เมื่อดวงอาทิตย์ เริ่มไต่ฟ้าสูงขึ้น ทัศนียภาพมันชัดเจนขึ้น จนฉันเริ่มมองเห็นความสวยงาม ของป่าแห่งนี้ได้อย่างชัดเจน ที่จริงแล้วมันไม่ได้น่ากลัวเหมือนเมื่อคืนเลย เมื่อจิตใจปลอดโปร่งขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันกลับสวยงามขึ้น ทั้งดอกไม้ใบหญ้าเล็กๆสีสันสดใส กระจัดกระจายขึ้นอยู่เต็มป่า แม้กระทั้งบนต้นไม้ พืชพรรณเขียวขจีสดใส บางต้นก็เหลืองผ่องอำพันอำไพ บ้างก็สีแดงแสดสดใสละลานตา บางต้นระยิบระยับ สีวิบวับแสงเหมือนอัญมณี ไม่ชื้นหนาวเย็นเหมือนเมื่อคืนที่ผ่านมา เสียงสัตว์ดุร้ายในตอนกลางคืน มันได้หายไปหมด เหลือไว้แต่เสียงนกน้อย ร้องก้องกังวานเสียงใส ร่างเรเว่นเดินผลุบๆโผล่เข้ามา เค้าถือน้ำมาให้ฉันได้เช็ดหน้าเช็ดตา และได้นำผลไม้สดติดตัวมาด้วย เค้าส่งให้ฉันได้กิน เราสองคนกินผลไม้แล้ว เรเว่นก็พาฉันออกเดินทางทันทีไม่มีรีรอ
“เราจะไปที่เมืองเขตปกครองของข้าก่อนนะ ข้านัดพบกับผู้พิทักษ์ ไว้บริเวณใกล้ๆเมืองนั้น พวกเราจะเข้าไปพักผ่อน และวางแผนการเดินทางที่นั่นนะ”
“นานไหมคะ กว่าเราจะถึง”
“ประมาณสักสองวันหนะ”
“ถ้าถึงนะ…ฉันอยากอาบน้ำอุ่นๆเป็นอย่างแรกเลย”
“555..เดี๋ยวข้าจัดการให้อย่างดีเลย ที่เมืองนั้น…สวยมากเลยนะ ที่สำคัญมีน้ำมันหอมที่ดีที่สุด แห่งป่าศักดิ์สิทธิ์นี้ เลยนะ รับรองถ้าเจ้าได้ใช้ เจ้าต้องติดใจแน่นอน”
“ฉันอยากให้ถึงเร็วๆ จังเลยค่ะ คงจะเป็นเมืองที่สวยน่าดูเลยนะคะ แค่ฟังก็ชอบซะแล้ว”
“ข้าดีใจที่เจ้าชอบ แค่เค้าฟังก็ชอบมันเสียแล้ว เจ้าเนี่ยมีความสุขง่ายดีจริงๆ”
“อ๊ะ!…ว่าแต่ทำไม คุณไม่มีแสงแล้วหละคะ”
“555…ไม่ใช่ข้าไม่มีแสงนะ แต่แสงอาทิตย์มันสว่างมากกว่า จนมันกลบแสงข้าไปหนะ…555”
“คนที่นี่ทุกคนมีแสงหมดเลยรึป่าวคะ”
“ไม่หลอก บางตระกูลหรือภูตบางคนก็ไม่มี แต่โดยส่วนมากจะมี”
“ตระกูล หมายถึงครอบครัวหรือป่าวคะ”
“ก็น่าจะ…เป็นแบบนั้นนะ แต่ที่ป่าศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ มีตระกูลอยู่หลายตระกูล ในแต่ละตระกูล ก็จะมีอีกหลายเผ่า ในหลายเผ่าก็จะแบ่งเป็นอีกหลายสายพันธ์ุ ดังนั้นตระกูลคือการแยกความสามารถพิเศษ แด่ดั้งเดิมตามธรรมชาติของพวกเรา อย่างเช่นตัวข้า มีแม่เป็นภูตดอกไม้ซึ่งมีปีกและบินได้ และพ่อข้าราชาเหยี่ยวก็บินได้ ดังนั้นความสามารถดั้งเดิมตามธรรมชาติของข้า ก็เลยบินได้และตัวก็จะหอมเหมือนดอกไม้ เหมือนทั้งพ่อและแม่ข้า นอกนั้นความสามารถอย่างอื่น เช่นเวทมนตร์ การต่อสู้ และความรู้ต่างๆได้มาจากการร่ำเรียน หรือถ้าบางคนโชคดีหน่อย มีความสามารถแฝงที่แปลกๆหลากหลายติดตัวมาตั้งแต่เกิด”
“อ้อ…แล้ว…คุณอยู่ในตระกูลไหนคะ”
“ข้าจัดอยู่ในตระกูลเหยี่ยว แต่ว่าร่างจริงยังไม่ปรากฏนะ ต้องผ่านพิธีเลือกคู่และแต่งงานก่อน ถึงจะปรากฏร่างจริง”
“อ๊ะ…ยังมีร่างจริงอีกเหรอคะ ฉันอยากจะเห็นจังเลยค่ะ ว่าร่างจริงของคุณจะเป็นยังไง”
“เจ้าก็ทำให้มันปรากฏสิ หวังว่ามันจะเท่ห์ถูกใจเจ้านะ…555”
อื้อ…เรเว่นชอบพูดเล่น หยอกเย้าฉันแบบนี้จริงๆเลย คนยิ่งต้องห้ามใจไม่ให้อ่อนไหวอยู่ เค้า…ช่างอารมณ์ดีนักเชียว เวลาอยู่ใกล้ๆแล้วมันมีความสุขสดใส รอยยิ้มอ่อนโยนดูจริงใจไม่มีพิษมีภัยกับใคร ทุกครั้งที่ได้เห็นมันให้ความรู้สึกสบายใจจังเลย…
ฉันเดินคุย…เล่นกับเรเว่นมาตลอดทาง ไม่รู้สึกอัดอัดหรือเบื่อเลย เราเดินกันมาจนเกือบบ่ายคล้อยแล้ว แต่มันเหมือนเป็นเวลาเพียงครู่เดียวเอง เรเว่นจัดแจงกวาดสายตามองหาที่พักสำหรับเราสองคน เราเดินมาถึงที่ริมลำธารใส เรเว่นสะดุ้งขึ้นและหยุดเดิน เหมือนกับเค้าไม่ได้ตั้งใจที่จะเดินมาทางนี้ ฉันคิดว่าเค้าหลงทางรึเปล่านะ เรเว่นหยุดเดิน และบอกว่าพวกเราควรเดินเลี่ยงไปทางอื่นจะดีกว่า ฉันก็สงสัยนะแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เพราะเชื่อในตัวเค้า แต่เพียงแค่พวกเราหันหลังให้ลำธารสวยใสนั้นเพียงแค่แว๊บเดียว เรเว่นล้มตึงลง…คะมำหน้าคว่ำกับพื้นทันที และเค้ากำลังถูกลากดึงลงไปที่ในลำธาร เรเว่นเรียกดาบ ก็ไม่รู้ว่าเค้าเก็บไว้ที่ไหน…ออกมา เรเว่นไม่รอช้าฟันสะเปะสะปะลงไปทีด้านหลังทันที ฉันได้แต่ยืนตะลึงทำอะไรไม่ถูก และฉันก็ได้เห็นว่าตัวอะไรที่มันเข้าทำร้ายเรเว่นอยู่ มันน่าเป็น…ปูตัวใหญ่ แต่ว่ามันเดินสองขาเหมือนคน ร่างกายมีลักษณะที่เหมือนกับคน ผิวหนังมีสีส้มอมแดง แต่ที่แขนและขาตรงช่วงท่อนปลาย มีหนามแหลมแข็งเหมือนหนามทุเรียนสีแดงเลย หน้ามันเป็นทรงสี่เหลี่ยมเล็กๆผิดจากหน้าคนปกติ มันมีหงอนสองข้างโผล่ขึ้นมาจากใบหน้านั่น ปลายหงอนคือลูกตาของมัน ที่กลอกไปกลอกมาของมันนั่นเอง
“เธียร์…วิ่งไปซ่อนก่อน”
เสียงเรเว่นตะโกนดังขึ้น ฉุดสติฉันให้กลับมา เมื่อได้ยินเสียงเรเว่นบอกมาแบบนั้น…รอไรหละคะ ฉันวิ่งอย่างเร็ว ออกมาจากบริเวณนั้นทันที ฉันแอบเข้าไปซุกที่พุ่มไม้ข้างบนเนิ่นก่อนถึงลำธาร แต่ฉันก็เป็นห่วงเรเว่น จึงได้แอบดูเรเว่นอยู่ เมื่อเรเว่นเห็นฉันวิ่งออกมาได้แล้ว ก็หันหน้าเข้าไปประจันบานกับมันทันทีเช่นกัน เรเว่นซัดกับเจ้าปูประหลาดนั้นทันที เสียงดังตูมๆสนั่นไปทั่ว เจ้านั้นมันก็วิ่งหลบดาบของเรเว่นเป็นพัลวัน มันหลบเป้ๆไปด้านซ้ายที ทางขวาที แล้วหลอกล่อแลบลิ้นปลิ้นตาให้เรเว่น เรเว่นหัวเสียท่าทางรำคาญ จึงฟันรัวสับมันไม่เลี้ยงเลยทีเดียว มันก็หลบมุดดินตรงแม่น้ำ ผลุบๆโผล่ๆล่อหลอกเรเว่นให้โมโหอีก เรเว่นเห็นมันโผล่ขึ้นมาเค้าจับดาบทำท่าจะฟัน มันก็ทำท่าจะผลุบลงไป ทันใดนั้นเรเว่นแตะมันเต็มแรง กระเด็นไปนอนหงายท้องอยู่กับโขดหิน ดิ้นกระแด่วๆอยู่ เรเว่นทำท่าจะเอาดาบแทงมัน ฉันตกใจร้องเสียงหลง เรเว่นชะงักเล็กน้อย หันมามองฉัน แล้วเรเว่นก็เก็บดาบลง แล้วเตะเจ้านั่นกระเด็นลอยไป เรเว่นวิ่งเข้ามา แล้วรีบพาฉันวิ่งไปทันทีจากที่นั่น
“เป็นไรไหมคะ เรเว่น”
“ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นแค่ภูตรับใช้ไม่ได้เก่งอะไรมาก แต่ไปเถอะ…เธียร์ ก่อนที่นายมันจะมา”
เรเว่นจับมือฉัน พาวิ่งออกจากที่ตรงนั้นโดยทันที จากหน้าที่อ่อนโยน มันกลับดูจริงจัง จนฉันจะไม่กล้าถามอะไรเค้ามาก กลัวว่าเรเว่นจะรำคาญเอา..
