—ท่ามกลางแสงแดดสาดส่องในช่วงบ่ายของวัน ภายในป่าอันอุดมสมบูรณ์ ชายหนุ่มอายุราวยี่สิบปีคนหนึ่งกำลังวิ่งหนีหมีป่าขนาดใหญ่ที่ไล่ตามเขา ชายหนุ่มวิ่งหนีมาได้ราวหนึ่งชั่วโมงแล้ว และหมีตัวนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะล้มเลิกที่จะไล่ตามเขา
สายตาของเขาเริ่มพร่ามัวขึ้นทุกที ขาทั้งสองเริ่มเหนื่อยล้ามากขึ้นเรื่อย ๆ จนสุดท้ายภายในสายตาของเขาก็เห็นบ้านหลังหนึ่งอยู่ท่ามกลางทุ่งดอกทานตะวัน สิ่งเดียวที่เขาทำคือวิ่งไปที่บ้านนั้นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ น่าแปลกที่เมื่อเขาเข้าใกล้บ้านหลังนั้น หมีตัวใหญ่ที่ท่าทางโกรธจัดกลับหยุดวิ่งและยอมถอยหลังกลับไปแต่โดยดี
แต่สติของเขามันเรือนรางเกินกว่าที่จะสนใจสิ่งอื่น เมื่อชายหนุ่มมาถึงหน้าบ้านหลังนั้น มือหนาก็ยกขึ้นหวังจะเคาะประตู แต่สุดท้ายภาพอันแสนเรือนรางก็มืดสนิทลง เขาสลบเนื่องจากความเหนื่อยล้าที่สะสมมามากมาย สิ่งสุดท้ายที่ได้ยิน คือเสียงใสที่เอ่ยขึ้นกับเขา "ไม่เป็นไรแล้วนะ"
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
"อึก โอ่ยยย"เสียงแหบแห้งของชายคนนึงดังขึ้น เขาพยายามลุกขึ้นนั่งและพบว่าบนตัวของเขาเต็มไปด้วยผ้าพันแผล ดวงตาสีเทาอ่อนมองสำรวจรอบห้องที่เขานอนอยู่ พบว่าเป็นเพียงห้องขนาดกะทัดรัด มีเพียงเตียงและโต๊ะกับเก้าอี้ขนาดพอดี ๆ ที่วางอยู่ข้างกันเท่านั้น บนโต๊ะมีกระดาษแผ่นหนึ่งที่เขียนด้วยลายมือบรรจงสวยงาม
[ถ้าหากคุณตื่นมาอ่านข้อความนี้แล้ว บนโต๊ะมีอาหารและน้ำอยู่ ทานให้เรียบร้อยและนอนพักเถอะนะคะ เราอาจจะกลับบ้านมาช่วงเย็น สภาพร่างกายของคุณตอนนี้ควรอยู่นิ่งๆอย่าพึ่งฝืนตัวเองดีกว่านะคะ —เอลลี่]
ชายหนุ่มรู้สึกดีใจไม่น้อยที่เจ้าของบ้านหลังนี้อุตส่าห์ใจดีนำคนแปลกหน้าอย่างเขาเข้ามารักษาอย่างดี รวมถึงอาหารน่าตาน่ากินพวกนี้ด้วย เขาจัดการทานอาหารตรงหน้าให้เรียบร้อย แล้วจึงทิ้งตัวนอนลงบนเตียงพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาหลับตาลงเพื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ (อืม....ทั้งไอ้พวกบ้านั้นที่ได้สมบัติแล้วก็ทิ้งฉันไว้ ไหนจะเจ้าหมีนั้นอีก รู้งี้ไม่น่ามากับพวกมันเลยจริง ๆ )
ชายหนุ่มส่ายหน้าเบาๆ เขาเป็นเพียงผู้ชายที่พอมีฝีมือคนหนึ่งที่เผลอไปเห็นใบประกาศว่าต้องการคนไปคุ้มกันการขุดสมบัติก็เลยไปด้วยเท่านั้นเอง ไม่นึกว่าพอได้สิ่งที่ต้องการแล้วมันจะทิ้งเขาเอาไว้ เพื่อให้ตัวเองได้ส่วนแบ่งมากขึ้นเท่านั้นเอง
สิ่งที่เขาทำตอนนี้มีเพียงแค่ปล่อยวางและนอนหลับพักผ่อนซะ เนื่องจากว่าร่างกายของเขามันเหนื่อยล้าเหลือเกิน หลังจากปล่อยวางเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมดแล้วด้วยความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวันทำให้เขาเข้าสู่ห้วงนิทราทันที
.
