มายาปฏิพัทธ์
ผู้ประพันธ์ : เฌอรินทิพย์
ราคา 379 บาท
พิมพ์ครั้งแรก : มิถุนายน 2560
เลขมาตรฐานสากลประจำหนังสือ ISBN 978-616-440-440-3
@ สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติพุทธศักราช 2559 ห้ามดัดแปลงบทความ คัดลอก หรือนำไปใช้บางส่วน เเละนำไปเผยแพร่ไม่ว่ากรณีใดๆ ทั้งสิ้น โดยไม่ได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนมีโทษบัญญัติไว้สูงสุดตามกฎหมาย พระราชบัญญัติ 2537
บรรณาธิการเล่ม : เฌอรินทิพย์
จัดอาร์ตปก และจัดรูปเล่ม : Li_la
พิสูจน์อักษร : วิชาญ งามโขนง
ภาพปก : พิมพ์กานต์ นพคุณ
ภาพประกอบ SD : พัชญา ศิริเพ็ญ
ข้อมูลทางบรรณานุกรมของสำนักหอสมุดแห่งชาติ
เฌอรินทิพย์.
มายาปฏิพัทธ์-- กรุงเทพฯ : อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์พับลิชชิ่ง, 2560.
390 หน้า.
1. นวนิยายไทย. 0. พัชญา ศิริเพ็ญ, ผู้วาดภาพประกอบ I. ชื่อเรื่อง.
895.913
ISBN 978-616-440-440-3
พิมพ์ที่ : บริษัท อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง จำกัด มหาชน
จัดพิมพ์และจำหน่ายโดย : Mamaya Book
ติดต่อประชาสัมพันธ์พูดคุยได้ที่ FB Page : Mamaya writer
‘ถ้าแกยังไม่ยอมเลิกมีแฟนเป็นผู้หญิง ไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก !’
เธอยังจำเสียงนี้ได้ดีและไม่มีวันลืม ไม่ว่ากี่ครั้งที่ปิดเทอมจากมหา’ลัย กลับบ้านมาก็มักจะโดนว่าแบบนี้ทุกครั้ง จนตอนนี้เรียนจบมาสองปีกว่าทำงานอยู่ที่บริษัทแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แล้ว ก็ยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนใจมารดาได้เลย ทุกวันหยุดปีใหม่ปีที่แล้วต้องคิดนานว่าควรจะกลับไปดีไหม ?
สุดท้ายก็กลับไปและ...
‘ฉันเลี้ยงให้แกโตมาชอบผู้ชาย ไม่ใช่มาคบกับผู้หญิงด้วยกันแบบนี้!’
เป็นมาตลอดจนเมื่อหลายเดือนก่อนแม่เกิดป่วยกะทันหันและด่วนจากไป ทั้งครอบครัวตอนนี้จากสามคนเหลือเพียงคนเดียว คำสั่งเสียของแม่คือการให้แต่งงานกับผู้ชายดีๆ มีครอบครัว ซึ่งมันแทบไม่มีวันเป็นไปได้เลย เธอไม่ได้รังเกียจผู้ชายแต่ทว่าการคบกับผู้หญิงด้วยกันมันก็ไม่ได้แย่อะไรมากมาย...อีกอย่าง ในทางตรงกันข้ามเธอกลับรู้สึกว่าสบายใจกว่ากันเยอะทีเดียว
“น้องต๋อมอยากสั่งอะไรมาทานไหมครับ”
จรีภรณ์หรือ ‘ต๋อม’ ส่ายหน้าแทนคำตอบ เธอนั่งตรงข้ามฝั่ง รุ่นพี่หนุ่มที่ทำงานในแผนกเดียวกัน แม้สายตาจะไม่ได้แสดงออกมาว่าเกลียดผู้ชาย แต่ท่าทางที่ดูเหินห่างก็พอบอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าไม่สนใจ ต่อให้ตัดผมสั้นแล้วใบหน้าก็ยังคงหวานและทำให้มีผู้ชายเข้ามาจีบเพราะคิดว่าเป็น สาวเปรี้ยว!
