“ นักเรียนทั้งหมดเคารพธงชาติ แถวตรง ประเทศไทย รวมเลือดเนื้อเป็นชาติเชื้อไทย...........................” เสียงผู้นำร้องและเสียงขานรับของเด็กๆตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่สามดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน เช้านี้ไม่มีอะไรแปลกใหม่สำหรับโรงเรียนรัฐบาลแห่งนี้ แต่วันนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ของคุณครูสาวสวยที่เพิ่งย้ายมาประจำอยู่ที่นี่ สาวสวยที่มีรูปร่างสมส่วน สูงราว165เซนติเมตร มีผมยาวสีดำขลับ เรียบตรง ผิวกายขาวเนียน ใบหน้ารูปไข่ขาวใสไร้ริ้วรอยให้ระคายเคืองสายตา ดวงตากลมโต ขนตางอนยาวเป็นแพ ปากบางแต่งแต้มด้วยลิปมันเพื่อไม่ให้ริมฝีปากแห้งจนอาจดูไม่งาม ด้วยความที่ตนเองเป็นครูและเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักเรียนใบหน้างามจึงถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางเบาเท่านั้น ชุดเครื่องแบบสีกากีที่ทำให้ครอบครัวของเธอภาคภูมิใจถูกรีดเรียบกริบแลดูเรียบร้อย ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มงดงามที่ใครได้มองก็รู้สึกประทับใจอยากที่จะยิ้มตามไปด้วยประดับอยู่
“สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคนวันนี้ครูมีเรื่องที่จะแจ้งให้ทราบ โดยเฉพาะนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่1 ห้อง1/2 หลังจากที่ครูประจำชั้นคนเดิมเพิ่งลาออกไปหลังจากจบภาคเรียนที่1 ตอนนี้เข้าสู่ภาคเรียนที่2แล้ว ทางโรงเรียนได้มีคุณครูคนใหม่มาสอนแทนแล้วค่ะ ขอเสียงปรบมือให้คุณครูเจ้าขา เอกดำรงกุล ขอเชิญคุณครูเจ้าขามาแนะนำตัวให้เด็กๆได้รู้จักกันหน่อยค่ะ” เสียงของคุณครูประชาสัมพันธ์เช้านี้เกริ่นบอกนักเรียนขณะที่เคารพธงชาติเรียบร้อยแล้ว คุณครูคนใหม่ยิ้มแย้มให้เด็กๆที่มองมาที่เธอเป็นตาเดียวกัน เธอเดินด้วยท่วงท่างดงามไปหาครูฝ่ายประชาสัมพันธ์แล้วยกมือไหว้อย่างสวยงาม ก่อนที่จะรับไมค์มาจากมือของคุณครูท่านนั้น
“สวัสดีค่ะนักเรียนโรงเรียนXXXทุกคน คุณครูชื่อ เจ้าขา เอกดำรงกุล จบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยศิลปากร คณะครุศาสตร์ เอกประถมศึกษา เกียรตินิยมอันดับสอง คุณครูจะมาเป็นครูประจำชั้นคนใหม่ของเด็กๆห้องป1/2 และจะมาเป็นครูสอนประจำวิชาภาษาอังกฤษของระดับชั้นประถมศึกษาปีที่1-3 คุณครูขอฝากเนื้อฝากตัวกับนักเรียนทุกคนด้วยนะคะ หวังว่าทุกครั้งที่เราเจอกันเราจะทักทายสวัสดีกันนะ วันนี้คุณครูขอให้เด็กๆทุกคนตั้งใจเรียนและมีความสุขกับการเรียนค่ะ ขอบคุณค่ะ” คุณครูสาวเอ่ยจบ นักเรียนทุกคนทุกระดับชั้นก็ปรบมือต้อนรับคุณครูคนใหม่ดังสนั่นแถว หลังจากแนะนำตัวเสร็จคุณครูคนสวยก็เดินกลับไปคุยกับคุณครูอาวุโสท่านอื่น พอเลิกแถวนักเรียนก็เดินกันอย่างเป็นระเบียบเพื่อกลับเข้าห้องเรียนของตน
ห้องป.1/2
เสียงคุยกันจ๊อกแจ๊กจอแจของเด็กเล็กๆดังสนั่นไปทั่วทั้งห้อง จับใจความสำคัญไม่ได้เนื่องจากเด็กๆยังเล็กกันอยู่ คุณครูคนสวยเดินเข้าห้องมาพร้อมกับสื่อการเรียนการสอนที่อยู่ในมือ
“สวัสดีจ้าเด็กๆ” เสียงหวานใสกังวาลเรียกความสนใจจากเด็กน้อยในห้องทันที
“นักเรียนทั้งหมดทำความเคารพ” เด็กหญิงตัวน้อยน่ารักคนหนึ่งลุกขึ้นกล่าว ซึ่งดูแล้วสาวน้อยน่าจะเป็นหัวหน้าห้อง
“สวัสดีค่ะ/ครับ คุณครู” เด็กนักเรียนตัวน้อยทั้งหมดยืนตรงพนมมือก่อนที่จะกล่าวทักทายสวัสดีดังไปทั่วห้อง
