NovelToon NovelToon

เพลิงเล่ห์​ฤดี​

คฤหาสน์​

หากแม้ชีวิตจะสิ้นขอสู้จนนาทีสุดท้าย หากโชคชะตาจะทำร้าย ขอให้ความดีผลาญมันให้สิ้น

"​​​​​​คุณนพทำใจเถอะค่ะ เรายื้อไม่ได้อีกแล้วเราต้องปล่อยมันไป" กานดาผู้เป็นภรรยาของมานพกอดปลอบผู้เป็นสามีที่ต้องถูกฟ้องกลายเป็นบุคคล้มละลาย จากบุคคลที่มีความร่ำรวย เงินทอง กลับหายไปในชั่วพริบตา

"ผมขอโทษนะคุณ ต่อไปนี้พวกเราจะลำบาก ผมสงสารคุณและก็ลูก" มานพร่ำไห้กับความเสียใจที่สูญสิ้นทุกอย่างที่สร้างมากับมือ เหลือเพียงร่องรอยความทรงจำ และความเจ็บปวดที่กำลังจะแผ่เข้ามา

"เราจะผ่านช่วงวิกฤติ​นี้ไปด้วยกัน ขอแค่คุณเข้มแข็งและเราต้องสู้กันใหม่"

"บ้านเราก็ถูกยึด ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ผมต้องให้เจ้าม่านฟ้ามันไปอยู่กับเพื่อนของผม เพราะลูกของเราจะต้องมีอนาคต"

"แต่ลูกคือแก้วตาดวงใจของเรานะคุณนพ"

"แต่เราต้องทำเพื่อลูก เพื่อนผมแค่จะช่วยดูแลและส่งม่านฟ้าเรียนหนังสือ เมื่อผมกับคุณหาแนวทางกันได้แล้วลูกก็จะได้กลับมาอยู่กับเรา"

"ดาเข้าใจค่ะ งั้นเรากลับบ้านกันเลยนะคะจะได้ไปบอกลูกด้วยว่าลูกต้องแยกอยู่กับเรา"

บ้านธรรมกุลศิริโชติ

"ม่านฟ้าลูก พ่อกับแม่มีเรื่องจะคุยด้วย" สีหน้าของผู้เป็นมารดาและบิดาวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย

"ค่ะ คุณพ่อคุณแม่" ม่านฟ้าตรงเข้ามานั่งข้างๆทั้งสอง

"พ่อกับแม่มีเรื่องจะบอกลูก" มานพผู้เป็นพ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ

"เรื่องอะไรหรอคะ" ม่านฟ้ายังไม่รู้ชะตาชีวิตเธอพูดไปพลางอมยิ้มให้ผู้มีพระคุณ

"ธุรกิจของพ่อล้มละลาย และเรากำลังจะไม่มีที่อยู่อาศัยตอนนี้พ่อกับแม่ก็ไม่เหลืออะไรเลย" น้ำเสียงของมานพฟังดูช่างน่าสลดยิ่งนัก

"ไม่เป็นไรนะคะคุณพ่อคุณแม่ ฟ้ายังไม่เรียนก็ได้ เดี๋ยวฟ้าไปช่วยพ่อกับแม่ทำงานหาเงินมาใช้หนี้ให้ค่ะ" หญิงสาวอายุ 20 ปี กล่าวไปแบบนั้นหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตนคิดมันแทบจะเป็นไปไม่ได้

"ลูกทำอย่างนั้นไม่ได้ม่านฟ้า" ผู้เป็นมารดากล่าวคำห้ามความคิดของลูกสาว

"ทำไมละคะ ฟ้าก็แค่อยากจะช่วยพ่อกับแม่" หญิงสาวทำหน้าสลดเมื่อถูกมารดาปฏิเสธความต้องการของตน

"ลูกต้องไปอยู่บ้านของลุงเดชและอาฤดี" มานพผู้เป็นพ่อกล่าวคำเสริม หากแต่ว่าลูกสาวของตนก็ยังไม่เข้าใจ

"ทำไมละคะ พ่อกับแม่ก็ด้วยหรอคะ"

"ไม่จ้ะ พ่อกับแม่ต้องไปทำงานใช้หนี้ ระหว่างนี้ลูกต้องอยู่กับคุณลุงและคุณอา"

"ไม่นะคะคุณพ่อคุณแม่ ฟ้าอยากไปอยู่กับพ่อแม่" หล่อนร่ำไห้เพราะไม่เคยจากอ้อมกอดของบิดามารดา

"ลูกไม่ได้จะไปอยู่ถาวร พ่อกับแม่แค่ฝากลูกไว้หากวันใดพ่อกับแม่ใช้หนี้หมด ก็จะรับลูกมาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง แต่ลูกยังต้องเรียนและเพื่อนของพ่อก็ยังเอ็นดูและจะดูแลลูกเป็นอย่างดี" มานพพูดปลอบใจลูกสาวของเขา

"ค่ะ ฟ้าเข้าใจคุณพ่อกับคุณแม่ ฟ้าจะตั้งใจเรียนให้จบอีกแค่2ปี หากฟ้าเรียนจบฟ้าจะได้ทำงานมาช่วยพ่อกับแม่ใช้หนี้นะคะ"

"ลูกต้องคิดอย่างนี้นะ อย่าเศร้าไปเลย ไปเก็บเสื้อผ้าเถอะลูก เย็นนี้ลูกจะต้องเข้าไปอยู่ในบ้านของคุณลุง"

"ค่ะคุณพ่อ" หญิงสาวยิ้มให้ผู้บังเกิดเกล้า สองเท้ายำชัยไปที่ห้องเพื่อเก็บสัมภาระ

"เสร็จหรือยังลูก" กานดาผู้เป็นมารดาของม่านฟ้าเรียกลูกสาวที่อยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยม

"ค่ะคุณแม่" ม่านฟ้าถือกระเป๋ามองดูรอบๆห้องนอน​ ห้องที่เธอนั้นเคยอยู่แต่ตอนนี้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้วเพราะหล่อนกำลังที่จะจากบ้านหลังนี้ไป

"ไปกันเถอะลูก" กานดาจับมือลูกสาวไปยังรถยนตร์​ ขากำยำเหยียบคันเร่งไปยังที่หมาย​ หากทว่าม่านฟ้านั่งหันหน้ามองเส้นทางตลอดทั้งสาย​ ชวนให้นึกถึงภาพวันวานที่ยังตราตรึงในใจ

เมื่อมาถึงยังบ้านเศรษฐ​ีคนนึง​ มีคนมาคอยรอต้อนรับที่หน้าบ้าน​ ม่านฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวขาลงจากรถอย่างช้าๆ​ รอยยิ้มจางๆส่งมอบให้กับเจ้าของบ้านหลังนี้

"ม่านฟ้านี่คุณลุงเดช​ เพื่อนของพ่อที่ลูกจะมาอยู่​ด้วย ส่วนนี่คุณอาฤดี​ภรรยาของลุงเดช" 

"สวัสดีค่ะคุณลุงคุณอา" ม่านฟ้ายกมือพนมไหว้อย่างงาม​รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นให้กับคนตรงหน้า

"อยู่ที่นี่นะหนูม่านฟ้า​ ลุงกับอาฤดีจะดูแลหนูเองไม่ต้องเป็นห่วง" เดชณรงค์​เอ่ยกล่าวกับหญิงสาวผู้มาใหม่

"เดชฝากม่านฟ้าลูกเราด้วยนะ​"

"ไม่ต้องห่วงนพ​ เราจะดูแลลูกนายเอง​"

"อื้ม​ ไปก่อนนะ" มานพกล่าวลาแต่ก็ไม่วายหวนกลับไปกอดลูกสาว

"พ่อกับแม่ไปก่อนนะลูก​ ห้ามดื้อกับคุณลุงและคุณอานะ​ ไว้ทุกอย่างมันดีขึ้นพ่อจะมารับลูกไปอยู่เป็นครอบครัวอีกครั้ง ตั้งใจเรียนนะรู้ไหม"

"ค่ะ​คุณพ่อ"

"ไม่ต้องห่วงนะคะ​ เราจะดูแลลูกของคุณให้เหมือนคนในครอบครัว" ฤดีผู้เป็นภรรยาเจ้าของบ้านพูดเพื่อคลายความกังวลใจให้กับทุกคน

"ขอบคุณนะฤดี"

"ค่ะ" ฤดีกอดม่านฟ้าแล้วพาหล่อนเข้าไปภายในตัวบ้าน

"ป้านวลฝากเอากระเป๋าไปไว้ในห้องที่เพิ่งทำความสะอาดหน่อย" เสียงเล็กที่ฟังดูสุขุมเอ่ยขึ้น

"ได้ค่ะคุณหญิง" สาวรับใช้ข้างกายรับคำสั่งจัดแจงสัมภาระของผู้มาใหม่ให้เข้าที่ตามนายสั่ง

"ไปกันเถอะม่านฟ้า​ เดี๋ยวอาจะพาหนูไปห้องของหนู" ฤดียิ้มให้หญิงสาวและเดินนำเธอไปยังห้องนอนดังกล่าว

