NovelToon NovelToon

เพียงท่านหนึ่งเดียว

จบสิ้น

ในค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลอง เสียงพลุดังสะนั่นเป็นสัญญาณของการเริ่มต้นของปีใหม่ ทุกพื้นที่ประดับประดาไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุข แต่ท่ามกลางความสุขนั้นย่อมมีความเศร้าปะปนอยู่เช่นกัน

กลางสะพาน…จุดชมวิวที่นับว่างดงามที่สุดจุดหนึ่ง จาง ลี่เหมย พนักงานสาวผู้สูญเสียครอบครัวเพียงคนเดียวสของเธอต้อนรับปีใหม่ยืนเหม่อมองพลุที่งดงามก่อนจะล่วงดับไป มือขวาถือกระป๋องเบียร์เอาไว้ ลี่เหมยเป็นเด็กกำพร้าใช้ชีวิตในสถานสงเคราะห์ที่มีการทำร้ายร่างกายโดยที่ไม่มีใครรู้ ตอนเด็กลี่เหมยมักโดนผู้ดูแลทุบตีบ่อยครั้ง พอ10ขวบลี่เหมยตัดสินใจหนีออกจากที่นั้นต้องเร่ร่อนเก็บของเก่า เก็บขยะขายไปทั่วจนได้เจอกับป้าซงในตอนอายุ13เจ้าของกิจการร้านอาหารในแถบชนบท ป้าซงสงสารลี่เหมยที่ต้องร่อนเร่ไปทั่วจึงได้รับตนเป็นบุตรบุญธรรม นางจึงได้มีโอกาสเรียนรู้สิ่งต่างๆ ป้าซงมักจะสอนทำอาหารและสอนแม้กระทั้งปลูกพืชผักต่างๆ การแยกแยะประเภทแม้กระทั้งการล่าสัตว์ ยังดีที่นางเป็นคนที่เรียนรู้เร็ว แต่มีข้อเสียคือการที่นางกลัวการเข้าสังคม แม้จะถือว่ามีกว่าตอนแรกๆ ที่มาอยู่กับป้าซงที่คอยแต่หลบอยู่ในห้องและคอยแต่หยักหน้าตอบโต้กับแค่ป้าซงเท่านั้น ต้องขอบคุณที่ป้าซงเข้าใจและค่อยๆ เยี่ยวยาจิตใจของนางทำให้แม้จะยังไม่หายขาด แต่ก็สามารถเข้ากับสังคมได้ แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขมักผ่านไปไวจนไม่รู้ตัว จวบจนอายุ23 นางกลับมาบ้านหลังจากเลิกเรียนตามปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติคือบ้านที่มักมีแสงสว่างในยามกลับมานั้นมืดมิด ไม่มีแม้แต่เสียงการเคลื่อนไหว เธอรีบร้อนเข้าไปในบ้านเพื่อตามหาป้าซง ครอบครัวเพียงคนเดียวของเธอ เมื่อเธอเปิดประตูห้องของป้า เธอเห็นร่างๆ หนึ่งนอนสงบอยู่บนเตียงไร้การเคลื่อนไหว…

หัวใจเธอเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัว มือและเท้าชาแทบไร้ความรู้สึก

“ป้าคะ หะ หนูกลับมาแล้วนะคะ”

“...” ไร้ซึ่งเสียงตอบกลับ

“ป้าอย่าล้อหนูเล่นแบบนี้สิคะ ฮะๆ หนูไม่ตลกด้วยเลยนะคะ” ลี่เหมยค่อยๆ เดินไปหาร่างของผู้เป็นป้าช้าๆ ้มื่อมาถึงขอบเตียงเธอค่อยๆ ยกมือเเตะตัวครอบครัวเดียวของเธอ

เฮือก!! ร่างบางทรุดฮวบลงกับพื้นเมื่อสัมผัสถึงความเย็นและแข็งทื่อของร่างตรงหน้า

“ปะ ป้าคะ ตอบหนูสิ” เหมยลี่พยายามเปร่งเสียงเพื่อเรียกหาครอครัวคนเดียวของตัวเองด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ

