NovelToon NovelToon

เทพมารตกสวรรค์

ตอนที่ 1 บทนำ

ย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ได้เกิดเหตุการณ์ครั้งสำคัญที่สุด เทพและมารได้ตกหลุมรักกันเรื่องนี้เป็นเรื่องที่รู้กันเฉพาะเบื้องบน แต่ก็มีเบื้องล่างบางส่วนที่รู้เแต่ทั้งสองนั้นหาใช่เทพและมารทั่วไป ฝ่ายเทพคือ ราฟาเอล ซึ่ง ตกหลุมรักกับเทพมาร อัลบาร์ ซึ่งทั้งสองเป็นบุคคลที่ทรงอำนาจ และมีชื่อเสียงอยู่มาก ในเรื่องความแข็งแกร่ง ทั้งสองได้ตกหลุมรักกัน และได้ให้กำเนิดบุตร แต่ ความรักของเทพและมาร เป็นเรื่องต้องห้าม เพราะ ทั้ง2ฝ่าย ต่าง เปรียบเสมือน แสงสว่างและความมืด ซึ่งมิอาจเป็นที่ยอมรับได้ เรื่องนี้รู้ถึงหูของ เทพสูงสุด จึงจำเป็นจะต้อง สะสางปัญหาเรื่องนี้ด้วยตัวเอง...

        "ราฟาเอล เจ้าได้ทำผิดกฏของสวรรค์ และมิหนำซ้ำยังให้กำเนิดบุตร เห็นทีว่าข้าต้อง สังหารบุตรของเจ้าเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหา "

      เสียงพูดอันทรงพลังและศักดิ์สิทธิ์ แต่ มิทำได้ให้ราฟาเอล หรือ เทพมารหวั่นแม้แต่น้อย ถึงแม้อยู่วงล้อมของกองทัพเทพ มากกว่าแสนตนก็ตาม 

  "  เอาล่ะส่งตัวบุตรของพวกเจ้ามาข้าจะถือว่าข้าให้อภัยพวกเจ้าทั้งสองก็แล้วกัน" 

      เมื่อองค์เทพค์สูงสุดของเหล่าเทพพูดจบก็เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมแต่ในขณะนั้นเองก็เกิดเสียงหัวเราะของเทพมารขึ้น ทำให้เหล่าเทพ หน้าขึ้นสีและจะเข้าไปจัดการเทพมารตนนั้นแต่ไม่มีคำสั่งขององค์เทพสูงสุด เลยได้แต่รอฟังคำสั่ง

"ฮ่าๆๆๆๆ!! ตลกสิ้นดี คิดว่าข้าจะส่งบุตรของพวกเราให้เจ้าอย่างงั้นรึ หึ!! ฝันไปเถอะ ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าจะลากพวกเจ้าไปด้วยให้จงได้" 

     เทพมารพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันสร้างความไม่พอใจกับเหล่าเทพอย่างมาก แต่ องค์เทพสูงสุดยังไม่ได้กล่าวอะไร

"เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ข้าจะตายแต่ข้าจะลากพวกท่านทุกคนไปกับข้าด้วยถึงแม้ข้าจะตายก็ตามแต่....บุตรของพวกข้าต้องรอด ถึงแม้พวกท่านจะะเป็นเผ่าพันธุ์ เดียวกัน แต่ข้า ก็ไม่ยอมให้พวกท่านแตะต้องบุตรของข้าเป็นอันขาด!!! " 

    หลังจากราฟาเอลและเทพมารพูดจบก็หันหน้ามาหากันซึ้งในอ้อมแขนของเทพมาร อุ้มเด็กทารกหน้าตาน่ารัก ดวงตาที่ไร้เดียงสา เส้นผมที่ปลิวไสวตามสายลม  ทั้งสองได้ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา สร้างความกดดันให้กับเหล่าเทพเป็นจำนวนมาก

ตู้มมม!!

หลังจากทั้งสองปลดปล่อยแรงกดดันออกมา ทำให้องค์เทพสูงสุดเริ่มขมวดคิ้วและเริ่มคิดบางอย่างในใจ 

      " ทั้งสองคงจะรักกันมากสิน่ะ ข้าเองก็ไม่อยากสู้กับเผ่าพันธ์ตัวเองด้วยสิ งั้นเอาเป็นแบบนี้ละกัน "

 "ราฟาเอล และ เทพมาร พวกเจ้าคงจะรักกันมากสินะ เอาเป็นแบบนี้เป็นไง เรื่องบุตรของพวกเจ้าข้าจะไม่ยุ่ง แต่ ข้าจะผนึกพวกเจ้า ทั้งสองไว้ในมิติพิเศษ เป็นเวลา10000ปี หลังจากผ่านหนึ่งหมื่นไป พวกเจ้าทั้งสองจะทำอะไรก็ไม่ใช่เรื่องของข้า นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าในนามองค์เทพสูงสุด ขอปลด ราฟาเอล

ออกจาก การเป็นเผ่าเทพ ณ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ส่วนเจ้า เทพมาร!! ถ้าเจ้ารัก ราฟาเอลจงตัดปีกตัวเองออก1คู่ ข้าจะไม่ทำอันตรายต่อลูกของพวกเจ้า เป็นไงจะรับหรือไม่รับข้อเสนอของข้าล่ะ จงเลือกซะ" 

     หลังจากเทพสูงสุดกล่าวจบก็เกิดเสียงคัดค้านหลายเสียง...

"  ท่านเทพสู-  " เทพองค์นั้นกล่างยังไม่ทันจบก็ โดนเสียงอันทรงพลังกล่าวขึ้น

"เงียบบบบบ!!" 

    " นี้คือการตัดสินใจของข้าพวกเจ้าไม่มีสิทธ์ ในที่นี้มีใคร สู้ตัวต่อตัว กับ ราฟาเอลและเทพมารได้บ้างล่ะ ข้าขอพูดเลยว่าไม่มี พวกเขาทั้ง2 ทรงพลังเกินไป  และอีกอย่าง ราฟาเอลเป็นพวกพูดจริงทำจริง จำที่นางพูดได้หรือไม่ ว่านางจะลากพวกเจ้าไปด้วยถึงให้ต้องตาย " หลังจากเทพสูงสุดพูดจบก็ไม่ใครกล่าวขีดขึ้นมาอีก ถึงจะมีเทพบางองค์เจ็บใจแต่ต้องยอมรับว่า ที่เทพสูงสุดพูดมานั้นเป็นเรื่องจริง

  "ได้ ข้าขอรับข้อเสนอ นั้นข้าจะตัดปีกของข้าออก1คู่ หวังว่าเทพอย่างพวกเจ้าคงไม่ผิดคำพูด!!" 

    เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเย็นชา การตัดปีกออกนั้น จะเป็นการตัดพลังไปด้วย ซึ่งเทพมารที่มีปีกถึง8 คู่ การที่เสียไป1คู่ ถือว่าเป็นการสูญเสียที่หนักหนาพอสมควร...

"ไม่นะอัลบาร์เจ้าจะทำแบบนั้นไม่ได้นะ!!!" 

     ราฟาเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าและเสียใจ...

  

  "ไม่เป็นไรหรอกยังไงต้นเหตุก็เกิดมาจากข้า แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่อยากให้เจ้าสู้กับเผ่าพันธุ์ตัวเองด้วย" 

    ราฟาเอลกำลังจะพูดต่อ แต่เทพมารได้ตัดปีกตัวเองออก1คู่ ทำให้ความเจ็บปวดถาโถม เข้ามา แต่เทพมารไม่ส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่น้อย

  "เอาล่ะข้าทำตามที่ท่านพูดไว้แล้ว หวังว่าท่านคงจะไม่ผิดคำพูดนะ!!!"

    เทพมารพูดด้วยน้ำเสียงอันอ่อนล้าเต็มทน...

 

"อืม...ข้าให้สัญญา" 

   หลังจากเทพสูงสุดให้คำสัณญาเขาก็ล้มตัวลงหมดสติเพราะการตัดปีกออกนั้น เหมือนกับตายทั้งเป็น 

"อุแว้ๆ" 

         เสียงเด็กทารกร้องขึ้น ถึงแม้จะไร้เดียงสาแต่ความเป็นบุตรเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อบาดเจ็บก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา  ราฟาเอลเห็นภาพตรงหน้ารู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก นางเองก็ถือเป็นแม่คนนึง ราฟาเอลนางเดินเข้าไปใกล้ ลูกของตนซึ่งอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อ นางได้ทำการผนึกจิตวิญญาณส่วนนึงของนางไว้ในจิตของบุตร เมื่อถึงเวลา ผนึกจะคลายออกและจะได้เจอกับจิตวิญญาณ....ของนางที่นางได้หลงเหลือไว้ให้ และได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตร 

เป็นดาบประจำดวงจิตวิณญาณของผู้ถือครอง...ไม่สามารถให้ใครใช้ได้ ยกเว้นจะได้รับการสืบทอดโดยตรงและได้รับการยิมยอมทั้ง2ฝ่าย!! ซึ่งบุตรของ ราฟาเอล และ อัลบาร์ นั้น เป็นกรณียกเว้นสามารถให้ได้โดยไม่ต้องผ่านการยินยอมจากอีกฝ่าย ซึ่งก่อนหน้านี้อัลบาร์ ได้มอบอาวุธจิตวิณญาณของตนให้กับบุตรไปแล้ว...   ราฟาเอลอุ้มบุตรขึ้นมาและนำพลังส่วนหนึ่งมาห่อหุ้มร่างของบุตรตนและหายวับไปทันที ในตอนนี้บุตรของนาง ถูกส่งลงไปยังโลกเบื้องล่างแล้ว สร้างความตื่นตระหนกให้กับพวกเทพเหล่านี้เป็นอย่างมากเพราะกลัวว่าในอนาคต เด็กคนนี้จะนำภัยพิบัติมาให้...

  "หลังจากผนึกพวกมัน2คนแล้วพวกเจ้านำกำลังคนของเราไป100 คนแล้วสังหารเด็กนั้นทิ้งซะในอนาคตมันอาจจะเป็นปัญหาต่อแผนการในอนาคตของท่านผู้นั้นได้" 

เทพองค์นี้ รูปร่างสูงใหญ่กล้ามเนื้อเป็นมัดๆ เส้นผมสีน้ำตาล กล่าวด้วยน้ำเสียงเบาๆกับสหายของตนแทนที่จะใช้จิตคุยกันเพราะมันมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยินแต่แล้วเหตุการณ์บางอย่างไม่เป็นดังที่คิดเมื่อมีน้ำเสียงดังขึ้นพร้อมปล่อยแรงกดดันระดับมหาเทพ ขั้นปลาย ออกมา ทำให้เทพองค์นั้นหน้าซีดเผือกเพราะมันที่อยู่ขั้นเทพนักรบไม่อาจต้านทานแรงกดดันของราฟาเอลที่ปล่อยออกมา

ตู้มมม!! 

   เสียงระเบิดพลังของราฟาเอลที่ปล่อยกลิ่นอายระดับมหาเทพออกมา พร้อมกับแรงกดดันที่มหาศาล

"เจ้าเมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรน่ะเจ้าจะสังหารบุตรของข้ายังงั้นเหรอ หึ!! ชั่งหาที่ตาย..ดีในเมื่อข้ายอมรับข้อเสนอแต่กลับมีพวกคิดไม่ซื่อกับลูกของข้า ข้าจะสังหารมันทิ้งซะ จงโผล่หัวออกมา หรือจะให้ข้าไปลากหัวเจ้าออกมา จงเลือกเอาซะ!!! " 

    ราฟาเอลตอนนี้พูดด้วยน้ำเสียง เย็นชา แฝงไปด้วยความโกรธแค้น จนยากจะควบคุม!!!

 "ใจเย็นลงก่อน เรื่องนี้ข้าจัดการให้เมื่อครู่ข้ารู้เป็นเสียงผู้ใด เจ้าไม่ต้องลงมือหรอก ราฟาเอล บุตรแห่งข้า ข้าจะจัดการให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่มีพวกคิดไม่ซื่อ" 

    หลังจากองค์เทพสูงสุดพูดจบ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งก่อนจะมีเสียงขึ้น...

