NovelToon NovelToon

แฝดสาม

ตอนที่ 1 เริ่มต้น

Act 1 เริ่มต้น

ผมมีชื่อว่า ซาคุตะ อาซาฮิ อยู่ ม.ปลายปี 1 ฐานะทางบ้านของผมไม่ค่อยจะดีนัก ผมเลยต้องตั้งใจเรียนเพื่อให้ได้โค้วตาเงินทุนการศึกษา เพราะผมต้องดูแลแม่ของผมที่ตอนนี้กำลังป่วยอยู่ด้วย 

 วันนี้เป็นเช้าวันจันทร์ผมเดินไปโรงเรียนคนเดียวโดยที่ บังเอิญไปเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเข้า

(??-มันหล่นอยู่แถวๆนี้รึเปล่านะ)

เธอนั่งยองๆเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างในดงหญ้าอยู่ 

(อาซาฮิ-...เออมีอะไรให้ช่วยมั้ย?)

ผมเดินเข้าไปถามเธอด้วยเสียงที่เบาเพราะกลัวว่าเธอจะตกใจ พอเธอได้ยินเข้าเธอก็หันหน้ามาหาผม ทันทีที่เธอเห็นหน้าผมเธอก็หน้าแดงโดยไม่รู้สาเหตุ เธอมีเรือนผมยาวเหยียดตรงสีดำสลวย ใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวเนียน ดวงตาสีม่วงกลมโต พอรวมกับแก้มที่จู่ๆก็แดงขึ้นมาของเธอแล้ว นี่มันนางฟ้าชัดๆ 

(??-อ๊ะ  คือว่าฉันทำพวงกุญแจหายนะคะคิดว่ามันน่าจะหล่นแถวๆนี้)

(อาซาฮิ-อือ..อืม เดี๋ยวผมช่วยหานะ)

ผมที่มัวแต่อึ้งในรูปลักษณ์ของเธออยู่ก็ตั้งสติได้แล้วผมก็ช่วยเธอหาจนเจอ

(??-ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยฉัน)

เธอโค้งตัวและพูดขอบคุณผมอย่างสุภาพ พวงกุญแจของเธอเป็นตุ๊กตาหมีตัวเล็กๆ ก็เป็นเรื่องปกติของผู้หญิงนี่นะที่มักจะมีของน่ารักๆติดตัวอยู่เสมอ ดูจากเครื่องแบบของเธอแล้วเธอเรียนโรงเรียนเดียวกับผม

ผมเหลือบไปมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง

(อาซาฮิ-แปดโมงครึ่งแล้ว!!)

(??-สายแล้ว! ขอโทษนะเพราะมัวแต่ช่วยฉันแท้ๆ)

ผมกับเธอรีบวิ่งไปโรงเรียน แต่พวกเราก็โดนทำโทษอยู่ดี

(??-ขอโทษจริงๆนะ)

เธอพูดขอโทษผมอีกรอบพร้อมกับโค้งตัว

(อาซาฮิ-อืมไม่เป็นไรหรอกเพราะฉันอยากช่วยหาเอง)

จากนั้นพวกเราก็แนะนำตัวกัน 

(??-ฉัน โอนามิ เมกุมิ อยู่ปี1)

(อาซาฮิ-ฉันซาคุตะ อาซาฮิ ยินดีที่ได้รู้จัก อยู่ปี1เหมือนกันสินะ)

ผมรู้สึกว่าชื่อเธอมันดูคุ้นๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้วพวกเราก็แยกย้ายไปห้องเรียนของตัวเอง ดูเหมือนเธอจะอยู่คนละห้องกับผม

