หากแม้ชีวิตจะสิ้นขอสู้จนนาทีสุดท้าย หากโชคชะตาจะทำร้าย ขอให้ความดีผลาญมันให้สิ้น
"คุณนพทำใจเถอะค่ะ เรายื้อไม่ได้อีกแล้วเราต้องปล่อยมันไป" กานดาผู้เป็นภรรยาของมานพกอดปลอบผู้เป็นสามีที่ต้องถูกฟ้องกลายเป็นบุคคล้มละลาย จากบุคคลที่มีความร่ำรวย เงินทอง กลับหายไปในชั่วพริบตา
"ผมขอโทษนะคุณ ต่อไปนี้พวกเราจะลำบาก ผมสงสารคุณและก็ลูก" มานพร่ำไห้กับความเสียใจที่สูญสิ้นทุกอย่างที่สร้างมากับมือ เหลือเพียงร่องรอยความทรงจำ และความเจ็บปวดที่กำลังจะแผ่เข้ามา
"เราจะผ่านช่วงวิกฤตินี้ไปด้วยกัน ขอแค่คุณเข้มแข็งและเราต้องสู้กันใหม่"
"บ้านเราก็ถูกยึด ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไรแล้ว ผมต้องให้เจ้าม่านฟ้ามันไปอยู่กับเพื่อนของผม เพราะลูกของเราจะต้องมีอนาคต"
"แต่ลูกคือแก้วตาดวงใจของเรานะคุณนพ"
"แต่เราต้องทำเพื่อลูก เพื่อนผมแค่จะช่วยดูแลและส่งม่านฟ้าเรียนหนังสือ เมื่อผมกับคุณหาแนวทางกันได้แล้วลูกก็จะได้กลับมาอยู่กับเรา"
"ดาเข้าใจค่ะ งั้นเรากลับบ้านกันเลยนะคะจะได้ไปบอกลูกด้วยว่าลูกต้องแยกอยู่กับเรา"
บ้านธรรมกุลศิริโชติ
"ม่านฟ้าลูก พ่อกับแม่มีเรื่องจะคุยด้วย" สีหน้าของผู้เป็นมารดาและบิดาวิตกกังวลอยู่ไม่น้อย
"ค่ะ คุณพ่อคุณแม่" ม่านฟ้าตรงเข้ามานั่งข้างๆทั้งสอง
"พ่อกับแม่มีเรื่องจะบอกลูก" มานพผู้เป็นพ่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ
"เรื่องอะไรหรอคะ" ม่านฟ้ายังไม่รู้ชะตาชีวิตเธอพูดไปพลางอมยิ้มให้ผู้มีพระคุณ
"ธุรกิจของพ่อล้มละลาย และเรากำลังจะไม่มีที่อยู่อาศัยตอนนี้พ่อกับแม่ก็ไม่เหลืออะไรเลย" น้ำเสียงของมานพฟังดูช่างน่าสลดยิ่งนัก
"ไม่เป็นไรนะคะคุณพ่อคุณแม่ ฟ้ายังไม่เรียนก็ได้ เดี๋ยวฟ้าไปช่วยพ่อกับแม่ทำงานหาเงินมาใช้หนี้ให้ค่ะ" หญิงสาวอายุ 20 ปี กล่าวไปแบบนั้นหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ตนคิดมันแทบจะเป็นไปไม่ได้
"ลูกทำอย่างนั้นไม่ได้ม่านฟ้า" ผู้เป็นมารดากล่าวคำห้ามความคิดของลูกสาว
"ทำไมละคะ ฟ้าก็แค่อยากจะช่วยพ่อกับแม่" หญิงสาวทำหน้าสลดเมื่อถูกมารดาปฏิเสธความต้องการของตน
"ลูกต้องไปอยู่บ้านของลุงเดชและอาฤดี" มานพผู้เป็นพ่อกล่าวคำเสริม หากแต่ว่าลูกสาวของตนก็ยังไม่เข้าใจ
"ทำไมละคะ พ่อกับแม่ก็ด้วยหรอคะ"
"ไม่จ้ะ พ่อกับแม่ต้องไปทำงานใช้หนี้ ระหว่างนี้ลูกต้องอยู่กับคุณลุงและคุณอา"
"ไม่นะคะคุณพ่อคุณแม่ ฟ้าอยากไปอยู่กับพ่อแม่" หล่อนร่ำไห้เพราะไม่เคยจากอ้อมกอดของบิดามารดา
"ลูกไม่ได้จะไปอยู่ถาวร พ่อกับแม่แค่ฝากลูกไว้หากวันใดพ่อกับแม่ใช้หนี้หมด ก็จะรับลูกมาอยู่ในอ้อมกอดอีกครั้ง แต่ลูกยังต้องเรียนและเพื่อนของพ่อก็ยังเอ็นดูและจะดูแลลูกเป็นอย่างดี" มานพพูดปลอบใจลูกสาวของเขา
"ค่ะ ฟ้าเข้าใจคุณพ่อกับคุณแม่ ฟ้าจะตั้งใจเรียนให้จบอีกแค่2ปี หากฟ้าเรียนจบฟ้าจะได้ทำงานมาช่วยพ่อกับแม่ใช้หนี้นะคะ"
"ลูกต้องคิดอย่างนี้นะ อย่าเศร้าไปเลย ไปเก็บเสื้อผ้าเถอะลูก เย็นนี้ลูกจะต้องเข้าไปอยู่ในบ้านของคุณลุง"
"ค่ะคุณพ่อ" หญิงสาวยิ้มให้ผู้บังเกิดเกล้า สองเท้ายำชัยไปที่ห้องเพื่อเก็บสัมภาระ
"เสร็จหรือยังลูก" กานดาผู้เป็นมารดาของม่านฟ้าเรียกลูกสาวที่อยู่ภายในห้องสี่เหลี่ยม
"ค่ะคุณแม่" ม่านฟ้าถือกระเป๋ามองดูรอบๆห้องนอน ห้องที่เธอนั้นเคยอยู่แต่ตอนนี้มันจะไม่เป็นอย่างนั้นแล้วเพราะหล่อนกำลังที่จะจากบ้านหลังนี้ไป
"ไปกันเถอะลูก" กานดาจับมือลูกสาวไปยังรถยนตร์ ขากำยำเหยียบคันเร่งไปยังที่หมาย หากทว่าม่านฟ้านั่งหันหน้ามองเส้นทางตลอดทั้งสาย ชวนให้นึกถึงภาพวันวานที่ยังตราตรึงในใจ
เมื่อมาถึงยังบ้านเศรษฐีคนนึง มีคนมาคอยรอต้อนรับที่หน้าบ้าน ม่านฟ้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะก้าวขาลงจากรถอย่างช้าๆ รอยยิ้มจางๆส่งมอบให้กับเจ้าของบ้านหลังนี้
"ม่านฟ้านี่คุณลุงเดช เพื่อนของพ่อที่ลูกจะมาอยู่ด้วย ส่วนนี่คุณอาฤดีภรรยาของลุงเดช"
"สวัสดีค่ะคุณลุงคุณอา" ม่านฟ้ายกมือพนมไหว้อย่างงามรอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นให้กับคนตรงหน้า
"อยู่ที่นี่นะหนูม่านฟ้า ลุงกับอาฤดีจะดูแลหนูเองไม่ต้องเป็นห่วง" เดชณรงค์เอ่ยกล่าวกับหญิงสาวผู้มาใหม่
"เดชฝากม่านฟ้าลูกเราด้วยนะ"
"ไม่ต้องห่วงนพ เราจะดูแลลูกนายเอง"
"อื้ม ไปก่อนนะ" มานพกล่าวลาแต่ก็ไม่วายหวนกลับไปกอดลูกสาว
"พ่อกับแม่ไปก่อนนะลูก ห้ามดื้อกับคุณลุงและคุณอานะ ไว้ทุกอย่างมันดีขึ้นพ่อจะมารับลูกไปอยู่เป็นครอบครัวอีกครั้ง ตั้งใจเรียนนะรู้ไหม"
"ค่ะคุณพ่อ"
"ไม่ต้องห่วงนะคะ เราจะดูแลลูกของคุณให้เหมือนคนในครอบครัว" ฤดีผู้เป็นภรรยาเจ้าของบ้านพูดเพื่อคลายความกังวลใจให้กับทุกคน
"ขอบคุณนะฤดี"
"ค่ะ" ฤดีกอดม่านฟ้าแล้วพาหล่อนเข้าไปภายในตัวบ้าน
"ป้านวลฝากเอากระเป๋าไปไว้ในห้องที่เพิ่งทำความสะอาดหน่อย" เสียงเล็กที่ฟังดูสุขุมเอ่ยขึ้น
"ได้ค่ะคุณหญิง" สาวรับใช้ข้างกายรับคำสั่งจัดแจงสัมภาระของผู้มาใหม่ให้เข้าที่ตามนายสั่ง
"ไปกันเถอะม่านฟ้า เดี๋ยวอาจะพาหนูไปห้องของหนู" ฤดียิ้มให้หญิงสาวและเดินนำเธอไปยังห้องนอนดังกล่าว
"เดี๋ยวฟ้าจัดของเองค่ะ ขอบคุณมากนะคะ" ม่านฟ้ากล่าวเสียงนุ่มนวลพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณ
"ไปเถอะป้านวล ไปจัดเตรียมอาหารเย็นเถอะ ม่านฟ้าเพิ่งมาถึงเมื่อครู่คงจะเหนื่อยจะได้รับประทานอาหาร"
"ค่ะคุณหญิง" สาวใช้โค้งตัวลงและเดินผ่านหน้าของทั้งสองไปในทันที
"ม่านฟ้าไปอาบน้ำ เสร็จแล้วลงไปทานอาหารนะอาจะรอ"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะที่เมตตาฟ้า"
"จ้ะ เป็นเด็กดีนะ" ฤดีปลอบประโลมลูมผมดำเงาของม่านฟ้าอย่างเอ็นดู
