แดเนียล : นายแบบ/นักแสดง ชายไทยแท้แต่เติบโตและใช้ชีวิตที่เกาหลี
'ผมไม่ดีตรงไหน ผมก็หล่อ สูง ขาว มีชื่อเสียง ผมสู้มันไม่ได้ตรงไหน ถามหน่อย?!'
เมษา : ติ่งk-pop ที่มีความฝันอยากเป็นล่ามแปลภาษาเผื่อสักวันจะได้มีโอกาสกระทบไหล่ศิลปินที่เธอชื่นชอบ
'แต่ฉันไม่ได้ชอบนาย เข้าใจมั้ย? ไม่ชอบก็คือไม่ชอบไง! เข้าใจยากตรงไหน ถามหน่อย?!'
Ep. 1
'เอาละค่ะ คุณไมค์คะ ดิฉันว่าเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเนี่ย เรามาพบกับพวกเขากันเลยดีกว่าค่ะกับ วง XC ค่า!!!!'
"เดี๋ยวสิ ไม่ได้นะ ตอนนี้เรายังติดต่อการ์ตูนไม่ได้เลย ถ้าให้ศิลปินขึ้นไปตอนนี้ใครจะแปลให้ล่ะ" พี่ดรีมพูดขึ้นมาอย่างลนลานเมื่อข้างนอกนั้นพิธีการคู่หญิงชายประกาศให้ศิลปินขึ้นเวทีแล้ว เสียงกรี๊ดกร๊าดและเสียงปรบมือโห่ร้องของเหล่าแฟนคลับที่มารอดูศิลปินก็ดังขึ้นระนาว แต่ข้างหลังเวทีนี่สิกำลังวุ่นกัน เพราะเมื่อไม่นานมานี้ยัยการ์ตูนที่รับปากว่าจะมาแปลภาษาเพิ่งจะโทรมาบอกว่าเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยแต่ว่าจะมาทันแน่นอน จนถึงตอนนี้พอติดต่อกลับไปอีกทีก็ดันติดต่อยัยนั่นไม่ได้ซะงั้น วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย?!
"ใครก็ได้ ไปบอกข้างนอกก่อนไปว่าให้หากิจกรรมทำรอไปก่อน จะเล่นเกมหรือจับรางวัลแจกของขวัญอะไรก็ได้ไป" เมื่อได้ยินอย่างนั้นพี่ทีมงานคนหนึ่งก็รีบเดินเร็วๆไปที่ข้างเวทีเพื่อสื่อสารพูดคุยกับทางพิธีกรทันที
"แล้วหนุ่มๆวง XC ล่ะค่ะ"
"อย่าเพิ่งเรียกให้ขึ้นเวที ปล่อยให้พวกเขานั่งพักผ่อนกันไปก่อน เอ้า เมษา! ยังยืนนิ่งอยู่ทำไมล่ะ รีบไปบอกพวกเขาเร็วเข้า!"
"ค่ะพี่ดรีม!" ฉันรีบวิ่งไปที่ห้องพักศิลปินเพื่อบอกพวกเขาว่าขอเวลาอีกสักแป๊บ เพราะทั้งทีมงานตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีฉันพูดภาษาเกาหลีได้คนเดียว เพราะการ์ตูนก็ไม่อยู่ ฉันน่ะทำงานเบื้องหลังแต่เพราะชอบที่จะได้พบเจอกับพวกไอดอลหรือนักร้องก็เลยพยายามฝึกภาษาด้วยตัวเอง ถึงจะงูๆปลาๆก็เถอะแต่ก็พอสื่อสารได้นะจะบอกให้ ส่วนวง XC ที่มาวันนี้ก็เป็นวงน้องใหม่แต่ละคนก็อายุไม่เท่าไหร่เอง พอได้รู้อายุพวกเขาแล้วรู้สึกแก่เลยทีเดียว โตกันไวจริงเด็กสมัยนี้
ฉันยกมือเคาะประตูแล้วเปิดออกก็เจอเหล่านักร้องไอดอลประมาณสี่ห้าคนนั่งรออยู่ในนั้น ระรานตาชะมัด
"เอ่อ... ขออนุญาตนะคะ คือว่าตอนนี้..."
