รักต้องห้ามของผีสาว #Forbidden Love With The Ghost Girl
ห้วงแห่งความฝัน
ท่ามกลางเสียงร้องของหมู่จิ้งหรีดเรไรกลางฤดูร้อน และเสียงหัวเราะอันเต็มไปด้วยความสนุกสนาน จากการออกเที่ยวต่างจังหวัดกับกลุ่มเพื่อนเป็นครั้งแรก
ใครจะคิดการเที่ยวเล่นธรรมดาในวันหยุดยาวครั้งนี้ มันใด้กลายเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของผมไปตลอดกาล
ทุกค่ำคืนที่ผมเข้าสู่ห้วงแห่งนิทรา ผมมักจะฝันเห็นใครคนนึง ใครคนที่ผมรู้สึกว่าคุ้นเคยเสมือนเราสนิทกันมาแสนนาน
ภาพในฝันคือตัวผมตอนอยู่ชั้นประถมศึกษา
ยามเสียงกริ่งบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น มักมีเด็กผู้หญิงคนนึงวิ่งเข้ามาหาผมที่โต๊ะเร่งให้เก็บข้าวของใส่กระเป๋าเพื่อไปวิ่งเล่นกัน
ก่อนทุกอย่างจะเลือนหายไปเมื่อผมสะดุ้งตื่นในตอนเช้า
เช่นเดียวกับคืนนี้ เด็กผู้หญิงคนเดิมเอื้อมมือมาดึงตัวผมให้ลุกจากที่นั่งพาวิ่งถลาไปสนามหญ้า
เราวิ่งไล่จับกันนานสักเท่าไหร่ไม่อาจทราบ รู้เพียงว่าช่วงเวลานั้นช่างสนุกเหลือเกิน
น่าแปลกที่ผมจำได้ว่าเราเล่นอะไรกัน แม้ภาพสถานที่รอบตัวจะพร่ามัวทุกเสียงในห่วงความฝันต่างอื้ออึง จับใจความแทบไม่ได้
ขณะที่ผมวิ่งเข้าใกล้จนเกือบจะแตะตัวเธอ จู่ๆ เสียงหัวเราะคิกคักของใครอีกคนก็ดังขึ้น
เเก้วตา(กุมารีน้อย)
Not support
เสียงหัวเราะแบบนี้คงไม่ใช่ของใครนอกจากแก้วตา ซึ่งพยายามปลุกผมให้ตื่นจากความฝัน
ทำให้ผมต้องลาจากเธอคนนั้น เพื่อหวนกลับสู่โลกของความเป็นจริง
ตะวันทอแสงจ้าผ่านรอยแยกของผ้าม่านเข้ามากระทบใบหน้าของผม ผมยังนอนหลับตาพริ้มใต้ผ้าห่มผืนหนาอย่างเป็นสุข ไม่คิดจะตื่นขึ้นมาโดยง่าย
แต่ผ้าห่มที่คลุมกายผม กลับถูกสิ่งซึ่งมองไม่เห็นกระชากตกอยู่ข้างเตียง
ลมหนาววูบใหญ่จากเครื่องปรับอากาศที่เปิดไว้ จึงทำให้ผมหนาวสั่นจนต้องลืมตาตื่น
เเก้วตา(กุมารีน้อย)
Not support
เเก้วตา(กุมารีน้อย)
"พ่อจ๋าตื่นได้แล้วว"
ริว(พระเอก)
"โอ๊ย มาปลุกดีๆ ก็ได้ หล่อนแต่เช้าเลย ไปเลียนแบบเกมไหนมาอีกละเนี่ย
เเก้วตา(กุมารีน้อย)
Not support
เเก้วตา(กุมารีน้อย)
"เเหะ ๆ หนูเก่งใช่มั้ยจ๊ะ"
ริว(พระเอก)
"ยังจะมาถามอีก ถ้ายังไม่เลิกทำอะไรแผลง ๆ แบบนี้ เดี๋ยวจะสั่งงดเล่นเกมแล้วนะรู้มั้ย
เเก้วตา(กุมารีน้อย)
Not support
เเก้วตา(กุมารีน้อย)
"ก็หนูปลุกไม่ตื่นสักทีนี่นา พ่อมัวแต่นอนฝันหวาน ตอนนี้กี่โมงกี่ยามแล้ว"
ผมหันไปดูเวลาและพบกับเข็มบอกเวลาบนหน้าปัดนาฬิกา บอกเวลาเกือบ 8:00 น
จากที่ง่วงแสนง่วงผมต้องผุดลุกกระโดดข้ามกองผ้าห่มบนพื้นไปที่ตู้เสื้อผ้าคว้าชุดนักเรียนกับผ้าเช็ดตัวได้ก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำ
ผมปิดประตูดังปัง เรียกเสียงตะโกนว่าจากคนในครัวได้ทันที
เเม่ของริว
"ทำอะไรให้มันเบา ๆ หน่อยสิริว ปิดเปิดประตูแต่ละที บ้านจะพังแล้วนะ"
