☆ ปฐมบท ☆
ณ โรงเรียนมัธยมโทโมยะ โรงเรียนที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียว โรงเรียโทโมยะเป็นโรงเรียนที่เคยมีชื่อเสียงโด่งดัง และเป็นสถานศึกษาที่สั่งสอนลูกขุนนาง และชนชั้นสูงในสมัยนั้น แต่เมื่อสามปีก่อนเกิดวิกฤตหลายๆอย่าง ทำให้มีนักเรียนเข้าเรียนน้อยลงและขาดนักเรียนที่มีความสามารถไป
ทำให้ชื่อเสียงของโรงเรียนนั้นลดลง แต่เมื่อปีที่แล้วโรงเรียนได้มีนักเรียนใหม่ที่มีความสามารถรอบด้านมา โดยมีหนุ่มสาวมัธยมปลายปี1 อยู่4คน ทั้ง4คนต่างเป็นสภานักเรียนผู้มีความสมารถมากล้น เข้าขั้นอัจริยะ จนได้รับขนานนามว่า
‘ จตุรเทพราชันย์แห่งโทโมยะ’
“อ้า......นั้นมัน…..จตุรเทพราชันแห่งโทโมยะ”
เสียงเจี๊ยวจ๊าวของนักเรียนชายหญิงในโรงเรียนโทโมยะ ทั้ง4คนเดินตามกันมา คนแรกเดินนำมา มีนามว่า ‘อาคาบาเนะ ยาโบคุ’ นักเรียนชั้นมัธยมปลายปี1 ห้องA เป็นประธานนักเรียน ยาโบคุเป็นนักเรียนปี1 คนแรกที่ได้เป็นประธานนักเรียน ที่ได้เป็นประธานนั้นได้มาเพราะความสามารถของตัวเองทั้งนั้น ทั้งด้านการเรียนได้ที่1 ของระดับชั้น ด้านความสามารถด้านศิลปะดนตรี ทัศนศิลป์ ด้านวิชาการ ด้านวิชาสังคม ด้านวิทยาศาสตร์ ด้านการต่อสู้ ชำนาญด้านวิชาอาวุธยาว ดาบ ธนู และการต่อสู้ระยะประชิด โดยเฉพาะ หอก ดาบ ธนู และกังฟู
ถือว่าชำนาญมาก ไม่ว่าจะลงแข่งขันสักกี่ครั้งก็ไม่เคยพ่ายแพ้เลยสักครั้ง และมีความสนใจในภูมิปัญญายุคเก่า ทั้งด้านการสร้างเมือง การวางผังเมือง การชลประทาน สาธารณสุข และอื่นๆอีกมากมาย
ผู้หญิงที่เดินอยู่ข้างๆยาโบคุนั้นมีนามว่า ‘ฟูจิวาระ มีนะ’ นักเรียนชั้นมัธยมปลายปี1 ห้องA เป็นรองประธานนักเรียนของโรงเรียนโทโมยะ เป็นผู้หญิงที่ได้รับขนานนามว่าเป็นหนึ่งใน3เทพธิดาแห่งโรงเรียนโทโมยะ นั้นคือ ผู้หญิงที่มีความงามและความสามารถเพียบพร้อม มีนะเป็นที่ชื่นชอบของนักเรียนโรงเรียนโทโมยะ ด้วยความงามราวเทพธิดา ความสามารถที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะ ทั้งการเรียนอยู่ในลำดับที่ 2 ของระดับชั้น
ด้านวิชาการมีความรู้เกี่ยวกับเคมี ชีวะเป็นพิเศษ มีความสามารถด้านยา สมุนไพร ยาแผนโบราณ ทั้งยังมีความสามารถด้านการทำอาหารที่เป็นเลิศ ผู้ใดได้ลิ้มลองสักครั้งหนึ่ง จะต้องติดใจและอยากที่จะรับประทานอีกครั้งให้ได้
ทั้งความสามารถด้านการแพทย์เนื่องด้วยพ่อและแม่เป็นแพทย์ที่มีฝีมือลำดับต้นๆของประเทศ มีนะจึงได้รับวิชาความรู้ด้านการแพทย์มามากพอสมควร มีนะยังสนใจในเรื่องประวัติศาสตร์ของการแต่งกายของทั้งญี่ปุ่นเองและต่างประเทศเช่น จีนและเกาหลี และยังได้เรียนรู้การเย็บปักถักร้อย การทอผ้า และอื่นๆที่เกี่ยวข้องอีกมากมาย
