NovelToon NovelToon

FIC​ [MHA/BNHA]​ เดกุ/เดบิอัลโก

I

ห้วงจักรวาล​ที่ไหนสักแห่ง

ได้มีร่างเล็กๆสีขาวเผือกของเด็กชายเปลือก​ตาบางสีขาวหลับตาพริ้ม​ โดยรอบตัวนั้นมีโซ่สีทองวนรอบๆตัวของเด็กชายอย่างกับลูกบอล​ 

เปลือกตา​บางสีขาวของเด็กชายเปิดขึ้นเผยอัญมณี​สีทองสว่างที่งดงาม2เม็ด

โซ่สีทองที่วนรอบๆตัวค่อยๆขยายขอบเขตการวนรอบตัวที่รัศมี​กว้างขึ้น​ กว้างขึ้นเรื่อยๆจนระเบิดออก

ไอพลังสีทองส่องประกายจากร่างของเด็กชายและเปลวเพลิงสีขาวที่งดงามปะทุขึ้นจากร่างของเด็กชาย

ผลกระทบ​จากพลังของเด็กชายจนทำให้ดาวเคราะห์​ดวงน้อยๆรอบๆนั้นถูกบดขยี้​เป็นผุยผง​และสลายหายไปท่ามกลางห้วงจักรวาล​ที่มืดมิดแต่ยังมีดวงดาวที่ส่องประกายแสงเล็กๆอยู่ห่างตัวเด็กชายไปกว่าระยะ1au

ผ่านไปเนิ่นนานพลังที่ปะทุออกมาอย่างรุนแรงก็ค่อยๆสงบลงและวนเวียนอยู่รอบตัวเด็กชาย​ ภาพอันแสนงดงามนี้ได้สะท้อนอยู่ในสายตาของตัวตนนึงมาโดยตลอด​

ตัวตนที่อยู่เหนือท้องฟ้า​ ผู้คุมกฎ​ ตัวตนที่คงอยู่เพื่อทำลายเหล่าจักรพรรดิ​ที่เกิดภายในความมืดมิด

ㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡ

ㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡ

อัญมณี​สีทองสว่างเม็ดงามมองมายังเขา​ เด็กชายเอียงคอน้อยๆมองอย่างสงสัย​ เขาจึงต้องเป็นผู้เอ่ยทักก่อน

"ขอโทษที่ข้ามองเจ้ามาตั้งนานเลย" 

เด็กชายส่ายหัวน้อยๆเป็นการปฎิเส​ธ​ 

"ไม่...ท่านคือ?"

"อืม..นั่นสินะ​ จะเรียกข้าว่าจ้าวผู้ปกครองหรือผู้คุมก็ได้" 

เด็กชายพยักหน้าตอบเล็กๆและเรียกตามที่อีกฝ่ายบอก

"ผู้คุม...มีอะไรกับข้าหรือ?"

"เช่นนั้น​ ข้าจะไม่อ้อมค้อม" 

เด็กชายยืดตัวตรงตั้งใจฟังอย่างดี​ ผู้คุมอดที่จะเอ็นดูไม่ได้แต่เขาไม่มีหน้า

"เจ้าอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้นหรือไม่"

"ใช่​ ข้าต้องการแข็งแกร่งขึ้น​ แข็งแกร่งให้มากกว่านี้.."

"ถ้าเช่นนั้น​ ข้าวานเจ้าให้ช่วยทำภารกิจ​อย่างหนึ่งได้หรือไม่ มันออกจะเป็นคำขอที่น่าอายแต่เราไม่มีทางเลือกแล้ว"

"ว่ามาเถอะครับ" 

"ตามจริงแล้วปัญหาพวกนี้ควรจะหมดไปตั้งแต่จักรพรรดิ​เงาที่2ได้ส่งเหล่าจักรพรรดิ​ทั้ง8หลับใหลชั่วนิรันดร์​ยังโลกแห่งความว่างเปล่า" 

เด็กชายไม่ได้เอ่ยอะไร​ แค่นิ่งเงียบรอฟังคำของตัวตนที่เรียกว่าผู้คุมตรงหน้า

"แต่ก่อนหน้านั้นพวกเขาผนึกพลังกันให้กำเนิดตัวตนอีกตัวตนนึงขึ้นมา​ เขาคือจักรพรรดิ​ที่ยังไม่แน่ชัด ลักษณะ​และพลังคล้ายจักรพรรดิ​มังกรหรือราชาแห่งการทำลายล้างผู้นั้นมากที่สุด"

"หากว่าเจ้าจัดการให้ข้าได้​ เจ้าสามารถทำอะไรกับพลังหรือเศษเสี้ยววิญญาณ​ของเขา ว่าอย่างไร?" 

"...."

เด็กชายก็ไม่ได้คิดมากมายซับซ้อนอะไร​ เขาคิดว่าข้อเสนอนี้ก็น่าสนใจดีจึงรับปากออกไป​ หากว่าการต่อสู้กับเจ้าจักรพรรดิ​ที่ยังไม่ระบุนั่นก็เหมือนการฝึกอย่างนึงที่จะทำให้ตัวเด็กชายเองพัฒนา​ได้เร็วขึ้น​ หากเอาแต่ฝึกฝนสะสมพลังและเลื่อนขั้นมันก็เท่านั้น​ เขาจำเป็นต้องเผชิญ​หน้ากับการต่อสู้บ้างเพื่อสร้างพื้นฐานการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง

"ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง" 

"ง่ายนิดเดียว​ เวลานี้จักรพรรดิ​คนนั้นยังอยู่ระหว่างการฟักตัวในช่องว่างมิติที่ไหนสักที่​ เจ้าแค่รอเท่านั้น" 

"รอ?" 

"ถูกต้อง​ รอเวลาที่เขาจะออกมาและจัดการเขา​ นั่นคือสิ่งที่ข้าอยากให้ทำ ได้หรือไม่?" 

"...ได้" 

เมื่อเด็กชายหันหลังเตรียมที่จะจากไปผู้คุมจึงรีบเรียกห้ามเอาไว้ก่อนเมื่อเขายังอธิบายไม่หมด

"รอก่อน​ มีเงื่อนไขอีกอย่าง"

"...?"

"เจ้าต้องลงไปจัดการเขาด้วยร่างจุติ"

"เหมือนกับร่างสถิต​หรือเปล่า?"

