เลือด...ไม่ว่าจะมองไปทางใดเลือดสีแดงสดก็ยังปรากฏสะท้อนในดวงตาสีเฮเซลนัทคู่นั้น เมื่อมองลึกลงไปช่างอ่อนไหวและเปราะบางเกินทน บนร่างกายของเขาเต็มไปด้วยสีเลือดจนแยกไม่ออกเลยว่าเป็นเลือดของเขาหรือเลือดของร่างไร้วิญญาณที่นอนกองพะเนินอยู่
'จบแล้วสิ...นะ ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนพ่ายแพ้กันนะ...'เขาครุ่นคิดอยู่ภายในใจดวงตานั้นมองไปในที่ที่ไกลแสนไกล ท้องฟ้าในยามค่ำนี้ช่างว่างเปล่าไร้ซึ่งองค์ประกอบทั้งมวล ในหัวมีภาพเหตุการณ์อันเจ็บปวดฉายย้อนคืนมาอีกครั้ง คล้ายเทปวิดีโอที่ถูกอัดไว้ให้เล่นซ้ำไปซ้ำมาราวกับตอกย้ำความผิดพลาดของนภาผืนนั้น
นภาที่ปกป้องแฟมิลี่เอาไว้ไม่ได้...
แม้ร่ำไห้เท่าใดคนที่เขารักก็ไม่อาจหวนคืนมา ความผิดพลาดครั้งใหญ่นั้นเกินจะให้อภัย ได้แต่โทษตนเองที่ไม่แข็งแกร่งพอ อ่อนแอและไร้กำลัง
ตึก ตึก ตึก ฝีเท้าไม่หนักไม่เบาเดินตรงเข้ามาหาเขาอย่างเชื่องช้าเขาไม่ได้ตอบโต้เพราะสัญญาณของเขาไม่ได้บอกว่าเป็นภัยแต่อย่างใด ดวงตาสีเฮเซลนัทเงยหน้ามองบุคคลที่มาใหม่อย่างไร้สติ เขาเหนื่อยแล้ว ไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะยิ้มทักทายเช่นปกติ รอยยิ้มของเขาไม่มีความหมายหากทุกคนนั้นไม่อยู่
"สึนะโยชิคุง~อย่าเศร้าไปเลยน้า~สึนะโยชิคุงยังมีผมอยู่นี่ไง"คนที่หน้าระรื่นได้ตลอดเวลาอย่างเบียคุรันพร้อมจับมือของเขามาแนบกับแก้มของตน เบียคุรันได้ผันตัวจากศัตรูมาเป็นพันธมิตรกับวองโกเล่และให้ความช่วยเหลือแก่สึนะมาโดยตลอด
จากสงครามการนองเลือดครั้งนี้บุพผาอาลัยก็ตายกันหมด แม้เบียคุรันเองก็ยังบาดเจ็บ ไม่เว้นแม้แต่พันธมิตรอย่างคุณดีโน่และเอ็นมะอีก ถึงแม้จะดีใจที่พวกเขายังมีชีวิตและอยู่ข้างเขา แต่...ถ้าหากท้องฟ้าปราศจากองค์ประกอบแล้วจะมีความหมายอะไรล่ะ?
ทั้งการศูนย์เสียผู้พิทักษ์ รีบอร์น แม่ พ่อ ปู่โนโน่ อัลโกบาเลโน่ บุพผาอาลัย ถ้า...ถ้าหากว่าเขาดีกว่านี้ หากว่า...
"สึนะโยชิคุงดีพอแล้ว เลิกโทษตัวเองเถอะนะ"
"ไม่! ยังไม่ดีพอ! มันไม่เคยพอ!"
หากว่าฉันแข็งแกร่งกว่านี้! ทุกคนก็คงไม่ต้องตาย!!
เสียงสะอื้นไห้สั่นเทาชวนใจหายความโศกเศร้ากัดกินหัวใจจนใกล้แตกสลาย นั่นทำให้เบียคุรันตัดสิ้นใจมอบปาฏิหาริย์เพียงครั้งเดียวแก่เขา
"สึนะโยชิคุง ถ้าหากมีโอกาสอีกละก็สึนะโยชิคุงต้องการรึเปล่า"
"โอ..กาส"
"ใช่แล้วล่ะ อย่างที่สึนะโยชิคุงรู้ว่าฉันสามารถเดินทางไปยังโลกคู่ขนานได้ ในโลกคู่ขนานที่มีผู้พิทักษ์ของสึนะโยชิคุงอยู่ อยากไปรึเปล่า?"