"เดี๋ยวฟ้าจัดของเองค่ะ​ ขอบคุณมากนะคะ" ม่านฟ้ากล่าวเสียงนุ่มนวลพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ

"ไปเถอะป้านวล​ ไปจัดเตรียมอาหารเย็นเถอะ​ ม่านฟ้าเพิ่งมาถึงเมื่อครู่คงจะเหนื่อยจะได้รับประทานอาหาร"

"ค่ะคุณหญิง" สาวใช้โค้งตัวลงและเดินผ่านหน้าของทั้งสองไปในทันที

"ม่านฟ้าไปอาบน้ำ​ เสร็จแล้วลงไปทานอาหารนะอาจะรอ"

"ค่ะ​ ขอบคุณนะคะที่เมตตาฟ้า"

"จ้ะ​ เป็นเด็กดีนะ" ฤดีปลอบประโลม​ลูมผมดำเงาของม่านฟ้าอย่างเอ็นดู

"ค่ะ" หญิงสาวจัดเตรียมของเครื่องใช้ให้เข้าที่ ​ผ้าขนหนูสีขาวถูกหยิบออกมาจากตู้​หล่อนพาดบ่าอย่างเคยตัว เธอเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำกิจธุระส่วนตัวให้เสร็จสับ​ เวลาผ่านไปชั่วขณะหญิงสาวก็อาบน้ำแต่งด้วยชุดนอนสุภาพ​เสื้อยืดสีขาวกางเกงขายาวสีขาวเช่นกัน​ สองเขายาวก้าวออกจากห้องสี่เหลี่ยมเพื่อไปร่วมรับประทานอาหาร

"มานั่งตรงนี้สิม่านฟ้า" ฤดีผายมือให้หล่อนมานั่งข้างกายของตน

"ม่านฟ้า​ นี่ลิษาเป็นหลานของอาเอง" ม่านฟ้ายิ้มให้ลิษาผู้ที่นั่งตรงข้ามกับเธอ

"สวัสดีค่ะคุณลิษา" ม่านฟ้ายกมือไหว้ผู้ที่มีอายุไร่เรี่ยกับตน

"ทานอาหารเถอะค่ะลิษาหิวแล้ว" การกระทำของลิษาทำเอาม่านฟ้าหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย​ราวกับถูกหักหน้า เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันเพื่อข่มอารมณ์​นอยเมื่อครู่

"ไม่ทานหรอม่านฟ้า" ฤดีมองหญิงสาวที่นั่งข้างๆตน หล่อนนิ่งไปชั่วขณะ

"ค.. คะ" ม่านฟ้ามองอาฤดีด้วยแววตาที่มีความกังวลและประหม่าอยู่เล็กน้อย

"ทานนี่หน่อยนะ​ คงจะเดินทางมาเหนื่อยๆรีบทานจะได้รีบขึ้นไปพักผ่อน"

"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้ายิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะลงมือรับประทานอาหาร​ แต่ทว่าไม่วายมีคนมาก่อกวน

"ใครกันหรอคะคุณอา" ลิษาหันไปถามเดชณรงค์ผู้มีศักดิ์เป็นอาของเธอ ลิษามีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก

"เป็นลูกของเพื่อนอาเอง​ เขามาอยู่เพราะว่าธุรกิจล้มละลายเป็นหนี้​ อาเลยอาสารับม่านฟ้าเข้ามาดูแลระหว่างที่พ่อกับแม่ของม่านฟ้าหาเงินมาใช้หนี้"

"อ่อ​ ที่ก็ผู้ดีตกกระป๋องนี่เอง" คำพูดของลิษาทำเอาทุกคนในโต๊ะอาหารถึงกับไม่พอใจ

"ลิษา​ ทำไมไปพูดกับม่านฟ้าอย่างนั้นล่ะหลานรัก​ ม่านฟ้าอายุมากกว่าเราด้วยนะมีศักดิ์เป็นพี่"

"ไม่ค่ะ​ ลิษาไม่รับมันเป็นพี่ใครที่ไหนก็ไม่รู้​ มันจะมาแย่งความรักของคุณอากับคุณน้าใช่ไหมคะ" ลิษาพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองใจแววตาเจ้าแค้นหันไปมองม่านฟ้าราวกับจะกินคนตรงหน้า

"ใครจะแย่งอาไปจากหลานได้ล่ะ​ ไม่คิดแบบนี้สิลิษา​ขอโทษพี่เขาก่อนเร็ว"

"ไม่ค่ะ​ ลิษาไม่ขอโทษ" ลิษายังทำหน้าบึ้งตึงไม่ยอมลดหย่อนมองม่านฟ้าด้วยสีหน้าไม่พอใจยิ่งทำให้ม่านฟ้ารู้สึกอึดอัดที่จะอยู่ตรงนี้

"ฟ้าอิ่มแล้ว​ ขอตัวก่อนนะคะ" ม่านฟ้าที่กำลังจะก้าวขาลุกออกจากเก้าอี้ แต่ก็ต้องหยุดการกระทำนั้นไว้เมื่อมีใครบางคนพูดแทรกขึ้นมา

"เสียมารยาท​ เคยเป็นผู้ดีมีชาติตระกูล​มาก่อนไม่รู้หรอว่ามันไม่สมควรที่ลุกจากโต๊ะอาหารก่อนผู้ใหญ่" ม่านฟ้าได้ยินดังนั้นจึงหันไปกล่าวคำขอโทษเดชณรงค์และฤดีโดยทันที

"ขอโทษค่ะคุณลุง​ คุณอา" ม่านฟ้ายกมือขึ้นไหว้อย่างรู้สึกผิด

"ไม่เป็นไรหรอกลูก​ ไปเถอะ" เดชณรงค์รู้ว่าภายในจิตใจของม่านฟ้าตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก 

"ไป เดี๋ยวอาไปส่ง" ฤดียืนขึ้นหันไปสบตากับม่านฟ้าเพื่อให้เธอนั้นเดินตามมา​ เมื่อมาถึงยังห้องสี่เหลี่ยม ม่านฟ้าก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่กล่าวอะไรสักคำ

"อาขอโทษแทนลิษาด้วยนะ"

" ไม่เป็นไรค่ะ​ ฟ้าเข้าใจ" หญิงสาวยิ้มให้คนตรงหน้าเพราะกลัวว่าฤดีจะกังวล

"เราคงคิดถึงบ้าน​ คิดถึงพ่อกับแม่ใช่ไหม​ แถมเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ก็ได้รับคำพูดที่มันไม่ค่อยจะดี"

"ฟ้าต้องยอมรับค่ะ​ เพราะฟ้าไม่ใช่คุณหนูอีกต่อไป​ ฟ้าเป็นแค่ผู้ที่มาอาศัยก็เท่านั้น"

"ไม่คิดแบบนี้สิม่านฟ้า" ฤดีกอดปลอบหญิงสาวที่ในใจขุ่นมัวเศร้าหมองอยู่​ ณ​ ขณะนี้

"ทำไมชีวิตฟ้าต้องมาเจออะไรแบบนี้คะคุณอา​จากที่บ้านรวย​มีธุระกิจ​ แต่ตอนนี้ล้มละลาย​ ฟ้าไม่มีแม้กระทั่งบ้านให้อาศัย" ม่านฟ้าปลดปล่อยความทุกข์ออกมาผ่านดวงตาสีน้ำตาลอ่อน​

"ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะม่านฟ้า​ วันนี้มีไม่ได้แปลว่าวันต่อๆไปจะเป็นอย่างที่ใจเราหวัง​ อาพูดถูกมั้ย"

"ค่ะคุณอา​ ขอโทษนะคะที่วันนี้ฟ้าเสียมารยาทบนโต๊ะอาหาร​ แต่ฟ้าทนฟังไม่ได้แม้ว่าเรื่องแบบนั้นมันจะเป็นความจริง" ม่านฟ้าเช็ดน้ำตา​หล่อนผละออกจากอ้อมกอดของฤดี

"ไม่เป็นไรนะ​ อาว่าที่ลิษาพูดมันก็ไม่ถูก​คนเราล้มต้องอย่าข้ามเดี๋ยวอาจะไปบอกลิษาให้นะ"

"ไม่เป็นไรค่ะคุณอา​ ลิษาเขาดูจะไม่ค่อยชอบฟ้าสักเท่าไร เธอคงกลัวฟ้าไปแย่งความรักของคุณลุงกับคุณอา"

"ไม่คิดมากนะ​ ม่านฟ้ามาอยู่ที่นี่ก็เหมือนเป็นครอบครัวของอา เหมือนลูกเหมือนหลานคนนึง​ อาไม่อยากให้เราทำตัวเกร็งๆใส่กัน​ ให้คิดซะว่าอาเป็นอาของฟ้านะ"

"ค่ะคุณอา​ ขอบคุณนะคะที่เมตตาฟ้า" ม่านฟ้ายิ้มอ่อนให้ฤดี​ เธอเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจดี​แถมอยู่ด้วยและรู้สึกสบายใจ​