"...ใช่​ ข้าได้เตรียมร่างจุติของเจ้าเอาไว้แล้ว​ จงนำสิ่งนี้ติดตัว" ผู้คุมได้มอบกล่องๆหนึ่งให้กับเด็กชาย​ กล่องนั้นมีสีขาวขลิบ​ทองแผ่กลิ่นอายพลังแสงศักดิ์สิทธิ์​

เด็กชายรับกล่องด้วย2มือน้อยๆแล้วเอ่ยถาม

"หมดแล้วหรือไม่?"

"ใช่​ เจ้าไปได้" 

เด็กชายยกมือขวาประสานที่อกด้านซ้ายโค้งตัวลงพอประมาณและหันหลังจากไป​ ร่างเล็กสีขาวของเด็กชายหายไป​ ก่อนจะตามด้วยร่างในชุดเกาะของผู้คุมที่หายไปหลังจากนั้น​ ทิ้งไว้เพียงเศษซากของดาวเคราะห์​น้อยๆที่ถูกทำลายไปในห้วงอวกาศ​ที่ว่างเปล่านี้

.

.

ดาวเคราะห์​สีฟ้าใบหนึ่ง

ดาวเคราะห์​นี้ที่เด็กชายพึ่งรู้มาแค่ว่ามันมีชื่อเรียกว่า​โลกมนุษย์​ ร่างเล็กสีขาวเผือกนัยน์ตา​สีทองสว่าง​ มองไปที่ดาวสีฟ้าที่มีแผ่นเปลือกสีน้ำตาลซะส่วนใหญ่และสีเขียว​ นัยน์ตา​สีทองมองนิ่งๆก่อนที่เรียวขาเล็กนะก้าวไปพร้อมร่างของเด็กชายที่สลายหายไปกลายเป็นกลุ่มก้อนพลังสีขาวและสีทองพุ่งลงไปยังดาวสีฟ้าตรงหน้าเขา

.

.

.

ห้​องสีขาวที่เต็มไปด้วยเครื่องทางการแพทย์​ เตียงพยาบาล​ที่เรียงรายกันในห้องนี้​ มีร่าง2ร่าง​ 1ร่างชายผอมแห้งผมสีบอร์น​ทองกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงพยาบาล​ข้างกันนั้นคือร่างของเด็กหนุ่มอายุ15-16ปีผมสีเขียวสาหร่ายหลับใหล​ไม่ได้สติ​ ทั้งตัวนั้นเต็มไปด้วยผ้าพันแผล​ มีรอยฟกช้ำ​ตามจุดต่างๆ​ ที่เก้าอี้มีร่างของคุณยายในชุดคลุมพยาบาล​ตัวเล็กและบุคคล​ที่เข้ามาใหม่การแต่งตัวที่คาดว่าเป็นตำรวจ

พวกเขาพูดคุยอะไรกันบางอย่าง​ หลังจากที่นายตำรวจออกไปได้ไม่นาน​ ร่างเด็กหนุ่มผมเขียวกระตุกอย่างรุนแรง​ เครื่องแสดงชีพจร​ที่เต้นอย่างรุนแรงจนผิดปกติ​ นั่นสร้างความตื่นตกใจแก่ชายร่างผอมแห้งกับคุณยายในชุดพยาบาล​อย่างมาก​ 

คุณยายคนนั้นรีบตรวจดูอาการ​ เธอหน้าซีดเผือด​ ร่างกายสั่นเทิ้ม​ ชายร่างผอมที่เห็นเช่นนั้นยิ่งพลอยกังวล​ไปด้วย

"ก​ เกิดอะไรขึ้นกับหนุ่มน้อยมิโดริยะ!" ยากิ​ โทชิโนริ เอ่ยถามกับรีคัฟเวอร์รี่ เกิร์ลหรือชื่อจริงคือชูเซนจิ จิโย​ อย่างร้อนรนและเป็นห่วง

"ฉันก็ไม่รู้" รีคัฟเวอร์รี่ เกิร์ลส่ายหัวให้อย่างอ่อนแรง

ติ๊ด​ ติ๊ด​ ติ๊ด

ร่างกายของเด็กหนุ่มหยุดนิ่งไปพร้อมกับเครื่องวัดชีพจร​ที่แสดงผลออกมาเป็นเส้นตรง

"บ้าน่า! ชีพจร​หยุดเต้นไปแล้ว!?" รีคัฟเวอร์รี่ เกิร์ลร้องออกมาเสียงดัง

"เป็นไปได้ยังไงกันครับ!?" ยากิ​ โทชิโนริ เอ่ยถามเสียงดังอย่างร้อนใจ

"ฉันไม่รู้​ มันแปลกมาก​--นั่นอะไรน่ะ?" รีคัฟเวอร์รี่ เกิร์ลกำลังส่ายหัวปฎิเสธแต่ตอนนั้นที่เกิดบางอย่างขึ้นกับร่างเด็กหนุ่ม

ยากิ​ โทชิโนริ รีบหันไปมองสำรวจตัวผู้สืบทอดของเขาแต่ก็ต้องตกใจด้วยเช่นกัน

ร่างเด็กหนุ่มเรืองแสงออกมาเป็นสีขาวและสีทอง​ แสงนั้นเจิดจ้าจนพวกเขาต้องยกมือขึ้นมาบดบังดวงตาตน

แสงสว่างเจิดจ้าอาบย้อมไปทั่วห้องจนมองไม่เห็นอะไรเลย

หน้าต่างที่ถูกเปิดไว้ทำให้แสงนั้นส่องออกไปข้างนอกจนคนที่ผ่านไปมาต้องหยุดมองอย่างประหลาดใจ​ 

ใช้เวลาไปกว่า5นาที​ แสงค่อยๆหายไป

เมื่อพวกเขาปรับสายตากันได้แล้วมองไปที่ร่างนั้นอีกครั้งก็ต้องตกใจ

จากร่างเด็กหนุ่มผมสีสาหร่ายที่พอมีกล้ามเนื้ออยู่บ้าง​ ตอนนี้แทนที่ด้วยร่างผอมบางสี​ขาวโพลน​ของเด็กหนุ่มที่ส่วนสูงไม่ต่างกันนัก​ เส้นผมสีขาวหิมะยาวสยายไปบนเตียง​ ใบหน้าเรียว​ ริมฝีปากเล็กสีพีชอย่างธรรมชาติ​เผลอออกน้อยๆ​ ในชุดเหมือนชุดฮั่นฝูของจีนสีขาวบางๆ

อีก2คนในห้องได้แต่ตะลึง​ตาค้างและตะโกนในใจพร้อมกัน

'งดงามมาก!!'​

ผ่านไปนานกว่าพวกเขาจะคืนสติตัวเอ​งได้​ ทั้ง2มองหน้ากันอย่างงงงวย​ ดวงตาทั้งคู่สื่อความหมายเหมือนกัน

