THE IDOL OF LOVE รักได้ไหมนายไอดอล
ตอนที่ 1
สวนสาธารณะกลางเมือง มีเด็กเล็กใหญ่วิ่งเล่น ผู้ใหญ่ยืนถ่ายรูป และมีบางครอบครัวนั่งปิคนิคตากลมแสนสบาย เด็กหญิง ยืนร้องไห้อยู่ใต้ต้นไม้ เนื่องจากว่าวของเธอดันไปติดอยู่ที่กิ่งไม้ ขณะที่เธอยืนก้มหน้าร้องไห้อยู่นั้น ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินมาปลดว่าวบนกิ่งไม้และยื่นให้เด็กหญิงคนนั้น พลันบอกเธอว่า “อย่าร้องไห้สิเด็กน้อย พี่หยิบให้แล้วนะ” (เอามือลูบหัวอย่างแผ่วเบาและสายตาที่อ่อนโยน) เด็กหญิงเงยหน้ามองเด็กหนุ่มด้วยสายตาหวาดกลัวนิด ๆ ตัวสั่นด้วยความกลัวและตกใจ “เป็นอะไรหรือเปล่า พี่เท่าให้เรากลัวเหรอ ถึงพี่จะตัวสูงแต่พี่ใจดีนะ 555” เด็กหนุ่มหัวเราะและยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ทำให้เด็กหญิงผ่อนความกลัวลงและยิ้มออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียง เบา ๆ ว่า “ข ขอบคุณนะคะ” แล้วก้มหน้าลง เด็กหนุ่มยิ้มด้วยความเอ็นดูและถามเธอต่อ ว่า “อายุเท่าไหร่ล่ะ แล้วชื่ออะไรเหรอ” เด็กหญิงเงยหน้าทำท่าจะตอบคำถาม.......................................... “นี่!!!!!!! คุณจะไปไหน คิดว่าจะหนีชั้นได้หรอห้ะ!!! ถ้าไม่อยากตาย หยุดเดี๋ยวนี้!!!!” เสียงเอะอะโวยวายจากข้างล่างทำให้ จางมี สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับบ่นพึมพำว่า “โอ่ยยยเกือบได้รู้จักกันแล้วเนี่ยยย” แล้วรีบวิ่งลงไปข้างล่าง พร้อมกับ ยองแอ พี่สาวของเธอก็ออกมาจากห้องเพราะเสียงโวยวายเหมือนกัน เมื่อลงมาแล้วทั้งสองก็เห็นว่าแม่กำลังไล่ขว้างของใส่พ่ออย่างโกรธเคืองเป็นอย่างมาก ในดวงตาแทบลุกเป็นไฟ ยองแอเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งไปห้ามแม่ ส่วนจางมีก็วิ่งไปบังที่พ่อพร้อมยกมือห้ามแม่พร้อมพูดว่า “แม่คะๆๆๆใจเย็นๆก่อนสิคะมีเรื่องอะไรคค่อยๆคุยกันก็ได้นะแม่นะ” “ใช่ค่ะๆๆๆแม่ หยุดก่อนนะๆ แม่ใจเย็นๆก่อนหนูยังอยากมีพ่อออ” ยองแอพูดเสริม “จะไม่ให้ชั้นโกรธได้ไงล่ะ!!! ก็พ่อแกน่ะเป็นหนี้นอกระบบอยู่ตั้ง 50,000,000ล้านวอน!!!!”(ประมาณ 1,407,515.04บาท) “50,000,000วอน!!” ยองแอกับจางมีอุทานพร้อมกันด้วยความตกใจพร้อมมองไปที่พ่อ นี่มันเป็นเงินที่เยอะมาก จะหาจากที่ไหนได้ ทุกคนต่างพากันเครียดเพราะไม่รู้จะทำเช่นไร
ทุกคนต่างพากันตึงเครียดในเรื่องนี้ แม่นั่งมองพ่อด้วยความโกรธเคือง ยองแอจึงตั้งสติและพยายามถามพ่อว่า "พ่อคะ พ่อกู้เงินทั้งหมดนี้มาทำอะไรคะ ทำไมมันถึงเยอะแยะขนาดนี้" "นั่นน่ะสิคุณเอาเงินพวกนี้ไปทำอะไรห้ะ!!!" แม่หันขวับและตาขวางใส่พ่ออีกครั้งพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสงสัยปนโกรธ "หรือว่า?! คุณนอกใจชั้น! คุณบอกชั้นมานะคุณนอกใจชั้นใช่มั้น ห๊ะ!!! " แม่ยืนขึ้นแล้วพูดด้วยความโกรธมากที่สุดและชี้หน้าพ่อ 