“เอาล่ะ นั่งลงได้จ้ะ” คุณครูสาวบอกเหล่านักเรียนตัวน้อยด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ เด็กๆ พวกเรารู้จักคุณครูกันแล้วใช่ไหมเอ่ย ทีนี้ตาครูทำความรู้จักพวกเราทุกคนหน่อยนะ เริ่มจากหัวหน้าห้องก่อนเลยจ้ะ” คุณครูสาวยืนอยู่หน้าห้องก่อนที่สายตาจะจับจ้องไปที่เด็กผู้หญิงผมเปียที่มีใบหน้า น่ารักราวกับตุ๊กตา สาวน้อยส่งยิ้มกลับก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วแนะนำตัวกับคุณครูประจำชั้นคนใหม่
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อเด็กหญิง พิชญ์สินี เสสกุล ชื่อเล่นน้องน้ำหวานค่ะ” สาวน้อยหน้ารักที่คาดว่าน่าจะเป็นหัวหน้าห้องแนะนำตัวด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีจ้ะน้องน้ำหวาน คนต่อไปค่ะ” คุณครูเจ้าขาเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อเด็กหญิง สุวิมล จันตี ชื่อเล่นน้องมนค่ะ” สาวน้อยหน้าหวานคนที่สองแนะนำตนเอง
“สวัสดีครับ ผมชื่อเด็กชายกวีพัฒน์ เอกพงศ์ ชื่อเล่นน้องวีครับ” หนุ่มน้อยหน้ามนแนะนำตัวถัดมา
“สวัสดีครับ ผมชื่อเด็กชายรพีพงษ์ เอกพงศ์ ชื่อเล่นน้องพีครับ” หนุ่มน้อยหน้าตาคล้ายๆกันเอ่ยแนะนำตนเองบ้าง คุณครูสาวมองหน้าเด็กชายทั้งสองอย่างพยายามแยกใบหน้าเด็กทั้งคู่ ก่อนรอยยิ้มงามจะปรากฎบนใบหน้างาม เด็กชายสองคนเป็นฝาแฝดกันก็จริงแต่ดูมีบุคลิกที่ต่างกันอยู่พอสมควร คนแรกจะดูนิ่งๆ แต่คนที่สองจะดูช่างคุยหน่อย จนถึงงเด็กคนสุดท้าย ห้องป.1/2 ห้องนี้มีนักเรียนทั้งหมด25คน เจ้าขาใช้การจดจำใบหน้าของเด็กๆ คนที่โดดเด่นเธอก็มักจะจำได้ขึ้นใจอย่างเช่นสองเด็กหญิงคนที่หนึ่งกับสองและเด็กชายฝาแฝดทั้งสอง
“วันนี้คุณครูเจ้าขาจะยังไม่สอน แต่อยากลองทดสอบภาษาอังกฤษของพวกเราก่อนว่ามีระดับไหน น้องน้ำหวานคะ มารับใบงานไปแจกให้เพื่อนๆค่ะ” คุณครูสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม เด็กหญิงตัวน้อยรีบลุกตามคำสั่งของคุณครู นำกระดาษA4ที่เป็นใบงานไปแจกให้เพื่อนๆจนครบทุกคน
“คุณครูจะให้นักเรียนลากเส้นจับคู่ง่ายๆก่อนนะคะ” ครูสาวหันไปหยิบปากกาเมจิกเขียนลงบนไวท์บอร์ดเพื่อให้เด็กๆได้ดูเป็นตัวอย่าง เด็กๆรู้สึกสนุก เพราะคุณครูคนก่อนไม่ได้มีกระดาษแบบนี้มาให้ได้ลองขีดเขียน เด็กน้อยทั้ง 25คนขานรับทราบก่อนที่จะเริ่มลงมือทำ คุณครูสาวเดินดูตามโต๊ะแล้วยิ้มออกมาอย่างพอใจ โดยเฉพาะน้องน้ำหวาน น้องมน และสองแฝดที่ดูจะรู้มากกว่าเด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกัน และยังมีเด็กในห้องอีกหลายคนที่ยังทำไม่ได้และบางคนก็ทำได้ดี เธอให้ทดสอบเพื่อที่เธอจะได้รู้ว่าเด็กคนไหนควรจะปรับปรุงและเพิ่มเติมอะไรเข้าไปให้ พอใกล้จะหมดคาบสอนเด็กน้อยหัวหน้าห้องก็เดินเก็บผลงานของเพื่อนทุกคนมาส่งให้คุณครูคนสวย
หนุ่มหล่อในชุดสบายๆ สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกางเกงยีนส์ขายาวสีเข้ม รองเท้าหนังขัดมันกำลังเปิดประตูรถเมอซิเดสเบนซ์ของตนลงไปยืนรอรับหลานสาวตรงจุดรับเด็กนักเรียนซึ่งไม่สามารถนำรถเข้าไปจอดได้ เขาปฎิบัติหน้าที่แทนผู้เป็นบิดาและมารดาของหลานสาวมาร่วมสี่ปีแล้ว ตั้งแต่อุบัติเหตุร้ายที่พรากพ่อแม่ของหลานสาวตัวน้อยและผู้ที่เป็นพี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ เขาต้องทำหน้าที่นี้แทนทุกอย่าง ทำให้เขาไม่คิดจะมีแฟนสักที เพราะอยากที่จะเลี้ยงดูและใส่ใจหลานสาวคนเดียวให้ดีก่อน
