NovelToon NovelToon

สี่จตุรเทพ (ตอน..ดวงใจวิรูปัก)

แนะนำเรื่องและตัวละคร

สวัสดีค่ะในบทแรกนลินามก็จะมาแนะนำเนื้อเรื่องและตัวละครให้ทุกคนได้รู้จักกันก่อนนะคะ ซึ้งเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับสี่ตระกูลใหญ่ ผู้ที่ครอบครองดวงแก้วทั้งสี่ดวง

และมีตระกูลวิรูปักษ์ผู้ครอบครองดวงแก้วสีทองเป็นผู้ปกครองทั้งสามตระกูลนี้ ซึ้งหมายความว่าตระกูลวิรูปักษ์เป็นใหญ่ที่สุดในสี่ตระกูล แต่จะมีอีกตระกูลหนึ่งได้หายเงียบไปนานแล้วนั่นคือตระกูล มณีแก้ว ผู้ที่ครอบครองดวงแก้วสีขาว ดวงแก้วที่บริสุทธิ์ ในอดีตเล่ากันว่าใครที่ได้ครอบครองดวงแก้วสีขาวดวงนี้พร้อมกับดวงแก้วของตน จะทำให้ตระกูลนั่นมีอำนาจอยู่เหนือทุกตระกูล ตั้งแต่บัดนั้นจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครได้ข่าวหรือได้พบเจอคนตระกูลนี้อีกเลย ถึงอย่างนั้นทั้งสี่ตระกูลนี้ก็ยังลักลอบตามหากันอย่างเงียบๆมาตลอด เพื่อชิงความเป็นใหญ่ อยู่เหนือทุกตระกูล

นักอ่านคงสงสัยว่าตระกูลทั้งสี่ทำไมไม่แย่งชิงลูกแก้วของอีกฝ่ายมาเพิ่มอำนาจให้กับตัวเอง นั่นเป็นเพราะว่าดวงแก้วทั้งสี่ ไม่สามารถที่ใครจะเอามาเป็นเจ้าของได้ ดวงแก้วของตระกูลนั้นๆจะคุ้มครองผู้ที่มีสายเลือดของตระกูลนั้นเท่านั้นยกเว้นดวงแก้วสีขาว ซึ้งสามารถหลอมรวมกับดวงแก้วสีใดก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องแรกมากับการสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของตระกูลมณีแก้ว นี้เป็นสาเหตุว่าทำไมตระกูลนี้ถึงหลบซ่อนตัวมาตลอด

นิยายวายเรื่องนี้ติดออกจะมาเฟียหน่อยๆ แฟนตาซี นิดๆเพื่อเพิ่มอรรถรสในการอ่านกันนะคะ มีที่ผิดพราดตรงไหนก็ขออภัยไว้นะที่ตรงนี้ด้วยค่ะ เอาเป็นว่าเรามาดูตัวละครกันนะคะว่ามีใครบ้างก่อนที่นลินามจะสปอยจนหมดเปลือกเดี๋ยวจะไม่สนุกกันพอดี

!!!

1..ตระกูลวิรูปักษ์ ผู้ที่ครอบครองดวงแก้วสีทอง

ปกครองโดย

นายกุลโชต วิรูปักษ์ ( โชต )

ลูกชายที่จะสืบทอดตำแหน่งคนต่อไป

อนิรชิต วิรูปักษ์ ( ซิต )

มีบอดี้การ์ดคนสนิท

1.โชกุน

2.โนอา

!!!

2..ตระกูลเอราปถ ผู้ที่ครอบครองดวงแก้วสีเขียว

ปกครองโดย

นายภูดิศ เอราปถ ( ภู )

ลูกชายที่จะสืบทอดตำแหน่งคนต่อไป

อัครดนัย เอราปถ ( นัย )

มีบอดี้การ์ดคนสนิท

เรียว

2.อาชิ

!!!