“พี่ได้ข่าวว่าต๋อมชอบกิน...”
“กินได้ทุกอย่าง” เป็นการขานรับไม่มีหางเสียงเพราะคนอย่าง จรีภรณ์ไม่ใช่สาวเรียบร้อยและเป็นกุลสตรีที่ต้องง้อผู้ชายหรือทำตัวออดอ้อน อีกอย่างด้วยความที่ใจไม่ชอบเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้วคงไม่สามารถตอบรับความรู้สึกของอีกคนได้ จึงไม่อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์จากเพื่อนร่วมงานหรือรุ่นพี่ไปเป็นอย่างอื่น
หญิงสาวลืมตัวไปว่าพูดจาไม่สุภาพจึงรีบตอบกลับไปใหม่ในทันที
“อะไรก็ได้...ค่ะ”
ชายหนุ่มได้แต่มองใบหน้าสวยหวานไม่วางตา ทำให้จรีภรณ์รู้สึก อึดอัดที่ต้องอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ความจริงแล้วคนที่ชวนคือเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่บอกว่าสุดสัปดาห์มื้อกลางวันนัดกันไปกินเลี้ยงซึ่งมีแต่ผู้หญิงแล้วทำไมตอนนี้มีเพียงแค่เธอและคุณรุ่นพี่หน้าจืดเท่านั้นเล่า !
“งั้นพี่สั่งให้นะครับ”
หญิงสาวยิ้มเจื่อนๆ พลางพยักหน้ารับโดยไม่ปริปากพูดอะไร ระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟได้แต่นั่งหันมองไปทางอื่น เมื่อบรรยากาศเริ่ม อึดอัดมากขึ้นเรื่อยๆ จนทนไม่ไหวจึงเอ่ยปากขอชายหนุ่ม
“ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน...นะคะ”
พูดเสร็จก็ลุกเดินจากไปทันที เมื่อเดินห่างออกมามากพอแล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมา จรีภรณ์เดินเข้ามาล้างมือและส่องมองตัวเองที่หน้ากระจก ไม่มีใครดูออกว่าภายในของหญิงสาวนั้นไม่ได้ชอบเพศตรงข้ามเลยสักนิด
จรีภรณ์มีใบหน้าหวานกับดวงตากลมโตและจมูกที่รับริมฝีปากพอดี ผมสั้นที่ตัดเท่าใบหูดูให้เหมือนผู้ชายแต่ใบหน้าหน้าหวานก็ยังคงอิ่มไม่เปลี่ยน...ทว่าการแต่งตัวนั้นดูตรงข้ามกับหน้าตาอย่างชัดเจน หญิงสาวจงใจให้เป็นแบบนั้นเพื่อหลีกผู้ชายที่เข้ามาจีบ แต่มันก็ไม่ได้ดูน้อยลงเลย
เมื่อระบายความรู้สึกอึดอัดเสร็จแล้วจึงเดินกลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม อาหารถูกเสิร์ฟจนเต็มแต่จะให้นั่งกินกับผู้ชายเหมือนมาเดทกันคงจะยากหน่อย
“สรุปแล้วคนอื่นจะไม่มาใช่ไหม ?” จรีภรณ์เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์มากนัก
รุ่นพี่ระบายยิ้มก่อนพูดขึ้น
“พี่ขอโทษที่ไม่ได้โทรบอกเลย ต๋อมคงจะไม่ว่าอะไรพี่ใช่ไหม ?”
“ไม่เลย พี่ฮิปโป” จรีภรณ์พูดลากเสียงยาวพร้อมชื่อของอีกฝ่าย เมื่อเรียกทีก็จะกลั้นขำกับชื่อเล่นนั้นไม่ได้ ปกติแล้วทุกคนในแผนกจะเรียกว่า ‘พี่โป’ คงจะมีแต่เธอที่เรียกเต็มๆ ว่าฮิปโป
“ครับ งั้นเรากินกัน”
หญิงสาวเพียงยิ้มรับและหยิบช้อนตักอาหารเข้าไปพลางเหลือบสายตามองชายหนุ่มตรงหน้าไป...