 "   อะไรนะ ท่านราฟาเอลเป็นบุตรของท่านองค์เทพสูงสุดอย่างงั้นเหรอข้าไม่เคยรู้มาก่อนข้าอยู่มา1000ปีข้าพึ่งรู้เนี้ยแหละ" 

    เทพองค์นี้กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงตกตะลึง

 "ใช่ๆข้าก็พึ่งรู้เนี้ยแหละ !! " เสียงเทพองค์อื่นดังขึ้นเรื่อยๆพูดกันไปต่างๆนาๆ

"เงียบ!! " 

    องค์เทพสูงสุดพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว   

   "เรื่องนี้ข้าไม่เคยบอกพวกเจ้าก็คงไม่รู้หรอก  ว่าราฟาเอลเป็นบุตร สตรี เพียงคนเดียวของข้าเรื่องอื่นชั่งมันตอนนี้ข้าจะจัดการกับเทพนอกรีตที่แฝงตัวอยู่ในนี้ "

ตู้มมมม!!

  เทพองค์ที่โดนจับได้ว่าเป็นคนพูดระเบิดพลังระดับเทพนักรบ เพื่อจะหนีไปให้ไกลแต่มีหรือระดับเทพนักรบจะเทียบเคียงกับระดับเทพสูงสุด  มันโดนฝ่ามือของเทพค์สูงสุดซัดเข้าตรงที่หน้าอกอย่างจังจนตัวระเบิดออก เพียงแค่ใช้พลัง ไม่ถึง1ใน10 ก็จัดการกับเทพองค์นั้นลงได้อย่างง่ายดาย...

 "เอาล่ะข้าจัดการมันให้แล้วเจ้าจงวางใจเถิด ราฟาเอลบุตรเพียงคนเดียวของข้า ตามกฏเจ้าต้องโดนผนึกหนึ่งหมื่นปี เจ้าถึงจะออกมาได้ เพราะฉะนั้นพ่อรักลูกนะราฟาเอล"  

  

     เมื่อองค์เทพสูงสุดกล่าวจบราฟาเอลก็คลายพลังลงและส่งยิ้มให้ผู้เป็นพ่อก่อนจะกล่าวตอบกลับไปว่า

   "ข้าขอโทษที่เป็นบุตรที่แย่ ให้กับท่าน ฝากท่านช่วยเฝ้ามองบุตรของข้าแทนข้าด้วย"   

    ราฟาเอลพูดจบก็มีแสงสีเหลืองส่องลวมาที่ร่างของราฟาเอลและอัลบ่ร์ ที่หมดสติอยู่แล้วทั้ง2ก็หายไปอยู่ในห้องมิติที่โดนผนึก จนกว่าจะครบ10000ปี

    

"แล้วค่อยกลับมาเจอกันใหม่นะบุตรเพียงคนเดียวของข้า" 

 

    น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแฝงไปด้วยความเศร้าและเสียใจเป็นอย่างมากที่ต้องผนึกบุตรของตัวเอง...

 "หึมันยังไม่จบเพียงเท่านี้หรอก ดินแดนแห่งนี้จักต้องล่มสลาย!! "

       เมื่อกล่าวจบ เงาสีดำที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ก็หายไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า..สาเหตุที่มกาเทพสูงสุดมิอาจจับการเคลื่อนไหวได้เพราะมันเป็นเพียงร่างที่สร้างขึ้นเท่านั้นไร้ซึ่งจิตวิญญาณ... 

   

ระดับพลัง

นักรบแรกเริ่ม          1-9

นักรบจิตวิณญาณ   1-9

นักรบหลอมรวม       1-9

นักรบที่แท้จริง          1-9

ราชันนักรบ               1-9

ราชันนักรบที่แท้จริง  1-9

จักรพรรดิ                   1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง     1-9

เทพนักรบ                    1-9

เทพสงคราม                 1-9

มหาเทพ                        1-9

เทพสูงสุด(พระเจ้า)

ระดับพลัง สัตว์อสูร

อสูรระดับแรกเริ่ม      1-9

อสูรระดับจิตวิณญาณ 1-9

อสูรระดับหลอมรวม      1-9

อสูรที่แท้จริง                  1-9

ราชันอสูร                       1-9

ราชันอสูรที่แท้จริง         1-9

จักรพรรดิ                       1-9

จักรพรรดิที่แท้จริง          1-9

เทพอสูร                          1-9

มหาเทพอสูร                    1-9

เทพอสูรสูงสุด (ผู้ปกครองเหล่าอสูรทั้งปวง) 

              

เงินตรา

1000เหรียญทองแดง    \=   1เหรียญเงิน

1000เหรียญเงิน            \=    1เหรียญทอง

1000เหรียญทอง           \=    1เหรียญเพชร

ระดับอาวุธ

อาวุธจะแบ่งออกเป็น2ประเภท ประเภทแรก 1.อาวุธที่หาได้จากการสังหารสัตว์อสูร

และหาซื้อทั่วไปหรือได้จากงานประมูล

ประเภทที่สอง อาวุธจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตใจของแต่ละคน แต่ละคนสามารถมีได้เพียงหนึ่งเดียว ยกเว้น สายเลือดผสม

 

อาวุธประเภทแรก

 

อาวุธระดับ  1 ดาว   (ชาวบ้าน)

อาวุธระดับ  2 ดาว    (นักรบฝึกหัด)

อาวุธระดับ  3 ดาว   ( นักรบ)

อาวุธระดับ  4 ดาว   ( พาลาดิน)

อาวุธระดับ  5 ดาว   (ราชา)

อาวุธระดับ  6 ดาว   (ราชัน)

อาวุธระดับ  7 ดาว   (มายา)

อาวุธระดับ  8 ดาว   (ตำนาน)

อาวุธระดับ   9 ดาว   (เทวะ)

อาวุธประเภทที่ 2 ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นอาวุธที่อยู่ในจิตของผู้ครอบครอง มีพลังมหาศาลกว่า อาวุธประเภทแรก เป็นอย่างมาก ข้อเสียก็คือพลังจะลดลงอย่างลวดเร็วแรกกับพลังมหาศาลที่ได้รับ ระดับยิ่งสูงยากต่อการควบคุมในการใช้แต่ละครั้ง

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ ชาวบ้าน

 

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ  นักรบฝึกหัด

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ   นักรบ

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ   พาลาดิน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ    ราชา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ    ราชัน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ     มายา

