ณ ชนบทแห่งหนึ่ง ก๊อก ก๊อก ก๊อก
"คุณยายครับ คุณยาย อยู่ไหมครับ" เด็กหนุ่มผู้มีรอยยิ้มที่สดใส ยืนเคาะประตูบ้านหลังหนึ่งอยู่ พร้อมสะพายกระเป๋าใบใหญ่ และมีของเต็มไม้เต็มมือไปหมด บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียว ที่ทำด้วยแผ่นไม้ขนาดใหญ่มาเรียงต่อกัน หลังคาทำด้วยกระเบื้อง เป็นบ้านหลังขนาดกลางไม่ใหญ่มาก
เมื่อเด็กหนุ่มไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากด้านใน ซึ่งวางของทุกอย่างที่โต๊ะ ที่ตั้งอยู่ชานบ้าน แล้วเดินดูรอบๆบ้าน รอบบ้านของคุณยายนั้น มีดอกไม้เต็มไปหมด และมีดอกกล้วยไม้สกุลฟาแลนอปซิส ที่อยู่ในกระถางดินเผาแขวนอยู่หน้าบ้าน และยังมีกระดิ่งห้อยอยู่ที่ปลายหลังคาบ้าน ส่งสินค้ากรุ่งกริ้งไม่ดังมาก เด็กหนุ่มเดินไปด้านหลังของบ้าน และได้พบกับหญิงชราคนหนึ่งนั่งผ่าฟืนอยู่ที่นั่น หญิงชราใส่เสื้อผ้าฝ้าย
"ยาย" เด็กหนุ่มส่งเสียงเรียกหญิงชรา เธอวางมีดและท่อนไม้ลง หันมาตามเสียงเรียก เธอยืนขึ้นแล้วมองดูเจ้าของเสียงด้วยสายตาที่มีแต่ความคิดถึง หญิงชรายังไม่ได้พูดอะไร เด็กหนุ่มก็ได้ผัวเข้ากอดหญิงชราด้วยความคิดถึง
"ยายครับ ยายสบายดีไหม ผมคิดถึงยายมากๆเลยนะครับ" หญิงชราร้องไห้แล้วรูปไปที่ศีรษะของเด็กหนุ่มด้วยความอ่อนโยน
ทั้งสองคนเคยอยู่ด้วยกันในเมือง แต่ด้วยคุณยายนั้นอยากที่จะมีชีวิตที่เรียบง่าย เธอจึงกลับมาอาศัยอยู่ที่บ้านของสามีที่อยู่ในชนบท ส่วนอังเกรนั้นอยู่กับพ่อแม่ โดยพ่อแม่ของเขาได้ก่อตั้งบริษัทมู่หลานจำกัด ขึ้น โดยมี concept การใช้กล้วยไม้สกุลฟาแลนอปซิสในผลิตภัณฑ์ ทั้งน้ำหอม และสกินแคร์ต่างๆ ต่อมามีคู่แข่งทางธุรกิจ เป็นคู่แข่งที่มีการเข้าถึงผู้บริโภคมากกว่า มีการปรับสูตรตามความต้องการของผู้บริโภค มีเทคโนโลยีการผลิตที่ดีกว่า ทำให้บริษัทของพ่อแม่เขาต้องทำการปิดตัวลง สู้คู่แข่งทางการตลาดไม่ไหว พ่อแม่ของเขาจึงได้มีการทำวิจัยศึกษาสิ่งใหม่เพิ่ม เพื่อที่จะให้บริษัทได้เปิดทำการใหม่
ส่วนอังเกรเขาไม่เคยสนใจบริษัทอยู่แล้ว อังเกรเป็นคนไม่ชอบความวุ่นวายในเมือง เขามีความฝันตั้งแต่เด็กว่าวันหนึ่งเขาอยากจะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ชนบท เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อังเกรจึงได้ขอพ่อแม่ของเขามาอยู่กับคุณยายที่ชนบท เพื่อลดค่าใช้จ่ายของครอบครัวและเขาก็ขอพ่อแม่ว่าจะไม่เรียนต่อ ตอนแรกพ่อแม่เขาก็ไม่ยอม อังเกรเขาก็ได้ตามตื๊อ และบอกเหตุผลว่า