3..ตระกูลฉัพพยาปุตตะ ผู้ที่ครอบครองดวงแก้วสีรุ้ง

ปกครองโดย

นาย ปริตต์ ฉัพพยาปุตตะ ( ปริตต์ )

ลูกชายที่จะสืบทอดตำแหน่งคนต่อไป

ฐิติพงศ์ ฉัพพยาปุตตะ ( พงศ์ )

มีบอดี้การ์ดคนสนิท

1.ชินจัง

2.ทอย

!!!

4..ตระกูลกัณหาโคตมะ ผู้ที่ครอบครองดวงแก้วสีดำ

ปกครองโดย

นายภูรินท์ กัณหาโคตมะ ( กัณ )

ลูกชายที่จะสืบทอดตำแหน่งคนต่อไป

อรรคพล กัณหาโคตมะ ( พล )

และลูกสาว

ดารินทร์ กัณหาโคตมะ ( ดา )

มีบอดี้การ์คนสนิท

1.บา

2.เบียร์

3.ปอนด์

!!!

ทั้งหมดนี้ก็เป็นสมาชิกของตระกูลทั้งสี่ มีใครบ้างก็จำกันไว้ดีๆนะคะ เพราะตอนนี้นลินามรู้สึกว่าเยอะจนตาลายไปหมด ส่วนตระกูลมณีแก้วก็ปล่อยให้พวกเขาสืบหากันไปนะคะเราอย่าไปยุ่งเลย เราจะมาคอยดูว่าพวกเขาจะหาเจอไหมและดวงแก้วดวงไดจะได้ครอบครองดวงแก้วสีขาวนี้

ขอบคุณนะคะ และขอให้สนุกกับเรื่องนี้นะ ดูๆอาจจะดูเครียดๆแต่รับรองได้ว่าไม่เครียดอย่างที่คิดคะ มีทุกรสความสนุกให้อ่านกันเลยทีเดียว !!!

##%%%##%%%

เรื่องปกติของผม

( วินท์ )

:

:

( ช่วงปิดภาคเรียน)

ปัง...ปัง...ปัง...ปัง...ปัง....

เสียงปืนที่ดังยังกะประทัดร้อยแปดที่จุดแก้บนที่วัดที่ผมเพิ่งไปมาเมื่อกี้ พร้อมกับเสียงรถที่ดังจี้ตูดกันมาจนผมต้องหลบให้พ้นรัศมีเสียงอันตรายนี้ ไถลเข้าพงหญ้าข้างทาง หัวทิ่มคะมำ ไปกับโคลนตรมที่ฝนเพิ่งหยุดตกใหม่ๆ "วู้...มาทีไรกูซวยทุกที ไอ้พวกห่าเหวนี่ไม่มีที่จะไปกันแล้วหรือไงวะ" เรื่องปกติครับที่ ที่นี่จะมีคนไล่ล่าฆ่ากันตาย ผมเห็นจนชินตาจนเป็นเรื่องปกติของผมแล้วครับ ตำรวจก็ไม่มีใครกล้ามายุ่งพวกมีอิฐิพล ผมก็ช่างใจอยู่หลอกว่าผมจะอยู่ได้ถึงห้าสิบปีหรือเปล่า กลัวแต่โดนลูกหลงและก็ตายไปชะก่อน บอกให้พ่อย้ายก็ไม่ยอมย้ายไปชักที บอกว่าที่นี่เป็นมรดกเก่าแกของตระกูลเรา แต่ผมก็ไม่เคยเห็นบรรพบุรุษของผมชักที ที่เห็นก็มีแต่พ่อผมคนเดียวที่ตอนนี้ บวชเป็นพระไปเป็นที่เรียบร้อย ผมดันรถขึ้นข้างทางด้วยความทุรักทุเร ก่อนสายตาจะเหลือบไปเห็น ควันโขมงข้างหน้าที่ไล่กันไปเมื่อกี้ห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร "จะไปดูดีไหมวะ " ผมคุยกับตัวเองเบาๆ " แอ๊ะ..หรือไม่ไป ช่างเหอะเดี๋ยวก็มีคนมาเก็บศพพวกมันเองแหละ " แล้วผมก็จูงรถที่ตอนนี้ สตาร์ทไม่ติดเพราะฝีมือผมเองโดยมีพวกมันเป็นต้นเหตุเดินไป "แล้วถ้ามันยังไม่ตายกูจะบาปไหมวะ พ่อยิ่งบวชเป็นพระอยู่ด้วยจะติดบาปไปกับกูหรือเปล่านี่ วู่ ไปดูชักหน่อยละกัน" แล้วผมก็จอดรถทิ้งไว้ข้างทางแล้วเดินกลับไปดู รถสปอร์ตสีแดง ที่โดนจี้ตูดมาเมื่อกี้ไถลลงไปข้างทางชนกับต้นตีนเป็ดขนาดใหญ่สภาพพังยับเยินจนดูๆแล้วคงจะเหลือสามสิบเปอร์เซ็นของราคารถ "สภาพนี่คงไม่รอด ไม่หน้าเดินกลับมาเลยกูเสียเวลาชิบหาย" ผมบ่นกับตัวเองออกมาแล้วทำท่าจะเดินกลับ " โครม" "ห่า" เสียงถีบประตูรถพร้อมกับผมที่สะดุ้งและอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะหันไปช้าๆแล้วเห็นแขนที่แกว่งไปแกว่งมาอยู่ข้างประตูรถที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดกำลังกวักมือไหวๆอยู่ ปลายผมที่ยาวสลวยออกมานอกหน้าต่างรถ"นี่ถ้าเป็นกลางคืนกูนึกว่าเป็นแม่นาคนะเนี่ย ทำชะเหมือนเลย"ผมพูดกับตัวเองเบาๆก่อนจะเดินไปหา แล้วดึงประตูนั้นออกอย่างสุดแรง

