"ชีวิตคนเรามันมีค่าแค่นี้เองหรือไง"
ไอริส พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย ทั้งๆที่กำลังยืนอยู่บนตึกชั้นที่สิบแปด เธออ้าแขนรับสายลมเย็นยามวิกาลที่พัดมาทักทายช่วงสุดท้ายของชีวิตเธอ เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนในขณะที่มองลงไปที่ที่เป็นจุดสิ้นสุดสำหรับการเดินทางอันยาวนานและยากลำบากสำหรับเธอ ไอริสเงยหน้ามองไปที่ท้องฟ้าซึ่งเป็นที่มีหมู่ดาวอาศัยอยู่มากมาย
"ฉันคิดนะว่าถ้าฉันตายไปฉันก็อยากโดนฝังไว้ในอวกาศเหมือนกัน บางทีฉันอาจจะกลายเป็นดวงดาวที่เปล่งประกายแบบนั้นก็ได้"
ไอริสค่อยๆปล่อยตัวเองลงมาจากตึกชั้นที่สิบแปด เธอไม่คิดจะถอยหลังกลับเลยแม้แต่น้อย นี่คงเป็นความกล้าหาญที่ไร้ประโยชน์ที่สุดสำหรับตัวเธอ
ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนทุกอย่างโดนทำให้ช้าลง ความทรงจำต่างๆกำลังถาโถมเข้าใส่ดั่งคลื่นพายุ เหมือนมันกำลังถามว่าไม่เสียดายหรือชีวิต เธอหลับตาลงพร้อมปล่อยความเศร้าโศกให้ไหลออกมาพร้อมน้ำสีใสที่กำลังไหลอาบแก้ม
'ฉันไม่มีอะไรให้เสียดายเลยสักนิด จากนี้ไปมันคงไม่มีเมื่อวานหรือพรุ่งนี้อีกแล้วสินะ โล่งใจจัง'
***
"ฉันก็อยากพูดแบบนั้นอยู่หรอก! นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันเนี่ย?!"
ไอริสลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับความสับสนและงุนงง ทีแรกเธอคิดว่าเธอรอดชีวิตมาได้ แต่เธอตระหนักได้ว่าชั้นที่เธอกระโดดลงมานั้นคือชั้นที่สิบแปด ไม่มีทางที่เธอจะรอดมาได้ ถ้าตอนนี้เธอยังมีชีวิตอยู่ตัวเธอคงนอนรอความตายอยู่ในห้องไอซียูอย่างสินหวังเป็นแน่ ไอริสพยายามลุกขึ้นไปที่โต๊ะเครื่องแป้งในห้องของเธอ
'สีผมจะแฟนตาซีเกินไปแล้ว บรรยากาศก็แฟนตาซี ที่นี่มันที่ไหนกันนะ?'
เธอคิดในใจก่อนจะใช้มือสางเส้นผมสีขาวดุจหิมะในฤดูหนาวของเธอให้ดูเรียบร้อยขึ้น ไอริสสำรวจร่างกายที่เล็กและบอบบางของตนแล้วถอนหายใจ
"นี่ไม่ใช่ร่างกายฉันไม่ใช่หรือไง? แล้วทำไมหน้าอกถึงใหญ่แบบนี้กัน? ทั้งๆที่ผอมและตัวเล็กขนาดนี้แท้ๆ ไหนความยุติธรรมของโลกใบนี้?"
ร่างที่เธออยู่ในตอนนี้นั้นมีหน้าตาที่สวยงาม ราวกับว่าได้เกิดมาพร้อมกับพรจากเทพีแห่งความงาม ดวงตาของเธอมีสีเขียวมรกตราวกับอัญมณีที่ล้ำค่าราคาแพง
'หน้าตาแบบนี้คงเป็นที่หมายปองของหนุ่มๆแน่นอน'
ไอริสเริ่มมองสำรวจในห้องที่เธอกำลังอาศัยอยู่ แลดูเหมือนว่าเธอจะสังเกตเห็นว่าในห้องนี้นั้นประดับประดาไปด้วยของราคาแพงหลากหลายชิ้น
"สถานการณ์แบบนี้มันต้องคิดแบบไหนกัน?"