"พ่อครับแม่ครับ ผมไม่เคยชอบเลยกับการอยู่ในเมืองที่วุ่นวายแบบนี้ และผมก็ไม่ชอบสังคมในโรงเรียนที่ทุกคนเอาแต่อวดโน่นนี่กันไปวันๆ สวมหน้ากากใส่กันจนผมเห็นแล้วอยากจะมุดดินหนี อีกอย่างผมมีความฝันที่อยากจะใช้ชีวิตเรียบง่ายในชนบท แล้วผมก็อยากจะดูแลคุณยายด้วยครับ" เขาได้พูดทุกอย่างที่อยู่ในใจออกมา พ่อแม่ของเขาที่จริงก็รู้สึกผิดเรื่องของคุณยาย เพราะตั้งแต่คุณยายกลับไปอยู่ที่ชนบท พวกเขาก็ไม่เคยไปเยี่ยมท่านเลย
"เฮ้อ~เอาเถอะ ถ้าลูกต้องการแบบนั้น แต่ถ้าหากอยู่ไม่ได้ก็กลับมารู้ไหม" พ่อของอังเกร พูด และตบไหล่เขาเบาๆ
"จะ-จริงหรอครับ ขอบคุณนะครับ" อังเกรยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไปห้องของตนเอง "อังเกร! แล้วลูกจะไปวันไหน?" แม่ของเขาร้องถามตามหลัง "พรุ่งนี้เช้าครับ~~" อังเกรตะโกนตอบกลับ น้ำเสียงของเขาดูมีความสุขมาก
"คุณแน่ใจใช่ไหม" แม่ของอังกฤษหันกลับมาถามสามี
"ทุกคนล้วนมีสิ่งที่ตนเองอยากทำนะ" สามีเข้าไปลูบหัวของภรรยาเบาๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น อังเกรก็จะออกจากบ้าน
"แน่ใจนะจะไม่ให้พ่อกับแม่ไปส่ง" แม่ของเขาถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
"ครับ ผมไปเองได้" ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยไป แต่เขาก็มีแผนที่หมู่บ้านที่คุณยายเคยให้ไว้
"งั้นแม่ฝากสวัสดีคุณยายด้วยนะ แล้วถ้าว่างๆพวกเราจะไปเยี่ยมนะ" อังเกรหิ้วของที่จะเอาไปฝากคุณยายแบบพะลุงพะลัง ไปขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่หน้าบ้าน
"ครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ" อังเกรยื่นของให้คนขับรถเอาของขึ้นรถ
"โชคดีนะลูก" ทั้งสองโบกมือลาอังเกร ก่อนอังเกรจะขึ้นรถ และแล้วรถก็ได้ขับเคลื่อนออกไป เป็นรถของพวกเขาเอง
แต่พอไปถึงอังเกรก็เลือกที่จะลงหน้าหมู่บ้าน เพื่อที่จะได้ลองใช้แผนที่ของคุณยาย แต่ถึงเขาจะหลงทาง ก็ไม่น่าจะเป็นอะไร เพราะคนในหมู่บ้านก็รู้จักกันหมด
.
