กรงรักพยัคฆ์ร้อน
ผู้เขียน : Simantra.DW
ประเภท : นวนิยายจีนโบราณโรแมนติก (NC20+)
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์
พ.ศ.2537 ห้ามมิให้ทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ตีพิมพ์ เผยแพร่ส่วนใดส่วนหนึ่งหรือทั้งหมด
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
มิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายบัญญัติไว้สูงสุด
คำเตือน : นวนิยายเรื่อง “กรงรักพยัคฆ์ร้อน” แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง ชื่อของบุคคล สถานที่ หลักจารีต ขนบธรรมเนียมประเพณี
วัฒนธรรม รวมถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ
ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ผู้เขียนสมมติขึ้นจากจินตนาการทั้งสิ้น
อาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนบิดเบือนจากหลักความเป็นจริงไปบ้างเพื่ออรรถรส
มีความสุ่มเสี่ยง ผิดศีลธรรมและจารีตอันดีงามในเนื้อหาบางช่วงบางตอน
มีการบรรยายถึงบทร่วมรักชัดเจน โปรดใช้วิจารญาณในการอ่าน
กรงรักพยัคฆ์ร้อน (1)
เสียงกีบม้าดังถี่ๆบ่งบอกถึงความเร่งรีบของผู้ควบขี่
ฝุ่นคลุ้งตลบอบอวลตลอดเส้นทางที่ฝูงอาชาทะยานผ่าน
กลุ่มคนชุดดำกว่ายี่สิบคนเข้าตีกรอบล้อมรอบรถม้าคันใหญ่
ชายผู้กำบังเหียนฟาดแส้เร่งฝีเท้าม้า ด้วยเวลาไล่ล่ามีจำกัดนัก
"ย๊า!!!
เสี่ยวไป๋ข้าต้องขอแรงเจ้าอีกแล้ว" เสียงหวานแผดลั่น ขณะมือน้อยกำบังเหียนบังคับอาชาเลือดร้อนสีขาวปลอดท่าทางสง่างามนามว่า 'เสี่ยวไป๋' มุ่งหน้าไปอย่างมิมีลดละ
"คุณหนูกลับไปก่อนเถิดขอรับ
ตรงชายแดนอันตรายยิ่งนัก ข้าน้อยจะปล่อยให้คุณหนูไปเสี่ยงได้อย่างไร" เสียงชายหนุ่มที่ควบม้าไล่ตามมาตีขนาบข้างร้องห้าม ทว่าหญิงสาวหาได้มีท่าทีใส่ใจสีหน้าร้อนรนของผู้ติดตามไม่
"ข้าจะตามไปเด็ดหัวพวกที่กล้าข้ามแดนมา
อาหยิน! อาหยาง! ตามไปเร็วเข้า" หญิงสาวส่งเสียงสั่งการ
ทำให้หมาป่าตัวใหญ่มิต่างเสือโคร่งเต็มวัยสองตัว
พุ่งทะยานวิ่งนำหน้านางไปหลายช่วงตัว
"ทูลองค์ชายมีกลุ่มคนมิทราบที่มากำลังไล่หลังมาพะย่ะค่ะ
ท้ายขบวนเริ่มถูกสังหารแล้ว สถานการณ์ดูเหมือนจะมิเป็นอย่างที่คาดคิดแล้วพะย่ะค่ะ" เสียงหนึ่งในกลุ่มชายชุดดำร้องบอกบุรุษในรถม้า
"ให้คนรีบสกัดพวกมันไว้!