"...ขอแค่ได้ปกป้องฉันยอมทุกอย่าง"ขอแค่ได้เจอกันอีกไม่ว่าอะไรก็ได้ทั้งนั้น
"แน่ใจหรอ ถึงแม้ว่าสึนะโยชิคุงจะไม่ใช่วองโกเล่เดชิโม่ก็ยังอยากจะไปน่ะหรอ?"
คำพูดประโยคนั้นทำให้วองโกเล่เดชิโม่ชะงัก ภายในใจนั้นยุ่งเหยิงครุ่นคิดประโยคเมื่อกี้อย่างเคร่งเครียด ถ้าหากเขาไม่ใช่วองโกเล่เดชิโม่ ถ้าหากเขาไม่ใช่นภาของพวกเขาล่ะ?
"ไม่..ไม่เป็นไร..แค่เฝ้ามองก็ได้"
"สึนะโยชิคุงนี่ดื้อจังเลยนะ...หากปราถนาแบบนั้น ก็ได้..."
"ฉันจะช่วยเอง"
เมื่อเบียคุรันพูดจบพลันร่างกายเขาก็โอนเอนอย่างบังคับไม่อยู่ ตาพร่าเลือนเกินกว่าจะเพ่งมองสิ่งใดได้ชัด มีเพียงประโยคลาสุดท้ายที่ได้ยิน
"ลาก่อนนะ หนึ่งในพี่น้องของทูรินีเซตเต้ของฉัน"
ลาก่อนนะเบียคุรัน ขอโทษที่ฉันเห็นแก่ตัวแบบนี้ ขอแค่ครั้งนี้ฉันขอเห็นแก่ตัวซักครั้งเถอะนะ...
^^^foggy-sky^^^
...————...
...°°°...
"หนีไปครับรุ่นที่สิบ!"
"ไปสิสึนะ!"
"บอส...ฉันจะยื้อไว้ให้เองค่ะ!"
"ไปซะสึนะโยชิ"
"คุฟุฟุ...ผมกำลังเสียสละเพื่อมาเฟียอย่างคุณเลยนะสึนะโยชิ ใช้โอกาสนี้หนีไปซะสิครับ"
"ไปเร็วซาวาดะ!!!"
"อยู่ต่อไปซะเจ้าห่วย...เพราะแกคือวองโกเล่รุ่นที่สิบ จำไว้"
ฮายาโตะ!!! ทาเคชิ!!! โคลม!!! เคียวยะ!!! มุคุโร่!!! คุณพี่!!! รีบอร์น!!!!!!
เฮือก! มะ ไม่ได้นะ ไม่นะ ไม่
"ไม่นะ!!!หยุดซักที!!!"
"แฮ่ก...แฮ่ก..ฮึก!ทุกคน.."
