“องศา!!”เสียงชายวัยชราเรียกหาเด็กหนุ่มวัย15ปีคนหนึ่ง
ก่อนที่เขาจะหันมาแล้วพูดตอนกลับไป
“ครับ ลุง!!”
องศา เด็กหนุ่มผู้ไม่ได้อาศัยอยู่กับบุพการีของตน ใช่แล้ว เขาอยู่กับลุงผู้รับอุปการะเขานั่นเอง
“มานี่หน่อยสิองศา.”
“กำลังไปครับ”
เด็กหนุ่มได้วิ่งไปหาชายวัยชราคนนั้น
“เดี๋ยวลุงจะไม่อยู่ซัก2เดือนนะ”
“ไปไหนหรอครับ”
เด็กหนุ่มไม่สามารถหยุดทำหน้าที่สงสัยนั้นได้
“ลุง จะไปเชียงใหม่น่ะ เอาของท้องถิ่นของเราไปเข้าขายที่นั่นบ้าง.”
“เฝ้าร้านให้ลุงด้วยนะลูก”
“ครับ!!”
องศาตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริงแจ่มใส
“แล้วก็..”
ชายชราได้หันกลับมาพูดกับเด็กหนุ่ม
“อย่ามัวแต่อ่านหนังสือจนไม่ทำการทำงานนะ”
“ลุงกลับมาเอ็งน่าจะเปิดเรียนพอดี”
“แค่หนังสือเองลุง\~ผมไม่ได้ขี้เกียจขนาดนั้นซักหน่อย”
เด็กหนุ่มตอบกลับพร้อมกับทำหน้าบึ้งแก้มป่องใส่ชายชรา
หลังจากนั้นเด็กหนุ่มกับชายชราก็บอกลากันก่อนที่จะไป
ผ่านไป2อาทิตย์ที่ชายชราออกไปต่างจังหวัด
(ขายดีจังเลย..)
เด็กหนุ่มคิดในใจขณะขายของให้ลูกค้าในท้องถิ่นของตน
“ขอโทษนะคะ..”
“ครับ!!”
เด็กหนุ่มตอบกลับเด็กสาวคนหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ
“ที่นี่พอจะมีมะพร้าวแก้วขายไหมคะ คือหนูได้ยินว่าจังหวัดนี้มะพร้าวแก้วอร่อย..”
“จะรับกี่ถุงดีครับ ถุงละ10บาท1ถุงมี3ชิ้นนะครับ”
เด็กหนุ่มพูดกับเด็กตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น
“3ค่ะ”
“ครับ”
“30บาทครับ”
เด็กสาวยื่นตังรับของแล้วเดินออกไปจากร้าน
ใช่ครับผมเป็นเด็กอุดรที่อยู่กลางทุ่งนาเลยอยากมีโอกาสได้ไปในเมืองซักครั้ง
แล้วก็
เคยคิดด้วยครับว่าอยากตามหาพ่อแม่!!
อยู่ๆก็มีลูกค้าท่านหนึ่งเดินเขามาในร้าน
“รับอะไรดีครับ?”
“ยังร่าเริงเหมือนเดิมเลยนะองศา”
ชายหนุ่มที่เดินเข้ามาคือแฟนเก่าของเด็กหนุ่ม
“ทมิฬ..”
“วันนี้จะซื้ออะไรล่ะ?”
เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ที่นี่ทีเจลหล่อลื่นไหม?”
“เอาไปทำไรหรอ?”
เด็กหนุ่มถามพร้อมกับหาเจลในลังข้างๆ
“มายจะมาค้างบ้านนะ”
“ใช่คนที่สวยๆที่อยู่หมู่บ้านถัดไปป่ะ?”
“ใช่”
(อายุแค่18รีบจังนะ..)
“อ่ะนี่..”
“เอาถุงยางด้วยไหม?”
“ไม่เป็นไร”
“ทั้งหมด80บาท”
ชายหนุ่มวางตังไว้บนโต๊ะ หยิบของแล้วเดินออกไป
ตกเย็นเด็กหนุ่มเก็บของเพื่อปิดร้าน
(ไปร้านหนังสือหน่อยดีกว่า..)
เด็กหนุ่มหยิบตัวค่าขนมของตัวเองและเดินออกจากร้านเพื่อที่จะไปซื้อหนังสือที่หมู่บ้านข้างๆ
เมื่อเด็กหนุ่มไปถึงก็พบคำพูดที่ผู้คนวัยกลางคนพูดใส่
“มาหามายหรอลูก”
“โทษทีนะลูก มายเขาไม่ชอบเกย์หรอก..”
“ที่บ้านรับได้รึป่าวล่ะ เรื่องที่..เป็นเกย์น่ะ..”