" เธียร์ เธอเหนื่อยรึยัง"
“เหนื่อยมากเลย…เราหนีพ้นรึยังคะ”
ฉันแทบจะไม่มีแรงตอบ เพราะวิ่งมาจนลิ้นห้อยเลย แต่เรเว่นสิกลับไม่เหนื่อยเลย
“น่าจะนะ ห่างน้ำมาก็ไกลแล้ว”
" ช่วยไม่ได้นะ คืนนี้เราไปพักหมู่บ้านภูตงาน เป็นเขตพิเศษ ไม่ขึ้นตรงกับตระกูลไหน ที่อยู่ใกล้ๆกับที่นี่ก่อนดีกว่า น่าจะถึงช่วงพลบค่ำพอดี หมู่บ้านนี้สวยมาก เธอต้องชอบแน่เธียร์"
" ฉันอยากอาบ จะแย่แล้ว"
" 555…ที่นี่มีบ่อน้ำแร่ร้อนด้วยนะ อาหารก็อร่อยนะ"
" อาหาร นี่คือ อาหารที่เป็นข้าว…กับข้าว ใช่ไหมคะ"
" ใช่สิ พวกเราก็กินข้าวกัน เหมือนมนุษย์นั่นแหละนะ เพราะท่านอาจารณ์ที่เคยไปอยู่โลกมนุษย์มา สอนทำอาหารหลายอย่าง ทั้งอาหารหวาน อาหารคาวแบบมนุษย์ ข้าไม่ได้กินแต่ผลไม้ อย่างเดียวนะ…เจ้าเข้าใจว่า ข้ากินแต่ผลไม้รึ…55"
ก็ใช่นะสิ เพราะเห็นให้แต่ผลไม้มาสองมื้อแล้ว ในเมืองเหรอ…ท่าทางจะดีนะ โอ้ย…ฉันอยากแช่น้ำอุ่นๆจะตายอยู่แล้ว ที่สำคัญจะได้กินข้าวอร่อยๆ รู้สึกหัวใจมีพลัง มีเพลิงแห่งความเอร็ดอร่อยลุกโชนอยู่กลางใจ
" งั้นไปเร็วๆ..เรเว่น ฉันวิ่งต่อไปได้อีกนะ ตามมาเร็วๆ เรเว่... ว่าแต่ตรงไปทางนี้เรื่อยๆใช่ไหม"
" 555 รอก่อนสิเธียร์ ระวังหลงนะ"
ฉันหันไปมองเรเว่นเล็กน้อย สายตาท่าทางของเค้า ไม่ได้ขุ่นเคือง กับกริยาการกระทำของฉันแม้แต่น้อย กลับหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ และปล่อยให้ฉันวิ่งไปอย่างที่ต้องการ เค้า....ใจดีจริงๆนะ
" ระวังนะ…เจ้า"
เสียงอะไรกัน มันสังชัดเจนเกินกว่าจะหูแว่ว ฉันต้องสะดุดหยุดนิ่งก่อน เพราะเสียงที่ไม่คุ้นหู ฉันหันมองหาเรเว่น และกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณ แต่ไม่กล้าวิ่งต่อไปอีก
" เรเว่น......เรเว่น "
" เธียร์ ข้าอยู่นี่"
ร่างของเรเว่นวิ่งใกล้เข้ามาจากทางด้านหลัง ตามฉันมาแบบเว้นระยะเล็กน้อย
" เจ้าวิ่งเร็วเหมือนกันนะเนี่ย เป็นเพราะพลังหิวหรือ… 555"
" คุณ…คุณเรียกฉันหรือเปล่า เมื่อกี้นี้"
ทันใดนั้นสีหน้าท่าทางสบายใจของเรเว่น เริ่มเปลี่ยนไป เรเว่นเข้ามาใกล้แบบประชิดตัวเลย
" ข้าวิ่งตามหลังเจ้ามา แต่ไม่ได้ส่งเสียงเรียกเจ้าเลย มีอะไรเหรอเธียร์"
" ฉันได้ยินเสียงคนพูด ฉันได้ยินชัดเจน แต่เสียงไม่ใช่คุณ ก็เลยหยุดวิ่ง"
เรเว่นจับมือฉันโดยเร็ว ดึงฉันเข้าไปอยู่ใกล้กับตัวเค้ามาก ฉันรับรู้ได้ถึงความกังวลไม่สบายใจอะไรสักอย่าง จากสีหน้าแววตาของเค้า เค้ามองสิ่งที่อยู่รอบๆตัวช้าๆและด้วยความระแวดระวังมาก
" เจ้าอยู่ใกล้ๆ กับข้าไว้ พวกเรารีบไปให้ถึงหมู่บ้านกันเถอะ"
" อืม..."