ไอริสครุ่นคิดอย่างหนักพลางเดินวนเป็นวงกลมหลายรอบ
"ใช่! มันคงเป็นสถานการณ์โง่ๆที่ฉันคิดไปเองตอนกำลังตาย เอาล่ะ! ปัญหาก็คลี่คลายแล้วเรียบร้อยถ้าไปนอนเดี๋ยวฉันก็คงตายไปเอง"
ไอริสไม่รีรอเธอหันตัวกลับขึ้นไปบนเตียงนุ่มๆ เธอพยายามไม่คิดอะไรและบังคับให้ตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทราในท้ายที่สุด
***
"เลดี้ ตื่นได้แล้วค่ะ ตอนนี้มันสายแล้วนะคะ"
เสียงผู้หญิงที่ไม่คุ้นหูเอ่ยปลุกอย่างอ่อนโยน สาวใช้เข้าห้องเธอมาพร้อมกับน้ำอุ่นๆที่เอาไว้ล้างหน้า
'ฮ่าฮ่าๆ— ไม่มีทางน่า'
ไอริสหัวเราะออกมาอย่างฝืนใจ เธอดีดตัวขึ้นจากเตียงนอนที่เธอกำลังนอนอยู่ แล้วรีบรุดสังเกตดูภายในห้องของตัวเอง
'บ้าไปแล้ว ทุกอย่างมันบ้าไปแล้วจริงๆ ฮ่าฮ่าๆ—'
ตอนนี้ไอริสกำลังสติแตก เธอใช้มือของเธอขยี้ผมไปมาราวกับมันเป็นของเล่นไร้ค่า ไอริสทำหน้าจริงจังก่อนจะพยายามทำให้สติอันเดือดพล่านของเธอนั้นสงบลง
'อย่างแรกฉันคือใคร ฉันอยู่ที่ไหนในโลกใบนี้ ลักษณะสถานการณ์แบบนี้ฉันคงอยู่ในนิยายสักเรื่องที่ฉันเคยอ่านล่ะมั้ง ฮ่าฮ่าฮ่า'
ไอริสคิดไปในเชิงขบขัน เพราะวิทยาศาสตร์คือสิ่งเดียวที่เธอศรัทธา
"นี่เจ้า ข้าชื่อว่าอะไรอย่างนั้นหรือ?"
".... เอ่อ อะไรนะคะ?"
"อย่าให้ข้าพูดซ้ำเป็นครั้งที่สอง"
"เลดี้ ฟิโอน่า บิททินี่ย์ ค่ะ"
การแสดงออกของไอริสแข็งขึ้นเมื่อได้ยินถึงชื่อ ฟิโอน่า บิททินี่ย์ เธอจำได้ว่าเป็นชื่อของตัวประกอบหญิง ผู้ตายในหน้าที่โดยแท้ ซึ่งบทบาทของเธอก็คือชูความเลวทรามของพระเอกใจเหี้ยม
'วิทยาศาสตร์อธิบายให้ฉันเข้าใจที ว่าฉันกำลังเข้าใจบางอย่างผิดไป!?'
เธอกัดเล็บด้วยความกังวลใจ ถึงเธออยากตายแต่ก็ไม่อยากตายด้วยน้ำมือคนอื่น อีกอย่างคือร่างกายนี้ไม่ใช่ของเธอ เธอจะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้
'สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกก็คือทำตัวให้ปกติ'
เธอค่อนข้างดีใจที่ร่างกายนี้นั้นจำสิ่งที่จำเป็นต้องทำได้ ถึงความทรงจำจะละเลือนแต่ก็สามารถทำทุกอย่างได้โดยใช้ความรู้สึกที่คุ้นชินแทน
'มีวิธีดึงความทรงจําไหมนะ?'
