ห้วงจักรวาลที่ไหนสักแห่ง
ได้มีร่างเล็กๆสีขาวเผือกของเด็กชายเปลือกตาบางสีขาวหลับตาพริ้ม โดยรอบตัวนั้นมีโซ่สีทองวนรอบๆตัวของเด็กชายอย่างกับลูกบอล
เปลือกตาบางสีขาวของเด็กชายเปิดขึ้นเผยอัญมณีสีทองสว่างที่งดงาม2เม็ด
โซ่สีทองที่วนรอบๆตัวค่อยๆขยายขอบเขตการวนรอบตัวที่รัศมีกว้างขึ้น กว้างขึ้นเรื่อยๆจนระเบิดออก
ไอพลังสีทองส่องประกายจากร่างของเด็กชายและเปลวเพลิงสีขาวที่งดงามปะทุขึ้นจากร่างของเด็กชาย
ผลกระทบจากพลังของเด็กชายจนทำให้ดาวเคราะห์ดวงน้อยๆรอบๆนั้นถูกบดขยี้เป็นผุยผงและสลายหายไปท่ามกลางห้วงจักรวาลที่มืดมิดแต่ยังมีดวงดาวที่ส่องประกายแสงเล็กๆอยู่ห่างตัวเด็กชายไปกว่าระยะ1au
ผ่านไปเนิ่นนานพลังที่ปะทุออกมาอย่างรุนแรงก็ค่อยๆสงบลงและวนเวียนอยู่รอบตัวเด็กชาย ภาพอันแสนงดงามนี้ได้สะท้อนอยู่ในสายตาของตัวตนนึงมาโดยตลอด
ตัวตนที่อยู่เหนือท้องฟ้า ผู้คุมกฎ ตัวตนที่คงอยู่เพื่อทำลายเหล่าจักรพรรดิที่เกิดภายในความมืดมิด
ㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡ
ㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡ
อัญมณีสีทองสว่างเม็ดงามมองมายังเขา เด็กชายเอียงคอน้อยๆมองอย่างสงสัย เขาจึงต้องเป็นผู้เอ่ยทักก่อน
"ขอโทษที่ข้ามองเจ้ามาตั้งนานเลย"
เด็กชายส่ายหัวน้อยๆเป็นการปฎิเสธ
"ไม่...ท่านคือ?"
"อืม..นั่นสินะ จะเรียกข้าว่าจ้าวผู้ปกครองหรือผู้คุมก็ได้"
เด็กชายพยักหน้าตอบเล็กๆและเรียกตามที่อีกฝ่ายบอก
"ผู้คุม...มีอะไรกับข้าหรือ?"
"เช่นนั้น ข้าจะไม่อ้อมค้อม"
เด็กชายยืดตัวตรงตั้งใจฟังอย่างดี ผู้คุมอดที่จะเอ็นดูไม่ได้แต่เขาไม่มีหน้า
"เจ้าอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่"
"ใช่ ข้าต้องการแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งให้มากกว่านี้.."
"ถ้าเช่นนั้น ข้าวานเจ้าให้ช่วยทำภารกิจอย่างหนึ่งได้หรือไม่ มันออกจะเป็นคำขอที่น่าอายแต่เราไม่มีทางเลือกแล้ว"
"ว่ามาเถอะครับ"
"ตามจริงแล้วปัญหาพวกนี้ควรจะหมดไปตั้งแต่จักรพรรดิเงาที่2ได้ส่งเหล่าจักรพรรดิทั้ง8หลับใหลชั่วนิรันดร์ยังโลกแห่งความว่างเปล่า"
เด็กชายไม่ได้เอ่ยอะไร แค่นิ่งเงียบรอฟังคำของตัวตนที่เรียกว่าผู้คุมตรงหน้า
"แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาผนึกพลังกันให้กำเนิดตัวตนอีกตัวตนนึงขึ้นมา เขาคือจักรพรรดิที่ยังไม่แน่ชัด ลักษณะและพลังคล้ายจักรพรรดิมังกรหรือราชาแห่งการทำลายล้างผู้นั้นมากที่สุด"
"หากว่าเจ้าจัดการให้ข้าได้ เจ้าสามารถทำอะไรกับพลังหรือเศษเสี้ยววิญญาณของเขา ว่าอย่างไร?"
"...."
เด็กชายก็ไม่ได้คิดมากมายซับซ้อนอะไร เขาคิดว่าข้อเสนอนี้ก็น่าสนใจดีจึงรับปากออกไป หากว่าการต่อสู้กับเจ้าจักรพรรดิที่ยังไม่ระบุนั่นก็เหมือนการฝึกอย่างนึงที่จะทำให้ตัวเด็กชายเองพัฒนาได้เร็วขึ้น หากเอาแต่ฝึกฝนสะสมพลังและเลื่อนขั้นมันก็เท่านั้น เขาจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้บ้างเพื่อสร้างพื้นฐานการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
"ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง"
"ง่ายนิดเดียว เวลานี้จักรพรรดิคนนั้นยังอยู่ระหว่างการฟักตัวในช่องว่างมิติที่ไหนสักที่ เจ้าแค่รอเท่านั้น"
"รอ?"
"ถูกต้อง รอเวลาที่เขาจะออกมาและจัดการเขา นั่นคือสิ่งที่ข้าอยากให้ทำ ได้หรือไม่?"
"...ได้"
เมื่อเด็กชายหันหลังเตรียมที่จะจากไปผู้คุมจึงรีบเรียกห้ามเอาไว้ก่อนเมื่อเขายังอธิบายไม่หมด
"รอก่อน มีเงื่อนไขอีกอย่าง"
"...?"
"เจ้าต้องลงไปจัดการเขาด้วยร่างจุติ"
"เหมือนกับร่างสถิตหรือเปล่า?"
"...ใช่ ข้าได้เตรียมร่างจุติของเจ้าเอาไว้แล้ว จงนำสิ่งนี้ติดตัว" ผู้คุมได้มอบกล่องๆหนึ่งให้กับเด็กชาย กล่องนั้นมีสีขาวขลิบทองแผ่กลิ่นอายพลังแสงศักดิ์สิทธิ์
เด็กชายรับกล่องด้วย2มือน้อยๆแล้วเอ่ยถาม
"หมดแล้วหรือไม่?"
"ใช่ เจ้าไปได้"
เด็กชายยกมือขวาประสานที่อกด้านซ้ายโค้งตัวลงพอประมาณและหันหลังจากไป ร่างเล็กสีขาวของเด็กชายหายไป ก่อนจะตามด้วยร่างในชุดเกาะของผู้คุมที่หายไปหลังจากนั้น ทิ้งไว้เพียงเศษซากของดาวเคราะห์น้อยๆที่ถูกทำลายไปในห้วงอวกาศที่ว่างเปล่านี้
.
.
.