เค้ากุมมือฉันเพื่อให้อยู่ใกล้เค้าที่สุด หัวใจฉันเต้นไม่เป็นระส่ำ ไม่ใช่เพราะได้ใกล้ชิดกับเรเว่น แต่เพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์ มันคืออะไร เรเว่นเองก็ไม่บอกหรือพูดอะไรมากไปกว่านี้ เค้าจับมือฉันแน่นและรีบจ้ำเดินเท่านั้น ฉันเดินตามติดเรเว่น แทบจะเหมือนอยากสิงเข้าไปในตัวเค้าเพราะความกลัวและกังวล พวกเราเดินอย่างเร็วไปได้สักพัก ฉันสะดุดหน้าคะมำอะไรสักอย่างเข้าเต็มแรง ฉันล้มลงกับพื้นทันที เรเว่นเองก็ปล่อยกระตุกสะดุดเบาๆไปด้วย เค้าเข้ามาดูฉันทันที
" เธียร์ เจ้าเจ็บมากไหม"
" เจ็บค่ะ แต่ไม่มาก น่าจะสะดุดเถาไม้อะไรสักอย่าง"
" เจ้าอยู่นิ่งๆก่อน ยังไงก็ขอข้าดูเท้าเจ้าหน่อย"
" อืม..ได้ แต่ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากจริงๆนะคะ"
ระหว่างที่ฉันกำลังก้มตัวต่ำลง เพื่อจะยืดเท้ากับพื้น เพื่อให้เรเว่นได้ดูข้อเท้าของฉัน เอ๊ะ!!…ฉันรู้สึกว่าหนาวเย็นเหลือเกิน อ๊ะ!…ทำไมฉันเหมือนถอยมาทางด้านหลัง โอ๊ะ!…เหมือนตัวฉันลอยขึ้นทั้งๆที่ไม่ได้เดิน และกำลังลอยห่างออกมาจากเรเว่นเร็วมากด้วย ฉันเรียกเรเว่นสุดเสียง ตอนนี้ถึงจะรู้ตัวว่าเรเว่นอยู่ไกลๆเสียแล้วก็ตาม ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมือนสายฟ้าฟาดลงมาเล็กๆ ฉันเห็นเรเว่นกำลังบินตามฉันมาเร็วมาก เกือบจะทันอยู่แล้ว ฉันดีใจมาก ฉันยื่นมือออกไปเพื่อเรเว่นอาจจะจับมือฉันไว้ได้ แต่ทันใดนั้น ร่างกายของฉันก็หยุดอยู่นิ่งๆ แบบกระทันหัน และเรเว่นก็บินผ่านข้ามหัวฉันไป ฉันจะโกนเรียกสุดเสียงอีกครั้ง แต่เหมือนเรเว่นไม่เห็นฉันเลย
" เจ้าหลับไปก่อนนะ ไม่งั้นเจ้าอาจจะเจ็บคอได้"
สิ้นเสียงที่ฟังดูเย็นชา และเยือกเย็น ฉันก็วูปไปทันที…
…ฉันลืมตาตื่นมายังคงตกใจ กับเหตุการณ์นั้นอยู่ ได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจว่า เรเว่นอยู่ที่ไหน ฉันรู้สึกไม่สบายใจอีกครั้งเหมือนต้องอยู่คนเดียว
" มองหาเรเว่นอยู่รึ"
ฉันสะดึ้งเฮือก ใจสั่นหน้าซีดขึ้นมาทันที ฉันมองตามเสียงที่เยือกเย็นนั้นไป โอ้พระเจ้า…ฉันพบกับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวกายเรืองแสง เป็นสีฟ้าอ่อนๆ และตามตัวและผิวหน้า ยังมีจุดเล็กๆ สีเงินสีทองเรืองแสง เหมือนทาด้วยกากเพชรยังไงยังงั้นเลย ถึงจะรู้สึกกังวลกับคนไม่คุ้นหน้า แต่ฉันอดที่จะมองเค้าไม่ได้ เพราะอยากรู้ว่านี่คือสิ่งมีชีวิตจริงๆเหรอ ถึงเค้าจะดูงดงามแต่ก็แผ่รังสีของความดุดันแข็งแกร่ง หน้าสวยแต่กลับคมสันคมคายเยี่ยงชายชาตรี โห…ช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน ใจเต้นไม่รู้ว่าเพราะกลัวหรืออ่อนไหวกัน ความรู้สึกมันปนเปกันจนแยกกันไม่ออกเลย
" ข้าจะเรียกเจ้าว่าอะไร เรเว่นเรียกเจ้าว่าอะไร"
" เธีย..ร์"
" อืม…หึ…เค้าช่างเข้าใจ…ตั้งชื่อดี"
" ข้าชื่อ อัลเลน เป็นหนึ่งในตัวเลือกของเจ้า"
" เออ...แล้ว...เรเว่น..อยู่ที่ไหนคะ แล้วเค้าเป็นอะไรไหมคะ"
" เรเว่น เข้ามาในเขตการดูแล ของข้าไม่ได้หรอก มันผิดกฎ เจ้านั่นไม่เป็นอะไรมากแค่เจ็บใจ"
" เออ..งั้นคุณ..สองคน..จะไปส่งที่ประตู..ไปด้วยกัน...เออ..ไม่ได้...เหรอคะ"
" 555555...."
อยู่ๆอัลเลน ก็ขำออกมาเสียงดังลั่น กับคำถามของฉัน ฉันก็ไม่เข้าใจว่า เค้าขำอะไร พอสิ้นเสียงหัวเราะอันดังของเค้า ใบหน้าเค้าก็กลับมาดุดันเหมือนเดิม
" เจ้าคิดว่า การเดินทางไปด้วยกันหกเดือน เพื่ออะไร ไม่ได้ไปเพื่อเป็นองครักษ์ของเจ้านะ เจ้าสามารถมีช่วงเวลาดีๆ ให้กับผู้ชายทั้งหมด ที่อยากแต่งงานกับเจ้าได้งั้นหรือ"
ฉันสะดุดใจไปเล็กน้อย ไอ้ที่ว่าช่วงเวลาที่ดีๆด้วยกัน มันหมายความว่ายังไง ได้ฟังแล้วมันชวนให้กลัวๆอยู่เหมือนกัน
" แล้ว…เมื่อไม่สามารถเดินทางร่วมกันได้...แล้วพวกคุณ..จะทำยังไงกันคะ"
" ก็ต้องชิงตัว เหมือนตอนนี้ยังไงหละ"
" แล้วมีแค่ คุณกับเรเว่น หรือเปล่าคะ "
" ข้าก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าจะมีใครอยากจะแต่งงานกับเจ้าอีก เพราะสิ่งตอบแทน เมื่อได้แต่งงานกับเจ้า มันก็มีผลประโยชน์สูงอยู่"
" ค่ะ ก็พอจะรู้มาจากเรเว่นมาบ้างแล้ว"
" ก็ดี จะได้ไม่ต้องพูดมาก ไหนๆก็มาถึงถิ่นข้าแล้ว ออกไปดูข้างนอกหน่อยเถอะ คนของข้าก็อยากเห็นเจ้าเหมือนกัน"
พอเค้าพูดจบ ก็จัดแจงลุกขึ้นจากเก้าอี้ ไม้ที่คลุมด้วยขนสัตว์อีกที และหันมามองฉันด้วยสายตาเย็นชา ยืนนิ่งจนฉันจำใจต้องลุกยืนตามเค้าไป เพราะเดาได้ว่า ถ้าไม่ไป เค้าจะยืนจ้องฉันอยู่แบบนั้น ไม่ไปไหนแน่เลย
ฉันก้าวเท้า ข้ามผ่านธรณีประตูออกมา ก็ต้องตะลึงงัน กับภาพที่ฉันได้มองเห็น ต้นไม้ทุกต้นที่ใหญ่โตนั้น ล้วนมีโพรงเล็ก โพรงน้อย ทั้งต่ำ ทั้งสูง ที่สูงก็มีบันไดขึ้นไป บางต้นมีสองโพรง บางต้นมีสามโพรง ทุกโพรงมีต้นไม้ดอกไม้เรืองแสงวัสดุเรืองแสง แขวนตกแต่ง ไว้อย่างสวยงาม และที่สะดุดตาฉันที่สุด คือ....น้ำตกเรืองแสง ที่มีแสงสีเหลืองนวลเหมือนแสงพระจันทร์ มันกำลังล่วงหล่นตกลงมาจากท้องฟ้า แต่มองขึ้นไปเท่าไหร่ ก็มองไม่เห็นจุดกำเนิดของน้ำตกเลย และเมื่อกระทบพื้นดิน ก็ไหลยาวกลายเป็นลำธารเรืองแสงสีอำพัน ไหลผ่ากลางต้นไม้ใหญ่ที่มีโพรงอยู่มากมายนั้นอีกที
" ที่นี่สวยจริงๆ "
" ที่นี่คือหมู่บ้านธารจันทร์ เป็นหนึ่งในเขตปกครองของเผ่าของข้า เผ่าวารี"
" คุณมาจาก..ตระกูล..เอออะไรคะ"
" เหมือน เรเว่นจะสอนมาดีนะ... ตระกูลปลา และเป็นสายบริสุทธิ์"