ด้านศิลปะการป้องกันตัวก็เป็นเลิศ เช่น กีฬาเทควันโด การยิงธนู ระบำพัด ดาบคาตานะ ไม่ว่าจะลงแข่งกี่ครั้ง มีนะก็ไม่เคยแพ้ให้ใครเลย แสดงให้เห็นถึงความแข่งแกร่งและความเก่งกาจเป็นอย่างมาก
ผู้ชายที่เดินตามหลังของยาโบคุมา คนที่ดูเข้มขรึมและหน้านิ่งตลอดเวลา มีนามว่า ‘โทโตกิ นัตสึเมะ’ เป็นผู้ชายที่หน้าตาไม่รับแขก มีความดูน่ากลัว เพราะว่าทำหน้านิ่งอยู่ตลอดเวลาเหมือนไม่มีความรู้สึกอะไรเลย และไม่ค่อยพูด จะพูดแต่กับคนที่สนิทมากๆเท่านั้น แต่เรื่องการเรียนกับมีผลการเรียนที่สูงมาก อยู่ในลำดับที่ 3 ของระดับชั้น
นัตสึเมะมีความสนใจในเรื่องสงครามที่เคยเกิดขึ้น ทั้งยังศึกษาในด้านกลยุทธ์ทางการทหาร อาวุธยุทโธปกรณ์ และสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสงคราม และยังมีความสามารถในด้านเศรษฐศาสตร์ ด้านการบริหารจัดการการเงิน และทางด้านพ่อของนัตสึเมะ ยังเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จึงได้รับความสามารถด้านการบริหารจัดการ จนได้รับความไว้วางใจให้ได้รับตำแหน่งฝ่ายการเงินและสินทรัพย์ในสภานักเรียน นับว่าเป็นบุคคลที่มีความสามารถมากๆคนหนึ่งในสภานักเรียน
ผู้หญิงที่เดินตามหลังของมีนะมานั้น มีนามว่า ‘อาโออิ สุมิโกะ’ เป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ จนได้รับขนานนามว่าหนึ่งใน 3 เทพธิดาแห่งโรงเรียนโทโมยะ สุมิโกะ เป็นผู้หญิงที่ดูยิ่งใหญ่จนไม่กล้าเข้าไปใกล้ สุมิโกะมีความสนใจในการออกเเบบสถาปัตยกรรมต่างๆ การออกแบบเครื่องประดับต่างๆ
มีความสามารถด้านการเรียนเป็นลำดับที่4ของระดับชั้น และยังสนใจเรื่องรัฐศาสตร์ เกี่ยวกับด้านกฎหมายอีกด้วย ด้านศิลปะการป้องกันตัว เรียนรู้วิชายูโดจนชำนาญ เรียนรู้วิชาเกี่ยวกับสืบคดีการเป็นสายลับ เพราะมีพ่อเป็นตำรวจระดับสูงจึงได้เรียนรู้มาด้วย และยังเรียนรู้วิชาลอบสังหารมาแบบลับๆด้วย และยังมีตำแหน่งเป็นเลขานุการของประธานนักเรียนโรงเรียนโทโมยะ นับเป็นผู้หญิงที่สุดยอดอีกคนนึงเลย
ทั้ง 4 คนต่างเป็นผู้ที่มีความสามารถในโรงเรียน ทั่งยังเป็นที่ชื่นชอบและรักใคร่ของทั้งคุณครูและนักเรียนในโรงเรียน ถื่อเป็นบุคคลที่พึ่งพาได้มากๆไม่เคยทำให้นักเรียนผิดหวังเลย
ตั้งแต่คณะกรรมการนักเรียนชุดนี้เข้ามาบริหารทำให้โรงเรียนโทโมยะ เริ่มมีการพัฒนาและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมาก เพราะประธานนักเรียนได้เล็งเห็นถึงจุดบกพร่องต่างๆภายในโรงเรียน และได้เริ่มแก้ไขอย่างตรงจุด และได้รับความร่วมมือจาก คณะกรรมการนักเรียน และนักเรียน
จึงทำให้โรงเรียนโทโมยะ ได้รุ่งเรืองขึ้นเป็นอย่างมาก แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมายสักเพียงใด คณะกรรมการนักเรียนก็ฟันฝ่ามันไปได้ด้วยดีเสมอมา ก็เพราะมีประธานที่มีความสามารถและความเป็นผู้นำทีสูง ทั้งรองประธานที่คอยเอาใจใส่นักเรียน ทั้งผ่ายการคลังที่คอยบริหารงบประมาณ ทั้งเลขาที่คอยให้ความช่วย เหลื่อ ทั้งคณะครูที่คอยสนับสนุน ทั้งนักเรียนที่คอยให้ความร่วมมือ
