NovelToon NovelToon

ฤทธิ์สวาท ทายาทมาเฟีย

คำนำ

"ไคล์ คาร์โล " ใช้อิทธิพลความเป็นมาเฟียที่ได้รับมาหมาดๆ

ไต่เต้าขึ้นมาจนกลายเป็นนักธุรกิจ หาเศรษฐีผู้ทรงอำนาจ และร่ำรวยมหาศาล

แต่เงินเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

หากมันเป็นเครื่องมือที่จะทำให้มาเฟียหนุ่มได้ล้างแค่นศัตรูที่เคยแย่งชิงทุกอย่างในชีวิตเขาไป

นานนับสิบปีที่ไคล์เฝ้าเก็บความอาฆาตเอาไว้ในใจ ไล่ล่าทำลายศัตรูของเขาทีละคนๆ

แต่เมื่อเขาได้พบกับ "เมริสา" ...พนักงานล้างจานระดับล่างในร้านอาหารธรรมดาๆ

ผู้ที่ทำให้เขาเร่าร้อนไปทั้งร่างกาย

เขาก็เริ่มที่จะหันมาสนใจ และหาทางครอบครองความสาวของเธอจนแทบลืมหนี้แค้น

ทว่าหญิงสาวกลับไม่เคยรู้เลยว่า การที่เธอเมินเฉยต่อเขามากเท่าไร

นั่นก็ทำให้มาเฟียหนุ่มกราดเกรี้ยวมากยิ่งขึ้น

เมื่อหนี้แค้นจำเป็นต้องชำระ พร้อมกับความลับเรื่องที่ว่า

เธอก็คือบุตรสาวของชายคนที่เขาอยากจะสังหารให้ย่อยยับกับมือ

ความฝันเรื่องเทพนิยายแสนหวานของเมริสาก็ต้องพังทลายลง

และค่ำคืนที่เธอยอมพลีกายให้เขาเป็น "ครั้งแรก" ก็แทบไม่มีความหมายใดๆเลย

ไคล์ไม่ใช่เจ้าชายที่แสนใจดีของเธออีกต่อไป

แต่เขาเป็นมาเฟียชาตานอำมหิต

...ที่จะทำทุกทางเพื่อพันธนากาารเธอเอาไว้ด้วยคำวาาเมียบำเรอ

ซึ่งจะมีระยะเวลาสิ้นสุดในอีกไม่นานเมื่อเขาเจอคนที่เหมาะสม!

แต่ปัญหาคือ... ถ้าเธอกำลังตั้งครรภ์ลูปของเขาล่ะ!?

"สรรพคุณของเมียเก็บต้องแซบถึงใจ และลีลาเด็ดกว่าพวกเมียหลวง เมียน้อย

หรือคุณไม่รู้ ฉันจะต้องรีบหัด จะได้เก่งๆ เผื่อจะได้ทำเป็นอาชีพเวลาที่คุณเบื่อฉันแล้ว..."

"ได้... ผมจะสอนคุณเอง สอนให้ทุกท่าเลย ท่าไหนทำยากจะสอนบ่อยๆ คุณจะได้เก่งเร็วๆ"

យុវជននោះបានកំចាត់សត្រូវដែលបានយកអ្វីៗទាំងអស់នៅក្នុងជីវិតរបស់គាត់។

អស់ជាច្រើនទសវត្សមកហើយខេលីបានរក្សាទុកអ្នកលក់របស់គាត់នៅក្នុងចិត្តរបស់គាត់។ ដេញតាមនិងបំផ្លាញសត្រូវរបស់គាត់ម្តងមួយៗ។

ប៉ុន្តែនៅពេលដែលគាត់ជួប "ម៉ារីសា" ... ម៉ាស៊ីនលាងចានកម្រិតទាបនៅក្នុងភោជនីយដ្ឋានមួយ។

“ ខេលីខាឡូ” ប្រើឥទ្ធិពលរបស់ម៉ាហ្វីយ៉ាដែលទទួលបាន។

ឡើងទៅក្លាយជាអ្នកជំនួញ។ ស្វែងរកមហាសេដ្ឋីដែលមានអំណាច និងទ្រព្យសម្បត្តិយ៉ាងសម្បើម

ប៉ុន្តែលុយទាំងនោះមិនមែនជាអ្វីដែលគាត់ចង់បាននោះទេ។

ប្រសិនបើវាជាឧបករណ៍ដើម្បីធ្វើឱ្យម៉ាហ្វីយ៉ា សាមញ្ញ

អ្នកដែលធ្វើឱ្យគាត់ឆេះរាងកាយទាំងមូល

គាត់ចាប់ផ្តើមងាកមកចាប់អារម្មណ៍។ ហើយរកវិធីដើម្បីកាន់កាប់នារីវ័យក្មេងរបស់នាងរហូតដល់នាងស្ទើរតែភ្លេចបំណុល

ប៉ុន្តែស្ត្រីវ័យក្មេងមិនដែលដឹងរឿងនោះទេ។ តើនាងមិនអើពើនឹងគាត់ប៉ុន្មាន

ដែលធ្វើឱ្យក្រុមម៉ាហ្វីយ៉ាវ័យក្មេង រឹតតែខឹង

នៅពេលដែលបំណុលចាំបាច់ត្រូវបង់ រួមជាមួយអាថ៌កំបាំងនោះ

នាងគឺជាកូនស្រីរបស់បុរសដែលគាត់ចង់សំលាប់ដោយដៃរបស់គាត់។

ក្តីសុបិន្តរឿងព្រេងនិទានដ៏ផ្អែមល្ហែមរបស់ម៉ារីសាបានដួលរលំ។

និងយប់វិធីដែលនាងលះបង់ខ្លួនឯងដើម្បីគាត់សម្រាប់“ លើកទីមួយ” ស្ទើរតែគ្មានន័យ។

ខេលលែងជាព្រះអង្គម្ចាស់ដែលមានចិត្តល្អរបស់នាងទៀតហើយ។

ប៉ុន្តែគាត់គឺជាម៉ាហ្វីយ៉ាព្រៃ

... ធ្វើអ្វីក៏ដោយដែលវាត្រូវការដើម្បីចងអ្នកជាមួយពាក្យសម្បថ

ដែលនឹងត្រូវបាន រយៈពេលនឹងបញ្ចប់នៅពេលឆាប់ៗនេះនៅពេលដែលគាត់រកឃើញមនុស្សដែលត្រឹមត្រូវ!

ប៉ុន្តែបញ្ហាគឺ ... ចុះយ៉ាងណាបើនាងមានផ្ទៃពោះជាមួយរង្វិលជុំរបស់គាត់?!

“ គុណសម្បត្តិរបស់ប្រពន្ធត្រូវតែឆ្ងាញ់ដល់បេះដូង។ និងស្ទីលល្អប្រសើរជាងស្ត្រីរាជនិងម្ចាស់ស្រី

ឬអ្នកមិនដឹងទេ ខ្ញុំត្រូវប្រញាប់ខ្ញុំនឹងពូកែធ្វើដូច្នេះខ្ញុំអាចបង្កើតអាជីពនៅពេលអ្នកធុញទ្រាន់នឹងខ្ញុំ ... "

“ មិនអីទេ ... ខ្ញុំនឹងបង្រៀនអ្នក។ បង្រៀនគ្រប់មុខតំណែង។ ឥរិយាបថណាដែលពិបាកបង្រៀនជារឿយៗ អ្នកនឹងប្រសើរឡើងឆាប់ៗនេះ”

Ptologue

อิตาลีนั้นแสนจะกว้างใหญ่ ทว่าทำไมพวกเขาถึงหอบหิ้วกันมาจัดงานแต่งงานที่นี่...