ฮึก ฮือออ เเม้จะพยายามเข้มแข็งแค่ไหนก็ไม่อาจยับยั้งน้ำตาแห่งความเสียใจได้ ร่างบางนั่งร้องไห้ซบกับศพของหญิงชราผู้จากไป น้ำตาไหลทะลักออกมาเสมือนเขื่อนแตก หัวใจที่แตกสลาย ร่างนั้นสั่นเทาแลดูบอบบางหากแตะเพียงนิดเดียวอาจทำให้ร่างนั้นแหลกสลายได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของลุงสวี่ เพื่อนบ้านของป้าซงที่มาหาด้วยเป็นความรู้สึกถึงผิดปกติของเพื่อนบ้านที่ปิดบ้านมืดสนิท

หลังจากงานศพของป้าซงผ่านไปแม้เหมยลี่จะเจ็บปวดกับการจากอย่างมาก แต่ก็ยังมีลุงสวี่ที่สนิทนรองจากป้าซงคอยมาดูแลไม่ห่างจนประทังเรียนจบ เหมยลี่จึงเริ่มทำงานในบริษัทยักใหญ่ด้านความงาม เมื่อเงินเดือนออกเธอมักจะแบ่งส่งให้ลุงสวี่เสมอและเมื่อมีวันหยุดก็จะกลับมาเยี่ยมลุงสวี่และกราบไหว้ ทำความสะอาดป้ายของป้าซงเสมอ จนกระทั้งลุงสวี่ก็จากไปอีกคนเธอจึงหันหน้าทำแต่งานจนได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าทั้งทีอายุยังน้อย แต่แม้จะมีทุกอย่างก็ไม่อาจเติมเต็มหัวใจที่ว่างเปล่าของเธอได้

กลับมาที่ปัจจุบัน

เหมยลี่ยืนเหม่อมองพรุที่พรั้งพรูออกมาเพื่อแสดงความงดงามอยู่บนท้องฟ้าอย่างเหม่อลอย โดยไม่รู้ตัวว่ามีรถที่คนขับเมาและขับพุ่งมาทางเธอ

โครม!!! เหมยลี่ถูกชนอย่างแรง ร่างที่ถูกแรงอัดจากรถที่พุ่งเข้ามา ถูกบดขยี้ไปกับขอบสะพานที่กั้นไว้ ไม่มีแม้แต่เวลาได้ทำใจทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หญิงสาวเสียชีวิตทันทีโดยที่ยังไม่รู้ตัว…

เกิดใหม่

‘ที่นี้ที่ไหน…’

‘อึดอัดจัง ทำไมฉันขยับตัวไม่ได้’

“นายหญิงทนอีกนิดนะเจ้าคะ เด็กจะออกมาแล้ว” ‘เด็กไหน!! เสียงของใครกันหรือฉันอยู่ในนรกถึงได้อึดอัดทรมานแบบนี้’

“ฮึบบบบบบ กรี๊ดดดดดด”

“ออกมาแล้วค่ะนายหญิง เราได้ท่านหญิงน้อง ท่่านดูสิเจ้าค่ะ”

แงง แงง ‘อย่าทำอะไรฉัน ปล่อนฉันไปเถอะ’

“โอ๊ๆ ลูกแม่ ลูกสาวของแม่” ‘คนสวยๆ ตรงหน้านี้ใครกัน เธอเรียกตัวเองว่าแม่หรอ นี่ฉันเกิดใหม่งั้นหรอ คนเราตายแล้วไม่ใช่ว่าไปนรกหรือสวรรค์หรอไง แล้วนั้นเธอจะทำอะไร ไม่ ไม่ ฉันจะไม่กินนมจากเต้าเธอแม่’ แงง แงง แงง แงง

“ดูสิค่ะนายหญิง ท่านหญิงน้อยงอแงหิวใหญ่เลยเจ้าค่ะ”

“โอ๊ๆ ไม่ร้อง คงหิวเลยสินะ” ‘ไม่ ไม่ ม่ายยยยย’ หญิงสาวตรงหน้าอุ้มเจ้าทารกน้อยเข้ามาใกล้ตัวเองเพื่อให้ทารกน้อยกินน้ำนมจากเต้าได้ถนัด เมื่อทารกน้อยขยับเข้าใกล้แหล่งอาหารก็งับเพื่อดูดกินน้ำนมอย่างตระกละ (เขาเรียกกลไกการเอาชีวิตรอด//ม่ายยยย :เหมยลี่) เนื่องด้วยร่างกายที่เป็นยังเป็นทารกแรกเกิดเมื่อกินอิ่มก็หลับไปทันที

