาคู่นั้นของมารีนสีดำ มองมาที่เคนที่อยู่ร่างเด็กทารก...

...อะไรกันเนี้ยที่นี้ คือ.....

...—เคนได้ตั้งถามขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวที่ไม่รู้จัก ที่เหมือนกำลังร้องไห้มองมาที่เขาอยู่พลางมองไปรอบๆตัวเองก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงขอบเตียง ใบหน้าเช่นเดียวกับหณิงสาวที่มองมาที่เคนไม่มีผิด ...

... เขาเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างหล่อพอสมควรผมของเขาสีดำ...

...เขาจ้องมองมาที่ดูเคน สีหน้าทั้งสองแสดงออกมาจนเคนรู้สึกได้ชัดว่า...

... โล่งอีกไปที!!...

...นี้คงเป็นฝันสินะ...

—ความฝันบางครั้งคนที่กำลังตายอาจกำลังฝันอะไรก่อนตายก็ได้ เคน เป็น บรรณารักษ์ที่อ่านหนังสือมามากมาย มักจะเคยอ่านเจอว่า 'ผู้คนที่กำลังจะตายมักเห็นสิ่งที่ตัวเอง ใฝ่ฝันก่อนจากไปเสมอ '

เมื่อคิดแบบนั้น มันอาจไม่ใช่เรื่องแปลกหากเคนจะฝันอะไรแบบนี้ออก

แต่ทำไมต้องเป็น แบบนี้ฉันฝันอยากได้อะไรแบบนี้เหรอ.?? —เกิดคำถามขึ้นมาภายในหัวของเคนเมื่อได้เห็นภาพที่มองอยู่ เมื่อคิดได้แบบนั้น เคนก็ได้เอามือกุมขมับตัวเอง..

และสิ่งที่น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้น..กับมือตัวเองที่จับไปที่หัว

มือ ทำไมมือมัน.? —เคนตกใจกับมือตัวเองที่จับไปที่หัว และเอามือลงมาจากหัวที่จับอยู่ มือทั้งสองได้ปรากฏอยู่ต่อสายตาของเคนที่มองอยู่ สายตาที่ว่ามองดูมือทั้งสองอย่างประหลาดจนถึงที่สุด มือที่เล็กเสียกว่าขาของไก่ ที่เคนเคยกินเสียอีกมือที่ขาวและสั้นเหมือนกับแค่ของทารกแรกเกิด...

ทารกแรกเกิดชัด ๆ —ความคิดวิ่งพลางเข้ามาในหัวของเคนในตอนที่เห็นมือของตัวเองที่คิดว่าฝันอยู่ แต่แล้วเคนก็ต้องหยุดชะงักลงหลังจากได้คิดแบบนั้น

หากเป็นมือของเด็กทารก ทำไมตัวของเขาถึงฝันถึงเด็กได้

เมื่อคิดได้แบบนั้น เคนก็ได้ตกใจขึ้นส่งเสียงร้องออกมา

"....." —เสียงร้องของเด็กทารกได้ส่งเสียงออกมาพร้อมกับเคนที่ตกใจในเสียงนั้นของตัวเอง

...อะไรกันเนี้ยยย ความฝันสินะต้องฝันแน่ๆ —เคนเขาเชื่อสุดใจว่ามันคือความฝันที่ตัวเองสร้างขึ้นก่อนตาย เพราะทุกอย่างที่เขารับรู้มันเร็วมาก...

...เมื่อไม่กี่วินาทีก่อน เขายังรู้สึกได้ถึงความตายที่พุ่งชนเขาอยู่เลย ความตายที่ว่าคือรถสิบล้อที่มุ่งชนตัวเขาที่ลอยไปพร้อมกับเพือนๆ...

...เมืาอคิดได้ถึงตรงนี้ เคนก็คิดขึ้นมาได้ว่าตัวเองไม่ได้ถูกชนคนเดียว แต่เป็นตัวเขาและเพือนๆ...

...ทุกคน.. เดียวสิแล้วเพือนๆฉัน —ทุกอย่างราวกับความฝันที่เคนสร้างขึ้นมา ที่อย่างภายในห้องไม่เหมือนกับสถานที่เคนอยู่ก่อนหน้านี้มีเพียงกำแพงรอบด้านและหน้าต่างหนึ่งบานที่ตั้งอยู่ใกล้ๆตัวเอง...

...ทุกอย่างคงเป็นความฝันสิ ฝันก็แค่ต้องตื่น ตื่นขึ้นมาทุกคน — เคนในตอนนี้ราวกับคนสติหลุดขยับตัวไปมาเพื่อพยายามจะดิ้นให้หลุดจากความฝันที่ตัวเองเห็นอยู่...

แต่ในทางกลับกันนั้นเองทุกคนรอบๆที่เห็นกลับเห็นเพียงเด็กทารกน้อยเพศหญิงที่ดิ้นไปมาร้องออกมา

"ดูเหมือนว่า เด็กจะไม่เป็นอะไรแล้วนะ ขอรับ " —หมอทำคลอดกล่าวขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มออกมาด้วยความโล่งใจ

เลย์ผู้เป็นสามีได้เดินมาใกล้ๆมารีนผู้เป็นภรรยา จับลงไปที่มือของเธอใบหน้าที่ดูเศร้าของเขาได้หายไปแล้วตอนนี้เขายิ้มออกมาได้อย่างมีความสุข พร้อมกับเคนที่อยู่ในสภาพเด็กทารกที่ดิ้นอยู่อย่างงั้น

"ลูกของเราเขา.... พระเจ้าขอให้ท่านฟาเรียนาคุ้มครอง" —เลย์ผู้เป็นพ่อ ได้กล่าวขึ้นใบหน้าของเขามีน้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจที่เอ่อล้นออกมาอย่างที่กลั้นเอาไว้ไม่อยู่

มารีน,หมอ,และผู้ช่วยสามคน ต่างยิ้มออกมาเพื่อเป็นดารยินดีต่อเด็กน้อยที่รอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์

โดยที่มีเพียง เคนที่ร้องออกมาอยู่ทั้งภายนอกและภายในใจของเขา

...+++++++++...

3 ปี ผ่านไปหลังจากการเกิดใหม่เป็นช่วงเวลาที่รวดเร็วสำหรับใครบางคนแต่กลับช้าและนานแสนนานสำหรับเคน เหลือเกิน

เคนในตอนนี้ ก็โตขึ้นมาแล้วหลังจากสามปีก่อน ตอนนี้ก็อายุได้ 3 ขวบทำให้ตัวเคนรับรู้ว่าจริงๆแล้วมันหากไม่ใช่ความฝัน แต่เขากลับมาเกิดใหม่จริงๆ เกิดใหม่ที่ว่าดูเหมือนจะเป็นวิญญาณที่ได้มายังที่แห่งหนึ่งที่ไม่ใช่โลกที่เคนเคยอยู่ มาเกิดในร่างที่มีตัวตนอยู่ในอีกโลกหนึ่งอย่างแท้จริง..