"ค่ะ" หญิงสาวจัดเตรียมของเครื่องใช้ให้เข้าที่ ผ้าขนหนูสีขาวถูกหยิบออกมาจากตู้หล่อนพาดบ่าอย่างเคยตัว เธอเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำกิจธุระส่วนตัวให้เสร็จสับ เวลาผ่านไปชั่วขณะหญิงสาวก็อาบน้ำแต่งด้วยชุดนอนสุภาพเสื้อยืดสีขาวกางเกงขายาวสีขาวเช่นกัน สองเขายาวก้าวออกจากห้องสี่เหลี่ยมเพื่อไปร่วมรับประทานอาหาร
"มานั่งตรงนี้สิม่านฟ้า" ฤดีผายมือให้หล่อนมานั่งข้างกายของตน
"ม่านฟ้า นี่ลิษาเป็นหลานของอาเอง" ม่านฟ้ายิ้มให้ลิษาผู้ที่นั่งตรงข้ามกับเธอ
"สวัสดีค่ะคุณลิษา" ม่านฟ้ายกมือไหว้ผู้ที่มีอายุไร่เรี่ยกับตน
"ทานอาหารเถอะค่ะลิษาหิวแล้ว" การกระทำของลิษาทำเอาม่านฟ้าหน้าเจื่อนไปเล็กน้อยราวกับถูกหักหน้า เธอเม้มริมฝีปากเข้าหากันเพื่อข่มอารมณ์นอยเมื่อครู่
"ไม่ทานหรอม่านฟ้า" ฤดีมองหญิงสาวที่นั่งข้างๆตน หล่อนนิ่งไปชั่วขณะ
"ค.. คะ" ม่านฟ้ามองอาฤดีด้วยแววตาที่มีความกังวลและประหม่าอยู่เล็กน้อย
"ทานนี่หน่อยนะ คงจะเดินทางมาเหนื่อยๆรีบทานจะได้รีบขึ้นไปพักผ่อน"
"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้ายิ้มให้เล็กน้อยก่อนจะลงมือรับประทานอาหาร แต่ทว่าไม่วายมีคนมาก่อกวน
"ใครกันหรอคะคุณอา" ลิษาหันไปถามเดชณรงค์ผู้มีศักดิ์เป็นอาของเธอ ลิษามีสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก
"เป็นลูกของเพื่อนอาเอง เขามาอยู่เพราะว่าธุรกิจล้มละลายเป็นหนี้ อาเลยอาสารับม่านฟ้าเข้ามาดูแลระหว่างที่พ่อกับแม่ของม่านฟ้าหาเงินมาใช้หนี้"
"อ่อ ที่ก็ผู้ดีตกกระป๋องนี่เอง" คำพูดของลิษาทำเอาทุกคนในโต๊ะอาหารถึงกับไม่พอใจ
"ลิษา ทำไมไปพูดกับม่านฟ้าอย่างนั้นล่ะหลานรัก ม่านฟ้าอายุมากกว่าเราด้วยนะมีศักดิ์เป็นพี่"
"ไม่ค่ะ ลิษาไม่รับมันเป็นพี่ใครที่ไหนก็ไม่รู้ มันจะมาแย่งความรักของคุณอากับคุณน้าใช่ไหมคะ" ลิษาพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองใจแววตาเจ้าแค้นหันไปมองม่านฟ้าราวกับจะกินคนตรงหน้า
"ใครจะแย่งอาไปจากหลานได้ล่ะ ไม่คิดแบบนี้สิลิษาขอโทษพี่เขาก่อนเร็ว"
"ไม่ค่ะ ลิษาไม่ขอโทษ" ลิษายังทำหน้าบึ้งตึงไม่ยอมลดหย่อนมองม่านฟ้าด้วยสีหน้าไม่พอใจยิ่งทำให้ม่านฟ้ารู้สึกอึดอัดที่จะอยู่ตรงนี้
"ฟ้าอิ่มแล้ว ขอตัวก่อนนะคะ" ม่านฟ้าที่กำลังจะก้าวขาลุกออกจากเก้าอี้ แต่ก็ต้องหยุดการกระทำนั้นไว้เมื่อมีใครบางคนพูดแทรกขึ้นมา
"เสียมารยาท เคยเป็นผู้ดีมีชาติตระกูลมาก่อนไม่รู้หรอว่ามันไม่สมควรที่ลุกจากโต๊ะอาหารก่อนผู้ใหญ่" ม่านฟ้าได้ยินดังนั้นจึงหันไปกล่าวคำขอโทษเดชณรงค์และฤดีโดยทันที
"ขอโทษค่ะคุณลุง คุณอา" ม่านฟ้ายกมือขึ้นไหว้อย่างรู้สึกผิด
"ไม่เป็นไรหรอกลูก ไปเถอะ" เดชณรงค์รู้ว่าภายในจิตใจของม่านฟ้าตอนนี้ไม่ค่อยจะดีนัก
"ไป เดี๋ยวอาไปส่ง" ฤดียืนขึ้นหันไปสบตากับม่านฟ้าเพื่อให้เธอนั้นเดินตามมา เมื่อมาถึงยังห้องสี่เหลี่ยม ม่านฟ้าก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่กล่าวอะไรสักคำ
"อาขอโทษแทนลิษาด้วยนะ"
" ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าเข้าใจ" หญิงสาวยิ้มให้คนตรงหน้าเพราะกลัวว่าฤดีจะกังวล
"เราคงคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อกับแม่ใช่ไหม แถมเพิ่งจะเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ก็ได้รับคำพูดที่มันไม่ค่อยจะดี"
"ฟ้าต้องยอมรับค่ะ เพราะฟ้าไม่ใช่คุณหนูอีกต่อไป ฟ้าเป็นแค่ผู้ที่มาอาศัยก็เท่านั้น"
"ไม่คิดแบบนี้สิม่านฟ้า" ฤดีกอดปลอบหญิงสาวที่ในใจขุ่นมัวเศร้าหมองอยู่ ณ ขณะนี้
"ทำไมชีวิตฟ้าต้องมาเจออะไรแบบนี้คะคุณอาจากที่บ้านรวยมีธุระกิจ แต่ตอนนี้ล้มละลาย ฟ้าไม่มีแม้กระทั่งบ้านให้อาศัย" ม่านฟ้าปลดปล่อยความทุกข์ออกมาผ่านดวงตาสีน้ำตาลอ่อน
"ชีวิตคนเราไม่มีอะไรแน่นอนหรอกนะม่านฟ้า วันนี้มีไม่ได้แปลว่าวันต่อๆไปจะเป็นอย่างที่ใจเราหวัง อาพูดถูกมั้ย"
"ค่ะคุณอา ขอโทษนะคะที่วันนี้ฟ้าเสียมารยาทบนโต๊ะอาหาร แต่ฟ้าทนฟังไม่ได้แม้ว่าเรื่องแบบนั้นมันจะเป็นความจริง" ม่านฟ้าเช็ดน้ำตาหล่อนผละออกจากอ้อมกอดของฤดี
"ไม่เป็นไรนะ อาว่าที่ลิษาพูดมันก็ไม่ถูกคนเราล้มต้องอย่าข้ามเดี๋ยวอาจะไปบอกลิษาให้นะ"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณอา ลิษาเขาดูจะไม่ค่อยชอบฟ้าสักเท่าไร เธอคงกลัวฟ้าไปแย่งความรักของคุณลุงกับคุณอา"
"ไม่คิดมากนะ ม่านฟ้ามาอยู่ที่นี่ก็เหมือนเป็นครอบครัวของอา เหมือนลูกเหมือนหลานคนนึง อาไม่อยากให้เราทำตัวเกร็งๆใส่กัน ให้คิดซะว่าอาเป็นอาของฟ้านะ"
"ค่ะคุณอา ขอบคุณนะคะที่เมตตาฟ้า" ม่านฟ้ายิ้มอ่อนให้ฤดี เธอเป็นผู้ใหญ่ที่มีจิตใจดีแถมอยู่ด้วยและรู้สึกสบายใจ
"หิวมั้ย เดี๋ยวอาไปชงนมอุ่นๆให้ดื่มรอแป๊บนึงนะ" ฤดียิ้มให้ม่านฟ้าก่อนจะย่างกายเตรียมนมอุ่นมาให้ผู้มาใหม่ ม่านฟ้าเองก็นั่งที่โต๊ะทำงานภายในห้องสี่เหลี่ยมของเธอพลางหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาทำรายงานส่งอาจารย์
"นมอุ่นๆมาแล้ว ดื่มก่อนนอนนะม่านฟ้า" ฤดีถือแก้วนมอุ่นยื่นให้กับคนตรงหน้าที่จดจ้องกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
"ขอบคุณค่ะคุณอา" หล่อนหยิบแก้วจากมือของฤดีแล้วยกขึ้นดื่มจนหมดแก้ว
"ฟ้าทำอะไรอยู่คะดึกแล้วนะ จะ4ทุ่มแล้วเดินทางมาถึงก็เกือบจะค่ำไม่เพลียบ้างหรือ" ฤดีถามด้วยท่าทีเป็นห่วง
"ฟ้าทำรายงานส่งอาจารย์อยู่ค่ะคุณอา ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ"
"ขยันจริงๆเลยนะ แล้วเรียนอะไรอยู่ปีไหนแล้ว"
"ฟ้าเรียนบริหารค่ะ ปี3แล้ว ตอนแรกที่เรียนก็หวังว่าจบมาจะได้ช่วยคุณพ่อกับคุณแม่มาบริหารงานที่บริษัท แต่ยังไม่ทันจบก็......"