ณ บนเตียงสีขาว ในห้องที่มีกลิ่นของยาฆ่าเชื้อเดาได้ไม่ยากเลยว่าที่นี่คือโรงพยาบาล และเสียงตะโกนของเขาเมื่อตื่นจากฝันร้ายดังลั่นห้องจนได้ยินเสียงฝีเท้าที่กำลังกรูกันเข้ามาเพื่อดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น
ภาพที่เห็นนั้นสร้างความประหลาดใจแก่ผู้ที่มาถึงเป็นอย่างมาก นั่นเพราะบุคคลที่หลับไหลเป็นเจ้าชายนิทรามา5ปี ได้ลุกขึ้นมานั่งพร้อมหอบราวกับว่าบุคคลนั้นไปวิ่งมาหลายกิโลอย่างไรอย่างนั้น และตามกรอบใบหน้าของเขามีเหงื่อออกมากเป็นจำนวนมาก ไม่นานนักหมอก็มาถึงแล้วตรวจอาการของเขาซึ่งมีมารดาที่เขาคิดถึงมากที่สุดนั่งดูแลเขาอยู่
"สึคุงเป็นอะไรมากไหมคะหมอ"นานะเธอถามหมอคนนั้นด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ เป็นห่วงลูกชายของตนเหลือเกิน
"ครับ สำหรับดวงตาที่บอดไปแล้วนั้นหมอไม่สามารถรักษาให้ได้ ร่างกายดูอ่อนล้าไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ แม้ว่าจะไม่ตรวจเจออาการแทรกซ้อนแต่หมอจะนัดมาทุกๆหนึ่งเดือนนะครับ"
คุณหมอกล่าว ก่อนจดอาการของเขาลงบันทึกประจำวัน
"งะ งั้นเองหรอคะ ฮึก!มะ ไม่นะสึคุง"
เมื่อเห็นผู้เป็นมารดาร้องไห้อย่างเจ็บปวดที่ไม่สามารถช่วยอะไรแก่ลูกชายเธอได้เลย เขาจึงกอดปลอบเธอด้วยความคิดถึง ห่วงหาอาทร และเขาก็พยายามปลอบประโลมแม่ของเขาอย่างดีที่สุด
แม้จิตใจในตอนนี้ของเขายังไม่มั่นคงและยังอ่อนไหวง่าย แต่ในตอนนี้เขามีมารดาอยู่ ในโลกของเขาหลังจากที่เขาอายุได้21ปีพ่อก็ได้พาแม่ไปฮันนีมูนกันสองต่อสอง แต่แล้วความสุขก็อยู่ได้ไม่นาน
พ่อและแม่ของเขาถูกลอบสังหารขณะที่กำลังนั่งเครื่องบิน พร้อมกับชีวิตของผู้โดยสารอีก40ราย โดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
ในเวลาพักผ่อนช่วงบ่ายแม่ของเขาได้ขอตัวกลับบ้านไปก่อนเพื่อดูแลน้องชายของเขา ใช่...น้องชาย
ดวงตาที่เคยเป็นสีเฮเซลนัทสีสวยบัดนี้กลายเป็นสีขาวอย่างว่างเปล่า เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ตอนนี้ไม่อาจเห็นได้แม้ภาพเลือนลางก็ไม่
ตอนนี้ ณ ที่นี้ไม่ใช่ที่ของเขา...นภาผืนนี้ไม่มีใครเดินเคียงเฉกเช่นในอดีตอีกแล้ว ได้เพียงกดความรู้สึกทุกอย่างไว้ ไม่ให้ผู้ใดได้ล่วงรู้
^^^foggy-sky^^^
...°°°...
แสงแดดยามเช้าวันใหม่ส่องลอดผ่านหน้าต่างอากาศที่อบอุ่นปนเย็นสบาย วันนี้เป็นวันที่เขาจะได้ออกจากโรงพยาบาลซักที เพียงรอการตรวจรอบสุดท้ายเพียงเท่านั้น หลังจากวันที่เขาฟื้นขึ้นมาก็หนึ่งอาทิตย์ได้แล้วและเขารู้สึกว่าร่างกายของเขามันไม่เสถียร
ไฟดับเครื่องชน
ตั้งแต่ตื่นมาเขารู้สึกได้เลยว่าร่างกายนี้มีพลังดับเครื่องชนธาตุนภาที่กำลังผันผวนไม่คงที่นี่คงเป็นสาเหตุของการหลับไหล และอีกอย่าง...
ไฟดับเครื่องชนในร่างกายนี้ถูกผนึกไว้ ดูเหมือนว่าจะตั้งแต่ห้าขวบเหมือนกับผมในโลกเดิม ด้วยร่างกายที่อ่อนแอการปิดผนึกไฟนั้นจึงเป็นอันตรายอย่างมากเพราะพลังไฟดับเครื่องชนนั้นเป็นพลังงานชีวิต
ถ้าหากถูกปิดกั้นไปมันจะเป็นยังไงรู้ไหม?