"หิวมั้ย​ เดี๋ยวอาไปชงนมอุ่นๆให้ดื่มรอแป๊บนึงนะ" ฤดียิ้มให้ม่านฟ้าก่อนจะย่างกายเตรียมนมอุ่นมาให้ผู้มาใหม่​ ม่านฟ้าเองก็นั่งที่โต๊ะทำงานภายในห้องสี่เหลี่ยมของเธอ​พลางหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาทำรายงานส่งอาจารย์

"นมอุ่นๆมาแล้ว ดื่มก่อนนอนนะม่านฟ้า" ฤดีถือแก้วนมอุ่นยื่นให้กับคนตรงหน้าที่จดจ้องกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย

"ขอบคุณค่ะคุณอา" หล่อนหยิบแก้วจากมือของฤดีแล้วยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว

"ฟ้าทำอะไรอยู่คะดึกแล้วนะ​ จะ4ทุ่มแล้วเดินทางมาถึงก็เกือบจะค่ำไม่เพลียบ้างหรือ" ฤดีถามด้วยท่าทีเป็นห่วง

"ฟ้าทำรายงานส่งอาจารย์​อยู่ค่ะคุณอา​ ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ"

"ขยันจริงๆเลยนะ​ แล้วเรียนอะไรอยู่ปีไหนแล้ว"

"ฟ้าเรียนบริหาร​ค่ะ​ ปี3แล้ว​ ตอนแรกที่เรียนก็หวังว่าจบมาจะได้ช่วยคุณพ่อกับคุณแม่มาบริหารงานที่บริษัท​ แต่ยังไม่ทันจบก็......"

"อาเชื่อว่าถ้าม่านฟ้าเรียนจบยังไงม่านฟ้าก็สามารถบริหาร​ที่บริษัท​ได้​"

"ค่ะคุณอา"

"แล้วเราเรียนที่ไหนล่ะ" 

" ฟ้าเรียนที่มหาวิทยาลัย​สินธนบุรีค่ะ"

"หื้ม... เรียนที่เดียวกับลิษาเลย​ ก็ดีหน่อยเวลาไปทำเรียนจะได้ไปพร้อมกัน"

"พร้อมกันหรอคะ" ม่านฟ้ากดเสียงต่ำพลางมองใบหน้าของฤดีด้วยสีหน้าที่มีความกังวล

"ไม่ต้องห่วงนะ​รถตู้ที่บ้านไปส่ง คนขับรถก็จะขับรถไปรับไปส่ง​ฟ้าอย่ากังวลไปเลย"

"ค่ะคุณอา" เธอพูดไปอย่างนั้นแม้ว่าในใจลึกๆแล้วเธอรู้ดีว่าลิษาไม่ชอบเธอ​ แถมยังต้องไปเรียนด้วยรถคันเดียวกันอีก​ เธอกังวลว่าจะถูกลิษาต่อว่าและดูถูก​ ขนาดต่อหน้าคุณลุงและคุณอายังว่าหล่อนขนาดนี้​ ลับหลังหล่อนจะโดนอะไรบ้างก็ยังไม่รู้"

"นี่ก็​ 4​ ทุ่มแล้วคุณอายังไม่ง่วงหรอคะ" ม่านฟ้าเอียงศีรษะ​ถามอย่างสงสัย

"เดี๋ยวอาก็จะเข้านอนแล้วล่ะ​ พรุ่งนี้อามีประชุม แล้วเราล่ะ​ทำงานจะเสร็จเมื่อไหร่นอนดึกตื่นเช้ามันไม่ดีนะ"

"ฟ้าเสร็จแล้วค่ะ​ แค่มาตรวจสอบงานว่าเรียบร้อยหรือเปล่า​ คงจะแปลกที่มั้งคะฟ้าเลยนอนไม่ค่อยหลับ" หญิงสาวถอนหายใจมือปิดหน้าจอโน๊ตบุ๊คให้พับลง​ สายตามองไปยังห้องนอนกว้างที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย

"คิดถึงพ่อกับแม่สินะเรา"

"ค่ะฟ้าคิดถึงท่านทั้ง​ 2​ ค่ะ​ ไม่เคยคิดว่าจะได้แยกกับคุณพ่อคุณแม่​ อย่างน้อยถ้าวันไหนฟ้ารู้สึกไม่สบายใจก็ยังมีคุณพ่อกับคุณแม่คอยกอดฟ้า" หล่อนร่ำไห้อีกครั้งก่อนจะเดินไปยังเตียงนอน

"ยังมีอาอยู่ทั้งคน​ อาบอกแล้วไงฟ้า​ว่าให้มองอาเป็นเหมือนคนในครอบครัว​ ยังไงฟ้าก็คือหลานของอา​ อย่าคิดว่ามาอยู่บ้านหลังนี้แล้วตัวคนเดียวเลยนะ​ อาไม่คิดจะมองฟ้าเป็นคนอื่นคนไกล" ฤดีกอดม่านฟ้าให้สยบความคิดแบบนั้น

"ขอบคุณนะคะที่ไม่รังเกียจ​ฟ้า แถมเอ็นดูฟ้าอีก​ คุณลุงเดชโชคดีจังเลยนะคะที่มีภรรยาแบบคุณอา"

"สิ่งที่เห็นกับความเป็นจริงมันไม่เหมือนกันหรอกนะ" ฤดีปัดเป่าปอยผมที่ปิดบังใบหน้าของหญิงสาว

"หมายความว่าอย่างไงหรอคะคุณอา"

"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ​ อยู่อีกหน่อยเดี๋ยวฟ้าก็รู้เอง​ เรียนรู้นิสัยคนในบ้านเอาเองนะ"

"ค.. ค่ะ" หญิงสาวงงกับคำพูดของฤดีอยู่ไม่น้อยแต่ไม่อยากเอ่ยปากถามอะไรมาก​ เพราะเธอเพิ่งจะเข้ามาอยู่​ กลัวฤดีจะมองตนว่าเป็นคนสอดรู้สอดเห็น

"ให้อานอนเป็นเพื่อนหรือเปล่า"

"ไม่เป็นไรค่ะคุณอา​ ห้านอนได้ค่ะ"

"งั้นนอนฝันดีนะม่านฟ้า" ฤดีดึงผ้าห่มมาห่มกายให้เด็กสาวพลางลูบผมสีดำดกเงางามอย่างเอ็นดู

"ฝันดีค่ะคุณอา" หญิงสาวพูดยิ้มหลับตาลง​ ฤดีมองคนที่กำลังหลับอย่างเอ็นดู

สองเท้าก้าวเบาๆเพราะเกรงว่าจะทำให้ม่านฟ้านั้นตื่นเธอปิดไฟในห้องก่อนจะค่อยปิดประตูอย่างช้าๆ

วุ่นวาย

เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นเวลาตี​ 5​ หญิงสาวผู้มาใหม่จัดการตนเองให้ทันก่อนไปทานข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากับคนในบ้าน​

"ชุดนักศึกษาอยู่ไหนนะ​ จำได้ว่าก็เอาไว้ในนี้นี่หน่า" หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอย่างเนื่อยๆ​

"บ้าจริง​ ลืมรีดชุดได้ไง​" ม่านฟ้าไม่รอช้า​ นำเครื่องแต่งกายมารีดจัดทรงให้เป็นระเบียบ​ กระโปรงพีทยาวถึงตาตุ่มเผยให้มองถึงบุคลิกว่าเป็นคนเรียบร้อย

"6​ โมงกว่าแล้วมาทานข้าวเถอะม่านฟ้า​ เดี๋ยวจะต้องไปมหาวิทยาลัยอีกจะสายเอาได้​" ฤดีผายมือให้ม่านฟ้ามานั่งข้างตนอย่างที่เคย​ เดชณรงค์นั่งที่มุมหัวโต๊ะ​ ส่วนลิษานั่งทางขวามือของเดชณรงค์

"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้ารวบกระโปรงก่อนนั่งรับประทานอาหารเช้า

"หลับสบายดีหรือเปล่าม่านฟ้า" เดชณรงค์เอ่ยถามผู้ที่เข้ามาอาศัยใหม่

"ค่ะคุณลุง"

"คุณเดชคะ​ ฤดีจะให้ป้านวลดูแลม่านฟ้าด้วยคุณจะว่าอะไรหรือเปล่า"

"แล้วแต่คุณเลยครับ​ ความเรียบร้อยภายในบ้านคุณจัดการได้ทุกอย่างตามความเหมาะสม"

"คุณน้าคะ​ ป้านวลเป็นคนของคุณน้าไม่ใช่หรอคะทำไมคุณน้าถึงจะไปให้ป้านวลไปดูแลยัยม่านฟ้าด้วย" ลิษาพูดเชิงไม่พอใจ​ปากเบ้ไปมาด้วยความหมั่นไส้

"เพราะน้าไว้ใจป้านวลไง​"

"คุณน้าคะ" 

"ป้านวลคะ​ ดูแลม่านฟ้าให้เหมือนดูแลฤดีด้วยนะคะ​ เพราะม่านฟ้าก็คือคุณหนูของบ้านหลังนี้ด้วยอีกคน"