.
ดาวเคราะห์สีฟ้าใบหนึ่ง
ดาวเคราะห์นี้ที่เด็กชายพึ่งรู้มาแค่ว่ามันมีชื่อเรียกว่าโลกมนุษย์ ร่างเล็กสีขาวเผือกนัยน์ตาสีทองสว่าง มองไปที่ดาวสีฟ้าที่มีแผ่นเปลือกสีน้ำตาลซะส่วนใหญ่และสีเขียว นัยน์ตาสีทองมองนิ่งๆก่อนที่เรียวขาเล็กนะก้าวไปพร้อมร่างของเด็กชายที่สลายหายไปกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังสีขาวและสีทองพุ่งลงไปยังดาวสีฟ้าตรงหน้าเขา
.
.
.
ห้องสีขาวที่เต็มไปด้วยเครื่องทางการแพทย์ เตียงพยาบาลที่เรียงรายกันในห้องนี้ มีร่าง2ร่าง 1ร่างชายผอมแห้งผมสีบอร์นทองกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงพยาบาลข้างกันนั้นคือร่างของเด็กหนุ่มอายุ15-16ปีผมสีเขียวสาหร่ายหลับใหลไม่ได้สติ ทั้งตัวนั้นเต็มไปด้วยผ้าพันแผล มีรอยฟกช้ำตามจุดต่างๆ ที่เก้าอี้มีร่างของคุณยายในชุดคลุมพยาบาลตัวเล็กและบุคคลที่เข้ามาใหม่การแต่งตัวที่คาดว่าเป็นตำรวจ
พวกเขาพูดคุยอะไรกันบางอย่าง หลังจากที่นายตำรวจออกไปได้ไม่นาน ร่างเด็กหนุ่มผมเขียวกระตุกอย่างรุนแรง เครื่องแสดงชีพจรที่เต้นอย่างรุนแรงจนผิดปกติ นั่นสร้างความตื่นตกใจแก่ชายร่างผอมแห้งกับคุณยายในชุดพยาบาลอย่างมาก
คุณยายคนนั้นรีบตรวจดูอาการ เธอหน้าซีดเผือด ร่างกายสั่นเทิ้ม ชายร่างผอมที่เห็นเช่นนั้นยิ่งพลอยกังวลไปด้วย
"ก เกิดอะไรขึ้นกับหนุ่มน้อยมิโดริยะ!" ยากิ โทชิโนริ เอ่ยถามกับรีคัฟเวอร์รี่ เกิร์ลหรือชื่อจริงคือชูเซนจิ จิโย อย่างร้อนรนและเป็นห่วง
"ฉันก็ไม่รู้" รีคัฟเวอร์รี่ เกิร์ลส่ายหัวให้อย่างอ่อนแรง
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
ร่างกายของเด็กหนุ่มหยุดนิ่งไปพร้อมกับเครื่องวัดชีพจรที่แสดงผลออกมาเป็นเส้นตรง
"บ้าน่า! ชีพจรหยุดเต้นไปแล้ว!?" รีคัฟเวอร์รี่ เกิร์ลร้องออกมาเสียงดัง
"เป็นไปได้ยังไงกันครับ!?" ยากิ โทชิโนริ เอ่ยถามเสียงดังอย่างร้อนใจ
"ฉันไม่รู้ มันแปลกมาก--นั่นอะไรน่ะ?" รีคัฟเวอร์รี่ เกิร์ลกำลังส่ายหัวปฎิเสธแต่ตอนนั้นที่เกิดบางอย่างขึ้นกับร่างเด็กหนุ่ม
ยากิ โทชิโนริ รีบหันไปมองสำรวจตัวผู้สืบทอดของเขาแต่ก็ต้องตกใจด้วยเช่นกัน
ร่างเด็กหนุ่มเรืองแสงออกมาเป็นสีขาวและสีทอง แสงนั้นเจิดจ้าจนพวกเขาต้องยกมือขึ้นมาบดบังดวงตาตน
แสงสว่างเจิดจ้าอาบย้อมไปทั่วห้องจนมองไม่เห็นอะไรเลย
หน้าต่างที่ถูกเปิดไว้ทำให้แสงนั้นส่องออกไปข้างนอกจนคนที่ผ่านไปมาต้องหยุดมองอย่างประหลาดใจ
ใช้เวลาไปกว่า5นาที แสงค่อยๆหายไป
เมื่อพวกเขาปรับสายตากันได้แล้วมองไปที่ร่างนั้นอีกครั้งก็ต้องตกใจ
จากร่างเด็กหนุ่มผมสีสาหร่ายที่พอมีกล้ามเนื้ออยู่บ้าง ตอนนี้แทนที่ด้วยร่างผอมบางสีขาวโพลนของเด็กหนุ่มที่ส่วนสูงไม่ต่างกันนัก เส้นผมสีขาวหิมะยาวสยายไปบนเตียง ใบหน้าเรียว ริมฝีปากเล็กสีพีชอย่างธรรมชาติเผลอออกน้อยๆ ในชุดเหมือนชุดฮั่นฝูของจีนสีขาวบางๆ
อีก2คนในห้องได้แต่ตะลึงตาค้างและตะโกนในใจพร้อมกัน
'งดงามมาก!!'
ผ่านไปนานกว่าพวกเขาจะคืนสติตัวเองได้ ทั้ง2มองหน้ากันอย่างงงงวย ดวงตาทั้งคู่สื่อความหมายเหมือนกัน
เครื่องแสดงชีพจรกลับมาเต้นปกติ
'เกิดอะไรขึ้น? กับหนุ่มน้อยมิโดริยะ!?'
ร่างสีขาวเริ่มขยับตัว ทั้ง2คนจ้องมองตาไม่กระพริบ
แพขนตางอนยาวสีขาวขยับพริ้วไหว เปลือกตาบางสีขาวค่อยๆเปิดขึ้นเผยให้เห็นอัญมณีสีทองสว่าง
พวกเขาแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ
เด็กหนุ่มค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียง อัญมณีสีทองมองสำรวจไปรอบๆจนกระทั่งมาหยุดที่ชายร่างผอมบนเตียงข้างกัน
เด็กชายมองไปสักพัก เหมือนจะมีชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวและเด็กหนุ่มก็เรียกชื่อนั้นออกไป
"ออลไมท์!" เสียงแหบเล็กๆแต่ยังคงไพเราะมากเอ่ยเรียกชื่อออลไมท์ด้วยน้ำเสียงสดใสจนตัวเด็กหนุ่มเองยังนึกแปลกใจ
ฝ่ายคนโดยเรียกเหมือนได้มีหอกพุ่งเข้ากลางใจจนงะชักค้างไปแล้ว
'แปลกจัง ออลไมท์? ใครกันน่ะ แล้วนี่เราลงมายังร่างจุติแล้วหรอ?' เด็กชายก้มมองสำรวจตัวเองก็นึกแปลกใจ แต่เดิมเขายังรูปร่างเด็กกว่านี้ ถ้าให้เปรียบเทียบก็คือ5-6ขวบของมนุษย์ แล้วทำไม?