"ดิฉันจะนำอาหารเช้ามาให้ที่ห้องนะคะ"
เธอใช้โอกาสที่ไม่มีใครอยู่ในห้องทบทวนเรื่องราวของนิยายที่เธออ่านจบไปเมื่อไม่นานมานี้่ มันเป็นนิยายเรื่องเดียวที่ตัวเธอนั้นไม่ค่อยชอบ เพราะว่านางเอกที่มีชื่อว่า แคลร์ มาร์ติน เธอมีผมสีทอง นัยน์ตาสีฟ้าใสราวกับเป็นกระจกเงาที่สะท้อนกับท้องฟ้า บางทีตัวนางเอกนั้นดูน่ารำคาญเกินไปหน่อย เธอไม่เคยแม้แต่จะพยายามด้วยซ้ำ แต่ผู้ชายก็เข้ามาหาเธอเหมือนดั่งฝูงมดมาตอมน้ำตาล เพราะพลังของเธอคือความไร้เดียงสา น่าปกป้องในมุมมองตัวละครชาย
ส่วนพระเอกคือ มกุฎราชกุมาร เลโอนาร์ด เดอ คาร์ลอส เขาคือโรคจิตเกินกว่าจะหยั่งถึง ชายคนนี้เป็นสายเอสโดยถ่องแท้
วันหนึ่งเขาและเธอได้พบกันโดยบังเอิญที่สวนพระราชวังในขณะที่มีงานเลี้ยงฉลอง เลโอนาร์ดได้ตกหลุมรักแคลร์ตั้งแต่แรกพบ โดยไม่สนใจว่าตัวของเขาจะมีคู่หมั้นอยู่แล้วก็ตาม เลโอนาร์ดจีบเธออยู่หลายเดือน แน่นอนว่าแคลร์นั้นก็ไม่ได้ปฏิเสธเขาแต่อย่างใด ในทางกลับกันเธอก็ไม่ปฏิเสธตัวละครหลักชายคนอื่นๆที่มาจีบเธอเช่นเดียวกัน ทุกคนเต็มใจที่จะปกป้องเธอเพราะบุคลิกที่ไร้เดียงสาของเธอ เลโอนาร์ดไม่พอใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เขาถามเธอว่า
'ต้องทำอย่างไรกันเจ้าถึงจะเลือกข้า?'
'...แต่ฝ่าบาททรงมีคู่หมั้นแล้ว'
เธอตอบ ผลลัพธ์ต่อมาคือลีโอนาร์ด ไอ้สวะนั่นก็ได้เรียกฟิโอน่าคู่หมั้นของตนไปหาที่พระราชวังและได้ทำการฆ่านางเพราะว่า แคลร์ มาร์ติน คือตัวต้นเหตุ
'ฮาาา... คนพวกนี้มันจะเน่าเฟะกันไปหมดเลยหรือไง?'
เธอถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย ตอนนี้เธอคือ ฟิโอน่า บิททินี่ย์ ลูกสาวคนเล็กของตระกูลดยุกผู้มีอิทธิพลอันกว้างขวาง บุคลิกของเธอคือ ไม่กล้าเถียงคนอื่น ไม่ชอบพูด ใจดีกับทุกคน เห็นได้ชัดว่าเธออยู่ในจุดต่ำสุดของพีระมิดแน่นอน
'บุคลิกแบบนี้มันจะไปมีชีวิตรอดได้ไงกัน? ฉันจะพยายามแทนเธอเองนะ ฟิโอน่า ฉันคิดว่าคนเรามันควรเจ้าเล่ห์และน่าเกรงขาม.... นิสัยเปลี่ยนนิดหน่อยคงไม่เป็นอะไรหรอกเนอะ ยังไงเราก็เป็นบุตรีตระกูลดยุกอยู่แล้ว'
ไม่นานนักสาวใช้ก็เข้ามาในห้องพร้อมกับอาหารเช้า พอเสร็จมื้ออาหารเหล่าสาวใช้ก็ต่างกรูกันมาแต่งตัวให้กับฟิโอน่า ชุดที่เธอเลือกใส่ในวันนี้เป็นชุดเดรสสไตล์โรโคโคสีฟ้าอันสวยหรู สาวใช้นำเครื่องประดับราคาแพงออกมาให้เธอเลือกมากมาย เธอตกใจกับความรวยที่เธอไม่เคยแตะต้องมาก่อน ที่นี่มันไม่ได้ต่างจากฝันเลยสักนิด เธอรู้สึกว่าตอนนี้มันเหมือนเธอกำลังเล่นแต่งตัวคอสเพลย์อยู่
'คอร์เซ็ตนี่มันบ้าเกินไปแล้ว ความรู้สึกที่หายใจไม่ออกนี่มันคืออะไรกันแน่เนี่ย?!'
"นำกระดาษและปากกามาให้ข้าที"
"เลดี้ จะเขียนจดหมายหรือคะ?"
"แล้วมันเกี่ยวกับหล่อนหรือเปล่าล่ะ?"