“คุณอาณดลขา..............” เสียงหวานเจื้อยแจ้วดังมาจากกลุ่มเด็กนักเรียนที่เดินต่อแถวกันมา พอใกล้ถึงตัวคุณอาสุดหล่อ สาวน้อยก็ตรงไปหายกมือไหว้สวัสดีและโอบกอดอาหนุ่มที่นั่งยองๆรออยู่ด้วยความรัก ชีวิตนี้หนูน้อยเหลือเพียงคุณปู่คุณย่าและคุณอาดลเท่านั้นเพราะมารดาของเธอก็เป็นเด็กกำพร้าเช่นกัน หนุ่มหล่อรวบตัวหลานมากอดไว้ด้วยความรักเช่นกัน
“วันนี้เรียนเป็นยังไงบ้างครับ” คุณอาคนหล่อเงยหน้าถามหลานสาวตัวน้อยก่อนจะจูงมือพากันเดินไปที่รถ
“วันนี้น้องน้ำหวานเรียนสนุกมากเลยค่ะ อ้อ ตอนนี้ห้องน้ำหวานมีคุณครูประจำชั้นคนใหม่แล้วนะคะ ชื่อคุณครูเจ้าขา คุณครูเจ้าขาของน้องน้ำหวานสวยมากเลยค่ะ ยิ้มทีนี่ทำให้น้องน้ำหวานรู้สึกมีความสุขจังเลยค่ะ น้องน้ำหวานชอบเวลาที่เห็นครูเจ้าขายิ้ม” หลานสาวตัวน้อยยังตั้งใจเล่าเรื่องราวของคุณครูประจำชั้นคนใหม่ให้คุณอาสุดหล่อฟังอย่างมีความสุขและไม่รู้จักเบื่อแม้ว่ารถจะเคลื่อนตัวออกจากโรงเรียนมาไกลมากแล้วก็ตาม ทำให้คุณอาสุดหล่อนั้นเริ่มสนใจ และแอบจินตนาการตามคำพูดของหลานสาว ชักอยากจะเห็นตัวจริงแล้วสิ ว่าคุณครูเจ้าขาของน้องน้ำหวานที่ว่าสวย และรอยยิ้มของเธอทำให้หลานสาวเค้ามีความสุข นี่จะมีหน้าตาเป็นเช่นไร หลานสาวตัวน้อยยังเล่าเรื่องการเรียนของตนให้คุณอาหนุ่มฟังไม่หยุด เธอรักเขาเหมือนกับเป็นพ่อแท้ๆ เพราะตั้งแต่เธอโตมาคุณอาของเธอก็เป็นทุกอย่างให้เธอ
ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์แล้วสำหรับการเปิดเทอมในภาคเรียนที่สอง เด็กหญิงตัวน้อยมัดผมเปียแต่งตัวด้วยชุดนักเรียนเรียบร้อยลงมาจากรถยนต์คันหรูของผู้เป็นอาด้วยรอยยิ้ม เด็กหญิงยกมือไหว้ลาคุณอาหนุ่มก่อนที่จะเดินเข้าโรงเรียน ที่หน้าประตูโรงเรียน ณ เวลานี้มีคุณครูเจ้าขาคนสวยเป็นครูเวรคอยรอรับนักเรียนอยู่เพียงลำพัง เด็กหญิงเห็นเข้าจึงส่งยิ้มหวานไปให้คุณครูประจำชั้นก่อนที่จะยกมือน้อยพนมมือไหว้อย่างอ้อนน้อม
“สวัสดีค่ะคุณครูเจ้าขา” เด็กหญิงเปล่งเสียงออกไปหลังจากยกมือไหว้เสร็จ
“สวัสดีค่ะน้องน้ำหวาน มาแต่เช้าเชียว” เจ้าขารับไหว้เด็กหญิงตัวเล็กก่อนที่จะเอ่ยทักทายกลับเช่นกัน
“คุณอาณดลของน้องน้ำหวานรีบไปดูร้านน่ะค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยตอบคุณครูคนสวยก่อนที่จะชี้ไปที่รถของอาหนุ่มที่ยังคงจอดอยู่เพื่อรอดูว่าเธอเข้าโรงเรียนไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งตอนนี้เขากำลังมองมาที่เธอพอดี คุณครูสาวโค้งศีรษะให้เล็กน้อย ก่อนที่จะส่งยิ้มหวานให้ตามมารยาท ณดลรู้สึกตาพร่า ใจเต้นแรงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะได้ยินเสียงแตรดังขึ้นจากรถคันหลัง เขาจึงรีบขับรถออกไปโดยที่ไม่ได้หันกลับไปมองด้านหน้าโรงเรียนอีกเลย ณดลรู้สึกใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ราวกับตนเองย้อนเวลากลับไปตอนอายุ14ที่เพิ่งเริ่มริรักใครสักคน คุณอายังหนุ่มได้แต่ยิ้มให้กับความคิดของตนเอง แต่พอนึกถึงรอยยิ้มหวานๆของคุณครูคนสวยคนนั้นที่ส่งยิ้มมาให้ก็ทำให้หัวใจที่ไม่เคยหวั่นไหวกับใครมานานรู้สึกเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ
“โอ้ย เป็นอะไรไปวะไอ้ดล” ชายหนุ่มบ่นกับตนเองก่อนที่จะส่ายศีรษะเล็กน้อยและตั้งใจขับรถไปยังร้านอาหารของตนที่สาขาในเมือง รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าหล่อเหลาทุกทีที่นึกถึงรอยยิ้มหวานๆของเธอคนนั้น หวานจนเขาอยากมองมันทุกวัน