"นี่ถ้าไม่ใช้ผู้หญิงกูไม่ช่วยแล้วนะเนี่ย" ดึงไปก็บ่นไป "ติดก็ติดดึงก็ไม่ออกอีก " จากนั้นผมก็เดินไปเอาไม้มางัดอยู่นานกว่ามันจะออกได้ ผมยืนปาดเหงื่อของตัวเองที่ตอนนี้มันไหลออกมายังกะมีใครมาอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้ยังไงงั้นแหละ " ได้ขึ้นสวรรค์ก็คราวนี้แหละกู" ผมรากร่างนั้นออกมานอกรถ"ผู้ชายหรอวะ นึกว่าผู้หญิง แต่ผมนี่แม้งงงโครตสวยแต่ดูๆแล้วไม่ยักจะเป็นอะไรมาก แค่มีแผลที่แขนนิดหน่อย ดวงแข็งนะมึงนี่" ผมว่าออกมาพร้อมทำท่าจะลุกหนี "หมับ" มือเย็นๆมาดึงแขนผมไว้ "อะไร..ปล่อย" ผมสบัดมือมันออก มืออะไรทั้งเย็นทั้งแข็งยังกะครีมหนีบเหล็ก หนีบกูไม่ปล่อยเลยนี่

"ช่วยกูก่อน" เสียงแหบในลำคอเอ่ยออกมาเบาๆ " ช่วยอะไรมึงไม่เป็นไรแล้ว" ปากก็พูดมือก็พยายามแกะแต่แกะไม่ออกชักที "กูจุก" " ห้ะ" ตรงไหนแล้วกูจะช่วยมึงได้ไงเนี่ย" พูดแค่นั้นมันก็หลับไปเลย แล้วผมก็จะทำไงได้ละทีนี้ก็จำใจแบกมันขึ้นหลัง เดินกลับบ้านกว่าสองกิโลเมตร นี่ถ้ายังไม่ได้คุยอะไรกันผมก็จะตัดใจทิ้งมันง่ายขึ้นแต่นี้มันเสือกมาขอความช่วยหลือก่อนจะหมดสติ จะทิ้งมันก็คาใจอีก "วุ่..ชีวิตกูไม่หน้าหาเรื่องใส่ตัวเลย" กลับมาถึงบ้านก็โยนมันไว้บนโซฟาอย่างไม่ใยดี "อัก" มันหรี่ตาขึ้นมามอง