'คิดไปเท่านั้น ช่างเถอะ' เด็กหนุ่มส่ายหัวเบาๆ
"งั้นฉันขอตัวก่อนนะ" รีคัฟเวอร์รี่ เกิร์ลเอ่ยขึ้นหลังจากคุมสติตัวเองได้
เสียงปิดประตูทำให้ชายร่างผอมหลุดจากภวังค์ มองเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาอย่างพิจารณา
เด็กหนุ่มไม่สนใจสายตาที่มองมา กลุ่มหมอกสีครามลักษณะเหมือนเปลวไฟปรากฏขึ้นตรงหน้า เด็กหนุ่มยกมือมาตรงหน้า ก็มีกล่องหล่นลงมาบนมือเด็กหนุ่มพอดี และกลุ่มควันสีครามเหมือนเปลวไฟนั้นก็ค่อยๆหมอดดับลงและหายไป
ยากิ โทชิโนริ ตกอยู่ในความคิดของตนขณะมองสำรวจเด็กหนุ่มตรงหน้า
'เมื่อกี้ยังเรียกออลไมท์ น้ำเสียงแบบนั้น มีอารมณ์ของความกระตือรือร้นเหมือนกับหนุ่มน้อยมิโดริยะ ไม่สิ ถึงรูปลักษณ์จะแตกต่างออกไปแต่อาจจะ...'
"หนุ่มน้อยมิโดริยะ?"
"ครับ?"
'ใช่จริงด้วยเว้ย! เด็กคนนี้ก็คือหนุ่มน้อยมิโดริยะผู้สืบทอดของเขาเหมือนเดิม แต่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ'
เด็กชายนึกแปลกใจกับตัวเองอีกครั้ง เมื่อคนตรงหน้าเรียกชื่อที่เขาไม่รู้จักแต่ทำไมเขาต้องขานรับออกไปด้วยล่ะ
แล้วคนตรงหน้าเป็นใคร? เขาก็ยังไม่รู้
หรือจะเป็นความรู้สึกที่ตกค้างของร่างจุติของเขา ถ้าเช่นนั้นก็สมเหตุสมผล
เด็กชายให้คำตอบกับตัวเองได้แล้วจึงละความสนใจไปที่กล่องในมือเขา
'ก็อยากถามอยู่หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เหมือนว่าเวลานี้จะไม่เหมาะเท่าไหร่' ออลไมท์นั่งเงียบๆคอยมองเด็กหนุ่มตรงหน้าเขา
มือเรียวเล็กสีขาวขยับปรายนิ้วชี้เเตะไปที่ลวดลายเหมือนรูกุญแจสีทองบนกล่อง เปลวไฟสีขาวออกทองนิดๆถูกจุดขึ้นที่ปรายนิ้วที่ใช้แตะไปที่รูกุญแจ
กล่องไม่เล็กไม่ใหญ่ถูกเปิดขึ้นอัตโนมัติ เผยให้เห็นของด้านในที่ถูกบรรจุไว้อย่างดีบนผ้ากำมะหยี่สีแดงสวย
ลักษณะเหมือนขนนกสีดำ2อันบรรจบกันเป็นวงกลม เหมือนมงกุฎของราชาแห่งธรรมชาติอย่างเผ่าเอลฟ์หรือนางไม้เลยแต่เป็นสีดำ ข้างๆกันเป็นปลอกแขนที่ทำจากผ้าบางอย่างแผ่กลิ่นอายพลังแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์ มีอัญมณีติดไว้ด้วย
มือเรียวหยิบปลอกแขนขึ้นมาบรรจงสวมใส่บนแขนซ้าย ตามด้วยมงกุฎขนนกสีดำที่มีไว้เพื่อผนึกพลังของเหล่าสิ่งที่ขึ้นชื่อต้นด้วย เทพ เท่านั้น ใช่ ตัวเด็กชายนั้นคือเผ่าเทพ แต่แตกต่างกับเทพที่อาศัยอยู่บนดินแดนที่เรียกว่าสรวงสวรรค์
เมื่อมงกุฎขนนกสีดำถูกสวมลงบนหัว ตัวมงกุฎนั้นส่องประกายสีดำออกมาจางๆ ตัวเด็กชายนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
เปลือกตาบางหลับตาลง กลุ่มผมสีขาวที่แผ่สยายกลายเป็นสีเขียวสั้นระต้นคอและใบหน้าขาว จากผิวสีขาวเผือกเริ่มมีสีเลือดฝาดกลายเป็นสีขาวนวลดูสุขภาพดีอย่างมนุษย์ควรจะมี ดวงตาอัญมณีสีทองกลายเป็นสีเขียว มีกระ4จุดบนใบหน้าแต่ละข้าง แพขนตายังเป็นสีขาว ชุดถูกเปลี่ยนกลับเป็นชุดของโรงพยาบาลเหมือนเดิม
เมื่อพลังส่วนใหญ่ได้ผนึกลงไปแล้วตัวของเด็กชายจึงกลับไปมีลักษณะเดิม
แต่แตกต่างออกไปคือร่างกายที่ผอมบางลงเหมือนร่างจริง ผิวสีแทนนิดๆกลายเป็นสีขาวนวลจนเกือบซีด ผมหยิกสีเขียวกลายเป็นเรียวตรงลู่ลงคลอเคลียกับใบหน้านวล กระสี่จุดบนแก้มแต่ละข้างดูมีเสน่ห์ดึงดูดขึ้น ดวงตากลมโตถูกหรี่ลง ดูเอ๋อๆไร้เดียงสา เหมือนเด็กที่พึ่งตื่นนอนชวนน่ามองดูน่ารัก
(เหมือนกับภาพปกเลยค่ะ)
ยากิ โทชิโนริ เบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงแต่ไม่เท่ากับตอนที่เห็นร่างจริงของเด็กชาย
ㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡ
เย่ๆ ตอนแรกประสบความสำเร็จด้วยดี(หรือเปล่า?)