"มาๆ เอาอะไรเข้าไปเก็บข้างในก่อน" คุณยายบอกกับอังเกร เมื่อเดินขึ้นบันไดบ้านมา บ้านมีบันไดเพียง 3 ขั้นเท่านั้น ทั้งสองยกของเข้าไปในบ้านช่วยกัน
"อังเกร นี่หลานเอาอะไรมาบ้าง ทำไมของถึงได้มีเยอะขนาดนี้ แล้วถือมาคนเดียวอีก" ก่อนหน้านี้อังเกรได้บอกกับคุณยายว่าให้รถมาส่งแค่ปากทางเข้าหมู่บ้าน จากนั้นเขาก็เดินมาเอง
"ก็ของฝากให้คุณยายในครับ แล้วก็มีพวกเมล็ดพืชต่างๆด้วย" อังเกรวางของลงที่โต๊ะกลมขนาดใหญ่ด้านขวามือ ส่วนด้านซ้ายมือของเขามีห้องอยู่หนึ่งห้อง เดินตรงไปอีกด้านซ้าย จะมีห้องครัวที่มีของเล็กน้อยไม่มีเตา มีเพียงโต๊ะที่มีเครื่องปรุงต่างๆและมีซิงค์ล้างจาน ส่วนด้านขวามือของเขานั้น เป็นห้องที่คุณยายกำลังไขกุญแจอยู่ หลังบ้านมีครัวที่มีเตา และอุปกรณ์ในครัวต่างๆ และมีห้องเก็บฟืน
"อังเกร นี่ห้องของหลานนะ ส่วนห้องทางด้านหน้าเป็นห้องของยาย" คุณยายพูดหลังจากไขกุญแจเปิดห้องได้ และชี้มือไปที่ห้องด้านหน้าเพื่อบอกว่าห้องนั้นเป็นห้องของเธอ อังเกรพยักหน้าแล้วเดินเข้าไปในห้อง เขายิ้มออกมาอย่างมีความสุข นี่มันคือห้องที่เขาจินตนาการไว้ ภายในห้องมีเตียงเล็กๆหนึ่งเตียง มีตู้เสื้อผ้า มีตู้เก็บของ ตรงกลางห้องมีโต๊ะเล็กๆและเบาะรองก้น ภายในห้องเหมือนถูกทำความสะอาดแล้ว เขาจึงแปลกใจ เพราะก่อนจะมาเขาก็ไม่ได้บอกกับคุณยายไว้นี่
"คุณยายครับ ทำไมห้องผมถึงสะอาดจังล่ะครับ หรือแม่โทรมาบอกว่าผมจะมา คุณยายเลยทำความสะอาดไว้ให้ผมหรอครับ" อังเกร ถามคุณยายที่ยืนอยู่หน้าห้อง
"ยายไม่รู้หรอกว่าหลานจะมา ยายแค่คิดว่าวันหนึ่งหลานจะมา เลยทำความสะอาดไว้ให้" คุณยายพูดและยิ้มออกมาเพราะว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นมันเป็นจริง อังเกรได้ยินเช่นนั้นก็โผเข้ากอดคุณยาย
"ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากจริงๆ" ทั้งสองคนยิ้มให้กันอังเกรจะไปที่มือคุณยาย
"ผมจะมาอยู่ที่นี่กับคุณยายครับ และผมจะปลูกผักเลี้ยงสัตว์อยู่ที่นี่ แบบที่ผมต้องการ และผมก็จะดูแลคุณยายด้วย"ยายนำมือไปลูบหัวอังเกรเบาๆ
"ยายก็ขอบคุณหลานมากที่คิดถึงยาย แต่เรื่องการปลูกผักเลี้ยงสัตว์ หลานแน่ใจแล้วหรอ" อังเกรยิ้มอ่อน ก่อนจะพูดว่า
"ผมเป็นหลานของคุณตาคุณยาย ผมทำได้อยู่แล้วครับ แล้วผมก็ได้ศึกษามาแล้วด้วย"
"หลานศึกษามา แต่การลงมือทำกับการอ่านมันไม่เหมือนกันนะอังเกร การอ่านการเห็นมันไม่ได้เหนื่อยไม่ได้ตากแดด เหมือนกับตอนที่ทำจริง......เฮ้อ~" คุณยายพูดพร้อมเดินออกไปที่ชานบ้าน