"อาเชื่อว่าถ้าม่านฟ้าเรียนจบยังไงม่านฟ้าก็สามารถบริหารที่บริษัทได้"
"ค่ะคุณอา"
"แล้วเราเรียนที่ไหนล่ะ"
" ฟ้าเรียนที่มหาวิทยาลัยสินธนบุรีค่ะ"
"หื้ม... เรียนที่เดียวกับลิษาเลย ก็ดีหน่อยเวลาไปทำเรียนจะได้ไปพร้อมกัน"
"พร้อมกันหรอคะ" ม่านฟ้ากดเสียงต่ำพลางมองใบหน้าของฤดีด้วยสีหน้าที่มีความกังวล
"ไม่ต้องห่วงนะรถตู้ที่บ้านไปส่ง คนขับรถก็จะขับรถไปรับไปส่งฟ้าอย่ากังวลไปเลย"
"ค่ะคุณอา" เธอพูดไปอย่างนั้นแม้ว่าในใจลึกๆแล้วเธอรู้ดีว่าลิษาไม่ชอบเธอ แถมยังต้องไปเรียนด้วยรถคันเดียวกันอีก เธอกังวลว่าจะถูกลิษาต่อว่าและดูถูก ขนาดต่อหน้าคุณลุงและคุณอายังว่าหล่อนขนาดนี้ ลับหลังหล่อนจะโดนอะไรบ้างก็ยังไม่รู้"
"นี่ก็ 4 ทุ่มแล้วคุณอายังไม่ง่วงหรอคะ" ม่านฟ้าเอียงศีรษะถามอย่างสงสัย
"เดี๋ยวอาก็จะเข้านอนแล้วล่ะ พรุ่งนี้อามีประชุม แล้วเราล่ะทำงานจะเสร็จเมื่อไหร่นอนดึกตื่นเช้ามันไม่ดีนะ"
"ฟ้าเสร็จแล้วค่ะ แค่มาตรวจสอบงานว่าเรียบร้อยหรือเปล่า คงจะแปลกที่มั้งคะฟ้าเลยนอนไม่ค่อยหลับ" หญิงสาวถอนหายใจมือปิดหน้าจอโน๊ตบุ๊คให้พับลง สายตามองไปยังห้องนอนกว้างที่ไม่คุ้นตาเอาเสียเลย
"คิดถึงพ่อกับแม่สินะเรา"
"ค่ะฟ้าคิดถึงท่านทั้ง 2 ค่ะ ไม่เคยคิดว่าจะได้แยกกับคุณพ่อคุณแม่ อย่างน้อยถ้าวันไหนฟ้ารู้สึกไม่สบายใจก็ยังมีคุณพ่อกับคุณแม่คอยกอดฟ้า" หล่อนร่ำไห้อีกครั้งก่อนจะเดินไปยังเตียงนอน
"ยังมีอาอยู่ทั้งคน อาบอกแล้วไงฟ้าว่าให้มองอาเป็นเหมือนคนในครอบครัว ยังไงฟ้าก็คือหลานของอา อย่าคิดว่ามาอยู่บ้านหลังนี้แล้วตัวคนเดียวเลยนะ อาไม่คิดจะมองฟ้าเป็นคนอื่นคนไกล" ฤดีกอดม่านฟ้าให้สยบความคิดแบบนั้น
"ขอบคุณนะคะที่ไม่รังเกียจฟ้า แถมเอ็นดูฟ้าอีก คุณลุงเดชโชคดีจังเลยนะคะที่มีภรรยาแบบคุณอา"
"สิ่งที่เห็นกับความเป็นจริงมันไม่เหมือนกันหรอกนะ" ฤดีปัดเป่าปอยผมที่ปิดบังใบหน้าของหญิงสาว
"หมายความว่าอย่างไงหรอคะคุณอา"
"ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ อยู่อีกหน่อยเดี๋ยวฟ้าก็รู้เอง เรียนรู้นิสัยคนในบ้านเอาเองนะ"
"ค.. ค่ะ" หญิงสาวงงกับคำพูดของฤดีอยู่ไม่น้อยแต่ไม่อยากเอ่ยปากถามอะไรมาก เพราะเธอเพิ่งจะเข้ามาอยู่ กลัวฤดีจะมองตนว่าเป็นคนสอดรู้สอดเห็น
"ให้อานอนเป็นเพื่อนหรือเปล่า"
"ไม่เป็นไรค่ะคุณอา ห้านอนได้ค่ะ"
"งั้นนอนฝันดีนะม่านฟ้า" ฤดีดึงผ้าห่มมาห่มกายให้เด็กสาวพลางลูบผมสีดำดกเงางามอย่างเอ็นดู
"ฝันดีค่ะคุณอา" หญิงสาวพูดยิ้มหลับตาลง ฤดีมองคนที่กำลังหลับอย่างเอ็นดู
สองเท้าก้าวเบาๆเพราะเกรงว่าจะทำให้ม่านฟ้านั้นตื่นเธอปิดไฟในห้องก่อนจะค่อยปิดประตูอย่างช้าๆ
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเป็นเวลาตี 5 หญิงสาวผู้มาใหม่จัดการตนเองให้ทันก่อนไปทานข้าวเช้าพร้อมหน้าพร้อมตากับคนในบ้าน
"ชุดนักศึกษาอยู่ไหนนะ จำได้ว่าก็เอาไว้ในนี้นี่หน่า" หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาอย่างเนื่อยๆ
"บ้าจริง ลืมรีดชุดได้ไง" ม่านฟ้าไม่รอช้า นำเครื่องแต่งกายมารีดจัดทรงให้เป็นระเบียบ กระโปรงพีทยาวถึงตาตุ่มเผยให้มองถึงบุคลิกว่าเป็นคนเรียบร้อย
"6 โมงกว่าแล้วมาทานข้าวเถอะม่านฟ้า เดี๋ยวจะต้องไปมหาวิทยาลัยอีกจะสายเอาได้" ฤดีผายมือให้ม่านฟ้ามานั่งข้างตนอย่างที่เคย เดชณรงค์นั่งที่มุมหัวโต๊ะ ส่วนลิษานั่งทางขวามือของเดชณรงค์
"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้ารวบกระโปรงก่อนนั่งรับประทานอาหารเช้า
"หลับสบายดีหรือเปล่าม่านฟ้า" เดชณรงค์เอ่ยถามผู้ที่เข้ามาอาศัยใหม่
"ค่ะคุณลุง"
"คุณเดชคะ ฤดีจะให้ป้านวลดูแลม่านฟ้าด้วยคุณจะว่าอะไรหรือเปล่า"
"แล้วแต่คุณเลยครับ ความเรียบร้อยภายในบ้านคุณจัดการได้ทุกอย่างตามความเหมาะสม"
"คุณน้าคะ ป้านวลเป็นคนของคุณน้าไม่ใช่หรอคะทำไมคุณน้าถึงจะไปให้ป้านวลไปดูแลยัยม่านฟ้าด้วย" ลิษาพูดเชิงไม่พอใจปากเบ้ไปมาด้วยความหมั่นไส้
"เพราะน้าไว้ใจป้านวลไง"
"คุณน้าคะ"
"ป้านวลคะ ดูแลม่านฟ้าให้เหมือนดูแลฤดีด้วยนะคะ เพราะม่านฟ้าก็คือคุณหนูของบ้านหลังนี้ด้วยอีกคน"
"ค่ะคุณหญิง" สาวรับใช้ตอบรับด้วยความเต็มใจ
"คุณน้าคะ ทำไมต้องให้ใครไม่รู้ไม่ใช่ครอบครัวของเรามาเป็นคุณหนูของบ้านเราด้วยคะ ลิษาไม่ยอมหรอกนะคะ"
"ลิษา มีมารยาทหน่อยสิ ม่านฟ้าเขาเป็นลูกของเพื่อนคุณอาของหลานนะ"
"ลิษา อาว่าก็ดีนะหลานจะได้มีเพื่อนด้วยไงล่ะ" เดชณรงค์พูดเสริม
"ไม่ค่ะ มันจะมาแย่งความรักของคุณอากับคุณน้าของลิษาไป ลิษาไม่ยอมคุณอาจัดการให้ลิษาหน่อยสิคะ บอกคุณน้าให้หน่อยว่าลิษาไม่ยอม"
"ลิษาฟังอานะ บ้านหลังนี้เป็นบ้านของคุณน้าฤดีไม่ใช่บ้านของอา แถมบริษัทก็เป็นของน้าฤดี ลืมไปแล้วหรอ!!! ที่เรามีทุกวันนี้เพราะใคร"
"คุณอาไม่เข้าข้างลิษา หรือว่าคุณอาจะรักมันมากกว่าลิษา"
"อาไม่ได้คิดแบบนั้นนะหลานรัก"
"คุณน้าคะ" ลิษาหันไปพูดเสียงอ้อนกับฤดี