โรงเรียนโทโมยะจึงไต่เต้าอันดับขึ้นมาเป็นโรงเรียนดีเด่นลับดับที่2ได้ ภายในไม่ถึง 1 ปี นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องพิสูจน์ ที่ทำให้เห็นถึงความสามารถของคณะกรรมการนักเรียนชุดนี้ เนื่องด้วยความสำเร็จนี้ทำให้ทั้ง 4 คนที่เป็นคณะกรรมการนักเรียน ได้รับการเชิดชูเกียรติให้เป็นบุคคล สำคัญของโรงเรียนโทโมยะตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ทำให้คณะกรรมการนักเรียนทั้ง 4 คน กลายเป็นที่โด่งดังในโรงเรียนโทโมยะและโรงเรียนข้างเคียง เพราะความสามารถของนักเรียนทุกคน
ทำให้โรงเรียนโทโมยะเป็นที่รู้จักมากขึ้น และไม่ว่าจะลงแข่งขันอะไรก็สามารถชิงอันดับต้นๆ ของการแข่งขันนั้นๆได้ นั่นคือผลของความพยายามของทุกคน ในโรงเรียนโทโมยะ ที่อยากจะฟื้นฟูชื่อเสียงของโรงเรียนให้กลับมาเป็นที่รู้จักอีกครั้ง ที่โรงเรียนโทโมยะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งไม่ใช่เพราะ คณะกรรมการนักเรียนเพียงกลุ่มเดียวแต่เป็นเพราะความร่วมมือของทั้งคณะครู นักเรียน บุคลากร ทุกคนของโรงเรียนโทโมยะ ที่ช่วยกันพัฒนาจนโรงเรียนโทโมยะกลับมารุ่งเรืองและมีชื่อเสียงอีกครั้ง
☆ บทที่ 1 จุดเปลี่ยนแห่งชีวิต☆
ในวันธรรมดาๆวันหนึ่ง ณ ห้องคณะกรรมการนักเรียน มีชายหญิงอยู่สี่คนนั่งประชุมเรื่องงานเทศกาลของโรงเรียนโทโมยะที่กำลังจะเริ่มในอีกหนึ่งสัปดาห์ ที่โรงเรียนโทโมยะนั้นในทุกๆปีจะมีงานใหญ่ๆอยู่สี่งานทั้งสี่งานจะจัดอยู่ในช่วงเวลาที่ไล่เลี้ยกัน ทำให้ในช่วงท้ายของปีการศึกษาทางคณะกรรมการนักเรียนจะยุ่งกันเป็นพิเศษ
“วันนี้เราจะประชุมกันเรื่องงานเทศกาลโรงเรียนนะ”
ยาโบคุเอ่ยขึ้นเช่นนั้นทำให้อีกสามคนต่างนำเอกสารประกอบการประชุมขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากนั้นทั้งสี่คนก็เริ่มประชุมกันจนตกเย็น
“เอาหล่ะการประชุมในวันนี้พอแค่นี้ก่อน”
เสียงของยาโบคุดังขึ้นทำให้บรรยากาศรอบๆดูผ่อนคลายลง
“วันนี้เราไปกินราเม็งกันไหม”
“ก็ดีนะคะ นานๆทีเราจะได้คุยเรื่องทั่วไปกัน แบบนี้มีความรู้สึกว่าเหมือนเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆสักครังบ้าง”
“ก็ดีเหมือนกันฉันมีร้านราเม็งเจ้าประจำอยู่ด้วนนะ ไปร้านนั้นกันไหมคะ”
สุมิโกะพูดขึ้นในคณะที่ยาโบคุและมีนะกำลังคุยกัน ส่วนนัตสึเมะแค่พยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้างั้นเราไปกินร้านที่มิโกะจังบอกกันเถอะ”
เสียงของยาโบคุเป็นเหมือนสัญญานที่ทำให้ทุกคนเก็บข้าวของและเดินออกจากห้องและมุ่งหน้าไปที่ร้านราเม็งที่สุมิโกะบอก
... ◇♡◇...