ถ้าถามว่าน้องลงมาจุติในร่างของมิโดริยะที่ช่วงไหน
ไม่บอกค่ะ
แต่บางคนอาจจะเดาถูกก็ได้ใครจะไปรู้~
[มิโดริยะ อิซึคุที่ตัวจริงคือจักรพรรดิที่จุติ part]
ข้ามองไปยังชายร่างผอมผมบอร์นที่มองข้ามาตั้งนาน
ความรู้สึกที่ตกค้างของร่างกายนี้ต่อคนตรงหน้าคือความนับถือ และข้ายังมองเห็นว่าเขามีชะตาคือฮีโร่โดยกำเนิด ไว้ใจได้แน่นอน
เป็นความรู้สึกที่แปลกดีนะ ข้าไม่เคยรู้สึกอะไรกับใครที่ไหนนอกจากความรู้สึกที่อยากเอาชนะท่านพ่อและพี่ๆคนอื่นๆเท่านั้น
นี่น่ะหรือ มนุษย์ ซับซ้อนอย่างที่ข้าเคยอ่านเจอในหนังสือของท่านแม่เลย
เป็นความรู้สึกที่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีคนๆนี้ แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่สามารถบอกเรื่องของข้าต่อเขาได้ ไม่เช่นนั้นตัวเขาจะเป็นอันตรายแน่ๆ
ว่าแต่ ทำไมไม่มีความทรงจำเดิมของร่างนี้ไว้ให้ข้าบ้างเลยเล่า โธ่!
ดูเหมือนคนๆนี้จะสติลอยไปไกลแล้ว ดูตลกจัง
"คิกๆ"
อ่ะ ดูเหมือนเขาจะรู้สึกตัวแล้ว มองข้าแล้วตกใจใหญ่เลย
[มิโดริยะ อิซึคุที่ตัวจริงคือจักรพรรดิที่จุติ Part end]
"หนุ่มน้อยมิโดริยะ เป็นยังไงบ้าง"
เด็กหนุ่มมองสำรวจตัวเองแล้วหันไปพยักหน้าให้ชายร่างผอม
"ปกติดีนะ...ครับ"
เสียงแหบเล็กฟังดูลื่นหูยังคงเหมือนเดิม เหมือนกับร่างจริง
ดวงตาสีเขียวที่ตอนนี้ดูเหมือนอัญมณีสีมรกตเข้มมองมาที่ชายร่างผอมอย่างสดใส
ยากิ โทชิโนริ รู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบ จนเขาสงสัยว่าวันนี้เขาจะหัวใจวายหรือเปล่า หนุ่มน้อยมิโดริยะของเขาน่ารักมาก!
"ถึงจะมีเรื่องสงสัยมากมายแต่ ฉันจะไม่ถามเซ้าซี้อะไรเธอ จะรอจนกว่าวันที่เธอตัดสินใจบอกฉันด้วยตัวเอง"
"ขอบคุณครับ ออลไมท์"
"ไหนๆก็หายดีแล้ว เธอจะกลับเลยไหม?"
"ก กลับหรอครับ?"
'ข้าเห็นว่าดาวดวงนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่พอสมควรเลย แล้วข้าจะกลับที่พักของเด็กคนนี้ได้อย่างไร? ร่างกายนี้ไม่มีความทรงจำอะไรเหลืออยู่เลยสักนิด ต่อให้มีความรู้สึกตกค้างและความคุ้ยเคยบางอย่างของร่างกายนี้ก็ตาม!'
'ถ้าหากบอกนิดหน่อย ว่าข้าไม่มีความทรงจำเหลือเลย คงไม่เป็นไรมั้ง..'
เด็กหนุ่มช้อนดวงตาสีมรกตมองยากิ โทชิโนริอย่างน่าสงสาร
"เฮือก!" ยากิ โทชิโนริยกมือกุมอก
"ค คือว่าออลไมท์..ความจริง..." เด็กหนุ่มก้มหน้า สูดหายใจเข้าลึกๆและเงยหน้าขึ้นเอ่ยต่อ
"ผม จำอะไรไม่ได้เลย"
นั่นทำให้ยากิ โทชิโนริ ตกใจมาก
"หมายความว่ายังไงกัน?"
"ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาเห็นคุณก็มีชื่อของคุณปรากฏขึ้นมาในหัวและผมก็เผลอเรียกออกไปเอง ทั้งยามที่คุณเรียกชื่อที่ผมไม่รู้จักผมก็ขานตอบรับคุณไปเองโดยไม่รู้ตัว..."
เด็กหนุ่มเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปก็เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาฉ่ำน้ำคล้ายจะร้องไห้ ยากิ โทชิโนริ ตกใจรีบกล่าวปลอบเป็นพัลวัน
"ฉันเชื่อเธอหนุ่มน้อย ครั้งที่เธอเรียกชื่อออลไมท์ออกมา มันก็ยังคงเหมือนกับเธอคนเดิมที่มักเรียกฉันอยู่เสมอ ฉันรู้สึกได้! ยังพูดไม่จบใช่ไหมล่ะ นี่หนุ่มน้อยมิโดริยะ อย่าร้องเลยน้าาาา"
เด็กหนุ่มค่อยๆแย้มรอยยิ้มกว้าง พยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง
"ความรู้สึกภายในผมน่ะนับถือคุณมาก รู้สึกเสมอว่าเมื่อมีคุณทุกอย่างจะไม่เป็นไร ถึงจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใครก็เถอะ"
คำกล่าวนี้ทำให้ยากิ โทชิโนริ รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ เขายิ้มให้กับเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน
'เหมือนฉันมีลูกชายเลย จะว่าไป คุณนายมิโดริยะ(หมายถึงอิงโกะ)ก็ตัวคนเดียวนี่นะ ดีล่ะ ฉันจะเป็นพ่อเด็กคนนี้เอง ลูกชายของฉัน แมลงตัวผู้ตัวไหนมันกล้าเข้ามาตอมฉันจะไล่ไปให้หมด!' ยากิ โทชิโนริ หรือออลไมท์ตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้ว
เย็นวันนี้ออลไมท์จึงไปส่งเด็กหนุ่มที่บ้านในร่างมัสเซิลฟอร์ม เมื่อถึงหน้าบ้านออลไมท์เปลี่ยนกลายเป็นร่างทรูฟอร์ม
เด็กหนุ่มเงยหน้ามองประตูบ้านตรงหน้าเขา แล้วหันกลับไปมองคนที่พามาส่ง
ออลไมท์ก็มองเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จะทำอะไรอยู่หน้าบ้านตัวเองอย่างขบขัน
เด็กหนุ่มยืนนิ่ง เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ปกติเขาที่มักไม่อยู่ติดปราสาทเสียเท่าไหร่ มักจะมีพวกคนอัศวินเปิดประตูให้หรือคอยปรนนิบัติตลอด และตัวเด็กหนุ่มเองพึ่งจะได้เห็นสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์จริงๆก็ตอนที่ตื่นขึ้นมาในร่างนี้นั่นแล
ออลไมท์เห็นเด็กหนุ่มยืนนิ่งเงียบอยู่หน้าประตูบ้านตนเองอยู่นานจึงตัดสินใจเดินเข้าไปเคาะประตู
ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนด้านในพร้อมประตูที่เปิดออก
"ค่าๆ มาแล้วค่า"
แกร๊ก
"อิซึคุ!" มิโดริยะ อิงโกะพุ่งเข้าสวมกอดลูกชายของเธอทันทีที่เห็น
"แม่เห็นข่าววิลเลินบุกแล้วนะ เป็นห่วงแทบแย่ อิซึคุต้องกลัวมากใช่ไหม โธ่" เธอทั้งกอดทั้งลูบหัวลูบหลังปลอบอย่างอ่อนโยน
ตัวเด็กหนุ่มที่พึ่งจะได้รับกอดเป็นครั้งแรกในชีวิตนั้นได้นิ่งค้างไปแล้ว แต่ก็กลับมาตั้งสติได้รวดเร็ว
เด็กหนุ่มสวมกอดหญิงสาวตรงหน้าตอบกลับไป ใบหน้างามซบลงบนอกหญิงสาว
'อุ่นจัง...นี่น่ะหรอ แม่?'