ต้องส่งข้าข้ามแดนให้ได้"
สิ้นเสียงคำสั่ง ชายชุดดำจำนวนหนึ่งก็ได้รับสัญญาณมือ
ให้หันไปรับมือกับกลุ่มคนที่ตามมาทันที
ในขณะที่หมาป่าสองตัวผลัดกันกระโจนฝังเขี้ยวลงบนคอของเหล่าชายชุดดำ
จนตกลงจากม้าคนแล้วคนเล่า
ขณะที่ม้าสีขาวพาร่างอิสตรีภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำทะยานมาเบื้องหน้า
เข็มพิษนับร้อยเล่มถูกซัดออกจากฝ่ามือนาง
ก่อนกระจายเป็นวงกว้างปักลงบนร่างของชายชุดดำเหล่านั้น
ทำให้ผู้ที่ถูกเข็มพิษตกจากหลังม้า บ้างดิ้นรนหนีบ้างถูกหมาป่าไล่ขย้ำ
แต่สุดท้ายก็มิอาจฝืนทนต่อพิษที่กระจายตัวในร่างอย่างรวดเร็ว
"ย๊า!! องค์ชายใหญ่จะรีบร้อนไปที่ใดเล่า เหตุใดไม่มิหยุดพูดคุยกันก่อน" น้ำเสียงหวานกังวานตะโกนถาม ขณะเบี่ยงกายหลบกระบี่ที่พุ่งมาตรงหน้า
เพียงนางสะบัดฝ่ามือกระบี่เล่มนั้นก็ตีกลับไปยังคนถือ
นางพลิกฝ่ามืออีกครั้งก็มีมีดสั้นปรากฏในมือราวกลมายา
เพียงพริบตาร่างของหญิงสาวก็ลอยไปยืนบนหลังม้าของชายชุดดำคนหนึ่ง ยังมิทันได้หายใจเข้ามีดสั้นในมือนางก็ตัดเข้าที่หลอดเลือดใหญ่บริเวณลำคอ
ส่งผลให้เลือดพุ่งออกมาจากปากแผลไม่หยุด ผู้เคราะห์ร้ายขาดใจตายอย่างฉับพลัน
"อ๊าก!!" เสียงร้องโหยหวนก่อนสิ้นลมของเหล่าชายชุดดำที่ถูกหมาป่าลากไปขย้ำช่างน่าหดหู่ยิ่งนัก
ภาพที่ฝ่ายของตนถูกสังหารโดยที่ยังมิทันได้มีโอกาสตอบโต้อย่างเต็มกำลัง
สร้างความหวาดหวั่นพรั่นพรึงแก่ชายฉกรรจ์ที่เหลือเป็นอย่างมาก
จะต้องเป็นสตรีแบบไหนกันถึงได้แผ่จิตสังหารออกมาได้มากมายเช่นนี้
นางเป็นนักล่าค่าหัวหรือคนของฮ่องเต้แห่งหลินหลางกันแน่
"บังอาจนัก! เจ้าเป็นคนของผู้ใดถึงได้กล้าตามล่าข้ามาถึงที่นี่" เสียงคนในรถม้าร้องถาม หัวคิ้วขมวดมุ่นด้วยขุ่นเคืองในใจนัก
เพียงฟังจากน้ำเสียงหวานๆที่เปล่งสั่งการแล้ว
คนด้านนอกหาใช่บุรุษไม่ แต่เหตุใดเล่าแคว้นหลินหลางจึงส่งสตรีมาตามล่าเขา ทำเช่นนี้จะมิเป็นการดูถูกกันเกินไปหรอกหรือ
"ไยมิออกมาดูคนขององค์ชายก่อน มิว่าข้าจะเป็นคนของผู้ใด
สิ่งที่ท่านควรรู้ไว้คือต่อให้ข้าต้องข้ามแดนไป ข้าก็จะลากตัวท่านกลับมาให้ได้" หญิงสาวส่งเสียงตอบ
ในขณะที่สนทนากันเสียงกระบี่และดาบยังคงกระทบกระทั่งกันมิหยุด
มีทั้งบาดเจ็บสาหัสและล้มตายตลอดเส้นทาง ในที่สุดคนของหญิงสาวเพียงมิกี่สิบคน
ก็สามารถตีขนาบเข้าล้อมรอบรถม้า และยับยั้งกลุ่มชายชุดดำที่เหลือไว้ได้
ก่อนที่พวกเขาจะถึงเขตชายแดน
"องค์ชายจะมิออกมาเจอกันหน่อยหรือ" นางเอ่ยถาม
ขณะบังคับม้าให้เดินขึ้นหน้ามา
ได้ยินอีกฝ่ายท้าทายม่านหน้ารถม้าจึงถูกเปิดออก
บุรุษร่างสูงแต่งกายด้วยอาภรณ์เนื้อดี เดินลงมาจากรถม้าด้วยท่าทางสุขุม
ทั้งที่ในใจจะหวั่นเกรงภัยตรงหน้ามิน้อย
บุรุษหนุ่มมองตรงไปยังสตรีบนหลังม้าสีขาวสง่างาม
ที่มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นม้าชั้นยอดที่มิได้หาซื้อมาครอบครองได้ง่ายๆ