"พี่เมษา! เดี๋ยวก่อนพี่! พี่เมษา!!" ฉันที่กำลังจะบอกศิลปินว่าให้พักผ่อนกันก่อน ถ้าพร้อมแล้วจะมาเรียกอีกที แต่อยู่ๆเสียงยัยจิ๊บเด็กฝึกงานก็วิ่งหน้าตื่นมาพร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อฉันซะเสียงดัง อ้อลืมโม้ไปว่าเมื่อกี๊นี่น่ะฉันพูดภาษาเกาหลีด้วยแหละ~~ ><
"มีอะไรรึเปล่า?" ฉันโค้งหัวให้พวกเขาเป็นการขอโทษแล้วหันมาคุยกับยัยจิ๊บ
"คือเหล่าแฟนคลับข้างนอกอ่ะดิ พวกเขาเริ่มโวยวายกันใหญ่แล้ว บอกว่ารอมาเป็นชาติแล้วยังจะให้รอไปถึงไหน แถมยังพากันส่งเสียงเรียกร้องให้ศิลปินออกไปตอนนี้เลยอ่ะ บ่นกันใหญ่เลยบางกลุ่มก็จะบุกเข้ามาถึงข้างหลังเวทีแน่ะ!" ยัยจิ๊บพูดพร้อมกับท่าทางที่เหนื่อยหอบ ฉันก็ยังรอฟังอยู่ว่าจะให้เอายังไงต่อไป
"..............." มองหน้ายัยจิ๊บที่กำลังจะเอ่ยปากพูด มือก็ยังจับลูกบิดประตูที่แง้มค้างไว้อยู่นิดหน่อย
"พี่ดรีมเลยบอกว่า ให้พี่เมษาขึ้นเวทีเป็นล่ามแปลภาษาแทนพี่การ์ตูนไปก่อน"
"ว่าไงนะ?!!O_O!" เมื่อกี๊ยัยจิ๊บพูดว่าไงนะ
"พี่ดรีมแกบอกว่าให้พี่ขึ้นเวทีแทนพี่การ์ตูนไปเลย เพราะถ้ารอพี่การ์ตูนคงโดนแฟนคลับติ่งวง XC พังเวทีแน่"
"จะบ้าหรอ! ฉันไม่เคยขึ้นเวทีไปแปลเลยนะแก!"
"แต่พี่ก็พอพูดได้ไม่ใช่หรอ ตอนนี้มีพี่คนเดียวนะพี่เมษาที่จะช่วยพวกเราได้ ฉันเองก็เชื่ออย่างที่พี่ดรีมพูดว่าพี่ต้องทำได้แน่ พวกเราฝากความหวังไว้ที่พี่นะ" จะเอาฉันไปขายหน้าล่ะสิไม่ว่า ก็ฉันยังไม่เคยขึ้นเวทียืนแปลภาษาออกรายการทีวีเลยสักครั้งนี่นา แล้วนี่อะไรกัน...อยู่ๆจะให้ฉันขึ้นเวทีเนี่ยนะ!! ตายๆๆพ่อจ๋าแม่จ๋าช่วยลูกด้วย ความรู้สึกตอนนี้อยากจะมุดดินกลับเชียงใหม่ชะมัด!!
........................................................
"ครับผม ก็เมื่อกี๊นะครับเกิดข้อผิดพลาดขึ้นนิดหน่อยทางเราต้องขออภัยน้องๆแฟนคลับวง XC ทุกๆคนด้วยนะครับ"
"ค่ะ และตอนนี้นะคะถึงเวลาที่จะพบกับพวกเขาจริงๆแล้วค่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปมากกว่านี้นะคะ ขอเชิญพบกับนักร้องวง XC ได้เลยค่า~~~"
"กรี๊ดดดดด~~~ อร๊ายยย!!!"
แปะๆๆๆๆๆๆๆ
เสียงปรบมือแล้วก็ทั้งเสียงกรี๊ดเสียงโห่ร้องพร้อมๆกับศิลปินบอยแบรนด์น้องใหม่ที่ทยอยกันเดินขึ้นเวที และปิดท้ายด้วย...ฉันเองที่ยืนเป่าปากถอนหายใจแล้วเดินตามพวกเขาขึ้นไปทีหลัง
"อร๊ายยยยย!!!!" เสียงเหล่าแฟนคลับยังโห่ร้องดังมาไม่หยุด ยิ่งตอนที่ไอดอลของพวกเธอยกมือไหว้พร้อมกับก้มหัวลงเป็นการทักทายแบบไทยๆ พวกเธอก็ยิ่งพากันกรี๊ดเสียงดังมากขึ้นกว่าเดิม จะบอกว่าฉันเองก็เคยผ่านโม้เม้นท์นั้นมาแล้วสมัยเรียนมัธยมน่ะ หึหึ
"อันยองฮเซโย.."