'ทุกครั้งที่ข้าถามเรื่องท่านแม่ออกไปพวกพี่ๆหรือท่านพ่อมักบอกเสมอว่า ท่านแม่ตายไปแล้ว ข้าไม่ได้อยากได้ยินแบบนั้นสักหน่อย ข้าแค่อยากจะรู้ว่าท่านแม่เป็นใคร แต่กลับไม่มีใครบอกอะไรข้าเลย ท่านแม่ที่ข้าไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ ไม่เคยเห็นหน้า และไม่เข้าใจนิยามคำว่าแม่ด้วยซ้ำ'
'แต่ตอนนี้ ข้ามีแล้ว แม่ อบอุ่นเหลือเกิน..'
อิงโกะพึ่งจะสังเกตุเห็นใครอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยก็รีบคลายกอด ส่งยิ้มแห้งๆ
"อาจารย์ที่โรงเรียนของอิซึคุสินะคะ ขอบคุณที่พาอิซึคุมาส่งนะคะ" เธอกล่าวพร้อมก้มหัวขอบคุณจนออลไมท์รีบหยุดเธอแทบไม่ทัน
"ไม่เป็นไรๆ"
"ถ้ายังไงอยู่ทานข้าวด้วยกันเถอะนะคะ"
"เอ่อ.."
"เถอะนะคะ วันนี้ทำกับข้าวเหลือเยอะด้วยสิ" อิงโกะเอ่ยพร้อมนำมือแนบกับใบหน้าอย่างคิดหนักฉบับคุณผู้หญิง
ออลไมท์ปฎิเสธไม่ลง
"ก็ได้.."
หญิงสาวได้เชิญออลไมท์เข้าไปในบ้าน
ขณะที่เด็กหนุ่มที่ถูกเมินอย่างฉับพลันกำลังมองอิงโกะอย่างอาลัยอาวรณ์กับกอดนั้นอยู่
ออลไมท์อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ ยกมือขึ้นไปลูบหัวปลอบเด็กหนุ่มความจำเสื่อมในสายตาของเขา
.
.
โต๊ะอาหารขนาดไม่ใหญ่นัก นั่งทานข้าวกัน3คน บรรยากาศอบอุ่นอย่างยิ่งในความรู้สึกเด็กหนุ่ม ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกินก็เถอะ ก็ปกติเขาไม่ค่อยจะกินอะไรเท่าไหร่นอกจากว่าสิ่งนั้นจะให้พลังงานที่มากพอและเป็นประโยชน์สามารถล่อเลี้ยงเพิ่มพลังของเขาได้
แต่คุณแม่ที่เขาพึ่งเคยมีครั้งแรกของเขากินเขาก็จะกิน
ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ก้มหน้าก้มตาทานอย่างเดียว จนแก้มกลมป่องอย่างน่ารักสร้างรอยยิ้มเอ็นดูจากทั้งคุณนายมิโดริยะและออลไมท์
.
.
เมื่อกินข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว อิงโกะลุกขึ้นนำจานไปล้าง ตอนนี้จึงเหลือแค่ออลไมท์ในร่างแห้งกับเด็กหนุ่มความจำเสื่อมจำเป็นของเขา
"พรุ่งนี้โรงเรียนปิด2วันนะหนุ่มน้อยมิโดริยะ" ออลไมท์กล่าวบอก
ศัพท์ใหม่ที่เด็กหนุ่มพึ่งจะเคยได้ยินสร้างความงงงวยให้เขาอย่างมาก
"โรงเรียน?" เด็กหนุ่มเอียงคอถามอย่างสงสัย
"..." ออลไมท์ตบหน้าผากตัวเองดังเพี้ยะ
เด็กหนุ่มมองมาที่เขาในสายตาประมาณว่า
คุณตบหน้าตัวเองทำไม?
ออลไมท์ถอนหายใจออกมาและเอ่ยถาม ถึงแม้เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาจะยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนเดิม ถึงจะเห็นว่ายังปกติดีแต่เจ้าตัวนั้นจำอะไรไม่ได้
"หนุ่มน้อยมิโดริยะ เธอจำอะไรได้บ้างในตอนนี้"
เด็กหนุ่มส่ายหัวตอบรับเสียงใส
"ไม่มีสักอย่าง"
"รู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการใช้ชีวิต"
"ต้องกินอาหาร3ครั้งต่อ1วันแล้วก็ตามด้วยดื่มของเหลวสีใสๆทุกครั้งหลังอาหาร ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมก็เถอะ ครับ"
"อย่างอื่นล่ะ มีอีกไหม"
เด็กหนุ่มทำท่าคิดสักครู่ก็ตอบออกมาอย่างสดใสเหมือนเดิม
"ต้องหลับตาตอนกลางคืนครับ"
ออลไมท์กุมขมับ
เด็กหนุ่มมองเขาด้วยความคาดหวัง เหมือนมีตัวหนังสือแปะไว้บนหน้าว่า
ผมตอบได้ ชมผมสิ ผมเก่งนะ รีบๆชมเร็วๆ
"อืม หนุ่มน้อยมิโดริยะ เก่งมาก" ออลไมท์ยิ้มอ่อน
เด็กหนุ่มยิ้มกว้าง เหมือนมีเอฟเฟคต์ดอกไม้สีขาวเบ่งบานสดใส
ออลไมท์ขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง เด็กหนุ่มมองเขาอย่างงุนงง
'ตาฝาดหรอ?'
"งั้นหนุ่มน้อยมิโดริยะ พรุ่งนี้เราไปฝึกกัน ฉันจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนให้ฟัง"
'ฝึกหรอ? ผมชอบการฝึก! และร่างกายนี้ก็อ่อนแอมาก!'
"ไปครับ!" เด็กหนุ่มตอบรับอย่างกระตือรือร้น
.
.