“นี้น่ะหรอร้านที่มิโกะจังพูดถึงน่ะ ดูมีความเป็นญี่ปุ่นแท้เลยนะ”
“ใช่ค่ะ ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ที่สืบทอดมาหลายรุ่นแล้วค่ะ ยังคงรูปแบบดั่ง เดิมไว้ไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ”
ยาโบคุชอบความเป็นญี่ปุ่นแบบสมัยก่อนอยู่แล้ว ทำให้ยาโบคุรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
“ร้านสวยดีนะคะ พวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะค่ะ”
มีนะยิ้มอย่างดีใจและเชิญเพื่อนๆทั้ง3เข้าไปในร้าน ทั้ง4คนพอกินราเม็งเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
... ◇♡◇...
เวลาผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ งานเทศกาลโรงเรียนได้เริ่มขึ้น ทุกคนในโรงเรียนต่างมีความสุขกับงานเทศกาลที่จัดขึ้นในครั้งนี้ ทุกๆครั้งงานเทศกาลโรงเรียนจะจัดขึ้นก่อนงานเทศกาลปีใหม่ และทางนักเรียนก็จะฉลองปีใหม่ไปพร้อมกับงานเทศกาลโรงเรียนด้วย เวลาผ่านไป 3 วันงานเทศกาลโรงเรียนได้จบลง ก่อนงานเทศกาลเรียนจะจบลงในคืนนั้น มีงานสำคัญก่อนจะจบงานเทศกาลนั่นคือการเต้นรำรอบกองไฟ มีความเชื่อว่าถ้าได้เต้นรำกับใครในคืนนั้นจะทำให้อนาคตได้คู่กัน จึงเป็นช่วงเวลาที่หนุ่มสาวต่างพากันไปขอกันเต้นรำ ทั้งยาโบคุและมีนะ ก็ได้ไปเต้นรำคู่กันด้วย และนัตสึเมะซุมิโกะก็ได้เต้นรำคู่กัน ทั้ง 2 คู่นั้นเปรียบเสมือนคู่เอกในงาน สายตาของทุกคนต่างจ้องมองไปที่ทั้ง 2 คู่ ที่เต้นรำกันรอบกองไฟ อย่างสง่างาม และคู่อื่นๆของนักเรียนก็ลงไปเต้นรำตาม และได้จบงานเทศกาลโรงเรียนอย่างเพอร์เฟค
“ ในที่สุดค่ำคืนนี้ก็จบลงแล้ว รู้สึกสบายใจจังที่งานครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ก็เพราะทุกๆคน ให้ความร่วมมือและช่วยเหลือกันเสมอมา ขอให้ทุกคนมีความสุขตลอดไปนะ”
ยาโบคุ ได้ขึ้นไปพูดบนเวทีถือเป็นการจบงานเทศกาลโรงเรียนอย่างเป็นทางการ
ทุกคนต่างมีความสุขกับงานเทศกาลโรงเรียนที่ได้จัดขึ้น
หลังจากนั้นโรงเรียนก็หยุดเพื่อให้ทุกคนได้ไปพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัวในช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ละครอบครัวก็จะจัดงานเลี้ยงกันภายใน ตระกูลของยาโบคุก็เช่นกัน ตระกูลของยาโบคุเป็นตระกูลเชื้อพระวงศ์ ทำให้งานปีใหม่ของตระกูลอาคาบาเนะ เป็นไปอย่างอึกกระทึกครึกโครมเพราะว่า ตระกูลอาคาบาเนะเป็นตระกูลใหญ่ มีตระกูลสาขาอีกมากมาย และยังต้องไปร่วมงานเลี้ยงของเหล่าเชื้อพระวงศ์และราชนิกูลอีก ทำให้ยาโบคุแทบไม่ได้พักผ่อนเลย
หลังผ่านพ้นงานเทศกาลโรงเรียนและงานเทศกาลปีใหม่ไป ทางโรงเรียนยังเหลือกิจกรรมอีก 2 กิจกรรม คือกิจกรรมทัศนศึกษา และงานพิธีจบการศึกษา
... ◇♡◇...