หลังจากเข้าแถว เคารพธงชาติเสร็จแล้ว นักเรียนทุกระดับชั้นก็แยกย้ายกันเข้าห้องเรียนดังเช่นทุกวัน วันนี้ห้องของน้ำหวานนั้นมีเรียนกับครูประจำชั้นถึง2ชั่วโมง เด็กๆต่างดีใจเพราะตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาครูเจ้าขาสอนสนุกและใจดีมาก เด็กๆทั้ง3ชั้นปีจึงมีความสุขที่จะได้เข้าเรียนกับเธอ
“นักเรียนเคารพ” เด็กหญิงตัวน้อยลุกขึ้นยืนก่อนจะเอ่ยนำให้เพื่อนแสดงความเคารพคุณครูดังเช่นที่ทำกันทุกครั้งที่มีคุณครูเข้ามาสอนในห้อง
“สวัสดีค่ะ/ครับคุณครู” เด็กน้อยทั้งหมดยืนขึ้นก่อนที่จะยกมือไหว้และกล่าวสวัสดี
“สวัสดีค่ะนักเรียนที่น่ารักของครูทุกคน เอาล่ะนั่งลงได้จ่ะ” เสียงหวานทักทายกลับพร้อมรอยยิ้ม เด็กน้อยทุกคนทำตามอย่างว่าง่าย เสียงคุยกันที่ดังจอแจอยู่เมื่อครู่ ก่อนที่เจ้าขาจะเข้าห้องมาก็เงียบลงตามไปด้วย เด็กน้อยสนใจคุณครูเจ้าขากว่าคุณครูคนอื่นๆ เพราะคุณครูเจ้าขาทั้งสวย ใจดี และที่สำคัญสอนหนังสือสนุก เจ้าขาเริ่มต้นทักทายเด็กๆเพื่อให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลายในการเรียน ก่อนที่จะเริ่มบทเรียนตามหลักสูตร
วันนี้ทั้งวัน ณดล เอาแต่นึกถึงภาพใบหน้าและรอยยิ้มหวานๆของคุณครูสาวคนสวยที่หลานสาวตัวน้อยของเขายืนทำความเคารพเมื่อเช้า แถมเธอยังเผื่อแผ่รอยยิ้มมาให้เขาอีกด้วย ‘เธอเป็นใครกันนะ ทำไมเธอทำให้ฉันไม่เป็นอันทำอะไรอย่างนี้รอยยิ้มหวานๆของเธอมันช่างกระแทกใจฉันจริงๆ’ เขาได้แต่นั่งคิดในใจขณะที่เข้ามาในร้านอาหารที่เป็นกิจการงานของตน นอกจากเขาจะเป็นเจ้าของร้านอาหารชื่อดังที่มีอยู่ตามห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศแล้ว เขายังรับหน้าที่เป็นเชฟเองเป็นบางครั้งอีกด้วย แม้จะไม่ได้ทำทุกวัน แต่เขาก็มีตารางเวลาสำหรับตนเอง
“บอสคะ บอสคะ” เสียงของเลขาสาวร้องเรียกชื่อเขาหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าบอสหนุ่มจะได้ยิน จึงเดินไปสะกิดบ่า
“ฮะ อะไรนะ ว่าไงนะ” ณดลสะดุ้งและหลุดจากห้วงความคิดของตนทันที
“กุ้งเรียกบอสตั้งหลายครั้งแล้วค่ะ แต่บอสก็ไม่ตอบสักที กุ้งเลยต้องมาสะกิด” สาวร่างท้วมที่ทำหน้าที่เป็นเลขาของเขาเอ่ยขึ้นพร้อมทำหน้าสงสัยกับอาการของเจ้านาย
“โทษที พอดีกำลังคิดอะไรเพลินๆ ว่าไงกุ้ง มีอะไร” เขาถามขึ้นทันทีและแกล้งตีสีหน้าขรึมจนผู้เป็นเลขาอดที่จะขำเจ้านายของตนไม่ได้ เธอไม่เคยเห็นเขาเหม่อแบบนี้มาก่อนจึงแอบแปลกใจนิดๆกับท่าทีของเจ้านาย
“คือเมนูใหม่น่ะค่ะ บอสจะให้ทางร้านเริ่มเลยไหมคะ” นอกจากเขาจะเป็นเชฟ เจ้าของร้านอาหาร เขาก็ยังเป็นคนที่คิดค้นเมนูอาหารให้กับร้านของตนเองอีกด้วย นั่นเลยทำให้ร้านอาหารของเขามีอาหารที่แตกต่างจากร้านอื่นพอสมควร
“อืม จัดการสิ้นเดือนนี้เลย เดี๋ยวผมจะไปทำเองที่สาขาแรก” เขาบอกเลขาก่อนที่จะก้มอ่านเอกสารในมือ
“ได้ค่ะบอส กุ้งขอตัวก่อนนะคะ” เลขาสาวบอกเจ้านายหนุ่มพอเขาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตเธอจึงเดินออกจากห้องไป
พอได้เวลาเลิกเรียนชายหนุ่มก็เดินทางไปรับหลานสาวของตนที่โรงเรียน ถึงแม้ที่บ้านจะมีฐานะพอสมควรแต่เขาก็ไม่ได้เลือกโรงเรียนที่หรูหราให้กับหลานของตน เขาเห็นว่าโรงเรียนรัฐบาลแห่งนี้สอนหนังสือดี จากที่ได้ยินจากพี่ๆที่ทำงานหลายๆคน กับบรรดาเหล่าลูกค้าที่ร้านเขาจึงตัดสินใจให้หลานเข้าเรียนที่นี่ แล้วก็ไม่ผิดหวัง หลานเขาเป็นเด็กหัวไว จะเรียนที่ไหนเขาก็คิดว่าเหมือนกัน
“คุณครูเจ้าขา ตรงนี้หนูไม่เข้าใจค่ะ ทำแบบไหนหรอคะ” เด็กหญิงพิชญ์สินี หรือน้องน้ำหวานเอ่ยถามเธอขึ้นขณะที่นั่งรอผู้เป็นอามารับ คุณครูสาวยิ้มให้ลูกศิษย์ตัวเล็กอย่างเอ็นดู