เครื่องแสดงชีพจร​กลับมาเต้นปกติ

'เกิดอะไรขึ้น? กับหนุ่มน้อยมิโดริยะ!?'​

ร่างสีขาวเริ่มขยับตัว​ ทั้ง2คนจ้องมองตาไม่กระพริบ

แพ​ขน​ตา​งอนยาวสีขาวขยับพริ้วไหว​ เปลือกตาบางสีขาวค่อยๆเปิดขึ้นเผยให้เห็นอัญมณี​สีทองสว่าง

พวกเขาแทบหยุดหายใจไปชั่วขณะ

เด็กหนุ่มค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียง​ อัญมณี​สีทองมองสำรวจไปรอบๆจนกระทั่งมาหยุดที่ชายร่างผอมบนเตียงข้างกัน

เด็กชายมองไปสักพัก​ เหมือนจะมีชื่อหนึ่งปรากฏ​ขึ้นในหัวและเด็กหนุ่มก็เรียกชื่อนั้นออกไป​

"ออลไมท์!" เสียงแหบเล็กๆแต่ยังคงไพเราะ​มากเอ่ยเรียกชื่อออลไมท์ด้วยน้ำเสียงสดใสจนตัวเด็กหนุ่มเองยังนึกแปลกใจ

ฝ่ายคนโดยเรียกเหมือนได้มีหอกพุ่งเข้ากลางใจจนงะชักค้างไปแล้ว

'แปลกจัง​ ออลไมท์? ใครกันน่ะ​ แล้วนี่เราลงมายังร่างจุติแล้วหรอ?'​ เด็กชายก้มมองสำรวจตัวเองก็นึกแปลกใจ​ แต่เดิมเขายังรูปร่างเด็กกว่านี้​ ถ้าให้เปรียบเทียบ​ก็คือ5-6ขวบของมนุษย​์​ แล้วทำไม? 

'คิดไปเท่านั้น​ ช่างเถอะ'​ เด็กหนุ่มส่ายหัวเบาๆ

"งั้นฉันขอตัวก่อนนะ" รีคัฟเวอร์รี่ เกิร์ลเอ่ยขึ้นหลังจากคุมสติตัวเอ​งได้​ 

เสียงปิดประตูทำให้ชายร่างผอมหลุดจากภวังค์​ มองเด็กหนุ่มตรงหน้าเขาอย่างพิจารณา​

เด็กหนุ่มไม่สนใจสายตาที่มองมา​ กลุ่มหมอกสีครามลักษณะ​เหมือนเปลวไฟปรากฏ​ขึ้นตรงหน้า​ เด็กหนุ่มยกมือมาตรงหน้า​ ก็มีกล่องหล่นลงมาบนมือเด็กหนุ่มพอดี​ และกลุ่มควันสีครามเหมือนเปลวไฟนั้นก็ค่อยๆหมอดดับลงและหายไป

ยากิ​ โทชิโนริ ตกอยู่ในความคิดของตนขณะมองสำรวจเด็กหนุ่มตรงหน้า

'เมื่อกี้ยังเรียกออลไมท์​ น้ำเสียงแบบนั้น​ มีอารมณ์​ของความกระตือรือร้น​เหมือนกับหนุ่มน้อยมิโดริยะ​ ไม่สิ​ ถึงรูปลักษณ์​จะแตกต่างออกไปแต่อาจจะ...'

"หนุ่มน้อยมิโดริยะ?"

"ครับ?"

'ใช่จริงด้วยเว้ย! เด็กคนนี้ก็คือหนุ่มน้อยมิโดริยะผู้สืบทอดของเขาเหมือนเดิม​ แต่มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ'

เด็กชายนึกแปลกใจกับตัวเองอีกครั้ง​ เมื่อคนตรงหน้าเรียกชื่อที่เขาไม่รู้จักแต่ทำไมเขาต้องขานรับออกไปด้วยล่ะ

แล้วคนตรงหน้าเป็นใคร? เขาก็ยังไม่รู้

หรือจะเป็นความรู้สึกที่ตกค้างของร่างจุติของเขา​ ถ้าเช่นนั้นก็สมเหตุสมผล​

เด็กชายให้คำตอบกับตัวเองได้แล้วจึงละความสนใจไปที่กล่องในมือเขา

'ก็อยากถามอยู่หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น​ แต่เหมือนว่าเวลานี้จะไม่เหมาะเท่าไหร่​'​ ออลไมท์นั่งเงียบๆคอยมองเด็กหนุ่มตรงหน้าเขา

มือเรียวเล็กสีขาวขยับปรายนิ้วชี้เเตะไปที่ลวดลาย​เหมือนรูกุญแจ​สีทองบนกล่อง​ เปลวไฟสีขาวออกทองนิดๆถูกจุดขึ้นที่ปรายนิ้วที่ใช้แตะไปที่รูกุญแจ​

กล่องไม่เล็กไม่ใหญ่ถูกเปิดขึ้นอัตโนมัติ​ เผยให้เห็นของด้านในที่ถูกบรรจุไว้อย่างดีบนผ้ากำมะหยี่​สีแดงสวย

ลักษณะ​เหมือนขนนกสีดำ2อันบรรจบ​กันเป็นวงกลม​ เหมือนมงกุฎ​ของราชาแห่งธรรมชาติ​อย่างเผ่าเอลฟ์​หรือนางไม้เลยแต่เป็นสีดำ​ ข้างๆกันเป็นปลอกแขน​ที่ทำจากผ้าบางอย่างแผ่กลิ่นอายพลังแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์​ มีอัญมณี​ติดไว้ด้วย

มือเรียวหยิบปลอกแขนขึ้นมาบรรจงสวมใส่บนแขนซ้าย​ ตามด้วยมงกุฎ​ขนนกสีดำที่มีไว้เพื่อผนึกพลังของเหล่าสิ่งที่ขึ้นชื่อต้นด้วย​ เทพ​ เท่านั้น​ ใช่​ ตัวเด็กชายนั้นคือเผ่าเทพ​ แต่แตกต่างกับเทพที่อาศัยอยู่บนดินแดนที่เรียกว่าสรวงสวรรค์​

เมื่อมงกุฎ​ขนนกสีดำถูกสวมลงบนหัว​ ตัวมงกุฎ​นั้นส่องประกาย​สีดำออกมาจางๆ​ ตัวเด็กชายนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