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ     ตำนาน

ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ ระดับ     เทวะ

* ศาสตร์ตราวิณญาณต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นอย่างมาก หาผู้ใช้ได้น้อยมากในแต่ละทวีป

ทวีป

ทวีป  จรัสแสง  (เป็นที่ตั้งของเผ่าพันธ์มนุษย์)

ทวีป  อสูร

ทวีป  มืด

ทวีป มังกร

ทวีป หงส์สา

เผ่าพันธ์

มนุษย์

เทพ

มาร

มังกร

เอล์

อสูร

 

ระดับโอสถ

ความบริสุทธิ์จะมี1-10ส่วน   5ในส่วน10 จะถือว่า ระดับ ต่ำ 6ในส่วน10  ระดับกลาง   7 ส่วนขึ้นไปถือว่าระดับสูง

โอสถระดับ ต่ำ         (สีเทา)  

โอสถระดับ กลาง     (สีเขียว)

 

โอสถระดับ สูง          (สีเหลือง)

โอสถระดับ ราชัน     (สีขาว)

โอสถระดับ จักพรรดิ (สีม่วง)

โอสถระดับ ตำนาน   (สีทอง)

โอสถระดับ มายา    (สีแดง)

โอสถระดับ เทวะ     (สีรุ้ง)

  

ตอนที่ 2 ปีก

ย้อนกลับไปเมื่อ ห้าปีก่อน ณ ป่าอสูร

** ตู้มมมม!! **

เสียงบางสิ่งตกลงมา ณ ใจกลางป่าอสูร ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นป่าที่มีอสูรระดับสูงเยอะที่สุดในทวีปจรัสแสง!! โดยมีเทพอสูรนามว่า ไป๋หยาง เป็นผู้ปกครองป่าอสูรแห่งนี้

เสียงที่เกิดหลังจากบางสิ่งตกลงมาจากฟากฟ้านั้น ทำให้เหล่าสัตว์อสูรเกิดความตื่นตระหนก รวมทั้งเสียงนี้ยังดังกังวานไปไกลถึงเมืองหลวงของทวีปจรัสแสง จึงเกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นเสียงของสัตว์อสูรที่เลื่อนขั้นเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้น

องค์จักรพรรดิ์ จึงสั่งให้เหล่าทหารเตรียมพร้อมรับมืออยู่ตลอดเวลา ด้วยเกรงว่าสัตว์อสูรจะบุกเข้ามาภายในเมือง...

ณ ป่าอสูร

เสียงที่เกิดขึ้นทำให้เทพอสูรไป๋หยางตื่นจากการบำเพ็ญพลัง เป็นผลให้เทพอสูรไป๋หยางที่ใกล้จะทะลวงเข้าสู่ระดับเทพอสูร ขั้นที่8 เป็นอันต้องยกเลิก เทพอสูรไป๋หยางมุ่งหน้าตรงไปที่บริเวณที่เกิดเสียงดังกล่าวขึ้น ด้วยความโกรธ พร้อมกับตะโกนออกไปว่า

"มันผู้ใดบังอาจบุกรุกป่าอสูรของข้า จงแสดงตนออกมา ก่อนที่ข้าจะไปเด็ดหัวเจ้าทิ้งซะ!! "

เทพอสูรไป๋หยางปลดปล่อยพลังออกมาจนสัตว์อสูรที่อยู่บริเวรนั้นสั่นผวา แต่เมื่อไป๋หยางและเหล่าอสูรที่ตามมาด้วยนั้น เห็นภาพตรงหน้าพวกมันทุกตนล้วนต้องตกตะลึงพร้อมกับรีบคุกเข่าลงต่อหน้าเทพองค์หนึ่ง ความโกรธที่ประทุออกมานั้นหายไปจนหมดสิ้น แปรเปลี่ยนเป็นความเคารพยำเกรงแทน

เทพองค์นี้มีเส้นผมสีทอง สวมเกราะเต็มตัวในมืออุ้มเด็กทารกอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้เทพอสูรไป๋หยางแปลกใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยถามออกไป....

" ข้าน้อยขอคาราวะท่านราฟาเอล เทพแห่งความรักและการทำลาย ไม่ทราบว่าท่านมายังที่ต่ำต้อยแห่งนี้ เพื่อจุดประสงค์อันใดกัน ข้าผู้น้อยขอทราบเหตุผลได้หรือไม่"

เทพอสูรไป๋หยาง กล่าวอย่างนอบน้อม เนื่องจากทราบว่าบุคคลตรงหน้าไม่ใช่คนที่ควรไปยุ่ง...

" ไม่ต้องมากพิธีหรอกท่านเทพอสูรไป๋หยาง ข้าได้ยินมาจากอัลบาร์หมดแล้วล่ะว่าถึงท่านจะเป็นอสูร แต่จิตใจและนิสัยของท่านนั้นดียิ่งกว่าเทพและมนุษย์บางคนที่มีจิตใจต่ำช้า ข้ามาที่นี่เพื่อมาขอร้องท่าน!!"

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ราฟาเอลเทพที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง ตอนนี้กลับกำลังคุกเข่าต่อหน้าเทพอสูรไป๋หยาง ส่งผลให้ตัวมันกับอสูรตนอื่นๆที่ตามมาด้วยแทบจะเป็นลมล้มพับ บางตัวถึงขนาดสลบไปแล้ว เมื่อเทพอสูรไป๋หยางเห็นแบบนั้น มันพูดอะไรแทบไม่ออก เพราะเทพที่ว่ากันว่าหยิ่งในศักศรีไม่ยอมก้มหัวให้ใคร  แต่ตอนนี้กำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าตน ทำให้ตัวมันแข็งค้างจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อรวบรวมสติได้จึบรีบกล่าวขึ้นมา

" ทะ..ท่านราฟาเอล!! โปรดอย่าทำเช่นนี้เลย ข้าขอร้องล่ะ โปรดลุกขึ้นเถิดข้ารับการคุกเข่าจากท่านไม่ได้ ดังนั้นขอเพียงท่านสั่งมาข้าก็จะทำให้ดีที่สุด ท่านมีอะไรจะให้ข้าช่วยขอให้ท่านเอ่ยออกมาได้เลย!! "