ทำไมสีหน้าดูมีความสุข ต่างจากเราที่อมทุกข์อยู่ในใจเนี่ย !
“น้องต๋อมชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ”
จรีภรณ์คาช้อนในปากไว้ เงยหน้าขึ้นมองพี่ฮิปโปแล้วส่ายหน้าตอบ
“ไม่มีเลยหรือครับ อย่างเช่น ชอบสีอะไร ชอบดอกไม้อะไร หรือว่าชอบดูหนังแนวไหน ?”
ถามมาเป็นชุดนี่กะจะรุกจีบใช่ไหม !
จรีภรณ์เคี้ยวอาหารในปากให้หมด เอื้อมมือหยิบน้ำดื่มตามแล้วพูดขึ้น “ไม่มีค่ะ”
“ไม่มีเลยเหรอครับ” ฮิปโปยังคงถามซ้ำและรอคำตอบ
“ไม่มีค่ะ”
“จริงๆ หรือครับ” ชายหนุ่มเริ่มส่งสายตาอ้อนวอน
“สีที่ชอบสีดำ ดอกไม้ไม่มี หนังที่ชอบดูก็แนวสืบสวนฆาตกรรม”
จรีภรณ์ตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนักและหวังว่าอีกฝ่ายคงไม่สนใจด้วย...
“จริงหรือครับ งั้นถ้ามีภาพยนตร์แนวสืบสวนฆาตกรรมออกมาพี่จะชวนน้องต๋อมไปดูด้วยกันนะ”
ฮ้า !! จรีภรณ์เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“ไม่ต้องๆ เกรงใจเปล่าๆ ค่ะ” รีบบอกปฏิเสธทันทีเพราะแค่วันนี้ไม่ถึงชั่วโมงทำเอาอึดอัดจะแย่อยู่แล้ว หากไปดูหนังด้วยกัน ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเป็นยังไงต่อ
“น้องต๋อมครับ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้จรีภรณ์ต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“พี่ชอบน้องนะครับ”
จรีภรณ์นั่งอึ้ง อาหารที่อยู่ในปากแทบจะสำลักติดคอ
“น้องต๋อมครับ...”
จรีภรณ์รีบมองหน้าและฉีกยิ้มให้อีกฝ่าย
“พี่ฮิปโปอย่ามโนไปเอง ! ให้ต๋อมเป็นรุ่นน้องพี่ดีแล้ว !” จรีภรณ์ตอบปฏิเสธไปทันที ครั้นมองสีหน้าอีกฝ่ายที่แสดงความผิดหวังออกมาก็รู้สึกผิดนิดๆ แต่จะให้ชอบคุณพี่ฮิปโปตรงหน้าเห็นทีคงจะไม่ได้
คงตัดใจแล้วมั้ง...