ตึง ตึง ตึง ผลัก

ร่างหน้าพุ่งพรวดเข้ามาอย่างรีบร้อนก่อนจะพบเจอกับสายตาที่โกรดเกรี้ยวของ สาวใช้คนสนิทและฮุหยินของตนเอง ก่อนจะเห็นร่างเล็กที่นอนหลับอย่างสงบอยู่ข้างๆ จึงรู้สึกตัวและค่อยๆ ผ่อยฝีเท้าให้เบาเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของนางฟ้าตัวน้อย

“น้องหญิง”ชายหนุ่มเอ่ยเรียกฮุหญิงของตนเองเบาๆ หากไม่ใช่เพราะต้องออกไปจัดการกับพวกที่มาสอดแนมจากแคว้นชิง เขาคงไม่พลาดช่วงเวลาสำคัญปล่อยให้ฮูหยินต้องคลอดเพียงลำพังเช่นนี้

“ลูกสาวค่ะท่านพี่”ฮูหยินคนงามตอบกลับสามีพร้อมร้อยยิ้มแห่งความสุขใจ

ร่างหนาค่อยๆ เดินไปใกล้ๆ ร่างเล็กของลูกสาวพร้อมเอื้อมมือเพื่อสัมผัสกับสิ่งตรงหน้าแต่กลับชะงักพร้อมหันไปมองฮุหยินของตนด้วยความตื้นตัน

ฮูหยินเห็นเช่นกันจึงจับมือเขาไปลูบหัวลูกสาว

“ฮะ ฮะ” เขาิ้มอย่างตื้นตันใจ ลูกสาวเขาตัวเล็กมาก มากจนเขากลัวว่าหากสัมผัสแรงเกินไปนางจะแตกสลายได้

“ท่านไม่คิดจะตั้งชื่อลูกของพวกเราหน่อยหรือเจ้าค่ะ”ฮูหยินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“เหมยลี่”

“เหมยลี่ จางเหมยลี่ เหมาะมากเลยเจ้าค่ะ”

“ฮ่าๆ ลูกเราจะต้องงดงามเหมือนดังมารดาของเขา”

‘ใครมาส่งเสียงดัง คนจะหลับจะนอน’ อ้อแอ้ แอ้ เหทยลี่ส่งเสียงออกมาเหมือนมีสิ่งรบกวนการนอนก่อนจะหลับไปอีกครั้ง ทุกอย่างอยู่ในสายตาของทั้งสองที่มองมาด้วยความเอ็นดู

ฮ่าๆๆ

เสียงที่ดังออกมาจากห้องนั้นแสดงให้เห็นว่าพวกเขามีความสุขมากแค่ไหนกับการเกิดมาของลูกสาวตัวน้อยของเขา ลูกสาวคนแรกของหัวหน้าเผ่าม้ง

เผ่าม้งเป็นเผ่านอกด่านไม่ขึ้นกับแคว้นใดเก่งกาจการขี่ม้ายิงธนู สถานที่อยู่อาศัยเป็นพื้นที่ห้อมล้อมไปดวยธรรมชาติ ปัจจุบันมี จาง ซีฮัน เป็นหัวหน้าเผ่าและมีนายหญิงคือ จาง ซีซวน คอยดูแล ส่วนสาวใช้คนสนิทของนายหญิงมีนามว่า หนิ่งหลิง นางไม่มีสกุลเนื่องจากเป็นเด็กกำพร้าที่นายหญิงพบเจอในสภาพอดอาหารใกล้ตาย นายหญิงได้ช่วยเหลือไว้ นางซึ่งไม่มีญาติเป็นเด็กกำพร้าจึงได้ติดตามรับใช้นายหญิงด้วยชีวิตมาตั้งแต่บัดนั้น

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

กระต่าย

เวลาล่วงเลยผ่านจนเหมยลี่อายุได้ 10 หนาว มารดาได้ให้กำเนิดบุตรชาย สมาชิกใหม่ของบ้าน หัวหน้าเผ่าคนต่อไป บิดาได้ตั้งชื่อให้เขาว่า จือจิ้ง ที่มีความหมายว่า ความรู้ ความเคารพและนับถือ