"โอ้โห้นี่คุณทักทายเป็นภาษาเกาหลีเลยหรอฮะ คุณน้ำหวานครับ"
"แหม...เพื่อหนุ่มๆหล่อๆอย่างวง XC แล้วเนี่ยดิฉันก็ต้องฝึกพูดมาบ้างสิคะคุณไมค์คะ ฮ่ะๆๆๆ" พิธีกรทั้งสองหยอกเย้าเอ่ยแซวกันตามประสาเอ็มซีเพื่อให้บรรยากาศดูสนุกสนานมากขึ้น ก่อนที่ทั้งสองจะหันมาส่งสายตามให้ฉัน ซึ่งฉันเองก็มองกลับไปหาพวกเขาแบบงงๆ 'ฮ่ะ? คือประโยคที่พวกเขาพูดเมื่อกี๊ฉันก็ต้องแปลใช่มั้ย' ฉันกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ด้วยความตื่นเต้นก่อนจะจับไมค์แบบที่มือสั่นๆขึ้นมาจ่อปากแล้วอธิบายประโยคที่พิธรกรทั้งสองพูดเล่นกันเมื่อกี๊ให้หนุ่มๆวง XC เข้าใจ พวกเขาเองก็ตั้งใจฟังมากจนสุดท้ายก็พากันหัวเราะออกมาพร้อมกับหันไปส่งยิ่มให้พิธีกร โบกมือฉีกยิ้มให้แฟนคลับ ต่อจากนั้นก็เป็นช่วงโชว์ซิงเกิ้ลเปิดตัวของพวกเขา โปรโมทเพลงและตอบคำถามของเหล่าแฟนคลับ ใช้เวลาทั้งหมดบนเวทีนั้นเป็นเวลาสี่สิบนาทีโดยประมาณ
"โห.... สุดยอดเลยพี่เมษา" ยัยจิ๊บพูดแล้วยกนิ้วโป้งให้ฉันยกสองข้าง
"ใช้ได้เลยนี่ ทำไมไม่ขึ้นแปลตั้งทีแรกล่ะความสามารถก็มี" เมื่อลงจากเวทีแล้วพี่ๆน้องๆเพื่อนร่วมงานก็เอ่ยชมเปาะ ฉันเองก็ยิ้มรับด้วยความขอบคุณ อึ้งตัวเองอยู่เหมือนกันนะ ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะฟังพวกเขาออกแล้วก็แปลเป็นเรื่องเป็นราวได้ขนาดนี้เลยอ่ะ
"งานวันนี้ต้องขอบคุณพี่เมษมากๆเลยนะเนี่ย ถ้าไม่มีพี่เมษาป่านนี้เวทีคงพังยับเหลือแต่ซากแล้วอ่ะ"
"เว่อร์ไปแล้ว..."
"จริงๆพี่ ต่อไปต่อคงได้ขึ้นเวทีบ่อยแล้วหละ ใช่มั้ยคะพี่ดรีม?"
"อือ พี่ก็ว่าอยู่ ถ้าทำได้ก็ทำบ่อยๆไปเลย ขึ้นเวทีบ่อยๆจะได้ชิน ต่อไปจะได้ไม่ตื่นเวทีนะ"
"ไฮทุกคน โทษทีมาสายแล้วอ่ะ" พวกเราหันไปมองก็เห็นยัยการ์ตูนเดินหิ้วรองเท้าส้นสูงสีชมพูมาด้วย แต่เดินเท้าเปล่ามาแบบนั้น อย่าบอกนะว่าอุบัติเหตุที่ว่าคือเพราะรองเท้าส้นหัก
"วันนี้มันแบดเดย์มากเลย! แค่แวะเซเว่นแป๊บเดียวกลับมา รถยางแบนซะงั้น แค่นั้นไม่พอตอนเดินไปโบกแท๊กซี่ส้นรองเท้าดันมาหักอีก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแท๊กซี่ก็ไม่มี นี่รู้ป่ะ นั่งวินมอไซค์มานะเนี่ย! โอ้ย"
"งานเสร็จแล้วเนี่ย วง XC ก็กลับไปกันหมดแล้ว" พี่ดรีมพูดกับยัยการ์ตูนด้วยสีหน้านิ่งๆ
"หมายความว่าไง แล้วใครแปล?" และทุกคนก็ร่วมใจกันชี้นิ้วมาที่ฉัน
"ยัยเมษาเนี่ยนะ?!!"