คำตอบคือในกรณีแรกถ้าร่างกายแข็งแรงดีก็จะเป็นเหมือนผมในโลกก่อน แต่อีกกรณีคือ...ร่างกายค่อยๆป่วยเบาจนถึงหนัก ไฟที่ถูกกักเก็บจะทำร้ายเจ้าของเอง นานวันเขาก็ไม่สามารถรับรู้อะไรได้อีกจนสุดท้ายที่รอคอยอยู่คือความตาย
ถ้ารู้แล้วก็ยังทำอยู่ล่ะก็คงเป็นการฆ่ากันทางอ้อมดีๆนี่แหละ แต่ดูเหมือนปู่โนโน่จะไม่รู้นะแต่ก็ยังใช้มัน ลางสังหรณ์ของปู่โนโน่ไม่ร้องเตือนบ้างเลยรึไงนะ
ก็อก ก็อก ก็อก
"เข้าไปนะคะคุณซาวาดะ"
"ครับ"
เสียงของพยาบาลหญิงมาเคาะประตูห้องและเมื่อได้รับอนุญาติจากเจ้าของห้องจึงเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับคุณหมอที่รับหน้าที่ดูแลเขาตั้งแต่5ปีก่อนเดินเข้าแล้วเริ่มลงมือตรวจร่างกายทันที
"ร่างกายฟื้นตัวได้รวดเร็วกว่าปกติเลยนะครับเนี่ย แต่กล้ามเนื้อยังมีความอ่อนล้าอยู่คงต้องนัดตรวจเดือนละครั้งนะครับ"
"ครับ"แน่นอนสิผมพยายามปรับเส้นทางการเดินของไฟดับเครื่องชนตั้งแต่เมื่อวานเลยนะ ถ้าถามว่ามันถูกผนึกอยู่ไม่ใช่หรอ?ทำไมถึงใช้ได้? คำตอบคือ หลังจากที่ผมเข้ามาอยู่ในร่างนี้ทำให้ผนึกอ่อนลงมากจนผมสามารถเร่งไฟในตัวมาทำลายไฟของปู่โนโน่ได้น่ะสิ
เเต่ความเสี่ยงที่จะเกิดการย้อนกลับสูงทีเดียว เพราะงั้นที่สำเร็จได้ก็เป็นเพราะผมเป็นคนทำน่ะสิ
"แล้วคุณแม่ของคุณไปไหนครับเนี่ย"คุณหมอ
'อะ เหม่อไปหน่อย'
"คุณแม่บอกว่าจะไปดูน้องชายน่ะครับ"เขาตอบแล้วยิ้มบางๆให้ไป แม้จะไม่ได้รู้สึกอยากยิ้มเลยแม้แต่น้อย
"อ๋อ น้องชายนี่ ซาวาดะ โยสึเมะ สินะครับเนี่ย"งั้นหรอ...ชื่อโยสึเมะสินะ
"แล้วผมออกจากโรงพยาบาลได้เลยไหมครับ"
"อืม...ปกติก็คงได้ล่ะนะงั้นผมโทรเรียกคุณนายซาวาดะให้นะครับ"
"ไม่รบกวนหรอกครับ ผมอยากกลับเองมากกว่า "
"คุณพึ่งตื่นจากโรคเจ้าชายนิทรานะครับจะให้วางใจได้ยังไง"
"ผมดูแลตัวเองได้นะครับคุณไม่ต้องกังวลหรอกครับ"
"...งั้นก็ได้ครับ"
หลังจากต่อล้อต่อเถียงกับคุณหมอก็ได้ออกมาเองคนเดียวอย่างที่ต้องการ เดินตามเส้นทางที่คุ้นเคย บรรยากาศที่คุ้นเคย สถานที่ที่คุ้นเคย แม้จะมองไม่เห็นแต่ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ทำเอาภาพความสุขในอดีตตีขึ้นมาเลยล่ะ
"ถ้ากลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ก็คงจะดี"สึนะได้แต่คิดรำพึงรำพันถึงวันวานที่ได้มีความสุขพร้อมครอบครัวที่เรียกว่าวองโกเล่ รอยยิ้มฝืดปรากฏบนใบหน้าพร้อมหยดน้ำตา
ในที่ที่เงียบสงบเด็กชายได้ร้องไห้อย่างไร้เสียงและแลดูเจ็บปวดใจ
"....."?
^^^foggy-sky^^^
^^^[2,830 ตัวอักษร]^^^
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!