“โอยแกก็\~ไม่มีใครเขารับได้หรอก”
“มีลูกเป็นความน่าอับอายน่ะ”
“แกก็พูดแรงไป\~”
“ไอศามันไม่ถือหรอก”
“ใช่ไหมลูก\~”
เด็กหนุ่มได้แค่ปิดหูปิดตาไม่รับฟังในสิ่งที่คนอื่นพูดและเดินจากไป
ณ ร้านหนังสือ
“ป้ารัตน์ครับ\~”
เด็กหนุ่มถามหาเจ้าของร้านหนังสือ
หญิงชราคนหนึ่งเดินออกมาจากหลังร้าน
“วันนี้มาซื้อหนังสืออีกแล้วหรอลูก”
“ใช่ครับ\~”
ป้ารัตน์เป็นคนเดียวที่รู้ว่าผมเป็นเกย์แล้วไม่เคยรังเกียจแถมยังใจดีเหมือนเป็นแม่ของผมเลย แกมีหลานชายอยู่คนหนึ่งอายุมากกว่าผม2ปี แถมเรียนที่เดียวกันกับผมอีก ผมเลยสนิทกันได้
“ไอศักดิ์ มันไปไหนล่ะ”
“ลุงไปขายของที่เชียงใหม่น่ะครับ”
“งั้นไปเดินเลือกหนังสือได้เลยนะ”
เขาใจดีกับผมมากอบอุ่นมากเขาไม่เคยหัวร้อนเลยเป็นคนที่ใจเย็นมากๆ
“องศาาา”
เสียงเรียกของชายหนุ่มอีกคนได้เรียกชื่อของเด็กหนุ่มออกมา
“ว่าไงพี่พยัคฆ์”
ชายหนุ่มเดินเข้ามาหา
“จะมาก็ไม่บอกเลยน้า”
“ว่าแต่ วันนี้จะซื้อหนังสืออะไรหรอ”
“อยากได้เรื่อง ชีวิตที่ฝันกับเจ้าตูบผู้รู้คุณ น่ะ”
“เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้นะ”
พยัคฆ์ได้ไปหยิบหนังสือเรื่องที่องศาบอกมาให้
“อันนี้ใช่ป่ะ”
“ใช่ๆ”
“พี่พยัคฆ์เก่งจัง!!”
เด็กหนุ่มดีใจเพราะเด็กหนุ่มอยากได้หนังสือเล่นนี้มานานแล้วจึงกระโดดกอดชายหนุ่มคนนั้น เด็กหนุ่มได้เดินไปคิดตังและเดินออกไปจากร้านเพื่อกลับบ้าน ถึงระหว่างทางกลับบ้านจะมีแต่เสียงนินทาเขาก็พยายามไม่ฟัง ทั้งๆที่ข้างในอยากจะร้องออกมาให้ดังที่สุด
————————————————————
ร้องได้ร้องออกมาอย่าเก็บ ไว้คนเดียวแบบองศา หาทางออกในแบบของตัวเอง ไม่ใส่ใจเสียงรอบข้างที่ต่อว่าเรา เราแค่เป็นตัวของตัวเองไม่ต้องเดือดร้อนผู้อื่นแม้แต่น้อย แล้วทำไมเขาต้องมาต่อว่าเรา?
นี้ก็เวลาผ่านไปจนผมต้องไปเรียนที่โรงเรียนแล้ว ผมจะขึ้นม.2เลยย้ายมาเรียนที่นี่แทน
อยากรู้จังสังคมใหม่มันเป็นยังไง..
‘องศา\~’
พี่พยัคฆ์เดินเข้ามาที่หน้าบ้านผม
‘ว่าไงพี่’
‘วันนี้ไปเรียนกับพี่ป่าว\~’
‘ได้ครับแต่รอแปปน้า’
วันนี้ก็เป็นวันที่ผมรู้สึกดีมากเลยเพราะพี่พยัคฆ์ เขาไปส่งผมที่โรงเรียน
.
.
.
.
พอผมไปถึงโรงเรียนก็มีแต่คนมอง ผมยังไม่รู้เลยครับว่าเขามองผมทำไม แต่ดูไปดูมาพี่พยัคฆ์นี่ก็ฮิตในหมู่สาวๆเลยนะเนี่ย
‘ฮอตนะเราอ่ะ55’
ผมพูดกับพี่พยัคฆ์ไปอย่างนั้น
ซักพักพี่พยัคฆ์ก็ตอบกลับผมมาพร้อมยิ้มกวนๆ
‘ทำไม่ได้อย่างพี่ละสิ’
ความรู้สึกผมดันแปลกๆไปหลังจากที่เขาพูดคำนั้นออกมา ทำให้ใจผมเต้นแรงทันนีเลย
ผ่านไปครึ่งวันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมได้เดินลงไปกินข้าวเที่ยงคนเดียวอีกแล้วมันเป็นการเริ่มต้นม.2ที่แย่มากๆเลย
แต่ก็ยังมีพี่พยัคฆ์คอยช่วยในเรื่องต่างๆที่ผมไม่กล้าทำ
(ชีวิตที่มีพี่เขาอยู่ด้วยนี่ก็ดีเหมือนกันนะเนี่ย..)