สามปี นานเป็นบ้าเลย อยากกลับบ้านจัง!! — เคนนึกคิดขึ้นในตอนที่หลบอะไรสักอย่างอยู่ภายในห้องของตัวเอง

"คุณหนูค่ะ...อยู่ไหนค่ะ" —เสียงหญิงสาวรับใช้ดังขึ้นเธอเดินไปมาภายในห้องที่ไร้คนอยู่โดยที่ไม่รู้ว่าเคนได้ย่องตัวผ่านเธอออกไป

ชื่อของฉันคือ อลิซาเบธ.. ลาโน มันเป็นชื่อที่ถูกใช้ในโลกใบนี้ เป็นชื่อที่คนที่ชื่อว่า มารีนตั้งให้ มารีนคือแม่ของฉันในโลก ส่วนพ่อคือ เลย์ — เด็กน้อยอลิซาเบธเดินไปเรื่อยๆผ่านทางเดินที่กว้างทอดยาวไปไกล

เส้นทางที่ว่าถูกสร้างขึ้นมาด้วยกระจก ทั้งแต่พื้นที่เหยียบรอบไปที่ถึงกำแพงกระจกจนถึงหลังคาด้านบนที่เป็นกระจก และมันเป็นครั้งแรกที่ ตัวเด็กน้อยอลิซาเบธได้เห็นโลกภายน้อยครั้งแรกที่กลับมาเกิดใหม่

"สุดยอดนี้เหรอ หิมะ พึ่งเคยเห็นครั้งแรกเลย" —เด็กน้อยอลิซาเบธได้กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูแปลกใจ แม้จะเป็นเด็กที่กลับมาเกิดใหม่แต่ก็เป็นครั้งแรกของตัวอลิซาเบธเองได้ห็นอะไรแบบนี้ แม้ตอนเป็นเคนในโลกก่อนจะเคยไปเที่ยวในเมืองที่มีหิมะก็ตาม แต่เทียบไม่ได้เลยกับเมืองที่มีหิมะพัดผ่านไปมาราวกับอยู่ในศูนย์กลางพายุแบบนี้

เด็กน้อยอลิซาเบธเธอยืนแข็งทื่ออยู่อย่างั้น.. ยืนอยู่ในสิ่งที่หน้าสนใจอยู่แบบโดยที่ไม่ทันรู้ตัวว่ามีใครบางคนเดินเข้ามาจากด้านหลังจับตัวอลิซาเบธยกขึ้น..

"หาเจอสักทีนะคะ... อย่าทำแบบนี้สินะ!!"—สาวรับใช้ เธออุ้มอลิซาเบธลอยขึ้นมาไว้บนอ้อมกอดเธอ มองไปที่เด็กน้อยอลิซาเบธที่มีใบหน้าผู้น่ารักผิวที่นุ่มนิ่มสีขาวอมชมพู ผมสีขาวปนกับสีทองเหมือนกับผู้เป็นแม่ ดวงตาสีดำสนิท

บ้าจริงโดนจับได้จนได้... —ทั้งคู่ได้ยืนอยู่ตรงทางเดินอยู่แบบนั้นสักครู่เพื่อให้เด็กน้อยอลิซาเบธได้มองออกไปในภายนอก

โลกภายนอกมองเห็นเพียงหิมะและภูเขาสีขาวรอบๆไปหมด เมืาอผ่านไปสักพักนึงสาวใช้เห็นว่าได้เวลากลับแล้ว ก็ได้ถามตัวอลิซาเบธขึ้นมาว่า

"กลับกันนะคะ คุณหนู.! " — สาวใช้กล่าวขึ้นและเริ่มเดินกลับห้องโดยทันที โดยไม่รอคำตอบจากอลิซาเบธเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้อลิซาเบธเพียงแต่กอดคอสาวใช้มองกลับหลังไปมองเพียงวิวด้านหลังที่ค่อยๆห่างไปเรื่อยๆ กลับสู่ที่ตัวอลิซาเบธเกลียดที่สุด..

อลิซาเบธได้กลับสู่ห้องอีกครั้ง สำหรับคนอื่นนั้นอาจเป็นห้องที่เต็มไปด้วยสบายมากมายแต่สำหรับเด็กน้อยอลิซาเบธที่มีความจำของเคนแล้ว มันคือคุกชั้นดีๆเลยนี้เอง..

"เราออกไปอีกไม่ได้เหรอ.? " — อลิซาเบธกล่าวขึ้นหลังจากสาวใช้วางตัวเธอลงบนเตียงนุ่มๆ ด้วยสีหน้าอ้อนวอน..

"คงไม่ได้นะคะ เพราะตอนนี้อากาศภายนอกมันหนาวมาก ถ้าออกไปจะเป็นอันตรายได้" —สาวใช้กล่าวปฏิเสษใบหน้าน่ารักนั้นโดยไม่ใยดี เหลือเพียงอลิซาเบธที่ทำหน้าเจื่อนๆ

ให้ตายสิ ห้องขังชัดๆ เห็นฉันตัวเป็นเด็กแล้วขังกันแบบนี้มันไม่แฟร์เลย อยากออกไปข้างนอก เกิดใหม่บ้าอะไรอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมน่าเบื่อเป็นบ้า —ความคิดของเคนปรากฏตัวขึ้นมาด้วยความน่าเบื่อ เพราะในเดิมทีแล้วในโลกก่อนนั้น เคนเป็นเก็บตัวระดับนึงแต่ก็มีสังคมเพือน

อยู่ด้วยแม้จะเพือนน้อยขนาดไหนเคนก็ไม่เคยขังตัวเองไว้ในห้องแคบๆถึงสามปี

และนี้เป็นครั้งแรกที่ตัวเคนที่อยู่ในร่างอลิซาเบธโดนขังไว้ในห้องกว่า สามปี ตั้งแต่เกิดมีเพียงสาวใช้หน้าประจำสามถึงสี่คนเท่านั้นที่เข้ามาภายในห้อง ทำธุระให้ตัวเคนที่เบื่อหน่ายสุดๆและออกไป และบางช่วงของวันก็จะมี มารีนผู้เป็นแม่เข้ามาหาบ้างในวันที่เธอว่างๆ แม้จะไม่รู้ว่าเธอทำอะไรแต่เธอมักจะมา ใน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ส่วนผู้เป็นพ่ออย่าง เลย์ ก็แทบไม่ได้เจอหน้ากันเลยด้วยซ้ำหลังจากมาเกิดใหม่มีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นที่ได้เจอจนทุกวันนี้ แทบจะคิดว่าไม่ใช่พ่อแล้ว มีเพียงหน้าต่างเก่าๆบานหนึ่งที่เป็นเพือนอลิซาเบธ

อลิซาเบธได้เพียงแต่หันไปยังหน้าต่างที่มีวิวด้านนอกพัดผ่านไป มีเพียงภาพสีขาวของหิมะที่ปลิวไปมาให้เธอได้เห็นเท่านั้นเหมือนกับใจของอลิซาเบธที่โครตว่างเปล่าในตอนนี้

ภายในห้องที่ถูกประดับตกแต่งไปด้วยเครื่องประดับมากมาย มีเด็กน้อยอลิซาเบธนั่งอยู่ เธอนั่งอยู่บนเตียงไม่ได้ลุกไปไหน พร้อมๆกับเสียงถอนหายใจที่ออกมาเป็นระยะๆ

"เห้อ"

สาวใช้ที่เห็นแบบนั้นก็ได้เดินจากไปอย่างเงียบๆทิ้งไว้เพียงอลิซาเบธที่มองหน้าต่างอย่างเหงาอยู่คนเดียว

ในทุกๆวัน ได้เพียงอยู่ในห้อง ทิวทัศน์ที่ว่างเปล่าจากหน้าต่างและ เพดานสีทองจากด้านบนซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น

"คุณหนูค่ะ... น้ำผลไม้ค่ะ" —เสียงสาวใช้ของวันใหม่ก็มาถึง พร้อมกับน้ำผลไม้ที่มาส่งให้อย่างทุกที

ตัวอลิซาเบธได้เพียงแต่นิ่งเงียบไม่ตอบอะไรกลับกล่าวเพียงในใจเป็นเสียงเคนว่า

ไม่หิวเลยครับ ผมขออยู่อย่าคนไร้หัวใจแบบนี้เถอะได้โปรด —อลิซาเบธนึกคิดขึ้นแต่ท้องกลับไม่เป็นไปตามความคิดของเธอ ท้องที่ควรจะเงียบกลับร้องดังออกมาด้วยความหิว

"ไอ่ท้องบ้า... เอิ่มเข้ามา" —อลิซาเบธกล่าวขึ้น ในทันใดนั้นเองสาวใช้ก็เข้ามาถึงแล้ว สาวใช้ไม่รอช้าเธอรินน้ำผลไม้ลงแก้วโดยทันที ในจานขนาดใหญ่ที่ไม่ได้มีเพียงน้ำผลไม้แต่กลับมีอาหารติดมาได้ อลิซาเบธได้เพียงแต่มองอาหารด้วยหางตาของเธอ โดยไม่พูดอะไรออกมา สาวใช้ที่เห็นเช่นนั้นก็ได้กล่่วขึ้น..