.
.
.
.
หลังจากที่ผมนอนหลับเต็มอิ่ม ลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่ามันเริ่มมืดเสียแล้ว พอยันตัวลุกขึ้นจากเตียงได้ผมก็เดินไปด้านล่าง เมื่อเดินลงมาถึงสิ่งแรกที่พอเห็นนั้นก็คือหญิงสาวคนหนึ่งที่อายุพอๆกัน เส้นผมสีบลอนด์ทองถูกรวบสูง ใบหน้าขาวเนียนขึ้นสีแดงระเรือจากความร้อนของเตาไฟ แต่งตัวอย่างเรียบง่ายด้วยเสื้อที่ทำจากผ้าฝ้ายและกางเกงขายาวดูคล่องตัว ดวงตาสีชมพูอมม่วง เธอกำลังทำอาหารอยู่อย่างตั้งใจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังทักทายผมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
"คุณคือคุณเอลลี่สินะครับ"ผมยังคงยืนอยู่ตรงหน้าบันไดเพื่อที่จะได้ไม่ไปขวางอีกฝ่าย เธอยิ้มอ่อนโยนมาให้ก่อนจะพยักหน้าตอบ เมื่อเห็นว่าอาหารเสร็จแล้วผมก็เลยอาสาเป็นคนจัดโต๊ะให้ ถึงเธอจะดูไม่อยากให้ทำเพราะร่างกายยังไม่ฟื้นเต็มที่ แต่สุดท้ายเธอก็ยิ้มรับอย่างยินดีอยู่ดีล่ะนะ
"คุณเป็นอะไรมาหรอคะ? เราเห็นคุณมีแผลเต็มตัวแล้วก็สลบอยู่หน้าบ้าน เราก็เลยพาคุณมาทำแผลให้ ดูเหมือนคุณจะโดนสัตว์ป่าไล่มานะคะ"เธอถามผมพลางเดินไปหยิบแก้วใส่น้ำมาให้ ผมกวาดตามองบ้านของเธออย่างคร่าว ๆ มันดูเป็นบ้านที่ค่อนข้างอบอุ่นเลยทีเดียว
"ขอบคุณครับ พอดีผมโดนเจ้าพวกหลอกลวงทิ้งเอาไว้กลางป่าน่ะครับ เดินไปได้พักหนึ่งก็เจอหมีตัวใหญ่วิ่งไล่ผมมาถึงที่นี่นั่นแหละครับ"ผมขอบคุณเธอที่เอาน้ำมาให้หลังจากนั้นก็เล่าเรื่องราวให้ฟังคร่าว ๆ เธอทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีโดยการตั้งใจฟัง รวมถึงดูเหมือนว่าเธอจะโกรธแทนผมด้วย??
"จริงสิ เราชื่อเอลลี่ อายุสิบเก้าปี ส่วนแมวที่นอนอยู่ตรงนั้นชื่อว่าฮันน่า พึ่งอายุแค่ปีเดียวอยู่เลยค่ะ"เธอยิ้มกว้างให้ผมและชี้ไปทางเก้าอี้หน้าบ้าน ผมมองผ่านหน้าต่างก็เห็นแมวสีดำตัวหนึ่งนอนขดเป็นก้อนกลมอยู่บนนั้น
"ผมชื่อลูเซียโน่ อายุยี่สิบปี เป็นนักผจญภัยธรรมดานี่แหละครับ ขอบคุณที่ช่วยผมเอาไว้นะครับ"ผมขอบคุณเธอจากใจจริงอีกครั้ง เพราะว่าถ้าเธอไม่ช่วยผมล่ะก็ผมก็อาจจะไม่มีชีวิตรอดอยู่จนถึงตอนนี้ก็ได้ เธอดูตาเป็นประกายเมื่อผมพูดว่าผมเป็นนักผจญภัย สุดท้ายมื้อเย็นวันนี้ก็กลายเป็นการเล่าเรื่องการผจญภัยของผมไปซะงั้น
———————————————————————to be continued.
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!