เปลือกตาบางหลับตาลง​ กลุ่มผมสีขาวที่แผ่สยายกลายเป็นสีเขียวสั้นระต้นคอและใบหน้าขาว​ จากผิวสีขาวเผือกเริ่มมีสีเลือดฝาดกลายเป็นสีขาวนวลดูสุขภาพ​ดีอย่างมนุษย์​ควรจะมี​ ดวงตาอัญมณี​สีทองกลายเป็นสีเขียว​ มีกระ4จุดบนใบหน้าแต่ละข้าง​ แพขนตายังเป็นสีขาว​ ชุดถูกเปลี่ยนกลับเป็นชุดของโรงพยาบาล​เหมือนเดิม​ 

เมื่อพลังส่วนใหญ่ได้ผนึกลงไปแล้วตัวของเด็กชายจึงกลับไปมีลักษณะ​เดิม

แต่แตกต่างออกไปคือร่างกายที่ผอมบางลงเหมือนร่างจริง​ ผิวสีแทนนิดๆกลายเป็นสีขาวนวลจนเกือบซีด​ ผมหยิกสีเขียวกลายเป็นเรียวตรงลู่ลงคลอเคลีย​กับใบหน้านวล​ กระสี่จุดบนแก้มแต่ละข้างดูมีเสน่ห์​ดึงดูดขึ้น​ ดวงตากลมโตถูกหรี่ลง​ ดูเอ๋อๆไร้เดียงสา​ เหมือนเด็กที่พึ่งตื่นนอน​ชวนน่ามองดูน่ารัก

(เหมือนกับภาพปกเลยค่ะ)​

ยากิ​ โทชิโนริ เบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึงแต่ไม่เท่ากับตอนที่เห็นร่างจริงของเด็กชาย

ㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡ

เย่ๆ​ ตอนแรกประสบความสำเร็จ​ด้วยดี(หรือเปล่า?)​

ถ้าถามว่าน้องลงมาจุติในร่างของมิโดริยะที่ช่วงไหน

ไม่บอกค่ะ

แต่บางคนอาจจะเดาถูกก็ได้ใครจะไปรู้~

II

[มิโดริยะ​ อิซึคุที่ตัวจริงคือจักรพรรดิ​ที่จุติ​ part]​ 

ข้ามองไปยังชายร่างผอมผมบอร์นที่มองข้ามาตั้งนาน

ความรู้สึกที่ตกค้างของร่างกายนี้ต่อคนตรงหน้าคือความนับถือ​ และข้ายังมองเห็นว่าเขามีชะตาคือฮีโร่โดยกำเนิด​ ไว้ใจได้แน่นอน​ 

เป็นความรู้สึกที่แปลกดีนะ​ ข้าไม่เคยรู้สึกอะไรกับใครที่ไหนนอกจากความรู้สึกที่อยากเอาชนะท่านพ่อและพี่ๆคนอื่นๆเท่านั้น

นี่น่ะหรือ​ มนุษย์​ ซับซ้อนอย่างที่ข้าเคยอ่านเจอในหนังสือของท่านแม่เลย

เป็นความรู้สึกที่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีคนๆนี้​ แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่สามารถบอกเรื่องของข้าต่อเขาได้​ ไม่เช่นนั้นตัวเขาจะเป็นอันตราย​แน่ๆ

ว่าแต่​ ทำไมไม่มีความทรงจำเดิมของร่างนี้ไว้ให้ข้าบ้างเลยเล่า​ โธ่! 

ดูเหมือนคนๆนี้จะสติลอยไปไกลแล้ว  ดูตลกจัง

"คิกๆ" 

อ่ะ​ ดูเหมือนเขาจะรู้สึกตัวแล้ว​ มองข้าแล้วตกใจใหญ่เลย

[มิโดริยะ​ อิซึคุที่ตัวจริงคือจักรพรรดิ​ที่จุติ Part​ end]​ 

"หนุ่มน้อยมิโดริยะ​ เป็นยังไงบ้าง" 

เด็กหนุ่มมองสำรวจตัวเองแล้วหันไปพยักหน้าให้ชายร่างผอม

"ปกติดีนะ...ครับ" 

เสียงแหบเล็กฟังดูลื่นหูยังคงเหมือนเดิม​ เหมือนกับร่างจริง

ดวงตาสีเขียวที่ตอนนี้ดูเหมือนอัญมณี​สีมรกต​เข้มมองมาที่ชายร่างผอมอย่างสดใส

ยากิ​ โทชิโนริ รู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบ​ จนเขาสงสัยว่าวันนี้เขาจะหัวใจวายหรือเปล่า​ หนุ่มน้อยมิโดริยะของเขาน่ารักมาก! 

"ถึงจะมีเรื่องสงสัยมากมายแต่​ ฉันจะไม่ถามเซ้าซี้​อะไรเธอ​ จะรอจนกว่าวันที่เธอตัดสินใจบอกฉันด้วยตัวเอง" 

"ขอบคุณ​ครับ​ ออลไมท์" 

"ไหนๆก็หายดีแล้ว​ เธอจะกลับเลยไหม?" 

"ก​ กลับหรอครับ?" 

'ข้าเห็นว่าดาวดวงนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่พอสมควร​เลย​ แล้วข้าจะกลับที่พักของเด็กคนนี้ได้อย่างไร? ร่างกายนี้ไม่มีความทรงจำอะไรเหลืออยู่เลยสักนิด​ ต่อให้มีความรู้สึกตกค้างและความคุ้ยเคยบางอย่างของร่างกายนี้ก็ตาม!'​

'ถ้าหากบอกนิดหน่อย​ ว่าข้าไม่มีความทรงจำเหลือเลย​ คงไม่เป็นไรมั้ง..'

เด็กหนุ่มช้อนดวงตาสีมรกต​มองยากิ​ โทชิโนริอย่างน่าสงสาร

"เฮือก!" ยากิ โทชิโนริยกมือกุมอก

"ค​ คือว่าออลไมท์..ความจริง..." เด็กหนุ่มก้มหน้า​ สูดหายใจเข้าลึกๆและเงยหน้าขึ้นเอ่ยต่อ

"ผม​ จำอะไรไม่ได้เลย" 

นั่นทำให้ยากิ​ โทชิโนริ ตกใจมาก

"หมายความว่ายังไงกัน?" 

"ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาเห็นคุณก็มีชื่อของคุณปรากฏ​ขึ้นมาในหัวและผมก็เผลอเรียกออกไปเอง​ ทั้งยามที่คุณเรียกชื่อที่ผมไม่รู้จักผมก็ขานตอบรับคุณไปเองโดยไม่รู้ตัว..."