คาบโฮมรูมได้จบไปแล้ว ผมเลยโดนครูประจำชั้นจัดหนักไปอีกชุด โชคดีจริงๆเลยแฮะวันนี้

ตอนเที่ยง

เพื่อนในห้องทุกคนต่างก็ชวนกันไปกินข้าวกันหมด มีแต่ผมที่ไม่มีใครเข้ามาชวนเลย ปกติผมไม่ค่อยจะสุงสิงกับใครเท่าไหรทำให้เพื่อนรู้สึกห่างเหินกับผมมาก  ผมก็เลยไปกินข้าวคนเดียวที่ดาดฟ้าเป็นประจำทุกวัน

ตอนเย็น ผมกลับมาถึงบ้าน มาดูแลคุณแม่ที่ป่วยอยู่ จากนั้นก็กินข้าว และคุยกันเรื่องการเงิน

ช่วงนี้เงินเริ่มจะไม่ค่อยพอใช้ ผมเลยบอกแม่ว่าจะหางานพาร์ทไทร์มทำ แต่แม่ได้ห้ามเอาไว้ และย้ำว่าให้ผมตั้งใจเรียนอย่างเดียวก็พอ ส่วนเรื่องเงินแม่จะจัดการเอง ผมก็ได้แต่ยอมฟังสิ่งที่แม่พูด

เช้าวันถัดมา ผมได้เดินไปโรงเรียนคนเดียวอีกตามเคยแต่ก็เจอกับเด็กผู้หญิงที่เจอเมื่อวานเข้า เธอกำลังเดินไปโรงเรียนเหมือนกัน ผมเลยเดินเข้าไปทักทายเธอ

(อาซาฮิ-คุณโอนามิ อรุณสวัสดิ์)

 จู่ๆเธอก็ตกใจที่ผมเข้าไปทักเธอ  

(โอนามิ-เอ๊ะ?..อือ...อืม)

จากนั้นพวกเราก็เดินไปโรงเรียนด้วยกัน โดยเธอมีท่าทีที่ดูแปลกไปจากเมื่อวาน แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากและยังคงเดินไปโรงเรียนต่อ

 (อาซาฮิ-เมื่อวานเป็นไงบ้างโดนครูประจำชั้นด่ารึเปล่า)

ผมเริ่มหาเรื่องที่จะคุยกับเธอ คงมีแต่เรื่องนี้แหละนะที่พอจะใช้เป็นหัวข้อในการคุยกับเธอได้ ผมเพิ่งจะรู้จักเธอได้แค่วันเดียวเอง 

(โอนามิ-เอ๊ะ? อืมก็ไม่นะ แต่ว่าคุณรู้จักฉันด้วยเหรอคะ?)

เธอถามผมกลับด้วยสีหน้าที่สับสน

(อาซาฮิ-เอ๊ะ?)

 ผมตกใจที่เธอพูดออกมาอย่างนั้น แล้วผมก็เข้าใจในที่สุด จริงๆแล้วไม่มีใครใส่ใจคนอย่างผมหรอก ผมก็เหมือนคนที่ไร้ตัวตนไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลย จากนั้นผมก็แยกเดินไปโรงเรียนคนเดียว ผมคิดว่าการที่อยู่คนเดียวเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วสำหรับตัวผม แค่ตั้งใจเรียนเพื่อแม่ก็พอแล้ว 

ตอนเที่ยง

เพื่อนๆในห้องของผมได้ออกไปกินข้าวเที่ยงกันเกือบหมด ในห้องตอนนี้เหลือเพื่อนผู้หญิงเพียงแค่ประมาณสามคนที่กำลังนั่งคุยกันอยู่รวมผมด้วยก็เป็นสี่คน ในจังหวะที่ผมกำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปกินข้าว ก็มีเด็กผู้คนนึงเดินเข้าในห้องของผม

(โอนามิ-ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย ซาคุตะคุง?)