"นี่มึงจะฆ่ากูหรอ

"นี่กูช่วยมึงไว้นะ ถ้ากูจะฆ่ามึงกูคงไม่แบกมึงมาถึงสองกิโลเมตรหรอก เหนื่อยก็เหนื่อย รู้จักสำนึกบุญคุณกันมั้งสิ"

มันกระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่งแล้วกวาดสายตามองไปรอบๆ

"เท่าไหร่เดี๋ยวกูตอบแทนให้"

ได้ยินแค่นั้นก็รู้สึกถึงตัวอวตารที่มันแอบอยู่ในจิตไต้สำนึกโผ่ขึ้นมาทันที'ไอ้นี่สงสัยจะเป็นลูกคนใหญ่คนโต ถ้ากูจะขอนิดๆหน่อยๆจะบาปไหมวะแต่ทำไมรู้สึกว่าตัวเองเป็นโจรในคราบคนดีก็ไม่รู้ แต่ช่างเถอะ ทำดีแล้วได้ค่าตอบแทนมันก็ไม่ผิด"

"แสนหนึ่งได้ไหมละ ผมถามรองเชิงออกไป

"นี่มึงจะขูดเลือดกูให้หมดตัวเลยหรอไงวะ เอาจริงถ้ามึงไม่ช่วยกูก็ไม่ตายหรอก มึงยังจะมาขอค่าตอบแทนอะไรขนาดนี้

"นี่มึงเป็นคนเสนอเองนะยังจะมาว่ากูอีก เอาเหอะกูไม่เอาก็ได้ ถือว่าช่วยสัตว์โลกเอาบุญละกัน

แล้วผมก็ทำท่าจะเดินหนี พูดไปก็ถูกของมัน แต่ผมก็แบกมันมาถึงสองกิโลก็หน้าจะสำนึกบุญคุณกันบ้างสิ คนไรไม่มีนํ้าใจเลย

"เฮ้ยยยยยยยย.... เสียงมันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แต่ดูๆแล้วผมต่างหากที่น่าจะถอนหายใจเฮือกใหญ่นี้ไม่ใช้มัน

"เลขบันชีไร เดี๋ยวกูโอนให้

มันพูดพร้อมกับล้วงโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแต่ก็แปลกรถพังโทรศัพท์ไม่ยักจะเป็นไรมันกดโอนเงินให้ผมเรียบร้อย

"เอางี้เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเลี้ยงข้าวมึงละกัน จะได้ถือว่ากูไม่เอาเปรียบมึงมากนักแล้วคืนนี้มึงก็นอนนี้ หรือมึงจะกลับก็ได้นะกูไม่ว่า

"ไม่อะ..กูกลับไม่ไหว มึงมีเสื้อให้กูเปลี่ยนไหมวะ

"เสื้อกูมีเยอะแยะ ตั้งแต่ตัวละยี่สิบยันร้อยเก้าๆ มึงจะเอาประมาณไหน มันอ้าปากหวอ

"นี่มึงจะอ้าปากทำไมวะ ทำยังกะไม่เคยเห็นไปอาบนํ้าสิเดี๋ยวกูเอาเสื้อให้ จากนั้นผมก็เดินไปหยิบกางเกงขาสั้นและก็เสื้อสีแดงแป๊ด เข้าชุดมาให้มันชุดหนึ่ง