"ลิษาหลานน้าไม่คิดแบบนี้สิ ยังไงลิษาก็ยังเป็นหลานของน้า ทำไมคิดแบบนี้คะไม่มีใครมาแทนที่ลิษาของน้าได้หรอกนะ" ฤดีลุกจากเก้าอี้อ้อมไปโอบกอดลิษาจากด้านหลัง
"ลิษากลัวคุณน้าไม่รักลิษา"
"น้ารักลิษาที่สุด ทานข้าวนะคะ"
"ลิษาก็รักคุณน้าค่ะ" ลิษาหอมแก้มคุณน้าของเธอด้วยความน้อยใจ ม่านฟ้าก็นั่งเงียบนึกแต่โทษตัวเองที่เป็นคนทำให้คนในบ้านทะเลาะกันเพราะเธอหรือเปล่า
📞สายเรียกเข้า📞
ม่านฟ้าก้มมองโทรศัพท์ของตนที่มีเพื่อนของเธอโทรมา ม่านฟ้ามองหน้าฤดีและเดชณรงค์เพื่อเป็นการขอนุญาต
"รับสายก่อนเถอะ" เดชณรงค์ตอบรับความปราถนาของม่านฟ้า หญิงสาวย่ำสาวเท้าไปยังพื้นที่โล่งทันที
ว่ายังไงญาดา : ม่านฟ้า
ญาดา : ฉันได้ข่าวเรื่องพ่อของแก
เห้อ... ฉันเครียด : ม่านฟ้า
ญาดา : วันนี้แกมาเรียนมั้ย
อื้ม แล้วจะเล่าให้ฟัง : ม่านฟ้า
ญาดา : โอเค
"คุณอา" ม่านฟ้ารีบเก็บโทรศัพท์ทันที "ฟ้าอิ่มแล้วค่ะคุณอา"
"แต่อาเห็นว่าหนูฟ้ายังไม่ได้ทานสักคำเลยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า"
"เปล่าหรอกค่ะ" ม่านฟ้าตอบปฏิเสธแม้ในใจเธอไม่ได้คิดอย่างนั้น
"อาดูออกนะว่าฟ้าไม่โอเค อาต้องทำอย่างไงให้หนูฟ้าไม่ต้องกังวล"
"ถ้าลิษาเขาเลิกพูดจาแบบนั้นค่ะ แต่คงจะเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เพราะลิษาเป็นหลานรักของคุณอากับคุณลุง"
"ม่านฟ้า" ฤดีได้แต่ถอนหายใจเพราะมันก็เป็นอย่างที่หล่อนพูด
"ช่างเถอะค่ะ ฟ้าก็พูดอะไรไม่ได้ทำได้แค่อดทน ทำเป็นไม่รู้สึกอะไรแม้ในใจจะรู้สึกอยู่ไม่น้อยก็ตามค่ะ"
"ไปเรียนเถอะนะ อ่ะ!!! เอาเงินไปใช้" ฤดีหยิบเงินจำนึงหนึ่งใส่มือของม่านฟ้า
"คุณอาคะ ฟ้าว่ามันเยอะเกินไปแค่ฟ้ามาอยู่ฟ้าก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้วค่ะ"
"อาบอกแล้วไงว่าอาจะดูแลเราให้เสมือนคนในครอบครัว ฟ้าเป็นหลานอาเงินนี่อาให้เราเอาไปใช้เดือนละ 40000 พอไหม"
"พอค่ะ ขอบคุณค่ะคุณอา" ม่านฟ้ายกมือไหว้ขอบคุณอย่างเกรงใจ
"ตั้งใจเรียนนะ ตอนเย็นเจอกัน"
"ค่ะคุณอา"
"ป่ะเดี๋ยวอาไปส่งขึ้นรถ ป่านนี้คนขับรถรอแย่แล้ว " ฤดีเดินมาส่งม่านฟ้าและลิษาขึ้นรถเพื่อให้ทั้งสองนั้นทำหน้าที่ของตนเองนั่นก็คือการเรียนหนังสือ
มหาวิทยาลัยสินธนบุรี
"ยังไงเล่ามายัยฟ้า" ญาดาแก๊งค์เพื่อนสาวที่สนิทถามขึ้น
"พ่อฉันถูกฟ้องล้มละลาย แถมเป็นหนี้อีกตั้งหลายล้านพ่อก็เลยเอาฉันไปอยู่กับเพื่อนพ่อ"
"อ้าวหรอ!!! จากคนที่บ้านรวยมากๆ"
"อื้ม ชีวิตก็แบบนี้แหละ"
"แล้วคนที่บ้านนู้นเขาดูแลแกดีไหม"
"ดีนะ แต่หลานของบ้านนั้นไม่ชอบฉันนะสิ เพราะกลัวว่าฉันจะไปแย่งความรัก"
"หื้ม... เด็กไม่รู้จักโตนะสิ"
"เรียนที่นี่อ่ะ ปี 1 คณะนิเทศศาสตร์"
"ทนเอาหน่อยนะแก"
"ไม่รู้จะอดทนไปได้แค่ไหน แค่เมื่อวานกับวันนี้ทำฉันอึ้งพูดไม่ออกเลย"
"แกมาอยู่กับฉันไหมล่ะ"
"ขอบใจมากนะดา แต่พ่อกับแม่ฉันให้อยู่กับคุณลุงกับคุณอา ก็ไม่อยากขัดใจเดี๋ยวพ่อกับแม่จะไม่สบายใจเอา" ม่านฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ
"แล้วนี่แกมีเงินใช้ไหมไม่มีบอกพวกเราได้นะ"
"ฉันมี คุณอาให้ฉันใช้เงินเดือนละ 40000"
"40000 เลยหรอ เขาคงเอ็นดูแกมาก"
"แต่มากไปก็ไม่ได้ หลานคุณอาจ้องแต่จะหาเรื่องมาให้ฉัน"
"เห้อ!!! ชีวิตแกนี่นะ"
"ไม่สนุกเอาซ้ะเลย" เวลาผ่านไปพอสมควรถึงเวลาพักเที่ยงนักศึกษาต่างคณะก็พากันมารับประทานอาหาร มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งหยุดอยู่ตรงที่โต๊ะของม่านฟ้า
"เนี่ยคนนี้แหละที่ฉันบอกว่าที่บ้านล้มละลาย หนีหัวซุกหัวซุนมาอาศัยบ้านคุณน้าของฉัน แถมยังอยากจะเป็นหลานรักด้วยมั้ง ไม่รู้ว่าไปขออะไรคุณน้าฤดีถึงได้ยอมให้ป้านวลคนรับใช้ข้างกายคุณน้ามาดูแลตัวเองด้วย แถมคุณน้าฤดียังบอกให้คนในบ้านเรียกมันว่าคุณหนูเหมือนฉัน" ลิษาพูดประณามกล่าวลือม่านฟ้าอย่างเสียหาย หารู้ไม่ว่าเรื่องที่ตนกล่าวไม่เป็นความจริง
"หื้มจริงหรอลิษา แล้วอย่างนี้คุณน้าของเธอจะยกมรดกให้มันหรือเปล่า" เพื่อนสนิทลิษาเอ่ยขึ้น
"ไม่มีทางฉันเป็นหลานของคุณน้า มรดกต้องตกเป็นของฉันคนเดียว"
"น้าของลิษาไม่มีลูกหรอ"
"ไม่มีคุณน้าฤดีทำหมันน่ะเลยไม่มีลูก คุณน้าเลยรักและเอ็นดูฉันเหมือนลูกคนนึง"
"เธอก็เป็นแค่หลานของคุณลุงเดชที่เป็นสามีของคุณอาฤดี ไม่ใช่หลานแท้ๆของคุณอาสักหน่อย" ม่านฟ้าเอ่ยโต้กลับ
"แต่คุณน้ากับคุณอาก็เป็นสามีภรรยาถูกต้องตามกฏหมาย และฉันเป็นหลานไม่ใช่คนอื่นที่มาอาศัยในบ้านเหมือนเธอ"
"แต่คุณลุงเดชกับคุณอาฤดีก็รับฉันเป็นหลานอีกคน"
"เธอมันก็แค่ลูกเพื่อนพ่อไม่ใช่หลานในไส้แท้ๆของคุณอา"
"ขอพูดไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่เคยคิดจะแย่งความรักของคนในบ้าน อีกอย่างคุณลุงก็อาสารับฉันมาดูแลเอง ฉันไม่ได้ขอร้องให้คุณลุงเอาฉันมาซ้ะเมื่อไหร่"
"แกไม่ได้ขอแต่พ่อกับแม่แกขอไง ลับหลังคุณอากับคุณน้าปากดีจังนะ"