"ค่ะคุณหญิง" สาวรับใช้ตอบรับด้วยความเต็มใจ

"คุณน้าคะ​ ทำไมต้องให้ใครไม่รู้ไม่ใช่ครอบครัวของเรามาเป็นคุณหนูของบ้านเราด้วยคะ​ ลิษาไม่ยอมหรอกนะคะ" 

"ลิษา​ มีมารยาทหน่อยสิ​ ม่านฟ้าเขาเป็นลูกของเพื่อนคุณอาของหลานนะ"

"ลิษา​ อาว่าก็ดีนะหลานจะได้มีเพื่อนด้วยไงล่ะ" เดชณรงค์พูดเสริม

"ไม่ค่ะ​ มันจะมาแย่งความรักของคุณอากับคุณน้าของลิษาไป​ ลิษาไม่ยอม​คุณอาจัดการให้ลิษาหน่อยสิคะ​ บอกคุณน้าให้หน่อยว่าลิษาไม่ยอม"

"ลิษาฟังอานะ​ บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณน้าฤดีไม่ใช่บ้านของอา แถม​บริษัท​ก็เป็นของน้าฤดี​ ลืมไปแล้วหรอ!!! ที่เรามีทุกวันนี้เพราะใคร"

"คุณอาไม่เข้าข้างลิษา​ หรือว่าคุณอาจะรักมันมากกว่าลิษา"

"อาไม่ได้คิดแบบนั้นนะหลานรัก"

"คุณน้าคะ" ลิษาหันไปพูดเสียงอ้อนกับฤดี

"ลิษาหลานน้าไม่คิดแบบนี้สิ ยังไงลิษาก็ยังเป็นหลานของน้า ทำไมคิดแบบนี้คะไม่มีใครมาแทนที่ลิษาของน้าได้หรอกนะ" ฤดีลุกจากเก้าอี้อ้อมไปโอบกอดลิษาจากด้านหลัง

"ลิษากลัวคุณน้าไม่รักลิษา"

"น้ารักลิษาที่สุด​ ทานข้าวนะคะ"

"ลิษาก็รักคุณน้าค่ะ" ลิษาหอมแก้มคุณน้าของเธอด้วยความน้อยใจ​ ม่านฟ้าก็นั่งเงียบนึกแต่โทษตัวเองที่เป็นคนทำให้คนในบ้านทะเลาะกันเพราะเธอหรือเปล่า

📞สายเรียกเข้า📞

ม่านฟ้าก้มมองโทรศัพท์​ของตนที่มีเพื่อนของเธอโทรมา​ ม่านฟ้ามองหน้าฤดีและเดชณรงค์เพื่อเป็นการขอนุญาต

"รับสายก่อนเถอะ" เดชณรงค์ตอบรับความปราถนาของม่านฟ้า​ หญิงสาวย่ำสาวเท้าไปยังพื้นที่โล่งทันที

ว่ายังไงญาดา : ม่านฟ้า

ญาดา​ : ฉันได้ข่าวเรื่องพ่อของแก

เห้อ... ฉันเครียด​ : ม่านฟ้า

ญาดา​ : วันนี้แกมาเรียนมั้ย

อื้ม​ แล้วจะเล่าให้ฟัง​ : ม่านฟ้า

ญาดา​ : โอเค

"คุณอา" ม่านฟ้ารีบเก็บโทรศัพท์​ทันที​ "ฟ้าอิ่มแล้วค่ะคุณอา"

"แต่อาเห็นว่าหนูฟ้ายังไม่ได้ทานสักคำเลยนะ​ เป็นอะไรหรือเปล่า"

"เปล่าหรอกค่ะ" ม่านฟ้าตอบปฏิเสธแม้ในใจเธอไม่ได้คิดอย่างนั้น

"อาดูออกนะว่าฟ้าไม่โอเค​ อาต้องทำอย่างไงให้หนูฟ้าไม่ต้องกังวล"

"ถ้าลิษาเขาเลิกพูดจาแบบนั้น​ค่ะ แต่คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ​ เพราะลิษาเป็นหลานรักของคุณอากับคุณลุง"

"ม่านฟ้า​" ฤดีได้แต่ถอนหายใจเพราะมันก็เป็น​อย่างที่หล่อนพูด

"ช่างเถอะค่ะ ฟ้าก็​พูดอะไรไม่ได้ทำได้แค่อดทน​ ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรแม้ในใจจะรู้สึกอยู่ไม่น้อยก็ตามค่ะ"

"ไปเรียนเถอะนะ​ อ่ะ!!! เอาเงินไปใช้​" ฤดีหยิบเงินจำนึงหนึ่งใส่มือของม่านฟ้า

"คุณอาคะ​ ฟ้าว่ามันเยอะเกินไปแค่ฟ้ามาอยู่ฟ้าก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้วค่ะ"

"อาบอกแล้วไงว่าอาจะดูแลเราให้เสมือนคนในครอบครัว​ ฟ้าเป็นหลานอา​เงินนี่​อาให้เราเอาไปใช้เดือนละ​ 40000​ พอไหม"

"พอค่ะ​ ขอบคุณค่ะคุณอา" ม่านฟ้ายกมือไหว้ขอบคุณอย่างเกรงใจ

"ตั้งใจเรียนนะ​ ตอนเย็นเจอกัน"

"ค่ะคุณอา"

"ป่ะเดี๋ยวอาไปส่งขึ้นรถ​ ป่านนี้คนขับรถรอแย่แล้ว " ฤดีเดินมาส่งม่านฟ้าและลิษาขึ้นรถเพื่อให้ทั้งสองนั้นทำหน้าที่ของตนเองนั่นก็คือการเรียนหนังสือ

มหาวิทยาลัยสินธนบุรี

"ยังไงเล่ามายัยฟ้า" ญาดาแก๊งค์​เพื่อนสาวที่สนิทถามขึ้น

"พ่อฉันถูกฟ้องล้มละลาย​ แถมเป็นหนี้อีกตั้งหลายล้านพ่อก็เลยเอาฉันไปอยู่กับเพื่อนพ่อ"

"อ้าวหรอ!!! จากคนที่บ้านรวยมากๆ"

"อื้ม​ ชีวิตก็แบบนี้แหละ"

"แล้วคนที่บ้านนู้นเขาดูแลแกดีไหม"

"ดีนะ​ แต่หลานของบ้านนั้นไม่ชอบฉันนะสิ​ เพราะกลัวว่าฉันจะไปแย่งความรัก"

"หื้ม... เด็กไม่รู้จักโตนะสิ​"

"เรียนที่นี่อ่ะ​ ปี​ 1​ คณะนิเทศศาสตร์​"

"ทนเอาหน่อยนะแก"

"ไม่รู้จะอดทนไปได้แค่ไหน แค่เมื่อวานกับวันนี้ทำฉันอึ้งพูดไม่ออกเลย"

"แกมาอยู่กับฉันไหมล่ะ"

"ขอบใจมากนะดา​ แต่พ่อกับแม่ฉันให้อยู่กับคุณลุงกับคุณอา​ ก็ไม่อยากขัดใจเดี๋ยวพ่อกับแม่จะไม่สบายใจเอา" ม่านฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

"แล้วนี่แกมีเงินใช้ไหม​ไม่มีบอกพวกเราได้นะ​"

"ฉันมี​ คุณอาให้ฉันใช้เงินเดือนละ​ 4000​0"

"40000​ เลยหรอ​ เขาคงเอ็นดูแกมาก"

"แต่มากไปก็ไม่ได้​ หลานคุณอาจ้องแต่จะหาเรื่องมาให้ฉัน"

"เห้อ!!! ชีวิตแกนี่นะ"

"ไม่สนุกเอาซ้ะเลย" เวลาผ่านไปพอสมควรถึงเวลาพักเที่ยงนักศึกษาต่างคณะก็พากันมารับประทานอาหาร​ มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งหยุดอยู่ตรงที่โต๊ะของม่านฟ้า

"เนี่ยคนนี้แหละที่ฉันบอกว่าที่บ้านล้มละลาย​ หนีหัวซุกหัวซุนมาอาศัยบ้านคุณน้าของฉัน​ แถมยังอยากจะเป็นหลานรักด้วยมั้ง​ ไม่รู้ว่าไปขออะไรคุณน้าฤดีถึงได้ยอมให้ป้านวลคนรับใช้ข้างกายคุณน้ามาดูแลตัวเองด้วย​ แถมคุณน้าฤดียังบอกให้คนในบ้านเรียกมันว่าคุณหนูเหมือนฉัน" ลิษาพูดประณามกล่าวลือม่านฟ้าอย่างเสียหาย​ หารู้ไม่ว่าเรื่องที่ตนกล่าวไม่เป็นความจริง

"หื้มจริงหรอลิษา​ แล้วอย่างนี้คุณน้าของเธอจะยกมรดกให้มันหรือเปล่า" เพื่อนสนิทลิษาเอ่ยขึ้น

"ไม่มีทางฉันเป็นหลานของคุณน้า​ มรดกต้องตกเป็นของฉันคนเดียว"

"น้าของลิษาไม่มีลูกหรอ"