วันนี้ทางคณะกรรมการนักเรียนจะประชุมกัน ในเรื่องของงานกิจกรรมนักศึกษาที่จะมีขึ้นในอีก 1 สัปดาห์ ทางคณะกรรมการนักเรียนได้ตกลงกับคณะครูว่าจะไปทัศนศึกษากันที่ เกียวโตและปราสาทโอซาก้า หลังจากประชุมเสร็จก็ได้แจ้งไปให้นักเรียนทุกคนรับรู้ว่าเราจะไปทัศนศึกษา 3 วัน 2 คืน ที่เกียวโตและปราสาทโอซาก้า
“ตื่นเต้นจังเลยนะ อีกไม่กี่วันเราก็จะได้ไปทัศนศึกษากันแล้ว”
“ ใช่ๆรู้สึกตื่นเต้นมากเลยค่ะ จะได้ไปทัศนศึกษาครั้งแรกกับเพื่อนๆ”
มีนะและซูมิโกะพูดคุยกัน ยาโบคุและนัตสึเมะได้แต่พยักหน้า จากนั้นมีนะและซูมิโกะ ก็พูดคุยกันเรื่องต่างๆไปยาวเหยียด ใจความที่พูดเกี่ยวกับเรื่องการแต่งกายการแต่งหน้าตามสไตล์ของผู้หญิง
( บางครั้งฉันก็รู้สึกว่าผู้หญิงเข้าถึงยากยังไงก็ไม่รู้)
ยาโบคุพึมพำในใจและมองไปที่นัตสึเมะ
“นี้นัตสึคุง พวกเราจะไปที่ไหนกันก่อนดีในเกียวโต”
“ ฉันว่าเราไปที่ศาลเจ้าฟูชิมิ อินาริ ก็ดีเหมือนกันนะ”
ยาโบคุและนัตสึเมะ ได้พูดคุยกันไปสักพักจนหมดเวลาทั้ง 4 คนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ไปจัดข้าวของเพื่อเตรียมตัวไปทัศนศึกษา
“นี้มีนะจัง วันที่ไปอย่าลืมพกอุปกรณ์การแพทย์ อุปกรณ์การปฐมพยาบาลเบื้องต้นไปด้วยนะ เผื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือได้ทันท่วงที”
“ ไว้ใจได้เลย กันไว้ดีกว่าแก้ใช่ไหมล่ะ”
“ ใช่แล้ว หนักจะได้เป็นเบา ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้ แต่คงไม่เป็นไรหรอก”
“อย่าพูดอะไรแบบนั้นสิ”
ยาโบคุและมีนะก็พูดคุยกัน สักพักนึงก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับบ้าน
... ◇♡◇...