"อะ....แต่มึงก็แปลกนะรถชนยับขนาดนั้นยังไม่เป็นอะไร ดวงมึงนี่แข็งหน้าดูเลยเนอะ มันไม่พูดอะไรรับเสื้อแล้วเดินเข้าห้องนํ้าไป หนึ่งชั่วโมงผ่านไปและตามมาอีกสองชั่วโมง นี่มันกะว่าอาบนํ้าให้หลุดค่าชดเชิญให้กูเลยหรือไงอาบนานชะขนาดนั้น เกิดมากูเพิ่งเคยเจอ ผู้ชายอะไรวะสวยชิบหาย แถมปล่อยผมยาวเทียบหลังนี่ดูๆถ้าไม่ติดกับที่แต่งตัวว่าแมนๆ หน่อยคงคิดว่าเป็นผู้หญิงแน่

หลังจากมันออกมาจากห้องนํ้ามันก็เดินดุ่มๆขึ้นไปชั้นบน ผมก็ได้แต่เกาหัวมองตามหลังมัน ฉุดคิดไปแว็บหนึ่งว่าที่นี่คือบ้านมันไม่ใช้บ้านผม

"เดี๋ยว..มึงจะไปไหน ผมเรียกตามหลังมันก่อนจะวิ่งตามไป "นี่มึงขึ้นมาทำไมวะที่นี่มันห้องกู

"อ้าว...ก็ข้างล่างมันไม่มีที่นอนแล้วมึงจะให้กูนอนไหน

"เอ้า..ก็โซฟาไง

"หึ..กูนอนไม่เป็น

"โอ้ย..กูจะบ้าตายแล้วสรุปคนที่ต้องลงไปนอนข้างล่างคือกูใช้ไหม ผมมองร่างนั้นที่ตอนนี้ยืนนิ่งทำตาปริบๆ เห็นก็สงสารอยู่หลอกเนอะ เกิดมามึงคงไม่เคยลำบากมาก่อน "เออ..ได้ ได้เห็นแก่เงินแสนหนึ่งที่มึงโอนให้กู กูจะยอมให้วันหนึ่งละกัน ไหนๆพรุ่งนี้มึงก็จะไปแล้ว"

###%%%%###%%

ตัวซวย

( วินท์ )

:

:

ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพราะเสียงไก่ขันที่ตอนนี้มันกำลังร้องแข่งกันเป็นจังหวะสามช่าอยู่นอกบ้าน เป็นช่วงเวลาใกล้สว่าง ผมเดินขึ้นไปชั้นบนพร้อมกับเปิดประตูเข้าไป " ห่า" ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ ปลายกระบอกปืนเล็งมาทางผมที่ตอนนี้ก้าวขาแทบไม่ออกพร้อมกับเหงื่อที่มันไหลออกมายังกะนํ้าตกเขากระโดนที่ผมไปมาเมื่อต้นปี " ทำไรวะ " เสียงพูดติดสั่นเล็กน้อยโดนปืนจ่อต่อหน้าไม่เกินสิบเมตรเป็นใครก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา "ถอยไป " ผมเดินถ่อยหลังออกไปช้าๆพร้อมกับมันที่เดินต่อมเข้ามาเรื่อยๆ

"ระวัง" ปลายนิ้วที่เบี่ยงเบนความสนใจชี้ไปทางนอกหน้าต่างก่อนจะกระโจนเข้าใส่คนตรงหน้า แย่งปืนจากปลายมือเรียวเล็กแล้วเวี่ยงร่างนั้นให้ติดไปกับกำแพงปูน แขนทั้งสองข้างถูกไขว้ไว้จากทางด้านหลังก่อนจะจ่อปลายกระบอกปืนเข้าไปที่ศรีษะของคนตรงหน้าที่ตอนนี้ดิ้นขลุกขลักอยู่กับกำแพงเหมือนตุกแกติดกาวไม่มีผิด

"นี่มึงเป็นบ้าอะไรวะ คิดเล่นกับใคร..กูบอกไว้เลยว่ามึงเล่นผิดคนแล้ว ถ้ากูไม่มีฝีมืออยู่บ้างกูคงไม่รอดมาถึงทุกวันนี้หรอก แล้วหยุดดิ้นไม่งั้นกูยิงกบาลมึงแน่ "