คำถามนั้นอยู่ในใจกระทั่งถึงทางแยกหนึ่ง เธอหยุดปั่นจักรยาน เพราะมีอีกคำถามที่ผุดขึ้นมา แล้วทำไมเธอจะต้องหนีด้วยเล่า เธอควรจะยอมรับความจริงไม่ใช่เหรอ ความจริงที่อาจทำร้ายเธออย่างสาหัสสากรรจ์ แต่ความจริงนี้ทำให้คนที่เธอรักทั้งสองคนมีความสุข เธอควรไปดูให้เห็นกับตาว่ามุกอย่างเกิดขึ้นจริงไม่ได้เป็นเพียงความฝัน ไม่ใช่แค่ข่าวลือ

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกยาวเพื่อให้กำลังใจตัวเอง เธอหันกลับไปยังเส้นทางที่เคยเดินผ่านมา เธอปั่นจักรยานกลับมาจนถึงบริเวณปากทางเข้าโบสถ์ ซึ่งเวลานี้เนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่แต่งกายสวยงทม รวมทั้งแขกเหรื่อผู้มีชื่อเสียงมากมาย ตลอดจนกองทัพนักข่าวที่เริ่มทยอยกันเข้ามาจนเต็มพื้นที่บริเวณรอบนอกของโบสถ์ เธอพิงจักรยานไว้กับต้นไม้ใหญ่หน้ารั้วนั้น แล้วเดินเลียบๆเคียงๆไปตามรั้วไม้ เธอพยายามมองหาคู่แต่งงาน แต่ไม่เห็นพวกเขาเลย

เธอคงเข้าไปร่วมพิธีในโบสถ์ไม่ได้แน่ เธอไม่ได้รับเชิญ อย่างดีที่สุดก็คงผสมอยู่กับพวกนักข่าวแบะแฟนคลับของเรเชลที่ต่างมารอดูชุดเจ้าสาวของเธอกัน

ครั้นรถของเจ้าบ่าวเดินทางมาถึงโบสถ์ ผู้คนแหวกวงล้อมออกกลายเป็นเส้นทางเพื่อต้อนรับเขา เจ้าบ่าวที่ขับรถสปอร์ตเปิดประทุนเข้ามาอย่างเท่ นักข่าวรุมล้อมพากันถ่ายรูปเขาไม่หยุด ผญิงสาวพยายามเขย่งเท้ามองดูเขา แต่ถูกคลื่นคนซัดออกมาด้านนอก กระทั่งล้มลงไปนั่งแช่อยู่บนพื้นหญ้า

"เฮ้อ..." เธอนั่งอยู่อย่างนั้น นึกสมเพชตัวเองที่ยังอุตส่าห์พาตัวเองมาให้เจ็บได้ "ไปเถอะ" เธอสั่งตัวเองให้ลุกขึ้น ลุกจากความเจ็บปวด และยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเสียที หากแล้วก็มีมือของใครคนหนึ่งยื่นมาต่อหน้า เธอมองฝ่ามือนั้นเรื่อยไปจนถึงใบหน้าของเขา "ร็อกกี้!"

ชายหนุ่มในสภาพเคราครึ้ม สวมชุดสูท รองเท้าหนังแวววาว แต่งกายดีตามสไตล์ของเขาที่เคยเป็นมา เธอไม่ยักรู้ว่าเขาได้รับเชิญในงานนี้ด้วย หญิงสาววางมือลงบนฝ่ามือที่เย็นเฉียบของเขา ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นไม่น้อย แต่ไม่ใช่เพราะเจอเธออีกครั้ง หากเป็นเพราะเขามีบางสิ่งอยู่ในใจ และสิ่งนั้นทำให้เขาเครียด

"คุณหายมาอยู่ที่นี่เองหรอ"

"แล้วคุณล่ะ หายไปอยู่ไหนมา"

เขายิ้มนิดๆ "ผมอยู่ที่นี่มาตลอด"

เธอถึงกับแปลกใจ "คุณอยู่ที่นี่หรอ เราไม่เคยได้เจอกันเลย"

"แต่ในที่สุดก็เจออยู่ดี แสดงว่าเราสองคนยังมีวาสนาต่อกันอยู่"

"ไม่รู้ว่าเพราะโลกมันกลมหรือโลกมันโหดร้ายกันแน่นะนะคะ" หญิงส่วหันกลับไปมองบรรยากาศงานแต่งของหนุ่มสาวผู้มีชื่อเสียงอีกครั้ง เธอมองด้วยสายตาโหยหา หากแล้วก็พยายามจะยิ้มยินดี เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศที่ชื่นมื่นและเต็มไปด้วยความหมาย

"ผมเคยสงสัยว่า..." เขาขยับตัวมายืนข้างเธอ แล้วมองเข้าไปด้านใน เช่นเดียวกับเธอ แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง "ระหว่างคุณกับเรเชล ผู้หญิงคนไหนที่สำคัญกับเขาจริงๆ"

"ตอนนี้คุณคงได้คำตอบแล้วใช่ไหมคะ" เธอยิ้มเศร้า "แทบไม่ต้องเดาเลย"

ชายหนุ่มเหลือบมองหญิงสาวข้างๆ ด้วยสายตาอ่อนโยนเหมือนเดิม "ผมบอกตรงๆ นะ ผมอยากแก้แค้นหมอนั่น ที่ผมมานี่ เพราะผมมีแผนจะลักพาตัวเจ้าสาวออกจากพิธีในวันนี้"

หญิงสาวหันขวับมองคนพูดด้วยความอึ้ง "คุณล้อเล่นใช่ไหม"

"ผมพูดจริง ผมส่งคนเข้าไปแทรกขึมในงามแล้ว ทุกคนเข้าประจำที่ แต่รอรับคำสั่งจากผมเท่านั้น"

"นี่ไม่ใช่คุณเลยร็อกกี้ ฉันไม่เขื่อหรอกว่าคุณจะทำแบบนั้นจริงๆ"

ร็อกกี้นิ่งไปครู่ เพราะไตร่ตรองบางอย่าง "คุณอยากเข้าไปข้างในไหม"

"ไม่ค่ะ" เธอตอบก่อนจะถอนใจหนักๆ "ฉันแค่ปั่นจักรยานผ่านมาเท่านั้นและกำลังจะกลับ" เธอหมุนตัวเดินไปจับจักรยานขึ้นตั้งตรง เตรียมออกวิ่งอีกครั้ง"คุณเองก็เหมือนกัน กลับบ้านเถอะค่ะ"

แต่ยังไม่ทันได้ไปไหน ชายหนุ่มเข้าขวางหน้า จับแขนเธอไว้แน่น สายตาดุกร้าว ไม่เหมือนร็อกกี้คนเดิม

"ไม่กล้าเหรอ"

"ฉันไม่มีอะไรต้องกลัว"

"ถ้าอย่างนั้นก็ไปกับผม"

เธอยังไม่ทันตอบตกลง เขากอดเอวเธอไว้แล้วพาเข้าไปภายในรั้วโบสถ์ฝ่าฝูงชนนับร้อย และเสียงจ้อกแจ้กจอแจน่ารำคาญหู เขายื่นการ์ดเชิญให้แก่บอดี้การ์ดในชั้นแรก ก่อนจะถึงบอดี้การ์ทหน้าประตูทางเข้าตัวโบสถ์ เดฟและโรเบอร์โต้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย เขาทั้งตกใจและแปลกใจที่เห็นหญิงสาวอีกครั้ง เมริสามาพร้อมกับร็อกกี้ สีหน้าของหญิงสาวเรียบเฉย ไร้ความสนใสเหมือนก่อน

ร็อกกี้พยายามยิ้มแย้ม กอดประคองหญิงสาวเข้าไปภายในโบสถ์ เขาเลือกยืนตรงหัวแถวที่เก้าอี้แถวสุดท้ายของโบสถ์ ใกล้กับที่ทั้งคู่เลือกยืนนั้นเป็นจูเลียร์ในชุดสวยงามเพริศแพร้ว เมื่อเธอหันมาเห็นเมริสากผ้ตื่นเต้นดีใจ

"เธอก็มาเหรอคนสวย"

หญิงสาวหันไปแค่นยิ้ม "ฉันกำลังจะกลับค่ะ" เธอพูดจบก็ขยับตัวจะออกจากแถว ร็อกกี้ดึงมือเธอไว้ เจ้าบ่าวที่ยืนอยู่หน้าแท่นพิธีหันมามองประตูโบสถ์ที่กำลังจะเปิดออก หากแล้วสายตาของเขากลับมองเห็นหญิงสาวเสียก่อน เธอยืนอยู่ตรงนั้น!!! และกำลังจ้องมองมาทางเขา!!!

ไคล์ใจเจ้นรัว ขมวดคิ้วมุ่น เลือดสูบฉีดอย่างบ้าคลั่ง เขารู้สึกวูบวาบไปทั้งตัวเหมือนถูกไฟช็อต เขากะพริบตาหลายครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าสายตาของเขายังใช้การได้ดีอยู่... นั่นเป็นเธอจริงๆ ใช่ไหม... ไม่ใช่ความฝัน เขาไม่ได้นอนหลับอยู่แน่นอน และอาการไม่สบายนิดๆ ไม่ได้ทำให้ตาเขาบอดจนเห็นเรเชลเป็นเธอ...เมย์!