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่ทุกคนรอคอยนั่นก็คือวันงานกิจกรรมทัศนศึกษา
ที่จะพาไปที่เกียวโต และปราสาทโอซาก้า ทุกคนนำสัมภาระของตัวเอง ขึ้นไปเก็บไว้บนรถรถบัส รถบัส 1 คัน บรรทุกคนได้ประมาณ 30 คน นักเรียนในห้อง A มีจำนวน สมาชิก 25 คน ทำให้สภาพรถ ไม่แออัดจนเกินไป เมื่อถึงเวลารถบัส ก็ขับ ไปเรื่อยๆ ทุกคนก็คุยเล่นกันไปเรื่อยๆอย่างมีความสุขและตั้งหน้าตั้งตารอ
หลังนั่งรถไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ จู่ๆมีรถบรรทุกคันนึงสภาพเหมือน เบรคแตก กำลังวิ่งมาด้วยความเร็ว คนขับรถบัสจึงพยายามขับรถบัสหักหลบ เพื่อไม่ให้ชนกับรถบรรทุกแต่ไม่พ้น ทำให้รถบรรทุกชนเข้ากับรถบัสอย่างจัง
“เกิดอะไรขึ้น”
ยาโบคุ พยายามลุกขึ้นออกจากซากรถ มองไปรอบๆ เห็นสภาพรถที่ยับเยิน และเพื่อนๆที่นอนกองเลือดไหลนองเต็มพื้น ทันใดนั้นก็มีอีก 3 คนที่รู้สึกตัวและค่อยๆประคองตัวมาหายาโบคุ นั่นก็คือ มีนะ,ซุมิโกะ,นัตสึเมะ
“ทุกคนเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไหวหรือเปล่า”
สภาพของทั้ง 4 คน ถือว่าสาหัส แต่ทั้ง 4 คน ก็มองหน้ากันพร้อมพูดขึ้นว่า
“ ไหวพวกเรายังไหวอยู่”
จากนั้นทั้ง 4 คนก็ได้นำ อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้นที่ให้มีนะพกมาคราวนั้นนำมาช่วยเหลือเพื่อนๆทุกคนที่ติดอยู่ในซากรถ นำออกมาและปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เพื่อนๆครูและคนขับรถ จนทุกคนอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย
แต่ทั้ง 4 คน อาการหนักเพราะว่าเสียเลือดมาก กว่ารถพยาบาลจะมาถึงพวกเขาก็อาการร่อแร่ พวกเขาทั้ง 4 คนนั่งหลังชนกัน และภาพวันวานเก่าๆก็พุ่งเข้ามาในหัวของทั้ง 4 คน ชวนให้คิดถึงถึงความสุขและสิ่งที่ร่วมกันทำมาตลอด 1 ปี
“อย่างน้อยพวกเราก็ช่วยเหลือทุกคน ให้ปลอดภัยได้ถือว่าทำหน้าที่ของการเป็นคณะกรรมการนักเรียนได้ อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว”
ยาโบคุเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“ พวกเราคงไม่รอดจริงๆแล้วล่ะ อย่างน้อยฉันก็มีความสุขมากๆ ที่ได้อยู่กับพวกคุณนะคะ”
มีนะกล่าว แล้วตามด้วยซูมิโกะเเละนัตสึเมะ
“ ฉันดีใจที่ได้เป็นคณะกรรมการนักเรียนและได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพวกคุณนะคะ”
“ผมก็มีความสุขที่ได้รับโอกาสให้มาเป็นคณะกรรมการนักเรียน ผมรู้สึกขอบคุณพวกคุณมากๆเลยนะครับ”
ทั้ง 4 คนต่างพูดคุยกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะค่อยๆหมดลมหายใจ
จากนั้นไม่นานรถพยาบาลก็มาถึงแต่ก็สายเกินไปแล้วทั้ง4คนได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุแล้ว แต่การกระทำของพวกเขาก็ไม่สูญเปล่าทุกคนที่อยู่บนรถบัส คันนั้นปลอดภัยหมดทุกคนการกระทำของพวกเขาได้รับการเชิดชูเกียรติจากทางรัฐบาล และได้รับคำสรรเสริญจากประชาชนถ้วนหน้า
... ◇♡◇...
[ แจ้งเตือน…. ได้รับสกิล สร้างสรรค์สรรพสิ่ง]
[ แจ้งเตือน…. ได้รับสกิล ผู้หยั่งรู้ ]
[ แจ้งเตือน…. ได้รับสกิลมหาปราชญ์]
[ แจ้งเตือน…. ได้รับสกิลต้านทานความเจ็บปวดและต้านทาน อุณหภูมิ]
[ แจ้งเตือน…. ได้รับสกิลผู้สรรค์สร้างเวทย์มนต์]
[ แจ้งเตือน….เริ่มการวิวัฒนาการเป็นเทพ]
[ แจ้งเตือน…. วิวัฒนาการเป็นเทพสำเร็จ]
( ใครพูดอะไรเนี่ยหนวกหูจังเลย จะตายทั้งทีก็ขอตายอย่างสงบไม่ได้หรืออย่างไร)
[ แจ้งเตือน….ได้รับสกิลมหาเวทย์แห่งเสียง]
[ แจ้งเตือน…. ได้รับสกิลมหาเวทย์นพธาตุ]
[ แจ้งเตือน…. ได้รับสกิชใช้เวทย์ได้ทุกรูปแบบ]
(เห้อ…พูดแล้วยังไม่เงียบอีก ใครพูดเนี่ย)
[ แจ้งเตือน…. นี่คือเสียงจากสกิล มหาปราชญ์]
... ◇♡◇...