"มึงเป็นพวกมันใช้ไหม ยอมรับมาเหอะ ไม่งั้นมึงจะมีปืนอยู่ในห้องได้ไงวะ

"นี่มึงจะระแวงมากไปหรือเปล่าวะ ปืนใครก็มีได้ โดยเฉพาะแถวนี้เขามีไว้ป้องกันตัวกันทั้งนั้นแหละ แล้วปืนนี้กูก็เก็บมาจากพวกที่ไล่ยิงกันตายแถวๆนี้ และก็ไม่ใช้แค่กระบอกเดียวนะ กูมีอีกเยอะมึงจะดูไหมล่ะ" นี่เป็นผลดีอย่างหนึ่งของพวกนั้นครับ และอีกอย่างดีที่พ่อผมสอนการต่อสู้กับยิงปืนให้ก่อนจะไปบวชผมเลยมีวิชาติดตัวอยู่พอตัว

"เออ เออ มึงปล่อยกู ผมเสียทรงหมด

"กูเปลี่ยนใจละ....กูว่ากูเล่นกับมึงหน่อยดีกว่า ผมโยนปืนทิ้งก่อนจะเอื้อมมือมาจับปลายผม สลวยขึ้นมาสูญดมเบาๆ "หอมวะ" มึงไว้ผมยาวมานานหรือยังวะ

"ทำไม..มึงจะทำไร ปล่อยนะ

"กูก็จาาา..ผมยกกรรไกรขึ้นมาให้มันดู

"เอ้ย..มึงจะทำไร อย่าทำนะ ไม่เอานี่มึงอย่าเล่นบ้าๆนะ เออ..เออ..กูขอโทษพอใจยัง

"ก็แค่เนี่ยกว่าจะพูดออกมาได้

แต่ดูๆแล้วมันก็หวงผมหน้าดู ผมยิบชุดใหม่ให้มันและปล่อยให้มันอาบนํ้าจากที่ใกล้สว่างตอนนี้ยันเอาแปดโมงเช้า " มึงเข้าไปจำศีลหรือไงวะ" ผมสบถออกมาเบาๆแล้วมันก็เดินออกมาพร้อมกับชุดใหม่ที่ดูดีกว่าเดิมจนผมต้องแอบขำอยู่ในใจ

"ไปได้แล้ว ผมบอกมันออกไป

"ไปไหน มันถามพร้อมกับทำหน้าสงสัยจนผมต้องแอบคิดว่า"นี่มึงจะอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตหรือไงวะ"!!

"ก็ไปกินข้าวกูบอกแล้วไงว่ากูจะเลี้ยงข้าวมึง มันพยักหน้าเป็นคำตอบก่อนจะเดินตามผมออกมา ดีนะที่ช่างเอารถมาไว้ให้แล้วไม่งั้นได้เดินไปเกือบห้ากิโลแน่ๆ พอออกมาได้ผมก็ก้าวขาขึ้นรถพร้อมกับยกขาตั้งขึ้น ก่อนจะมองไปหาคนด้านหลังที่ไม่ยอมขึ้นมาชักที

"เป็นไรเนีย ขึ้นมาสิ"

"แล้วมันขึ้นยังไงวะ" มันถามออกมาหน้าชื่อๆผมลืมคิดไปแป๊บหนึ่งว่าดูจากสภาพมันแล้วคงไม่เคยขี่รถยี่ห้อที่ดีเลิดขนาดนี้แน่

"มึงทำแบบนี้นะ" ผมเอาขาตั้งลงและลงไปและก้าวขาขึ้นมาใหม่ทำท่าให้มันดู มันพยักหัวหงิกๆดูไปก็เหมือนเด็กสามขอบอยู่เหมือนกัน หลังจากที่มันขึ้นมาได้ผมก็รีบขับรถออกไปทันทีเพราะใช้เวลากับมันตั้งแต่ตื่นนอนยันเก้าโมง "ปวดหัวชิบ" พอมาถึง "นี่มึงมาที่นี่ทำไมเนีย" มันถามออกมาพร้อมกับมองไปรอบๆ