"อร่อยนะค่ะ"—เธอพูดออกมาเช่นนั้น.. โยไร้การตอบกลับจากอลิซาเบธ

เด็กน้อยอลิซาเบธนั่งนิ่งเงียบสาวใช้เห็นแบบนั้นก็รับรู้ได้ในทันที.. ว่าเด็กน้อยกำลังดื้อเงียบกับตนอยู่

สาวใล้ได้มองที่เด็กน้อยที่หน้าไม่ตรงกับใจอยู่ แม้ปากไม่พูดออกมาแต่ใบหน้าของเธอก็ฟ้องชัดว่าตัวเธอกำลังหิวอยู่

"งั้นไปก่อนนะคะ" —หลังกล่าวจบสาวใช้ก็จะลุกขึ้นเพื่อจะออกจากห้องโดยทันที แต่แล้วก็มีมือหนึ่งจับแขนของเธอไว้ในทันที มือที่ว่าคือ อลิซาเบธนั้นเอง

ปากเธอในตอนนี้ไม่ไหวสุดคิ้วขมวดชนกัน พลางกัดปากตัวเองหวังทนความหิว แต่เหมือนว่าแขนกลับทนไม่ไหวเลยจับมือสาวใช้ไว้

สาวใช้ได้เพียงแต่ยิ้มออกมาหันกลับมาหา เด็กน้อยอลิซาเบธที่ดื้อรั้น

"นี่ค่ะ กินสิ" —สาวใช้ยื่นอาหารออกมาจากจานขนาดใหญ่ ให้กับอลิซาเบธที่ตอนนี้ไม่ไหวเต็มทนแล้ว เธอคว้าอาหารโดยไม่ตอบอะไรและกินเข้าไปทันที ที่ได้รับช้อนจากสาวใช้

...ผ่านไปหลังจาก 10 นาทีหลังจากนั้นสาวใช้ก็ได้กลับมาอีกครั้งหลังจากที่อลิซาเบธกินข้าวไปเธอกลับมาอีกครั้งในรอบนี้พร้อมกับกระดาษและอุปกรณ์เครื่องเขียนที่ตัวอลิซาเบธขอไว้ก่อนหน้าสาวใช้จะออกไป...

"นี้ค่ะ..." —สาวใช้กล่าวขึ้น ยื่นกระดาษ บางๆจำนวน 40 แผ่นให้อลิซาเบธในตอนนี้ที่กินข้าวอิ่มแล้ว...

"ขอบคุณ " —อลิซาเบธกล่าวบึ้นด้วยสีหน้าดีใจ มันเป็นวิธีเดียวที่จะคลายเครียดให้กับตัวเธอเองได้ในตอนนี้ที่สุด มันคือการเขียน.. เดิมที่นั้นตัวอลิซาเบธในชาติก่อนที่คือ เคนเป็นคนที่ชื่นชอบในการอ่าน แต่เนื่องจากในคฤหาสน์แห่งนี้ไม่มีหนังสืออยู่เลยทำให้ มีเพียงทางเดียวที่ตัวอลิซาเบธจะทำได้คือการเขียนหรือวาดอะไรลงไป แก้เหงาลงไม่มากก็น้อย..

ตั้งแต่มาโลกแห่งนี้ครั้งแรก ทุกๆอย่างราวกับฝัน ฝันที่ไม่ยอมตื่นทุกอย่างที่เห็นมันราวกับเรื่องโกหก ร่างกายที่เล็กลง แม้แต่ผู้คนที่ผ่านเข้ามาล้วนเป็น คนที่แตกต่างไปจากโลกเก่าโดยแท้จริง!!

ทำไมถึงเกิดใหม่?

แล้วเพือนๆฉันไปไหน?

ทำไมถึงกลายเป็นเด็กผู้หญิงได้กันนะ?

แล้วเราอยู่ที่ไหน?

—คำถามมากมายถูกตั้งขึ้นมาในหัว ทุกอย่างดูมึน งง ไปหมดสับสนไปหมด เคนในตอนนี้เขาไม่อาจจะเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆของตนเองออก

เรื่องที่ว่าตัวเองกลับชาติด้วยเหตุผลอะไร ไหนจะเรื่องเพือนๆที่โดนแบบเดียวกับตัวเองพวกเขาจะอยู่ในสภาพแบบเดียวกันรึเปล่า มันก็ยังเป็นคำถามที่ขึ้นมาในหัวของเคนในตอนนี้

ภาพทุกอย่างในตอนเกิดเหตุก็ซ้อนทับกันไปหมดทุกครั้งที่คิดถึงมันมีเพียงความรู้สึกที่เคยสัมผัสมันเท่านั้น แต่มันก็รู้สึกเลือนลางหายไปในช่วงหลายปีที่กลับมาเกิดใหม่

มันเป็นความรู้สึกที่ว่า คนที่เคยผ่านอะไรมากมายกว่า 30 ปี ได้มาอยู่ในห้องกว่า 3 ปี เมื่อถูกตัดขาดจากโลกไปหมดเลยแม้แต่ความคิดในตอนนี้ก็ไม่อาจเข้าใจได้เลยว่า ตัวเองใช่เคนที่กลับชาติมาเกิดรึเปล่า.? หรือเป็นเพียงความทรงจำเพียงเท่านั้นที่มาอยู่ร่างของอลิซาเบธ เป็นสิ่งที่ความทรงจำของเคนคิดไปเอง

อลิซาเบธได้เพียงนั่งคิดอะไรวนซ้ำไปซ้ำมาอยู่แบบนั้น ในมือก็วางรูปภาพที่ดูไม่ได้อยู่ออกมาอยู่เรื่อยๆ ภาพว่าที่ว่าคือ ภาพที่มาจากความทรงจำของเคนที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกเก่า ภาพของห้องนอนที่นอนอยู่ประจำ ภาพของที่ทำงานประจำที่ตัวเองต้องไปทำ สถานที่บอกรักสาวครั้งแรก และที่ตัวเองโดนสาวบอกเลิกครั้ง และสถานที่เกิดกับเพือนๆ ทุกอย่างมากมายถูกวาดลงไปภายในกระดาษ

กว่า 10 แผ่นและเริ่มเยอะขึ้นเป็นยี่สิบและสามสิบ จนในที่สุดก็เป็นร้อยแต่แล้วก็มีความคิดนึงขึ้นมา

อยากอ่านหนังสือจังเลย — มันคือคิดเดียวที่เขาคิดขึ้นมาตลอดทุกครั้งที่วาดภาพลงไปและมองหน้าต่าง เป็นสิ่งที่ชอบที่สุดแต่กลับไม่ได้เลยตั้งแต่ได้มาในที่แห่งนี้ เหมือนกับคนที่ชอบกินอะไรมากๆ และก็ต้องหยุดกินเองไม่ใช่เพราะเขาคนนั้นไม่ได้อยากหยุดกินสิ่งนั้นลงไป แต่มันไม่มีให้เขากิรแล้วต่างหาก มันเป็นเรื่องที่เศร้าสำหรับจิตใจของเคนผู้รักการอ่าน และส่งผลไปถึง อลิซาเบธที่รู้สึกโดดเดียวภายในห้องที่เหมือนห้องขังสำหรับเธอ ทั้งคู่มีสิ่งที่เหมือนกัน ความเหงาขั้นสุด และความเบื่อขั้นสุด

จนในที่สุดก็เด็กน้อยอลิซาเบธก็มีเพียงความว่างเปล่า ว่างเปล่าที่ว่าคือการไร้ความสุขที่รับได้จาการโดดเดียว แม้แต่สาวใช้ที่เข้ามาในทุกวัน ทุกคนที่สลับเปลี่ยนกันไปก็รับรู้ได้ ว่าเด็กน้อยภายในห้องสี่เหลี่ยมช่างเหงาเพียงใด

จนในวันหนึ่ง ก็ได้มีสาวใช้คนหนึ่งได้เขามาเธอเป็นเด็กสาววัย 6 ขวบที่เดอนเข้ามาหาอลิซาเบธด้วยหนังสือ ที่อลิซาเบธเฝ้าคอยหามันมานานแสนนาน

และเป็นการเจอกันครั้งแรกของเด็ก 3 ขวบ | อลิซาเบธ | และ สาวใช้ 6 ขวบ | มิโกะ |

มิโกะคือชื่อเธอคนนั้นผู้เป็นสาวใช้เด็กน้อยคนแรกที่ได้เข้ามาภายในห้องอลิซาเบธในวัย 3 ขวบ พร้อมกับหนังสือที่เขียนไว้ว่า ' เวทมนต์ ' ชื่อนั้นทำให้แววตาของเด็กน้อยอลิซาเบธจุดประกายขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมา

"ขอดูได้ไหม..?" —อลิซาเบธกล่าวคำนั้นออกมาดวงตาจ้องมองไปยังสิ่งที่เรียกว่าหนังสืออย่างใจจดใจจ่อ..