"เราไม่รู้จักกัน... ใช่ เราไม่รู้จักกัน"

เมริสาจ้องมองไคล์ด้วยสายตาเศร้า นี่แหละเหตุผล เธอจึงไม่อยากเข้ามาในโบสถ์ ไม่อยากแสดงอาการอันใดทั้งสิ้นที่จะทำให้งานที่แสนหวานนี้ขมปร่า เธอละสายตาจากเขา แล้วเอาดวงตาแดงก่ำของเธอหันกลับไปยังประตู เป็นวินาทีเดียวกับที่ประตูบานใหญ่เปิดออก เจ้าสาวปรากฏตัวขึ้นพร้อมคุณพ่อของหล่อน

สวยและสง่างามจั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เรเชลใบหน้าอิ่มสุข ดวงตาพราวระยับ ขณะจ้องมองไปยังเจ้าบ่าวที่ยืนรออนู่ตรงหน้าแท่นพิธี หากเมื่อเข้าหลาอนเดินผ่านหน้าเมริสา เธอหันมามองแล้วขยิบตาให้ เธอส่งสัญญาณบอกว่าหัวใจของเธออยู่กับ ไคล์ ลิมเบอร์สกี้ เรียบร้อยแล้ว

เมิรสายิ้ม แม้นัยน์ตาเหือดแห้ง เธอรอให้เจ้าสาวเดินผ่านไปตามพรมแดงที่ปูลาดไปจนจบแท่นพิธี ส่วนเธอเดินออกจากแถวนั้น แล้วเดินผ่านประตูโบสถ์ออกไปโดยไม่หันกลับมามองด้านหลังอีกเลย

เธอหูอื้อตาายไปหมด ไม่ได้ยินแม้เสียงเรียกของเดฟและโรเบอร์โด้ที่ช่วยกันเรียกเธอลั่น หญิงสาวเดินฝ่ากองทัพนักข่าวและบรรดาแฟนคลับที่ออแน่นอยู่บริเวณด้านนอกจนพ้นรั้วของโบสถ์ เมืองฟลอเรนช์ที่สวยงามของเธอบัดนี้ได้กลายเป็นเมืองที่มืดมิด ไร้แสงสว่าง

Phaptes 1

หกเดือนก่อนหน้านี้...

สองสาวกำลังคุยกันอย่างสนุกตามประสาพี่น้อง โดยหารู้ไม่ว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้า พวกเธอจะห้ำหั่นและเป็นศัตรูกันจนวันตาย... เพียงเพราะผู้ชายคนเดียว!

ณ อพาร์ตเมนต์สไตล์อิตาลีที่สร้างใหม่ไม่เกินสามปี แต่หรูหรา คลาสลิกเหมาะจะเป็นรังรักของหนุ่มสาวที่อยากเห็นแสงแห่งรุ่นอรุณจากเส้นขอบฟ้าและไฟหลากสีสันระยิบระยับของโรมแบบทั้งเมือง เพียงแค่ออกมายืนนอกระเบียงห้องเจ้าของเรือนผมดำขลับยาวสลวยกำลังยืนรับลมเย็นอยู่บนนั้น ดวงตาสีน้ำตาลจดจ้องกุหลาบขาวดอกโตในกระถางใบเล็กที่กำลังจะเหี่ยวแห้งและร่วงโรยในไม่ช้าชึางวางอยู่มุมหนึ่งของระเบียงห้องถัดไป ดูเหมือนเจ้าของห้องข้างๆ จะไม่ได้ใส่ใจกับมันสักเท่าใหร่นัก

"เมย์..." เสียงเรียกดังมาจากในห้องผ่านริมฝีปากอิ่มสวยของหญิงสาวที่กำลังทาลิปสติกส์สีโทนนู๊ดหน้ากระจกในห้องนอน "ฉันต้องการความคิดเห็นจากเธอนะ"

"จ้ะไอริส" เมริสาตะโกนตอบ ละสายตาจากกุหลาบเหี่ยวกลับมาด้านในตามคำร้องขอเขาผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาว แต่ไม่ได้เกี่ยวพันกันในทางสายเลือดแม้แต่หยดเดียว ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แปลกแปร่งสำหรับคนนอกที่ไม่รู้ที่มาที่ไป"ถ้าเธออยากได้คำวิจารณ์จากแม่ครัวล่ะก็ ฉันจัดให้ได้"

เมริสาเป็นสาวไทยแท้ที่ถือกำเนิดในชนบทเล็กๆ ของเมืองฟลอเรนช์มารดาชาวไทยของเธอเสียชีวิตในวันให้กำเนิดเธอ หนูน้อยจึงต้องย้ายตามยุทธนาเชฟชาวไทยผู้เป็นบิดามาอยู่ที่บ้านมหาเศรษฐีคนหนึ่งชึ่งคลั่งไคล้อาหารไทยเป็นพิเศษ เธอจึงเติบโตในคฤหาสน์หลังนั้นกระทั่งอายุสิบสอง บิดาจึงลาออกมาเปิดร้านอาหารไทยในย่านดาวน์ทาวน์ โดยใช้ชื่อลูกสาวคนเดียวของเขามาตั้งชื่อร้าน...ร้านเมริสา

บิดาของเธอทำร้านอาหารได้ครบปีแล้ว ตอนที่อัญชลีหอบลูกสาวชึ่งมีอายุอ่อนกว่าเธอแค่ปีเดียวมาสมัครงานที่ร้านในตำแหน่งผู้ช่วยเชฟ เด็กสาวคนนั้นเป็นลูกครึ่งไทย-อิตาเลียนที่มีหน้าตาสะสวย ผิวพรรณละเอียดตลอดหมดจดทุกรูขุมขนดวงตาสีน้ำตาล จมูกโด่ง ริมฝีปากบางสวยได้รูป ไอริสถูกออกแบบมาอย่างวิจิตรบรรจงราวกับประติมากรรม ในขณะที่เมริสาเป็นเด็กสาวผิวสีน้ำผึ้ง ตัวสูง หุ่นเหมือนนักกีฬา ผมหยิกสีดำ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสวยชึ่งไม่ต่างจากไอริสสักเท่าใหร่คงเป็นเพระภูมิอากาศแถบเมดิเตอร์เรเนียนที่ตกแต่งความเป็นไทยของเธอจนน่าดูไม่ต่างจากสาวอิตาเลียน แต่นั่นมันเมื่อตอนที่เธอยังเด็ก เดี๋ยวนี้เหรอ เมริสาในวัยยี่สิบห้าเหมือนกลายร่างได้ สวยสะพรั่ง สดไส ไร้มารยา แต่เธอไม่รู้ด้วยช้ำว่าความสวยของเธอแทบไม่ต่างกับ ลิฟ ไทเลอร์ หรือ นาตาลี พอร์ตแมน เลย

"โอ้โห... นั่นเพชรจริงๆ หรือ" เมริสาตื่นตะลึงกับสร้อยเพชรบนลำคอระหงของหญิงสาว ผู้ที่งดงามและล้ำค่าไม่เคยเปลี่ยน ดวงตาที่เปล่งประกายของเจ้าหล่อนแข่งกับจี้เพชรสีนิลเม็ดใหญ่ที่ประเมินค่าไม่ได้ "สวยจังไอริส"

"คู่ควรกับฉันที่สุด" เจ้าหล่อนไม่เคยคิดว่าตัวเองด้อยค่ากว่าผู้หญิงคนไหนในโลกใบนี้ โดยเฉพาะพี่สาวร่วมครอบคครัวที่ไม่มีวันเทียบเธอได้ เมริสายังเป็นแค่พี่สาวจอมอึดที่หาสเน่ห์ไม่เจอ ผู้หญิงที่ใช้แต่ของถูกและแต่งหน้าได้ห่วย แตกเสมอ "จริงไหมเมย์"

เมริสาพยักหน้า ก่อนจะเบิกตาโตเมื่อคิดบางอย่างออก "แล้วล็อกเกตที่เธอสวยอยู่ล่ะ"

"ฉันทิ้งไปแล้ว"

"หา... ทิ้งไปแล้ว ฉันฟังผิดไปแน่ๆ ล็อกเกตนั่นสำคัญแค่ไหน เธอลืมไปแล้วหรือ ว่าพ่อเธอเป็นคนให้ไว้" ไอริสทำหน้าขยะแขยง สร้องเงินไร้ราคากับล็อกเกตรูปหัวใจเก่ากึ้กต่างจากสร้อยที่เธอสวมอยู่ราวฟ้ากับเหว ของแบบนั้นมีไว้ก็ลดคุณค่าตัวเอง "ฉันว่าถึงมันจะดูไร้ราคา แต่ฉันรู้สึกได้ว่ามันมีมนตร์ขลัง มันช่อนเรื่องราวเอาไว้ ถึงเธอไม่ใส่ เธอก็ควรจะเก็บเอาไว้อย่างดี อย่างน้อยก็เผ็นที่ระลึกจากพ่อของเธอ"

"ไร้สาระ ตั้งแต่เกิดมา ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย แล้วทำไมฉันจะต้องไปสนใจเศษเหล็กที่เขาทิ้งไว้ให้ด้วย"