“ให้น้องน้ำหวานโยงเส้นจับคู่คำที่ใช้อักษรขึ้นต้นของพวกนี้นะคะ ครูจะยกตัวอย่างให้ดูค่ะเช่น อันนี้รูปกล้วยใช่ไหมคะ ภาษาอังกฤษของกล้วยคือคำว่าอะไรเอ่ย” คุณครูสาวยกตัวอย่างก่อนที่จะถามเด็กหญิง
“บานาน่าค่า” เด็กหญิงตัวน้อยตอบอย่างฉะฉานแทบจะไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ เธออดที่จะชมลูกศิษย์ไม่ได้ ที่บ้านของเด็กหญิงครอบครัวต้องใส่ใจเธอดีแน่นอน เพราะเธอสามารถรู้ในสิ่งที่เพื่อนบางคนไม่รู้ด้วยซ้ำ
“ใช่ค่ะ แล้วคำว่าบานาน่าใช้ตัวอักษรอะไรเป็นตัวแรกคะ” คุณครูสาวเอียงคอถามลูกศิษย์ตัวน้อย
“ตัว บี ค่ะคุณครูขา” เด็กหญิงตอบ เรียกรอยยิ้มจากครูสาวได้อย่างดี
“ถูกต้องค่ะ เก่งมากเลยค่ะน้องน้ำหวาน ทีนี้ก็ทำข้อต่อไปได้แล้วใช่ไหมเอ่ย” เจ้าขาเฉลยก่อนจะชมลูกศิษย์ตัวน้อย
“ได้แล้วค่ะ ขอบคุณค่ะคุณครูเจ้าขา” เด็กหญิงตัวน้อยตอบครูสาวพร้อมรอยยิ้ม เจ้าขานั่งรอผู้ปกครองเป็นเพื่อนเด็กหญิงเพราะวันนี้โรงเรียนปล่อยก่อนเวลา เด็กๆคนอื่นมีผู้ปกครองมารับไปก่อนแล้ว มีแต่ผู้ปกครองของเจ้าขาที่เดินทางไปทำงานที่นอกเมืองจึงมารับเด็กหญิงช้า
เวลาผ่านไปไม่นาน รถเบนซ์คันหรูสีดำมันเงาก็เคลื่อนเข้ามาจอดตรงลานจอดรถของโรงเรียนซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับรับส่งนักเรียน ณดลลงจากรถก่อนที่จะลงไปรับหลานสาว สายตาสอดส่องไปมาก็มองเห็นหลานสาวตัวน้อยของตนนั่งอยู่กับคุณครูคนสวยคนเมื่อเช้านี้ อาการประหม่าเกิดขึ้นกับตนโดยไม่รู้ตัว เขาเดินกลับไปส่งกระจกในรถดูความเรียบร้อยของตนก่อนที่จะเดินตรงไปที่สองสาวต่างวัยที่นั่งอยู่ด้วยกัน
“ขอโทษนะครับ ที่ทำให้คุณครูเสียเวลา” เสียงทุ้มนุ่มเรียกสายตาของเจ้าขาให้เงยหน้ามองบุคคลที่มาใหม่ เด็กหญิงจำเสียงของอาหนุ่มได้เลยเอ่ยสวัสดีพร้อมยกมือไหว้
“คุณอาณดล สวัสดีค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยทักทายคุณอาสุดหล่อ
“สวัสดีค่ะผู้ปกครองของน้องน้ำหวาน” ครูสาวแอบประหม่ากับสายตาคมของเขาที่จ้องมองมาที่เธอไม่น้อย สายตาคมที่สามารถสะกดให้เธอมองไปที่เขาอย่างห้ามใจได้ยาก รอยยิ้มปรากฎที่มุมปากของชายหนุ่ม
“นี่คุณครูเจ้าขาค่ะคุณอา คุณครูประจำชั้นของน้องน้ำหวานเอง” เด็กหญิงตัวน้อยรีบแนะนำคุณครูคนสวยให้คุณอาหนุ่มได้รู้จัก
“สวัสดีครับ คุณครูเจ้าขา ผมณดลครับ ยังไงผมฝากดูแลน้องน้ำหวานด้วยนะครับ” ชายหนุ่มทักทายก่อนที่จะส่งยิ้มให้กับเธอ ลักยิ้มข้างแก้มของชายหนุ่มทำเอาคุณครูสาวอดที่จะมองมันไม่ได้ เขาหล่อ น่ารัก เธอไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาบรรยาย แต่ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาต่อหัวใจดวงน้อยของเธอเสียจริง
“ได้ค่ะ ดิฉันยินดีดูแลเด็กๆทุกคนเป็นอย่างดีค่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบคนที่มองหน้าเธออย่างไม่ละสายตาจนเธออดที่จะเขินไม่ได้เลยกระแอมขึ้นเล็กน้อย เขาจึงรู้สึกตัวว่าตนมองใบหน้าหวานตรงหน้านานเกินไป
“ถ้างั้น ผมขอตัวพาน้องน้ำหวานกลับก่อนนะครับ” เสียงทุ้มบอกคุณครูสาว
“ค่ะได้ค่ะ น้องน้ำหวานสวัสดีค่ะ เจอกันพรุ่งนี้นะคะ อย่าลืมการบ้านนะจ๊ะ” คุณครูสาวนั่งลงไปเอ่ยลาลูกศิษย์ตัวน้อย น้องน้ำหวานยกมือไหว้ลาคุณครูก่อนที่จะเดินจูงมือไปกับผู้เป็นอา เจ้าขามองอยู่สักครู่จึงเดินกลับห้องเรียนไป
ขณะที่อยู่ในรถอาหนุ่มอดที่จะเอ่ยถามหลานสาวเกี่ยวกับคุณครูคนสวยไม่ได้