เมื่อข้าอายุได้ 12 หนาว น้องชายอายุได้ 2 หนาว ข้าก็ค้นพบว่าบิดาข้าช่างเก่งกาจในการตั้งชื่อยิ่งนัก

จือจิ้งแม้มีอายุเพียง 2 หนาวแต่กลับชื่นชอบการเรียนรู้ เขาสนใจตำราเรียนมากกว่าของเล่นที่เด็กในวัยเดียวกันสนใจเสียอีก ส่วนข้านั้นกลับชื่นชอบการขี่ม้า ยิงธนู มากกว่าการเรียนรู้ตำราเหล่านั้นก็ตาม ้ขากับจือจิ้งแม้จะนิสัยต่างกันแต่ก็รักกันตัวติดกันมาก น้องชายติดข้ามากจนบางครั้งท่านพ่อยังน้อยใจ แต่ก็สุขใจที่เหล่าลูกๆ รักใคร่กลมเกลียวกัน ข้ากับจือจิ้งมักจะอยู่ด้วยกันเสมอ ร่วมถึง เว่ย ห่าวอู๋ หลานชายของท่านลุงเว่ย คนสนิทของท่านพ่อ เนื่องด้วยอายุใกล้เคียงกัน แม้คร่าแรกที่เห็นหน้าข้าจะไม่ค่อยชื่นชอบห่าวอู๋สักเท่าเหล่าเพราะเขาดูเป็นบุรุษเจ้าสำอาง แต่เมื่อพบปะพูดคุยกับหลายครั้งเข้าก็กลับกลายเป็นสหายรู้ใจที่สนิทกันมาก

เราสามคนเวลาไปไหนมักจะไปด้วยกัน หากไม่ได้ออกไปไหน จือจิ้งจะนั่งดูหนังสือภาพของเขา ห่าวอู๋จะนั่งอ่านตำราส่วนข้าจะซ้อมยิงธนูอยู่ข้างหน้า บางครั้งข้าก็ทำเครื่องสำอางไว้ใช้ สตรีทุกคนล้วนชื่นชอบสิ่งสวยงามละนะ และของทุกชิ้นที่ข้าทำมารดาข้าก็ยินดีอย่างยิ่งที่จะนำเอาไปใช้คนเเรกซึ่งก็…ดีแหละนะ มารดาข้างดงามขึ้นเนื่องจากการบำรุงและใช้ของที่ข้าทำให้ท่านพ่อก็ยิ่งเกาะติดท่านแม่หนักกว่าเก่า (แม้ตอนแรกจะหนักมากแล้วก็ตาม) และข้าคิดว่าคงจะมีข่าวดีอีกไม่นานแน่นอน สินค้าที่ข้าทำสำหรับใช้เพื่อตอบสนองความต้องการของตัวเองเกิดเป็นสินค้าที่ส่งขายให้เหล่าพ่อค้าที่เดินทางมาและนำส่งขายไปยังแคว้นต่างๆ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสงบ จนกระทั่งข้าอายุได้ 15 หนาว

ย่ะ ย่ะ

“อาเหมยเจ้าช้าลงหน่อย!!”

“ฮ่าๆ เจ้าตามข้าให้ทันสิ ใครถึงทีหลังต้องถือของกลับมานะ!!”

“เจ้าขี้โก่งนี้!!!”

ฮ่าๆ

ม้าทั้งสองวื่งมุ่งหน้าไปทางป่าที่คนในเผ่าชอบเข้าไปล่าสัตว์และหาผักป่ากิน

หากจะเรียกว่าวิ่งแข่งก็คงไม่ถูกนักเพราะม้าที่เหมยลี่ขี่อยู่วิ่งนำหน้าห่าวอู๋ไปไกลมากเรียกได้ว่ายังไงก็ชนะ (เพราะรู้ว่าชนะเลยแข่งยังไงละ//เหมยลี่) แล้วผลการตักสินก็ออกเมื่อม้าของเหมยลี่วิ่งมาถึงชายป่าเรียบร้อย