" สายบริสุทธิ์ เป็นแบบไหนคะ"
" คือการแต่งงานของพ่อและแม่ ที่มาจากสายพันธุ์เดียวกันทุกประการ”
อ๋อ...ไม่เหมือนกับเรเว่น ที่มีแม่เป็นลักษณแมลงและพ่อลักษณเหยี่ยว เรเว่นผู้อบอุ่นและใจดี ตอนนี้คุณจะอยู่ไหนนะ เราจะได้พบกันก่อนฉันกลับบ้านอีกหรือเปล่า
" เจ้าลงไปข้างล่างสิ ชาวเมืองที่นี่ จัดงานเลี้ยงต้อนรับเราทั้งสองคน"
อัลเลน พยักหน้าให้ฉันเดินนำไปก่อน ส่วนเค้าก็เดินตามหลังฉันมา
ฉันลงมาจนสุดบันได ขั้นสุดท้ายที่ด้านล่าง ผู้คน…ไม่ใช่สิ บรรดาภูตๆทั้งหลาย มีสีตัวเรืองแสง ต่างกันไปหลากหลายสี และลักษณะก็ต่างกันด้วย แต่ทุกคนดูสวยงาม เหมือนดอกไม้ที่บานเต็มทุ่งไปหมด
" นั่งตรงนี้สิคะ"
ภูตวัยกลางคน คนหนึ่ง พูดกับฉันด้วยรอยยิ้มและสุภาพ ชี้ไปตรงที่นั่ง ที่ดูแล้วเหมือนเตรียมมาอย่างดี ฉันนั่งลง และกล่าวคำขอบคุณกับภูตคนนั้น อัลเลนตามมานั่งข้างๆฉัน ฉันรู้สึกกระอักกระอ่วน ที่เค้านั่งใกล้เกินไป ฉันเลยขยับแบบเรียบร้อยๆ ออกมานิดหน่อย อัลเลนหันมาค้อนฉันไปหนึ่งที เหมือนจะพูดว่ารังเกียจข้ารึ แล้วก็สะพัดหน้าเย็นชากลับไปที่เดิม สักพักภูตสาวน่ารักหลายคน ก็ยกถาดอาหารถาดเครื่องดื่ม มาตั้งไว้ตรงหน้า ฉันชะเง้อมองตามจนคอยาวด้วยความหิว แต่ก็ต้องสะดุ้งเบาๆ เพราะเหลือบเห็นว่าอัลเลน กำลังมองฉันอยู่
" กินสิ นี่เป็นอาหารพื้นเมืองของที่นี่ และนี่ก็เครื่องดื่มสูตรพิเศษ หมักจากน้ำตกแสงจันทร์ ที่ยังตกไม่ถึงพื้น มันอร่อยมากเจ้าต้องลองดู"
ฉันพยักหน้า แล้วรีบกินข้าวด้วยความหิว อยากจะอ้าปากกว้างๆ แล้วกวาดทุกอย่างใส่ปากแล้วกลืนเลย แต่ก็ทำไม่ได้ ได้แต่ต้องกินแบบกะมิดกะเมี้ยน เพราะอัลเลนจ้องจับผิดตลอดเวลา
เวลาผ่านไปฉันคลายความหิวลงได้บ้าง ก็เริ่มสังเกต เห็นภูตต่างๆ บางก็ร้องเพลงเสียงดัง แต่ทว่าไพเราะ ไม่ได้ดังแบบหนวกหู ฟังแล้วก็ผ่อนคลายดี บางก็เต้นตามจังหวะเพลง ตามสไตล์ของงานเลี้ยง และเหมือนพวกเค้าดีใจและมีความสุขกันมาก ฉันหันไปหาอัลเลนเพราะอยากจะถามข้อสงสัย ก็ดันไปสบตากับ สายตาที่เย็นชาและคอยจับจ้องจับผิด หมดอารมณ์ที่จะถาม เลยหันหน้ากลับมา มองอะไรที่สวยๆงามๆดีกว่า
" ขออนุญาติครับท่านชาย ข้าเป็นตัวแทนของทหาร มาเพื่อดื่มตามประเพณี กับท่านเธียร์ครับ"
ภูตหนุ่มนายหนึ่ง เรืองแสงสีส้มอ่อนเดินเข้ามาขออนุญาติ ท่านชายเหรอ…โหก็คงน่าจะใหญ่อยู่เหมือนกันนะเนี่ย ว่าแต่ดื่มตามประเพณีนี่ คือการดื่มต้อนรับเหรอ แต่ว่าฉันไม่ค่อยอยากดื่มเลย จะหาข้ออ้างยังไงดี มารยาหญิงเลยแล้วกัน ใช้ไม้อ่อนกับชายชาตรี ยังไงก็ต้องยอมให้อยู่แล้ว
" ตามสบาย ทหาร"
" อัลเลน คือว่าฉัน ไม่อยากดื่มเลย "
ฉันเขยิบๆไปกระซิบ ข้างๆหูของอัลเลน ด้วยเสียงหวานๆอ่อยๆ หวังว่าเค้าจะเห็นใจในความเป็นผู้หญิงตัวเล็กของฉัน และเข้าช่วยฉันสักหน่อย
" ไม่เป็นไร แก้วเดียวคงไม่ทำให้เจ้าเมา จนอาละวาดได้หรอก ถึงเจ้าอาละวาดข้าจะจัดการเจ้าเอง"
โอ้มายก๊อต…ฉันไม่น่าคิดหวัง ว่าคนอย่างนี้จะช่วยฉันเลย เป็นไงเป็นกัน คงไม่ได้กลับมาเป็นครั้งที่สองหรอก ฉันยกแก้วขึ้นดื่ม โอ้…มันอร่อย หอมมากและก็หวานมาก ฉันเลยขอเพิ่มอีก จากนั้นฉันก็ได้ยินคนส่งเสียงดังลั่น แล้วก็มีภูตสาวสวยมาดึงฉันไปเต้นด้วย ฉันรู้สึกสนุกมาก แวบหนึ่งที่ฉันหันกลับไปทางอัลเลน ฉันเห็นรอยยิ้มของเค้า...แต่แค่เพียงแวบเดียว
เสียงนกร้อง เสียงสายลม อุ่นแสงแดด รู้สึกสบายตัวและอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูก ฉันลืมตาตื่นขึ้นมา ต้องตกใจสุดขีดอีกครั้ง ฉันนอนอยู่ในอ้อมแขนของอัลเลน!!!
ฉันรีบเขยิบออกห่าง จากแขนเขาอย่างเบาที่สุด สำรวจตัวเอง ยังใส่เสื้อผ้าอยู่แบบเดิม จากนั้นก็มองไปสำรวจอัลเลน เค้าก็ยังใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น โล่งอกโล่งใจไปนิดหนึ่ง แต่..มันเกิดอะไรขึ้นหว่า ฉันหมุนตัวกลับเพื่อจะย่องออกจากที่นี่เบาๆ
" เจ้าคนขี้เมา จะไปไหน!!"
ฉันสะดุ้งเฮือก ขนลุกขึ้นมาทันที เอายังไงดี ถามเค้าตรงๆเลยดีไหม ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องกลบเกลื่อนไปดี แต่ฉันอยากรู้มากกว่าอยู่ดี เอาวะ…ใจกล้าหน้าด้าน ทำชิวๆ แล้วถามเลย
" ทำไมคุณมานอน...ที่นี่..คะ"
" เจ้าจำไม่ได้จริงๆหรือ ว่าทำอะไรไว้เมื่อคืน เจ้าไปท้าดวลดื่มกับทหารแทบจะทุกคน แถมไปสอนคนอื่นๆ เต้นท่าทางอะไรก็ไม่รู้แปลกๆอีก สุดท้ายเมาจนข้าต้องพาเจ้ามานอน นอนแล้วยังกัดแขนเสื้อข้าไว้แน่นไม่ปล่อย บอกว่าเจ้ามาจากตระกูลเสือ จะกัดไม่ปล่อยเลย ก็..เลย..ต้องนอน..ที่นี่!!"
" พอแล้วค่ะ อ้าย…พอแล้วอย่าเล่าอีกเลยค่ะ ฉันอับอายไปหมดแล้วไม่อยากฟังแล้ว ฉัน…ฉันขอโทษค่า..."
" ช่างเถอะ มันผ่านไปแล้ว ต่อไปถ้าไม่ได้อยู่กับข้า ห้ามดื่มเด็ดขาด!!”
" เข้าใจแล้วค่ะ"
โอ้ย…คนอะไรหน้าเย็นชา แล้วยังดุเป็นบ้าเลย โอ้ย…อายอยากเอาหน้าไปมุดน้ำหนีไปจริงๆ แล้วจะออกไปเจอใครได้เนี่ย…ห๊ะ!
" เดี๋ยวจะมีคนมาช่วยเจ้าอาบน้ำแต่งตัว เจ้าเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แบบชนพื้นเมืองซะ "
" ฉันใส่ตัวเดิมก็ได้ ไม่เป็นไรค่ะ "
" จะใส่ได้ยังไง เหม็นเครื่องดื่มซะขนาดนี้!!"
" ค่ะ..เข้าใจแล้วค่ะ"
" เจ้ากินข้าวเช้าคนเดียว ข้าจะไปดูทหารหน่อย เดี๋ยวจะกลับมารับจะได้ออกเดินทาง"
" ค่ะ"
เฮ้ย...พลาด เฮ้ย…ทำตัวเองแท้ๆ เฮ้ย…ทำผิดก็เลยต้องยอม ประทับใจที่นี่ ลืมไม่ลงจนอยากจะร้องไห้จริงๆ เฮ้ยๆ…เสียคนที่ธารจันทร์.. ฮือๆๆ....
ฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดมากขึ้น และดูกลมกลืน คล้ายคลึงกับคนโลกนี้มากขึ้น ฉันเดินออกมายืน ตรงระเบียง มองดูหมู่บ้านที่สวยงามจากบ้านในโพรงที่สูงที่สุด ฉันพยายามที่จะคิดถึงโลกของฉัน แต่ทุกอย่างมันว่างเปล่า ไม่รู้ว่าจะคิดถึงอะไรดี จะเศร้าดีหรือจะตื่นเต้นดี แม้แต่ตัวฉันเองนิสัยอย่างไรชอบอะไร ฉันก็จำไม่ได้เลย ที่จำได้ดีในตอนนี้ ก็คือเพื่อนที่ช่วยฉันไว้ในคืนนั้น เพื่อนที่รูปงามจนประทับใจยากจะลืม…เรเว่น เราจะได้พบกันอีกไหมนะ ฉันยังไม่ได้พูดว่าขอบใจเลย
" พร้อมรึยัง เธียร์ "
" อืม…ไปเลยก็ได้ค่ะ"
อัลเลนนี่ เข้ามาขัดอารมณ์สุนทรีของฉันจริงๆ กำลังอยากมีอารมณ์โรมานซ์อยู่เชียว แต่รีบๆไปก็ดี เหมือนกัน รู้สึกขายหน้าจากเรื่องเมื่อคืน จนไม่อยากเจอใครในหมู่บ้านอยู่แล้ว....
ฉันและอัลเลน เดินออกมาจนถึงบริเวณลานกว้าง ซึ่งเป็นทางออกของหมู่บ้าน โอ้มายก๊อต..มีคนมากมายยืนรออยู่เลย ฉันหลบหน้าหลบตาแทบไม่อยากมองคนอื่นเลย
" ท่านเธียร์ มาเยี่ยมเราบ่อยๆนะครับ"
" ท่านเธียร์ มาสอนเราเต้นสนุกๆอีกนะคะ ข้าจำได้ทุกท่าที่ท่านสอนเลย"
ฉันรู้สึกแปลกใจกับคำพูดเหล่านี้ ฉันจึงเงยหน้ามองพวกเค้า ใบหน้าของพวกเค้าช่างยิ้มแย้ม ไม่มีทีท่าว่าฉันเพิ่งทำเรื่องบ้าๆมา
" ท่านเธียร์ครับ แล้วมาดวลเหล้ากับพวกเราอีกนะครับ "
ทหารค่อนข้างดูมีอายุคนหนึ่งพูดกับฉัน ห๊า..ฉันไม่ได้อาละวาดหรอกหรือ หรืออาละวาด…งงนะ แต่ก็ดีแล้วหละ นึกว่าจะย่อยยับที่นี่ซะแล้ว ฉันยิ้มและโบกมือลาคนในหมู่บ้าน แล้วก็เดินจากมากับอัลเลน พร้อมกับคนติดตามอีกสิบคน
" ท่านเธียร์ครับ..เปลี่ยนใจแล้วกลับมากับท่านชายอัลเลนนะครับ..."
เสียงตะโกนของคนในหมู่บ้านลอยตามหลังมา ฉันหันกลับไปโบกมือ แล้วหันกลับมามองอัลเลนอย่างช้าๆ เค้าก็หันสายตาที่เย็นชามองกลับมาที่ฉัน อึ้ย!! กับอัลเลนเนี่ยนะ อ้ารีบกลับบ้านดีกว่า ฉันรีบเดินจ้ำอยากไปถึงประตูเร็วๆ
" ท่านเธียร์ ทางนี้ค่ะ ท่านเดินผิดทางอยู่ค่ะ"
ฉันเลี้ยวกลับมาอีกทางทันที พร้อมทั้ง เช๊อะ!! เดินเชิดหน้า รีบจ้ำผ่านอัลเลนไป
" ท่านเธียร์ ข้าชื่อลิน ขอข้าเดินไปใกล้ๆกับท่านนะคะ"
" เออ…ได้สิดีเลย ทุกคนเป็นผู้ชายหมด ก็เลยเกรงๆ"
" เรียกข้าว่า ลินก็ได้ค่ะ "
ลิน…เป็นคนสวยตอนนี้เป็นช่วงกลางวันก็เลยไม่เรืองแสง ลินมีผมสั้นที่ตรงสลวยสีฟ้าน้ำทะเลเป็นมัน กับดวงตาสีฟ้าอมเขียว ยิ่งดูชวนฝัน ผิวสีชมพูอ่อนๆ เวลาโดนแสงแดดจะเป็นมันเปล่งประกาย ฉันช่างดูธรรมดาเหลือเกินเมื่อเทียบกับทุกคนที่นี่
" ลิน.. ฉันมีเรื่องสงสัยเยอะเลย ฉันถามกับลินได้ไหม "
" ได้สิ ข้าจะบอกท่านทุกเรื่องเลย ท่านอยากรู้อะไร ถามมาได้เลยค่ะ"
" ลิน รู้จักเรเว่นไหม"
" รู้จักค่ะ ท่านเรเว่นเองก็รู้จักท่านชาย มาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ"
เป็นเพื่อนกันเหรอ มิน่าถึงพูดถึงเรเว่นเหมือนคนรู้จักกันตั้งแต่ตอนแรก ก็คงสบายใจได้ว่าเรเว่นจะไม่เป็นไรจริงๆ
" แล้วลินรู้ไหมว่า ตอนนี้เรเว่นเค้าเป็นยังไงบ้างตอนนี้ เค้าบาดเจ็บหรือว่าเค้าอยู่ที่ไหน "
" ท่านเธียร์ ชอบท่านเรเว่นแล้วเหรอคะ"
" เอ่อ…คือมันไม่ใช่อย่างนั้น คือว่าตอนคืนแรกที่มาอยู่ที่นี่ ตอนนั้นฉันกลัวมากเลย จำอะไรก็ไม่ได้ ได้เรเว่นคอยอยู่ข้างๆในคืนนั้น ฉันรู้สึกขอบคุณเรเว่นมาก อย่างน้อยฉันก็อยากพูดขอบคุณเค้าก่อนไปก็ยังดี”
" แค่พูดขอบคุณเรเว่นใช่ไหม เดี๋ยวข้าให้คนไปบอกให้เอง ทุกคนตอนนี้เรากำลังเข้าเขต ป่าขนหลับใหลแล้ว อย่ามัวแต่คุยกัน ระแวดระวังตัวเข้าไว้ อย่าให้มนุษย์ผู้อ่อนแอมีภัยได้"
"ครับ!!...คะ!!"
แหม!! อัลเลน คนใจโหด จะคุยกันนิดหน่อยก็ไม่ได้ จะให้ทุกคนขมวดคิ้ว เหมือนคุณตลอดเลยรึไงกัน แถมมีแขวะว่าฉันอ่อนแอ ยังค้อนสะบัดหน้าหนีอีก เริ่มจะไม่ค่อยชอบหน้าแล้วนะ ถึงหน้าจะหล่อมากก็เหอะ แด่ดุเกินไปไหม
" ลิน…ป่าขนหลับใหลคืออะไรเหรอ "
" ป่านี้ ที่จริงเป็นภูตตัวตุ่นเพียงตัวเดียว แต่มีอายุอยู่นานมากแล้ว ก็เลยตัวใหญ่มาก และเพราะว่าตัวใหญ่มาก ก็เลยขุดดินไปลึกๆไม่ไหว ทำได้แค่ขุดเอาหน้ามุดดินแล้วก็นอนเท่านั้น ดังนั้นบนหลังของภูตตุ่นที่ไม่ขยับนานๆ ก็เลยมีสิ่งมีชีวิตมาอาศัยอยู่อีกที เพราะเวลาหน้าหนาว ขนตุ่นอุ่นมากเป็นที่พักอาศัยได้สบายเลยค่ะ"
" แล้วอะไรที่อันตรายหละ ลิน"
" ผู้อาศัยนี่แหละค่ะ เราไม่รู้ว่ามีใครหรืออะไรบ้าง"
" เราบินไป หรือเดินหลบไปไม่ได้เหรอ..ลิน"
" พวกเราไม่ใช่เรเว่น และถ้าจะไปประตูต้องเริ่มผ่านที่ทางนี้เท่านั้น"
หืม.. อีกแล้ว คุณอัลเลน คุณจะต้องมาว่ากระแทกใส่ฉันเสมอเลย จริงๆเถอะน่า
ฉันมองไปด้านหน้า มันเป็นป่าที่แปลกจริงๆ ต้นไม้ทุกต้นไม่มีกิ่ง สูงตรงชะรูดอย่างเดียว ทุกต้นเป็นสีเทาน้ำตาล ก็คือขนตุ่นตัวใหญ่ จนขนเหมือนป่านั่นแหละ และไม่มีพื้นที่วางให้เดินได้เลย
" เอาหละทุกคน เราจะเริ่มเดินทางที่จุดมาร์คจุกแรกนี้ สองคนเดินข้างหน้าแหวกทางให้พวกเราเดิน สองคนเดินหลังปิดร่องรอย สี่คนแบ่งขนาบข้างซ้ายขวา คู่หน้าระวังข้าง คู่หลังระวังบนฟ้า หนึ่งคนเดินระวังหลังเธียร์ ลินดูให้เธียร์อยู่ใกล้ข้าไว้ ส่วนข้าจะอยู่ข้างหน้าเธียร์ ไปให้เงียบและไว ถ้ามีอะไรผิดปกติ ให้นั่งลงเงียบๆ รอข้าสั่ง"
"ครับ!!..ค่ะ"
ฉันเริ่มเครียดอีกแล้ว ทุกคนดูจริงจังจนฉันสั่น มันอันตรายมากขนาดไหนกันนะ พวกเค้ากลัวอะไรที่อยู่ในนี้กัน ทุกคนเดินกันเร็วจนฉันเหมือนจะตามไม่ทัน ลินคอยประคองฉันอยู่ แต่ฉันรู้สึกเหมือนโดนหิ้วไปมากกว่า ฉันพยายามเดินเร็วขึ้นเพื่อไม่ให้เป็นภาระของใคร แค่อยากจะช่วยแม้จะแค่เล็กๆน้อยๆก็ตาม เดินมาได้สักพักทุกคนก็ชะงักและหยุดนิ่งพร้อมทั้งนั่งลง