เมื่อราฟาเอลได้ยินก็คลี่ยิ้มออกมาพร้อมกับกล่าวต่อเทพอสูรไปหยางไปว่า

" ท่านช่วยดูแลบุตรของข้า และอบรมสั่งสอนให้เขาเป็นคนดี โปรดปกป้องเขาจากอันตรายด้วยเถิด ข้าขอเพียงแค่นี้ แล้วอีกอย่างที่ท่านเห็นตรงหน้า ไม่ใช่ร่างแท้จริงของข้าหรอก นี่เป็นเพียงจิตวิณญาณเพียงแค่เศษเสี้ยวที่ข้าแบ่งออกมาก่อนที่จะโดนปิดผนึก เด็กคนนี้ในวันข้างหน้าจะเป็นผู้กอบกู้ของเหล่าเทพ ข้าขอฝากบุตรข้าไว้กับท่านด้วย"

เมื่อได้ฟังสิ่งที่ราฟาเอลกล่าวมานั้น มันแทบจะสลบตามพวกที่เหลือทันที แต่ต้องประครองร่างตนไว้...

"ทะ..ท่านบอกว่านี่เป็นบุตรของท่านเช่นนั้นหรือ!!"

" ใช่แล้ว นี้เป็นบุตรเพียงคนเดียวของของข้าและอัลบาร์ "

เมื่อราฟาเอลกล่าวจบ เทพอสูรไป๋หยางก็นิ่งค้าง ล้มหงายหลังหมดสติไปในทันที  เมื่อราฟาเอลเห็นก็อดยิ้มไม่ได้เพราะเป็นอย่างที่อัลบาร์กล่าวมาไม่มีผิด ไป๋หยางนั้นเป็นอสูรที่ดี แต่มักจะโดนเข้าใจผิดอยู่เสมอ เนื่องจากรูปลักษ์ภายนอกที่สร้างความหวาดกลัวให้กับฝ่ายตรงข้ามอยู่เสมอ...

" นี่เจ้าน่ะ หลังจากไป๋หยางฟื้นขึ้นมาแล้วบอกเขาด้วยล่ะว่าข้าผนึกพลังของบุตรชายเอาไว้ เมื่ออายุครบเจ็ดปีเมื่อไหร่ พลังของเขาจะประทุออกมา เจ้าบอกไป๋หยางให้หาอะไรมาก็ได้ช่วยปกปิดพลังของเขาไม่ให้เทพเบื้องบนสัมผัสได้ หวังว่าเจ้าคงเข้าใจนะ" อสูรตนนั้นที่อยู่ใกล้กับไป๋หยางก็ตอบกับไปแบบตะกุกตะกัก

"ขะ..ข้าน้อยทะ..ทราบแล้วขอรับ" มันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ กลัวจนขึ้นสมองขนาดนี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวของจิตวิณญาณ ถ้ามาทั้งกายเนื้อล่ะ เป็นครั้งแรกที่มันได้เห็นเทพตัวเป็นๆ แถมยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย

"ถ้างั้นก็ดี ฝากบอกไป๋หยางด้วยว่า ห้ามบอกเรื่องนี้กับบุตรของข้าเป็นอันขาด!!!"ราฟาเอลกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

"ขะ ข้าน้อยทราบแล้วขอรับ" เสียงของอสูรตนนั้นขานตอบ

"ข้าไปล่ะ ฝากลูกของข้าให้พวกเจ้าดูแลด้วยล่ะ" เมื่อกล่าวจบราฟาเอลก็กลายเป็นแสงแล้วหายไปเหลือเพียงเด็กทารกที่อยู่ในห่อผ้า ซึ่งกำลังหลับสนิท

" ข้าสลบไปได้อย่างไร เป็นฝันที่แปลกมากข้าฝันว่า ท่านราฟาเอล กับท่านเทพอัลบาร์มีบุตรด้วยกันซึ่งแน่แท้มันเป็นไปไม่ได้เพราะมันเป็นกฎเหล็กของสวรรค์ ฮ่าๆๆๆ ข้าแค่ฝันไปนี่เอง"

เมื่อไป๋หยาง หัวเราะด้วยความดีใจจบแล้ว มันก็เหลือบไปเห็น เด็กทารกในห่อผ้าซึ่งเหมือนกับในฝันไม่มีผิดเพี้ยน ตัวมันเริ่มจะกล่าวอะไรออกมาแต่พวกอสูรองค์รักษ์ ก็เข้ามาซะก่อน...

"ท่านเทพอสูรไป๋หยางท่านฟื้นแล้วข้าและอสูรตนอื่นๆช่วยกันนำพาท่านมาที่พำนักตอนที่ท่านหมดสติอยู่ ก่อนที่ ท่านราฟาเอลจะจากไป ท่านได้ฝากข้อความมาว่า ท่านราฟาเอลได้ผนึกพลัง ของบุตรนางเอาไว้จนกว่าจะอายุ7 ปีเพื่อไม่ให้ เทพด้านบนสัมผัสพลังของเขาได้"

เมื่อเทพอสูรไป๋หยางได้ฟังสิ่งที่อสูรตนนั้นพูดมันแทบจะเป็นลมอีกรอบแต่ยังดีที่มันพอมีสติ ประคองตัวเองไว้ได้ มันหันกลับมามองเด็กที่อยู่ในห่อผ้า แล้วได้แต่ถอนหายใจออกมา..

"เฮ้ออ ท่านอัลบาร์ นี่ท่าน คิดว่าข้าจะดูแลบุตรของพวกท่านได้ดีขนาดนั้นเลยเหรอ"

เทพอสูรไป๋หยางได้แต่ถอนหายใจ และมองดูเด็กที่อยู่ในห่อผ้าด้วยสายตาที่ อ่อนโยน จน อสูรที่ใกล้ๆสังเกตุเห็นรอยยิ้มอันอ่อนโยน แล้วได้แต่กลั้นหัวเราะเอาไว้ " ปากบอกไม่แต่ใจกลับทำอีกอย่าง เฮ้อ ปากช่างไม่ตรงกับใจจริงๆเลย" อสูรตนนั้นได้แต่คิดในใจ

อุแว้ อุแว้ เสียงเด็กทารก ร้องขึ้นมาทำให้เทพอสูรไป๋หยางต้องอุ้มขึ้นมาแล้วกล่อมให้เด็กทารกหยุดร้องไห้ ซึ่งแน่นอนการกระทำทั้งหมดล้วนประจักษ์ แก่สายตาของอสูรทุกตนที่อยู่ในนี้