"คุณยาย.....ให้กำลังใจผมสิครับไม่ใช่แบบนี้" อังเกรเดินตามออกไป เขายืนอยู่ข้างคุณยาย
"พรุ่งนี้ยายจะพาไปดูที่ของเราแล้วกัน ไว้หลานค่อยตัดสินใจ" คุณยายหันมาพูดกับอังเกร
"อ่า......ครับ"
"นี่ก็จะค่ำแล้ว เดี๋ยวยายจะไปทำอาหารให้กิน จะได้พักผ่อน" คุณยายพูดจบก็เดินไปทางหลังบ้าน
"ให้ผมช่วยไหมครับ"อังเกรตะโกนถาม
"นั่งรออยู่นี่แหละไม่ต้องช่วยยายหรอก" เสียงที่ตอบกลับมา
อังเกรนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้านที่เขาได้วางกระเป๋าไว้เมื่อตอนมาถึง
ช่วงตอนเย็นอังเกรนั่งอยู่ที่หน้าบ้านมองเห็นผู้คนอยู่กับจากการทำไร่ คนที่นี่ปลูกผัก ปลูกข้าว และข้าวสาลีกัน จากนั้นก็เอาไปวางขายที่ตลาดหน้าหมู่บ้าน แล้วก็มีการส่งไปขายที่อื่นด้วย บางบ้านก็มีการเลี้ยงสัตว์ไว้ขาย ไว้ประกอบอาหาร
สายลมพัดแผ่วมา ท้องฟ้าสีแดง เสียงกรุ๊งกริ๊งจากกระดิ่งน้อย มันทำให้เกรรู้สึกผ่อนคลาย และกลิ่นของอาหารที่คุณยายกำลังทำก็เช่นกัน
เริ่มมืด อังเกรจึงเปิดสวิตช์ไฟที่หน้าบ้าน ที่อยู่ผนังข้างหลังเขา
"มาแล้ว มาแล้ว" คุณยายยกอาหารมา อังเกรจึงเข้าไปช่วย แล้วก็เข้าไปเอาหม้อหุงข้าวในครัวด้านในบ้านออกมา แล้วเขาก็เดินเข้าไปในบ้านและเปิดประตูหลังบ้านออกไปเพื่อที่จะหยิบกับข้าวมาช่วยคุณยาย อาหารที่คุณยายทำนั้น มีต้มจืดหัวไชเท้ากระดูกหมู และมีผักกาดดอง ที่เป็นของโปรดของคุณยายและของเขาด้วย ผักกาดดองนี้คือของที่อังเกรนำมาจากในเมืองเป็นของฝากให้กับคุณยาย
"อร่อยมากครับคุณยาย ขอบคุณนะครับ" คุณยายยิ้มอย่างมีความสุข เมื่อเห็นหลานชายของเธอกินอย่างเอร็ดอร่อย เขายังเหมือนกลับตอนเป็นเด็ก ทั้งๆที่ก็โตแล้ว
คุณยายเธอกลับมาอยู่ที่บ้านชนบท ตอนนั้นอังกฤษอายุเพียง 7 ขวบ เธอไม่นึกเลยว่าอังกฤษนั้นยังจำเธอได้ จำแผนที่ที่เธอให้ไว้ได้ ตอนนี้เธออายุ 66 แล้ว เธอคิดว่าหากบั้นปลายชีวิตของเธอได้มีหลานชายที่เธอรักมาอยู่ด้วย แล้วยังมีความคิดความฝันคล้ายเธอแบบนี้ เธอก็ไม่ต้องการอะไรแล้ว นอกจากการได้ทำอาหารอร่อยๆแบบนี้ให้เขาทาน
หลังจากที่ทั้งสองกินข้าวเย็นเสร็จเรียบร้อย อังเกรก็ช่วยคุณยายล้างถ้วยล้างจาน ภายในครัวด้านในบ้าน
พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เขาจะได้ไปที่เขาอยากจะไปมานาน เขาจะทำได้ไหม เขาคิดจนตัวเองถอยหลับไป
.