"แล้วทำไมฉันจะต้องยอมให้เธอมาว่าฉันอยู่คนเดียว"
"พ่อกับแม่ไม่สั่งสอนหรอ หรือที่ผ่านมาเป็นผู้ดีจอมปลอม พ่อกับแม่แกจับฉลากมาเป็นผู้ดีหรอ"
"ว่าฉันได้แต่มาว่าพ่อกับแม่ฉันไม่ยอม" ถาดข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะถูกสาดใส่ตัวของลิษาด้วยฝีมือของม่านฟ้า
"กรี๊ดดดด!!! ฉันจะฟ้องคุณอากับคุณน้า แกโดนไล่ออกจากบ้านแน่"
"เชิญ" ม่านฟ้ากล่าวคำพูดหนักแน่นก่อนที่จะหลบหนีไป
ช่วงเวลาเลิกเรียนคนขับรถนั้นได้มารับเธอทั้งสองเมื่อลิษาขึ้นรถก็สั่งให้คนขับรถออกรถทันทีโดยไม่ให้รอม่านฟ้า เมื่อหญิงสาวเห็นรถที่บ้านขับออกไปก็พอจะเดาได้ว่าเป็นฝีมือของลิษาที่ไม่ยอมให้ตนนั้นขึ้นรถกลับด้วย
เวลาผ่านไปพอสมควรเป็นเวลาใกล้ 6 โมงเย็นม่านฟ้าเพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน ทุกคนในบ้านต่างก็นั่งรอตรงโซฟาที่ห้องนั่งเล่น
"สวัสดีค่ะคุณลุง คุณอา" ม่านฟ้ายกมือไหว้โดยไม่รู้ว่าก่อนที่ตนจะมาถึงบ้านลิษานั้นฟ้องอะไรที่ไม่เป็นความจริงไปแล้วบ้าง
"ทำไมเพิ่งจะกลับมาถึงบ้าน ทำไมไม่ขึ้นมากับรถของที่บ้านเรา" เดชณรงค์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
"รถไม่ได้รอฟ้าเลยนะคะ ฟ้ามาถึงหน้ามอ.รถก็ออกไปแล้ว"
"ไม่จริงค่ะคุณอาเดช ลิษาเห็นม่านฟ้ายืนคุยกับผู้ชายคนขับรถเรียกก็ไม่ยอมขึ้นบอกให้คนขับรถขับออกไปเลย"
"ไม่เป็นความจริงค่ะ" ม่านฟ้าปฏิเสธทันควัน
"ลิษาถ่ายรูปมาด้วยค่ะ เผื่อคุณอากับคุณน้าไม่เชื่อ" ลิษาชูโทรศัพท์เปิดภาพที่หล่อนกับผู้ชายยืนคุยกันอยู่หน้ามหาวิทยาลัย
"ม่านฟ้าตอบลุงมาหน่อยว่าเรื่องจริงไหม" เดชณรงค์ถามอย่างใจเย็นเธอคิดว่าม่านฟ้าเป็นเด็กดีเหมือนที่เพื่อนของตนเคยกล่าว
"ฟ้าคุยกับเพื่อนคนนี้จริงค่ะ แต่เขาเป็นสาวสองอีกอย่างเราก็แค่คุยงานกลุ่มที่พรุ่งนี้จะต้องนำเสนอ ราก็แค่แบ่งข้อมูลกันทำำ แล้วฟ้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ ฟ้าคุยกับเพื่อนเรื่องงานจริงๆค่ะ"
"อื้ม โอเคงั้นอีกเรื่องให้อาฤดีเขาจัดการนะ ผมจะไปอาบน้ำ"
"ค่ะ" ม่านฟ้าพ่นลมหายใจออกมาอย่างน้อยสิ่งที่เธอพูดก็มีคนเชื่อ
"ม่านฟ้าอาถามอะไรหน่อยสิ"
"ค่ะคุณอา"
"ฟ้าได้สาดอาหารใส่ลิษาหรือเปล่า" ฤดีถามยังเสียงเงียบ สุขุม ฟังดูน่ากลัวอยู่ลึกๆ
"ค่ะ" ม่านฟ้าไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใดเพราะนั่นมันคือเรื่องจริง
"ทำไม" คิ้วของฤดีเริ่มขมวดผูกกันเป็นปม
"คุณอาฤดีก็ลองถามลิษาดูสิคะ ฟ้าก็อยากรู้ว่าลิษาเขาจะพูดว่าอย่างไร"
"ลิษา" เสียงเรียบต่ำเรียกชื่อหลานรักพลางเปยตามองอย่างสงสัย
"ก็ม่านฟ้ามันมาว่าลิษาก่อนนะคะ ลิษาทานข้าวอยู่แต่แม่นี่เดินมาจากไหนไม่รู้ อวดอ้างว่าได้เข้ามาอยู่ในบ้านคุณน้า พูดกับลิษาว่าจะแย่งความรักของคุณอากับคุณน้าไปจากลิษา" ลิษาแสร้งเล่นบทละครน้ำเน่าใส่น้าฤดี
"ไม่จริงค่ะ ลิษานั่นแหละค่ะที่เดินมาต่อว่าม่านฟ้าที่กำลังทานข้าวอยู่ บอกว่าม่านฟ้าคือผู้ดีจอมปลอมพ่อกับแม่จับฉลากมาเป็นผู้ดี แถมยังว่าพ่อแม่ไม่สั่งสอน ม่านฟ้าก็เลยโมโหเลยสาดอาหารใส่ลิษาค่ะ"
"ทำไมถึงทำอย่างนั้นล่ะลิษาไปว่าม่านฟ้าทำไม"
"นี่คุณน้าเชื่อมันหรอคะ คุณน้ารักมันมากกว่าลิษาหรอคะ"
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะ น้าแค่ไม่อยากให้เราไปพูดจาแบบนั้นใส่กัน"
"แต่ลิษาไม่ได้เป็นคนพูด คุณน้ารู้จักลิษาดีนะคะ แล้วมันเป็นใครมันพูดอะไรคุณน้าก็เชื่อมันแถมยังมองว่าลิษาเป็นคนผิด"
"น้ายังไม่ได้กล่าวหาว่าใครผิด ที่น้าถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นแค่อยากจะรู้สาเหตุก็เท่านั้น"
"ถ้าคุณน้าเชื่อมันก็ไม่ต้องมาถามลิษา คุณน้าต้องรู้จักลิษาดีสิ" จริงอย่างที่ลิษาพูดที่ผ่านมาลิษาเป็นเด็กดีมาตลอดหรือลิษาพูดจะเป็นเรื่องจริง
"ม่านฟ้า สรุปจริงอย่างที่ลิษาพูดไหม" ฤดีถามเสียงเรียบอีกครั้งไม่รู้จะเชื่อใครดี
"ก็สุดแล้วแต่คุณอาจะตัดสินใจเชื่อใครเลยค่ะ ฟ้าไม่ใช่หลานคุณอาพูดอะไรคุณอาก็คงไม่เชื่ออยู่แล้ว"
"ม่านฟ้า อายังไม่ได้ตัดสินว่าใครถูกหรือผิด"
"แต่คุณอาก็เชื่อที่ลิษาพูดมากกว่าที่ฟ้าพูดใช่ไหมคะ เพราะที่ผ่านมาลิษาเป็นเด็กดีมาตลอด แต่พอวันนึงมีฟ้าเข้ามาเรื่องแบบนี้มันก็เกิดขึ้น ทุกคนคงจะมองว่าต้นเหตุก็มาจากฟ้า"
"อาจะยังไม่ตัดสินใครทั้งนั้น แต่ขอรู้เหตุผลได้ไหมม่านฟ้าว่าทำไมถึงจะต้องทำรุนแรงโดยการสาดอาหารใส่กัน"
"คุณอาพูดแบบนั้นก็หมายความว่าเข้าข้างลิษาหรอคะ ถ้าคุณอาเชื่อแบบนั้นคุณอาก็ไม่ต้องถามอะไรม่านฟ้าหรอกค่ะ ในเมื่อลึกๆแล้วคุณอาก็มองฟ้าเป็นคนผิดที่ทำเกินกว่าเหตุใช่ไหมคะ"
"ไม่ใช่นะม่านฟ้า อาก็แค่ไม่เข้าใจว่าจะต้องทำกันถึงขนาดนี้เลยหรอ"
"ก็เขามาต่อว่าพูดถึงพ่อแม่ฟ้าอย่างเสียๆหายๆ จะให้ฟ้าทนฟังทั้งๆที่มันไม่ใช่เรื่องจริงหรอคะคุณอา" เสียงของม่านฟ้าเริ่มสั่นคลอน
"แต่ผู้ดีเขาไม่ทำกันอย่างนี้นะฟ้า"