“ฮึบบ หยุดด” เมื่อม้าหยุดแล้ว เธอก็กนะโดดลงจากม้าเมื่อยืนอย่างมั่นคงก็พาม้าไปผูกไว้ใต้ต้นไม้ใกล้ๆ เพื่อไม่ให้มันถูกแดดเผา เมื่อผูกเสร็จระหว่างหยิบธนูจากหลังม้า ม้าของห่าวอู๋ก็มาถึงชายป่า ห่าวอู๋กระโดดลงจากหลังม้าแล้วพาม้ามาผูกอยู่ข้างม้าของเธอ

“เจ้าแพ้แล้วอย่าลืมถือของกลับด้วยละ” นางพูดยิ้มล้อเลียน

“เจ้าโก่งข้า”ห่าวอู๋พูดพร้อมทำหน้ายู่ใส่นาง

“ฮ่าๆ ข้าไม่ได้โกงเจ้าสักหน่อย”

“หึ่ยย ข้ายอมเพราะเป็นเจ้าหรอกนะ”

“ฮ่าๆ ป่ะ ไปกันเถอะไปดูกันว่ามีสัตว์อะไรมาติดกับเราบ้าง”

“ไปๆ ”

ทั้งสองเดินเข้าป่าไป ต่างมีธนูติดตัวเพื่อป้องกันตัวและกระบอกน้ำเพื่อดื่มยามกระหายเท่านั้น

“เจ้าไปทางนั้นนะส่วนข้าจะไปทางนี้” เธอชี้ไปทางขวามือให้ห่าวอู๋

“ได้”

“เสร็จแล้วอีกหนึ่งชั่วยามเจอกันที่พักม้า”

“อืม”

เมื่อนัดหมายกันเรียบร้อย ทั้งคู่ต่างแยกย้ายไปตามทิศทางของตน เหมยลี่เดินไปสำรวจกับดักที่วางไว้พบว่ามีไก่ป่าสามตัวที่ติดกับดักอยู่ เมื่อจัดการเรียบร้อยเธอก็เดินเข้าป่าต่อ ระหว่างที่เดินสำรวจอยู่ก็พบความผิดปกติตรงพุ่มไม้ด้านข้างเธอจึงค่อยๆ แหวกพงไม้เพื่อดูก่อนจะพบกระต่ายป่าตัวใหญ่สีขาวสะอาด ‘จือจิ้งน่าจะชอบ จับกลับไปฝากดีกว่า’ เมื่อคิดได้เธอจึงค่อยๆ ก้าวไปหากระต่ายน้อยตัวนั้น พรึ่บ เจ้ากระต่ายรู้สึกถึงอันตรายจึงรีบกระโดดหนีไป

“เฮ้ รอก่อนสิเข้ากระต่ายน้อย!” เธอรีบวิ่งตามมันไปจนทันจึงเห็นมันวิ่งเข้าไปในโพลงกระต่าย

‘เอาไงดี’ เหมยลี่นั่งคิดและมองไปที่หน้าโพลงกระต่ายนั้นสักพักก็คิดไอเดียออกจากจึงไปเอาตระกร้าที่ม้าและหาหญ้าแห้งมาทำให้เกิดควันก่อนจะใส่ลงไปในโพลงกระต่ายและเอาตระกร้ามาคลุมไว้หน้าปากโพลง ‘ถ้าไม่ออกมาก็ถือว่าทำเนื้อกระต่ายลมควันละกัน’ รอเพียงไม่นานก็ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวออกมาจากโพลง พรุบ พรุบๆ พรุบ พรุบ

เมื่อเสียงเสียงสักพักเธอจึงรีบยกและปิดตระกร้า เจ้ากระต่ายที่ยังเมาควันนั้นไม่รู้เลยว่าตัวเองถูกจับได้แล้ว เธอจัดการวางตระกร้าและค่อยๆ แง้มเปิดฝาเพื่อดูข้างใน ‘ห้าตัว!’ เธอตื่นตะลึงและตื่นเต้นอย่างมาก ตอนแรกกะจะจับเพียงตัวเดียวแต่กลับได้ถึงห้า ใครจะไม่ดีใจละ เมื่อพอใจกับการล่าในวันนี้แล้วจึงเดินกลับเพื่อไปนั่งพักรอสหาย เธออารมดีไปตลอดทางเมื่อคิดถึงสีหน้าดีใจน้องชายของเธอตอนเธอเจ้ากระต่ายที่เธอจับได้ หากใครจะมาบอกว่าเธอเห่อน้องก็ไม่ผิดในเมื่อมันคือความจริง!!!!

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!