“ไม่เป็นไรครับ พี่จะจีบน้องเชื่อว่าสักวันน้องต้องชอบพี่แน่ๆ”
ไม่ตัดใจง่ายๆ หนำซ้ำยังจะจีบต่อ...เอาไงดี รับรองวันนี้ได้ตกนรกเป็นๆ ทั้งวันแน่ๆ
“ใช่ ! ต๋อมนึกได้ว่ามีธุระ งั้นขอตัวกลับก่อนนะ” เมื่อพูดจบก็ลุกขึ้นวิ่งหายไปในทันทีทิ้งให้อีกฝ่ายตั้งรับไม่ทัน กว่าจะรู้ตัวก็นั่งอยู่คนเดียวเสียแล้ว
จรีภรณ์เดินออกมาห่างมากพอสมควรที่จะหยุดพักหายใจ กะแล้วว่า ต้องเป็นแบบนี้ ไม่คิดว่าคนในแผนกจะช่วยกันเพื่อให้พี่ฮิปโปได้มีโอกาสอยู่กับเธอ มันจะเลวร้ายมากแค่ไหนถ้าเกิดเดินจูงมือกับเขา
อี๋ ! ไม่อยากจะคิดเลยจริงๆ
หญิงสาวเดินออกจากห้างสรรพสินค้าขึ้นรถเมล์เพื่อกลับไปยังอพาร์ตเมนต์ นั่งรถไม่ถึงสี่สิบหน้าทีก็ถึงที่หมาย สายตามองไปรอบๆ พลาง ถอนหายใจออกมา พลันมองเห็นลูกสุนัขที่วิ่งผ่านตัดหน้าไปก็อดที่จะมองนานๆ ไม่ได้
เจ้าสุนัขตัวน้อยวิ่งผ่านออกไปที่ถนนใหญ่สามเลน จรีภรณ์เห็นว่ารถบรรทุกที่วิ่งมาด้วยความเร็วนั้นได้เบรกหักเลี้ยวลงข้างทางเพื่อหลบเจ้าสุนัข รถสิบล้อพุ่งเข้าชนป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างจากหญิงสาวไม่ถึงห้าเมตร จรีภรณ์ยืนนิ่งตัวแข็งก่อนตั้งสติได้ โชคดีที่รถไม่พุ่งเข้าใส่เธอ
แกร๊ก...แอ๊ด
ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ขยับเอียงค่อยๆ ล้มลงมา จรีภรณ์รีบที่จะเดินถอยออกห่างแต่ทว่า....
“เฮ้ย...!!!”
เสียงพูดคุยดังเข้าผ่านหูของหญิงสาวที่นอนหลับอยู่บนเตียง กลิ่นยาและน้ำหอมจากคนผสมกัน ทำให้ดมจนแทบอยากจะอ้วก ไม่นานนักเสียงที่น่ารำคาญก็ค่อยๆ หายไป จรีภรณ์พยายามปรือตาที่หนักอึ้งขึ้นอย่างช้าๆ มองไปยังเพดานสีขาวสะอาด ตอนนี้ก็พอจะเดาได้ว่าอยู่โรงพยาบาล เธอขยับปรับเปลือกตาเพื่อรับแสงก่อนจะมองเห็นพยาบาลที่กำลังเก็บของอยู่
“ฟื้นแล้วหรือคะ ? ฉันจะไปตามคุณหมอมานะคะ”
จรีภรณ์เพียงแค่พยักหน้าตอบเพราะยังคงมึนงงกับร่างกายอยู่
หญิงสาวหลับตาลงในขณะที่พยาบาลเดินออกจากห้องไป กำลังพยายามนึกภาพก่อนเกิดอุบัติเหตุและก็จำได้ว่าดวงซวยที่ดันไปยืนอยู่ตรงนั้น จนถูกป้ายโฆษณาหล่นใส่เอาได้ ดีที่ยังไม่ตาย ไอ้ต๋อมเอ๊ย...เพิ่งเข้าโรงพยาบาลหนักๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกเลย
ประตูห้องเปิดเข้ามา เสียงมากมายก็ดังตามมาด้วย
จรีภรณ์หันหน้าไปมองผู้มาเยือนที่ไม่รู้จัก
“พริมฟื้นแล้วหรือลูก”
หญิงสาวยิ่งคิ้วขมวดใหญ่มากกว่าเดิมเมื่อถูกหญิงวัยกลางคนทัก...
ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ??