เด็กหนุ่มเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปก็เงยหน้าขึ้นมอง​ ดวงตาฉ่ำน้ำคล้ายจะร้องไห้​ ยากิ​ โทชิโนริ ตกใจรีบกล่าวปลอบเป็นพัลวัน​

"ฉันเชื่อเธอหนุ่มน้อย​ ครั้งที่เธอเรียกชื่อออลไมท์ออกมา​ มันก็ยังคงเหมือนกับเธอคนเดิมที่มักเรียกฉันอยู่เสมอ​ ฉันรู้สึกได้! ยังพูดไม่จบใช่ไหมล่ะ​ นี่หนุ่มน้อยมิโดริยะ​ อย่าร้องเลยน้าาาา" 

เด็กหนุ่มค่อยๆแย้มรอยยิ้ม​กว้าง​ พยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง

"ความรู้สึกภายในผมน่ะนับถือคุณมาก​ รู้สึกเสมอว่าเมื่อมีคุณทุกอย่างจะไม่เป็นไร ถึงจะไม่รู้ว่าคุณเป็นใครก็เถอะ"

คำกล่าวนี้ทำให้ยากิ​ โทชิโนริ รู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ​ เขายิ้มให้กับเด็กหนุ่มอย่างอ่อนโยน

'เหมือนฉันมีลูกชายเลย​ จะว่าไป​ คุณนายมิโดริยะ(หมายถึงอิงโกะ)​ก็ตัวคนเดียวนี่นะ​ ดีล่ะ​ ฉันจะเป็นพ่อเด็กคนนี้เอง​ ลูกชายของฉัน​ แมลงตัวผู้ตัวไหนมันกล้าเข้ามาตอมฉันจะไล่ไปให้หมด!'​ ยากิ​ โทชิโนริ หรือออลไมท์ตั้งใจอย่างแน่วแน่แล้ว

เย็นวันนี้ออลไมท์จึงไปส่งเด็กหนุ่มที่บ้าน​ในร่างมัสเซิลฟอร์ม​ เมื่อถึงหน้าบ้านออลไมท์เปลี่ยนกลายเป็นร่างทรูฟอร์ม​ 

เด็กหนุ่มเงยหน้ามองประตูบ้านตรงหน้าเขา​ แล้วหันกลับไปมองคนที่พามาส่ง

ออลไมท์ก็มองเด็กหนุ่มที่ไม่รู้จะทำอะไรอยู่หน้าบ้านตัวเองอย่างขบขัน

เด็กหนุ่มยืนนิ่ง​ เขาไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง​ ปกติเขาที่มักไม่อยู่ติดปราสาท​เสียเท่าไหร่​ มักจะมีพวกคนอัศวิน​เปิดประตูให้หรือคอยปรนนิบัติ​ตลอด​ และตัวเด็กหนุ่มเองพึ่งจะได้เห็นสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์​จริงๆก็ตอนที่ตื่นขึ้นมาในร่างนี้นั่นแล

ออลไมท์เห็นเด็กหนุ่มยืนนิ่งเงียบอยู่หน้าประตูบ้านตนเองอยู่นานจึงตัดสินใจเดินเข้าไปเคาะประตู

ไม่นานก็ได้ยินเสียงคนด้านในพร้อมประตูที่เปิดออก

"ค่าๆ​ มาแล้วค่า" 

แกร๊ก

"อิซึคุ!" มิโดริยะ​ อิงโกะพุ่งเข้าสวมกอดลูกชายของเธอทันทีที่เห็น

"แม่เห็นข่าววิลเลินบุกแล้วนะ​ เป็นห่วงแทบแย่​ อิซึคุต้องกลัวมากใช่ไหม​ โธ่" เธอทั้งกอดทั้งลูบหัวลูบหลังปลอบอย่างอ่อนโยน

ตัวเด็กหนุ่มที่พึ่งจะได้รับกอดเป็นครั้งแรกในชีวิตนั้นได้นิ่งค้างไปแล้ว​ แต่ก็กลับมาตั้งสติได้รวดเร็ว

เด็กหนุ่มสวมกอดหญิงสาวตรงหน้าตอบกลับไป​ ใบหน้างามซบลงบนอกหญิงสาว

'อุ่นจัง...นี่น่ะหรอ​ แม่?'​

'ทุกครั้งที่ข้าถามเรื่องท่านแม่ออกไปพวกพี่ๆหรือท่านพ่อมักบอกเสมอว่า​ ท่านแม่ตายไปแล้ว​ ข้าไม่ได้อยากได้ยินแบบนั้นสักหน่อย​ ข้าแค่อยากจะรู้ว่าท่านแม่เป็นใคร​ แต่กลับไม่มีใครบอกอะไรข้าเลย​ ท่านแม่ที่ข้าไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อ​ ไม่เคยเห็นหน้า​ และไม่เข้าใจนิยามคำว่าแม่ด้วยซ้ำ'

'​แต่ตอนนี้​ ข้ามีแล้ว​ แม่​ อบอุ่นเหลือเกิน..' 

อิงโกะพึ่งจะสังเกตุ​เห็นใครอีกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยก็รีบคลายกอด​ ส่งยิ้มแห้งๆ

"อาจารย์​ที่โรงเรียนของอิซึคุสินะคะ​ ขอบคุณที่พาอิซึคุมาส่งนะคะ" เธอกล่าวพร้อมก้มหัวขอบคุณจนออลไมท์รีบหยุดเธอแทบไม่ทัน

"ไม่เป็นไรๆ" 

"ถ้ายังไงอยู่ทานข้าวด้วยกันเถอะนะคะ" 

"เอ่อ.."

"เถอะนะคะ​ วันนี้ทำกับข้าวเหลือเยอะด้วยสิ" อิงโกะเอ่ยพร้อมนำมือแนบกับใบหน้าอย่างคิดหนักฉบับคุณผู้หญิง

ออลไมท์ปฎิเส​ธไม่ลง

"ก็ได้.."

หญิงสาวได้เชิญออลไมท์เข้าไปในบ้าน

ขณะที่เด็กหนุ่มที่ถูกเมินอย่างฉับพลันกำลังมองอิงโกะอย่างอาลัยอาวรณ์​กับกอดนั้นอยู่

ออลไมท์อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้​ ยกมือขึ้นไปลูบหัวปลอบเด็กหนุ่มความจำเสื่อม​ในสายตาของเขา

.

.