เสียงคุณแม่เอ็ดอึงสลับกับเสียงดังก๊อกแก๊กของตะหลิว และเสียงซู่ซ่าของน้ำมันในกระทะซึ่งผมได้ยินเป็นประจำ
จนมันกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของผม รัตติกาล ปางเนตร หรือริว ที่ทุกคนเรียก
ผมเป็นแค่เด็กหนุ่มมัธยมธรรมดา ๆ ที่ตื่นสาย ขี้เซา ชอบทำตัวเอื่อยเฉื่อยแต่พอถึงเวลาเล่น หรืออยู่กับเพื่อนก็จะร่าเริง กระฉับกระเฉงขึ้นมาทันตา
ชีวิตของผมไม่มีอะไรแตกต่างไปจากคนอื่น นอกเสียจากความลับบางเรื่องซึ่งผมเก็บงำเอาไว้เป็นอย่างดี
ไม่มีแม้แต่คนในบ้านจะรู้เรื่องที่ว่าผมมีจิตสัมผัส มันอาจฟังดูงมงายเป็นเรื่องเหนือธรรมชาติหลายคนมองว่ามันเป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ และอาจเป็นอาการทางจิตซึ่งปรุงแต่งขึ้นมาด้วยซ้ำ
ทว่าผมรู้จักตัวเองดี มองเห็นสิ่งที่ทุกคนมองไม่เห็น และสื่อสารกับมันได้ตั้งแต่เด็ก
ช่วงแรกที่ผมรู้ตัวว่าตัวเองมีความสามารถนี้ก็ทำใจยากเหมือนกัน เพราะผมแทบจะแยกคนเป็นออกจากคนตายไม่ได้เลย
จนผมได้มาเจอกับแก้วตา กุมารีทองที่บังเอิญได้มาจากผู้ใหญ่ท่านนึง
ชีวิตของผมจึงเปลี่ยนแปลงไป เมื่อสาวน้อยแก่นแก้วคนนี้คอยโผล่มาให้เห็น
เเก้วตาเป็นเด็กดี เธอช่วยเหลือผมหลายเรื่อง ตั้งแต่อุบัติเหตุอันตรายไปจนถึงเรื่องในชีวิตประจำวันอย่างการปลุกผมไปโรงเรียนทุกเช้า
การอยู่กับเธอทำให้ผมคุ้นชินกับโลกของวิญญาณพอ ๆ กับที่ผมหันมาใส่ใจโลกของไสยศาสตร์
วิญญาณกับศาสนาเกี่ยวข้องกันฉันใด ไสยศาสตร์ก็วิญญาณก็เกี่ยวข้องกันฉะนั้น
โลกของมันผูกพันกันจนไม่อาจแยกออก เพียงแต่ทุกโลกต่างมีกฎระเบียบข้อห้ามซึ่งไม่อาจฝ่าฝืน
ผมซึ่งคลั่งไคล้การศึกษาไสยศาสตร์และวิญญาณ นอกเหนือจากการศึกษาในระดับชั้นมัธยมปลาย จึงต้องแอบแบ่งเวลาเรียนและอ่านตำหรับตำราพวกนี้อยู่เสมอ
พอเเค่นี้ก็เด้อทุกคน
เดี๋ยวมาต่อ
เรื่องนี้เป็นเกมนำมาสร้างเป็นนิยายแชททุกคนสามารถไปซื้อมาเล่นกันได้นะคะเป็นเกมคนไทยสร้างด้วยเด้ออ
ชื่อเกมForbidden Love with The Ghost Girlนะคะ
เเอบเอารถพ่อไปขับ
วันนี้เป็นวันสอบของฤดูร้อนปีสุดท้าย ผมเดินออกจากห้องสอบในสภาพเหนื่อยอ่อนหมดเรี่ยวแรงจากการทุ่มเทสมองจดจำและขบคิดหาคำตอบในแต่ละวิชา
ผมพึ่งยื่นข้อสอบส่งอาจารย์คุมสอบ ผมแอบภาวนาว่าผลลัพธ์ของมันจะออกมาดีทำให้ได้เกรดสวย ๆ เอาไปใช้ยื่นศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย
นพ(เพื่อน)
"เฮ้ย เป็นไงบ้างวะ?"
ทันใดนั้นแขนหนาหนักของนพก็เอื่อมมาคล้องคอผมอย่างถือวิสาสะ รั้งตัวผมไม่ให้ขยับไปไหน ผมถอนหายใจพลางชายตามองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเพื่อน
แต่เหมือนมันจะไม่รู้เลยว่าทำให้ผมนึกเหนื่อยใจ เพราะมันมัวคิดถึงเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าสำหรับมัน
นพ(เพื่อน)
"สอบเสร็จแล้วจะไปไหนหรือเปล่า?"