"ไม่มีคุณน้าฤดีทำหมันน่ะเลยไม่มีลูก​ คุณน้าเลยรักและเอ็นดูฉันเหมือนลูกคนนึง"

"เธอก็เป็นแค่หลานของคุณลุงเดช​ที่เป็นสามีของคุณอาฤดี​ ไม่ใช่หลานแท้ๆของคุณอาสักหน่อย" ม่านฟ้าเอ่ยโต้กลับ

"แต่คุณน้ากับคุณอาก็เป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฏหมาย​ และฉันเป็นหลานไม่ใช่คนอื่นที่มาอาศัยในบ้านเหมือนเธอ"

"แต่คุณลุงเดชกับคุณอาฤดีก็รับฉันเป็นหลานอีกคน"

"เธอมันก็แค่ลูกเพื่อนพ่อไม่ใช่หลานในไส้แท้ๆของคุณอา"

"ขอพูดไว้ก่อนเลยนะ​ ฉันไม่เคยคิดจะแย่งความรักของคนในบ้าน​ อีกอย่างคุณลุงก็อาสารับฉันมาดูแลเอง​ ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณลุงเอาฉันมาซ้ะเมื่อไหร่"

"แกไม่ได้ขอ​แต่พ่อกับแม่แกขอไง​ ลับหลังคุณอากับคุณน้าปากดีจังนะ​"

"แล้วทำไมฉันจะต้องยอมให้เธอมาว่าฉันอยู่คนเดียว" 

"พ่อกับแม่ไม่สั่งสอนหรอ​ หรือที่ผ่านมาเป็นผู้ดีจอมปลอม​ พ่อกับแม่แกจับฉลากมาเป็นผู้ดีหรอ"

"ว่าฉันได้แต่มาว่าพ่อกับแม่ฉันไม่ยอม" ถาดข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะถูกสาดใส่ตัวของลิษาด้วยฝีมือของม่านฟ้า

"กรี๊ดดดด!!! ฉันจะฟ้องคุณอากับคุณน้า​ แกโดนไล่ออกจากบ้านแน่"

"เชิญ​" ม่านฟ้ากล่าวคำพูดหนักแน่นก่อนที่จะหลบหนีไป

ช่วงเวลาเลิกเรียนคนขับรถนั้นได้มารับเธอทั้งสองเมื่อลิษาขึ้นรถก็สั่งให้คนขับรถออกรถทันทีโดยไม่ให้รอม่านฟ้า​ เมื่อหญิงสาวเห็นรถที่บ้านขับออกไปก็พอจะเดาได้ว่าเป็นฝีมือของลิษาที่ไม่ยอมให้ตนนั้นขึ้นรถกลับด้วย

เวลาผ่านไปพอสมควรเป็นเวลาใกล้​ 6​ โมงเย็นม่านฟ้าเพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน​ ทุกคนในบ้านต่างก็นั่งรอตรงโซฟาที่ห้องนั่งเล่น

"สวัสดีค่ะคุณลุง คุณอา" ม่านฟ้ายกมือไหว้โดยไม่รู้ว่าก่อนที่ตนจะมาถึงบ้านลิษานั้นฟ้องอะไรที่ไม่เป็นความจริงไปแล้วบ้าง

"ทำไมเพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน​ ทำไมไม่ขึ้นมากับรถของที่บ้านเรา" เดชณรงค์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

"รถไม่ได้รอฟ้าเลยนะคะ​ ฟ้ามาถึงหน้ามอ.รถก็ออกไปแล้ว"

"ไม่จริงค่ะคุณอาเดช​ ลิษาเห็นม่านฟ้ายืนคุยกับผู้ชายคนขับรถเรียกก็ไม่ยอมขึ้นบอกให้คนขับรถขับออกไปเลย" 

"ไม่เป็นความจริงค่ะ" ม่านฟ้าปฏิเสธทันควัน

"ลิษาถ่ายรูปมาด้วยค่ะ​ เผื่อคุณอากับคุณน้าไม่เชื่อ" ลิษาชูโทรศัพท์​เปิดภาพที่หล่อนกับผู้ชายยืนคุยกันอยู่หน้ามหาวิทยาลัย

"ม่านฟ้าตอบลุงมาหน่อยว่าเรื่องจริงไหม" เดชณรงค์ถามอย่างใจเย็นเธอคิดว่าม่านฟ้าเป็นเด็กดีเหมือนที่เพื่อนของตนเคยกล่าว

"ฟ้าคุยกับเพื่อนคนนี้จริงค่ะ​ แต่เขาเป็นสาวสอง​อีกอย่างเราก็แค่คุยงานกลุ่มที่พรุ่งนี้จะต้องนำเสนอ​ ราก็แค่แบ่งข้อมูลกันทำำ ​แล้วฟ้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้​ ฟ้าคุยกับเพื่อนเรื่องงานจริงๆค่ะ"

"อื้ม​ โอเคงั้นอีกเรื่องให้อาฤดีเขาจัดการนะ​ ผมจะไปอาบน้ำ"

"ค่ะ" ม่านฟ้าพ่นลมหายใจออกมาอย่างน้อยสิ่งที่เธอพูดก็มีคนเชื่อ

"ม่านฟ้าอาถามอะไรหน่อยสิ"

"ค่ะคุณอา"

"ฟ้าได้สาดอาหารใส่ลิษาหรือเปล่า" ฤดีถามยังเสียงเงียบ​ สุขุม​ ฟังดูน่ากลัวอยู่ลึกๆ

"ค่ะ" ม่านฟ้าไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใดเพราะนั่นมันคือเรื่องจริง

"ทำไม" คิ้วของฤดีเริ่มขมวดผูกกันเป็นปม

"คุณอาฤดีก็ลองถามลิษาดูสิคะ​ ฟ้าก็อยากรู้ว่าลิษาเขาจะพูดว่าอย่างไร"

"ลิษา" เสียงเรียบต่ำเรียกชื่อหลานรักพลางเปยตามองอย่างสงสัย

"ก็ม่านฟ้ามันมาว่าลิษาก่อนนะคะ​ ลิษาทานข้าวอยู่แต่แม่นี่เดินมาจากไหนไม่รู้​ อวดอ้างว่าได้เข้ามาอยู่ในบ้านคุณน้า​ พูดกับลิษาว่าจะแย่งความรักของคุณอากับคุณน้าไปจากลิษา" ลิษาแสร้งเล่นบทละครน้ำเน่าใส่น้าฤดี

"ไม่จริงค่ะ​ ลิษานั่นแหละค่ะที่เดินมาต่อว่าม่านฟ้าที่กำลังทานข้าวอยู่​ บอกว่าม่านฟ้าคือผู้ดีจอมปลอม​พ่อกับแม่จับฉลากมาเป็นผู้ดี​ แถมยังว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน​ ม่านฟ้าก็เลยโมโหเลยสาดอาหารใส่ลิษาค่ะ"

"ทำไมถึงทำอย่างนั้นล่ะลิษาไปว่าม่านฟ้าทำไม" 

"นี่คุณน้าเชื่อมันหรอคะ​ คุณน้ารักมันมากกว่าลิษาหรอคะ"

"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ​ น้าแค่ไม่อยากให้เราไปพูดจาแบบนั้นใส่กัน"

"แต่ลิษาไม่ได้เป็นคนพูด​ คุณน้ารู้จักลิษาดีนะคะ​ แล้วมันเป็นใครมันพูดอะไรคุณน้าก็เชื่อมันแถมยังมองว่าลิษาเป็นคนผิด"

"น้ายังไม่ได้กล่าวหาว่าใครผิด​ ที่น้าถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นแค่อยากจะรู้สาเหตุก็เท่านั้น"

"ถ้าคุณน้าเชื่อมันก็ไม่ต้องมาถามลิษา​ คุณน้าต้องรู้จักลิษาดีสิ" จริงอย่างที่ลิษาพูดที่ผ่านมาลิษาเป็นเด็กดีมาตลอดหรือลิษาพูดจะเป็นเรื่องจริง

"ม่านฟ้า​ สรุปจริงอย่างที่ลิษาพูดไหม​" ฤดีถามเสียงเรียบอีกครั้งไม่รู้จะเชื่อใครดี

"ก็สุดแล้วแต่คุณอาจะตัดสินใจเชื่อใครเลยค่ะ​ ฟ้าไม่ใช่หลานคุณอาพูดอะไรคุณอาก็คงไม่เชื่ออยู่แล้ว" 

"ม่านฟ้า​ อายังไม่ได้ตัดสินว่าใครถูกหรือผิด"

"แต่คุณอาก็เชื่อที่ลิษาพูดมากกว่าที่ฟ้าพูดใช่ไหมคะ​ เพราะที่ผ่านมาลิษาเป็นเด็กดีมาตลอด​ แต่พอวันนึงมีฟ้าเข้ามาเรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้น​ ทุกคนคงจะมองว่าต้นเหตุ​ก็มาจากฟ้า"

"อาจะยังไม่ตัดสินใครทั้งนั้น​ แต่ขอรู้เหตุผลได้ไหมม่านฟ้าว่าทำไมถึงจะต้องทำรุนแรงโดยการสาดอาหารใส่กัน"