"เอ้า..ก็มากินข้าวไง"

"ไหนมึงบอกจะเลี้ยงกูไง

"ก็นี่ไงเลี้ยง มีทุกอย่างที่อยากกิน ข้าว ขนม นม ผลไม้ มึงอยากกินอะไร ปะ..." จากนั้นผมก็เดินไปค้องคอมันที่ตอนนี้กำลังอ้าปากค้างอยู่แล้วเดินไป "เอ้ย...หมา"มันอุทานออกมาสุดเสียงก่อนจะเหวี่ยงตัวมาแอบหลังผม "นี่มึงจะกลัวอะไร หมาพวกนี่มันไม่กัดมึงหรอก ออกจะใจดี

"ก็กูกลัว กูว่าเรากลับเถอะวะ

"นี่มึงพูดให้ชัดๆดิ มึงจะกลับบ้านใคร

"ก็บ้านมึงไง

"เอ้าแล้วมึงจะกลับบ้านกูทำไมทำไมมึงไม่กลับบ้านมึงวะ ถามจริงบ้านมึงอยู่ไหนนี่

"ก็อยู่กรุงเทพ๚

"แล้วมึงกระเสือกกระสนมาทำไมถึงเชียงรายวะ มึงอย่าบอกนะว่ามาเที่ยวเพราะกูเห็นไอ้พวกนั้นไล่หวดมึงยังกะจะให้มึงตายอย่างนั้นแหละ ผมจ่องหน้ามันขอคำตอบ ใบหน้าสวยหลบหน้าผมนิดหนึ่ง" ก็....กูหนีออกจากบ้านมา"

"ห้ะ..หนีออกจากบ้านโตขนาดนี้ยังเรียกร้องความสนใจอีกหรอวะ "ทำไม"

"อะไร"

"ก็ทำไมมึงถึงหนีออกจากบ้าน มานี่มามึงมานั่งนี่ ผมลากมันไปตรงเก้าอี้ไม้หินอ่อนแล้วจ่องหน้ามันเขมง

"ก็....

"นี่มึงไม่ต้องกลัวว่ากูจะบอกใครหรอกนะ เพราะกูไม่รู้จักมึง และมึงก็ไม่ต้องบอกกูว่ามึงเป็นใครด้วย กูไม่อยากรู้ แต่กูแค่อยากเสือกเรื่องของมึงเฉยๆ ...ว่ามา

"ก็กูเบื่อ ต้องคอยปั่นหน้านิ่งๆให้ทุกคนเกรงกลัว ต้องทำตัวฉลาดอยู่เหนือคนอื่น เพราะกูเป็นทายาทที่จะสืบทอดตำแหน่งคนต่อไปของตระกูล กูต้องปกครองคนส่วนมาก แล้วกูจะทำได้ไงวะ กูเพิ่งยี่สิบเอ็ดเองนะโว้ย กูก็อยากมีชีวิตส่วนตัว มีชีวิตวัยรุ่นเหมือนคนอื่นเขาบ้าง"

ผมนั่งฟังมันพูดที่ตอนนี้อินไปกับอารมณ์สุดๆ จนผมต้องแอบคิดในใจ" เหอะ...ทีแรกทำเป็นไม่อยากเล่า"

"มึงก็หน้าสงสารอยู่หรอกนะ...แต่กูคงไม่สงสารมึงหรอก กูสมเพชมากกว่าว่ะ หึหึ

"เอ้า..ไหงมึงพูดงี้ล่ะ

"ก็แล้วทำไมมึงไม่ทำไปพร้อมๆกันเลยละวะ"

"ไม่ได้ ...กูจะทำงั้นได้ไงกูเป็นความหวังของตระกูลนะ แล้วถ้ากูทำตัวไม่เป็นที่เคารพแล้วใครมันจะเคารพกูวะ