พวกผู้หญิงเริ่มจะมองผมแปลกขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เมื่อเช้า
ถึงจะมีเสียงซุบซิบที่ว่าผมในทางไม่ดีบ้างแต่มันกลับไม่มีผลกระทบอะไรเลย
‘วันนี้มีนักเรียนมาใหม่นะครับทุกคน’
ครูที่ปรึกษาพูดกับนักเรียนของตัวเอง
(ทำไงดี..)
มันเป็นวันแรกที่ผมมาโรงเรียนนี้ผมควรจะทำไงดี มันตื่นเต้นจนหัวใจจะทะลุออกมาอยู่แล้ว
ผมได้แต่นึกถึงคำพูดของพี่พยัคฆ์ที่คอยให้กำลังใจ
‘ฮึบ..’
ผมรวบรวมความกล้าและเดินเข้าไปในห้อง
‘นั่งข้างเมฆานะ’
‘ครับ’
ผมลองมองไปที่คนที่ครูบอก
นี่มันนักเลงชัดๆเลยนี่หว่า ผมต้องนั่งกลับนักเลงหรอเนี่ย..
‘หวัดดี..’
กว่าจะรวบรวมความกล้าทักไปได้..
‘อ่า.’
ผมรู้สึกเหมือนหน้าผมแตกดังกรึกเลย
จบกันคนที่คิดว่าจะเป็นเพื่อนกันได้..
.
.
.
พี่พยัคฆ์เห็นสีหน้าผมที่ไม่ค่อยดีก็เอ่ยถาม
‘ยังหาเพื่อนไม่ได้หรอ’
‘อืม..’
ผมตอบด้วยความผิดหวัง
‘เดี๋ยวก็หาได้เชื่อพี่สิ!!’
ผมตาลุกวาวเมื่อได้ยินคำพูดนั้น มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกเลย
ชอบหรอ?
ก็ไม่นิ
ความรู้สึกที่ไม่มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด
หลายเดือนผ่านไปที่ย้ายมาเรียนที่นี่
‘เฮ้ย’
มีเสียงที่อยู่ๆก็พูดขึ้นทำให้ผมต้องหัน
‘โดนเก็บมาเลี้ยงหรอว่ะ’
ผมฟังคำต่อว่านั้นแบบไม่รู้สึก แต่ภายในมันอยากจะสวนกลับไปซะเหลือเกิน
‘ตอบกูดิว่ะ’
‘ไอเด็กไม่มีพ่อแม่!!’
‘บ้านก็จน’
‘เพื่อนก็ไม่คบ’
‘ไม่ต้องเกิดมาหรอก’
‘กูผิดหวังแทนคนที่เก็บมึงมาเลี้ยงเลยว่ะ55’
อยู่ๆเขาก็ต่อยมาที่หน้าของผมอย่างไม่มีสาเหตุ เล่นเอาผมน้ำตาซึมเลยล่ะ
‘พวกมึงทำเหี้ยอะไรว่ะ!!’
เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วตะคอกใส่พวกที่รังแกผม
คนนั้นคือเมฆา ผมไม่รู้ว่าเขาคิดไงถึงมาช่วยผม ทั้งๆที่ตอนเจอกันแรกๆเขาแทบไม่สนใจผมเลย
‘เป็นไรไหมว่ะ’
‘ม..ไม่เป็นไร..’
‘วันนี้ไปกินข้าวกับกูไหม’
‘อืม..’
เขาชวนผมไปกินข้าว!! เป็นแรกเลยที่ชวนแบบนี้รู้สึกดีใจจัง
เขาพาผมมาหลังโรงเรียนตรงต้นไม้ใหญ่ เหมือเขารู้ว่าผมไม่เคยมา..
‘นั่งรอนี่แปปหนึ่งนะเดี๋ยวกูซื้อน้ำมาให้’
‘ได้..’
ผ่านไป10นาทีแล้วเขายังไม่มาเลย
จู่ๆเมฆาก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าที่เหมือนโดนต่อยมา
พร้อมกับถือน้ำมา2ขวด
‘ไปมีเรื่องกับใครมาน่ะ!!’
‘ไม่ต้องยุ่ง..’
ผมอุตส่าห์เป็นห่วงแท้ๆ
‘บอกมา!!’
‘เรื่องของกู!!’
‘ตะคอกใส่เราทำไม..’
ณ วินาทีนั้นจู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาโดยที่ผมไม่รู้ตัว
‘เฮ้ยๆ’
‘กูขอโทษ’
เขามองหน้าผมแล้วพูดอีกประโยคหนึ่ง
‘มากินข้าวกันดีกว่า อย่าไปสนใจเลย..’
‘อืม’
_______________________________________
การที่ครอบครัวไม่ได้เลี้ยงผมมาแล้วทำให้ผมกลายเป็นลูกบุญธรรม มันน่ารังเกียจขนานนั้นเลยหรอ ผมเป็นภาระให้คนอื่นหรอ ทำไมเขาต้องด่าว่าผมสมควรไปตาย?
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!