"พ่อจ๋า" นี้คือคำแรกที่เด็กทารกน้อยคนนี้พูดออกมาสร้างความตกตะลึงให้แก่เหล่าอสูรและรวมทั้ง ไป๋หยางเองด้วย

"สมแล้วที่เป็นลูกของท่านทั้งสอง ขนาดเป็นทารกยังสามารถพูดได้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เด็กทารกทั่วไปจะไม่สามารถสื่อสารได้จนกว่าจะห้าขวบ แต่นี้แค่ขวบเศษ สามารถสื่อสารได้แล้ว ช่างมีความสามารถอะไรเช่นนี้"

เมื่อเด็กน้อยคนนี้ พูดคำว่า พ่อ ทำให้แววตาอ่อนโยนลงมาก และยิ้ม อ่อนๆ ในชีวิตนี้เทพอสูร ไป๋หยางไม่เคยมีบุตร นั้นทำให้จิตใจของไป๋หยางนั้น ยังมีช่องโหว่อยู่ แต่ตอนนี้ช่องโหว่นั้นได้โดนปิดทับไว้แล้วโดยเด็กทารกตัวน้อย ช่องโหว่ที่ได้รับการเติมเต็มนั่นก็คือ ความรัก การได้รับความรักจากคนอื่นซึ่งในชีวิตนี้มันไม่เคยได้ความรักจากใคร ยกเว้นเด็กน้อยคนนี้ที่ให้ความรักแก่ตน ทำให้ไป๋หยางอ่อนโยนขึ้นกว่าแต่ก่อน...

"เอาล่ะตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าชื่อ ไป๋หลง " เมื่อเทพอสูรไป๋หยางกล่าวออกมา อสูรตนอื่นๆ ก็ คุกเข่าคำนับ ไป๋หลง ในฐานะ นายน้อย ของป่าอสูร

กลับมาบัจจุบัน ณ ป่าอสูร..

ตอนนี้เวลาผ่านมาห้าปีแล้ว ไป๋หลงมีเส้นผมสีดำ มันวาวที่ได้รับการดูแลอย่างดี สีผิวที่ขาวสะอาดสะอ้าน หากหญิงใดเห็นต้องอิจฉาเป็นแน่ ดวงตาสีแดง ราวกับอัญมณี  ขณะนี้ไป๋หลง อายุหกขวบแล้ว ไปหล๋งเดินมาหาไป๋หยางซึ่งตอนนี้ก็เปรียบเสมือนพ่อจริงๆของไป๋หลง แต่ ไป๋หลงยังไม่ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดในอดีตเพราะเทพอสูรไป๋หยาง คิดว่ายังไม่ถึงเวลา ไป๋หลงเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องของไป๋หยาง มีอสูรที่เป็นองค์รักษ์ เฝ้าอยู่หน้าประตู 2 ตน เมื่อเห็นไป๋หลงเดินมา พวกมันทั้งสองตนก็ทำความเคารพไป๋หลง ไป๋หลง ส่งยิ้มให้ อสูรทั้งสองตนก็เปิดประตู ให้ไป๋หลงเข้าไปในห้อง...

"ท่านพ่อ ข้ากลับมาแล้ว วันนี้ข้าไปเล่นไล่จับกับพวกพี่สัตว์อสูรด้วยล่ะแต่ไม่มีใครจับข้าได้สักคนเลยท่านพ่อ ข้าเก่งรึเปล่า" ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียง สดใส ทำให้ไป๋หยางฟังแล้วรู้สึกจิตใจสบายเป็นอย่างมาก ราวกับน้ำเสียงของเทพธิดาลงมาโปรด

"ฮ่าๆๆๆ เจ้าเก่งมากเลยที่ไม่มีใครจับเจ้าได้ว่าแต่เจ้าทำอย่างไรถึง ไม่โดนจับล่ะลูกพ่อ ไหนบอกหน่อยสิว่าเจ้าทำเช่นไร" ไป๋หยางก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยว่าทำไมถึงไม่มีใครจับลูกของตนได้ จึงเกิดความอยากรู้ เลยแกล้งถามไป๋หลงไป

"ท่านพ่อคอยดู ข้าจะให้ท่านดู " เมื่อไป๋หลงกล่าวจบก็ทำบางอย่างให้ไป๋หยางดู ทำให้ไป๋หยาง ดูอยู่ถึงกับอ้าปากค้าง...

ย้อนกลับไป ตอนที่ ไป๋หลงเล่นไล่จับกับอสูรตนอื่นอยู่ เพราะไป๋หลงได้ชวนอสูรที่ทำหน้าที่ เฝ้าบริเวณนั้นอยู่ มาเล่นกับตน...

" นี่ๆ พวกท่านมาเล่นกับข้าหน่อยได้ไหม ข้าเหงา"

ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงอ้อนแบบเด็กๆ เมื่อทหารยามที่เป็นอสูร ให้ไป๋หลง ชวนตนและคนอื่นๆ มันเลยตอบกลับไปว่า

"ได้ขอรับนายน้อย ว่าแต่ ท่านจะเล่นอะไรล่ะพวกข้าจะได้เล่นเป็นเพื่อน"

อสูรตนนี้มีรูปร่างผอมแห้ง แขนขาลีบ จนออกจะดูน่ากลัว แต่ไป๋หลงไม่ได้คิดว่ามันน่ารังเกียจเลย ไป๋หลงยื่นมือมาจับมือของอสูรตนนั้น ทำให้อสูรตนนั้นรู้สึกดีขึ้นไปอีกที่นายน้อยไม่ได้รังเกียจมัน แม้ว่าขนาดพวกเดียวกันยังไม่กล้าจะคุยด้วยเลย..

"เรามาเล่นไล่จับกัน ข้าจะหนีส่วนพวกท่านจับข้าให้ได้ ขอให้พวกท่านใช้ความสามารถอย่างเต็มที่น่ะ เอาล่ะเริ่มได้"

เมื่อสิ้นเสียงคำบอกกล่าว ของไป๋หลง ไป๋หลงก็ได้หายไป อยู่ด้านหลังของพวกตน จนไม่สามารถตามการเคลื่อนไหวได้ทัน!!