"เออ..เออ..แล้วแต่มึงกูไม่อยากรู้แระ ไปกินข้าวกันเถอะปะ จากนั้นผมก็ลากมันไปกินข้าวในครัวที่ตอนนี้มีสมาชิกนั่งกินกันอยู่สี่ห้าคน

"พี่วินท์ มาแล้วหรอครับ" เด็กคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นก่อนจะมองไปทางอีกคน " เอ่อ..นี่เพื่อนพี่จะมากินข้าวกับเราด้วยนะ "แนะนำตัวสิ" ผมเอาสองกระทุ่งมันเล็กน้อย "เอ่อ..พี่ชื่อซิตนะสวัสดี"หลังจากนั้นผมก็ลากมันไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆมันนั่งจ่องอาหารที่ตั้งเรียงอยู่พร้อมกับมีเรานั่งอยู่รอบๆเป็นวางกลม "กินสิ มานี่เดี๋ยวกูตักให ้" ผมตักอาหารให้มันหลายอย่างรวมกัน แล้วคลุกเคล่าให้เป็นเนื้อเดียว "ที่นี่เขากินกันแบบนี้มึงรู้ไหม มึงรองดูสิ"

"หรอ" มันตอบออกมาหน้าชื่อๆแล้วมันก็ตักอาหารเข้าไปในปาก "อร่อยดี" มันว่าพร้อมกับเด็กๆหลายคนที่จ่องมองอยู่ "พี่อยู่วัดไหนหรอครับ " เด็กคนหนึ่งเอ่ยถาม "เอ่อ..เอ่อ.."

"เขาอยู่บ้านพี่น่ะ มาเที่ยวเฉยๆ"ผมตอบแทนออกไป หลังจากทานข้าวเสร็จเราก็เดินมาที่รถ มันเหลือบไปมองกลุ่มหมาเมื่อกี้ที่ตอนนี้กำลังกินข้าวอยู่แล้วพูดออกมา "นี่ที่วัดนี่เขาเลี้ยงหมาดีเนอะ ให้กินเหมือนคนเลยอะ" ผมสะอึกกับคำพูดมันเล็กน้อยก่อนจะกลอกตามองบนพรางคิดในใจ " เขาไม่ได้เลี้ยงมันเหมือนคนโว้ย แต่มึงนะกินเหมือนมัน..สัด ยังไม่รู้ตัวอีก"

!!!

นะบ้านหลังใหญ่ของตระกูลวิรูปักษ์

"มึงตามหาลูกกูเจอหรือยังวะ" ชายผู้เป็นนายเอ่ยถามลูกน้องคนสนิท "ยังครับนายแต่เราตรวจเจอจีพีเอสที่เชียงรายคนของเรากำลังตามไปอยู่ครับ " งั้นเร็วหน่อยละกัน เดี๋ยวลูกกูจะเป็นอันตลายถึงจะมีดวงแก้วคอยคุ้มครอง แต่ถ้าเจอกระสุนธาตุเข้าไปก็ไม่รอดเหมือนกัน"

"แต่เรื่องนี้มีเพียงสี่ตระกูลเท่านั้นที่รู้ นี่แสดงว่านายสงสัยคนทั้งสามตระกูลหรอครับ"

"ใช้..ถึงต่อหน้าพวกนั้นจะดูพักดีแค่ใหน แต่ลึกๆแล้วกูรู้ว่าพวกมันจ่องจะทำรายเราอยู่ตลอดเวลา เราถึงต้องตามหาดวงแก้วสีขาวให้พบก่อนพวกมันจะได้ไปไง มึงรีบไปเอาตัวลูกกูกลับมาเพราะอีกสองวันเราจะมีงานใหญ่ มีสิงค้าที่ส่งมาจากต่างประเทศทางเรือ กูต้องการให้มึงไปจัดการเรื่องนี้"

"ครับนาย ผมจะรีบกลับมา"

##%%%###%%%##%

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!