"ค่ะ ฟ้ามันผู้ดีจอมปลอมจับฉลากมาได้เหมือนที่ลิษาบอกนั่นแหละค่ะ" น้ำตาไหลนองอาบแก้มด้วยความน้อยใจที่ไม่มีความเห็นว่าเธอนั้นจะเป็นผู้ถูกกระทำ หากทว่าหลานรักยังไงก็เป็นหลานรักเรามันก็แค่คนอื่น
"คุณน้าคะ ลิษาไม่ถือโทษโกรธม่านฟ้าหรอกค่ะ"
"ลิษาขึ้นไปอาบน้ำเถอะ ม่านฟ้าด้วย"
"ค่ะ" ม่านฟ้าถือกระเป๋าขึ้นไปบนห้องอย่างอิดโรยภายในใจแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ หล่อนทิ้งตัวลงบนเตียงนอนคว่ำระบายความทุกข์ใจผ่านน้ำตาออกมา
"ฮึกๆๆ" เสียงสะอื้นผ่านลำคอทำให้คนที่ย่างกายเข้ามาในห้องหยุดมองก่อนที่จะเดินไปนั่งที่เตียงเพื่อปลอบคนที่ร้องไห้
"ม่านฟ้า" เสียงนุ่มเรียกคนเล็กมือบางลูบศีรษะเป็นการปลอบให้คนร้องไห้นั้นหยุด
"คุณอา" ม่านฟ้ารีบเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นนั่งในท่าทีปกติ
"ร้องทำไมกัน อาไม่ได้ไม่เชื่อม่านฟ้านะ แค่อยากหาความจริงแต่สิ่งที่ม่านฟ้ากระทำอาว่ามันไม่สมควร เราควรใช้วิธีอื่นที่ดีกว่านี้"
"คือเงียบๆให้เขาพูดต่อว่าฟ้าอยู่ฝ่ายเดียวหรอคะคุณอา"
"ไม่ใช่ค่ะ เราตอบโต้ได้ต้องเป็นวิธีของคนฉลาดเข้าใจไหม เราทำแบบนี้ต่อให้มีเหตุผลมากมายมันก็ฟังไม่ขึ้นเพราะรูปธรรมแล้วลิษาเข้าโดนกระทำเข้าใจที่อาพูดใช่ไหม"
"ค่ะ ขอโทษที่ทำให้คุณอาไม่สบายใจนะคะแล้วก็ขอโทษที่แสดงกิริยาที่ไม่น่ารักกับคุณอา"
"ไม่เป็นไรค่ะ อาไม่ถือโทษโกรธม่านฟ้าหรอกนะ"
"ขอบคุณนะคะ"
"ไม่ร้องแล้วนะคนดีของอา" ฤดีดึงม่านฟ้าเข้ามาโอบกอด ศีรษะของม่านฟ้าอยู่ใต้หน้าอกของเธอ
"ไม่ร้องแล้วค่ะ"
"คืนนี้อาจะนอนเป็นม่านฟ้านะ"
ฤดีนอนข้างๆ ม่านฟ้าหญิงสาวซุกที่หน้าอกของหล่อนมือก็สวมกอด คุณหญิงของบ้านมองด้วยความเอ็นดู มือลูบผมดกดำเงางามอย่างทะนุถนอม "ฝันดีนะม่านฟ้า"
หญิงสาวข้างกายเธอเป็นหญิงผู้น่าสงสาร เพราะเธอนั้นไม่ได้อยู่ร่วมกับบิดามารดาเหมือนแต่ก่อน หากหญิงสาวจะคิดว่าตนเองไม่เหลือใครมันก็คงจะจริง แต่ทว่าฤดีอยากจะเปลี่ยนความคิดของม่านฟ้า เธอเองมองว่าหากใครมารังแกม่านฟ้าเธอแค่เพียงอยากจะปกป้อง เพราะในบ้านหลังนี้ไม่มีญาติพี่น้องของม่านฟ้าให้เป็นที่พึ่งทางจิตใจเสียเลย
เช้ารุ่งอรุณแสงแดดผ่านม่านกระทบเปลือกตาของฤดี เธอค่อยๆลืมตาแต่จะขยับตัวก็ครั้นจะขยับตัวยาก จึงรู้ว่าเด็กสาวนอนกอดตนอยู่นั่นเอง ฤดีมองเด็กสาวอย่างหลงไหลมือปัดเป่าปอยผมที่คอยแต่จะบดบังใบหน้าสวย
"ม่านฟ้าตื่นได้แล้ว" เสียงของหล่อนช่างนุ่มนวลเสียจริง มือเรียวไล่ไปตามกรอบรูปหน้าของหญิงสาว
"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้าพูดขณะที่ตนเองก็ยังไม่ลืมตา
"ลุกขึ้นเร็วเช้าแล้วเดี๋ยวจะสายเอานะ" มือเรียวของฤดีก็ยังคงไล่ไปตามกรอบรูปหน้าอย่างเอ็นดู
"ค่ะ" ม่านฟ้าจับมือของอาฤดีที่กำลังจับใบหน้าของตนอยู่
"ไปอาบน้ำจะได้ลงไปทานข้าว"
"ค่ะ" ม่านฟ้าลุกขึ้นพรางบิดขี้เกียจมองดูช่างน่ารักเสียจริง คุณหญิงของบ้านเห็นก็เอ็นดูกับท่าทางของหญิงสาวเมื่อครู่
"คุณอายิ้มอะไรหรอคะ" ม่านฟ้าถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียยังไม่ตื่นนอนเท่าไรนัก
"ยิ้มให้เด็กแถวนี้ นอนขี้เซาจริง"
"คุณอา ฟ้าไปอาบน้ำดีกว่า" ม่านฟ้าพูดอย่างเขินๆเมื่อถูกคุณหญิงของบ้านมองเธอด้วยสายตาหวานหยาดเยิ้ม เธอพลิกตัวลุกขึ้นเดินไปยังห้องน้ำทันที
"บ้าเอ้ยไอ้ฟ้า แกนี่ทำตัวเป็นเด็กให้คุณอาเห็นได้ไงเนี่ยอายุก็ตั้ง20แล้ว" ม่านฟ้าคิดในใจตัวบิดเขินไปมาปากกัดผ้าขนหนูที่จะมาห่มกายที่เปลือยเปล่า
ณ โต๊ะอาหาร
"คุณฤดี ผมต้องไปทำงานต่างจังหวัดหนึ่งอาทิตย์นะครับ ฝากดูแลหลานๆด้วย"
"ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะคุณเดช คุณก็ดูแลตัวเองด้วยนะ"
"ครับ ผมไปก่อนนะ" เดชณรงค์ลุกขึ้นและเดินออกจากโต๊ะอาหารไปทันที
"คุณน้าคะ วันนี้วันศุกร์ลิษาขอไปเที่ยวกับเพื่อนได้ไหมคะลิษาอยากไปทะเลไปเย็นวันนี้กลับเช้าวันอาทิตย์" ลิษาทำน้ำเสียงออดอ้อนคุณน้าผู้ใจดีของเธอ
"ได้สิ เรียนมาทั้งอาทิตย์แล้วไปพักผ่อนบ้างก็ดี เราก็อย่าลืมดูแลตัวเองล่ะโตเป็นสาวแล้ว"
"ค่ะ ขอบคุณค่ะคุณน้า ลิษารักคุณน้าที่สุด" ลิษาลุกจากเก้าอี้หอมแก้มฤดีอย่างเอาอกเอาใจ
"แล้วเราล่ะม่านฟ้าจะไปไหนหรือเปล่า จะไปเที่ยวกับเพื่อนบ้างไหม"
"ไม่ค่ะ ฟ้าไม่อยากไปเที่ยวอยู่บ้านจะดีกว่าค่ะ" ม่านฟ้าตอบปฏิเสธเพราะถ้าเธอไปนอนบ้านเพื่อนคุณอาของเธอคงต้องเหงาแน่ถ้าอยู่บ้านกับคนรับใช้
"ทำไมล่ะไม่อยากไปเที่ยวหรอ หรือเกรงใจอะไรหรือเปล่าบอกอาได้นะ"
"เปล่าค่ะคุณอา ฟ้าไม่ได้อยากไปไหนแต่ว่าวันนี้ฟ้าเลิกเรียน 2 ทุ่มนะคะ" ม่านฟ้าพูดพร้อมกับเปิดตารางสอนให้ฤดีดู
"2 ทุ่มเลยหรอ คงไม่ได้กลับพร้อมลิษา เดี๋ยวลิษาเขาต้องรีบกลับมาเก็บของอีก เดี๋ยว 2 ทุ่มอาไปรับเราที่มหาวิทยาลัยนะ"
"ไม่เป็นอะไรค่ะคุณอา ฟ้ากลับแท็กซี่ก็ได้ค่ะ มันดึกแล้วฟ้าเป็นห่วงคุณอามันอันตราย"