"ใช่ ทำได้ดีด้วย พี่เมษาเก่งที่สุด"
******* to be continued
Ep. 2
"คุณแม่ขา หนูพริ้งอยากกินไอติมช็อคโกแลตอีก"
"แต่หนูกินไปแล้วหนึ่งก้อนไงคะลูก วันนี้พอแล้วค่ะ" ฉันนั่งมองเด็กหญิงตัวน้อยที่เบหน้าเตรียมตัวจะร้องไห้เมื่อโดนคุณแม่ขาของแกปฏิเสธไม่ให้กินไอศกรีมอีก
"หนูพริ้ง หนูพริ้งไม่ต้องร้องนะ ถ้าหนูพริ้งเป็นเด็กดีเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่เสือจะซื้อให้กินอีกโอเคมั้ย?" แล้วเด็กชายที่ตัวโตกว่าก็เดินเข้ามาลูบหัวพร้อมกับเอ่ยคำที่ทำให้ผู้ใหญ่ได้ยินแล้วถึงกับเผลอยิ้มออกมา
"ซื้อให้ยูริด้วยนะคะพี่เสือ!"
"ครับ พี่เสือจะซื้อให้ทุกคนเลย!"
"เย้ๆ/เย้ๆ!" หนูพริ้งปีนลงจากเก้าอี้ก่อนที่เด็กหญิงทั้งสองก็จับมือกันไว้แล้วพากันกระโดดหมุนตัวไปมาด้วยความดีใจที่พี่เสือของพวกแกจะซื้อไอศกรีมให้ถ้าหากพวกแกเป็นเด็กดี
" ชู่~~~ หนูพริ้งคะ.. พอแล้วค่ะ เสียงดังเกินไปแล้วนะคะ"
"ยูริก็กลับมานั่งที่เร็วลูก" พอได้ยินเสียงทั้งสองแม่ดุ หนูพริ้งก็หยุดกระโดดแล้วยกมือป้อมๆขึ้นปิดปากไว้ทันที ส่วนหนูน้อยยูริก็รีบวิ่งกลับไปหาแม่ของแกแต่ทว่าไม่ได้กลับไปนั่งตามคำที่แม่บอก แต่กลับเดินตรงเข้าไปหาพี่ชายฝาแฝดที่นั่งขรึมอยู่แทนพร้อมกับเอ่ยออกมา
"พี่ยูโร ไม่ต้องร้องนะเดี๋ยวยูริจะบอกพี่เสือให้ซื้อไอติมช็อคโกแลตให้พี่ยูโรด้วยดีมั้ย?^^"
"พี่ไม่ชอบกินของหวาน" แต่คำตอบจากเด็กชายยูโรทำให้พวกฉันทั้งสี่คนหลุดขำออกมากับหน้าตาและท่าทางนิ่งๆขรึมๆนั่น และคำพูดนิ่งๆที่ปฏิเสธน้องสาวออกมา
"ฮ่าๆๆ พี่ยูโรลูก เหมือนพ่อจังเลย"
"ใช่.. เหมือนคุณมังกรมากเลยอ่ะ ทั้งหน้าตาแล้วก็ท่าทางด้วย" ยัยเรนนี่กับยัยพริ้มเพราพูดออกมาแล้วมองดูเด็กๆสามสี่คนด้วยสายตาเอ็นดู ตอนนี้พวกฉันอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ก็นัดเจอกันตามปกติที่เมื่อมีโอกาส เพื่อนฉันซึ่งเป็นคุณแม่แล้วทั้งสามคนตอนนี้ก็ผันตัวมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ส่วนฉันก็ยังอยากทำงานอยู่ ฉันชอบนะที่ได้ทำงานที่ฉันรักได้เจอหนุ่มๆหล่อๆเอ๊าะๆ เห็นแล้วมันกระชุ่มกระชวยหัวใจดี ฮ่าๆๆๆๆ
"เมษา.. แกยังไม่เจอคนที่ถูกใจจริงๆหรอ?"