“คุณหมอคะ เธอเป็นอะไรทำไมไม่ยอมพูดคะ”
จรีภรณ์ยังคงมองด้วยความงุนงงทั้งที่อยากจะเปิดปากพูดว่ากำลังทักคนผิดแต่ทว่าไม่มีแรงมากพอได้แค่นอนนิ่งๆ มองดูคนแปลกหน้าต่อไป สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะหลับตาลงหนีความวุ่นวายนี้เสีย
“คงเพราะสมองสับสนจากอุบัติเหตุน่ะครับ อาจจะต้องใช้เวลาพักฟื้นก็จะหายเป็นปกติครับ”
“คุณแม่คะ ให้ยัยพริมพักผ่อนก่อนดีกว่าไหมคะ ? ยัยพริมคงยังไม่หายดี” มารวีเอ่ยขึ้นเมื่อมองเห็นว่าคนป่วยได้นอนหลับไปแล้ว
บวรลักษณ์พยักหน้าเห็นด้วย เพราะลูกสะใภ้อาจจะต้องใช้เวลา พักฟื้นและทำใจกับเรื่องเลวร้ายบ้าง พลันมองคนป่วยที่หลับตาลงแล้วก็อดสงสารไม่ได้ว่าเจ้าลูกชายไม่ยอมมาเยี่ยมบ้าง
“พริมแม่ไปก่อนนะ แล้วจะมาเยี่ยมใหม่”
เสียงประตูห้องปิดลง ทุกอย่างกลับมาเงียบสงบ จรีภรณ์หรี่ตาขึ้นมาและมองไปรอบๆ พลางถอนหายใจออกมา หญิงสาวไม่รู้ว่าคนกลุ่มนี้กำลังเข้าใจอะไรผิดกันแน่ที่อยู่ๆ มาทักคนผิด แต่เอาเถอะมันก็แค่เรื่องที่ไม่เข้าใจและไม่ต้องใส่ใจ
จรีภรณ์ขยับตัวลุกขึ้นนั่งพลางยกมือขึ้นลูบศีรษะจับผ้าพันแผลแต่ก็ตกใจเมื่อเส้นผมที่ซอยสั้นนั้นดันยาวและดัดลอน เดี๋ยวนะ...ผมเธอไม่ใช่แบบนี้นี่ ! ยังตกใจกับผมที่เปลี่ยนไปไม่พอนิ้วมือจากที่ป้อมๆ สั้นๆ ก็ดูเหมือนจะเรียวขึ้น
หญิงสาวจับไปทุกส่วนของร่างกายและรู้สึกว่ามันแปลก และเมื่อ มือทั้งสองข้างจับที่หน้าอกก็ต้องตกใจมากกว่าเดิม หน้าอกเธอไม่เคยโตแบบนี้มาก่อน แล้วนี่ทำไมถึงใหญ่กว่าเดิมคูณสองเท่า !
จรีภรณ์กำลังมึนงงและเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลางหันมองดูนาฬิกาหรือปฏิทินเพื่อนับวันเวลา หญิงสาวหันมองไปทางประตูและเห็นพยาบาลเดินเข้ามาจึงรีบพูดขึ้นทันที
“วันนี้วันอะไรคะ ?”
“วันเสาร์จ้ะ”
“อ้อ ค่ะ ”
จรีภรณ์กำลังไม่เข้าใจตัวเองแต่ก็ไม่ลืมที่จะขอกระจกจากพยาบาล
“เออ...มีกระจกไหมคะ ?...”
พยาบาลวัยกลางคนมองหน้าก่อนจะเดินไปหยิบกระจกมาให้แล้วเดินออกจากห้องไป
“ขอบคุณค่ะ” จรีภรณ์ยิ้มและกล่าวของคุณ ไม่รอช้าที่จะรีบพลิกกระจกส่องมองตัวเองทันที
ผู้หญิงตรงหน้าของเธอคือใครกัน
จรีภรณ์ยกมือขึ้นลูบใบหน้าและตบแรงๆ ให้ตื่นจากฝัน
เพียะ !
เจ็บระบมไปทั่วใบหน้าซีกขวา แต่เมื่อส่องกระจกอีกครั้งก็ยังเห็นใบหน้าสวยหวานผมสีน้ำตาลดำดัดลอนอยู่
“เฮ้ย !...” จรีภรณ์ร้องอุทานด้วยความตกใจ มือก็โยนกระจกทิ้งลงพื้นอย่างไม่ไยดี คุณพระ ! นี่มันต้องเป็นความฝันแน่ๆ ความฝันที่ยังไม่ตื่น
เสียงเปิดประตูเข้ามาอีกครั้งจรีภรณ์ไม่ได้สนใจมากไปกว่าการตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง...ไม่มีใครทักผิดตั้งแต่แรก แต่เป็นเพราะเธออยู่ในร่างของใครไม่เคยรู้จักพบเจอด้วยซ้ำ แล้วร่างของเธอล่ะไปไหนแล้ว !