เด็กหนุ่มยืนนิ่งค้างหลังจากเปิดประตูห้องที่แม่บอกว่าเป็นห้องของเขา
โปสเตอร์และฟิคเกอร์ของชายกล้ามโตฉีกยิ้มหน้าขนลุกเต็มผนังห้อง โต๊ะ ชั้นหนังสือและชั้นเก็บของ หรือแม้แต่เตียงผ้าห่มลายออลไมท์กับตุ๊กตาออลไมท์
ถึงเด็กหนุ่มจะคิดว่ามันหลอนแต่ด้วยความรู้สึกตกค้างของร่างกายเขากลับชอบมัน
'บ้าอะไรเนี่ย!? จะว่าไป ความรู้สึกเดียวกันกับคนๆนั้นเลย ออลไมท์มี2ร่างหรอ? สุดยอด!'
"จะว่าไป ต้องอาบน้ำสินะ.."
"ทำความสะอาดร่างกายที่มนุษย์เรียกว่าอาบน้ำ...."
"แต่แค่ทำความสะอาด ใช้เปลวไฟแห่งการชำละก็ได้แล้วนี่นา ไม่เห็นต้องยุ่งยากเลย!" สิ้นคำเปลวไฟสีขาวที่ออกฟ้านิดๆถูกจุดขึ้นบนปรายนิ้วเรียวและค่อยๆลามไปทั่วร่างกาย จนกระทั่งปกคลุมทั้งร่างเปลวไฟก็หมอดดับไป ปรากฏร่างกายเปลือยเปล่าสีขาวนวลจนเกือบซีดของเด็กหนุ่ม เนื่องเพราะ เสื้อผ้าถูกเผาไหม้หายไปแล้ว
"อืม..พลังถูกผนึกไปเยอะเลยแฮะ แต่ช่างมันเถอะ ข้าก็แค่รอเท่านั้น ยังไงซะข้าจะปลดผนึกเมื่อไหร่ก็ได้"
ร่างกายเปลือยเปล่าที่ใครมาเห็นต่างต้องหลงใหลได้ขยับขึ้นไปซุกตัวใต้ผ้าห่มผืนหนา หลับตาลงเพื่อเป็นการพักผ่อนร่างกายอย่างที่เขาเคยอ่านเจอในหนังสือ
ㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡ
ตอนนี้จะเป็นตอนเบาๆ อ่านเพลินๆ
ให้ทุกคนพอรู้ว่าอิมเมจนิสัยน้องเป็นยังไง ความโบ๊ะบ้ะ น่ารักกับความอ่อนต่อโลกของน้องอะนะ
ในอดีตน้องรู้จักสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์แค่เพียงผิวเผินผ่านตัวหนังสือเท่านั้น
และที่สำคัญ
ไรท์ด้นสดค่ะ
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
จิ๊บ จิ๊บ
เสียงของนาฬิกาข้างหัวเตียงและเสียงนกร้องในยามเช้าปลุกคนบนเตียงให้ตื่นขึ้น
เปลือกตาบางขยับเปิดขึ้นเผยอัญมณีสีมรกตสะท้อนกับแสงแรกตะวันในยามเช้าที่ส่องผ่านหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้
เด็กหนุ่มขยับตัวลุกขึ้น แขนเรียวถูกยกขึ้นมาบดบังแสงส่องดวงตา
เด็กหนุ่มลุกออกจากเตียงนุ่ม เผยร่างกายเปลือยเปล่าสีขาวนวล ร่างผอมบางที่มีกล้ามเนื้อพอประมาณ ซิกแพ็ก6ลูกตรงหน้าท้องเรียบๆพอมีให้เห็นอยู่บ้าง ร่างกายที่หากใครได้เห็นเข้าไม่ว่าจะเพศไหนต่างต้องหลงใหล
"...."
เด็กหนุ่มมองร่างกายเปลือยเปล่าของตนที่สะท้อนอยู่ในกระจก มือเรียวยกขึ้นดีดนิ้ว
เป๊าะ
เปลวไฟสีขาวลุกลามทั้งตัวเด็กหนุ่มและค่อยๆเบาลงปรากฏชุดเหมือนชุดฮั่นฝูบางๆสีดำเทา เหมือนกับที่เขามักสวมใส่อยู่เสมอในร่างจริง แถมยังเปลี่ยนสีได้ตามใจชอบด้วยนะ
ปลอกแขนแบบผ้าและมีอัญมณีสีเหมือนกับจักรวาลติดอยู่ยังคงอยู่บนข้อมือ เขายังไม่เคยเข้าสำรวจเลยว่าผู้คุมให้อะไรมาบ้าง
ใช่แล้ว อัญมณีนั่นที่ด้านในคือมิติเก็บของขนาด1ห้องโถงของราชวังเลยล่ะ
.
.
มิโดริยะอิงโกะมองลูกชายของเธอที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย ดูน่ารักขึ้นมาก ถึงจะสงสัยเกี่ยวกับชุดที่ลูกชายของเธอใส่ในวันนี้แต่เธอก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้อะไร มันก็ดูดีไปอีกแบบ เธอคิดว่าเธอจะลองใส่บ้างดีไหม
เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตูเตรียมที่จะเดินออกไป
"ไปดีมาดีนะจ้ะ" เสียงนี้ทำให้เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปตอบรับอย่างสดใส
"อื้อ!" ร่างเด็กหนุ่มเดินออกไปก็เจอกับชายผอมแห้งยืนรออยู่หน้าบ้าน เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหา
"ออลไมท์!" เสียงเล็กใสดุจกระดิ่งก้องกังวานกล่าวเรียกเขาอย่างสดใส
ออลไมท์รู้สึกนุ่มฟูในใจลึกๆ
ออลไมท์มองเด็กหนุ่มที่ใส่ชุดเหมือนชุดจีนแบบโบราณสีดำเทาบางๆอย่างแปลกใจจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
"วันนี้ต้องฝึกด้วยนะ ไม่ใส่ชุดที่มันคล่องตัวกว่านี้หรอ?"
เด็กหนุ่มเอียงคออย่างสงสัยพร้อมกับคิดในใจ
'ไม่ว่าจะยามต่อสู้หรืออะไรข้าก็ใส่ชุดแบบนี้ตลอดนะ...อ่า..จริงด้วย นี่มันร่างมนุษย์นี่นา'
เด็กหนุ่มส่ายหัวตอบกลับไป
"ไม่เป็นไรครับ ชุดนี้น่ะเบาตัวมาก"
"เอาเถอะ" ออลไมท์ก็ไม่ติดใจอะไรต่อ หันหลังเดินนำเด็กหนุ่มไป
เด็กหนุ่มก็ก้าวเดินตามอย่างไม่อิดออด
ศาลาริมชายหาดแห่งหนึ่ง
ออลไมท์เดินนำเด็กหนุ่มไปยังศาลานั้น ลมทะเลเย็นสบายพลอยให้บรรยากาศดีมาก
ออลไมท์ได้เริ่มอธิบายพลังอัตลักษณ์ของเขาที่ได้มอบให้กับเด็กหนุ่มเป็นอย่างแรก
วันฟอร์ออล เป็นอัตลักษณ์ ที่มีความสามารถในการส่งต่อพลังไปให้ใครก็ได้ตามที่ผู้ครอบครองคนปัจจุบันต้องการ
ชื่อของมันมีความหมายอย่างตรง ๆ ว่า "หนึ่งเดียว เพื่อทุกคน" (1 อัตลักษณ์ เพื่อทุกคน) และเพื่อที่จะทำการส่งต่อพลัง จึงจำเป็นต้องใช้ DNA หรืออะไรก็ตามที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ ในกรณีของออลไมท์ เขาให้เส้นผมกับมิโดริยะ ในการกินเส้นผมนั้นเพื่อรับพลัง
"อัตลักษณ์? One For All?"