"สักคนก็ไม่มีเลยหรอถามจริง"
"จะมองหาไปทำไม ในเมื่อกูก็มีสามีทั้งเจ็ดอยู่แล้ว"
"คุณแม่ขา สามีทั้งเจ็ดคืออะไรหรอคะ? หนูพริ้งอยากมีสามีทั้งเจ็ดเหมือนน้าเมษาค่ะ"
"หนูพริ้งมีสามีทั้งเจ็ดไม่ได้หรอกค่ะลูก และน้าเมษาก็ไม่ได้มีเหมือนกัน แค่มโนเท่านั้นค่ะ"
"แล้ว..มโนคืออะไรหรอคะคุณแม่ขา"
"มโนก็คือ คิดไปเอง! ใช่มั้ยคะ!"
"ว้าววว~~ หนูยูริรู้ได้ยังไงคะเนี่ย" ยัยเรนนี่ทำตาโตแล้วหันมาถามหนูน้อยยูริที่นั่งอยู่ข้างๆพี่ชาย
"เพราะว่า เอิ่ม... อ้อ! เพราะว่าได้ยินคุณป๊าว่าคุณแม่บ่อยๆค่ะ" แล้วพวกฉันทั้งสามคนก็หัวเราะออกมากับท่าทางที่พยามนั่งคิดของหนูน้อยยูริ แต่ที่พีคไปกว่านั้นคือที่บอกว่า รู้จักเพราะเคยได้ยินป๊าว่าแม่บ่อยๆ ลูกแฝดทั้งสองของยัยลมหนาวน่ารักมาก อีกคนหนึ่งเหมือนพ่อทั้งหน้าตาแล้วก็นิสัยส่วนอีกคนก็เหมือนแม่มาก แต่ความน่ากลัวอย่างหนึ่งของการมีลูกก็คงจะเป็นสิ่งนี้นี่แหละ คือเอาเรื่องพ่อแม่มาเผามาเล่านอกบ้านตามประสาเด็กๆนี่ไง
2 ชั่วโมงผ่านไป
"พวกมึง ไว้นัดเจอกันอีกนะ"
"ขับรถดีดีนะเมษา สวัสดีน้าเมษาเร็วเด็กๆ"
"สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะน้าเมษา/สวัสดีค่า..หนูพริ้งอยากเป็นติ่งเหมือนน้าเมษา ไว้วันหลังน้าเมษาช่วยสอนหนูพริ้งทำมโนด้วยนะคะ^^" เสียงใสๆของหนูพริ้งทำให้ฉันหุบยิ้มลงอย่างไวแล้วหันไปส่งสายตาพิฆาตใส่ยัยพริ้มเพราแทน จะเรื่องอะไรซะอีกล่ะ ก็เรื่องที่มาว่าฉันมโนนั่นไง ถึงจะมโนจริงๆก็เถอะ แต่ก็.. แต่มันก็เป็นเรื่องที่ธรรมด๊าธรรมดาของชีวิตติ่งทุกคนไม่ใช่หรอ การที่เราจะรู้ว่าพวกเขาคือสามีของเรา แต่เขาดันไม่รู้ว่าเราคือภรรยาของเขาน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
ฉันโบกมือให้เด็กๆและเพื่อนทั้งสามที่ยืนรอเหล่าบรรดาสามีมารับกลับบ้านส่วนฉัน..ก็กลับเองสิคะ! น่าเศร้ามั้ยล่ะ แรกๆฉันก็รู้สึกเฟลอยู่เหมือนกันนะแต่เดี๋ยวนี้ชินแล้ว ชีวิตแบบนโมก็พอมีข้อดีอยู่บ้างนะ เพราะฉันก็ยังได้ทำงานที่ฉันรัก ได้เจอไอด้อลเกาหลีแบบที่เคยฝันไว้ บางทีก็เคยคิดนะว่าฉัน..อาจจะใช้ชีวิตแบบเป็นติ่งไปจนแก่ตายไปเลยก็ได้ แบบว่าคุณยายสายเปย์ไง ^^
End..