“ พวกท่านทั้ง 4 ลืมตาขึ้นได้แล้ว”
เสียงชายปริศนา พูดขึ้นเสียงนั้นเป็นเสียงที่นุ่มนวล ฟังแล้วรื่นหู เป็นเสียงที่ฟังแล้วชวนให้คล้อยตาม
“ อ้าว… นี่เรายังไม่ตายหรอ”
ยาโบคุพูด พลางชำเลืองมองดูรอบๆ เป็นสถานที่ ที่ดูสวยงามสะอาดตา รูปแบบเป็นเหมือน พระราชวังที่ยาโบคุ เคยไปมาก่อนดูความเรียบหรูสไตล์ญี่ปุ่นโบราณ
มองไป เห็นเพื่อนๆอีก 3 คน นั่งอยู่
“อ้าว….ทุกคน ยังไม่ตายกันหรอ”
“ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ”
มีนะตอบแล้วตามด้วย สุมิโกะและนัตสึเมะ
“ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือเสียใจดีนะ”
“ผม ก็ไม่เข้าใจสถานการณ์เหมือนกัน”
ทั้ง 4 คนอยู่ในอาการมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ ถ้างั้นเราก็คร่ำครวญสั่งเสียกันฟรีเลยสิ”
ยาโบคุเอ่ยขึ้น พร้อมทำหน้าละเหี่ยใจพอทั้ง 4 คนพูดคุยกันจบ ก็เหลือบมองไป ตรงหน้า มีผู้ชาย 2 คนผู้หญิง 1 คน นั่งอยู่ตรงข้างหน้าแต่งกายด้วยชุด ญี่ปุ่นแบบโบราณ พร้อมส่งยิ้มมาให้พวกเขา
“พวกท่านคือ…”
“ ถ้างั้นพวกเราขอแนะนำตัวกันเลยนะ”
ผู้ชายที่นั่งอยูตรงกลาง กล่าวขึ้นขัดยาโบคุขึ้นเช่นนั้น
“ ข้าคือ อิซานางิ เทพแห่งการสร้างและชีวิต”
ทั้ง 4 คนต่างตกใจ กับสิ่งที่ได้ยินเป็นอย่างมาก
“ ข้าคือ เทพีสุริยา อามาเทระซุ”
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ ข้างซ้ายมือของอิซานางิ กล่าวขึ้นตามมา
“ ข้าคือ สึกูโยมิ เทพแห่งจันทรา”
ผู้ชายที่นั่งอยู่ทางขวามือของอิซานางิกล่าวขึ้นตาม
หลังจากเทพทั้ง 3 องค์ กล่าวจบ ทั้ง 4 คนคำนับหมอบลงกับพื้น
“ เงยหน้าขึ้นเถิดทั้ง 4 คน”
อิซานางิกล่าวขึ้นทั้ง 4 คนก็เงยหน้าขึ้นแล้วนั่งตั้งอย่างสงบเสงี่ยม
“ เจ้าน่ะได้ตายจากโลกนั้นไปแล้ว ข้าจะให้พวกเจ้าลงไปจุติในต่างโลก เป็นโลกที่มีเวทย์มนต์โดยข้ามีบางอย่างให้พวกเจ้าทำ”
“ เราจะให้เจ้า ลงไปจุติในต่างโลกเพื่อไปพัฒนาและบริหารอาณาจักร ที่มีชื่อว่าจักรวรรดิยามาโตะ เป็นอาณาจักรที่ข้าเป็นคนสร้างขึ้น แต่ว่าหลังผ่านสงครามโลกไปทำให้อาณาจักรนี้ตกต่ำลงเป็นอย่างมาก”
อามาเทระซุกล่าวขึ้นต่ามอิซานางิ และสึกูโยมิก็กล่าวตาม
“ เราจึงอยากให้พวกเจ้าไปบริหารอาณาจักรแห่งนี้ให้รุ่งเรืองสืบไป โดยพวกเราจะประทานพรให้พวกเจ้า และมอบสกิลต่างๆให้ พวกเจ้า”
หลังจากนั้น พวกเขาทั้ง 4 คนก็ได้เลือกสรรสกิลและความสามารถต่างๆให้เข้ากับความสามารถของตัวเองจนครบหมดทุกคน โดยทุกคนสามารถใช้เวทได้ทุกชนิด แล้วแต่ว่าทั้ง 4 คนจะใช้ เวทธาตุไหนถนัดมากที่สุด