สาวใช้ได้เพียงนิ่งเงียบไม่ตอบกลับ โน้มตัวลงทำความเคารพอลิซาเบธ

? อะไรของเขา — เกิดคำถามขึ้นภายในใจของอลิซาเบธต่อการกระทำนั้นของอลิซาเบธก่อนที่สาวใช้จะได้ยื่นหนังสือในมือให้อลิซาเบธ

"นี้เจ้าค่ะ คุณหนู " —สาวใช้กล่าว..ตัวเธอสั่นไปหมด

และนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทั้งสองได้คุยกันครั้งแรก... เป็นสิ่งที่ตัวเคนเลยมีมาก่อนในชาติก่อน แต่สำหรับอลิซาเบธนั้นกลับไม่เคยมีมาก่อน 'เพือน' หัวใจของอลิซาเบธแน่นฟูขึ้นมาโดยทันที แม้จะเป็นการเจอกันครั้งแรกก็ตาม เคนกลับคิดเพียงแค่ว่า

เธอช่วยเป็นเพือนกับฉันได้ไหม..? —เป็นคำพูดที่อยู่ในใจของอลิซาเบธที่ไม่อาจกล่าวออกมาได้

เพราะในตอนนี้สาวใช้ตรงหน้าเธอตัวสั่นราวกับหวาดกลัวต่อตัวอลิซาเบธที่เด็กกว่าตัวเอง มันไม่ใช่เรืีองเกี่ยวกับขนาดตัวของคนแต่เป็นเรื่องของอำนาจ ย่อมเป็นเรืีองธรรมดาที่สาวใช้คนหนึ่งจะกลัวคนที่เป็นเด็กสาวเจ้าของคฤหาสน์

ช่วงเวลาผ่านไป....

"อลิซาเบธ! นี่ ๆ " — มันเป็นเสียงเรียกของสาวใช้ที่ชื่อมิโกะที่เรียกอลิซาเบธที่ดูไม่สั่นกลัวเมื่อก่อน.. เธอยิ้มออกมาพลางชี้นิ้วลงไปที่ตัวหนังสือที่กำลังถืออยู่ให้อลิซาเบธได้เห็น!!

ทั้งสองใช้เวลาว่างที่มิโกะได้มาส่งอาหารในการพูดคุยกันของเที่ยงวันกะนเล่นในทุกๆวัน แรกๆมิโกะก็มีความกลัวต่ออลิซาเบธผู้เป็นน้อยอย่างเห็นได้ชัด แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป หลายเดือนนานๆ เข้าระยะของทั้งสองก็แคบลงจนในที่สุดก็เรียกได้เต็มปากว่า มิโกะเป็น ' เพือน ' คนแรกของอลิซาเบธ

"พี่ ฉันอ่านอันนี้ไม่ออก " — อลิซาเบธเรียกมิโกะว่าแบบนั้น ไม่ใช่เพราะตัวจิตใจของเคนอยากเรียกแบบนั้น แต่เป็นความรู้สึกที่นับถือในตัวมิโกะจริงๆ เพราะเคนในชาติก่อนเป็นลูกคนเดียวไม่เคยรับรู้สึกการมีพี่น้องอย่างแท้จริง พอมีมิโกะเข้ามาในช่วงเวลาที่ว่างเปล่าเหมือนได้เติมเต็มสิ่งที่หายไป การเรียกมิโกะว่า ' พี่ ' สำหรับมิโกะในช่วงแรกมันดูเกินเอื้อมเกินไปแต่ในที่สุดเธอก็ยอมรับ แต่สำหรับ ' อลิซาเบธ ' คำว่า ' พี่ ' ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะใช้มันได้เลย

"ขมอะ"—มันเป็นคำพูดของอลิซาเบธในทุกวันที่จะต้องพูดออกมา เป็นคำพูดที่ได้กินยาที่ถูกส่งมาให้ตลอดในช่วงนี้ เนื่องจากในช่วงนี้อากาศภายนอกดูไม่ค่อยสู้ดีเลย ดูหนาวจนแม้ภายในห้องอลิซาเบธก็ยังรับรู้ได้เลย

"ขมก็ต้องทนนะคะ"—มิโกะพูดขึ้นพลางลูบหัวอลิซาเบธไปมา อลิซาเบธได้ขัดขืนต่อการกระทำนั้นได้เพียงหลับตาเหมือนลูกหมาที่ชอบทุกครั้งที่เจ้านายลูบหัวมัน

"แล้วหนังสือล่ะ"— อลิซาเบธพูดขึ้นยื่นมือ ออกไปตรงหน้ามิโกะที่กำลังลูบหัวตัวเองอยู่เหตุมาจากวันก่อนที่ มิโกะสัญญาต่อตัวอลิซาเบธไว้ว่า จะนำหนังสือเล่มใหม่มาให้!

มิโกะที่เห็นแบบนั้นยิ้มขึ้น หันไปด้านหลังของตนเองที่เป็นถาดใส่อาหารขนาดฝหญ่ที่มีผ้าคลุมไว้อยู่ มิโกะเธอไม่รอช้าเปิดผ้านั้นออกภายใต้ผ้านั้นมีหนังสือเล่มหนึ่งถูกซ่อนไว้อยู่....

รูปร่างของหนังสือดูเก่าพอสมควร หน้าปกมีตัวหนังสือที่ขาดหายไปบางส่วน

"มันคืออะไรงั้นเหรอ" —อลิซาเบธกล่าวถามมิโกะที่หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมาโชว์

"มันคือ แปปนะ หนังสือ คำสาป.!? " —มิโกะกล่าวขึ้น พลางดึงสลักอะไรบางอย่างออกจากหนังสือเพื่อจะเปิดมันออกมาอ่าน..

ไม่ใช่แม้แต่ภายนอกที่ดูยับเยินพอสมควร ภายในก็มีส่วนที่ขาดหายไปเช่นเดียวกัน บางส่วนเหมือนโดนฉีกขาดหายไป บางส่วนก็เหมือนโดนเผาจนอ่านไม่ออก

"จริงเหรอ.. มันจะไม่เป็นอะไรเหรอ..? " —อลิซาเบธได้กล่าวขึ้นสีหน้าดูถอนสีเล็กน้อย 'คำสาป ' สำหรับตัวอลิซาเบธที่ยังเด็กน้อยอาจจะไม่รู้อะไรเลย แต่สำหรับเคนที่ผ่านโลกมามากและอ่านหนังสือมาหลายประเภท คำสาป นั้นจัดอยู่ในพวกที่ไม่ดีเสียสักส่วนใหญ่ เป็นสิ่งที่ดำมืดโดยแท้จริง..

"ดูนี่สิ..." —มิโกะกล่าวขึ้นนิ้วชี้ไปยังหน้าหนึ่งของหนังสือ

อลิซาเบธที่เห็นแบบนั้นแม้จะอ่านไม่ค่อยออกก็รับรู้ได้โดยทันทีว่ามันคืออะไร..