"พวกท่านข้าอยู่ทางนี้ รีบๆมาจับข้าได้แล้ว"

ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ ทันใดนั้น อสูรห้าตน ก็ระเบิดพลัง ระดับราชันย์อสูรออกมา ไล่ตาม ทั้งห้าตนเริ่มตามความเร็วของไป๋หลงทัน ซึ่งมันตกใจเป็นอย่างมาก ขนาดพวกมันระเบิดพลัง จนถึงขีดสุด แต่มิอาจตามความเร็วของไป๋หลงทัน เมื่อไป๋หลงเห็นว่าอสูรทั้งห้า ใกล้จะเข้ามาถึงตน ไป๋หลงเลยคิดจะทำบางอย่าง..

"เอาล่ะ สงสัยข้าต้องเอาจริงด้วยเช่น!!"

ฟึบ!!

ขณะนั้นเองพวกมันทั้งห้าตน อ้าปากกว้างตกตะลึงจนตะโกนพร้อมกันว่า

"ปะ..ปะ ปีกกกกกก!! "

ตัดมาตอนบัจจุบัน ตอนนี้ไป๋หลง ได้เอาปีก1ฝหนึ่งคู่ออกมาซึ่งมีสีขาวและสีดำมันวาว ข้างขวาคือปีกสีขาว ข้างซ้ายคือปีกสีดำ ระดับพลังของไป๋หลง เพิ่มขึ้นทันทีเมื่อนำปีกออกมา ทำให้ไป๋หยางถึงกับกุมขมับ...

"เอาล่ะข้าจะบอกอะไรให้ฟังน่ะเมื่อเจ้าออกไปโลกภายนอกเมื่อไหล่ข้าขอสั่งเด็ดขาดห้ามเผยปีกให้ใครเห็นเด็ดขาด เข้าใจน่ะ"

ไป๋หลงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง ไป๋หลงสังเกตุเห็นว่าเป็นครั้งแรกที่เห็นผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยน้ำจริงจัง

"ขอรับข้าเข้าใจแล้ว"

ไป๋หลงเก็บปีกของตนเองทันทีพร้อมหันหน้าไปมองบิดาของตน...

"เอาล่ะพรุ่งนี้เราจะเริ่มฝึกวิชากัน เจ้าเข้าใจน่ะ"

"ขอรับ"

ไป๋หลงกล่าวตอบรับ..ก่อนจะขอตัวกลับไปยังห้องของตนและเริ่มนั่งทำสมาธิทันที...

ตอนที่ 3 ฝึกฝน

วันนี้ เป็นวันที่ไป๋หลงต้องทำการฝึกฝนบ่มเพาะพลัง เมื่อคืนเกือบทั้งคืนไป๋หลงได้นั่งสมาธิจนเริ่มเห็นภาพบางอย่างในนิมิต...แต่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดนั้นทำให้ไป๋หลงเก็บไปคิด แต่ไป๋หลงคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องทั่วๆไปของการนั่งสมาธิ จึงไม่ได้ใส่ใจอีก 5 เดือนข้างหน้า ไป๋หลงจะอายุครบ7ปีแล้ว ทำให้ไป๋หลงรู้สึกดีใจเพราะเมื่อถึงวันเกิดจะได้ของขวัญตลอด แต่เรื่องนี้เอาไว้คิดทีหลังตอนนี้ เรื่องฝึกสำคัญที่สุด...

"ไป๋หลง เอาล่ะวันนี้ข้าจะให้เจ้าฝึกวิชาในหอคำภีร์แห่งนี้"

ไป๋หยางบอกกล่าวแก่ไป๋หลงซึ่งตอนนี้ไป๋หลงได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของหอคัมภีร์ ข้างในมีคำภีนับหมื่นเล่มมีทั้งหมด10ชั้นด้วยกันคาดว่าเดินดูทั้งหมดก็คงจะไม่หมด ข้างในนี้ใหญ่โตมากก มีชั้นวางตำราเรียบร้อย มีตะเกียงทั่วห้องทำให้ไม่เป็นปัญหาด้าน ความมืดเพราะในนี้แทบจะสว่างเทียบเท่ากับกลางวัน...

"ท่านพ่อ ท่านจะให้ข้าฝึกยังไงรึ ข้าไม่รู้จักตำราสักเล่มว่าเล่มไหน เป็นยังไงบ้าง?"

ไป๋หลงถามไป๋หยางด้วยท่าทีที่สงสัยว่าตนควรฝึกอย่างไร เมื่อไป๋หยางเห็นแบบนั้นก็เริ่มอธิบายทันที..

" ฟังให้ดีนะไป๋หลง คำภีร์ฝึกยุทธในแต่ละชั้นนั้นขึ้นอยู่กับความยาก..ชั้นแรกคือง่ายต่อการฝึกฝนส่วนชั้น10นั้นข้ายังไม่อาจฝึกได้เลยในบางวิชา ที่ข้านำเจ้ามาก็เพื่อ ให้เจ้า ได้เลือกตำราที่เจ้าคิดว่าไม่เกินความสามารถของเจ้า และข้าก็มีของบางอย่างให้เจ้าด้วย "

ไปหยางพูดจบก็นำของบางอย่างออกมาจากแหวนมิติ มันเป็นขวดใส่โอสถไว้ข้างใน เป็นโอสถสีม่วงที่มองแล้วให้ความรู้สึกพลังที่อัดแน่นอยู่ในนั้น ไป๋หลงรับมาและมองหน้าผู้เป็นบิดาตน ด้วยความขี้สงสัยจึงถามไป..