" เสียงเหมือนแมลงบินอยู่ใกล้ๆเราครับท่านชาย"
" ค่อยๆดึงต้นไม้ลงมาห่อปิดพวกเราไว้"
" ครับ"
ภูตติดตามชาย ค่อยๆโน้มต้นไม้ ที่สูงชะรูดลงมา เพื่อปิดอะไรบางอย่าง จากฟ้าไม่ให้เห็นพวกเรา ฉันได้ยินเสียงลมพัดแรง จากปีกที่ขยับบินดังเข้ามาเรื่อยๆๆ...ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความสงสัย กับหัวใจที่เต้นรัวๆ โอ้พระเจ้า!!! ตัวมันเป็นเหมือนหนู แต่ใบหูมันใหญ่ยาวออกมาเป็นปีกบิน คล้ายๆปีกของค้างคาว หางมันยาวสะบัดเหมือนหางวัว ตามันแดง ฟันยาวโง้งแหลมคม โอ้ย!! ฉันจะเป็นลม แค่หนูเป็นธรรมดาก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่นี่มันหนูประหลาดยักษ์ แถมบินได้อีก นึกว่าโลกนี้จะมีแต่ของสวยๆงามซะอีก...กลัว..พวกเราจะรอดใช่ไหม ทันใดนั้นมือที่สวยงามของลิน ก็เอือมมากุมไหล่ของฉันไว้ เหมือนรู้ว่าฉันกำลังกลัว ฉันสบตาลิน ก็พอจะรู้ว่าลินน่าจะอยากพูดว่าไม่เป็นไร ฉันหันไปมองอัลเลนก็ต้องตกใจ เค้าเข้ามาอยู่ใกล้ฉันมาก และเหมือนสายตาเค้าก็กำลังมองฉันอยู่ พอเค้าเห็นฉันมองเค้า เค้าก็หลบตาฉันไป แล้วไปจับจ้องที่หนูยักษ์แทน ฉันก็กลับไปสนใจเจ้าหนูยักษ์อีกครั้ง
" เอายังไงดีครับท่านชาย มันบินวนเวียนอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนเลย!!"
" มันหาเราอยู่ แต่แค่ยังหาไม่เจอ"
อันเลนตอบภูตรับใช้ไป และเค้าก็ขมวดคิ้วมากกว่าเดิม สีหน้าเค้ากำลังคิดอะไรสักอย่างอยู่ ทุกคนก็รับรู้ได้ พวกเค้าเงียบ และตั้งใจฟัง ว่าอันเลนจะพูดอะไรต่อไป
" มันน่าจะมีทั้งหมดหกตัว พวกเราล่อมันไปทางอื่นคนละตัวได้ แต่อย่าฆ่าพวกมัน ห้าคนที่เหลือพาเธียร์เดินไปข้างหน้าก่อนอย่าหยุด เสร็จทางนี้แล้ว จะรีบตามไป"
อันเลนสั่งอย่างหนักแน่น และทุกคน ก็ไม่มีแม้แต่คำถาม หรือข้อสงสัยจากเหล่าผู้ติดตามแม้แต่คนเดียว ลินและคนที่เหลือ ประกบตัวฉันทุกด้านและพาฉันเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ฉันได้ยินเสียงเหมือนฟ้าผ่าเล็กๆที่จุดที่ออกมา เลยหันหน้าไปมอง ฉันเห็นอันเลนและเหล่าภูต กระโดดเข้า ฟาดฟัน สู้รัดฟัดเหวี่ยงกันอย่างอุตลุด จึงหยุดชะงักเพื่อดู ลินและทุกคนหันมองตามฉันไปแค่เพียงแว๊บเดียว ก็รีบพาฉันเดินต่อ ตอนนี้ฉันเริ่มเป็นห่วงพวกเค้า ไม่อยากให้บาดเจ็บและเป็นอะไร แต่ฉันทำอะไรไม่ได้เลย ทำได้แต่เงียบและเดินตามลินไปเท่านั้น...
ฉันเดินทางมาจากจุดนั้นก็คิดว่าไกลมากแล้ว จนแสงตะวันเป็นสีแดงแล้ว
" ลิน..เอาไงดีจะค่ำแล้ว ท่านเธียร์ก็ดูเหนื่อยล้ามากแล้วนะ"
ภูตชายคนหนึ่งถามลินขึ้นมา
"ยังหยุดไม่ได้ จนกว่าท่านชายจะมา ท่านชายสั่งไว้แบบนี้"
" ท่านเธียร์ เดี๋ยวข้าจะประครองท่านเอง อดทนหน่อยนะคะ รอท่านชาย"
ฉันเหนื่อยมากที่ต้องเดินกึ่งวิ่งมาครึ่งค่อนวันแบบไม่ได้พัก แต่ดูเหมือนพวกลิน จะไม่เหนื่อยกันเลย แต่ฉันก็กัดฟันพยักหน้าไปต่อ เพราะเข้าใจความลำบากของพวกเขา ที่ต้องมาส่งฉัน พวกเราไปต่อได้อีกสักพัก ฉันเริ่มเวียนหัว สมองลางเลือนด้วยความเหนื่อย สายตาพร่ามัว ตรงหน้าปรากฏเป็นไอหมอกและเห็นอันเลนวิ่งเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ และก็รู้สึกโลกมันหมุนแล้วก็หลับไป...
หอม..หอมมาก อุ่นๆด้วย ฉันลืมตาขึ้นมา แต่ไม่ได้เจอท้องฟ้า แต่กลับเจอหลังคาต้นไม้หนาๆแทน
" ท่านเธียร์ พื้นแล้วเหรอครับ...ผมชื่อ มาเล่ย์ครับ"
มาเลย์ เรืองแสงเป็นสีแดง ฉันเอามือไปอังใกล้ๆตัวเค้ามันรู้สึกอุ่น นอกจากแสงของมาเลย์จะเป็นสีแดงแล้ว ผม ดวงตา ของเค้าก็เป็นสีแดงด้วย ยกเว้นผิวเค้าที่เป็นสีชมพูอ่อนแต่ก็มีจุดเล็กเหมือนกากเพชรสีแดงทั่วตัว ลินรีบลุกเดินเข้ามาหาฉันทันที
" ท่านเธียร์ดื่มน้ำ และทานอะไรสักหน่อยนะคะ "
" หนาวไหมครับ ให้ผมเข้าไปใกล้กว่านี้ไหมครับ" มาเล่ย์พูดขึ้น ฉันยังไม่ทันได้ตอบ
" แค่ตรงนั้นแหละ มาเลย์ อย่าเข้าไปใกล้มากกว่านี้ เดี๋ยวจะเคยตัว"
เสียงของอันเลนพูดขัดขึ้นมา พร้อมทั้งมุดออกไปนอกกระโจมขนตุ่น กับภูตติดตามผู้ชายทั้งหมด
ว่าฉันด้วยสายตาที่เย็นชาเหมือนเดิม ฉันเริ่มเสียความรู้สึกกับอันเลนขึ้นมาแบบจริงจัง ถ้าไม่ชอบฉันขนาดนั้น แล้วชิงตัวฉันมาจากเรเว่นทำไม ฉันอยู่กับเรเว่นก็ดีอยู่แล้ว อยากจะร้องไห้ขึ้นมาจริงๆ
" ท่านเธียร์...อย่าคิดมากกับคำพูดท่านชายเลยค่ะ" ลินพูด
" ทำไมเค้า..ดูเหมือนจะไม่ชอบฉันเอาซะเลยหละลิน ฉันทำอะไรให้เค้าไม่พอใจมากงั้นเหรอ"
" ท่านเธียร์ ความจริงแล้ว มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่ท่านเห็นก็ได้ค่ะ"
ลินพูดปลอบใจฉันด้วยรอยยิ้มที่งดงาม
" ฉันเข้าใจอะไรผิดเหรอลิน "
" จริงๆแล้วข้าไม่อยากพูดนะคะ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของท่านชายและท่าน แต่ข้าก็ไม่อยากให้ท่านเข้าใจท่านชายผิด ท่านชายอันเลน เป็นห่วงท่านเธียร์มากนะคะ"
ลินพูดด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงจริงๆ
" เพียงแต่ ท่านชายแสดงออกไม่เก่ง เพราะท่านชายโตมากับท่านพ่อ และอยู่เพียงลำพังเพียงคนเดียวมานาน อีกทั้งยังถูกจับจ้องมาตลอดชีวิตว่าจะเป็นท่านชายแบบไหน บุคลิกของท่านชายเลยดูเงียบขรึม แต่ท่านชายเป็นคนใจดีมากนะคะ"
ลินพูดด้วยสายตาปลื้มปริ่ม ฉันมองลินอยู่และคิดว่า ลินไม่ได้โกหกแน่นอน ทำไมภูตติดตามถึงได้ปลาบปลื้มอัลเลนขนาดนี้ ทั้งๆที่จากที่ฉันได้รู้จัก เค้าดุและเย็นชากับฉันมากเลย แต่บอกว่าเป็นห่วงฉันเหรอ เฮ้ย..ช่างมันเถอะฉันไม่อยากจะสนใจท่านชายอัลเลนนี่แล้ว เจอประตูแล้วก็กลับบ้านดีกว่า แต่สงสารภูตติดตามที่ต้องมาดูแลฉันนี่แหละ เฮ้ย..!!