"คุณอาพูดแบบนั้นก็หมายความว่าเข้าข้างลิษาหรอคะ​ ถ้าคุณอาเชื่อแบบนั้นคุณอาก็ไม่ต้องถามอะไรม่านฟ้าหรอกค่ะ​ ในเมื่อลึกๆแล้วคุณอาก็มองฟ้าเป็นคนผิดที่ทำเกินกว่าเหตุใช่ไหมคะ"

"ไม่ใช่นะม่านฟ้า​ อาก็แค่ไม่เข้าใจว่าจะต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรอ"

"ก็เขามาต่อว่าพูดถึงพ่อแม่ฟ้าอย่างเสียๆหายๆ​ จะให้ฟ้าทนฟังทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องจริงหรอคะคุณอา" เสียงของม่านฟ้าเริ่มสั่นคลอน

"แต่ผู้ดีเขาไม่ทำกันอย่างนี้นะ​ฟ้า"

"ค่ะ​ ฟ้ามันผู้ดีจอมปลอมจับฉลากมาได้เหมือนที่ลิษาบอกนั่นแหละค่ะ" น้ำตาไหลนองอาบแก้มด้วยความน้อยใจที่ไม่มีความเห็นว่าเธอนั้นจะเป็นผู้ถูกกระทำ​ หากทว่าหลานรักยังไงก็เป็นหลานรัก​เรามันก็แค่คนอื่น

"คุณน้าคะ​ ลิษาไม่ถือโทษโกรธ​ม่านฟ้าหรอกค่ะ"

"ลิษาขึ้นไปอาบน้ำเถอะ​ ม่านฟ้าด้วย"

"ค่ะ" ม่านฟ้าถือกระเป๋าขึ้นไปบนห้องอย่างอิดโรยภายในใจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ​ หล่อนทิ้งตัวลงบนเตียงนอนคว่ำระบายความทุกข์ใจผ่านน้ำตาออกมา

"ฮึกๆๆ" เสียงสะอื้นผ่านลำคอ​ทำให้คนที่ย่างกายเข้ามาในห้องหยุดมองก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เตียงเพื่อปลอบคนที่ร้องไห้

"ม่านฟ้า" เสียงนุ่มเรียกคนเล็กมือบางลูบศีรษะ​เป็นการปลอบให้คนร้องไห้นั้นหยุด

"คุณอา" ม่านฟ้ารีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นนั่งในท่าทีปกติ

"ร้องทำไมกัน​ อาไม่ได้ไม่เชื่อม่านฟ้านะ​ แค่อยากหาความจริง​แต่สิ่งที่ม่านฟ้ากระทำอาว่ามันไม่สมควร​ เราควรใช้วิธีอื่นที่ดีกว่านี้"

"คือเงียบๆให้เขาพูดต่อว่าฟ้าอยู่ฝ่ายเดียวหรอคะคุณอา"

"ไม่ใช่ค่ะ​ เราตอบโต้ได้ต้องเป็นวิธีของคนฉลาดเข้าใจไหม​ เราทำแบบนี้ต่อให้มีเหตุผลมากมายมันก็ฟังไม่ขึ้นเพราะรูปธรรมแล้วลิษาเข้าโดนกระทำเข้าใจที่อาพูดใช่ไหม"

"ค่ะ​ ขอโทษที่ทำให้คุณอาไม่สบายใจนะคะ​แล้วก็ขอโทษที่แสดงกิริยาที่ไม่น่ารักกับคุณอา"

"ไม่เป็นไรค่ะ​ อาไม่ถือโทษโกรธม่านฟ้าหรอกนะ"

"ขอบคุณนะคะ"

"ไม่ร้องแล้วนะคนดีของอา" ฤดีดึงม่านฟ้าเข้ามาโอบกอด​ ศีรษะ​ของม่านฟ้าอยู่ใต้หน้าอกของเธอ

"ไม่ร้องแล้วค่ะ"

"คืนนี้อาจะนอนเป็นม่านฟ้านะ"

ฤดีนอนข้างๆ ม่านฟ้าหญิงสาวซุกที่หน้าอกของหล่อนมือก็สวมกอด คุณหญิงของบ้านมองด้วยความเอ็นดู มือลูบผมดกดำเงางามอย่างทะนุถนอม "ฝันดีนะม่านฟ้า"

หญิงสาวข้างกายเธอเป็นหญิงผู้น่าสงสาร เพราะเธอนั้นไม่ได้อยู่ร่วมกับบิดามารดาเหมือนแต่ก่อน หากหญิงสาวจะคิดว่าตนเองไม่เหลือใครมันก็คงจะจริง แต่ทว่าฤดีอยากจะเปลี่ยนความคิดของม่านฟ้า เธอเองมองว่าหากใครมารังแกม่านฟ้าเธอแค่เพียงอยากจะปกป้อง เพราะในบ้านหลังนี้ไม่มีญาติพี่น้องของม่านฟ้าให้เป็นที่พึ่งทางจิตใจเสียเลย

ความแปลก

เช้ารุ่งอรุณแสงแดดผ่านม่านกระทบเปลือกตาของฤดี​ เธอค่อยๆลืมตาแต่จะขยับตัวก็ครั้นจะขยับตัวยาก​ จึงรู้ว่าเด็กสาวนอนกอดตนอยู่นั่นเอง​ ฤดีมองเด็กสาวอย่างหลงไหลมือปัดเป่าปอยผมที่คอยแต่จะบดบังใบหน้าสวย

"ม่านฟ้าตื่นได้แล้ว" เสียงของหล่อนช่างนุ่มนวลเสียจริง​ มือเรียวไล่ไปตามกรอบรูปหน้าของหญิงสาว

"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้าพูดขณะที่ตนเองก็ยังไม่ลืมตา

"ลุกขึ้นเร็วเช้าแล้วเดี๋ยวจะสายเอานะ" มือเรียวของฤดีก็ยังคงไล่ไปตามกรอบรูปหน้าอย่างเอ็นดู

"ค่ะ" ม่านฟ้าจับมือของอาฤดีที่กำลังจับใบหน้าของตนอยู่

"ไปอาบน้ำจะได้ลงไปทานข้าว"

"ค่ะ" ม่านฟ้าลุกขึ้นพรางบิดขี้เกียจมองดูช่างน่ารักเสียจริง​ คุณหญิงของบ้านเห็นก็เอ็นดูกับท่าทางของหญิงสาวเมื่อครู่

"คุณอายิ้มอะไรหรอคะ" ม่านฟ้าถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียยังไม่ตื่นนอนเท่าไรนัก

"ยิ้มให้เด็กแถวนี้​ นอนขี้เซาจริง"

"คุณอา​ ฟ้าไปอาบน้ำดีกว่า" ม่านฟ้าพูดอย่างเขินๆเมื่อถูกคุณหญิงของบ้านมองเธอด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม​ เธอพลิกตัวลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำทันที​

"บ้าเอ้ยไอ้ฟ้า​ แกนี่ทำตัวเป็นเด็กให้คุณอาเห็นได้ไงเนี่ย​อายุก็ตั้ง20แล้ว" ​ ม่านฟ้าคิดในใจตัวบิดเขินไปมา​ปากกัดผ้าขนหนูที่จะมาห่มกายที่เปลือยเปล่า

ณ​ โต๊ะอาหาร

"คุณฤดี​ ผมต้องไปทำงานต่างจังหวัดหนึ่งอาทิตย์นะครับ​ ฝากดูแลหลานๆด้วย"

"ค่ะ​ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะคุณเดช​ คุณก็ดูแลตัวเองด้วยนะ"

"ครับ​ ผมไปก่อนนะ" เดชณรงค์ลุกขึ้นและเดินออกจากโต๊ะอาหารไปทันที

"คุณน้าคะ​ วันนี้วันศุกร์​ลิษาขอไปเที่ยวกับเพื่อนได้ไหมคะ​ลิษาอยากไปทะเลไปเย็นวันนี้กลับเช้าวันอาทิตย์" ลิษาทำน้ำเสียงออดอ้อนคุณน้าผู้ใจดีของเธอ

"ได้สิ​ เรียนมาทั้งอาทิตย์แล้วไปพักผ่อนบ้างก็ดี​ เราก็อย่าลืมดูแลตัวเองล่ะโตเป็นสาวแล้ว"

"ค่ะ​ ขอบคุณค่ะคุณน้า​ ลิษารักคุณน้าที่สุด" ลิษาลุกจากเก้าอี้หอมแก้มฤดีอย่างเอาอกเอาใจ

"แล้วเราล่ะม่านฟ้าจะไปไหนหรือเปล่า​ จะไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างไหม"

"ไม่ค่ะ​ ฟ้าไม่อยากไปเที่ยวอยู่บ้านจะดีกว่าค่ะ" ม่านฟ้าตอบปฏิเสธเพราะถ้าเธอไปนอนบ้านเพื่อนคุณอาของเธอคงต้องเหงาแน่ถ้าอยู่บ้านกับคนรับใช้