"อ่า..จริงด้วย งั้นฉันจะเล่าเรื่องพื้นฐานที่รู้ๆกันดีในปัจจุบันของสังคมในตอนนี้"
ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นแห่งความผิดปกติเมื่อพบว่าทารกที่พึ่งคลอดออกมาเรืองแสงได้ หลังจากนั้นก็เกิดสิ่งเหนือธรรมชาติที่คล้ายคลึงกันขึ้นทั่วทุกมุมโลกจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งเหล่านี้ถูกใช้เป็นพลังที่มีลักษณะเฉพาะตัวที่เรียกว่าอัตลักษณ์ ซึ่งในตอนนี้บนโลกใบนี้เต็มไปด้วยฮีโร่และอาชญากรที่ใช้อัตลักษณ์เรียกว่าวิลเลิน
ปัจจุบันที่ประชากร80%นั้นมีอัตลักษณ์ 20%นั้นเป็นคนธรรมดาหรือไร้อัตลักษณ์ โดยเขานั้นไม่ได้บอกว่าแต่เดิมตัวเด็กหนุ่มมิโดริยะนั้นคือ20%ที่ไร้อัตลักษณ์ บอกเพียงแค่ตัวเด็กหนุ่มนั้นเป็นผู้สืบทอดพลังอัตลักษณ์ของเขา สัญลักษณ์แห่งสันติภาพคนต่อไป
[มิโดริยะ อิซึคุ/จักรพรรดิเพลิงขาว Part]
ตัวร่างจุติของข้าที่มีชื่อว่ามิโดริยะ อิซึคุนั้นได้รับสืบทอดพลังอัตลักษณ์ของเขา
เพราะงั้นสิ่งที่ข้าสัมผัสได้ถึงพลังแปลกๆอีกสายในร่างกายได้นั้นก็คืออัตลักษณ์ที่ได้รับสืบทอดมานั้นเอง
ข้าที่ได้ฟังเกี่ยวกับอัตลักษณ์นี้ก็คิดว่ามันช่างเหมือนพลังของพวกผู้ฝึกยุทธเลย พวกผู้ฝึกยุทธที่เน้นการต่อสู้และความแข็งแกร่งของร่างกายแตกต่างกับเซียนหรือเผ่าเทพลิบลับ
ดีที่ตอนนั้นข้าตัดสินใจเก็บเอาไว้ก่อนจึงยังไม่ได้ชำละมันออกไป
ออลไมท์ยังบอกอีกว่าตัวข้านั้นยังฝึกใช้พลังได้ไม่เต็มที่ ทำให้แขนขาหักตลอดเลย ให้ตายสิ เจ้าเด็กนี่ ควบคุมพลังของตัวเองก็ไม่ได้หรือไง เกิดมาพึ่งเคยพบเคยเจอ
จากที่ฟังมาข้าคิดว่ามันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่นา แม้พลังนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนแม้จะมีร่างกายที่อ่อนแอก็ตาม หากทำความเข้าใจได้มากพอ น่าจะง่ายกว่าแกะปริศนาหรือทำความเจ้าใจในศาสตร์แห่งค่ายกลหรือศาสตร์แห่งอักขระเสียอีก
ตอนนี้ข้ากำลังฟังเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนกับออลไมท์ จากที่ข้าฟังมามันคล้ายกับนิกายของพวกเซียนอสูรเลย มีอาจารย์คอยสั่งสอนศิษย์หรือที่เรียกว่านักเรียน วิชาต่างๆที่พวกมนุษย์คิดค้นขึ้นมาได้นั้นก็เหมือนการสอนศาสตร์ต่างๆในนิกายเลย โรงเรียนที่ตัวข้าอยู่นั้นคือโรงเรียนUA เปรียบเป็นโรงเรียนฝึกฮีโร่อันดับ1เลย หรือก็คือคล้ายกับนิกายใหญ่ๆนิกายระดับศักดิ์สิทธิ์ แถมเขายังบอกอีกด้วยว่าเขาเป็นอาจารย์ของUAเช่นกัน
เขาบอกว่าข้านั้นเป็นนักเรียนปี1ห้องA หรือถ้าเปรียบก็คือรุ่นน้องในระดับอัจฉริยะนั่นเอง
ตอนนี้ออลไมท์กำลังฝึกอัตลักษณ์ให้กับข้า ให้ตายสิ ท่านจะรีบไปไหนกัน ให้ข้าได้ทำความเข้าใจมันก่อนสิ! พลังที่แค่รู้ว่ามันเป็นยังไงแต่ไม่มีความเข้าใจหลักการของมันจะไปใช้ให้มีประสิทธิภาพได้อย่างไร! ข้าไม่แปลกใจเลยหากเจ้าร่างคนก่อนมันจะบาดเจ็บขนาดนั้น!
เฮ้อ เอาเถอะ เพราะข้าน่ะ อัจฉริยะอยู่แล้ว ว่าแต่ จะใช้ออกมายังไงนะ?