"เวทย์ ประตูมิติ ?" —อลิซาเบธกล่าวขึ้นพร้อมกับหน้าที่มองไปในรายละเอียดที่ถูกเขียนไว้ สำหรับเคนแล้ว มันคือหนทาง

หนทางที่ว่าคือการได้กลับโลกเก่าตนเอง แม้จะไม่รู้ว่าต้องกลับไปทำอะไรก็ตามแต่จะให้ตัวเองในตอนนี้นอนรอความตายในที่หนาวเย็นแบบนี้ เคนไม่อาจรับได้มันรู้สึกเหมือนกับตัวเขาไม่ยอมทำอะไรสักอย่างได้เพียงนอนรอความตายให้มาถึงเท่านั้น...

เคนที่เห็นแบบนั้นก็ได้เริ่มเรียนภาษาอย่างจริงจังโดยผ่านการสอนของมิโกะ และอ่านหนังสือเวทมนต์เล่มแรกๆที่ได้จากมิโกะ อ่านไปและเรียนคำต่างๆด้วยสลับกันไปมาอยู่อย่างงั้น

"รอด้วยอลิซาเบธ" — มิโกะกล่าวขึ้น วิ่งตามอลิซาเบธที่วิ่งนำหน้าตนเองตรงไปที่ห้องตัวเอง...

..."รีบๆหน่อย เราต้องรีบ"— อลิซาเบธกล่าวขึ้นเปิดประตูห้องตัวเองที่ถูกใส่ไม้ไว้ด้านล่างกันล็อค...

...ในตอนนี้ก็ผ่านมาได้ 1 ปี แล้วตอนนี้อลิซาเบธ อายุได้สี่ขวบแล้วในตอนนี้อลิซาเบธอ่านหนังสือได้คล่องและอ่านออกได้เกือบหมด หากไม่ใช่เพราะมิโกะที่ให้การช่วยเหลือ อลิซาเบธในวัยสี่ขวบก็ไม่อาจทำได้ขนาดนี้ เป้าหมายมีเพียงอย่างเดียวคือ เวทย์มิติ ที่ได้ถูกเขียนไว้ในหนังสือเวทย์...

ทั้งสองได้วิ่งเข้ามาในห้องได้โดยสำเร็จ.. โดยไม่มีใครเห็นตัวได้ ทั้งสองหาวใจออกมาด้วยความเหนื่อยล้า อลิซาเบธที่วิ่งมาด้วยความเร็วก็หายใจออกมาด้วยความเหนื่อยเช่นเดียวผมสีทองปนสีขาวยาวไปถึงไหล่ปิดบังใบหน้าของอลิซาเบธไปหมด มีเพียงเสียงหายใจกับลมทีาเป่าผมลอยขึ้นตามจังหวะหายใจนั้น ของอลิซาเบธอยู่...

"มาต่อกันเลย"— อลิซาเบธเธอก้มลงไป เป็นสิ่งของที่ได้จากการไปหามาจากในคฤหาสน์ เธอขีดเขียนอะไรบางอย่างลงไปสู่พื้นไม้รูปวงเวทย์ขนาดใหญ่ได้ถูกสร้างขึ้น อลิซาเบธเธอตั้งใจเขียนมันสุด สายตาเธอดูมีสมาธิสุด เพราะวันนั้นเป็นวันที่รอคอยมานาน วันที่ตัวเธอจะได้ลองสิ่งที่เรียกรู้ว่า

อลิซาเบธได้เขียนวงเวทย์ขนาดใหญ่ภายในห้องของเธอจนเสร็จ วงเวทย์ขนาดได้ถูกสร้างภายในห้อง พร้อมกับตัวมิโกะและอลิซาเบธที่ยืนอยู่ตรงกลางวงเวทย์

ทั้งสองไม่อาจปล่อยเวลาให้สูญเปล่าได้ ทั้งสองจ้องมองกันด้วยสายตาที่เป็นการให้สัญญาณเริ่มการทดลอง..

อลิซาเบธไม่รอช้าเธอ จับไม้แหลมแทงลงไปที่ปลายนิ้วตัวเองเบาๆ ในขณะเดียวกันนั้นเองก็มีเลือดไหลออกมา ไหลผ่านไม้ที่แทงเข้าไป.. อลิซาเบธไม่ได้ส่งเสียงเจ็บปวดออกมา

อลิซาเบธเธอยื่นมือออกไปด้านหน้าตัวเองที่มิโกะยืนอยู่ หยดเลือดของเธอได้ไหลลงสู่พื้นไม้ที่มีเวทย์เขียนไว้อยู่ แสงได้ปรากฏขึ้นหลังจากเลือดหยดลง มันส่องสว่างไปทั่วบริเวณในห้อง จากพื้นสู่เพดานด้านบน ที่มาพร้อมกับเสียงดัง ดุ๊บ.. และก็เงียบไปพร้อมกับแสงที่หายไปเช่นเดียวกัน

"ไม่สำเร็จงั้นเหรอ..? " —อลิซาเบธกล่าวขี้นพร้อมกับความสับสนมึน งง ภายในห้องกับมิโกะ

... จู่ๆก็มีเสียงเดินดังขึ้น เสียงเดินดังขึ้นเข้ามาใกล้ๆห้องอลิซาเบธ เสียงเท้าคนมากกว่าหนึ่งค่อยๆใกล้เขามาเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันที่อลิซาเบธและมิโกะที่ทำตัวไม่ถูกเมื่อได้ยินเสียงนั้น...

เสียงเหยียบย่ำไม้ดังขึ้นเรื่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆและเสียงดังกล่าวเงียบหยุดตรงหน้าประตูที่ภายในมีมิโกะและอลิซาเบธ

... "..."...

เสียงเคาะประตูดังขึ้น เสียงเคาะดังกล่าวสร้างความตกใจให้ ทั้งสองคนในห้องสุด ทั้งสองเดินเข้ามาหากันกลางห้องมิโกะที่เห็นเช่นนั้นก็ได้จับมือเธอไว้

... "ไม่ต้องกลัว" —มิโกะพูดออกมาอย่างนั้นด้วยเสียงที่สั่นกลัวเช่นกัน...

มิโกะเธอรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นคืออะไร แต่หากคิดจะเสียใจภายหลังแล้วล่ะก็ทุกอย่างที่ทำมาก็จะสูญเปล่า

...เสียงประตูไม้เปิดขึ้น เสียงไม้ที่ใกล้พังดังขึ้นมันดูเป็นเสียงที่ดูธรรมดาอย่างเช่นเคยที่ได้ยิน...

... แต่พอมาอยู่ในสถานการณ์ตอนนี้ทำให้มันดูไม่ธรรมดาและน่ากลัวสุดๆ...

...บุลคลปริศนาที่โผล่ออกมาจากหลังประตูไม้นั้นก็คือ...

แม่ของอลิซาเบธ มารีน นั้นเองเธอปรากฏตัวขึ้นหลังจากหายไปนานหลายเดือนหลังเจอกันครั้งล่าสุดเธอเดินมาพร้อมกับเหล่าคนใช้ราวๆ 4-5 คน

เมื่อมารีนเห็นทั้งสอง เธอก็ส่งสัญญาณไปหาสาวใช้ที่ยืนอยู่ด้านหลัง มารีนเธอมองดูใบหน้าของอลิซาเบธอยู่แบบนั้น เหมือนภาพทับซ้อนใครบางคนที่เธอเคยรู้จัก หญิงสาวคนหนึ่งที่มีอายุมาก สีผมเหมือนกัน ดวงตาสีดำเช่นเดียวกัน หากมีเพียงใบหน้าที่ดูต่างกันตามช่วงวัยแต่ก็สัมผัสได้เลยว่า อลิซาเบธช่างเหมือนกับเธอคนนั้นที่ทับซ้อนอลิซาเบธอยู่ในภาพของ มารีน

เหล่าสาวใช้ที่มากับมารีนเดินเข้าไปจับตัวมิโกะและอลิซาเบธที่ยืนอยู่แบบนั้นอย่างไรการขัดขืนใดๆ

อลิซาเบธและมิโกะได้เพียงแต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรก้มหน้าลงอย่างคนสำนึกผิดไปแล้วต่อการกระทำที่เกิดขึ้น..