2พี่น้องก็ยืนขึ้นห้ามปรามแม่ไว้ พ่อจึงรีบยืนขึ้นแล้วโบกมือส่ายหน้าพร้อมพูดว่า "เปล่านะแม่ๆๆ พ่อเปล่า มันไม่ใช่อย่างนั้นใจเย็นๆนะ ฟังพ่อก่อนๆๆ" "ใช่ค่ะแม่ แม่นั่งลงฟังพ่ออธิบายก่อนนะใจเย็นๆนะแม่นะะ" จางมีพูดขึ้น จากนั้นยองแอก็พาแม่นั่งลง พ่อจึงอธิบายและเล่าทั้งหมดให้ฟัง เรื่องมีอยู่ว่าพ่อได้ไปกู้เงินนอกระบบเพื่อจะนำมาต่อเติมและลงทุนในร้านเบเกอรี่ของเรา (พ่อกับแม่ยองแอและจางมีเปิดร้านเบเกอรี่) และพ่อก็ได้โกหกแม่ว่าพ่อนั้นถูกลอตเตอรี่ จึงไม่มีใครสงสัย และคิดว่าจะเก็บเงินที่ได้จากการขายเบเกอรี่ส่งเจ้าหนี้ แต่ทว่ายอดการขายปีนี้ค่อนข้างแย่ ขาดทุนมาก จึงไม่ค่อยมีเงินเก็บ ไหนจะไปโรงเรียนของจางมีอีก รายจ่ายถาโถม เมื่อแม่ฟังดังนั้นก็ร้องไห้ด้วยความโกรธที่พ่อโกหกและไม่เคยบอกเรื่องนี้กับแม่เลย แม่เลยงอนแล้ววิ่งไปร้องไห้ในห้อง จางมีจึงรีบให้พ่อไปง้อแม่ และยอมรับผิดทุกอย่าง แล้วมาคุยหาวิธีแก้กัน
ซุน ยองแอ พี่สาว พึ่งเรียนจบไปประมาณปีกว่าตอนนี้เธออายุ24ปี เธอเป็นพนักงานบัญชีอยู่ธนาคารแห่งหนึ่ง แต่เงินเดือนยังไม่ค่อยสูงเท่าไหร่เพราะเธอพึ่งมาทำงานได้ไม่นานจึงถือเป็นพนักงานทั่วไปเงินเดือนธรรมดา ซุน จางมี น้องสาว ที่ตอนนี้เรียนอยู่ม.4ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง อายุ17ปี เธอค่อนข้างเรียนเก่งและเธอก็ชอบวิชาดนตรีมากๆ แต่เธอก็ไม่ค่อยสนใจเกี่ยวกับศิลปินเคป๊อปมากเท่าไหร่ ชอบอยู่คนเดียว เป็นคนโลกส่วนตัวค่อนข้างสูง เธอเป็นคนผิวขาว ดวงตากลมโต เวลายิ้มตาเป็นสระอิ ยิ้มทีใจละลาย เธอเป็นคนมีสเน่ห์ สามารถสร้างความสุขให้คนรอบข้างด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะมีแต่คนว่าเธอว่าเธอสวยและหยิ่ง ด้วยความที่จางมีโลกส่วนตัวสูงนั่นเอง
จางมีคุยกับยองแอว่าจะหางานพาร์มไทม์ทำช่วยหาเงินให้พ่อด้วย โดยวันไปโรงเรียนจะทำช่วงเย็น ช่วงกลางคืน และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะทำทั้งกลางวันและกลางคืน ยองแอไม่เห็นด้วยที่น้องจะทำงานเยอะขนาดนี้ เพราะเป็นห่วงว่าน้องจะสุขภาพไม่ดี และเรื่องการเรียน อาจจะนอนไม่เต็มอิ่มก็ได้ แต่จางมีก็ดื้อรั้นที่จะทำ เพราะอยากช่วยจริงๆ ยองแอจึงไม่รูจะห้ามยังไงจึงต้องยอม "แล้วเธอจะหางานจากไหน งานน่ะหายากจะตาย ถึงหาได้ก็ไม่รู้จะปลอดภัยหรือเปล่า" ยองแอถามน้องสาว จางมีจึงตอบว่า"เชื่อใจหนูเถอะ หนูหาได้อยู่แล้ว" พร้อมยกมือพี่มากุมไว้........กลับเข้ามาในห้องนอน แม้จางมีจะบอกพี่ว่าเธอหางานได้อยู่แล้ว แต่ข้างในใจของเธอนั้นค่อยข้างเครียดและกังวล เพราะงานแถวนี้หายากจริงๆ อีกอย่างเธอก็เด็กและไร้ประสบการณ์มากๆ เธอไม่เคยทำงานพาร์ทไทม์เลย แค่เคยไปช่วยแม่ขายเบเกอรี่ที่ร้านนิดหน่อย แล้วอย่างนี้เธอจะหางานทำได้ไหม......