ออลไมท์ใช้โดยการปล่อยหมัดกับที่เท้าสินะ? ไม่สิ มันจะใช้ออกมายังไงก็ได้ทั้งนั้นนี่ งั้นข้าลองเบาๆก่อนแล้วกัน
ตอนนี้ตัวข้าก็ได้มายืนอยู่บนชายหาดโดยตรงหน้าข้ามองเห็นเส้นขอบฟ้า ให้ตายสิ แสงจากไอ้ดาวกลมๆข้างบนนั่นมันสว่างเกินไปแล้ว! รู้สึกผิวข้ามันร้อนขึ้น
แต่ช่างมันเถอะ ว่าแล้วข้าก็ทำการยกมือขึ้นมาตั้งฉากตรงหน้าข้า เค้นพลังนั้นออกมาและดีดนิ้วออกไป
แรงดันลมขนาดใหญ่ถูกปล่อยออกไปทำให้น้ำทะเลตรงหน้าข้ามันแหวกออกจากกันอย่างกับรอยงูแหน่ะ
รู้สึกเหมือนข้าได้ใช้พลังธาตุลมเลย
อา...นิ้วข้ารู้สึกชาเลย
เพราะไม่มีเวลาทำความเข้าใจให้มากกว่านี้ออลไมท์ก็ให้ข้ามาลองใช้ดูซะแล้ว
[มิโดริยะ อิซึคุ/จักรพรรดิเพลิงขาว Part end]
[ออลไมท์ Part]
ฉันเล่าเรื่องทั่วๆไปของโลกนี้ในปัจจุบันให้กับหนุ่มน้อยฟัง
หนุ่มน้อยนั้นก็ตั้งใจฟังฉันอย่างดี น่ารักจริงๆ
พอฉันเล่าเกี่ยวกับโรงเรียน เด็กน้อยดูเหมือนจะมีความคิดมากมายในหัวเล็กๆนั้นเต็มไปหมด เด็กน้อยดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดให้ฟังนะ
พอฉันจะให้เด็กน้อยฝึกอัตลักษณ์ เด็กน้อยดูเหมือนไม่พอใจบางอย่าง ทำไมล่ะ? มองฉันเหมือนโกรธจัดแล้วก็ถอนหายใจ สรุปแล้วเด็กน้อยเป็นอะไร?
เด็กน้อยไม่พูดอะไรแล้วเดินลงจากศาลา ฉันคิดไปเองหรือเปล่า? เด็กน้อยเหมือนจะเกลียดดวงอาทิตย์ ทำไมล่ะ? หรือว่าแดดมันร้อน?
เด็กน้อยยกแขนขึ้นตั้งฉากแล้วก็ดีดนิ้วออกไป พลังที่ปล่อยออกมาก็นับได้ว่าประมาณ50%เลยทีเดียว ตัวฉันนี่แทบปลิวทั้งที่ยืนอยู่ข้างหลัง พอมองไปที่เด็กน้อยว่าบาดเจ็บไหม ฉันจะได้พาไปรักษาเลย แต่ปรากฏว่า เด็กน้อยไม่เป็นไรเลย นิ้ว มือ แขน ยังปกติดีทุกอย่าง เป็นไปได้ยังไง? ควบคุมพลังได้แล้วหรอ? เมื่อวานที่มีวิลเลินบุกยังแขนขาหักหมดสภาพอยู่เลย
หรือว่าเมื่อวานที่เด็กน้อยเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน ที่ทั้งตัวเป็นสีขาวน่ะและยังจำอะไรไม่ได้เพราะปลุกพลังอัตลักษณ์ของตัวเองได้หรือเปล่า? อืม เป็นไปได้สูงมากเลย
เอาเถอะ ไม่ว่าจะเป็นยังไง เด็กน้อยก็ใช้พลังถึง50%โดยไม่บาดเจ็บได้แล้วล่ะนะ แบบนี้มันต้องฉลอง!
[ออลไมท์ Part end]
"หนุ่มน้อยมิโดริยะ เป็นยังไงบ้าง?"
"นิ้วมันชาๆน่ะครับ"
ออลไมท์พยักหน้าอย่างเข้าใจ
"จริงสิ เธอจำอะไรไม่ได้เลยแบบนี้ไปโรงเรียนจะลำบากหรือเปล่า เวลาก็น้อยด้วยสิ คงต้องให้เธออาศัยอ่านหนังสือไปก่อนละนะ"
"...ครับ"
"นี่ก็เที่ยงแล้ว หนุ่มน้อยมิโดริยะ เราไปกินข้าวกันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง"
เด็กหนุ่มเอียงคอสงสัยนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้าตอบกลับไป
.
.
ออลไมท์ได้พาเด็กหนุ่มไปกินข้าวที่ร้านอาหารหรือภัตตาคารแห่งหนึ่ง สไตล์ร้านเป็นแบบผสมญี่ปุ่นดั้งเดิม มีสวนไผ่เขียวกับน้ำตกหิน
'โห โลกมนุษย์เนี่ย มีอะไรให้ข้าแปลกใจไปเสียหมดเลยนะ ถึงจะไม่งดงามเท่าวังของข้าก็เถอะ'
ออลไมท์ได้สั่งไคเซกิที่เป็นอาหารคอร์สให้กับทั้งตัวเองและเด็กหนุ่ม
หลังทานข้าวออลไมท์ได้พาเด็กหนุ่มไปซื้อหนังสือในห้างที่อยู่ในตัวเมือง ซื้อเยอะชนิดที่เกือบเหมาทุกเล่มในร้าน หนังสือวิชาการ หนังสือวรรณกรรม หนังสือประวัติศาสตร์ และอื่นๆอีกมากมายที่สำหรับประกอบการเรียนอย่างเร่งด่วน
เพราะชุดฮั่นฝูสีดำเทาของเด็กหนุ่มนั้นจึงทำให้ตกเป็นเป้าสายตาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ชุดคลุมแบบบางๆสีดำที่ตัดกันกับผิวสีขาวนวล ทั้งใบหน้าเด็กหนุ่มนั้นจัดว่าทั้งหล่อเหลาและสวยเข้ากันได้อย่างลงตัว ผมสีเขียวเข้มคลอเคลียกับใบหน้าขาวและต้นคอ กระ4จุดบนใบหน้านั้นช่างดึงดูด
บางคนถึงกับล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแอบถ่ายหรือถ่ายรูปกันโต้งๆก็มี
ออลไมท์ด้วยความที่เขาเป็นฮีโร่อันดับ1 ออกสื่อก็ออกจะบ่อยจึงไม่ใคร่สนใจเรื่องแบบนี้แต่ตอนนี้ผู้ตกเป็นเป้าสนใจนั้นหาใช่เขาแต่เป็นตัวผู้สืบทอดของเขา! แบบนี้จะถูกชิงตัวไปเป็นดาราก่อนเป็นฮีโร่ไหมเนี่ย!?
ㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡ
ตอนนี้ก็ให้น้องได้ทำความเข้าใจกับโลกนี้คล่าวๆเพราะต้องอยู่ไปอีกนาน
อีกทั้งพลังOne For Allด้วย
ส่วนอีพระเอก2ตัวนั้นก็รอบทไปยาวๆนะจ้ะ
ส่วนที่เราคิดว่ามันต้องมีคนอ่านงงกับถามเข้ามาแน่
เราจะอธิบายตรงนี้
เวลาน้องคิดในใจหรือพูดกับตัวเองมันจะออกโบราณๆไปนิดหน่อยอย่าง "ข้า" "ท่าน" อะไรแบบนี้ ก็เป็นเทพนิ
ส่วนที่สามารถพูดแบบปกติออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาตินั้นคือความคุ้นเคยของร่างกาย ร่างที่น้องมาสถิตนั่นเอง
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!