"ปล่อยนะ"—เสียงของมิโกะเธอดังขึ้น เธอถูกเหล่าคนใช้จับตัวไว้

"อลิซาเบธไม่ผิดฉันเป็นคนทำ... "— แขนทั้งสองถูกล็อคไว้แขนละคน ทำให้ตัวเธอในตอนนี้แทบจะขยับตัวไม่ได้

อลิซาเบธได้ถูกจับแขนทั้งสองข้างไว้ ได้มองไปยังหน้าของมารีนผู้เป็นแม่ เหมือนจะอ้อนวอนอะไรบางอย่าง...

"ท่านแม่... ปล่อยมิโกะเถอะเจ้าค่ะ"— อลิซาเบธเธอกล่าวออกมาด้วยสีหน้าที่ดูสำนึกผิด

มารีนผู้เป็น แม่ของอลิซาเบธนั้นเธอไม่พูดอะไรออกมา เธอได้เพียงแต่จ้องมองมาที่ลูกของตนเอง

ด้วยสีหน้าที่ดูรังเกลียดราวกับเด็กน้อยอลิซาเบธที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นในตอนนี้ไม่ใช่ลูกของตัวเองอีกต่อไป..

"พาตัวไปขังไว้"—เสียงของผู้เป็นแม่อลิซาเบธได้กล่าวขึ้น น้ำเสียงของเธอชั่งเย็นชาเธอเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามองอลิซาเบธเลยแม้แต่น้อย

"ท่านแม่"— อลิซาเบธเธอกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ดังเรียกผู้เป็นแม่ของตัวเองที่เดินจากไปไกลขึ้นเรื่อยๆ

แต่ถึงจะเรียกชื่อผู้เป็นแม่เท่าไหร่ มารีนก็ไม่หยุดเดินลง เดินต่อไปและหายไปจากสายตาของอลิซาเบธในที่สุด เหลือทิ้งไว้เพียงอลิซาเบธที่ยืนอยู่ดิ้นไปมาในอ้อมแขนของเหล่าคนใช้

อะไรฉันทำอะไรผิด..? ฉันโดนขังและไม่ได้เห็นหน้าเธอมาเป็นเดือนๆเพื่อให้เธอมองฉันแบบนั้นเหรอ? และเดินหนีกันแบบนั้นมันคือะไร กลับมานะ ยัยบ้ามารีน กลับมา

—อลิซาเบธได้เพียงร้องไห้อยู่อย่างงั้น

เสียงกลอนประตูเหล็กดังขึ้น ประตูเหล็กขนาดใหญ่ถูกเปิดขึ้นอลิซาเบธเธอถูกโยนเข้าไปยังห้องแห่งนั้นในทันทีประตูเหล็กถูกปิดลงหลังจากร่างของสาวน้อยล้มลงไปในห้อง

ภายในห้องมีเพียงความมืด มีเพียงแสงจากช่องน้อยๆที่ส่องลงมาจากด้านบนหัวอลิซาเบธที่ไม่แม้จะเอื้อมถึง ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นสาบไปหมด

จนอลิซาเบธอ้วกออกมาเธอได้เพียงแต่นั่งลง พิงไปกำแพงของอยู่ในห้องที่มืดอยู่ลำพัง!!

เวลาร่วงเลยผ่านมากว่า 3 วัน อลิซาเบธเธอได้เพียงนั่งพิงกำแพงอย่างไร้เรี่ยวแรง

สภาพดูแทบไม่ได้ ขาดน้ำมาสามวันไม่แม้จะได้ของกินเข้าท้องตลอดสามวัน

จิตใจเหม่อ มองไปมุมต่างๆของห้องอย่างคนเหม่อลอยเห็นภาพหลอนเต็มไปหมด

หลังจากที่อยู่ในความมืดมานานถึงสามวันทำให้ตอนนี้สายตาก็ปรับให้มองเห็นในความมืด ได้แล้วในที่สุด

แม้มันจะไม่ชัดแต่ในห้องตอนนี้แคบเพียงให้ คนห้าคนอยู่ได้เพียงเท่านั้น เด็กน้อยที่หิวโหยได้เพียงแต่นั่งกอดเข่าตัวเองอยู่อย่างงั้น

ตัวสั่นกลัวไปหมด แต่แล้วจู่ๆ ก็มีแสงสว่างส่องเข้ามาในห้อง.. แสงสว่างนั้นโผล่ขึ้นมาในห้องนั้นออกมาจากด้านล่างประตูเหล็ก

มีของบางอย่างถูกส่งเข้ามาในห้อง ถึงแม้จะเห็นไม่ได้ชัดแต่จมูกของเด็กน้อยก็รับรู้ได้โดยทันทีก่อนสายตาจะโฟกัสเห็น

มันคือกลิ่นของอาหารนั้นเอง เด็กสาวไม่รอช้าเธอพุ่งไปยังกลิ่นดังกล่าวโดยทันที..สภาพที่เธอมุ่งไปยังอาหารมันไม่มีคาบความเป็นคุณหนูลงเหลืออยู่เลย..

มันเป็นภาพที่ราวกับขอทานไร้บ้านที่หิวโหยเท่านั้น หลังจากอาหารถูกส่งเข้ามาภายในห้อง

แสงสว่างก็ดับลงอีกครั้งพร้อมกับเสียงปิดช่องเล็กๆนั้นเอง ภาพทุกอย่างกลับมามืดขึ้นอีกครั้ง

เหลือทิ้งไว้เพียงอลิซาเบธที่กินอาหารอย่างเหม่อลอย นึกคิดทบทวนถึงเรื่องต่างๆอยู่ในหัวตัวเองภายใต้ความมืดที่มีเพียงแสงสว่างลงมาเท่านั้น

ในทุกๆสามวันอาหารจะถูกส่งเข้ามาในห้องทุกๆเช้า มันถูกส่งเข้ามาซ้ำๆ เป็นสิ่งเดิมๆ ถึงแม้ในช่วงแรกๆเด็กน้อยจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร

แต่ได้กินมันอยู่หลายครั้ง ก็ทำให้รับรู้ได้โดยทันที มันคือ อาหารที่มีข้าวที่โรยไปด้วยสิ่งของบางอย่าง...

ในช่วงแรกๆนั้นเด็กสาวรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับมันจนประหลาดใจ แต่พอกินไปเรื่อยๆ ภาพบางอย่างก็วิ่งเข้ามาในหัว ภาพที่เห็นอยู่บ่อยครั้งในโลกเก่า ในความทรงจำของเคน

'นัตโต๊ะ' ชื่อของมันแม้สิ่งที่กินอยู่อาจจะไม่ใช่แต่ก็พอใกล้เคียงพอสมควรก็เท่านั้น

เด็กน้อยได้เพียงแต่นั่งพิงกับกำแพงนอนลงกับพื้น ผ่านวันแล้ววันอีกอยู่แบบนั้นนับเดือนนับวันไม่ถ้วน ผ่านตัวเลขบนกำแพงที่สลักลงกับช้อนที่กินข้าว นับกว่า 10 เดือน

เธอนั่งอยู่ในนั้นนอนลงและหลับอยู่ในนั้น นึกคิดถึงวันวานและร้องไห้ออกมาเหมือนกับคนบ้าอยู่อย่างวันงั้นในทุกๆ วัน

จิตใจของอลิซาเบธตอนนี้แทบจะจมดิ่ง ลงไปในทะเลที่มืดไร้แสงสว่างเหมือนกับห้องที่ขังเธอไว้แห่งนี้..