" เออ..ว่าแต่เราเดินมาดีๆ แล้วเกิดอะไรขึ้น ฉันว่าฉันเห็นหมอกแล้วก็หลับไป"
แว๊บๆเหมือนเห็นอันเลนวิ่งมาด้วย นอกนั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย สงสัยจะเหนื่อยมากไปหน่อย
" ใช่คะ เราวิ่งมาจนท่านเธียร์เป็นลมไปค่ะ พอดีท่านชายกลับมาพอดี และ...อุ้ม..ท่านมาจนถึงตรงนี้คะ"
" ห๊า!!…เค้าเนี่ยนะ อุ้มฉันมา ถ้าโยนฉันทิ้งน่าเชื่อกว่านะ "
"55.. ท่านเธียร์ ท่านไม่รู้เหรอคะ ว่าท่านชายอุ้มท่านมาตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ไม่มีครั้งไหนโยนท่านทิ้งสักที มีแต่ค่อยๆวางท่านลงกลัวท่านตื่นนะคะ..555 "
" ห๊า!!!!!!!..หลายครั้งด้วย!!! ลินบอกฉันมา ตอนไหนบ้างทำไมฉันไม่รู้"
" แหม..ท่านเธียร์ ข้าก็อายๆนะถ้าจะเล่า "
จากอาการขำจนน้ำตาเล็ด แปลเปลี่ยนมาเป็นเอียงอายในทันที
" บอกมาเดี๋ยวนี้เลยนะลิน!!!"
" ก็ตอนแรกที่ข้าเห็น ก็ที่หมู่บ้าน ท่านชายเป็นคนอุ้มท่านมา จนถึงหมู่บ้าน และนั่งเฝ้าท่านจนฟื้น ครั้งที่สองที่ข้าเห็นคือ ตอนที่ท่านดวลเหล้ากับพวกทหารแล้วไปสอนคนในหมู่บ้านเต้นกัน อยู่ๆท่านก็เดินไปหาท่านชาย ท่านบอกว่าท่านเมาแล้วและเหนื่อยด้วย ช่วยพาท่านไปนอนหน่อย พวกเราที่ได้ยินทั้งดีใจ ทั้งเขินไปด้วย พวกท่านเหมือนคู่แต่งงานใหม่เลย แต่คนที่น่าจะเขินที่สุดคือท่านชาย หน้าท่านชายหน้าแดงมากเลย ทั้งๆที่ตัวเป็นสีฟ้า ท่านชายรีบอุ้มท่านกลับทันที"
" ห๊า!!…!ห๊า!!!....ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย น่าอายกว่าเป็นยัยขี้เมาซะอีก ลินฉันอยากกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ตอนนี้เลยได้ไหม ช่วยเรียกประตูมาให้ฉันที..ฮือๆๆ "
" 555... ใจเย็นๆก่อนเถอะค่ะท่านเธียร์ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรขนาดนั้น พวกเราว่าท่านน่ารักดีนะค่ะ..อย่าคิดมากเลย...555"
ลินปลอบฉันด้วยเสียงที่ร่าเริง แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันใจเย็นลงได้เลย โอ้ย…ไม่น่ารู้เลย นี่ฉันเมาแล้วไปอ่อยผู้ชายเหรอเนี่ย แถมเป็นอัลเลนอีก โอ้ย…โอ้ย…อับอาย
…ด้านนอกกระโจมขนตุ่น…
มาเล่ย์ " เดี๋ยวผมไปบอก ให้ลดเสียงลงหน่อยดีกว่าครับ อาจมีตัวอะไรตามเสียงมาได้"
อัลเลน " ปล่อยไปเถอะมาเล่ย์ ถ้าตัวอะไรกล้าเข้ามาทำร้ายกระโจม คราวนี้ข้าจะฆ่ามันจริงๆ ไม่ให้เหลือ"
มาเล่ย์ " รับทราบครับท่านชาย"
มาเล่ย์กับบรรดาภูติติดตาม ต่างแอบอมยิ้มกันเล็กน้อย เหมือนรู้ความอะไรในใจของอัลเลนโดยพร้อมเพรียงกันสักพัก…ลินเดินออกมาจากกระโจมหลังน้อย เดินตรงเข้ามาหาอัลเลน
ลิน " ท่านชาย ข้าใช้เวทมนต์ทำให้หลับไปแล้วค่ะ"
อัลเลน " ล้อมกระโจมไว้ จับคู่กัน ระวังหลังให้กันดีๆ ถ้าเป็นพวกสัตว์พันปีไล่ไปก็พอ แต่ถ้าเป็นพวกชิงตัว…ฆ่าได้เลย"
เหล่าภูตติดตาม " ครับ..ค่ะ"
เมื่อดวงจันทร์ล่องลอยขึ้นสูง บนฟากฟ้า เสียงเหล่าสัตว์ประหลาด ที่ออกหากินตอนกลางคืน ต่างคำรามใส่กันกึกก้องไปทั่วบริเวณ อัลเลนถือดาบพร้อมกับพึมพำร่ายเวทมนตร์ แสงสีฟ้าเรืองรองสีสดใส เปล่งประกายลุกโชติช่วงสว่างไสวยิ่งกว่าเดิม พร้อมทั้งก้าวขายืนให้มั่น พร้อมรับอันตรายทุกรูปแบบที่จะถาโถมเข้ามา เมื่อบรรดาเหล่าผู้ติดตามเห็นผู้เป็นนาย เตรียมพร้อมตั้งรับเช่นนั้น ทุกคนต่างพากันฮึกเหิม ร่ายเวทย์ ตรึงอาวุธให้มั่นอยู่ในมือ แววตามองไปด้านหน้า เสียงสัตย์พันปีต่างๆ ที่ดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆๆ…ณ… ทันใดนั้น ก็ปรากฏ กวางตัวใหญ่เดินสองขา เขาโง้งเป็นกอ เหมือนแก้วคริสตัลแวววับ ตาเรืองแสงแดงส้ม ลิ้นที่น่าขยะแขย่ง แลบลิ้น พาดผ่านฟันแก้วแหลมคมออกมา หางยาวเป็นแก้วมีสามหางสะบัดเหมือนแส้ว่องไว โผล่กระโจนทางด้านฝั่งของลิน พร้อมเสียงร้องที่น่าหวาดกลัว แต่เสียงนั้นทำอะไรลินไม่ได้ ลินกระโดดขึ้นไปสูงเหนือหัว และใช้ศอกเตรียมพุ่งลงใส่กลางหัวระหว่างเขา
คอร์น " ลิน ข้าจะใช้เวทย์เพิ่มแรงและความเร็วให้เจ้า"
ลิน " จัดมาเลย จะได้รีบจัดการตัวนี้ให้เสร็จๆ"
คอร์น ร่ายเวทมนตร์ด้วยลูกแก้วสีเขียวเรืองแสง คอร์นโยนลูกแก้วขึ้นกลางอากาศ แสงสีเขียวจากลูกแก้ว ก็เปล่งประกายครอบคลุม บริเวณที่ลินและคอร์นยืนอยู่ บรรดาสัตว์ประหลาดตัวเล็กๆน้อยๆไม่ได้ดุร้ายมาก เมื่อเข้ามาบริเวณแสงเขียวก็สลบล่วงหล่น บนพื้นเป็นเบือ คอร์นใช้มือเหมือนประคองลูกแก้ว ให้ลอยไว้อย่างมั่นคง ปากก็พึมพำตลอดเวลา เมื่อลินจัดการกับเจ้ากวางสองข้าจนมันสลบไป ก็หันมาจัดการตัวใหญ่ที่รอดแสงเขียวเข้ามาได้ อย่างรวดเร็วและว่องไว
ทางด้านฝั่งมาเลย์ เปิดศึกเข้ามาด้วยมังกรหัวเสือ มันมีหัวเป็นเสือ แต่ร่างกายเป็นมังกรแต่มันไม่มีปีกบิน มันค่อยๆเดินคำรามเข้ามา เยี่ยงชาติเสือ มันเดินวนเวียน จ้องตากับมาเลย์อยู่ครู่เดียว ก็กระโดดเข้าหา มาเลย์อย่างสุดแรง ธารา..ผู้เปล่งแสงสีทอง กระโดดเตะเข้าที่หัวด้านซ้ายเข้าอย่างจัง มังกรหัวเสือแค่เซไป แล้วสะพัดหัวและคำรามด้วยความโกรธ ใช้หางสะบัด ปัดมาทางธาราอย่างแรง ธารากะโดดหลบขึ้นไปอยู่บนหัวของมัน มันโมโหมาก ใช้หางตีธาราบนหัวเต็มแรงเกิด ธารากระโดดหลบ เจ้ามังกรหัวเสือก็หงายท้องตึงลงไปนอนกับพื้น
ธารา " 555 ...เจ้าโดนข้าหลอกแล้วเจ้าสัตว์พันปี 55.."