"ทำไมล่ะ​ไม่อยากไปเที่ยวหรอ​ หรือเกรงใจอะไรหรือเปล่าบอกอาได้นะ"

"เปล่าค่ะคุณอา​ ฟ้าไม่ได้อยากไปไหน​แต่ว่าวันนี้ฟ้าเลิกเรียน​ 2​ ทุ่มนะคะ" ม่านฟ้าพูดพร้อมกับเปิดตารางสอนให้ฤดีดู

"2​ ทุ่มเลยหรอ​ คงไม่ได้กลับพร้อมลิษา​ เดี๋ยวลิษาเขาต้องรีบกลับมาเก็บของอีก​ เดี๋ยว​ 2​ ทุ่มอาไปรับเราที่มหาวิทยาลัย​นะ"

"ไม่เป็นอะไรค่ะคุณอา​ ฟ้ากลับแท็กซี่​ก็ได้ค่ะ​ มันดึกแล้วฟ้าเป็นห่วงคุณอามันอันตราย"

"แล้วมืดค่ำแบบนี้กลับแท็กซี่ไม่อันตรายกว่าหรือไง​ อาก็ทำงานอยู่ที่บริษัท​ก็ไม่ได้ห่างจากมหาวิทยาลัย​ของเรามากอย่าเกรงใจเลย"

"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้าเม้มริมฝีปากไม่อยากจะขัดใจคุณเจ้าข้างบ้านสักเท่าไร

"ถ้าอิ่มแล้วก็พากันไปเรียนหนังสือได้แล้ว​ เดี๋ยวอาก็ต้องไปทำงานแล้วล่ะ"

"สวัสดีค่ะคุณน้า" ลิษายกมือไหว้อย่างเอาใจ

"สวัสดีค่ะคุณอา" ม่านฟ้าต่างก็ทำเช่นเดียวกับลิษา​ หากแต่ว่าลิษานั้นเบ้ปากใส่หล่อน​ รถตู้นั้นเคลื่อนตัวไปยังมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง​ ทั้งสองลงจากรถเพื่อที่จะเข้าไปยังห้องเรียนคณะของตนเองทว่ามาทะเลาะกันเรื่องทางเดิน

"ยัยม่านฟ้า​แกก็ไปเดินตรงนั้นสิมาเดินเบียดฉันทำไม"

"ลิษาเธอก็เห็นว่าตรงนั้นมันมีแอ่งน้ำ​ เธอจะให้ฉันเดินไปหรือไง​ ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันเบียดเธอเองนั้นแหละที่ต้องไปเดินตรงนั้น" ม่านฟ้าทำหน้าเบื่อหน่ายปลายนิ้วชี้เรียวชี้ไปทางเดินดังกล่าว

"ปากดีนักนะลับหลังคุณอากับคุณน้า"

"ก็แล้วทำไมฉันต้องยอมเธอ​ ขนาดต่อหน้าคุณลุงกับคุณอาเธอยังเล่นละครเสียงสองอยู่เลย"

"แล้วมันจะทำไม​ ยังไงคุณน้ากับคุณอาก็ต้องเชื่อฉันและก็เข้าข้างฉันอยู่แล้ว​ เพราะฉันเป็นหลานเธอมันก็แค่..คนอื่น" ลิษาเน้นย้ำน้ำเสียงที่จริงจัง

"นี่นะหรอ? ที่กล่าวหาว่าคนอื่นเป็นผู้ดีจอมปลอม​ แล้วผู้ดีที่ไหนทำตัวไร้ค่าดูถูกคนแบบนี้​ เธอก็ผู้ดีจอมปลอมเหมือนกันนั่นแหละ"

"ยัยม่านฟ้า" ลิษาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม​ แววตาร้อนผ่าวเต็มไปด้วยความโกรธ

"ทำไม​ ฉันพูดแทงใจดำสินะ​ แต่ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าเธอจะมาว่าฉันเป็นผู้ดีจอมปลอม​ เธอก็ไม่ต่างอะไรกับฉันหรอก"

"ฉันจะฟ้องคุณอากับคุณน้า"

"เชิญ!!! เธอมันก็ทำได้เท่านี้แหละ​ ฟ้องเก่งอย่างเดียว​ เชิญไปบอกเลยฉันท้า" ม่านฟ้าเน้นน้ำเสียงเอาจริงก่อนจะเดินฉีกหนีไปอีกทาง​

ห้องเรียน​คณะบริหารธุรกิจ​ B5

"เป็นอะไรทำไมหน้ามุ้ยมาเชียว" ญาดาเพื่อนสนิทเอ่ยถามอย่างกังวล

"ทะเลาะกับยัยลิษาอะไรนั่นหาเรื่องเก่ง" ม่านฟ้าพูดพร้อมน้ำเสียงหงุดหงิดคิ้วขมวดผูกกันจนจะเป็นโบว์

"อะไรกันอยู่ด้วยกันยังจะตีกันอีก" เพลงขวัญเพื่อนในกลุ่มถามขึ้น

"อื้ม!! หวงอาหวงน้ากลัวฉันจะไปแย่งความรัก​ ถามก่อนอายุ​ก็​ 19​ แล้วมาหวงอะไรทำตัวเป็นเด็ก​ กลัวจะไปแย่งสมบัติ​มั้ง"

"อ่า!! ไม่แน่นะถ้าเกิดว่าคุณอาของแกเนี่ยเห็นว่าแกเป็นเด็กดีเค้าอาจจะยกสมบัติ​ให้แกก็ได้"

"พูดตลกนะยัยเพลง​ คุณอาจะมายกให้ฉันทำไมกันฉันไม่ใช่ญาติพี่น้องเขาสักหน่อย"

"เออ... ไอ้เพลงมึงก็พูดเป็นเล่นไป" ญาดาพูดก่อกวนเสริม

"เอ้า!!ก็ใครมันจะไปคิด​ ถ้าเขายกให้แกจริงอ่ะ​ แต่ก็อย่างว่าแหละยังไงเขาก็ต้องยกให้ยัยลิษาอยู่ดีเพราะเป็นน้าหลานกัน​ ถึงจะเป็นหลานของลุงเดชก็เถอะ"

"แต่ลุงเดชกับคุณอาฤดียังไงมันก็ต้องตกไปเป็นของลิษาอยู่แล้วจะตกเป็นของใครก็ช่างเถอะ​ ฉันก็ไม่ได้อยากได้หรอก​ สมบัติ​เยอะปัญหาก็เยอะตามมา​ สู้ฉันทำงานเก็บเงินกู้บริษัท​พ่อฉันคืนมาไม่ดีกว่าหรอ" ม่านฟ้าถอนหายใจคิดถึงแต่ช่วงเวลาเก่าๆที่บ้านของเธอนั้นเต็มไปด้วยเงินทองมากมายแต่โชคชะตากับผลิกผันทำให้บ้านจนภายในพริบตา

"ก็จริงอย่างที่แกพูดแหละฟ้า​ แล้วนี่พ่อกับแม่แกเป็นยังไงบ้าง"

"ไม่รู้เลย​ คืนนี้ฉันว่าจะโทรหาอยู่คิดถึง​ อย่างน้อยเวลาเจออะไรก็มีพ่อกับแม่คอยปลอบ​ คอยให้กำลังใจ​แม้แต่ตอนนี้ฉันเองก็อยากได้กำลังใจจากพ่อแม่​อยู่ที่นั่นฉันไม่มีความสุขเลย​ ฉันโดนแต่ยัยลิษาหาเรื่อง​จิกกัดกันได้ทุกวัน​ ล่าสุดเมื่อวานที่ฉันเดินออกมาพร้อมไอ้เอ็มยังโดนหาว่าอ่อยผู้ชายเลย​ แถมยังบอกให้คนขับรถขับรถกลับบ้านโดยไม่รอฉันสักนิด​ ยังมีหน้าไปฟ้องคุณอาฤดีอีก"

"โอ้โห่ยัยลิษานี่มันร้ายจริงๆ​ นี่แกอดทนได้ไงเนี่ย​"

"ทำไงได้ล่ะ​ ก็ยัยลิษาเป็นหลานของคนในบ้านหลังนั้น​ ฉันมันก็แค่คนอื่น"

"เห้อ!!! ชีวิตแกนี่มันตลกจริงๆเลยนะยัยฟ้า" เพลงขวัญถอนลมหายใจเมื่อฟังเรื่องราวของเพื่อนสาวของเธอ

"ยัยดา.. ยัยเพลง​ นี่ก็2ทุ่มแล้วกลับกันเถอะ​ วันนี้อาฤดีมารับไม่อยากให้รอนาน​ คุณอาน่าจะเพิ่งเลิกงานมาเหมือนกัน"

"โอเค​ เจอกันวันจันทร์นะฟ้า" ทั้งสามคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน​ ม่านฟ้าเดินตรงปรี่ไปยังรถเก๋งสีดำคันหรู​ ฤดีล่นกระจกรถยนต์ลง

"ขึ้นรถสิดึกแล้ว" น้ำเสียงของฤดีเต็มปริ่มไปด้วยความอ่อนโยน

"ค่ะคุณอา"