ผู้หญิงคนที่ผมเจอเมื่อเช้าเข้ามาทักผมที่นั่งอยู่ในห้องเรียน  โดยเพื่อนอีกสามคนก็หันมามองผู้หญิงคนนั้นสักพักพวกเธอก็กลับไปคุยกันต่อเหมือนเดิม แต่ชั่วพริบตาเดียวผมก็เข้าใจได้ในทันที สิ่งที่แตกต่างระหว่างคนที่เจอเมื่อเช้ากับตอนนี้คือ เธอคนนี้ติดโบว์สีดำแต่ผู้หญิงตอนเช้าไม่ได้ติดโบว์ ผมเองก็ไม่ได้สังเกตุว่าคนที่เจอเมื่อวานใส่โบว์รึเปล่า แต่เธอบอกว่าเธอชื่อเมกุมินี่นะ แต่ผมก็อดคิดไม่ได้ว่าเธออาจกำลังปั่นหัวผมอยู่ก็ได้ บางทีเธออาจจะเพิ่งเอาโบว์มาใส่ก็ได้ เห็นผมเป็นคนที่ไม่มีเพื่อนคบเลยอยากแกล้งงั้นเหรอ จากนั้นก็มีผู้หญิงอีกคนเดินเข้ามาที่ห้องของผม

  (?-เมกุมิมาทำอะไรที่ห้องนี้น่ะ?)

ผมรู้สึกตกตะลึง แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง พวกเธอมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบถึงการแต่งตัวจะไม่เหมือนกันก็เถอะ

(อาซาฮิ-ทำไมพวกเธอถึงมีสองคนล่ะ?)

ผมถามพวกเธอด้วยสีหน้าสับสน

(โอนามิ-...ก็พวกเราเป็นแฝดกันนี่น่า)

แฝดคนที่ใส่โบว์ตอบผมกลับ สมองของผมในตอนนี้ได้ทำงานหนักกว่าทุกที

"นี่พวกเธอเป็นแฝดกันเหรอ"

 ผมงงอยู่สักพัก แล้วก็เข้าใจ เรื่องเมื่อเช้าทั้งหมด 

เป็นอย่างงี้นี้เอง คนที่ผมเจอเมื่อเช้าคือ แฝดคนที่ไม่ได้ใส่โบว์ เธอเลยมีท่าทีที่ดูแปลกๆตอนผมคุยกับเธอ แฝดคนที่เจอเมื่อวานก็เป็นคนละคนกับคนที่ผมเจอเมื่อเช้า ผมเข้าใจผิดไปเองนึกว่าเธอจะลืมผมไปซะแล้ว

จากนั้นพวกเราก็แนะนำตัวกันอีกครั้ง

(โอนามิ-พวกเราเป็นแฝดกันเพราะงั้นเรียกชื่อต้นแทนก็ได้จะได้ไม่งง เรียกฉันว่า เมกุมิก็ได้ ส่วนคนนี้เรียกเธอว่าฮิคาริ)

(ฮิคาริ-ยินดีที่ได้รู้จักคะ ได้ยินว่าเมื่อวานคุณช่วย   เมกุมิหาพวงกุญแจด้วย ขอบคุณมากเลยนะคะ)

เธอพูดพร้อมกับโค้งตัวอย่างสุภาพ

สรุปว่าคนที่ผมเจอเมื่อวานก็คือ เมกุมิสินะ คุณฮิคาริเนี่ยออกจะดูสุภาพ ถ้าเทียบกับเมกุมิ แต่สมกับเป็นแฝดกันจริงๆ ทั้งเสียงและหน้าตาคล้ายกันสุดๆ ตอนนี้ผมคงแยกพวกเธอได้จากโบว์นี่ละ 

ตอนเย็น

 ระหว่างทางที่ผมกำลังเดินกลับบ้านผมก็ได้ไปเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังโดนผู้ชายสองคนยืนล้อมจีบเธออยู่

(??1-ไปด้วยกันเถอะน่า)

(??2-ใช่ๆ)

(เด็กผู้หญิง-ไม่ละฉันไม่ไป)