"อย่าพูดอย่างนี้ให้แม่อัญได้ยินเชียวนะ ท่านจะเสียใยเอา"

"ฉันไม่สนหรอกว่าแม่จะคิดอย่างไร" เธอยักไหล้ขณะพูด "ฉันทนกับสภาพการเป็นลูกสาวของแม่ครัวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว อาชีพของแม่และฐานะของแม่ทำให้คุณค่าของฉันลดลง" ยิ่งพูด ไอริสก็ยิ่งเลวและแย่ เมริสารู้ตัวดีว่าเจ้าหล่อนเก็บกดมานานแล้ว และเพิ่มจะมาระเบิดเมื่อสี่ปีที่แล้วนี่เอง เพราะอัญชลีเลี้ยงดูบุตรสาวอย่างดี ประคบประหงมสุดฤทธิ์ ชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม แถมยังไม่ค่อยยอมให้ไปไหน เรียกว่าอยูในโอวาทก็ได้โอกาสวาดลวดลายกลายเป็นสาวสังคม เข้าชมรมปาร์ตี้ทุกค่ำคืน สนุกกับชีวิตแบบไม่เกรงใจแม่ เสน่ห์แพรวพราวยั่วยวนผู้ชายมากหน้าหลายตาให้แวะเวียนเข้ามาขายขนมจีบ แต่ไอริสไม่ค่อยชอบขนมจีบของผู้ชายพวกนั้นหรอก เธอชอบที่จะเป็นฝ่ายเลือกมากกว่า... และคนที่เธอเลือกก็คือชายหนุ่มที่หล่อเหลาและเรียนเก่งอันดับต้นๆ ของมหาวิทยาลัย "เธอจำได้ใช่ไหมเมย์ ว่าฉันเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่เมืองไทยที่บินมาเรียนที่โรม"

"จ้ะ ฉันไม่ลืมหรอก เพระฉันได้รู้จักการโกหกครั้งแรกก็ตอนที่ต้องพยักหน้ากับเพื่อนๆ ทังคณะเพราะเรื่องนี้" เธอถูกบังคับให้เออออกับชีวประวัติที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ของไอริส เจ้าหล่อนไม่เคยพอใยอาชีพในครัวของมารดา ชึ่งเป็นแต่ลูกจ้างของร้านอาหารเมริสา ทั้งที่เคยเป็นเจ้าของมาตั้งหลายปี เพราะหลังจากที่บิดาของเธอแต่งงานใหญ่กับอัญชลี เขาก็เจ็บป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด ค่ารักษาที่แพงลิบ ทำให้ก่อหนี้มากมาย จนร้านตกไปเป็นของคนอื่น หรือเจ้าของร้านคนปัจจุบันนั่นเอง แต่ที่อัญชลีไม่ยอมไปไหน เพราะเธอหวังในใจว่าสักวันจะไถ่ร้านคืนจากดวงมณีได้ "เธอไม่คิดจะกลับไปเยี่ยมแม่ที่ร้านบ้างหรอ จากที่นี่ไปที่ร้านก็ไม่ได้ไกลมาก"

"ไม่... ฉันยุ่ง เธออย่าวุ่นวายเรื่องส่วนตัวของฉันได้ไหมเมย์ ตอนนี้ชีวิตฉันกำลังจะรุ่ง ฉันอาจจะได้เป็นนางแบบให้ห้องเสื้อเรเชด้วย สาวก้นครัวอย่างเธอคงไม่รู้จักหรอก"

"อืม... แล้วเมื่อใหร่จะแต่งงาน" ในเมื่อเจ้าหล่อนย้ายมาอยู่ที่นี่ถาวรแล้วหลังจากไปๆ มาๆ อยู่เกือบปี เธอก็ควรจะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่ลงทุนชื้อที่พักแพงๆ แบบนี้สำหรรับเป็นเรือนหอสิ "ร็อกกี้ขอเธอแต่งงานหรือยัง"

"แน่นอนอยู่แล้ว" น้ำเสียงของเจ้าหล่อนเผยองกว่าครั้งไหนๆ ขณะจ้องมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ ที่ส่องเห็นตนเองในชุดราตรีสีดำเจิดจรัสตั้งแต่หัวจรดเท้า"แต่ฉันจะตกลงรึเปล่า นั่นอีกเรื่อง"

"อ้าว ทำไมล่ะ เธอรอวันนี้มาตั้งนานแล้วนี่"

"ฉันอยากแต่งงานก็จริง ฉันรักเขามากก็จริง แต่ฉันเคยบอกรึเปล่าว่าต้องเป็นเขาเท่านั้น"

เมริสาถึงกับมึน "แต่เธอกับเขา..."

"อย่าไร้เดียงสานักเลยพี่สาว เธอแก่กว่าฉันตั้งปีเชียวนะ" แล้วเจ้าหล่อนก็หัวเราะระรื่น "ถึงฉันกับเขาจะมีอะไรกันแล้ว แต่มันไม่ใช่สิ่งที่จะผูกมัด ไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปรับผิดชอบ มันไม่ใช่สัญญา เธอควรจะมีแฟนสักคนและหัดเรียนรู้ไว้บ้างนะไม่ใช่เอาแต่ทำอาหารไปวันๆ"

"ความรักมันยังไม่พอสำหรับร่วมขีวิตกันเหรอ"

"พอรึเปล่า เธอดูอย่างแม่ฉันสิ มีผัวคนแรก ผัวก็หาย พอมาแต่งกับลุงยุทธ ไม่นานผัวก็ตาย แถมทิ้งหนี้ไว้ให้เพียบ"

ไอริสไม่ได้เป็นคนพูดตรงหรอก แต่พูดไม่เกรงใจใคร ไม่รู้จักกาลเทศะเธอคงลืมไปแล้วว่าลูกสาวของยุทธนานั่งหัวโดอยู่ตรงนี้ ผู้หญิงแบบนี้ใช่ไหมที่ผู้ชายคลั่งไคล้ อยากได้ไปครอบครองกันทั้งเมือง

"แล้วเธอจะแต่งกับใคร"

"ยังหรอกน่า มันแค่เริ่มต้น แต่ฉันเชื่อว่ามันจะไปได้ดี"

กับใคร?

"ดูเธอมีความสุขจัง"

ความสุขที่ทะลักล้นออกมาจากแววตาที่เปล่งประกายคู่นั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกำลังหลงใหลได้ปลื้มผู้ชายคนใหม่ที่เธอเลือกไปดินเนอร์กับเขาในค่ำคืนแสนหวานนี้ หรือเพราะเพชรบนคอกันแน่

"แน่ล่ะ เพราะฉันกำลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะได้เป็นชินเดอเรลล่าที่น่าอิจฉาที่สุด"

"เธอจะเลิกกับเขาจริงเหรอ"

"ไม่" เจ้าหล่อนตอบชัดถ้อยชัดคำ "ถึงฉันจะแต่งงานกับคนอื่น แต่ฉันไม่เลิกกับร็อกกี้แน่นอน เพราะหัวใจฉันเป็นของเขา แม้ร่างกายจะไปเป็นของคนอื่นสักพัก"

"ของคนอื่นสักพัก หมายความว่าไง" เธองงจริงๆ ไอริสกำลังคิดจะทำอะไร

"เฝ้าดูชีวิตฉันต่อไปสิเมย์ คำตอบ ันจะมาในอีกไม่ช้านี่แหละ ขออย่างเดียว ก่อนทุกอย่างจะเปิดเผย ห้ามพูดเรื่องนี้ให้แม่ฟังเด็ดขาด เข้าใจไหม"

"ฉันรู้หรอกน่า... แต่ฉันชักจะเป็นห่วงเธอเสียแล้ว เธอกำลังทำเรื่องเสี่ยงอยู่รึเปล้า"

ไอริสหัวเราะขบขัน "ไม่เสี่ยงหรอก ถ้าเธอปิดปากให้สนิท และตอบว่าไม่รู้ไม่เห็นเวลาที่แฟนฉันถาม"

"เขาคงไม่คิดจะถามอะไรฉันหรอก เธอก็น่าจะรู้" ผู้ชายคนนั้น... หนุ่มเจ้าเสน่ห์และแสนพอร์เฟกต์ที่สาวๆ ทั้งเมืองพากันคลั่งไคล้หลงใหล เขาเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและแสนดีกับคนทั่วไป แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เขาหยาบคายและเกลียดก็เธอไง!! โดยไม่ทราบสาเหตุเลยสักนิด "ไม่รู้ว่าเขารู้รึเปบ่าว่ามีฉันอยู่บนโลกใบนี้"