โต๊ะอาหารขนาดไม่ใหญ่นัก​ นั่งทานข้าวกัน3คน​ บรรยากาศ​อบอุ่นอย่างยิ่งในความรู้สึกเด็กหนุ่ม​ ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมต้องกินก็เถอะ​ ก็ปกติเขาไม่ค่อยจะกินอะไรเท่าไหร่นอกจากว่าสิ่งนั้นจะให้พลังงานที่มากพอและเป็นประโยชน์​สามารถล่อเลี้ยงเพิ่มพลังของเขาได้

แต่คุณแม่ที่เขาพึ่งเคยมีครั้งแรกของเขากินเขาก็จะกิน

ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็ก้มหน้าก้มตาทานอย่างเดียว​ จนแก้มกลมป่องอย่างน่ารักสร้างรอยยิ้มเอ็นดูจากทั้งคุณนายมิโดริยะและออลไมท์

.

เมื่อกินข้าวเย็นกันเสร็จแล้ว​ อิงโกะลุกขึ้นนำจานไปล้าง​ ตอนนี้จึงเหลือแค่ออลไมท์ในร่างแห้งกับเด็กหนุ่มความจำเสื่อมจำเป็นของเขา

"พรุ่งนี้โรงเรียนปิด2วันนะหนุ่มน้อยมิโดริยะ" ออลไมท์กล่าวบอก

ศัพท์​ใหม่ที่เด็กหนุ่มพึ่งจะเคยได้ยินสร้างความงงงวยให้เขาอย่างมาก

"โรงเรียน?" เด็กหนุ่มเอียงคอถามอย่างสงสัย

"..." ออลไมท์ตบหน้าผากตัวเองดังเพี้ยะ​

เด็กหนุ่มมองมาที่เขาในสายตาประมาณว่า​

คุณตบหน้าตัวเองทำไม? 

ออลไมท์ถอนหายใจออกมาและเอ่ยถาม​ ถึงแม้เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาจะยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนเดิม​ ถึงจะเห็นว่ายังปกติดีแต่เจ้าตัวนั้นจำอะไรไม่ได้​ 

"หนุ่มน้อยมิโดริยะ​ เธอจำอะไรได้บ้างในตอนนี้" 

เด็กหนุ่มส่ายหัวตอบรับเสียงใส

"ไม่มีสักอย่าง" 

"รู้อะไรบ้างเกี่ยวกับการใช้ชีวิต" 

"ต้องกินอาหาร3ครั้งต่อ1วันแล้วก็ตามด้วยดื่มของเหลวสีใสๆทุกครั้งหลังอาหาร ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมก็เถอะ ครับ" 

"อย่างอื่นล่ะ​ มีอีกไหม"

เด็กหนุ่มทำท่าคิดสักครู่ก็ตอบออกมาอย่างสดใสเหมือนเดิม

"ต้องหลับตาตอนกลางคืนครับ"

ออลไมท์กุมขมับ

เด็กหนุ่มมองเขาด้วยความคาดหวัง​ เหมือนมีตัวหนังสือแปะไว้บนหน้าว่า​

ผมตอบได้​ ชมผมสิ​ ผมเก่งนะ​ รีบๆชมเร็วๆ

"อืม​ หนุ่มน้อยมิโดริยะ​ เก่งมาก" ออลไมท์ยิ้มอ่อน​ 

เด็กหนุ่มยิ้ม​กว้าง​ เหมือนมีเอฟเฟคต์​ดอกไม้สีขาวเบ่งบานสดใส

ออลไมท์ขยี้ตาแล้วมองอีกครั้ง​ เด็กหนุ่มมองเขาอย่างงุนงง

'ตาฝาดหรอ?'​ 

"งั้นหนุ่มน้อยมิโดริยะ​ พรุ่งนี้เราไปฝึกกัน​ ฉันจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนให้ฟัง"

'ฝึกหรอ? ผมชอบการฝึก!​ และร่างกายนี้ก็อ่อนแอมาก!'​

"ไปครับ!" เด็กหนุ่มตอบรับอย่างกระตือรือร้น​

.

.

เด็กหนุ่มยืนนิ่งค้างหลังจากเปิดประตูห้องที่แม่บอกว่าเป็นห้องของเขา

โปสเตอร์​และฟิค​เกอร์ของชายกล้ามโตฉีกยิ้มหน้าขนลุกเต็มผนังห้อง​ โต๊ะ​ ชั้นหนังสือและชั้นเก็บของ​ หรือแม้แต่เตียงผ้าห่มลายออลไมท์กับตุ๊กตา​ออลไมท์

ถึงเด็กหนุ่มจะคิดว่ามันหลอนแต่ด้วยความรู้สึกตกค้างของร่างกายเขากลับชอบมัน​ 

'บ้าอะไรเนี่ย!? จะว่าไป​ ความรู้สึกเดียวกันกับคนๆนั้นเลย ออลไมท์มี2ร่างหรอ? สุดยอด!'​

"จะว่าไป​ ต้องอาบน้ำสินะ.."

"ทำความสะอาด​ร่างกายที่มนุษย์​เรียกว่าอาบน้ำ...." 

"แต่แค่ทำความสะอาด​ ใช้เปลวไฟแห่งการชำละก็ได้แล้วนี่นา​ ไม่เห็นต้องยุ่งยากเลย!" สิ้นคำเปลวไฟสีขาวที่ออกฟ้านิดๆถูกจุดขึ้นบนปรายนิ้วเรียวและค่อยๆลามไปทั่วร่างกาย​ จนกระทั่งปกคลุม​ทั้งร่างเปลวไฟก็หมอดดับไป​ ปรากฏ​ร่างกายเปลือยเปล่า​สีขาวนวลจนเกือบซีดของเด็กหนุ่ม​ เนื่องเพราะ​ เสื้อผ้าถูกเผาไหม้หายไปแล้ว

"อืม..พลังถูกผนึกไปเยอะเลยแฮะ​ แต่ช่างมันเถอะ​ ข้าก็แค่รอเท่านั้น​ ยังไงซะข้าจะปลดผนึกเมื่อไหร่ก็ได้" 

ร่างกายเปลือยเปล่า​ที่ใครมาเห็นต่างต้องหลงใหล​ได้ขยับขึ้นไปซุกตัวใต้ผ้าห่มผืนหนา​ หลับตาลงเพื่อเป็นการพักผ่อนร่างกายอย่างที่เขาเคยอ่านเจอในหนังสือ

ㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡ

ตอนนี้จะเป็นตอนเบาๆ​ อ่านเพลินๆ

ให้ทุกคนพอรู้ว่าอิมเมจ​นิสัยน้องเป็นยังไง​ ความโบ๊ะบ้ะ​ น่ารักกับความอ่อนต่อโลกของน้องอะนะ​