"กะ...เอ...อะ..วะ..." —คำพูดมากมายพูดออกเสียงออกมาจากตัวอลิซาเบธ

เธอไม่รู้ว่าตัวเองทำมันไปทำไม และทำไปเพื่ออะไรเหมือนกับการเขียนกำแพงอย่างเช่นทุกๆวันที่ท้องฟ้าเช้าวันใหม่ขึ้น เธอเพียงแต่ทำมันด้วยความเคยชินแบบนั้น

ผ่านตัวเลขบนกำแพงกว่า 2 ปีเต็ม ไม่รู้สึกอะไรไม่รู้ว่าตัวเองคือใครแล้วทำไมต้องร้องไห้ทุกครั้งที่ผ่าน 1 คืนไปทุกครั้ง สิ่งที่จำได้มีเพียง ตัวอักษรที่สลักไว้ตรงช่องส่งอาหารที่เขียนว่า ' อลิซาเบธ ' เพียงเท่านั้น

สายตาของเธอก็ได้หลับลงไปทั้งอย่างงั้น.. ในของคืนวัน อลิซาเบธเธอตื่นขึ้นในที่แห่งหนึ่งที่ตัวเองไม่รู้จักมันเป็นพื้นที่มีแต่สีขาวไปหมด

ไม่มีพื้นดิน ไม่มีท้องฟ้าสีฟ้าอยู่ ทุกอย่างขาวและว่างเปล่าหมด เธอมองไปรอบๆตัวเอง ร่างกายที่น่าจะเป็นเด็กสาวตัวน้อยกลับ

แปรเปลี่ยนกลายเป็น คนปริศนาสูงใหญ่ราวกับคนสูง 190 แม้แต่เพศในตอนนี้ก็ยังเป็นผู้ชาย

อลิซาเบธในหัวเธอนั้นสับสนไปหมด ในตอนนี้เธอใส่ชุดที่ดูแปลกตาที่ตัวเองไม่รู้จักมาก่อน..

เธอได้แต่มองไปมาตามรอบๆตัวที่มีเพียงแต่ความว่างเปล่าอยู่ แต่จู่ๆเธอก็สัมผัสได้บางสิ่งบางอย่างที่โผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า!!

เป็นหญิงสาวบางคนแต่ตัวประหลาดที่เธอไม่รู้จัก

... "ชุดนักเรียนงั้นเหรอ"...

เสียงของอลิซาเบธเธอพูดออกมาแบบนั้น แม้จะไม่รู้อะไรแต่เธอก็พูดออกไปทั้งแบบนั้น จู่ๆ ภาพที่เหมือนความฝันก็ได้ขยับขึ้น รูปภาพต่างๆมากมายได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมกับค่อยๆดำมืดลง ทีละภาพทีละนิดจนมือดไปหมด

เหลือทิ้งไว้เพียงเด็กสาวในชุดนักเรียนที่ยืนอยู่ในความมืดแบบที่ตัวอลิซาเบธยืนอยู่ เธอเดินตรงมา รู้สึกตัวอีกที เด็กสาวก็มาปรากฏตรงหน้าอลิซาเบธเสียแล้ว

เด็กสาวตรงหน้าอลิซาเบธไม่พูดอะไร ได้เพียงแต่ก้มหน้าลงมองด้านล่าง.. หญิงสาวเธอยืนแบบนั้น.. อย่างกับคนที่ไร้สติ!!

... " นี่ " —อลิซาเบธเธอได้เรียกเด็กสาวที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อออกไปทั้งแบบนั้น...

แต่แล้วจู่ๆ มือของเด็กสาวที่ควรนิ่งอยู่ก็ขยับจับมาที่มือของอลิซาเบธเด็กสาวไม่พูดออกมาได้เพียงแต่ขยับและหยุดนิ่งไปอีกครั้ง แต่แล้วจู่ๆ ท้องฟ้าที่ควรจะมือก็ส่องสว่างขึ้น..

พร้อมกับภาพของใครบางคนที่เห็นหน้าไม่ชัดจับมือใครบางคนอยู่เหมือนจับมืออลิซาเบธไว้แบบนี้

ใส่ชุดนักเรียนเหมือนเด็กสาวตรงหน้าอลิซาเบธ เพียงแต่ไม่เห็นหน้าชัดอยู่ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักจนได้ยินคำพูดได้ไม่ชัด

"พี่ค่ะ..."— เป็นหนึ่งในคำพูดที่ได้ยินออกมาจากเสียงสายฝนที่ตกดังสนั่นอยู่ จากนั้นภาพทุกอย่างก็มืดอีกครั้ง

อลิซาเบธเธอลืมตาขึ้นอีกครั้งในรอบวันของที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เธอได้ยินเสียงคนมากมายข้างนอกกำลังทำอะไรบางอยู่

เสียงกริ๊ดร้องมากมายดังสนั่นไปหมด.. และก็เงียบลงไป..และในตอนที่เด็กสาวกำลังสับสนและตกใจกับเสียงเหล่าอยู่นั้นเอง ประตูเหล็กที่ถูกปิดมานานก็ได้เปิดขึ้น..

พร้อมกับกำแพงที่มีรอยขีดเส้นวันเต็มไปหมดปรากฏขึ้นพร้อมกับแสงที่ส่องเข้ามา ตรงหน้าอลิซาเบธมีใครบางคนกำลังยืนอยู่มองลงมาหาอลิซาเบธที่กำลังนอนอยู่อย่างคนใกล้ตาย ผิวขาวซีด ใบหน้าเหม่อลอย ผมสีดำยาวไปถึงขา

"มีคนงั้นเหรอ" —เสียงชายปริศนากล่าวขึ้นภายใต้แสงที่ส่องจากด้านหลัง

"เจ้ามาอยู่ที่แห่งนี้ได้ไง"

ชายปริศนากล่าวขึ้นยื่นมือจับอลิซาเบธที่นอนไร้แรงขยับตัวอยู่ยกขึ้นสู่อ้อมกอด

"พูดไม่ได้งั้นเหรอ"— ชายปริศนาได้หันหลังของเขากลับเดินออกไป ภาพที่เห็นในดวงตาของอลิซาเบธคือผู้คนมากมายที่นอนตายอยู่นับไม่ถ้วน เต็มพื้นไปหมดตลอดทางที่ชายปริศนาเดิน ดวงตาสีทองเหมือนแมว ผมสีเงิน ผิวสีขาวซีด ใบหน้าดูโกรธอยู่ตลอด เขาได้เดินไปเรื่อยผ่านศพมากมายโดยมีอลิซาเบธอยู่ภายในอ้อมกอด ขึ้นบันไดขึ้นด้านบนและหายไป...

เหลือทิ้งไว้เพียงร้างไร้วิญญาณ.. ที่ไม่อาจหวนคืนมาได้อีก

จบ(2)

Ch. 3

| ตอน ผู้มาเยือน |

+++++++++++

เสียงร้องดังไปทั่วทุกทิศในเมืองวินเทลกับไฟที่ลุกท่วมไปทั้งตัวคฤหาสน์ที่อยู่ใจกลางเมืองอยู่ ส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วทุกบริเวณโดยรอบ ผู้คนพากันวิ่งหนีผ่านกันไปมาด้วยความตกใจ ข้ามผ่านความหนาวที่พัดใส่พวกผู้คนที่วิ่งหนีตายกันอยู่ ไฟค่อยๆลามกันต่อเนื่องแม้จะอยู่ในฤดูหนาวก็ตาม

จนในที่สุดเสียก็หายไปพร้อมกับแสงไฟที่ค่อยๆหายไป ผู้คนหายไปอย่างไร้ปริศนาบางคนก็นอนตัวไหม้ตายอย่างทุกทรมานอยู่ภายในบ้านของตัวเอง ภายในไม่มีกี่ชั่วโมงหลังจากไฟไหม้ อลิซาเบธและชายปริศนาได้โผล่ขึ้นมาท่ามกลางกองไฟที่ยังลุกขึ้นอย่างไม่หยุดแม้จะผ่านมาเป็นเวลานาน

ชายปริศนาสูงประมาณ 200 ได้วางอลิซาเบธลงสู่พื้นดินหลังจากเดินห่างออกมาจากคฤหาสน์ที่ลุกไปไฟไปแล้วได้ระดับนึง.. ชายปริศนาผมสีเงิน จ้องมองไปยังเด็กน้อยตรงหน้าดูสีหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

"นี่.. ชื่ออะไร..?" —เสียงชายปริศนากล่าวเสียงดูเย็นชาส่งผ่านออกมาจากปาก พร้อมกับใบหน้าที่สุดแสนเย็นชา

เด็กน้อยอลิซาเบธไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ได้เพียงแต่นิ่งเงียบอยู่อย่างงั้น หน้าหันมองไปยังพื้นที่รอบๆ ตัวเองที่มีหิมะสีขาวมากมายอยู่..