ไอริสทำหน้าขัน แล้วขมวดคิ้วนิดๆ "พูดเหมือนน้อยใจ ไม่เอาน่า เธอเป็นคู่ชี้ฉันนะ เขาจะมองไม่เห้นได้ยังไง"

"คู่ชี้เหรอ" เมริสาย้ำคำนั้นอย่างไม่เห็นด้วย เพราะเธอแน่ใจว่าไอริสตัวร้ายบอกกับใครๆ ไปทั่วว่าเธอเป็นสาวใช้ประจำตัวเจ้าหล่อนมาตลอด "น่าปลื้มใจจังว่าแต่ไปดินเนอร์แค่นี้ทำไมจัดกระเป๋าเสื้อผ้าไปด้วย"

"เธอต้องถามฉันว่าจะไปดินเนอร์ที่ประเทศไหนต่างหาก"

"หา!!! เธอจะไปต่างประเทศเหรอ ไปกี่วัน"

"ยังไม่รู้... แผนยังไม่นิ่ง ไม่แน่ว่าจะบินไปพักผ่อนต่อที่เกาะใดเกาะหนึ่งในเมดิเตอร์เรเนียนก็ได้ อย่างคาปรีหรือชานโตรินี เธอก็รู้ว้าฉันอยากไปเที่ยวไปช้อปที่คาปรีมาตั้งนานแล้ว แต่แฟนฉันขี้เหนียวมาก" เจ้าหล่อนพูดพลางทำหน้างอนๆ กลายเป็นความผิดของคนรักเธอเสียนี่ เธอได้ยินมาว่าหมอนั่นบ้างานมากเขาทำงานแบบถวายหัว ทุ่มสุดตัวราวกับเป็นเจ้าของบริษัท แม้ตอนนี้เขาจะทำงานในตำแหน่งเล็กๆ แต่ด้วยความสามารถ เชื่อว่าสักวันเขาจะก้าวสู่ตำแหน่งใหญ่โตได้ไม่ยาก แต่มันอาจจะช้าไปสำหรับหญิงสาวที่ทะเยอทะยานอย่างไอริส

"เป็นลูกจ้างเขาก็อย่างนี้แหละ สู้เป็นเจ้าของบริศษัทเองไม่ได้"

"แต่บริษัทที่เขาทำงานอยู่ก็ใหญ่โตไม่ใช่เล่นเลยนะ" หากเอ่ยถึง... อาร์แอนด์ ดี คงไม่มีใครในอิตาลีไม่รู้จักหรือแม้แต่ชาวยุโรปทั่วๆ ไปที่นิยมอาหารแปรรูปในซูเปอร์มาร์เก็ตและห้างสรรพสินค้าตั้งแต่เล็กยันใหญ่ยักษ์ บริษัทส่งออกและนำเข้าเกี่ยวกับอาหารแปรรูปทุกชนิด ที่ใหญ่ที่สุดและทำกำไรมหาศาลติดต่อกันหลายปี หากใครได้เข้าทำงานที่นี่ก็ถือว่าเจ๋งไม่น้อย "ร็อกกี้ มิลเลอร์ ไม่ได้ไปสมัครงานที่นั่น แต่ถูกจองตัวให้เข้าไปทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เธอไม่คิดว่าเขาจะกลายเป็นเศรษฐีในสักวันเหรอ"

"เป็นไปได้ แต่คงต้องใช้เวลานานหน่อย และเป็นไปไม่ได้ เพราะเขาไม่ใช่คนทะเยอทะยานอะไร เขาแค่อยากมีบ้านหลังเล็กๆ มีรถกระจอกๆ ขับไปทำงานมีเงินเดือนพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเท่านั้น" เจ้าหล่อนพูดพลางถอนหายใจ "แต่ดันอยากมีเมียสวยนี่สิ ฉันไม่เห็นด้วยกับเขาเลยจริงๆ"

เมริสาแอบคิดว่าเธอเองก็ไม่เห็นด้วย ผู้ชายคนนั้นดีเกินไปสำหรับผู้หญิงคนนี้จริงๆ

"ฉันรู้มาว่าร็อกกี้มีแม่ที่ต้องเลี้ยงดูด้วยใช่ไหม"

"ฉันเคยเล่าให้เธอฟังเหรอ"

"ใช่... ครั้งหนึ่ง"

ไอริสทำหน้าเซ็ง "เพราะเขาต้องดูแลแม่ที่นั่งรถเข็นไง เขาถึงไม่ค่อยมาหาฉันที่นี่ เขาเห็นแม่ของเขาสำคัญกว่าฉันเสมอ นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ฉันไม่เลือกเขา"

"ยังไงก็ตาม เธอควรจะบอกเลิกเขาก่อน"

ไอริสหัวเราะ ก่อนจะส่ายหน้า "ยังไม่ใช่ตอนนี้ เมื่อใหร่ก็ตามที่ฉันแต่งงานและจดทะเบียนสมรสกับผู้ชายคนนั้นแล้ว ฉันจะบอกเลิกเขา เธอไม่ต้องห่วง"

เมริสายิ้มไม่ออก "ฉันไม่น่ารับรุ้เรื่องนี้เลย"

ไอริสหัวเราะ "ไม่รู้ล่ะ ฉันถือว่าเธอสมรู้ร่วมคิด"

"ไม่นะ"

"เธอปฏิเสธไม่ได้หรอก" เจ้าหล่อนมองนาฬิกาข้อมือราคาเรือนแสนที่ฝังเพชรเม็ดเล็กรายล้อม "ฉันต้องไปแล้วล่ะ เครื่องใกล้จะออกแล้ว ฝากห้องด้วยนะทำความสะอาดขัดถูให้เรียบร้อยด้วย ฉันกลับมาห้องต้องเนี้ยบ"

สั่งชะอย่างกับเป็นเจ้านาย เมริสาแอบบ่นในใจ "แล้วถ้ามีใครโทรมาหาเธอจะให้บอกว่ายังไง"

"บอกว่าฉันไปทำงานต่างประเทศ ไม่รู้กำหนดกลับ ท่องไว้ให้ขึ้นใจนะจ้ะพี่สาว"

"เธอแก่นเชี้ยวเกินไปแล้ว"

"ยังไงก็... ฉันอนุญาตนะ ถ้าเธอจะพาผู้ชายมาสนุกที่ห้อง"

พี่สาวถึงกับหน้าแดงเป็นลูกมะเขือเทศ "จะบ้าเหรอ เธอจะไปไหนก็ไปเหอะเดี๋ยวทำห้องให้"

ไอริสหัวเราะคิกคัก เดินไปควเากระเป๋าสะพายราคาแพงรุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่นตอนหน้าร้อนที่ผ่านมาของแบรนด์เรเชล และกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กๆ ที่ตัดเย็บเนี๊ยบทุกขั้นตอน ก่อนตรงไปยังประตูห้อง โดยเมริสาเดินตามไปส่งถึงประตู

"ฉันลางานที่ร้านอาหารให้เธอเรียบร้อยแล้วนะ เธอมาเฝ้าห้องและคอยรับโทรศัพท์ให้ฉัน เผื่อมีงานติดต่อมา เพราะฉันจะไม่รับโทรศัพท์ระหว่างไปเที่ยวโอเค้"

"ไม่โอเค" เมริสาเท้าสะเอว ปั้นหน้าโหด "แล้วใครจะช่วยงานน้าอัญที่ร้าน"

"พนักงานเยอะแยะ ฉันว่าเธอลางานสามสี่วัน ถ้วยชามคงแตกน้อยลงและลูกค้าก็ไม่ต้องกลัวเด็กเสิร์ฟราดน้ำบนหัวเขาด้วย จริงไหม" เข้าหล่อนพูดจบก็หัวเราะ เปิดประตูห้องออกไปอย่างอารมณ์ดี

เมริสาทำหน้ายักษ์ใส่บานประตู บอกลาเจ้าของห้องตัวแสบ ก่อนหันมองรอบกาย ภายในห้องที่รกและเละเทะยิ่งกว่ากองขยะ เธอรู้สึกเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่เริ่มจับไม้กวาดเลย

"สวยซะเปล่า ห้องน้ำโคตรสกปรก"