“น้องน้ำหวานคะ คุณครูเจ้าขาเพิ่งย้ายมาหรือคะ ก่อนหน้าไม่ใช่ครูคนนี้ใช่ไหม” สาวน้อยมองอาการของคุณอาหนุ่มอย่างงงๆ ก่อนหน้านี้ไม่เห็นคุณอาของเธอจะมาสนใจเรื่องคุณครูในโรงเรียน ทำไมคราวนี้ถึงอยากรู้เรื่องคุณครูคนสวยของเธอจัง
“ใช่ค่ะ คุณครูเจ้าขาเพิ่งย้ายมาจากต่างจังหวัด คุณครูคนเก่าย้ายไปแล้วค่ะ ครูเจ้าขามาสอนน้องน้ำหวานเกือบสองอาทิตย์แล้วค่ะคุณอา” เด็กน้อยตอบขณะเปิดแทปแลตดูการ์ตูนที่ตนชื่นชอบ ถ้าเป็นช่วงเวลาที่อยู่บนรถณดลไม่ห้ามที่หลานสาวจะสนใจสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้ แต่ถ้าอยู่ที่บ้านแล้ว น้ำหวานจะเป็นเด็กดีและพูดอะไรเข้าใจง่ายเสมอ เขาไม่เคยรู้สึกเหนื่อยที่ต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับหลานสาวตัวน้อยคนนี้เลย แต่ถ้ามีใครสักคนมาช่วยแบ่งเบาเขาบ้างก็คงดี ปากหนายกยิ้มขึ้นเมื่อคิดถึงรอยยิ้มหวานๆที่กระแทกใจเขาจังๆ เขาต้องทำอะไรสักอย่างเสียแล้วสิ เพราะเขารู้สึกว่าตนตกหลุมรักคุณครูสาวเข้าให้แล้ว
วันนี้เป็นอีกวันที่เด็กๆต้องไปร่ำเรียนหนังสือเช่นเดียวกับพวกผู้ใหญ่ที่ต้องออกไปทำงาน คุณอาหนุ่มรูปหล่อตื่นนอนแต่เช้าเพื่อมาเตรียมอาหารให้กับหลานสาวสุดที่รัก เขามักจะทำแบบนี้เสมอมา เรียกได้ว่าถึงแม้จะมีแม่บ้าน หรือคนรับใช้ เขาก็ยังคงลงมือทำอาหารเพื่อหลานสาวตัวน้อยของเขาด้วยตนเอง ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อฝีมือของแม่บ้านที่จ้างมา แต่เป็นเพราะเขาอยากจะรังสรรค์เมนูให้กับหลานสาวของเขาได้ทานอาหารที่มีประโยชน์ทุกวัน
“อร่อยจังเลยค่ะคุณอาณดลขา นี่เค้าเรียกว่าเมนูอะไรคะ” เสียงเจื้อยแจ้วเอ่ยถามคุณอาหนุ่ม
“อันนี้เขาเรียกว่าคุณหมูห่มผักค่ะ” เสียงทุ้มนำเสนอเมนูให้หลานรักอย่างภูมิใจ
“อร่อยก็ทานเยอะๆนะคะ ผักมีประโยชน์ จะทำให้น้องน้ำหวานมีร่างกายแข็งแรงและเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไวๆ” คุณอาหนุ่มบอกกับหลานสาวก่อนที่จะยื่นมือไปลูบศีรษะทุยด้วยความรัก หลานสาวของเขาเป็นเด็กที่น่าสงสาร สูญเสียบิดามารดาไปตั้งแต่อายุ3ขวบ ซึ่งตอนนั้นเขามีอายุเพียง23ปีเท่านั้น เพิ่งจะเรียนจบปริญญาตรีได้เพียงไม่นานก็ต้องมาพบกับข่าวร้าย รถยนต์ที่ครอบครัวของพี่ชายนั่งมาเกิดอุบัติเหตุรถสิบล้อเบรกแตกขับมาชนเข้าที่ด้านคนขับ พี่ชายของเขาเสียชีวิตคาที่ ส่วนพี่สะใภ้โคม่า และสิ้นใจหลังจากรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเพียง3วัน ส่วนหนูน้อยบุตรสาวคนเดียววัยสามขวบของพี่ชายเขานั้นโชคดีที่นั่งคาซีทมา ถึงแม้จะบาดเจ็บแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนั้นบิดามารดาของเขาร้องไห้แทบขาดใจที่ต้องมาเสียบุตรชายคนโตของตระกูลไปอย่างกระทันหัน หลังจากจัดงานศพให้กับบุตรชายและลูกสะใภ้ บิดามารดาของเขาก็เข้าวัดถือศีลอยู่7วันเต็มๆ หน้าที่ดูแลหลานสาวเพียงคนเดียวจึงตกเป็นของเขา และตั้งแต่นั้นมาเขาก็อาสารับดูแลหลานสาวตัวน้อยมาตลอด ตอนนี้บิดาและมารดาของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดเพราะอยากอยู่ใกล้ชิดกับธรรมชาติและเบื่อกับอากาศที่เป็นพิษในเมืองใหญ่ แต่ที่ไม่พาหลานสาวคนเดียวไปด้วยเพราะอยากให้หลานสาวได้ร่ำเรียนอยู่ที่นี่ และมีอนาคตที่ดีในภายภาคหน้า ทุกๆปิดเทอม สองอาหลานจึงต้องขับรถพากันไปเยี่ยมคุณปู่คุณย่าที่ต่างจังหวัดแทน
มื้อเช้าผ่านไปสองอาหลานจึงจับจูงกันออกจากบ้านไปโดยอาศัยรถเบนซ์สีดำคันหรูเป็นพาหนะ ขับเคลื่อนพาทั้งคู่ไปยังโรงเรียนของหลานสาวก่อนที่ตนเองจะเข้าไปที่สำนักงานต่อไป