ผมเลิกคิ้วมองหน้าแทนคำตอบ
นพ(เพื่อน)
"ถ้าไม่มีแผนจะไปไหนก็มาเที่ยวด้วยกันสิ "
นพ(เพื่อน)
" ไปสร้างความทรงจำด้วยกันหน่อย"
นพ(เพื่อน)
" อีกไม่นานก็จะแยกย้ายกันเข้ามหาวิทยาลัยกันแล้วนะเว้ย"
นพ(เพื่อน)
" ใช้ว่าจะมีโอกาสเจอกันบ่อย"
นั่นไงล่ะแผนของมัน นพชอบเป็นหัวโจกในการทำกิจกรรมเสมอ ไม่แปลกที่มันจะโต้โผใหญ่ในการวางแผนครั้งนี้
ริว(พระเอก)
"แล้วจะไปยังไง? ที่ไหน? ใครไปบ้าง?"
ก่อนจะตกลงยอมร่วมหัวจมท้ายไปกับมัน ผมยังไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง จะเออออทั้งที่ไม่รู้เรื่องผมคงทำไม่ได้หรอก
เจน(เพื่อน)
"นพบอกว่าจะขับรถพากันไปอยุธยา"
เจน(เพื่อน)
"พอดีตอนนี้พ่อของนพไม่อยู่"
เจน(เพื่อน)
"ไปทำธุระที่ต่างประเทศน่ะ"
เสียงดังเจื้อยแจ้วของเจนแว่วมาตอบคำถามแทนคนต้นคิด เธอเดินยิ้มแป้นมาพร้อมกับเกรซเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มของผม
ริว(พระเอก)
"เกรซก็ไปกับเขาด้วยหรอ?"
ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าสาวน้อยแสนเรียบร้อยที่สุดในห้องจะยอมไปกับพวกเรายิ่งการไปเที่ยวครั้งนี้มันเริ่มต้นจากการแอบเอารถพ่อเพื่อนไปใช้
เกรซ(เพื่อน)
"...ก็...สองคนนี้เขาชวนเรา"
เกรซ(เพื่อน)
"แล้วมันก็เป็นการเที่ยวด้วยกันครั้งสุดท้ายแล้วด้วย"
เกรซขยับแว่นมองเจนและนพพรางตอบเสียงเบาหวิว ฟังดูน่าเชื่อถือชะมัดท่าทางคงโดนนพและเจนเกลี้ยกล่อมจนยอมใจอ่อนเสียมากกว่า
นพ(เพื่อน)
"ว่าไงครับ ตกลงจะไปมั้ยเนี่ย?"
นพ(เพื่อน)
"เพื่อนอุตส่าห์มาชวนไปเที่ยวทั้งทีนะเว้ย"
นพ(เพื่อน)
"ไปด้วยกันหน่อยสิ"
นพไม่เลิกล้มความตั้งใจ อาศัยความเป็นคนตัวสูงกว่าทำมาเป็นพูดเสียงเข้มเมื่อเห็นผมไม่ยอมตอบสักที
เจน(เพื่อน)
"ไปด้วยกันเถอะใกล้ๆแค่นี้เองเดี๋ยวก็กลับ"
เจนช่วยขยั้นขยออีกแรง ทำเอาพูดปฏิเสธไม่ออก ยิ่งเกรซส่งสายตาขอร้องให้ผมไปเที่ยวเป็นเพื่อน ผมมันเป็นคนใจอ่อน รักเพื่อนเสียด้วยสิ
ริว(พระเอก)
"เออ...ไปก็ไป "
ริว(พระเอก)
"เดินทางวันไหนก็บอกมาแล้วกันจะได้เตรียมจัดการกระเป๋าถูก"
เจน(เพื่อน)
"เย้ จะต้องเป็นทริปที่สนุกมากแน่ ๆ เลย"
นพ(เพื่อน)
"มันต้องอย่างงี้สิวะเพื่อน"
หลังจากตกลงว่าจะไปกับทุกคน เล่นเอาเจนถึงจะกระโดดโลดเต้นดีใจยกใหญ่ เมื่อสุดท้ายก็กล่อมให้คนไม่ชอบออกไปเที่ยวไหนอย่างผม ไปเที่ยวกับพวกเธอได้ในที่สุด
ผมยิ้มมองทั้งสามคนด้วยความใจอ่อน อันที่จริงผมรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ กับการเที่ยวคราวนี้แต่ไม่ใช่เพราะเรื่องที่นกจะเเอบเอารถพ่อไปขับหรอก
นั่นมันเรื่องส่วนตัวระหว่างมันกับพ่อที่ต้องเคลียร์กันเอง ส่วนตัวมันก็สอบได้ใบขับขี่แล้วคงไม่พาพวกเราไปแหกโค้งชนแผงกั้นทางที่ไหนหรอกมั้ง
สิ่งที่ผมกังวลเป็นเรื่องอื่นมากกว่า ไม่รู้ทำไมรู้สึกว่ามีบางสิ่งกวนใจเกี่ยวกับสถานที่นั้น
หรือเพราะที่นั่นคือบ้านเกิดซึ่งผมเคยอยู่ ก่อนจะย้ายตามพ่อแม่เข้ามาในกรุงเทพฯกันแน่นะผมเองก็หาคำตอบไม่ได้เหมือนกัน
นิยายเน้นเนื้อเรื่องมากกว่านะคะเลยไม่ค่อยตัวละครเอกคุยตัวละครจะออกช่วงหลังสะมากกว่า
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!