แต่เธอก็ปฎิเสธที่จะไปกับผู้ชายสองคนนั้น

แต่พอผมลองมองดีๆแล้วก็ดันเห็นเป็นแฝดสองพี่น้องพวกนั่นแต่ดันไม่รู้ว่าเป็นคนไหน 

(??1-มาด้วยกันดีๆเหอะน่า)

เขาได้คว้ามือไปจับแขนของผู้หญิงคนนั่น

(โอนามิ-อย่ามาจับตัวฉันนะ)

ท่าไม่ดีแล้ว ผมตัดสินใจที่จะช่วยเธอด้วยการตีเนียนทำเป็นว่าเรียกตำรวจมา

(อาซาฮิ-ทางนี้ครับคุณตำรวจมีผู้หญิงกำลังโดนลวนลาม)

ผมทำทีเป็นตระโกนเรียกตำรวจเพื่อหวังจะให้พวกเขาหยุดยุ่งกับหนึ่งในแฝดสองคนนั้น

(??1-ซวยละหนีเร็ว!)

ผู้ชายสองคนนั้นรีบวิ่งหนีไปทันที แล้วผมก็เดินเข้ามาคุยกับผู้หญิงคนนั้น ผมไม่ค่อยจะแน่ใจว่าเธอเป็นใครในสองคนนั้น เลยลองสุ่มทักออกไป 

(อาซาฮิ-คุณฮิคาริไม่เป็นไรใช่ไหม?)

 เพราะเธอไม่ใส่โบว์ ผมเลยมั่นใจเรียกอย่างเต็มที่ แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับมองหน้าผมแบบไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร

(โอนามิ-ห๊า?..นี่นายรู้จักพี่สาวฉันได้ไง?)

ผมทักผิดคนหรอกเหรอแต่เธอไม่ได้ใส่โบว์นี่ น่าจะเป็นฮิคาริแน่นอน รึว่าเธอแกล้งผมอยู่รึเปล่า แต่หมายความว่าไงที่ว่ารู้จักพี่สาวของเธอได้ไงเนี้ย ผมเลยเดาว่าเมกุมิน่าจะเป็นแฝดน้อง แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเธอคนนี้เหมือนจะไม่รู้จักผมซะงั้น

(อาซาฮิ-เมกุมิเหรอ?)

เธอยังคงมีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์อยู่เหมือนเดิม

 (โอนามิ-แม้แต่น้องสาวฉันนายก็รู้จักเหรอ  นายเป็นสโตลกเกอร์เหรอ? อย่าตามฉันมานะ ไอ้โรคจิต!!)

(อาซาฮิ-ห๊ะ?)

หมายความว่ายังไงกันถ้าไม่ใช่ทั้งฮิคาริกับเมกุมิแล้วเธอเป็นใครกัน หน้าตาก็เหมือนกับสองคนนั่นแท้ๆ หรือผมจะโดนพวกเธอปั่นหัวอีกแล้วเหรอ จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็รีบเดินหนีไป โดยทิ้งผมที่มัวแต่ยืนงงอยู่ตรงนั้นไว้คนเดียว 

ตอนที่ 2 จากนั้น

act2 จากนั้น

   เย็นวันนั้นผมกลับมาบ้าน หลังจากที่กินข้าวเย็นและทำการบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้วผมก็มานั่งคิดทบทวนเรื่องที่ผมเจอมาวันนี้  ถ้าคนที่ผมเจอเมื่อตอนเย็นไม่ใช่ทั้งเมกุมิกับฮิคาริ สรุปแล้วพวกเธอยังมีแฝดอีกคนงั้นเหรอ นี่มันแฝดสามเลยนะ  