เช้าวันรุ่งขึ้น อังเกรขึ้นอาบน้ำแต่เช้า แต่งตัวรอที่จะไปไร่ เขานึกว่าเขาตื่นเช้าแล้ว แต่คุณยายตื่นเช้ากว่าเขาอีกแฮะ
"ตอนนี้เวลาก็น่าจะสัก 06:00 ได้ละมั้ง" เขาพูดหลังจากออกมายืนอยู่ที่ชานบ้าน มีผู้คนพากันเดินไปทางไร่ ที่อยู่ไม่ไกลนัก บางคนเดิน บางคนก็ขี่จักรยาน สักพักคุณยายก็เดินมาพร้อมกับน้ำเต้าหู้ 2 แก้วในมือ อังเกรรีบลุกไปรับแก้วจากคุณยาย
"ขอบคุณครับ เอ่อ.....ทำไมตื่นเช้าจังครับ" คุณยายและอังเกรลงไปนั่งที่เก้าอี้ หันหน้าออกไปทางถนนที่มีคนเดินไปมา
"ก็เรานอนตั้งแต่หัวค่ำ ก็ต้องตื่นเช้าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แล้วก็นะ แดดช่วง 6:00 น ถึง 8:00 น มีวิตามินดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย" คุณยายพูดยังไม่จบอังเกรก็พูดต่อไปว่า
"เมื่อร่างกายได้รับแสงแดด จะทำการสังเคราะห์วิตามินดีออกมา ช่วยเสริมสร้างแคลเซียมที่จำเป็นต่อกระดูกและฟัน อีกทั้งยังช่วยให้เม็ดสีผิวทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งหากร่างกายขาดวิตามินดี ก็จะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง" หลังจากที่อังเกรพูดจบ เขาก็ทำหน้าตาชอบใจ ทำท่าเหมือนตนเองเป็นนักวิชาการ จนทำให้คุณยายอดที่จะขำหลานชายตัวเองไม่ได้ ทั้งสองนั่งคุยกันในเรื่องต่างๆ
หลังจากนั้นก็ได้เดินไปตามทางที่คนอื่นก็เดินไปทางนั้นเช่นกัน เดินไปก็จะมีทางแยกเรื่อยๆ ผู้คนก็มีทั้งเลี้ยวตามทางแยกบ้าง ตรงไปบ้าง จนคุณยายพาเดินมาถึงบริเวณหนึ่งก็หยุด
ด้านหน้านั้นเป็นพื้นที่กว้างขนาดใหญ่ มีชายคนหนึ่งดูเหมือนเขากำลังจัดการกับวัชพืชที่แปลงผักของเขา ใช่คนนั้นมีรูปร่างสูงใหญ่ ผิวค่อนข้างเข้ม อังเกรเห็นก็ได้แต่คิดว่า
(เขาคงทำงานหนักแบบนี้ทุกวันถึงได้หุ่นดีแบบนั้น แล้วก็คงตากแดดทุกวันผิวก็เลยคล้ำแดด ถ้าฉันทำแบบเขาฉันก็ต้องมีหุ่นแบบเขาแน่นอน)
อังเกรเดินต่อไปตามคุณยาย คุณยายนั้นพาอังเกรเดินไปทางถนนที่ตัดผ่านไร่ ตรงกลางมีต้นไม้ 3 ต้น แต่มี 1 ต้นที่ใหญ่กว่าต้นอื่น แดดวันนั้นไม่ได้ร้อนมากอากาศกำลังดี คุณยายพาอังเกรไปหยุดที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ มองไปที่ไร่ผักที่กว้างขวาง เกือบ 10 ไร่ได้ ในความคิดของอังเกร
"อังเกร!" คุณยายยืนอยู่อีกด้านของต้นไม้แล้วเรียกอังเกร
"ครับ" แล้วเขาก็เดินไปหาคุณยาย
"ไร่ของเราอยู่ทางนี้"
"คะ...ครับ" อังเกรรู้สึกขำตัวเองที่คิดว่าอีกด้านหนึ่งคือไร่ของเขา แต่คิดอีกทีก็คงเป็นไปไม่ได้ (คุณยายแก่แล้วจะทำไร่ใหญ่ขนาดนั้นได้ยังไงล่ะ เฮ้อ~~) อังเกรคิดในใจ แต่พอเดินไปหาคุณยายแล้วมองไปที่ด้านหน้าของเขา ก็พบกับแปลงผักที่ไม่ใหญ่มาก ที่จริงเนื้อที่ของไร่มีเยอะ แต่คุณยายทำแค่คนเดียวเลยทำเป็นแค่สวนผักเล็กๆ