“วันนี้คุณอาจะมารับช้าสักครึ่งชั่วโมงนะคะ น้องน้ำหวานรอคุณอาได้ไหมเอ่ย” เสียงทุ้มเอ่ยถามหลานสาวตัวน้อยด้วยความกังวล แต่วันนี้เขาต้องไปประชุมที่สาขานอกเมือง จึงต้องใช้เวลาในการเดินทางไปกลับพอสมควร
“ไม่เป็นไรค่ะคุณอา น้องน้ำหวานจะนั่งรออยู่กับคุณครูเจ้าขานะคะ” สาวน้อยตอบคุณอาหนุ่ม คำตอบที่ทำเอาเขาพอใจ เขาอยากเจอเธอทุกวัน นี่แหละที่ต้องการ
“ดีค่ะ คุณอาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง คุณอาไปก่อนนะคะคนเก่ง” เขาบอกก่อนที่จะจอดรถให้หลานสาวของตนลง แล้วเหลือบมองไปยังหน้าประตูของโรงเรียน วันนี้เป็นคุณครูผู้หญิงที่ดูมีอายุหน่อยเป็นเวร ‘เฮ้อ ไม่ได้เห็นหน้าเธอเลย หืม เป็นเอามากนะเนี่ยไอ้ดล’ เขาคิดในใจก่อนที่จะสะดุ้งเพราะเสียงเจื้อยแจ้วของหลานสาว
“สวัสดีค่ะคุณอาณดล”
“สวัสดีค่ะ ตั้งใจเรียนนะคะคนเก่ง อาไปก่อนล่ะ” เขาบอกกับหลานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนที่จะยกมือโบกไปมาและค่อยๆขับรถเบนซ์คันหรูของตนทะยานสู่ท้องถนนเบื้องหน้าไปอย่างช้าๆ เพื่อที่จะได้เห็นหน้าใครบางคน และเขาก็ไม่ผิดหวัง คุณครูสาวกำลังปั่นจักรยานมาใกล้จะถึงหน้าโรงเรียนแต่ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเข้า มีรถมอเตอร์ไซด์ขับมาทางด้านหลังอย่างรวดเร็วและหักหลบรถยนต์ด้านหน้าทำให้รถพุ่งจะไปชนคุณครุสาว เหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาของณดลทั้งหมด ก่อนที่เขาจะเปิดกระจกและตะโกนบอกเธอ
“เจ้าขา ระวัง!!!” สิ้นเสียงของชายหนุ่มรถจักรยานที่เจ้าขาปั่นมาก็โดนรถมอเตอร์ไซด์คันนั้นเฉี่ยวเอาเสียแล้ว คุณครูคนสวยล้มลงไปนอนกับพื้น ศีรษะกระแทกเข้ากับต้นไม้ดีที่ไม่แรงมาก แต่ก็ทำให้แตกอยู่พอสมควร หัวเข่าขาวเนียนมีร่องรอยของเลือดไหลออกมา ณดลรีบตีไฟเลี้ยวเข้าข้างทางก่อนที่จะลงจากรถวิ่งไปดูอาการของคุณครูสาว
“คุณ เป็นอย่างไรบ้างครับ เจ็บตรงไหน ขอผมดูหน่อย” น้ำเสียงแสดงความห่วงใยดังออกมาจากปากหนา คุณครูสาวที่กำลังมึนงง และตกใจกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เงยหน้ามองบุคคลที่เข้ามาช่วยเหลือเธอ
“โอ้ย ปวดหัวจังเลยค่ะ เจ็บหัวเข่ามากด้วย” เสียงหวานเอ่ยตอบคนที่มานั่งข้างๆเธอและพลิกดูตามร่างกายของเธออย่างร้อนรน
“ผมว่ารีบไปโรงพยาบาลก่อนเถอะนะครับ ขออนุญาตนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มบอกก่อนที่จะช้อนอุ้มคุณครูสาวขึ้นมาและขอให้คนช่วยเปิดประตูรถเบนซ์คันหรูของตนให้ผู้บาดเจ็บได้เข้าไปก่อน ตำรวจเข้ามาเคลียร์เหตุการณ์พอดี เขาจึงฝากเรื่องเอาไว้เพราะต้องพาคนเจ็บไปโรงพยาบาลก่อน คุณครูที่ยืนเวรอยู่หน้าประตูหน้าตาตื่นรีบเข้ามาดูก่อนที่จะรู้ว่า คุณครูสาวที่เพิ่งย้ายมาใหม่เกิดอุบัติเหตุ ณดลฝากคุณครูคนดังกล่าวแจ้งกับทางผอ.ให้ และเขาก็รีบขึ้นรถและพาคุณครูสาวไปโรงพยาบาลทันที
พอรถจอด เขาก็รีบอุ้มร่างบางไปส่งที่ห้องฉุกเฉิน ก่อนที่จะเดินกลับออกมานำรถไปจอดที่ลานจอด พอจอดรถเรียบร้อยแล้วจึงรีบวิ่งกลับไปดูคุณครูสาวด้วยความเป็นห่วง คุณหมอเรียกพบญาติ เขาจึงเสนอตัวทันที ในเมื่อรับผิดชอบดูแลเธอมาตั้งแต่แรก เขาก็ต้องดูแลไปจนถึงที่สุด คุณหมอให้เธอนอนพักดูอาการก่อน เพราะศีรษะกระแทกเข้ากับต้นไม้จนแตก แม้ผลซีทีสแกนจะออกมาปกติแต่ก็ยังไว้ใจไม่ได้ เขาไม่อิดออดและเซ็นต์ยินยอมทันที โดยไม่ถามคนเจ็บด้วยซ้ำ ร่างบางที่หลับไปด้วยฤทธิ์ยาตื่นขึ้นมาในเวลาต่อมา ก่อนที่จะมองไปรอบๆ ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่ยังคงเลือนราง ก่อนที่จะชัดเจนขึ้นในเวลาต่อมา ซึ่งเธอจำเขาได้ดี เขาคือผู้ปกครองของเด็กหญิงพิชญ์สินี เสสกุลหรือน้องน้ำหวาน นักเรียนของเธอนั่นเอง ดวงตาคู่สวยพยายามปรับแสงและมองไปรอบๆก็ตกใจ นี่มันห้องพิเศษ