“คุณแม่บอกผมว่าคุณประสบอุบัติเหตุ”
จรีภรณ์สะดุ้งและค่อยๆ หันไปมองชายหนุ่มผู้มาเยือนใหม่
ใบหน้าหล่อขาวคมเข้มดวงตาสีน้ำตาลดำ จมูกโด่งในแบบชายไทย...
“คุณเป็นใคร ?”
จรีภรณ์เอ่ยถามขึ้นพลางส่งสายตามองคนตรงหน้า ชายหนุ่มมองหญิงสาวร่างเล็กพลางครุ่นคิดในใจโดยไม่ปริปากพูดอะไร
“คุณเป็นใคร เพื่อนงั้นเหรอ” จรีภรณ์พูดด้วยน้ำเสียงห้วน พินิจมองชายหนุ่มตรงหน้าที่แต่งตัวดูภูมิฐานดี
“คุณจำผมไม่ได้ ?”
หญิงสาวมองด้วยความหมั่นไส้นิดๆ เมื่อเขาท่าทางนิ่งขรึมเก็กหล่อ
ถ้ารู้จักจะถามไหมล่ะ !!
“ถ้ารู้จักคงถามหรอก” จรีภรณ์พูดก่อนขยับตัวพยายามเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียง
หยิบไม่ถึง…!! ทำไมผู้หญิงร่างนี้ถึงแขนสั้นนัก
กตตน์มองคนป่วยบนเตียงก่อนจะก้าวไปหยิบแก้วและเทน้ำส่งให้
จรีภรณ์รับแก้วมาพลางมองโดยไม่กล่าวขอบคุณ เธอดื่มน้ำโดยไม่สนใจคนที่ยืนรอข้างเตียง
“งั้นผมจะบอกคุณเผื่อบางทีคุณอาจจะลืม” กตตน์พูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งมองหญิงสาวที่ไม่สนใจอะไรนอกจากตั้งหน้าดื่มน้ำในแก้ว
“ผมเป็นสามีของคุณ...”
พรวด!! เมื่อได้ยินจรีภรณ์ก็สำลักน้ำออกมาทันที ยกมือขึ้นลูบหน้าอกเบาๆ ก่อนหันมองชายหนุ่มพลางเช็ดปาก
“คุณพูดอีกทีสิ บางทีฉันอาจหูฝาดไป” หญิงสาวบอกให้เขาพูด อีกครั้งเพื่อความมั่นใจ
“สามี...แค่ในนามเท่านั้น”
กตตน์มองคนป่วยที่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ
จรีภรณ์แทบจะเป็นลมทำอะไรไม่ถูก มือที่ถือแก้วอยู่ได้ร่วงลงไป ถ้าจะเป็นแบบนี้ให้ตายแล้วกลับมาอยู่ในร่าง หญิงคนนี้ยอมตายเสียดีกว่า ถึงเป็นแค่สามีในนามหรือสามีจริงๆ ก็เถอะ แบบนี้มันนรกชัดๆ !
“นี่คุณ...” หญิงสาวเอ่ยปากเรียกด้วยเสียงแผ่ว ดวงตากลอกไปมาแสดงถึงความไม่เชื่อ
“ตบหน้าฉันทีสิ”
กตตน์มองคนป่วยที่กระวนกระวายราวกับรับความจริงไม่ได้
“คุณจำอะไรไม่ได้เลยอย่างงั้นเหรอ ?” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง
เธออยากจะเอาหัวชนฝาจริงๆ ทำไมโชคชะตาเล่นตลกกันแบบนี้ !
“คุณคงสับสน พักเถอะ”
กตตน์เอ่ยขึ้นก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไปเงียบๆ
“มันไม่ตลกนะ ไม่ตลกเลยสักนิด ม่ายยยยยยย...”
เมื่อประตูปิดลงแล้วจรีภรณ์ถึงกับต้องร้องออกมาเสียงดัง
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!