"ท่านพ่อโอสถนี้มันถือโอสถอะไรอย่างงั้นเหรอ ทำไมข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ที่ข้าเคยเห็นในสมุดภาพคือ มีสี เทา เขียว เหลือง และ สีขาว ที่เหลือเหมือนเนื้อหามันขาดหายไปข้าเลยรู้เพียงเท่านี้"

"เจ้าไม่ต้องสนใจหรอกไม่ช้าเจ้าก็จะรู้เองข้ามีเรื่องต้องไปทำก่อนเดี๋ยวข้าจะกลับเข้ามาตอนเย็นๆ เจ้าจงตั้งใจฝึกล่ะ อย่าทำให้ข้าผิดหวัง"

ไป๋หยางกล่าวจบ ก็เดินออกไป เหลือไว้เพียง ไป๋หลงในห้องคัมภีร์  ไป๋หลงเดินสำรวจไปทีละชั้นๆ ผ่านไป 2 ชั่วยาม ไป๋หลงได้อ่านตำราทั่วไปเกี่ยวกับโอสถจนในที่สุดไป๋หลงก็รู้ว่าโอสถที่พ่อของตนให้นั้น คือโอสถระดับจักรพรรดิ หาได้ยากยิ่ง ยิ่งกว่าการหาคือการสร้างโอสถต่างหากที่ยากกว่า...นี้ทำให้ไป๋หลงรู้สึกว่าบิดาของตนนั้นฝากความหวังไว้กับตนมากแค่ไหน ไป๋หลง เดินขึ้นไปบนชั้น 5 จนในที่สุด ไป๋หลงสะดุดเข้ากับวิชานึงเข้า มันคือวิชา ฝ่ามือสยบสรรพสิ่ง เป็นวิชาที่ พลังทำร้ายสูง กินวงกว้าง มีทั้งหมด 3 ขั้นในการฝึก

**ขั้นแรก ฝ่ามือสยบปัฐพี**

ขั้นสอง ฝ่ามือสยบมาร

ขั้นสาม ฝ่ามือสยบสรรพสิ่ง

ทั้ง3ขั้นนี้ ฝ่ามือขั้นแรกฝึกง่ายสุด แต่พลังจะน้อยกว่าขั้นที่สองและขั้นที่3 ส่วนขั้นที่สองพลังทำลายจะเพิ่มขึ้น การฝึกก็จะยากตามไปด้วย ส่วนขั้นสามพลังทำลายล้างสูงสามารถสู้กับคนที่มีพลังเยอะกว่าตัวเองได้ถึง2ขั้นด้วยกัน เมื่อไป๋หลง อ่านทำความเข้าใจจนหมดไป๋หลงเดินไปที่ห้องห้องหนึ่งเป็นห้องที่ใช้ฝึกวิชา

ไป๋หลง เดินไปตรงกลางแล้วนั่งทำสมาธิเริ่มทำการฝึกเวลาผ่านไปหลายชั่วยาม ไป๋หลง สำเร็จวิชานี้แล้วทั้งสามขั้น ปกติคนส่วนใหญ่ใช้ว่าประมาณ10 ปี ต่อให้เป็นอัจฉริยะจากตระกูลใหญ่ยังต้องใช้เวลาเป็นปี กว่าจะสำเร็จ แต่ไป๋หลง กลับฝึกได้ไม่กี่ชั่วยาม เมื่อไป๋หลงฝึกเสร็จก็นำโอสถ ในขวดที่มีอยู่ข้างใน10 เม็ด ไป๋หลง กินเข้าไปเม็ดนึงก็เริ่มทำการดูดซับพลังจากโอสถ ผ่านไปไม่นานไป๋หลง ก็เลื่อนระดับ...

ตู้มม!!

นักรบหลอมรวม ขั้น3

4

5

6

7

8

"อีกนิดเดียวแท้ๆโอสถระดับจักรพรรดิทำให้พลังข้าเพิ่มเร็วขนาดนี้เลยเหรอ น่าแปลก ยิ่งใกล้ถึงวันเกิดทีไรพลังก็จะขึ้นทุกครั้ง หรือเราจะคิดไปเอง ค่อยถามท่านพ่อดูดีกว่า ตอนนี้เหลือเวลา กว่าจะท่านพ่อจะมา ขอฝึกเล่นๆก็แล้วกัน "

ไป๋หลงทำการเดินอ่านคัมภีร์ในชั้นที่5 จนหมดแต่ สะดุดตาเข้ากับตำราเล่มนึง ศาสตร์ตราจิตวิณญาณ เป็นตำราเกี่ยวกับ การบอกถึงวิธีการ ดึงเอาอาวุธที่อยู่ในจิตใจออกมา แต่ไป๋หลงยังไม่คิดที่จะฝึกในตอนนี้ เพราะคิดว่ายังไม่จำเป็น

เวลาได้ร่วงเลยมาจนถึง ตอนเย็น ไป๋หยาง ก็เดินเข้ามาภายในหอคัมภีร์ เมื่อกวาดสายตามองไปทั่วก็เห็นร่างของไป๋หลงกำลังนั่งสมาธิอยู่ จึงเดินเข้าไปเพื่อที่จะเรียกไป๋หลง แต่เกิดเหตุการณ์บางอย่างขึ้น เมื่อ ปีกของไป๋หลงกำลังเพิ่มขึ้นมาอีก1คู่ ภายในห้องคัมภีร์...

เกิดความปั่นป่วนทางกระแสพลังขึ้น ไป๋หยางได้สังเกตเห็น ปีกที่เพิ่มออกมาหนึ่งคู่นั้นเหมือนคู่แรกทุกประการ จนในที่สุดเหตุการณ์นี้ก็สิ้นสุดลงปีกนั้นก็สลายหายไป ไป๋หลงลืมตาขึ้นเห็นผู้เป็นพ่อเข้ามาไม่ทันได้สังเกตรอบตัว

"ท่านพ่อข้าฝึกเสร็จแล้วเดี๋ยวพรุ้งนี้ข้าขอเข้าไปในเมืองได้ไหม?"

ไป๋หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงออดอ้อนจนทำให้ผู้เป็นพ่อต้องใจอ่อนทุกที ไป๋หยางไม่รู้สึกตกตะลึงเท่าไรนักเพราะมันเป็นเรื่องปกติของเผ่าชั้นสูงแต่...ไป๋หลงไม่ได้รับรู้ถึงความจริงตรงส่วนนี้

"ได้แต่เจ้าต้องเอาชนะ อสูรองค์รักษ์ ที่ ข้าเตรียมไว้ให้เจ้ายินดีหรือไม่"

ไป๋หยางกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แต่ จริงๆแล้วไป๋หยางต้องการจะดูฝีมือว่าบุตรของตนนั้นก้าวหน้าเพียงใด จึงได้สร้างข้อเสนอนี้ขึ้น..

" ได้ข้าขอรับคำท้า!!"

จบ....

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!