วันนี้จางมีมาเรียนด้วยความกังวลและไม่ค่อยมีสมาธื เธอค่อนข้างเครียดเรียนหางาน และไม่มีใครจะปรึกษาเรื่องนี้ เมื่อพักเที่ยงเธอจึงเข้าไปพบกับอาจารย์แนะแนวเพื่อขอคำปรึกษา โดยจางมีก็บอกกับอาจารย์ว่าเธอไม่เคยทำงานพาร์ทไทม์เลยแต่เธอก็บอกว่า เธอเป็นคนเรียนรู้งานเร็ว เธอจึงอยากขอให้อาจารย์ช่วยหางานให้เธอ "เธอแน่ใจหรอว่าเธอไหว ครูไม่เห็นด้วยนะที่เธอจะทำงานเยอะขนาดนี้" อาจารย์ถามจางมีด้วยความเป็นห่วง เธอเลยตอบไปว่า "หนูไหวแน่นอนค่ะอาจารย์😊" พร้อมกับยิ้มให้แม้ว่าในใจเธอจะไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ อาจารย์จึงยินยอมที่จะช่วยหางาน จึงหาข้อมูลและปรื๊นเอกสารของร้านแต่ละที่ให้กับจางมีไปพิจารณา "ขอบคุณอาจารย์มากๆเลยนะคะที่ช่วยหนู ขอบคุณมากจริงๆค่ะ" "จ้ะ ไม่เป็นไร เธอต้องพิจารณาและดูร้านแต่ละที่ให้ดีนะ ดูที่ปลอดภัยด้วยล่ะอย่าดูแต่ค่าแรง" จางมียิ้มรับและพยักหน้ากับอาจารย์พร้อมตอบว่า"ค่ะอาจารย์😊" เธอเดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มเต็มไปด้วยความดีใจมองเอกสารจนไม่ได้มองทาง ขณะที่จะเดินออกจากห้องนั้นก็มีคนเปิดประตูเดินเข้ามาพอดี จางมีเลยชนกับคนนั้นเต็มๆทำให้ล้มและใบข้อมูลตกกระจายเต็มพื้น "โอ๊ยยย" เธออุทานแล้วเงยหน้าขึ้นก็พบกับ รุ่นพี่ คังบิน ซึ่งเขาเป็นนักเรียนชั้นม.6 เป็นคนที่เรียนดีมาก กีฬาก็เก่ง เขาจึงได้เป็นประธานนักเรียนปีนี้ เมื่อจางมีเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บเอกสาร รุ่นพี่คังบินจึงขอโทษแล้วถามว่า" เธอเป็นอะไรไหม เดี๋ยวชั้นช่วยนะ" รุ่นพี่ทำท่าก้มจะช่วยเก็บ "ไม่เป็นไรค่ะๆ" จางมีรีบปฏิเสธอย่างไว "ชั้นขอโทษนะคะรุ่นพี่ชั้นผิดเองค่ะ ขอตัวนะคะ" เมื่อพูดจบเธอก็รีบเดินหนีไป ทิ้งให้รุ่นพี่ยืนงงไป
ตกเย็นจางมีก็ไปสมัครงาน2-3ที่ แต่ก็ยังไม่ผ่าน เธอรู้สึกเหนื่อยล้า และเริ่มท้อ คิดว่าคงจะไม่ได้งานแล้ว จึงขอไปสมัครอีกแค่ร้านเดียวเธอก็จะกลับบ้าน ร้านสุดท้ายแล้ว เธอก็ยังคงไม่ผ่าน เธอจึงวางกระเป๋านักเรียนลงและนั่งพักที่เก้าอี้ยาวในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง เธอเหนื่อยมาก และใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความกังวล ไม่อยากคิดเลยว่าการหางานเป็นอะไรที่ยากเย็นขนาดนี้ เธอได้แต่นั่งก้มหน้าและกุมมือทั้งสองมาไว้จรดหน้าผาก พร้อมกับหยดน้ำใสๆไหลออกมาจากตา เธอร้องไห้ด้วยความเสียใจและตัดพ้อด้วยความน้อยใจว่า "ชั้นมันคนไม่มีค่า แค่ตัวเองยังช่วยไม่ได้ แล้วจะไปช่วยใครได้ล่ะ" เธอพูดซ้ำไปซ้ำมาแล้วเอาแต่โทษตัวเอง ในขณะที่เธอนั่งก้มหน้าร้องไห้สะอื้นอยู่นั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งมายืนตรงหน้าเธอพร้อมพูดว่า "เอาแต่ร้องไห้โทษตัวเองแล้วเมื่อไหร่จะได้งานล่ะ"
.......
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!