"เรียนดึกอย่างนี้เหนื่อยหรือเปล่า" หล่อนถามม่านฟ้าพลางเหร่มองคนที่นั่งข้างๆ

"ไม่ค่ะคุณอา" และบรรยากาศก็ปกคลุมไปด้วยความเงียบ ฤดีก็คอยมองคนที่นั่งข้างตนว่าเป็นอะไรหรือเปล่าวันนี้ดูผิดแปลกไป

"เป็นอะไรหรือเปล่าม่านฟ้า"

"ฟ้าก็แค่... คิดถึงพ่อกับแม่ค่ะ" หล่อนพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาแววตาหันไปมองกระจกข้างรถ​ ฤดีเห็นอาการเด็กสาวเธอจึงขับรถชิดริมถนนและหยุดรถโดยทันที

"อาเข้าใจเรานะม่านฟ้า​ ตอนนี้พ่อกับแม่ของหนูกำลังต่อสู้กับปัญหาอยู่​ ฟ้าเองก็ต้องสู้ๆนะ​พวกเขารักม่านฟ้ามากถึงได้ให้ฟ้ามาอยู่กับอา เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งใจเรียน​เป็นเด็กดี​ พ่อกับแม่ของฟ้าจะได้ไม่ลำบากใจ เข้าใจที่อาพูดใช่ไหม"

"ฟ้าเข้าใจค่ะ​ ขอบคุณนะคะคุณอา"

"วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลย​ หิวไหมคืนนี้จะกินอะไรอาจะได้ทำให้"

"คุณอาทานข้าวมาหรือยังคะ"

"ยังเลย​ค่ะ​ ทานข้าวต้มกุ้งไหม"

"ทานได้ค่ะ" รถยนต์​คันสีดำก็ขับแล่นมาจนถึงหน้าบ้าน​ ทั้งสองคนต่างก็ไปทำธุระส่วนตัวของตนเอง​ ม่านฟ้าก็ขึ้นไปอาบน้ำทำการบ้าน​ ส่วนฤดีก็ไปทำข้าวต้มให้กับหลานสาวอีกคนของเธอ

"ข้าวต้มฝีมือคุณอาอร่อยจังเลยค่ะ"

"อร่อยก็ทานเยอะๆนะม่านฟ้า​ คงจะเรียนเหนื่อยละสิ กินเยอะขนาดนี้"

"ค่ะ​ วันนี้เรียนหนักค่ะ​แถมยังมีงานที่ต้องส่งอาจารย์อีกค่ะ"

"มีเยอะหรือเปล่า"

"มีไม่เยอะค่ะ​ แต่เป็นงานที่ต้องใช้เวลา​ คืนนี้ฟ้าขออนุญาต​คุณอานอนดึกหน่อยนะคะ"

"ตามใจม่านฟ้าเลย​ อิ่มแล้วอาเอาจานไปเก็บให้นะเราขึ้นไปทำการบ้านเถอะ"

"ไม่เป็นไรค่ะ​ เดี๋ยวฟ้าทำเองคุณอาเพิ่งจะกลับมาเหนื่อยๆขึ้นไปพักเถอะนะคะ"

"ก็ได้​ขอบใจนะฟ้า น่ารักจัง"

"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้าส่งยิ้มให้ฤดีผู้เป็นอาของเธอ​ เธอเก็บอาหารบนโต๊ะให้เป็นระเบียบเรียบร้อย​ หญิงสาวเปิดตู้เย็นเห็นนมวัวจึงเทใส่แก้วแล้วขึ้นเอาไปให้คุณอาของเธอทันที

ก๊อก​ ก๊อก​ ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังมาจากภายนอกห้องของฤดีเปิดประตูในทันทีเพราะรู้ว่าเป็นหลานของเธอ

"ฟ้าเอานมมาให้คุณอาดื่มก่อนนอนค่ะ"

"ขอบใจนะ​ อาคิดว่าเราขึ้นห้องไปแล้วซ้ะอีก"

"ยังค่ะ​ คุณอาทำอะไรอยู่หรอคะ"

"อาอ่านหนังสืออยู่นะ​ ดึกๆแบบนี้ไม่มีอะไรทำหาอะไรอะไรอ่านเพลินๆจะได้หลับง่ายหน่อย"

"แล้วคุณอาไม่เหงาหรอคะ​ อยู่บ้านคนเดียวแบบนี้"

"อาชินแล้ว​ คุณเดชเขาไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกเขาต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดบ้างไปต่างประเทศบ้าง​ ส่วนลิษารายนั้นวันหยุดทีไรไม่เคยอยู่บ้านไปเที่ยวตลอดถึงเวลาเดี๋ยวเขาก็กลับเอง"

"คุณอาดูจะตามใจลิษานะคะ"

"ไม่หรอก​ อาแค่คิดว่าเรียนมาเหนื่อยๆก็อยากไปเที่ยวกับเพื่อน​ ช่วงนี้เป็นช่วงวัยรุ่นเขาก็อยากอยู่กับเพื่อนอยากไปเที่ยวทั้งนั้นแหละ​ อาก็ผ่านจุดนั้นมาแล้วเลยเข้าใจลิษา"

"คุณอาใจดีจังเลยนะคะ"

"แล้วเราล่ะทำไมถึงไม่อยากไปเที่ยว​ ไม่อยากไปหรอ"

"ช่วงนี้ฟ้าไม่ได้อยากไปไหนค่ะ​ อยากอยู่เงียบๆทำอะไรคนเดียว​ อีกอย่างไม่มีใครอยู่บ้านเลย​ฟ้ากลัวคุณอาจะเหงาเลยอยากอยู่บ้านกับคุณอาค่ะ"

"ไม่หรอกม่านฟ้า​ อาไม่เหงาหรอก"

"ค่ะ​ ฟ้าขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะคะ"

"ไปเถอะจ้ะ" ม่านฟ้าเดินกลับไปยังห้องของตนเธอนั่งลงที่โต๊ะทำงานมี​เปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นมาพิมพ์งานอย่างรวดเร็ว​ หล่อนเปิดเพียงแค่โคมไฟเล็กๆนั่งทำงานเวลาก็เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว​ ม่านฟ้านั้นก็เผลอฟลุบหลับบนโต๊ะที่หล่อนนั่งทำงาน

"ตี​ 2​ แล้วม่านฟ้ายังไม่นอนอีกหรอ" ฤดีพูดในใจ​ หล่อนเคาะประตูแต่ก็ไร้วี่แววเสียงตอบรับจากทางด้านในห้อง​ เธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเธอเห็นหญิงสาวฟลุบหลับจึงเข้าไปปลุก

"ม่านฟ้า​ ม่านฟ้า​ หนูคะ" ฤดีทั้งเรียกทั้งปลุกคนที่นอนอยู่แต่ก็ไม่อาจทำให้คนนอนอยู่รู้สึกตัวได้เลย

"ฟ้าคะ​ หนูไปนอนดีๆ"

"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้าลุกขึ้นไปที่เตียงเธอหลับในทันทีเพราะความง่วง​ ฤดีเดินตามไปห่มผ้าห่มให้คนเล็ก

"เหนื่อยไหมคนเก่งของอา" ฤดียิ้มให้กับคนที่หลับเธอรู้ว่าพูดอะไรไปคนที่หลับก็คงไม่ได้ยิน​ เธอลูบผมคนที่นอนหลับอย่างสนิท

"ฝันดีนะม่านฟ้า" ฤดีมองคนที่หลับอย่างหลงไหล​ หล่อนไล่มองตรงแต่ใบหน้าจรดที่ขา​ เธอยิ้มที่มุมปากเอ็นดูคนที่นอนหลับ​ "ขนาดตอนหลับยังน่ารักเลย" เธอคิดในใจ

ฤดีมองอย่างคนตรงหน้าอย่างไม่คาดสายตาเธอจ้องมองไปยังริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่ม​ ไม่รู้เหตุผลอะไรดลใจให้ฤดีโน้มใบหน้าเข้าไปจูบม่านฟ้า​ เธอจูบอย่างอ่อนโยนและละมุน​ สัมผัสพิศสวาทก่อเกิดโดยไม่รู้ตัว​แรงสั่นสะท้านจากก้อนเนื้ออกข้างซ้ายเต้นแรงและเร็วอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ฤดีผละจูบออก​ "นี่เราทำอะไรลงไป" เธอสลัดความคิดนั้นออกก่อนจะออกจากห้องของม่านฟ้าไปยังห้องของตนเองทันที​ เธอจับที่ริมฝีปากของตนเองพลางหวนนึกย้อนเหตุการณ์​ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่​ ขณะที่ฤดีนั้นกลับห้องของตนไปม่านฟ้าก็ลืมตาขึ้น​ทบทวนเหตุการณ์​ดังกล่าว​ เธอขึ้นมานอนบนเตียงแต่ฤดีหารู้ไม่ว่าม่านฟ้านั้นยังไม่ได้หลับสนิท​ และเหตุการณ์​ที่คุณอาจูบเธอยังชวนให้สงสัยว่านี่คือความจริงหรือว่าความฝัน

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!