"ขออภัยเป็นอย่างสูงค่ะ เลดี้"
สาวใช้กำลังตกตะลึงกับนิสัยที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันของเจ้านาย ฟิโอน่าที่ใจดีและอ่อนโยนได้หายไปราวกับหมอกยามเช้า เมื่อตะวันได้มาเยือน
เมื่อออกจากห้องของฟิโอน่ามา พวกคนรับใช้ต่างก็สุมหัวพูดคุยถึงบุคลิกที่แปลกไปของเธอ รวมไปถึงบรรยากาศที่กดดันและหนักอึ้งเข้าถึงยาก สมกับเป็นลูกสาวของดยุก ซึ่งต่างจากเมื่อวานที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง
"ไม่ใช่ว่าเธอกำลังอยู่วัยต่อต้านหรือ?"
"ล้อเล่นหรือไง คนเราเปลี่ยนไม่ได้ภายในวันเดียวนะ"
"เอาเถอะๆ จะเป็นยังไงมันเกี่ยวกับเราด้วยหรือ?"
เหล่าคนรับใช้ต่างถอนหายใจแล้วแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน
***
"สรุปได้ว่า ฉันคือ ฟิโอน่า บิททินี่ย์ อายุ17ปี มีพี่น้องต่างมารดาอยู่4คน พี่ชาย2คน พี่สาว1คน และน้องชาย1คน"
ฟิโอน่ากำลังทำสรุปเกี่ยวกับตัวเธอและธงมรณะของเธอ ตอนนี้เธอกำลังบรรยายลักษณะตัวละครหลักชาย ซึ่งนั่นก็คือฮาเร็มชายของแคลร์ มาร์ติน เธอไม่ได้วางแผนที่จะเป็นแมวขโมยหรืออะไรทั้งสิ้น แต่เพราะว่าจะมีคนหล่อๆมาเสียชีวิตเพราะนางเอก ดังนั้นเธอจึงรับไม่ค่อยได้ คติประจำตัวของเธอในชีวิตเดิมคือ ฉันอดได้แต่ผู้ชายต้องอิ่ม แต่เธอไม่อยากเปลี่ยนเนื้อเรื่องเดิมนัก เพราะเธอกลัวว่าทุกอย่างจะอยู่ผิดที่ผิดทาง
"หนีออกจากบ้านไปอยู่เมืองเล็กๆดีกว่า ฮ่าฮ่าๆ–"
เธอตัดสินใจแล้วลุกไปจัดกระเป๋าเตรียมตัวหนีทันที เธอชอบชีวิตที่สุขสบายก็จริงแต่เธอเป็นห่วงร่างกายของฟิโอน่ามากกว่า
"ใครจะตายก็ช่างมันปะไร แค่ชีวิตตัวเองยังรักษาไม่ได้ ชาตินี้จะไปรักษาใครได้ล่ะ ....แต่แอบเสียดายหน้าหล่อๆนิดหน่อยแหะ"
ฟิโอน่าถอนหายใจด้วยความเศร้าสลด เพราะทุกคนอาจจะไม่ตายถ้าพวกเขาไม่ไปตกหลุมรักแคลร์
"นางเอกคือแบนชีชัดๆ ฉันจะไม่มีวันอยู่ใกล้หล่อนเป็นอันขาด"
เธอใช้เวลาจัดกระเป๋าเดินทางอยู่พักใหญ่ ฟิโอน่าคิดว่าตัวเองโชคดีนิดหน่อยเพราะตอนนี้เธออาศัยอยู่ในคฤหาสน์ในเมืองหลวงกับน้องชายของเธอ ซึ่งมันง่ายต่อการหลบหนีเป็นอย่างมาก เธอยิ้มกริ่มพลางกวาดอัญมณีและเครื่องประดับราคาแพงเข้ากระเป๋าตน
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฟิโอน่าทำท่าทีลุกลี้ลุกลน ก่อนจะยัดกระเป๋าเดินทางกลับเข้าตู้เสื้อผ้า
"เข้ามาได้"
ฟิโอน่ากลับเข้าโหมดเลดี้แห่งบิททินี่ย์อีกครั้ง ซึ่งคนที่เคาะประตูห้องเธอไม่ใช่คนอื่นคนไกล นั่นคือ โอเว่น บิททินี่ย์ น้องชายต่างมารดาของเธอ
โอเว่นมีรูปร่างสูงใหญ่ทั้งๆที่อายุแค่15ปี ผมของเขาสีดำขลับเหมือนมารดา และมีดวงตาสีเขียวมรกตเช่นเดียวกับบิดา ใบหน้าหล่อเหลาราวกับรูปปั้นที่ถูกปั้นมาอย่างประณีต
"ท่านพี่ ทำอะไรอยู่? พี่ไม่อยากกินข้าวกับผมอย่างนั้นหรือ?"