เมกุมิ ติดโบว์สีดำที่ผม เป็นคนที่คุยด้วยง่ายและเป็นกันเองสุดๆ

ฮิคาริ ไม่ติดโบว์ พูดจาสุภาพ ดูจะเป็นคนที่เรียบร้อย แต่ดูเข้าถึงยากไปหน่อย

ส่วนคนที่เจอเมื่อตอนเย็น ยังไม่รู้ว่าเป็น1ใน2คนนั้นรึเปล่า แต่ถ้าดูจากนิสัยแล้วมันตรงกันข้ามกับสองคนนั้นอย่างชัดเจน เธอเองก็ไม่ได้ใส่โบว์ เป็นคนที่ปากร้าย ชอบทำหน้าตาน่ากลัวด้วย แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นหนึ่งในสองคนนั้นแกล้งผมรึเปล่า แต่น่าจะแยกได้อย่างนี้ละนะแล้วทำไมต้องมาคิดจริงจังด้วยละเนี้ย แล้วผมก็เข้านอน

 

เช้าวันต่อมา ผมเดินไปโรงเรียนคนเดียวตามปกติ  ตัดมาตอนเย็น  ผมไปที่ห้องสมุดเพื่อติวหนังสือคนเดียว ผมอยากได้ทุนการศึกษาแต่เกรดที่ได้ต้องสูงพอสมควรจึงจะได้โควต้าเงินทุน ผมเลยต้องตั้งใจเรียนให้มากขึ้น ทันใดนั้นเอง แฝดคนหนึ่งก็เข้ามาทักผม

(โอนามิ-ไง ซาคุตะคุง)

สิ่งแรกที่ผมมองไปเช็คเลยคือที่ผมเธอติดโบว์รึเปล่า ปรากฏว่าเธอติดโบว์สีดำผมเลยมั่นใจเรียกอย่างแน่วแน่  

(อาซาฮิ-เมกุมิ ใช่มั้ย?)

ถึงจะบอกว่ามั่นใจอย่างแน่วแน่แต่กลายเป็นเหมือนผมถามเธอกลับเพื่อความแน่ใจอีกครั้งเลย

(โอนามิ-ไม่ใช่นะ)

เธอตอบกลับด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย

(อาซาฮิ-เอ๊ะ?)

ผมถึงกับช็อค อะไรกันอุตส่าห์มั่นใจแล้วแท้ๆ

(เมกุมิ-ล้อเล่นน่า ทักถูกคนแล้ว แล้วนายมาทำอะไรที่ห้องสมุดเหรอ อ๊ะมาห้องสมุดก็ต้องมาอ่านหนังสือนี่นะ)

เธอนี่เป็นคนขี้เล่นจริงๆแฮะ

ผมได้เล่าเรื่องทุนการศึกษาให้เธอฟัง แน่นอนว่าเรื่องที่แม่ของผมป่วยด้วย

(เมกุมิ-งั้นให้ฉันติวด้วยสิ)

เธอขอให้ผมช่วยติวให้เธอด้วยเพราะเธอ หัวไม่ค่อยดีถ้าเทียบกับฮิคาริ ที่ทั้งเรียนเก่งกีฬาก็เก่งแถมเธอยังเป็นที่นิยมมากในหมู่เด็กผู้ชาย 

(เมกุมิ-ตัวฉันไม่มีอะไรโดดเด่นเลยสักอย่างทั้งที่หน้าตาเหมือนกันแท้ๆ)

ผมได้ยินก็รู้สึกแปลกใจ เป็นแฝดกันแต่ก็มีบางอย่างที่ต่างกันอยู่สินะ จากนั้นผมก็ประมวลผลสมองอีกครั้ง แล้วพูดออกมา

(อาซาฮิ-การที่เธอเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น มันก็ไม่ได้แย่อะไรหรอกนะ แต่ละคนก็มีความโดดเด่นของตัวเองอยู่ บางทีแค่ยังหาไม่เจอแค่นั้นเอง เธอไม่จำเป็นจะต้องเหมือนคนอื่นทุกอย่างหรอก แค่เป็นตัวของตัวเองก็พอแล้ว แต่กรณีของเธอมันคงจะยากละนะเพราะเป็นแฝดกันด้วย แต่นิสัยแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว)