ในอดีต​น้องรู้จักสิ่งที่เรียกว่ามนุษย์​แค่เพียงผิวเผิน​ผ่านตัวหนังสือเท่านั้น

และที่สำคัญ​

ไรท์ด้นสดค่ะ

III

ติ๊ด​ ติ๊ด​ ติ๊ด

จิ๊บ​ จิ๊บ

เสียงของนาฬิกา​ข้างหัวเตียงและเสียงนกร้องในยามเช้าปลุกคนบนเตียงให้ตื่นขึ้น

เปลือกตาบางขยับเปิดขึ้นเผยอัญมณี​สีมรกต​สะท้อนกับแสงแรกตะวันในยามเช้าที่ส่องผ่านหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้

เด็กหนุ่มขยับตัวลุกขึ้น​ แขนเรียวถูกยกขึ้นมาบดบังแสงส่องดวงตา

เด็กหนุ่ม​ลุกออกจากเตียงนุ่ม​ เผยร่างกายเปลือยเปล่า​สีขาวนวล​ ร่างผอมบางที่มีกล้ามเนื้อพอประมาณ​ ซิกแพ็ก​6ลูกตรงหน้าท้องเรียบๆพอมีให้เห็นอยู่บ้าง​ ร่างกายที่หากใครได้เห็นเข้าไม่ว่าจะเพศไหนต่างต้องหลงใหล

"...."

เด็กหนุ่ม​มองร่างกายเปลือย​เปล่าของตนที่สะท้อนอยู่ในกระจก​ มือเรียวยกขึ้นดีดนิ้ว

เป๊าะ

เปลวไฟสีขาวลุกลามทั้งตัวเด็กหนุ่มและค่อยๆเบาลงปรากฏ​ชุดเหมือนชุดฮั่นฝูบางๆสีดำเทา​ เหมือนกับที่เขามักสวมใส่อยู่เสมอในร่างจริง​ แถมยังเปลี่ยนสีได้ตามใจชอบด้วยนะ

ปลอกแขนแบบผ้าและมีอัญมณี​สีเหมือนกับจักรวาล​ติดอยู่ยังคงอยู่​บนข้อมือ เขายังไม่เคยเข้าสำรวจเลยว่าผู้คุมให้อะไรมาบ้าง

ใช่แล้ว​ อัญมณี​นั่นที่ด้านในคือมิติเก็บของขนาด1ห้องโถงของราช​วัง​เลยล่ะ

.

.

มิโดริยะอิงโกะมองลูกชายของเธอที่ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย​ ดูน่ารักขึ้นมาก​ ถึงจะสงสัยเกี่ยวกับชุดที่ลูกชายของเธอใส่ในวันนี้แต่เธอก็ไม่ได้ถามเซ้าซี้​อะไร​ มันก็ดูดีไปอีกแบบ​ เธอคิดว่าเธอจะลองใส่บ้างดีไหม

เด็กหนุ่มเดินไปเปิดประตูเตรียมที่จะเดินออกไป​ 

"ไปดีมาดีนะจ้ะ" เสียงนี้ทำให้เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปตอบรับอย่างสดใส

"อื้อ!" ร่างเด็กหนุ่มเดินออกไปก็เจอกับชายผอมแห้งยืนรออยู่หน้าบ้าน​ เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหา

"ออลไมท์!" เสียงเล็กใสดุจกระดิ่งก้องกังวานกล่าวเรียกเขาอย่างสดใส

ออลไมท์รู้สึกนุ่มฟูในใจลึกๆ

ออลไมท์มองเด็กหนุ่มที่ใส่ชุดเหมือนชุดจีนแบบโบราณ​สีดำเทาบางๆอย่างแปลกใจจึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

"วันนี้ต้องฝึกด้วยนะ​ ไม่ใส่ชุดที่มันคล่องตัวกว่านี้หรอ?" 

เด็กหนุ่มเอียงคออย่างสงสัยพร้อมกับคิดในใจ

'ไม่ว่าจะยามต่อสู้หรืออะไรข้าก็ใส่ชุดแบบนี้ตลอดนะ...อ่า..จริงด้วย​ นี่มันร่างมนุษย์​นี่นา'​

เด็กหนุ่มส่ายหัวตอบกลับไป

"ไม่เป็นไรครับ​ ชุดนี้น่ะเบาตัวมาก"

"เอาเถอะ" ออลไมท์ก็ไม่ติดใจอะไรต่อ​ หันหลังเดินนำเด็กหนุ่มไป

เด็กหนุ่มก็ก้าวเดินตามอย่างไม่อิดออด

ศาลาริมชายหาดแห่งหนึ่ง

ออลไมท์เดินนำเด็กหนุ่มไปยังศาลานั้น​ ลมทะเลเย็นสบายพลอยให้บรรยากาศ​ดีมาก

ออลไมท์ได้เริ่มอธิบายพลังอัตลักษณ์​ของเขาที่ได้มอบให้กับเด็กหนุ่มเป็นอย่างแรก

วันฟอร์ออล เป็นอัตลักษณ์ ที่มีความสามารถในการส่งต่อพลังไปให้ใครก็ได้ตามที่ผู้ครอบครองคนปัจจุบันต้องการ

ชื่อของมันมีความหมายอย่างตรง ๆ ว่า "หนึ่งเดียว เพื่อทุกคน" (1 อัตลักษณ์ เพื่อทุกคน) และเพื่อที่จะทำการส่งต่อพลัง จึงจำเป็นต้องใช้ DNA หรืออะไรก็ตามที่สามารถเชื่อมต่อกันได้ ในกรณีของออลไมท์ เขาให้เส้นผมกับมิโดริยะ ในการกินเส้นผมนั้นเพื่อรับพลัง

"อัตลักษณ์? One For All?" 