"ฮ่าฮ่า ขอโทษนะโอเว่นน้องพี่ วันนี้ข้าไม่อยากออกจากห้องเท่าไหร่น่ะ"
โอเว่นหูตกราวกับสุนัขที่เจ้าของไม่ยอมเล่นด้วย จู่ๆเด็กหนุ่มก็เข้ามากอดหญิงสาวอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
"นี่ ท่านพี่แปลกไปหน่อยหรือเปล่าวันนี้ คำพูดคำจาไม่เหมือนท่านพี่เลย นี่ท่านพี่ใช่ฟิโอน่าจริงๆหรือ?"
'ซิสค่อนน่ากลัวชะมัด'
ฟิโอน่าไม่มีทางเลือกมากนัก จึงต้องยอมกัดฟันคุยกับไอ้โรคจิตต่อ โอเว่นเป็นเด็กขี้เหงาและไม่มีเพื่อน ด้วยความที่ฟิโอน่ามีความใจดีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มันเลยทำให้เด็กหนุ่มเอาฟิโอน่ามาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจ เขาหวงแหนและหมกมุ่นกับพี่สาวเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่เคยมองฟิโอน่าในเชิงชู้สาวหรือผู้ชายมองผู้หญิง นั่นคือความเคารพที่โอเว่นมีต่อเธอ
"บางทีคนเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง โอเว่น"
"ท่านพี่ไม่เห็นต้องเปลี่ยนก็ได้นี่ ผมอยากให้พี่ใจดีและอ่อนโยนตลอดไปเลย"
"อย่าพูดจาไร้เดียงสาแบบนั้นสิ ข้าโดนกดให้อยู่ต่ำสุดในห่วงโซ่ก็เพราะพี่นั้นเป็นคนใจดี การใจดีมากไปมันอาจทำให้ข้าเจ็บปวดเข้าสักวัน"
"ผมจะปกป้องท่านพี่ตลอดไปเอง"
"ไม่ใช่ว่าเจ้ากำลังคิดว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปหรอกใช่ไหม?"
ฟิโอน่าจ้องเข้าไปในสายตาอันลึกล้ำที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของน้องชาย เธอใช้มือจับไปที่ใบหน้าของเด็กหนุ่มด้วยความอ่อนโยน ใบหน้าที่เหมือนกับจะร้องไห้นั่น
"รู้ไหม การจากลาก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนะ ถึงมันจะเจ็บปวดแต่นั่นแหละคือชีวิต"
"อย่าพูดอะไรไร้หัวใจแบบนั้นออกมาง่ายๆสิ"
ฟิโอน่าอมยิ้มเพราะเด็กหนุ่มผู้ดื้อรั้นที่ยืนอยู่ตรงหน้า เด็กหนุ่มบอกลาและกอดเธอเธออีกครั้งก่อนจะออกไป
ปกติโอเว่นจะอาศัยอยู่ในหอพักของโรงเรียน เขากลับมาเจอพี่สาวได้แค่วันเสาร์เท่านั้น ซึ่งวันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่เด็กหนุ่มต้องเดินทางกลับไปที่โรงเรียน
***
"เอาล่ะ แผนที่ทางรถไฟอยู่ไหนกันเอ่ย รถไฟพวกนี้ข้ามประเทศได้ไหมนะ?"
ตอนนี้เธออยู่ในห้องสมุดในคฤหาสน์ของตระกูล เธอกำลังไล่ดูทุกซอกทุกมุมของห้องสมุดเผื่อจะเจอข้อมูลดีๆ
'อ่าา.... แย่แล้ว ฉันชอบที่นี่ชะมัด'
ตัวเธอในชีวิตเดิมนั้นชอบการอ่านมาก หนังสือที่เธออ่านส่วนใหญ่นั้นคือนวนิยายและวรรณกรรม ถ้าเธอได้แต่งงานเธอก็อยากแต่งงานกับนักเขียนนั่นแหละ
"อะ! เจอแล้ว แผนที่โลกและแผนที่ทางรถไฟ"
เธอสังเกตหนังสือเล่มอื่นอยู่นานเพราะเธอยังไม่ชินกับภาษา ต้องขอบคุณความทรงจำบางส่วนของร่างกาย ที่ผุดขึ้นมาเหมือนเห็ดตอนเธอกำลังลำบาก
"ฟิโอน่า เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ?"