ท่าทางอวดดีของนางแผ่กระจายภายใต้ผ้าปิดหน้าอย่างชัดเจน
บัดนี้เขารู้แล้วว่านางมาเพื่อยับยั้งเขาจริงๆ
"แม่นาง! เจ้าถูกว่าจ้างหรือรับคำสั่งผู้ใดมา บอกข้าได้รึไม่" องค์ชายใหญ่แห่งแคว้นเป่ยหมิงเอ่ยถาม หากต้องตายอยู่ต่างแคว้นจริงๆ
อย่างน้อยเขาก็สมควรรู้ว่าผู้ใดสั่งการลงมา
หญิงสาวขยับยิ้มภายใต้ผืนผ้า
ทว่ายังมิทันได้เอ่ยตอบ ผู้ติดตามของนางก็เข้ามารายงาน
"คนของชินอ๋องกำลังมาที่นี่ขอรับ เกรงว่าข่าวคงไปถึงวังหลวงเรียบร้อยแล้ว"
“ชินอ๋องรึ…” หญิงสาวทวนคำพูด นางเคยได้ยินชื่อเสียงของพระอนุชาในองค์ฮ่องเต้
ทว่ายังมิเคยพบบุรุษผู้เก่งกาจลือเลื่องผู้นั้นสักครั้ง
"คนของจ้าวเว่ยหลงกำลังมารึ
เช่นนั้นแม่นางเองก็เป็นคนของตำหนักชินอ๋องด้วยสินะ"
ถ้อยคำรายงานระยะเพียงมิถึงหนึ่งจั้ง
องค์ชายใหญ่ผู้ฝึกวรยุทธ์ตั้งแต่ยังเยาว์จึงสามารถจับใจความได้
และทึกทักเรื่องราวเองเสียเสร็จสรรพ
เขามิคิดเลยว่านอกจากองครักษ์พยัคฆ์จันทราแล้ว
ชินอ๋องแห่งหลินหลางยังมีสตรีฝีมือดีไว้ใช้งานอีกด้วย
"น่าเสียดายที่องค์ชายเดาผิด มิมีผู้ใดสั่งการ แต่ข้าพาคนมาด้วยตัวข้าเอง" หญิงสาวเอ่ยขัดก่อนที่องค์ชายจะโยงนางไปข้องเกี่ยวกับบุรุษผู้นั้นไปมากกว่านี้
นางมิได้มาเพราะฮ่องเต้หรือชินอ๋องอะไรนั่น
เพราะคนเหล่านั้นหาได้สำคัญพอที่นางจะเสี่ยงภัยมาถึงที่นี่ไม่
“มิใช่คนของชินอ๋องจริงๆรึ” องค์ชายใหญ่ยังแคลงใจมิหาย
“บอกว่าไม่
ย่อมแปลว่าไม่”
หญิงสาวให้ความกระจ่างเพียงแค่นั้น ด้วยมิคิดเอ่ยสิ่งใดให้มากความ
ก่อนจะขยับพลิกฝ่ามือซัดเข็มพิษใส่ชายชุดดำที่เหลือ
เพื่อจัดการอีกฝ่ายให้สิ้นเรื่องก่อนที่คนจากวังหลวงจะมาถึง
ทำให้บัดนี้เหลือเพียงองค์ชายใหญ่แห่งเป่ยหมิงที่ยืนรอความตายเพียงลำพัง
บุรุษหนุ่มมองคนของตนที่ถูกสังหารลงในพริบตาก็ถึงกับหน้าซีด
อาวุธลับที่สตรีนางนี้ใช้ช่างร้ายกาจยิ่งนัก
"หากแม่นางมาด้วยตัวเอง บอกได้รึไม่ว่าข้าทำสิ่งใดให้แม่นางมิพอใจ" องค์ชายใหญ่แสร้งตีสีหน้ามิร้อนรน ทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยไฟโทสะ
เมื่อเห็นว่าการใช้อาวุธลับของนางนั้นแม่นยำนัก
นั่นหมายถึงนางมีพลังปราณและวรยุทธ์ที่ค่อนข้างดีทีเดียว
เพียงลำพังตัวเขาจึงมิอาจทำการบุ่มบ่ามได้
"แค่องค์ชายก้าวขามาเหยียบเมืองเฟิ่งเซียงก็นับว่าผิดมหันต์แล้ว
เด็กๆจับองค์ชายมัดไว้" นางตอบและสั่งการในคราเดียว
ทำให้องค์ชายมิอาจดิ้นรนขัดขืนได้
หญิงสาวมองดูองค์ชายใหญ่แห่งเป่ยหมิงถูกจับมัดติดกับรถม้า
พลันใบหูนางขยับไหวเล็กน้อย
เมื่อมีเสียงกีบม้าจำนวนมิต่ำกว่าสิบตัวกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้
"ถอย!" นางส่งเสียงสั่งอีกครั้ง
เพราะมิคิดจะสังหารองค์ชายเป่ยหมิงด้วยมือตนเอง
ตอนที่
2
แม่นางน้อยแห่งหลินหลาง