"แล้วมืดค่ำแบบนี้กลับแท็กซี่ไม่อันตรายกว่าหรือไง อาก็ทำงานอยู่ที่บริษัทก็ไม่ได้ห่างจากมหาวิทยาลัยของเรามากอย่าเกรงใจเลย"
"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้าเม้มริมฝีปากไม่อยากจะขัดใจคุณเจ้าข้างบ้านสักเท่าไร
"ถ้าอิ่มแล้วก็พากันไปเรียนหนังสือได้แล้ว เดี๋ยวอาก็ต้องไปทำงานแล้วล่ะ"
"สวัสดีค่ะคุณน้า" ลิษายกมือไหว้อย่างเอาใจ
"สวัสดีค่ะคุณอา" ม่านฟ้าต่างก็ทำเช่นเดียวกับลิษา หากแต่ว่าลิษานั้นเบ้ปากใส่หล่อน รถตู้นั้นเคลื่อนตัวไปยังมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ทั้งสองลงจากรถเพื่อที่จะเข้าไปยังห้องเรียนคณะของตนเองทว่ามาทะเลาะกันเรื่องทางเดิน
"ยัยม่านฟ้าแกก็ไปเดินตรงนั้นสิมาเดินเบียดฉันทำไม"
"ลิษาเธอก็เห็นว่าตรงนั้นมันมีแอ่งน้ำ เธอจะให้ฉันเดินไปหรือไง ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันเบียดเธอเองนั้นแหละที่ต้องไปเดินตรงนั้น" ม่านฟ้าทำหน้าเบื่อหน่ายปลายนิ้วชี้เรียวชี้ไปทางเดินดังกล่าว
"ปากดีนักนะลับหลังคุณอากับคุณน้า"
"ก็แล้วทำไมฉันต้องยอมเธอ ขนาดต่อหน้าคุณลุงกับคุณอาเธอยังเล่นละครเสียงสองอยู่เลย"
"แล้วมันจะทำไม ยังไงคุณน้ากับคุณอาก็ต้องเชื่อฉันและก็เข้าข้างฉันอยู่แล้ว เพราะฉันเป็นหลานเธอมันก็แค่..คนอื่น" ลิษาเน้นย้ำน้ำเสียงที่จริงจัง
"นี่นะหรอ? ที่กล่าวหาว่าคนอื่นเป็นผู้ดีจอมปลอม แล้วผู้ดีที่ไหนทำตัวไร้ค่าดูถูกคนแบบนี้ เธอก็ผู้ดีจอมปลอมเหมือนกันนั่นแหละ"
"ยัยม่านฟ้า" ลิษาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม แววตาร้อนผ่าวเต็มไปด้วยความโกรธ
"ทำไม ฉันพูดแทงใจดำสินะ แต่ฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าเธอจะมาว่าฉันเป็นผู้ดีจอมปลอม เธอก็ไม่ต่างอะไรกับฉันหรอก"
"ฉันจะฟ้องคุณอากับคุณน้า"
"เชิญ!!! เธอมันก็ทำได้เท่านี้แหละ ฟ้องเก่งอย่างเดียว เชิญไปบอกเลยฉันท้า" ม่านฟ้าเน้นน้ำเสียงเอาจริงก่อนจะเดินฉีกหนีไปอีกทาง
ห้องเรียนคณะบริหารธุรกิจ B5
"เป็นอะไรทำไมหน้ามุ้ยมาเชียว" ญาดาเพื่อนสนิทเอ่ยถามอย่างกังวล
"ทะเลาะกับยัยลิษาอะไรนั่นหาเรื่องเก่ง" ม่านฟ้าพูดพร้อมน้ำเสียงหงุดหงิดคิ้วขมวดผูกกันจนจะเป็นโบว์
"อะไรกันอยู่ด้วยกันยังจะตีกันอีก" เพลงขวัญเพื่อนในกลุ่มถามขึ้น
"อื้ม!! หวงอาหวงน้ากลัวฉันจะไปแย่งความรัก ถามก่อนอายุก็ 19 แล้วมาหวงอะไรทำตัวเป็นเด็ก กลัวจะไปแย่งสมบัติมั้ง"
"อ่า!! ไม่แน่นะถ้าเกิดว่าคุณอาของแกเนี่ยเห็นว่าแกเป็นเด็กดีเค้าอาจจะยกสมบัติให้แกก็ได้"
"พูดตลกนะยัยเพลง คุณอาจะมายกให้ฉันทำไมกันฉันไม่ใช่ญาติพี่น้องเขาสักหน่อย"
"เออ... ไอ้เพลงมึงก็พูดเป็นเล่นไป" ญาดาพูดก่อกวนเสริม
"เอ้า!!ก็ใครมันจะไปคิด ถ้าเขายกให้แกจริงอ่ะ แต่ก็อย่างว่าแหละยังไงเขาก็ต้องยกให้ยัยลิษาอยู่ดีเพราะเป็นน้าหลานกัน ถึงจะเป็นหลานของลุงเดชก็เถอะ"
"แต่ลุงเดชกับคุณอาฤดียังไงมันก็ต้องตกไปเป็นของลิษาอยู่แล้วจะตกเป็นของใครก็ช่างเถอะ ฉันก็ไม่ได้อยากได้หรอก สมบัติเยอะปัญหาก็เยอะตามมา สู้ฉันทำงานเก็บเงินกู้บริษัทพ่อฉันคืนมาไม่ดีกว่าหรอ" ม่านฟ้าถอนหายใจคิดถึงแต่ช่วงเวลาเก่าๆที่บ้านของเธอนั้นเต็มไปด้วยเงินทองมากมายแต่โชคชะตากับผลิกผันทำให้บ้านจนภายในพริบตา
"ก็จริงอย่างที่แกพูดแหละฟ้า แล้วนี่พ่อกับแม่แกเป็นยังไงบ้าง"
"ไม่รู้เลย คืนนี้ฉันว่าจะโทรหาอยู่คิดถึง อย่างน้อยเวลาเจออะไรก็มีพ่อกับแม่คอยปลอบ คอยให้กำลังใจแม้แต่ตอนนี้ฉันเองก็อยากได้กำลังใจจากพ่อแม่อยู่ที่นั่นฉันไม่มีความสุขเลย ฉันโดนแต่ยัยลิษาหาเรื่องจิกกัดกันได้ทุกวัน ล่าสุดเมื่อวานที่ฉันเดินออกมาพร้อมไอ้เอ็มยังโดนหาว่าอ่อยผู้ชายเลย แถมยังบอกให้คนขับรถขับรถกลับบ้านโดยไม่รอฉันสักนิด ยังมีหน้าไปฟ้องคุณอาฤดีอีก"
"โอ้โห่ยัยลิษานี่มันร้ายจริงๆ นี่แกอดทนได้ไงเนี่ย"
"ทำไงได้ล่ะ ก็ยัยลิษาเป็นหลานของคนในบ้านหลังนั้น ฉันมันก็แค่คนอื่น"
"เห้อ!!! ชีวิตแกนี่มันตลกจริงๆเลยนะยัยฟ้า" เพลงขวัญถอนลมหายใจเมื่อฟังเรื่องราวของเพื่อนสาวของเธอ
"ยัยดา.. ยัยเพลง นี่ก็2ทุ่มแล้วกลับกันเถอะ วันนี้อาฤดีมารับไม่อยากให้รอนาน คุณอาน่าจะเพิ่งเลิกงานมาเหมือนกัน"
"โอเค เจอกันวันจันทร์นะฟ้า" ทั้งสามคนต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ม่านฟ้าเดินตรงปรี่ไปยังรถเก๋งสีดำคันหรู ฤดีล่นกระจกรถยนต์ลง
"ขึ้นรถสิดึกแล้ว" น้ำเสียงของฤดีเต็มปริ่มไปด้วยความอ่อนโยน
"ค่ะคุณอา"
"เรียนดึกอย่างนี้เหนื่อยหรือเปล่า" หล่อนถามม่านฟ้าพลางเหร่มองคนที่นั่งข้างๆ
"ไม่ค่ะคุณอา" และบรรยากาศก็ปกคลุมไปด้วยความเงียบ ฤดีก็คอยมองคนที่นั่งข้างตนว่าเป็นอะไรหรือเปล่าวันนี้ดูผิดแปลกไป
"เป็นอะไรหรือเปล่าม่านฟ้า"
"ฟ้าก็แค่... คิดถึงพ่อกับแม่ค่ะ" หล่อนพูดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาแววตาหันไปมองกระจกข้างรถ ฤดีเห็นอาการเด็กสาวเธอจึงขับรถชิดริมถนนและหยุดรถโดยทันที