เมริสาสวมถุงมือยางและผ้ากันเปื้อนเตรียมพร้อมล้างห้องน้ำเป็นลำดับแรก

"เธอเป็นผู้หญิงที่เลือกได้เสมอไอริส อยากได้ใครก็ได้ แค่ขยิบตาให้สักครั้ง ผู้ชายก็วิ่งกันขาขวิดมาหาเธอ ฉันอยากรู้จริงๆ เลยว่ามีผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่สนใจเธอ" หญิงสาวถูโถส้วมไปด้วย บ่นไปด้วย และคิดไปด้วย "ฉันเองก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหล่อะไรนี่นา ออกจะสวยและแสนดี ขยันทำมาหากินอีกต่างหาก แต่ไม่เห็นมีใครสนใจเลย หรือว่าเพราะวันๆ อยู่แต่ในร้านอาหาร ไม่ได้พบเจอผู้คนกับเขา..." อย่าว่าแต่สนใจเลย แค่พูดก็ยังไม่มีใครอยากพูดด้วย เธอเคยสงสัยว่าตัวเองปากเหม็นรึเปล่า แต่ก็ไม่ใช่ ไอริสบอกว่าเป็นเพราะเธอตัวติดกับหล่อนตลอดเวลาหน้าตาเธอเลยมัวหมองไร้ราศีไปเสียหมด ซึ่งเธอคิดว่าเป็นเหตุผลที่น่าเชื่อถือมากๆ

"แต่ลูกค้าผู้ชายที่ร้านก็เยอะนี่นา สงสัยเราจะอาภัพเรื่องคู่" เธอถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ก้มหน้าก้มตาขัดพื้นห้องน้ำต่อไป เสียงเคาะประตูดังขึ้นในอีกหนึ่งนาทึถัดมา ทำเอาเธอสะดุ้ง "ใครมา!!!..." เธออดคิดไม่ได้ว่าอาจเป็นคนรักของน้องสาว "หมอนั่งแน่ๆ"

ทั้งที่มันไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่เธอกลับรู้สึกกลัวที่จะไปเปิดประตูเพื่อพูดคำโกหกต่างๆ นานา

"ทำไงดี" เสียงเคาะหนักขึ้นเรื่อยๆ เมริสาตัดสินใจทิ้งอุปกรณ์ทำความสะอาดไว้ แล้วเดินออกไปดูที่ประตู เธอมองผ่านช่องตาแมว จึงได้เห็นชายสุดหล่อยืนถือช่อกุหลาบสีแดงสด "หมอนั่งจริงๆ ด้วย สงสัยจะงานใหญ่ แต่งหล่อพร้อมช่อกุหลาบ"

เมริสาหันหลังใหห้ประตู "หรือจะแกล้งทำเป็นไม่มีใครอยู่"

สิ้นสุดคำนั้น ประตูเปิดออก เธอหันหลังขวับ ชายหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องด้วยท่าทางอารมณ์ดี แต่พอเห็นหน้าเธอ สีหน้าและอารมณ์เขาก็เปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์แทน

"ไอริสล่ะ"

"คุณเข้ามาได้ยังไง"

เขาชูกุญแจให้ดู ก่อนเดินไปทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟา

"ไปเรียกสุดที่รักของฉันมา"

"ถ้าคุณหมายถึงไอริสล่ะก็..."

"แล้วจะให้หมายถึงใคร"

"เธอไม่อยู่ค่ะ"

เขาขมวดคิ้ว "ไปไหน"

"ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ" เธอโกหกอีกแล้ว และการโกหกทุกครั้งในชีวิตเกิดจากไอริสทั้งสิ้น "แต่คงไม่อยู่ราวๆ สองสามวันน่ะค่ะ"

"ได้ยังไง" ชายหนุ่มอารมณ์กราดเกรี้ยวขึ้นทันตา ทำให้หญิงสาวผงะเล็กน้อย เขาล้วงโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกทันที เขาฟังครู่หนึ่งก่อนจะโยนโทรศัพท์ทิ้งอย่างอารมณ์เสีย "ปิดเครื่อง หมายความว่าไง ไปไหน ทำไมไม่บอก"

"สงสัยจะเซอร์ไฟรช์แฟน"

"ว่าไงนะ"

"เปล่าค่ะ" เมริสายิ้มเจื่อน เวลานี้เธออึดอันเกินทน อยากจะเข้าไปสูดอากาศหอมๆ ในห้องน้ำต่อ "คุณจะนั่งให้หายเหนื่อยก่อนก็ได้นะคะแล้วค่อยกลับ"

"ทำไมต้องกลับ ในเมื่อที่นี่เป็นของฉันครึ่งหนึ่ง เธอคงเป็นแม่บ้านของไอริสสินะ"

"แม่บ้าน!!!" ไม่ใช่สาวใช้แต่เป็นแม่บ้าน เขาจำหน้าเธอไม่ได้เลยหรอไม่เจอกันแค่ไม่กี่เดือน "ค่ะ ฉันเป็นแม่บ้านของคุณไอริส เธอจ่ายเงินเดือนให้ฉันแพงมากเลยค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวไปทำความสะอาดห้องน้ำต่อเลยนะคะ หากมัวแต่พูด งานจะไม่เสร็จ ไม่คุ้มกับเงินเดือนค่ะ"

เข้าหล่อนหันหลังแล้งทำหน้านิ่งคิ้วขมวดด้วยความโมโห หากหายตัวได้เหมือน แฮร์รี่ พอตเตอร์ เธอคงทำทันที

"หวังว่าล้างห้องน้ำเสร็จ คุณคงกลับไปแล้วนะ" เธอพูดกับตัวเองขณะกลับประจำที่หน้าโถส้วม

ชายหนุ่มคลายเนกไทออกหลวมๆ เพื่อผ่อนความอึดอัด

"จะไปไหนมาไหนก็น่าจะบอกกันบ้าง"

ร็อกกี้อดบ่นไม่ได้ วันนี้เขาอุตส่าห์เลิกงานเร็ว เพื่อจะกลับมาดินเนอร์กับเธอแท้ๆ

"ล้างห้องน้ำเสร็จแล้ว ทำอาหารให้ฉันกินด้วยนะ" เขาตะโกนเสียงดังเพื่อให้แม่บ้านได้ยิน เสียงตอบรับหวานๆ จากหญิงสาวทำให้เขาแปลกใจ

"ค่ะคุณผู้ชาย"

หญิงสาวสูดลมหายใจดังฟืดฟาดด้วยความโมโห วินาทีนี้เธอระบายกับใครไม่ได้นอกจากอ่างอาบน้ำ เธอกระโดดลงไปข้างใน แล้วถูชนิดที่ว่าถ้าเป็นเนื่อคนคงขาดไปแล้ว

"นี่มันเรื่องอะไรของฉันเนี่ย" เธออยากจะกรี๊ดให้ลั่นตึก ทำให้ไอริสยังพอทน แต่ทำให้คนที่เกลียดเธอ มันรับไม่ได้ เธอมั่นใจเลยว่าหมอนี่เพิ่งใช้สายตารังเกียจและดูถูกเธอไปเมื่อสักครู่นี้ "เดี๋ยวก็เอาน้ำยาล้างห้องน้ำทำให้กินหรอก"

"อะไรนะ"

"ว้าย!!!" เธอตกใจหงายหลังกระแทกกับพื้นอ่างที่เพิ่งขัดจนตัวไถล...

โป๊ก!!

"โอ๊ย!!!"

ชายหนุ่มแอบยิ้มแวบหนึ่งกับภาพตลกตรงหน้า ก่อนปั้นหน้าขรึมเหมือนเดิม "เป็นไปได้ไหมที่ไอริสมีงานเดินแบบที่ต่างประเทศ" นี่เขาสงสัยมากจนถึงขนาดตามมาถามเธอถึงในห้องน้ำเชียวเหรอ แต่ไม่ถามสักคำนะว่าเจ็บตรงไหนรึเปล่า ผู้ชายอะไร คิดจะเป็นสุภาพบุรุษแต่กับผู้หญิงสวยๆ เหรอ

"เป็นไปได้" เจ้าหล่อนกัดฟันกรอด มือหนึ่งจับก้นเอาไว้ อีกมือจับขอบอ่าง แล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ก้าวลงจากอ่าง แล้วยิ้มสดใสแต่นัยต์ตาแค้น "เธออาจมีงานด่วนเลยบินไปปารีส"

"ปารีสเหรอ!!!"