หลังส่งมอบคนให้ท่านอ๋องผู้มาจากวังหลวงแบบมิตั้งใจแล้ว หญิงสาวเจ้าของหมาป่าทั้งสองก็มุ่งหน้ามายังหัวเมืองเฟิ่งเซียง ซึ่งมี 'แม่ทัพใหญ่ลั่วจินหลง' บัญชาการดูแลหัวเมืองหน้าด่านแห่งนี้
เมื่อเสี่ยวไป๋มาถึงประตูเมือง ทหารที่อยู่บนกำแพงเมืองก็ร้องบอกคนด้านล่างให้เปิดประตูให้นางทันที
หญิงสาวภายใต้อาภรณ์ขาวบริสุทธิ์โพกผ้าปิดหน้าสีดำบังคับม้าให้เข้าไปหยุดตรงทหารยามหน้าประตู
คงมีเพียงนางที่สามารถเข้าเมืองมาอย่างง่ายดาย โดยที่ยังมีผืนผ้าปิดบังใบหน้าอยู่
หากเป็นผู้อื่นคงถูกทหารล้อมไว้หมดแล้ว
"แม่นางน้อยมาหาท่านแม่ทัพหรือขอรับ" ทหารเล็กๆนายหนึ่งเอ่ยถาม เขามิจำเป็นต้องให้นางเปิดหน้า
เพราะเพียงแค่กลิ่นหอมละมุนของผิวกายที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในแคว้น
ก็เพียงพอแล้วที่จะยืนยันตัวตนของนางได้
"แม่ทัพลั่วอยู่รึไม่" นางเอ่ยถาม
"คาดว่าท่านแม่ทัพยามนี้น่าจะอยู่ที่จวนขอรับ" นายทหารตอบ นางจึงยื่นขวดกระเบื้องเคลือบเนื้อดีขวดหนึ่งส่งให้เขา
นายทหารรับมาถือไว้อย่างนอบน้อมปนสงสัยยิ่งนัก
“สิ่งนี้คือ....”
"เป็นยาบำรุงครรภ์ ภรรยาของเจ้ากำลังตั้งครรภ์ลูกคนแรกอยู่
เจ้าเองก็มาประจำอยู่หน้าประตูเมือง คงมิมีเวลาพานางไปโรงหมอใช่รึไม่
เจ้าให้นางกินยาบำรุงนี้วันละเม็ดเถิด เด็กจะได้แข็งแรง" หญิงสาวคลายข้อสงสัย นายทหารได้ฟังก็ถึงกับน้ำตาคลอหน่วย
เขาจำได้ว่าคราวที่แล้วตอนนางมาถึงหน้าประตู
เขาคุยกับเพื่อนทหารอีกนายอย่างตื่นเต้นว่าภรรยาของเขาได้ตั้งครรภ์ลูกคนแรกแล้ว
มิคิดเลยว่าเพียงแค่การคุยกันของพวกเขานั้น
จะทำให้นางใส่ใจและนำยามาให้เขาในวันนี้
"ขอบคุณแม่นางน้อย
ขอบคุณขอรับ!" นายทหารหนุ่มเอ่ยอย่างซาบซึ้ง
น้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาของชายชาตินักรบซึมไหลออกมาเล็กน้อย
จนทำรุ่นพี่ทหารด้วยกันขบขันออกมาอย่างเอ็นดู
นายทหารของหัวเมืองเฟิ่งเซียงแห่งนี้มิมีผู้ใดมิรู้จัก 'แม่นางน้อยแห่งหลินหลาง' นางเก่งกาจเรื่องยาสมุนไพรและการใช้พิษ
มักจะนำยารักษาบาดแผลมาให้ที่ค่ายทหารอยู่เสมอ ทหารทุกคนในค่ายต่างเข้าใจว่านางเป็นสตรีคนสำคัญของท่านแม่ทัพใหญ่ลั่วจินหลง
และคาดหวังว่าจะได้เห็นทั้งสองครองคู่กันในอนาคต
“แม่นางน้อยช่างมีน้ำใจยิ่งนัก”
“นั่นสิ! ท่านแม่ทัพของพวกเรานับว่าวาสนาดียิ่ง ทั้งสู้รบเก่งกาจ
รูปโฉมงดงาม แถมยังมีแม่นางน้อยเป็นว่าที่ภรรยาอีก”
หญิงสาวได้ฟังก็ขยับยิ้มอย่างขบขันกับถ้อยคำเยินยอนั้น
นางบังคับม้าเข้ามาในจวนแม่ทัพ
และปล่อยให้คนพาเสี่ยวไป๋ไปกินน้ำกินหญ้าตรงบริเวณที่ถูกจัดไว้ให้โดยเจ้าของจวน
ภายในห้องหนังสือบุรุษหนุ่มรูปงามติดอันดับหนึ่งในห้าของแคว้นหลินหลางนามลั่วจินหลง แม่ทัพใหญ่ประจำหัวเมืองเฟิ่งเซียง
กำลังนั่งอ่านม้วนรายงานที่กองอยู่บนโต๊ะด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"ท่านพี่!