"นี่เป็นแปลงผักของเรานะอังเกร ยายคำคนเดียวก็เลยไม่ได้ทำอะไรมาก ส่วนฝั่งนั้นน่ะ" คุณยายพูดพร้อมหันกลับไปมองที่ไร่อีกฝั่ง
"เป็นไร่ของคุณฮารีมาวเขา แล้วคุณ ฮารีมาว เขาก็มาช่วยดูแลแปลงผักของยายด้วยนะ ไม่งั้นแปลงผักนี้คงไม่ได้มีหน้าตาแบบนี้หรอก ฮ่าๆๆ" คุณยายพาอังเกรเดินลงไปดูที่แปลงผัก ผักแต่ละแปลงไม่เหมือนกัน เป็นผักคนละชนิดกัน แปลงผักของคุณยายมีอยู่ 7 แปลง มีแปลงแครอท หัวไชเท้า ผักกาด บร็อคโคลี่ กะหล่ำดอก และมีถั่วเหลือง และด้านหนึ่งของสวนผักคุณยาย จะมีบ่อน้ำ เอาไว้ทำการเกษตร
"ว้าว นี่เหมือนฝันผมเป็นจริงเลยครับ" อังเกรพูดพร้อมเดินดูทุกแปลง แต่ละแปลงไม่ค่อยมีหญ้ามากนัก อังเกรเดินไปถึงแปลงของกะหล่ำดอก เขาจึงคิดเมนู 1 ขึ้นได้
"คุณยายครับ เย็นนี้ผมจะทำอะไรอร่อยๆให้คุณยายทานนะครับ คุณยายไม่ต้องทำอะไรเลย" อังเกรยืนเท้าใส่เอวพูดอย่างมั่นใจ
"งั้นยายจะรอชิมฝีมือหนูเลยนะ" คุณยายพูดพลางยิ้ม เธอมีความสุขมากที่ได้เห็นหลานชายของเธอมีความสุขแบบนี้
"แต่ผมว่านี่สายแล้วแดดจะร้อนนะครับ คุณยายกลับไปก่อนนะครับ แล้วตอนเย็นๆผมจะกลับ" อังเกรพูดและเดินไปหาคุณยาย พร้อมทั้งเอามือทั้งสองข้างของเขาบังแดดให้กับคุณยาย
"นี่หลานแน่ใจหรอว่าจะไม่กลับพร้อมยาย" ทั้งสองมองหน้ากัน
"นะครับ" อังเกรพูดขอร้องอีกทีพร้อมสีหน้าดูอ้อนวอน
"เอาล่ะๆ ก็ได้ แต่อย่าหักโหมนักนะ ค่อยๆเป็นค่อยๆไป หลานก็ตัวแค่นี้เองนะ" (ห๊ะ!! ตัวแค่นี้) อังเกรแอบคิดในใจ เพราะตัวอังเกรนั้นสูงถึง 178 ซม หนัก 58 กิโล ถือว่าเป็นหุ่นมาตรฐานที่ดีเลยทีเดียว
"โห~คุณยาย ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ ดูผมสิ ตัวโตขนาดนี้" อังเกรเบ่งกล้ามที่มีเพียงเล็กน้อยของเขา แต่เขาดูภูมิใจกับมันมาก
"งั้นยายกลับแล้วนะ ถ้าร้อนก็ไปนั่งพักที่ใต้ต้นไม้นะ"
"ครับยาย กลับดีๆนะครับ"
แล้วคุณยายก็เดินออกไปจากตรงนั้น เหลือไว้เพียงเข้ากล่องและน้ำที่อังเกรถือมา เพราะเขาคิดไว้แล้วว่าวันนี้จะลองทำสวนดูเลย
"ยังไงดีล่ะอังเกร เริ่มยังไงก่อนดี" พอนึกขึ้นได้ว่าต้องลดน้ำก่อน เพราะจากการดูแล้วบินทุกแปลงเหมือนจะมีการลดน้ำหนักสุดตอนเย็นเมื่อวาน แต่น่าจะลดน้ำไปเยอะมาก เพราะจนถึงตอนนี้ ดินก็ยังมีความชุ่มชื้นอยู่
อังเกรเริ่มจากการนำบัวรดน้ำไปตักน้ำที่บ่อ และนำมารดผักทีละแปลง พอครบทุกแปลงแล้ว เขาก็นั่งถอนหญ้าในแต่ละแปลงเป็นเวลาสักพักใหญ่ๆเลย ดีที่วันนี้เขาแต่งตัวมาได้อย่างเหมาะสม คือใส่กางเกงฝ้ายเสื้อฝ้ายรองเท้าบูท และมีหมวกที่ทำจากใบตาล
.
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!