ผมพูดจบปุป เมกุมิก็เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นเธอก็ยิ้มและพูดออกมา

(เมกุมิ-ขอบใจนะ ซาคุตะคุง ฉันจะพยายาม หาความโดดเด่นของตัวเองให้ได้)

รอยยิ้มของเธอดูสดใสสุดๆ เป็นรอยยิ้มที่ดูไร้เดียงสาและอ่อนโยนมาก

แต่นี่ผมพูดมากเกินไปรึเปล่าเนี้ย แต่ถ้าเธอเข้าใจก็ดีแล้ว ตัวผมไม่เคยมีเพื่อนเลยสักคน แต่พอได้คุยกับเมกุมิแล้วทำไมถึงพูดได้เยอะขนาดนี้นะ ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน หรืออาจะเป็นเพราะ ไม่สิคงจะไม่ใช่หรอก

-บ้านเมกุมิ-

เมกุมิกำลังนั่งทำการบ้านอยู่ที่ห้องนั่งเล่น

(เมกุมิ-ข้อนี่ตอบอะไรแล้วนะ....อืม)

ใกล้ๆกันนั่นมีแฝดอีกคนกำลังนั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาอยู่

(โอนามิ-เมกุมิฉันลืมเล่าไปเมื่อวันก่อนมีสโตลกเกอร์คอยตามฉันด้วยละ แถมมันยังรู้จักทั้งเธอกับฮิคาริด้วย)

(เมกุมิ-เอ๊ะ จริงเหรอยูกิ ใครน่ะรู้จักมั้ย?)

(ยูกิ-ก็บอกอยู่ว่าเป็นสโตลกเกอร์ จะไปรู้จักได้ยังไง)

(เมกุมิ-เอ๊ะ?...หรือว่าจะเป็นซาคุตะคุงกันนะ)

(ยูกิ-ซาคุตะ?)

เมกุมิได้เล่าเรื่องที่อาซาฮิช่วยเธอหาพวงกุญแจให้ยูกิฟัง

(ยูกิ-น่าแปลกใจนะที่เธอทำของหาย ปกติแล้วเธอจะไม่ค่อยทำอะไรหายเลยนะ เพราะเก็บข้าวของเป็นอย่างดีตลอดแต่ถ้าเป็น ฮิคาริ ก็ไม่แน่หรอกนะ)

ยูกิพูดแซวฮิคาริพร้อมกับทำหน้ากวนๆ

(ฮิคาริ-ใช่สิก็ฉันทั้งซุ่มซามทั้งเงอะงะนี่น้า แต่ถึงเวลาอยู่ต่อหน้าผู้คนเยอะๆ ฉันก็เพอร์เฟคทุกอย่างละนะ เมกุมิเองก็ทำอาหารเก่ง   ว่าแต่ยูกิเธอน่ะยังรักษาโรคนั่นไม่หายอีกเหรอ?)

ยูกิถอนหายใจ แล้วตอบกลับ

(ยูกิ-....โรคเกลียดผู้ชายมันแก้ยากละนะ เธอเองก็ระวังหน่อยเถอะผู้ชายทุกคนน่ะเชื่อใจไม่ได้หรอก)

 ฮิคาริ เงียบไปสักพักจากนั้นก็เริ่มพูดออกมา

(ฮิคาริ-วันนี้คุณพ่อ ชวนพวกเราไปกินข้าว เธออยากไปด้วย... )

(ยูกิ-ไม่ละ ฉันกินแล้ว)

พูดยังไม่ทันจบประโยค ยูกิก็พูดปฏิเสธ ทันที

จู่ๆบรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดขึ้น

 (ฮิคาริ-งั้นไว้คราวหน้าละกัน)

เธอพูดและยิ้มบางๆให้ยูกิ

ยูกิเดินกลับเข้าห้องตัวเอง ทีนที

เมกุมิกับฮิคาริหันมามองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!