แดเนียล ||Part||
"กรี๊ดๆๆๆ!!!" ผมที่เดินลงจากเครื่องเข้ามาภายในอาคารก็เจอกลุ่มนักร้องบอยแบนด์วงหนึ่งซึ่งผมก็ไม่ค่อยรู้จักหรอกแต่ก็รู้สึกคุ้นๆยืนแจกลายเซ็นที่ลายมือแบบไก่เขี่ยให้เหล่าบรรดาแฟนคลับเด็กมัธยมที่แอบหนีพ่อแม่มารอรับ ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว ดึกดื่นตีสองตีสามขนาดนี้แล้วยังจะแหกขี้ตาพากันตื่นมา แล้วเสียงแม่งก็แสบหูชิบหาย จะกรี๊ดอะไรกันนักหนาต่อให้หล่อสวยแค่ไหนก็ขี้เหม็นเหมือนกันหมดล่ะว่ะ ที่คิดแบบนี้ผมไม่ได้อิจฉาพวกนั้นหรอกนะ แฟนคลับผมก็มีแต่ก็ดีแล้วที่ไม่ต้องมาคอยตามกรี๊ดให้ผมแสบหูเวลาไปไหนมาไหน เพราะผมไม่ชอบเสียงแหลมๆแบบนี้ และแฟนคลับผมส่วนใหญ่จะเป็นแนวส่งของให้ส่งข้อความให้กำลังใจหรืออวยพรนั่นนี่ซึ่งผมก็อ่านบ้างไม่อ่านบ้าง
ครืดดดด ครืดดดด ครืดดดด
"ครับแม่..."
'อยู่ไหนแล้วลูก?'
"เพิ่งลงจากเครื่องครับ อยู่เกาหลีแล้ว" ผมไปบาหลีมา เที่ยวพักผ่อนแบบแบ็คแพ็คตามประสาผู้ชายสายลุย ว่าแต่แม่ผมทำไมยังไม่นอนเนี่ย ดึกขนาดนี้แล้วยังมาคอยโทร.หาอยู่
'แล้วคืนนี้จะกลับมานอนบ้านรึเปล่า?'
"เดี๋ยวผมนอนที่คอนโดดีกว่า ไว้พรุ่งผมค่อยแวะไปหานะครับ แล้วทำไมแม่ยังไม่นอน?"
'พ่อเขานอนไม่หลับ แม่เลยลุกขึ้นมาชงชาร้อนๆให้พ่อจิบน่ะลูก จะได้หลับสบาย'
"อ๋อครับ งั้นฝันดีนะครับแม่ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะแวะไปหา" ผมวางสายจากแม่แล้วแบกกระเป๋าเป้พาดไหล่ข้างขวาไว้แล้วเดินไปที่รถ แต่พอมาถึงก็เจอกับกระดาษสีขาวแผนหนึ่งวางไว้ตรงเบาะรถซุปเปอร์สปอร์ตคู่ใจเจ้าแบล็กเบิร์ดของผม พอจับขึ้นมาดูถึงได้รู้ว่ามันคือซองจดหมายที่ถูกแปะไว้กับเบาะรถด้วยกาวสองหน้าเพื่อกันไม่ให้มันตกหรือปลิวไป และมีสติ๊กเกอร์รูปหัวใจติดอยู่หน้าซอง คงจะเป็นจดหมายจากแฟนคลับและนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นอาทิตย์ละสองสามวัน ที่มักจะมีจดหมายแบบนี้วางไว้บนรถผม แรกๆผมก็เปิดอ่านแต่มันก็เขียนด้วยข้ความแบบเดิมทุกครั้ง ว่า 'รักและห่วงใย จากแฟนคลับ' ข้อความถูกเขียนด้วยปากกาเป็นภาษาเกาหลี ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าทุกครั้งเป็นคนเดียวกันรึเปล่า เพราะบางทีลายมือก็ต่างกันออกไปแต่ข้อความก็ยังเหมือนเดิม ผมจับมันมาพลิกดูหน้าหลังไปมากำลังคิดว่าจะเปิดอ่านหรือจะทิ้งดี แต่สุดท้ายก็ยัดมันลงในช่องใส่ของด้านข้างของกระเป๋าเป้ใบใหญ่ พอยกขาขึ้นมานั่งคร่อมอยู่บนรถซุปเปอร์สปอร์ตพร้อมกับสตาร์ทเครื่องเรียบร้อยแล้วก็หยิบหมวกกันน็อคมาใส่และบิดรถออกมาทันที
****** to be continued

เจ้าแบล็คเบิร์ด
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!