เสียงเข้มดังมาจากด้านหลังของเธอ เธอสัมผัสไม่ได้ด้วยซ้ำว่าคนที่ยืนจ้องเธอนั้นมาจากไหน มานานแล้วหรือยัง ฟิโอน่าค่อยๆหันไปกลับหลังไป
เจ้าของเสียงนั้นก็คือลูกชายคนโตของตระกูล
ลูคัส บิททินี่ย์ ผู้สืบทอดของลอร์ดบิททินี่ย์
'นี่มันเป็นวันรวมญาติหรือไงกัน? จะโผล่มาทำไมกันเยอะแยะล่ะเนี่ย?'
ฟิโอน่าทำหน้าเซ็งพลางใช้นิ้วชี้ไปหาหนังสือที่อยู่บนชั้น
"คงมากินข้าวในห้องสมุดล่ะมั้ง"
ฟิโอน่าพูดประชดประชันด้วยเสียงเบาๆ ประโยคเมื่อสักครู่มันทำให้ลูคัสเองขมวดคิ้วมุ่น เขาไม่อยากจะเชื่อว่าถ้อยคำแบบนั้นจะออกมาจากจากเธอ
"เจ้ากินอะไรผิดสำแดงมาหรือไง?"
"ระวังคำพูดกับเลดี้หน่อยสิคะ นายน้อยลูคัส"
เธอนึกขึ้นได้ว่าลูคัสเองก็เป็นหนึ่งในตัวหลักชายเหมือนกัน ผมสีบลอนด์ทอง รูปร่างสูงโปร่ง ดวงตาคมสีเขียวมรกต หน้าตาหล่อเอาเรื่อง เป็นรูปลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากบิดาไม่มีผิด หน้าตาสมกับเป็นตัวละครหลัก
"นายน้อยลูคัส?"
"คะ?"
"ทำไมไม่เรียกข้าว่าพี่ล่ะ?"
'อย่าบอกนะว่านายเองก็เป็นซิสค่อนน่ะ?'
ฟิโอน่าไม่ตอบและเธอก็รีบหอบหนังสือหลายเล่มอย่างทุลักทุเล ชายหนุ่มตัวสูงรีบเข้ามาช่วยยกทันที เขาสังเกตชื่อหนังสือก่อนจะเอ่ยถาม
"อยากไปเที่ยวต่างประเทศอย่างนั้นหรือ? ทำไมถึงหอบหนังสือเกี่ยวกับประเทศอื่นมากมายขนาดนั้นล่ะ?"
"ข้าจะหนีออกจากบ้าน"
"นี่เจ้าจริงจัง?"
"ถ้าจริงจังข้าจะบอกท่านไปทำไมกัน? ว่าแต่ทำไมท่านพี่ถึงมาอยู่เมืองหลวงล่ะ?"
ลูคัสยิ้มเล็กยิ้มน้อยเมื่อฟิโอน่าเรียกเขาว่าพี่
"โดนองค์จักรพรรดิเรียกให้เข้าเฝ้าน่ะ"
"อย่างนั้นหรือคะ"
"จะไม่ถามหรือว่าโดนเรียกมาทำไม?"
ฟิโอน่าทำหน้าตาสงสัยเหมือนกับตอนได้ยินคนพูดกับเธอว่าโลกคือจุดศูนย์กลางของจักรวาล
"ก็มันไม่เกี่ยวอะไรกับข้า"
ฟิโอน่าแย่งหนังสือในมือของชายหนุ่มทันทีที่พูดจบ เธอเดินออกไปจากห้องสมุดอย่างไร้เยื่อใย ปล่อยให้ลูคัสนั้นยืนเหม่อลอยอยู่คนเดียว
"ด–เดี๋ยวสิ ทำไมอยู่ๆถึงเย็นชากับพี่แบบนั้นล่ะ? พี่จะร้องไห้จริงๆแล้วนะ"
***
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!