เมริสาหุบปากฉับ "ฉันเดาเล่นน่ะค่ะ ฉันก็แค่แม่บ้าน จะไปรู้อะไรล่ะคะจริงไหม"

ชายหนุ่มมองเธออย่างจับผิด "ล้างห้องน้ำเสร็จแล้วใช่ไหม"

"ค่ะ" เธอกัดฟันตอบ "ถ้าคุณไม่ทำให้ฉันตกใจจนลื่นลงไปในอ่าง"

"นั่นสินะ ตัวเธอสกปรกกว่าอ่างน้ำเสียอีก สงสัยต้องขัดใหม่อีกรอบสองรอบให้เวลาห้านาที เคลียร์ให้เรียบร้อย แล้วออกไปทำอาหารให้ฉันกิน หิวจะแย่อยู่แล้ว" หมอนั่นสั่งเสร็จก็เดินออกไป เธออยากจะหยิบถังน้ำมาขว้างตามหลังไปจริงๆ

"ช่างไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง จะถูกทิ้งอยู่แล้วยังไม่รู้ตัว"

เมริสาทำความสะอาดห้องน้ำเสร็จเรียบร้อย เลยเวลาที่เขากำหนดเล็กน้อยเธอล้างมือ ล้างเนื้อตัว และล้างหน้าจนสะอาดเกลี้ยงเกลา นวลเนียน สดใส ก่อนจะมัดผมขึ้นเป็นทรงชาลาเปา เผยลำคอระหงงดงาม แม่บ้านสาวเตรียมตัวออกไปทำอาหารต่อ เธอเดินเข้าคระวโดยผ่านห้องรับแขก หมอนั่นนั่งดูทีวีอย่างสบายใจที่โชฟาตัวยาวสีแดง เขาลืมไปรึเปล่าว่าคนรักหายไป

"คนอะไร เห็นบอลดีกว่าแฟนตัวเอง" เธอเปิดตู้เย็นออกดู ก็พบเพียงความว่างเปล่า "อะไรกันเนี่ย ยัยนั่นซื้อตู้เย็นไว้ทำไม เสียบปลั๊กไฟไว้เฉยๆ เป็นของประดับห้องว่างั้น น้ำ เบียร์ไท่มีสักอย่าง อยากจะบ้าตาย"

เมริสาสงบสติอารมณ์ แล้วเดินกลับมาที่ห้องรับแขก

"ฉันต้องออกไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต"

"ก็ไปสิ" เขาไม่มองเธอด้วยซ้ำ

"เงินล่ะคะ" หมอนี่ขี้เหนียว ไอริสเพิ่งจะกล่าวถึงสรรพคุณข้อนี้ของเขา"ฉันขอเบิกเงินไปซื้อของสดมาทำอาหารเย็นให้คุณค่ะ"

ชายหนุ่มฟึดฟัดไม่พอใจ เขาปิดโทรทัศน์ แล้วลุกขึ้นยืน

"ไปด้วยกันเลย"

"หา..." หญิงสาวกลืนน้ำลายแทบไม่ลงคอ "ฉันว่าคุณรออยู่ที่ห้องดีกว่าค่ะฉันไปซื้อแป๊บเดียว"

"ก็บอกแล้วไงว่าฉันไปด้วย เธอเป็นแค่แม่บ้าน ทำตามคำสั่งก็พอ"ชายหนุ่มเดินนำออกไปที่ประตู หญิงสาวคิดว่าจะมีเวลาส่วนตัวลัลลาที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเผื่อจะซื้อของใช้ส่วนตัว แต่กลายเป็นว่ามีผู้คุมไปด้วยเสียอย่างนั้น

ชายหนุ่มออกจากห้องไปก่อน หญิงสาวจัดการล็อกประตู เป็นเวลาเดียวกับที่ชายหนุ่มที่เพิ่งจะย้ายเข้ามาอาศัยข้างห้องเป็นวันแรกกำลังไขประตูห้องเพื่อเข้าข้างใน

"เอ๊ะ..." เมริสาประหลาดใจมากที่เห็นเขาผู้นั้น ชายผู้เย็นชาไร้หัวใจที่ใครๆ ต่างเรียกเขาว่าผีดิบประจำขณะ เขาอยู่เงียบๆ และไม่ค่อยเข้าสุงสิงกับใครผู้หญิงหลายคนที่พยายามเข้าใกล้เขา แต่ไม่เคยมีใครอยู่กับเขาได้เกินหนึ่งวันทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาซาดิสต์เกินไป จึงทำให้ข่าวลือที่ว่าเขาเป็นลูกชายของมาเฟียที่โหดร้ายที่สุดคนหนึ่งของอิตาลีเริ่มมีน้ำหนัก แต่เธอเคยเอาชื่อและนามสกุลเขามาเสิร์ชหาข้อมูล ผลที่ได้คือว่าเปล่า เขาไม่มีประวัติในกูเกิ้ล

ตกลง เขาเป็นใครกันแน่...

'ไคล์ คาร์โล' คือชื่อของเขา เธอจำได้ขึ้นใจเชียวล่ะ เพราะเขาคือคนที่เธอเฝ้าองมาตลอดตั้งแต่เข้าเรียนวันแรกจนเธอจบตัวเอง ลาออกในปีที่สอง ไคล์เข้าห้องเรียนน้อยมากและหายไปจากมหาวิทยาลัยครั้งละนานๆ เขาเคยหายไปนานสุดเหือบสามเดือน มีข่าวลือว่าเขาเรียนหลายมหาวิทยาลัย หนึ่งในนั้นคือมหาวิทยาลัยชื่อดังและเก่าแก่ในลอนดอน กระนั้นผลการเรียนของเขายังสูงสุดเสมอ

"ฉันไม่ได้ฝันไปใช่ไหม" เจ้าของดวงตาสีมรกตที่งดงามราวกับดวงตาเสือโคร่ง เธอไม่มั่นใจว่าหากได้จ้องมองดวงตาคู่นั้นไกล้ๆ เธอจะหวาดกลัวหรือหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้นกันแน่ เธอยิ้มกับตัวเองเมื่อคิดไปถึงว่า... "อยู่ห้องติดกันแบบนี้ ร่อยอยากมาทำความสะอาดให้ยัยนั่นหน่อย"

"หมอนี่อนู่ห้องข้างๆ เหรอ" ร็อกกี้มีสีหน้าไม่พอใจ แน่ล่ะ เขาเป็นที่สองรองจากไคล์เสมอ "ตั้งแต่เมื่อใหร่"

"ฉันก็ไม่รู้ค่ะ ปกติฉันมาทำความสะอาดสัปดาห์ละครั้ง สัปดาห์ที่แล้วก็ยังไม่เห็นนะ มาเห็นพร้อมคุณตะกี้ มีอะไรรึเปล่าคะ คุณทำหน้าอย่างกับเพิ่งเห็นฆาตกรฆ่าต่อเนื่อง"

ชายหนุ่มหญิงสาวเดินผ่านหน้าห้องของเขาไปยังหน้าลิฟต์ หญิงสาวสีหน้าแจ่มใสขึ้นเทื่อได้กลิ่นไวน์อ่อนจางลอยผ่านจมูก ไวน์จากริมฝีปากของเขาแน่ๆ แต่ชายหนุ่มที่ยืนข้างๆ เธอกลับหน้านิ่วคิ้วขมวดเหมือนคนขับถ่ายไม่ออก

"ให้ตาย ไม่ชอบขี้หน้าหมอนี่เลย ทำไมต้องมาอยู่ใกล้กันด้วย"

หญิงสาวแอบแบะปาก ไม่ชอบเพราะเขาหล่อกว่า เก่งกว่า ย่าสนใจกว่าตัวเองล่ะสิ หล่อลึบลับ น่าค้นหาที่สุด ไม่เหมือนร็อกกี้จอมสร้างภาพ จะมีใครรู้ไหมว่าแท้จริงแล้วผู้ชายอ่อนโยนอบอุ่นคนนี้แสนจะหยาบคาย

"ฉันจะให้ไอริสย้ายออก"

"เพียงเพราะคุณไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนข้างห้อง ตลกจังค่ะ ฉันเคยคิดว่าคุณเป็นคนมีเหตุผลกว่านี้"

"บางทีคนเราไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลเยอะแยะหรอก ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ"

เหมือนที่เขาเกลียดเธอใช่ไหม... เกลียดก็คือเกลียด

"ก็จริงของคุณ เพราะในขณะที่คุณไม่ชอบ เขาอาจจะเกลียดคุณเข้ากระดูกดำก็ได้" ประตูลิฟต์เปิดออก หญิงสาวก้าวเข้าบิฟต์ก่อนชายหนุ่ม แล้วไปยืนชิดผนังด้านหนึ่ง ส่วนชายหนุ่มเดินไปยืนขนิดผนังอีกด้านหนึ่ง บอกให้รู้ว่าอยู่กันคนละโบก เขาบอกให้เธอกดเลขชั้น แต่เธอยืนเฉย จนเขาต้องกดเสียเอง ถึงวินาทีนี้ เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่บ้านของไอริสจะโอหังขนาดนี้

ขณะประตูลิฟต์กำลังจะเลื่อนปิด ฝ่ามือหนึ่งยื่นมาจับขอบประตูวไว้เสียก่อนหนุ่มข้างห้องก้าวเข้ามาในลิฟต์เป็นคนที่สาม เขาเข้ามายืนตรงกลางระหว่างร็อกกี้และเมริสา