“ จากนั้นข้าจะมอบอุปกรณ์และชุดให้ พวกเจ้า”
อิซานิงิ กล่าวขึ้นพร้อมเกิดแสงสว่างวาบ ในความคิดของทั้ง 4 คน จะเป็นคนออกแบบอุปกรณ์และชุดของตัวเอง อุปกรณ์ของยาโบคุที่เลือกคืออาวุธ ทุกชนิด และชุดเกราะพิเศษ และอาวุธหลักที่ยาโบคุเลือกคือ พัด, ดาบแบบญี่ปุ่น 2 เล่ม, ดาบสั้นแบบญี่ปุ่น 1 เล่ม ง้าว ทวน หอก อย่างละ 1 และธนู ส่วนชุดที่ยาโบคุเลือก เป็นชุดเหมือนชุดยูกาตะกิโมโน มีลวดลายที่สวยงามพร้อม ผ้าคลุม และหน้ากาก
ทุกๆคนก็จะเลือกอาวุธทุกชนิดเอาไว้เผื่อเหตุการณ์ต่างๆอยู่แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะมีอาวุธหลักเป็นของตัวเอง
อาวุธหลักที่มีนะเลือกคือ พัด, ดาบแบบญี่ปุ่น 1 เล่ม ธนู 1 คัน ส่วนชุดที่เลือกเป็นชุดกิโมโน แบบสวยงาม ดูเหมือนเจ้าหญิงจริงๆ และมีนะยังขอชุดอุปกรณ์การเเพท์พกติดตัวไปด้วยเผื่อมีเหตุที่จะต้องได้ใช้
อาวุธหลักที่นัตสึเมะเลือกคือดาบคู่ และหอก ส่วนชุด ที่เลือก ดูเหมือนจะเป็นชุด แบบทหารขุนนางของฝั่งตะวันตก ดูเท่แบบสุดๆ
อาวุธหลักที่ซูมิโกะเลือกคือ ดาบ แบบญี่ปุ่น 1 เล่ม มีดสั้น 1 เล่ม และชุดอุปกรณ์ลอบสังหาร ส่วนชุดที่เลือกเหมือนกิโมโนแต่แขนเสื้อถูกดึงขึ้นเพื่อให้คล่องตัว ส่วน ที่ยาวไปถึงเท้าถูกตัดออกถึงแค่หัวเข่าเป็นกิโมโนแบบประยุกต์ เสื้อข้างบนถูกถอดออกข้างนึงเพื่อทำให้เคลื่อนไหวได้อย่างสะดวก
หลังจากนั้น พวกเขาทั้ง 4 คนก็ได้พูดคุยกับเทพทั้ง 3 องค์ เรื่องราวสถานการณ์ต่างๆจนครบหมด ทุกอย่างแล้ว
“ พวกเจ้าทั้ง 4 คนคงจะพร้อมลงไปจุติแล้วสินะ”
อิซานางิ พูดขึ้น ทั้ง 4 คนพยักหน้าพร้อมทั้งกล่าวขอบคุณ แล้วเทพทั้ง 3 องค์ก็ประทานพรต่างๆให้ พร้อมส่งทั้ง 4 คนลงไปจุติยังต่างโลก เพื่อไปทำภารกิจการบริหารอาณาจักร ให้รอดพ้นผ่านวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปให้ได้ ทันใดนั้นก็ปรากฏเป็นวงเวทย์โอบล้อมตัวทั้ง4คนและทั้ง4คนก็ได้จุติลงไปยังต่างโลก
“เอ่อ…นี้พวกเราลืมสอนพวกเขาดูสเตตัสหรอเนี่ย”
อิซานางิเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มเจื่อน
“คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้งคะ”
“นั้นสิ่เดี๋ยวพวกเขาก็คงรู้กันเอง”
อามาเทระซุและสึกูโยมิพูดขึ้นตามมาและยิ้มเจื่อนกัน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!