มาเล่ย์ " อย่ามัวแต่ประมาท ธารา มันยังมากันไม่หยุดนะ ถ้าว่างมาช่วยข้าหน่อย"
ธารา " ข้า…ขอโทษๆ.."
มาเล่ย์ ใช้ฝ่ามือปล่อยเปลวเพลิงออกมา ทั่วบริเวณนั่น พร้อมด้วยกระโดดทุบตี สัตว์ประหลาดตัวใหญ่ดุร้าย นอนสลบไสลไปหลายตัว ธาราก็คอยตีด้านหลังให้มาเลย์ ช่วยกันทุบช่วยกันตีอย่างบ้าคลั่ง
ด้านหน้ากระโจม อัลเลนยืนอยู่บริเวณนั้น อัลเลน เบี่ยงหน้ามาทางด้านซ้ายนิดหน่อย พร้อมจับดาบให้มั่นมือมากกว่าเดิม
อัลเลน " ออกมาข้ารู้เจ้าไม่ใช่สัตว์พันปี"
ฮายัน " ท่านช่างเก่งกาจไม่เปลี่ยนแปลง ท่านอัลเลน ว่าที่ราชาแห่งป่าศักดิ์สิทธิ์ ..หึๆๆ"
อัลเลน " เจ้าไล่ต้อน สัตว์พันปีพวกนี้มา ใช่ไหม"
ฮายัน " และท่านก็ยังคง เข้าใจอะไรง่ายเช่นเดิม"
อัลเลน " มันไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจยาก สัตว์พันปีเหล่านั้น มาอาละวาดทุกด้านยกเว้นด้านนี้ด้านเดียว แสดงว่าไม่อยากให้เธียร์เป็นอันตราย แค่อยากชิงตัวอย่างเดียว สิ่งที่อยากให้ สัตว์พันปีฆ่า คือพวกข้าต่างหาก ไม่ใช่เธียร์"
ฮายัน " 555..ใช่แล้วหละราชาของข้า ว่าแต่นางมีชื่อแล้วเหรอ เสียดายจังเลยนะ ที่ท่านไม่ได้เป็นคนเรียกชื่อนางเป็นคนแรก ทั้งๆเป็นคนที่เตรียมชื่อนี้ไว้…555”
อัลเลน " เจ้ากลับไปซะ…ฮายัน เจ้าสู้ข้าไม่ได้หรอก "
ฮายัน " มันก็ไม่แน่นะ ข้าอาจจะฆ่าท่านไม่ได้ แต่ถ้าแค่หมดแรง หรือสลบก็อาจเป็นไปได้ และข้าไม่ได้มาชิงตัวนางเพื่อแต่งงาน แต่ข้ามาชิงตัวนางเพราะต้องการแก้แค้นเท่านั้น…ท่านอัลเลน หากข้าได้นางมาแล้ว ข้าจะบังคับนางให้แต่งกับนายข้าเสีย และเมื่อนางมีลูกครึ่งมนุษย์ให้นายข้าแล้ว ถ้าท่านอยากได้นางอยู่ ข้าก็จะยกให้ …55555"
อัลเลน " ไอ้คนชั่ว เจ้าต้องตายวันนี้ ที่กล้าคิดเตะต้องคู่หมั้นของข้า!!"
อันเลนเกรี้ยวกราดใส่ฮายัน กระโดดฟันสุดชีวิต เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วบริเวณ จากแสงสีฟ้าสดใสสว่าง แปลเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินมืดดูน่าหวาดกลัว บรรดาสัตว์พันปี ที่เข้าโจมตี เห็นดังนั้นต่างพากันหวาดกลัว วิ่งถอยกันไปไม่เป็นระส่ำ เหล่าภูติติดตาม ต่างยืนนิ่งเงียบรักษาหน้าที่อย่างเคร่งครัด เพราะรู้ว่านายกำลังพิโรธ ฮายันเมื่อได้เย้ยหยันอัลเลนให้โมโหได้ดังตั้งใจ ก็ล่อลวงหลบหลีก ให้อันเลนวิ่งไล่ฟันสุดกำลัง ให้ลี้หายห่างไกลจากกระโจม สุดท้ายต้องจนมุมหนีไม่ทัน ฮายันรีบถ่วงเวลา ด้วยการล่อหลอกให้พูดคุย
ฮายัน " นี่ก็ไกลจากกระโจมพอสมควร การชิงตัวเจ้าสาว ต้องชิงด้วยตัวคนเดียว ห้ามมีใครช่วย หากไกลขนาดนี้ ก็คงไม่ผิดกฎนะ…ท่านอัลเลน.."
อัลเลน ตั้งสติได้ เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองบ้าคลั่งมากเกินไป ที่ทิ้งห่างจากกระโจมมา อัลเลนรีบหันวิ่งกลับไป แต่ทางฮายันเข้ามาดักขวางทางไว้ เฝ้าถอยเฝ้ารุกอยู่ตลอดทาง จนอัลเลนร้อนลน เปล่งแสงสีดำออกมารอบตัว มือจับดาบมั่นฟาดฟันไปยังฮายัน จนหมดสภาพทันที
ฮายัน "555 แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ท่านเธียร์กลับไปอยู่กับราชาที่แท้จริง"
ฮายันยิ้ม และสิ้นลมหายใจจากไป อัลเลนรีบกลับไปที่กระโจมอย่างเร็วที่สุด และหวังว่าผู้ติดตามทั้งสิบคนของเค้าจะยังคงต้านบุคคลนี้ไว้ได้ แต่พอกลับไปถึง ภูตติดตามทุกคนบวดเจ็บปางตาย อัลเลนแปล๊บ…ขึ้นในใจ รีบเข้าไปในกระโจมก็ไม่พบเธียร์เสียแล้ว...
ลิน " ท่านชาย ขอ..อภัย พวกเราต้านไว้..ไม่..อยู่จริงๆ..ค่ะ"
ลินขาหักเลือดโซมกาย ลินเดินเข้ามารายงานด้วยใช้ไม้พยุงค้ำตัวเอาไว้ ยังมีเลือดหยดติ๋งๆอยู่ไม่หยุด
ลิน " ท่านชายรีบตามไปเถอะค่ะ"
อัลเลน " ข้าตามแน่ แต่จะต้องพาพวกเจ้าทุกคน กลับหมู่บ้านธารจันทร์ก่อน"
มาเล่ย์ " ถ้าทำอย่างนั้นอีกฝ่ายจะไปไกลนะครับ"
อัลเลน" ข้าเป็นนักรบ เมื่อมอบใจให้ใครแล้วย่อมไม่แปลผัน ถึงนางจะเป็นเช่นไรก็ตาม และนักรบจะไม่ยอมทิ้งพวกพ้องเพื่อความรู้สึกส่วนตัว พวกเจ้าต้องปลอดภัย และนางก็ต้องปลอดภัย ข้าทำได้ทั้งสองอย่างไม่จำเป็นต้องเลือก"
ภูตติดตามทุกคน ฝังแน่น …ซาบซึ้งตรึงจิต กับมิตรต่างศักดิ์สมัครสมาน ร่วมสึกร่วมรบเกิดสัมพันธ์ ไม่อาจทิ้งกันแล้วแยกไป คำพูดของผู้เป็นนาย ทำให้ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ต่างพากันประคับประคอง เพื่อกลับหมู่บ้านธารจันทร์...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!