"งั้นก็จบธุระแค่นี้นะ"—ชายปริศนากล่าวขึ้น มองไปยังเด็กสาวตรงหน้าที่มีพื้นหลังเป็น

กองไฟขนาดใหญ่ที่กำลังลุกโชนอยู่

ชายปริศนาผมเงินไม่กล่าวอะไรต่อ ออกมาได้เพียงแต่ลุกขึ้นเดินจากไปโดยไม่บอกกล่าวอะไร

เพียงไม่กี่หลังจากเด็กน้อยอลิซาเบธจ้องมองตามรอยเท้าที่ชายปริศนาผมเงินเดินไป ก็กลับไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว มีเพียงความว่างเปล่าที่ชายปริศนาเดินไปเท่านั้น

...-------...

เด็กน้อยอลิซาเบธเดินไปเรื่อยๆ ผ่านทางเดินหินที่ค่อยๆจางหายไปจากหิมะที่ตกลงมา เด็กน้อยอลิซาเบธได้เพียงแต่เดินอยู่อย่างงั้นอย่างไร้จุดหมายที่จะไป เธอเพียงแต่มองไปยังทางด้านหน้าด้วยสายตาที่เหม่อลอยเหมือนคนไร้สติ

ฉันเป็นใคร.? แล้วฉันกำลังเดินไปที่ไหนกัน ขามันเดินไปเรื่อยๆเลย หนาวจัง —อลิซาเบธเธอกล่าวขึ้นในหัวตัวพร้อมกับลูบแขนตัวเองไปมาด้วยความหนาว พร้อมกับควันไอเย็นที่ออกมาจากปากตัวเอง เธอเดินต่อไปเรื่อยๆ ด้วยชุดที่เบาบางจนลมหนาวเจาะเข้าผิวหนัง ความส่งผ่านจนถึงกระดูก

จนในที่สุดก็เดินต่อไม่ไหวอีกแล้ว... อลิซาเบธมองไปรอบๆตัวเองเห็นหน้าร้านแห่งหนึ่งที่หิมะพัดผ่านไม่ถึง...

มันเป็นหนทางรอด สิ่งแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวเด็กน้อย.. เธอไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่าลากขาที่เกือบแข็งขยับตัวแทบไม่ได้ พยายามเดินไปตรงหน้าร้านแห่งนั้นที่เล็งไว้

...-----...

ในขณะเดียวกันท่ามกลางอากาศที่เริ่มหนาวขึ้น ท้องฟ้าบอกเวลากลางคืนได้มีแสงประกายส่องลงมาจากภูเขา มองมายังภายในตัวเมืองวินเทล

"แปลก"

...—เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น ในมือข้างซ้ายก็ถือกล้องส่องทางไกลไว้อยู่ อีกข้างก็ถือตะเกียงไว้อยู่เช่นเดียวกัน...

เขาเดินถอยหลังไปรีบวิ่งออกไปจากตรงที่สังเกตุการณ์กลับไปยังกลุ่ม ที่เฝ้ารอข่าวจากเขาอยู่ หลังจากวิ่งมาได้สักพักหลังภูเขาบริเวณใกล้ๆนั้นมีถ้ำอยู่ที่ภายในส่องแสงออก กลุ่มที่ว่าในตอนนี้กำลังหลบลมหนาวอยู่ภายในถ้ำอยู่นั้นเอง..

ชายสอดแนมไม่รอช้าวิ่งผ่าทางเดินที่มีหิมะมากมายไปเรื่อยๆอย่างรวดเร็วจนในที่สุด เขาก็ได้เข้ามาสู่ถ้ำที่มีพรรคพวกตัวเองอยู่

ภายในถ้ำเต็มไปด้วยแสงสว่างทั่วบริเวธเป็นถ้ำที่มีความยาวในตัวเองอยู่พอสมควร ไม่มีเส้นทางให้เดินไปต่อเป็นเพียงถ้ำที่ถูกใครบางคนสร้างไว้ให้หลบอากาศหนาวภายนอกเพียงเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้เป็นกลุ่มของพวกเขานั้นเองที่กำลังหลบอยู่

ชายสอดแนมไม่รอช้า.. มุ่งหน้าตรงไปหาชายคนหนึ่งที่หันหลับให้กลับเขา ชายคนนั้นกำลังนั่งกินอะไรบ้างอย่างอร่อย เสียงดังออกมาตั้งแต่เดินเข้ามาภายในตัวถ้ำ

"หัวหน้า!!" —เสียงของชายสอดแนมกล่าวขึ้นเรียก คนที่นั่งหันหลังให้อยู่ตรงหน้าว่า 'หัวหน้า'

ชายผู้ถูกเรียกว่าหัวหน้าได้เพียงแต่นิ่งเงียบไปเมื่อได้ยินคนเรียกตัวเอง.. ไม่นานเขาก็หันกลับมา

ชายหนุ่มใบหน้าอายุไม่เกิน 30+ หันกลับมาดวงตาสีดำสนิท ผมสีเงินของเขามองผ่านกองไฟที่จุดขึ้นได้เห็นอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับผิวของเขาที่เห็นจากหน้าก็ดูน่ากลัว ผิวสีขาวซีด เหมือนคนที่โดนดูดเสือดจนหมดตัว เขามองมายังหนุ่มสอดแนมด้วยหน้าตาที่ดู มึนและ งง หน่อย ในปากก็ยังมีเส้นอะไรบางอย่างที่ยังกินไม่หมดอยู่ติดที่ปาก

"ว่า.?" —ชายหนุ่มตอบกลับชายสอดแนม ไม่ทันทีหนุ่มสอดแนมจะได้พูดอะไรต่อ ชายหนุ่มก็กินอาหารต่อ

"เหมือนว่าเมืองวินเทลที่เราตามหาจะอยู่ข้างหน้าจริงๆด้วยครับ แต่ว่าตอนนี้มันกลายเป็นที่ร้างไปแล้วไม่มีผู้คน ไม่มีแสงไฟ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าสิ่งมีชีวิตอยู่เลย " — ชายสอดแนมรายงานสิ่งที่ตัวเองไปทำเช่นนั้น มันคือคำสั่งที่ตัวเขาได้จากชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้าให้ไปดูสภาพเมืองที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้..

"งั้นเหรอ.! ก็ไม่ค่อยแปลกใจแค่คิดว่าพวกบาโนจะอยู่นี้ก็แปลกพอแล้ว " — ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้ากล่าว.. ในปากก็เคี้ยวอาหารไปมาและกลืนลงไปในที่สุด

"อร่อยจังเลยนะ ร้อนสุดๆ "

ชายหนุ่มที่กินเสร็จแล้วก็ได้ลุกขึ้น ยื่นมือออกมาเรียกให้ชายสอดแนมนั่งลงไปในที่ของเขา

"เอ่อ..." —ชายสอดแนมทำท่างเกร็งใจออกมาเมื่อเห็นแบบนั้น

ชายหนุ่มเมื่อเห็นเมื่อเห็นแบบนั้นก็ พยักหน้าขึ้นลง เพื่อเป็นการเรียกซ้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นแบบนั้นแล้ว ชายสอดแนมก็ได้ยอมนั่งลงในที่ของหัวหน้าตัวเองนั่งก่อน...

ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อได้เพียงแต่เดินตรงไปที่กระเป๋าที่มี อาวุธอยู่ เขาเดินไปที่กระเป๋าของตัวเองหยิบ มีดสั้นเล่มหนึ่งออกมา เป่าลงไปที่มัน จนมีหิมะลอยออกมา..

"เอาล่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว รอให้พายุสงบลงสักหน่อยเราจะลงไปที่เมืองวินเทล ได้เวลาล่าแม่มดแล้ว " — ชายหนุ่มกล่าวขึ้นในดวงตาก็เต็มไปเด้วยไฟแค้นต่ออะไรสักอย่าง...

จบ.(3)

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!