"อาเข้าใจเรานะม่านฟ้า ตอนนี้พ่อกับแม่ของหนูกำลังต่อสู้กับปัญหาอยู่ ฟ้าเองก็ต้องสู้ๆนะพวกเขารักม่านฟ้ามากถึงได้ให้ฟ้ามาอยู่กับอา เพราะฉะนั้นเราต้องตั้งใจเรียนเป็นเด็กดี พ่อกับแม่ของฟ้าจะได้ไม่ลำบากใจ เข้าใจที่อาพูดใช่ไหม"
"ฟ้าเข้าใจค่ะ ขอบคุณนะคะคุณอา"
"วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลย หิวไหมคืนนี้จะกินอะไรอาจะได้ทำให้"
"คุณอาทานข้าวมาหรือยังคะ"
"ยังเลยค่ะ ทานข้าวต้มกุ้งไหม"
"ทานได้ค่ะ" รถยนต์คันสีดำก็ขับแล่นมาจนถึงหน้าบ้าน ทั้งสองคนต่างก็ไปทำธุระส่วนตัวของตนเอง ม่านฟ้าก็ขึ้นไปอาบน้ำทำการบ้าน ส่วนฤดีก็ไปทำข้าวต้มให้กับหลานสาวอีกคนของเธอ
"ข้าวต้มฝีมือคุณอาอร่อยจังเลยค่ะ"
"อร่อยก็ทานเยอะๆนะม่านฟ้า คงจะเรียนเหนื่อยละสิ กินเยอะขนาดนี้"
"ค่ะ วันนี้เรียนหนักค่ะแถมยังมีงานที่ต้องส่งอาจารย์อีกค่ะ"
"มีเยอะหรือเปล่า"
"มีไม่เยอะค่ะ แต่เป็นงานที่ต้องใช้เวลา คืนนี้ฟ้าขออนุญาตคุณอานอนดึกหน่อยนะคะ"
"ตามใจม่านฟ้าเลย อิ่มแล้วอาเอาจานไปเก็บให้นะเราขึ้นไปทำการบ้านเถอะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฟ้าทำเองคุณอาเพิ่งจะกลับมาเหนื่อยๆขึ้นไปพักเถอะนะคะ"
"ก็ได้ขอบใจนะฟ้า น่ารักจัง"
"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้าส่งยิ้มให้ฤดีผู้เป็นอาของเธอ เธอเก็บอาหารบนโต๊ะให้เป็นระเบียบเรียบร้อย หญิงสาวเปิดตู้เย็นเห็นนมวัวจึงเทใส่แก้วแล้วขึ้นเอาไปให้คุณอาของเธอทันที
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังมาจากภายนอกห้องของฤดีเปิดประตูในทันทีเพราะรู้ว่าเป็นหลานของเธอ
"ฟ้าเอานมมาให้คุณอาดื่มก่อนนอนค่ะ"
"ขอบใจนะ อาคิดว่าเราขึ้นห้องไปแล้วซ้ะอีก"
"ยังค่ะ คุณอาทำอะไรอยู่หรอคะ"
"อาอ่านหนังสืออยู่นะ ดึกๆแบบนี้ไม่มีอะไรทำหาอะไรอะไรอ่านเพลินๆจะได้หลับง่ายหน่อย"
"แล้วคุณอาไม่เหงาหรอคะ อยู่บ้านคนเดียวแบบนี้"
"อาชินแล้ว คุณเดชเขาไม่ค่อยอยู่บ้านหรอกเขาต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดบ้างไปต่างประเทศบ้าง ส่วนลิษารายนั้นวันหยุดทีไรไม่เคยอยู่บ้านไปเที่ยวตลอดถึงเวลาเดี๋ยวเขาก็กลับเอง"
"คุณอาดูจะตามใจลิษานะคะ"
"ไม่หรอก อาแค่คิดว่าเรียนมาเหนื่อยๆก็อยากไปเที่ยวกับเพื่อน ช่วงนี้เป็นช่วงวัยรุ่นเขาก็อยากอยู่กับเพื่อนอยากไปเที่ยวทั้งนั้นแหละ อาก็ผ่านจุดนั้นมาแล้วเลยเข้าใจลิษา"
"คุณอาใจดีจังเลยนะคะ"
"แล้วเราล่ะทำไมถึงไม่อยากไปเที่ยว ไม่อยากไปหรอ"
"ช่วงนี้ฟ้าไม่ได้อยากไปไหนค่ะ อยากอยู่เงียบๆทำอะไรคนเดียว อีกอย่างไม่มีใครอยู่บ้านเลยฟ้ากลัวคุณอาจะเหงาเลยอยากอยู่บ้านกับคุณอาค่ะ"
"ไม่หรอกม่านฟ้า อาไม่เหงาหรอก"
"ค่ะ ฟ้าขอตัวไปทำการบ้านก่อนนะคะ"
"ไปเถอะจ้ะ" ม่านฟ้าเดินกลับไปยังห้องของตนเธอนั่งลงที่โต๊ะทำงานมีเปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นมาพิมพ์งานอย่างรวดเร็ว หล่อนเปิดเพียงแค่โคมไฟเล็กๆนั่งทำงานเวลาก็เดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว ม่านฟ้านั้นก็เผลอฟลุบหลับบนโต๊ะที่หล่อนนั่งทำงาน
"ตี 2 แล้วม่านฟ้ายังไม่นอนอีกหรอ" ฤดีพูดในใจ หล่อนเคาะประตูแต่ก็ไร้วี่แววเสียงตอบรับจากทางด้านในห้อง เธอจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปเธอเห็นหญิงสาวฟลุบหลับจึงเข้าไปปลุก
"ม่านฟ้า ม่านฟ้า หนูคะ" ฤดีทั้งเรียกทั้งปลุกคนที่นอนอยู่แต่ก็ไม่อาจทำให้คนนอนอยู่รู้สึกตัวได้เลย
"ฟ้าคะ หนูไปนอนดีๆ"
"ค่ะคุณอา" ม่านฟ้าลุกขึ้นไปที่เตียงเธอหลับในทันทีเพราะความง่วง ฤดีเดินตามไปห่มผ้าห่มให้คนเล็ก
"เหนื่อยไหมคนเก่งของอา" ฤดียิ้มให้กับคนที่หลับเธอรู้ว่าพูดอะไรไปคนที่หลับก็คงไม่ได้ยิน เธอลูบผมคนที่นอนหลับอย่างสนิท
"ฝันดีนะม่านฟ้า" ฤดีมองคนที่หลับอย่างหลงไหล หล่อนไล่มองตรงแต่ใบหน้าจรดที่ขา เธอยิ้มที่มุมปากเอ็นดูคนที่นอนหลับ "ขนาดตอนหลับยังน่ารักเลย" เธอคิดในใจ
ฤดีมองอย่างคนตรงหน้าอย่างไม่คาดสายตาเธอจ้องมองไปยังริมฝีปากสีชมพูอวบอิ่ม ไม่รู้เหตุผลอะไรดลใจให้ฤดีโน้มใบหน้าเข้าไปจูบม่านฟ้า เธอจูบอย่างอ่อนโยนและละมุน สัมผัสพิศสวาทก่อเกิดโดยไม่รู้ตัวแรงสั่นสะท้านจากก้อนเนื้ออกข้างซ้ายเต้นแรงและเร็วอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ฤดีผละจูบออก "นี่เราทำอะไรลงไป" เธอสลัดความคิดนั้นออกก่อนจะออกจากห้องของม่านฟ้าไปยังห้องของตนเองทันที เธอจับที่ริมฝีปากของตนเองพลางหวนนึกย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ขณะที่ฤดีนั้นกลับห้องของตนไปม่านฟ้าก็ลืมตาขึ้นทบทวนเหตุการณ์ดังกล่าว เธอขึ้นมานอนบนเตียงแต่ฤดีหารู้ไม่ว่าม่านฟ้านั้นยังไม่ได้หลับสนิท และเหตุการณ์ที่คุณอาจูบเธอยังชวนให้สงสัยว่านี่คือความจริงหรือว่าความฝัน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!