งานยุ่งหรือเจ้าคะ" เสียงหวานกังวานของหญิงสาวเรียกสายตาของชายหนุ่มให้มาหยุดอยู่ที่นาง
"หลิงเอ๋อร์!
จะมาทำไมมิบอกพี่ นี่เจ้ามาคนเดียวรึ เหตุใดมิให้เจี้ยนหาวมาด้วย" ลั่วจินหลงรีบลุกมาหานาง สายตากวาดมองไปทั่วดวงหน้าสวยของผู้เป็นน้องสาวร่วมสายเลือด
"คนของน้องรออยู่นอกเมือง
ที่มาเพราะจะคุยเรื่องสายลับเป่ยหมิงเท่านั้น" นางมิอ้อมค้อม
รีบเปิดประเด็นที่เดินทางมาหาผู้เป็นพี่ชายทันที
หญิงสาวเล่าให้ผู้เป็นพี่ชายฟังถึงเรื่องที่นางได้เบาะแสสายลับเป่ยหมิงมา
และยังรู้ด้วยว่าเป็นองค์ชายใหญ่เซียงเฟยเหยาที่ลอบเข้าแคว้นมาด้วยตัวเอง
พวกเขาได้วางกำลังส่วนหนึ่งไว้ทั่วหลินหลาง และกำลังจะลอบกลับแคว้นเป่ยหมิง
โดยใช้ด่านเมืองเฟิ่งเซียงเป็นทางผ่าน หากนางปล่อยให้องค์ชายใหญ่ผ่านด่านไปได้
ผู้ที่จะถูกลงโทษสถานหนักคงไม่พ้นแม่ทัพใหญ่เช่นลั่วจินหลง
"เจ้าเลยส่งองค์ชายเซียงเฟยเหยาให้ท่านอ๋องเก้ารึ
ประมาทไปรึไม่" ลั่วจินหลงน้ำเสียงเข้มขึ้นคล้ายกำลังดุนาง
น้องสาวของเขาทำการอุกอาจไล่ล่าตัวองค์ชายต่างแคว้นก็ถือเป็นเรื่องมิสมควร
เพราะนางมิมีส่วนเกี่ยวข้องกับกองทัพ หรือสังกัดองครักษ์หน่วยไหนทั้งสิ้น
ตอนนี้นางยังส่งคนให้ท่านอ๋อง ผู้รับหน้าที่มาตามจับสายลับต่างแคว้น
ป่านนี้ท่านอ๋องมิสั่งคนพลิกแผ่นดินหาตัวนางแล้วรึ
“เจ้าพาอาหยินอาหยางมาด้วยรึไม่”
ลั่วจินหลงเอ่ยถาม ด้วยฉุกคิดขึ้นมาได้
“เอ่อ...พามาเจ้าค่ะ
คือน้องมิคิดว่าเรื่องมันจะเป็นเช่นนี้” นางอ้อมแอ้มตอบ
ก่อนส่งรอยยิ้มเจื่อนให้ผู้เป็นพี่ชาย
“เฮ้อ! พี่จะทำอย่างไรกับความบ้าบิ่นของเจ้าดี” แม่ทัพหนุ่มเอ่ยอย่างอ่อนใจ
"เรื่องนั้นมันกระทันหันเกินไป
น้องมิคิดว่าท่านอ๋องอะไรนั่นจะมาที่ชายแดน
น้องเพียงจะจับตัวสายลับมาส่งท่านพี่เท่านั้น จริง ๆนะเจ้าคะ" นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด เพราะเกรงว่าพี่ชายจะตกที่นั่งลำบาก
จึงนำคนมายับยั้งองค์ชายใหญ่ไว้ แต่ใครเล่าจะรู้เล่าว่าท่านอ๋องจะมาที่ชายแดน คนมิมีความเกี่ยวข้องเช่นนาง
มิสามารถอยู่พบท่านอ๋องได้ จึงทำได้เพียงส่งคนให้เท่านั้น
"เอาเถิดอย่าเพิ่งกังวลไป
เจ้ารีบกลับเข้าเมืองไปก่อน คอยฟังข่าวจากพี่
บางทีท่านอ๋องอาจจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปก็ได้" ลั่วจินหลงว่า
ยกมือขึ้นขยี้เส้นผมนุ่มสลวยของนางอย่างเอ็นดู
"อื้อ!