“อ้าว คุณฟื้นแล้วหรอ ยังเจ็บหัวอยู่หรือเปล่าครับ” เสียงทุ้มอ่อนโยนเอ่ยถามออกมาจากริมฝีปากหนา คุณครูสาวมองใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขาก่อนที่จะส่ายศีรษะไปมา
“เอ่อ.... คุณพาฉันมาส่งโรงพยาบาลหรือคะ” เสียงหวานเอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้า
“ใช่ครับ เมื่อเช้าผมมาส่งน้องน้ำหวาน แล้วบังเอิญเห็นเหตุการณ์เข้าพอดี ทางนั้นผมให้ทางตำรวจจัดการเคลียร์ให้แล้วครับ เขายินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายให้กับคุณ” เขาบอกเธอก่อนที่จะลอบสังเกตุใบหน้าหวาน ถึงแม้เธอจะอยู่ในชุดของคนป่วยก็ยังดูดี ใบหน้าแม้จะซีดแต่ก็ยังคงความสวยเอาไว้ไม่มีที่ติ
“ขอบคุณนะคะที่พาดิฉันมาส่งโรงพยาบาล และก็ขอบคุณที่เป็นธุระจัดการเรื่องนี้ให้” สาวสวยยกมือไหว้ก่อนที่จะส่งยิ้มหวานให้เพื่อขอบคุณเขาจากใจจริง ณดลมองหน้าหวานกับรอยยิ้มของเธอที่ดึงดูดใจของเขามาหลายวัน รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าคม ริมฝีปากหนาฉีกยิ้มกว้างเผยให้เห็นลักยิ้มจนคนมองอดที่จะใจกระตุกไม่ได้ เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลาคมคายเสียเหลือเกิน
“ไม่เป็นไรครับ นี่คุณคงจะไปสอนไม่ได้อีกหลายวัน หลานผมคงจะเหงาแย่” ชายหนุ่มบอกเธอก่อนที่จะอ้างหลานสาว ที่จริงเป็นเขาต่างหากที่จะไม่ได้เห็นใบหน้าหวานของเธออีกหลายวัน
“ฉันก็คงคิดถึงเด็กๆเหมือนกันค่ะ” คุณครูสาวตอบด้วยรอยยิ้ม เธอชอบเด็กๆที่นี่มาก ทุกคนเป็นเด็กน่ารัก ถึงแม้จะดื้อไปบ้าง แต่ก็ว่านอนสอนง่าย สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันอยู่สักพักคุณหมอและพยาบาลก็เข้ามาขัดจังหวะ คุณหมอเข้ามาตรวจอาการของคนไข้สาวอย่างละเอียด เพราะเจ้าของไข้สั่งมาเป็นกรณีพิเศษ ใครบ้างที่จะไม่รู้จัก คุณณดล เสสกุล ผู้ที่มอบทุนวิจัยให้กับทางโรงพยาบาลแห่งนี้ทุกๆปี พอตรวจเสร็จก็พบว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง นอนพักดูอาการอีกสักสองคืนก็ออกจากโรงพยาบาลได้ พอคุณหมอและพยาบาลออกไปได้สักพัก เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น
“กริ๊ง......กริ๊ง...........” มือหนาล้วงโทรศัพท์เครื่องหรูออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนที่จะกดรับ เจ้าขาอดที่จะแอบลุ้นไม่ได้ว่าอาจจะเป็นแฟนของเขาโทรมาหรือเปล่า หล่อขนาดนี้คงไม่น่าจะโสด สาวสวยคิดในใจก่อนที่จะแกล้งหลับตาลง
“ฮัลโหล ครับ อ้อ ตายล่ะ ผมลืมเลย ครับ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นก่อนที่เขาจะกดวางสาย และหันไปบอกกับคุณครูคนสวยที่นอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล
“ พอดีผมมีธุระต้องไปทำก่อนนะครับ ถ้ามีอะไรติดต่อผมได้ตลอดเวลา” ณดลรีบบอกก่อนที่จะหยิบนามบัตรแล้วส่งให้คนป่วยที่นอนอยู่บนเตียง มือบางยื่นไปรับมาอย่างงงๆ เธอพยักหน้าขึ้นลงอย่างช้าๆก่อนที่เขาจะหันหลังและเดินไปเปิดประตูแล้วออกจากห้องไป เจ้าขามองตามหลังคุณอารูปหล่อของลูกศิษย์ผู้น่ารักของเธอไปด้วยหลากหลายความรู้สึก
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!