ไคล์ยืนนิ่งเป็นหุ่น เธอไม่แน่ใจว่าเขายังหายใจอยู่รึเปล่าด้วยซ้ำ

ร็อกกี้เมินหน้าไปทางอื่น เพราะไม่อยากเห็นหน้าไคล์ ขณะหญิงสาวอดไม่ได้ที่จะสำรวจร่างกายของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาช่าสูงสว่าและผึ่งผายอะไรเช่นนี้ตัวเธอนั้นคงสูงแค่อกของเขาเห็นจะได้

"ถ้าเรามีแฟนสุงขนาดนี้ สงสัยเวลาจูบแค่เขย่งเท้ายังไม่พอ ต้องเสริมเก้าอี้ด้วย" เธอพูดภาษาไทยออกมา แล้วหัวเราะขำ เมื่อเห็นหุ่นสองตัวถึงกับงงงัน หันมองเธอด้วยสีหน้าดุๆ เธอจึงกลับมาพูดภาษาอิตาเลียนเพื่อความเข้าใจทั้งสองฝ่าย"ฉันแค่ร้องเพลงเองค่ะ ฉันผิดด้วยเหรอ"

ไคล์หันกลับไปยืนตัวตรง ส่วนร็อกกี้ชี้หน้าคาดโทษเธอ แม้ไม่รู้เธอพูดอะไร แต่ดวงตากลมโตที่ดูมีเสน่ห์ ทำให้เขาอดคิดไม่ได้ว่าเธอกำลังนินทาเขาอยู่อึดใจต่อมาประตูลิฟต์เลื่อนออก ถึงที่หมาย

ไคล์เดินออกคนแรกแล้วแยกไปอีกทาง หญิงสาวมองตามหลังเขาไปอย่างสนใจ จนชายหนุ่มที่ก้าวออกมาหลังสุดรู้สึกหมั่นใส้

"พวกขายยา"

"ยา!!!" หญิงสาวหัวเราะน้ำตาเล็ดจนชายหนุ่มงง "คุณหมายถึงเปิดร้านขายยาน่ะเหรอ เขามีคลินิกเหรอคะ"

"ไม่ใช่!!!" เขาอิดหนาระอาใจ "พวกมาเฟีย ไอ้หมอนี่เป็นทายาทคนเดียวของตรกูลคาร์โล ที่เบื้อหลังทำแต่เรื่องผิดกฏหมาย"

"แล้วเบื้องหน้าเขาล่ะ"

"กุมธุรกิจโรมแรมในเครือนิวส์ะาราไดส์"

"เขารวยเหมือนกันนะ"

"เอาไว้ฟอหเงิน แต่ไม่หลักฐาน อย่าพูดไป" ชายหนุ่มยังทำหน้าเครียดต่อเนื่อง "เอาเป็นว่าอย่าเข้าใกล้เป็นดีที่สุด เพื่อความปลอดภัย อยู่ห่างหมอนี่ไว้"

"คุณเตือนฉันเหรอ"

"เปล่า... ฝากบอกไอริส"

"งั้นคุณไปบอกเธอเองก็แล้วกัน เจอกันบ่อยกว่าฉันเสียอีกนี่"

เธอพูดจบก็เดินหนีเขา โดยทิ้งระยะห่างจากเขาเกือบเมตร ไม่นานนักก็ถึงซูเปอร์มาร์เก็ต หญิงสาวเข้าไปด้านในแล้วเข็นรถตรงไปยังแผนกอาหารสดทันทีเธอเลือกซื้อผักอย่างมีความสุข จนกระทั่งชายหนุ่มมายืนอยุ่ด้านหลังแล้วออกคำสั่งเหมือนเธอเป็นทาสรับใช้

"เอาแครอตออก หยิบร็อกโคลีมา ข้าวโพดอ่อนด้วย แล้วก็..."

"คุณมาเลือกเองก็สินเรื่อง จะได้ไม่เหนื่อยปาก"

"ฉันเป็นแฟนเจ้านายเธอนะ อย่าลืม กินเงินเดือนไอริสอยู่ไม่ใช่เหรอ"

เธอไม่อยากจะเถียง เลยเข็นรถหนีไปที่แผนกเนื้อสัตว์ เขาตามมาไม่ห่าง

"ฉันไม่กินเนื้อวัวและสัตว์ปีกทุกชนิด และฉันแพ้อาหารทะเลหลายอย่างกุ้ง หอย ปูไม่ได้เลยนะ ปลาก็ต้องสดจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะท้องเสีย ส่วน..."

"กินอะไรได้บ้างคะ" เธอถามเพราะรำคาญเต็มทน

เขานิ่วหน้า... แล้วคิด "นอกจากที่พูดไปไง"

"คำตอบของคุณเป็นประโยชน์กับฉันมากเลยค่ะ ฉันรู้แล้วว่าจะชื้ออะไรไปทำอาหารให้คุณกิน"

"อะไรเหรอ"

"ไข่ไง" เขาอ้าปากค้าง เธอเดาว่าเขาคงอยากจะกินเสียเดี๋ยวนี้เลย เจ้าหล่อนเดินไปที่แผนกขายไข่แล้วหยิบมาสองโหล จากนั้นก็เดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์อย่างเร็ว โดยไม่ฟังเขาบ่นเรื่องการกินอาหารไม่ครบหมู่ ทำให้ร่างกายไม่ได้รับพลังงานที่เพียงพอต่อการนำไปเลี้ยงสมอง เป็นผลให้การทำงานตกต่ำลง เธอเพียงแค่บอกให้เขาจ่ายเงินและเดินตามกลับไปที่อพาร์ตเมนต์

กลับถึงห้องปุ๊บ หญิงสาวลงมือทำอาหารทันที เธอต้องการให้อาหารเสร็จก่อนเย็น เพราะเธอต้องการกลับไปช่วยงานที่ร้านอาหาร ซึ่งเป็นงานที่เธอได้เงินเดือน

"ฉันจัดอาหารใว้โต๊ะเรียบร้อยแล้วค่ะ" เธอเคาะประตูห้องนอนชายหนุ่มเองก็เข้าห้องไปตั้งแต่กลับเข้่มา "เชิญคุณรับประทานได้ ขอตัวกลับก่อนนะคะ"

ชายหนุ่มเปิดประตูผาง เขาอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ ผมยังเปียกกระเชิงอยู่

"กลับไปไหน"

เมริสาไม่อยากมองเขาตรงๆ จึงเลื่อนสายตาไปทางอื่น "กลับที่พักของฉันน่ะค่ะ"

"ไม่ได้พักที่นี่เหรอ"

"เปบ่านี่คะ ฉันทำงานแบบไปเช้าเย็นกลับค่ะ แล้วก็มาเฉพาะวันเสาร์เท่านั้น คุณไอริสไม่ได้บอกเหรอคะ"

ชายหนุ่มเงียบไปสักครู่ ไม่รู้คิกอะไร "อยากไปไหนก็ไป"

ประตูปิดลง หญิงสาวดีใยรีบกลับไปเก็บประเป๋าสะพาย แล้วออกจากห้องทันที ก่อนที่หมอนั่นจะตะโกรสั่งงานมาอีก ถ้าเธอไปถึงที่ร้านตอนนี้ เธอจะช่วยงานได้มาก เพราะลูกค้าจะเยอะในข่วงเวลานี้ หญิงสาวเปิดประตูออกจากห้องอย่างอารมณ์ดี มุ่งตรงไปยังลิฟต์

"จ้างให้ก็ไม่มาอีก เชิญอยู่รอนางฟ้าแสนดีไปเหอะ" เธอพูดพลางก้มสูดดมตามเสื้อผ้าตัวเอง "เหม็นสุดๆ" แล้วก็ถอนหายใจ เนื้อตัวเธอมีแต่กลิ่นอาหารไร้เสน่ห์ ไร้แรงดึงดูด ไม่ควรเข้าไกล้ใคร เธอรอลิฟต์เพียงครู่เดียวเท่านั้นมันก็เปิดออก เผยให้เห็นครที่โดยสารขึ้นมา ชายหนุ่มข้างห้องเดินสวนออกมา สายตาเย็นชาไร้อารมณ์สุดๆ

"มาเฟียเหรอ" เธอรู้สึกตลกกับเรื่องที่ได้ยินมา "เป็นตั้งมาเฟีย แล้วมาทำอะไรแถวนี้ บอดี้การ์ดล่ะ มือปงมือปืนหายไปไหนหมด ไม่กลัวโดนศัตรูชิวเหรอ"

นิ้วชี้เรียวสวยกดที่ชั้น G ลิฟต์เบื่อนลงยังจุดหมาย ในช่วงเวลาเพียงน้อยนิดที่อยู่ในลิฟต์ เธอหายใจเอากลิ่นกายที่เขาทิ้งไว้เข้าปอด กลิ่นเหมือนไวท์ขาวที่เธอใช้ทำอาหาร

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!