ท่านพี่ดูแลตัวเองนะ ขาดเหลือสิ่งใดส่งคนไปบอกน้อง
สักวันฝ่าบาทต้องเรียกตัวท่านพี่กลับไปแน่" นางบอกย้ำ
แม่ทัพลั่วจินหลงเป็นพี่ชายแท้
ๆของนาง เขาถูกส่งตัวมาประจำการยังเมืองเฟิ่งเซียง หลังจากท่านอ๋องเก้าซึ่งเป็นพระอนุชาแท้
ๆขององค์ฮ่องเต้รบชนะ และทำการยึดเมืองไว้ได้ครั้งนั้น
เรื่องการโยกย้ายหน้าที่เกิดขึ้นหลังจากฮ่องเต้แห่งแคว้นหลินหลางพระองค์ก่อนสิ้นพระชนม์ลง 'จ้าวเซียงหลง' ซึ่งเป็นองค์รัชทายาทอันดับหนึ่งก็สถาปนาตนเองขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ต่อจากพระบิดา
ขณะนั้นบ้านเมืองหาได้สงบสุขเช่นนี้ไม่
เพราะต่างแคว้นจ้องโจมตีช่วงเปลี่ยนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ พวกเขาต้องการแย่งชิงดินแดน
ซ้ำภายในแคว้นยังมีขุนนางชั่วโฉดอย่าง 'ลี่จวิ้นหยาง' ก่อการกบฏ
ท่านอ๋องเก้า 'จ้าวเว่ยหลง' ในฐานะพระอนุชาจึงเข้าปกป้องพระเชษฐาด้วยการออกทำศึก
ต้านทั้งศึกในและศึกนอก บุรุษหนุ่มได้นำ 'องครักษ์พยัคฆ์จันทรา' ซึ่งเป็นกองกำลังที่เขาฝึกฝนด้วยตนเองร่วมต้านไปพร้อมทัพหลวง
และได้รับการสนับสนุนจาก 'กองกำลังปักษาอัคคี' ของตระกูลลั่ว และ 'กองกำลังสยบวารี' ของตระกูลเจียง ทำให้สามารถพาแคว้นหลินหลางรอดพ้นจากกบฏ และต่างแคว้นที่เข้ามารุกรานได้ในที่สุด
ความดีความชอบจากเหตุการณ์ใหญ่ครั้งนั้น
องค์ชายจ้าวเว่ยหลงได้ถูกแต่งตั้งเป็นชินอ๋องผู้สืบทอดราชบัลลังก์ 'เจียงจื่อหยา' ผู้นำตระกูลเจียงแห่งกองกำลังสยบวารีได้รับแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีฝ่ายซ้าย
และ 'ลั่วเหลียงเว่ย' ผู้นำตระกูลลั่วแห่งกองกำลังปักษาอัคคีได้รับแต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีฝ่ายขวา
เพื่อช่วยเหลือราชกิจใกล้ชิดองค์ฮ่องเต้
ระยะเวลาเพียงมิถึงครึ่งปีชินอ๋องจ้าวเว่ยหลงยังได้นำทัพหลินหลางเข้าตีเมืองปกครองตนเองโดยรอบแคว้น
เพื่อให้เมืองเหล่านั้นกลายเป็นเมืองขึ้นของหลินหลาง และเป็นปราการด่านแรกสำหรับต้านทัพศึก
มิว่าศึกใหญ่น้อยท่านอ๋องจ้าวเว่ยหลงล้วนมิเคยทำให้ฮ่องเต้ผิดหวัง
เขาสังหารกบฏและข้าศึกนับหมื่นนับแสน เพียงได้ยินชื่อ 'พยัคฆ์เก้าแห่งหลินหลาง'นำทัพมา ก็ทำให้ศัตรูหายใจลำบากเสียแล้ว
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!