"อ่า..จริงด้วย​ งั้นฉันจะเล่าเรื่องพื้นฐานที่รู้ๆกันดีในปัจจุบั​นของสังคมในตอนนี้" 

ย้อนกลับไปถึงจุดเริ่มต้นแห่งความผิดปกติเมื่อพบว่าทารกที่พึ่งคลอดออกมาเรืองแสงได้​ หลังจากนั้นก็เกิดสิ่งเหนือธรรมชาติ​ที่คล้ายคลึง​กันขึ้นทั่วทุกมุมโลกจนกลายเป็นเรื่องธรรมดา​ สิ่งเหล่านี้ถูกใช้เป็นพลังที่มีลักษณะ​เฉพาะ​ตัวที่เรียกว่าอัตลักษณ์​ ซึ่งในตอนนี้บนโลกใบนี้เต็มไปด้วยฮีโร่และอาชญากรที่ใช้อัตลักษณ์​เรียกว่าวิลเลิน

ปัจจุบัน​ที่ประชากร​80%นั้นมีอัตลักษณ์​ 20%นั้นเป็นคนธรรมดาหรือไร้อัตลักษณ์​ โดยเขานั้นไม่ได้บอกว่าแต่เดิมตัวเด็กหนุ่มมิโดริยะนั้นคือ20%ที่ไร้อัตลักษณ์​ บอกเพียงแค่ตัวเด็กหนุ่มนั้นเป็นผู้สืบทอดพลังอัตลักษณ์​ของเขา​ สัญลักษณ์​แห่งสันติภาพ​คนต่อไป

[มิโดริยะ​ อิซึคุ​/จักรพรรดิ​เพลิงขาว Part]​

ตัวร่างจุติของข้าที่มีชื่อว่ามิโดริยะ​ อิซึคุนั้นได้รับสืบทอดพลังอัตลักษณ์​ของเขา

เพราะงั้นสิ่งที่ข้าสัมผัสได้ถึงพลังแปลกๆอีกสายในร่างกายได้นั้นก็คืออัตลักษณ์​ที่ได้รับสืบทอดมานั้นเอง

ข้าที่ได้ฟังเกี่ยวกับอัตลักษณ์​นี้ก็คิดว่ามันช่างเหมือนพลังของพวกผู้ฝึกยุทธ​เลย​ พวกผู้ฝึกยุทธ​ที่เน้นการต่อสู้และความแข็งแกร่งของร่างกายแตกต่างกับเซียนหรือเผ่าเทพลิบลับ

ดีที่ตอนนั้นข้าตัดสินใจเก็บเอาไว้ก่อนจึงยังไม่ได้ชำละมันออกไป

ออลไมท์ยังบอกอีกว่าตัวข้านั้นยังฝึกใช้พลังได้ไม่เต็มที่​ ทำให้แขนขาหักตลอดเลย​ ให้ตายสิ​ เจ้าเด็กนี่​ ควบคุมพลังของตัวเองก็ไม่ได้หรือไง​ เกิดมาพึ่งเคยพบเคยเจอ

จากที่ฟังมาข้าคิดว่ามันก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนี่นา​ แม้พลังนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนแม้จะมีร่างกายที่อ่อนแอก็ตาม​ หากทำความเข้าใจได้มากพอ​ น่าจะง่ายกว่าแกะปริศนาหรือทำความเจ้าใจใน​ศาสตร์​แห่งค่ายกลหรือศาสตร์​แห่งอักขระ​เสียอีก

ตอนนี้ข้ากำลังฟังเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนกับออลไมท์​ จากที่ข้าฟังมามันคล้ายกับนิกายของพวกเซียนอสูร​เลย มีอาจารย์​คอยสั่งสอนศิษย์​หรือที่เรียกว่านักเรียน​ วิชาต่างๆที่พวกมนุษย์​คิดค้นขึ้นมาได้นั้นก็เหมือนการสอนศาสตร์​ต่างๆในนิกายเลย​ โรงเรียนที่ตัวข้าอยู่นั้นคือโรงเรียนUA เปรียบเป็นโรงเรียนฝึกฮีโร่อันดับ1เลย​ หรือก็คือคล้ายกับนิกายใหญ่ๆนิกายระดับศักดิ์สิทธิ์​ แถมเขายังบอกอีกด้วยว่าเขาเป็นอาจารย์ของUAเช่นกัน

เขาบอกว่าข้านั้นเป็นนักเรียนปี1ห้องA​ หรือถ้าเปรียบก็คือรุ่นน้องในระดับอัจฉริยะ​นั่นเอง

ตอนนี้ออลไมท์กำลังฝึกอัตลักษณ์​ให้กับข้า ให้ตายสิ​ ท่านจะรีบไปไหนกัน​ ให้ข้าได้ทำความเข้าใจมันก่อนสิ! พลังที่แค่รู้ว่ามันเป็นยังไงแต่ไม่มีความเข้าใจหลักการของมันจะไปใช้ให้มีประสิทธิภาพ​ได้อย่างไร! ข้าไม่แปลกใจเลยหากเจ้าร่างคนก่อนมันจะบาดเจ็บขนาดนั้น! 

เฮ้อ​ เอาเถอะ​ เพราะข้าน่ะ​ อัจฉริยะ​อยู่แล้ว​ ว่าแต่​ จะใช้ออกมายังไงนะ? 

ออลไมท์ใช้โดยการปล่อยหมัดกับที่เท้าสินะ? ไม่สิ​ มันจะใช้ออกมายังไงก็ได้ทั้งนั้นนี่​ งั้นข้าลองเบาๆก่อนแล้วกัน

ตอนนี้ตัวข้าก็ได้มายืนอยู่บนชายหาดโดยตรงหน้าข้ามองเห็นเส้นขอบฟ้า​ ให้ตายสิ​ แสงจากไอ้ดาวกลมๆข้างบนนั่นมันสว่างเกินไปแล้ว! รู้สึกผิวข้ามันร้อนขึ้น

แต่ช่างมันเถอะ​ ว่าแล้วข้าก็ทำการยกมือขึ้นมาตั้งฉากตรงหน้าข้า​ เค้นพลังนั้นออกมาและดีดนิ้วออกไป

แรงดันลมขนาดใหญ่ถูกปล่อยออกไปทำให้น้ำทะเลตรงหน้าข้ามันแหวกออกจากกันอย่างกับรอยงูแหน่ะ

รู้สึกเหมือนข้าได้ใช้พลังธาตุลมเลย

อา...นิ้วข้ารู้สึกชาเลย

เพราะไม่มีเวลาทำความเข้าใจให้มากกว่านี้ออลไมท์ก็ให้ข้ามาลองใช้ดูซะแล้ว

[มิโดริยะ​ อิซึคุ​/จักรพรรดิ​เพลิงขาว Part end]​

[ออลไมท์​ Part] 

ฉันเล่าเรื่องทั่วๆไปของโลกนี้ในปัจจุบั​นให้กับหนุ่มน้อยฟัง

หนุ่มน้อยนั้นก็ตั้งใจฟังฉันอย่างดี​ น่ารักจริงๆ

พอฉันเล่าเกี่ยวกับโรงเรียน​ เด็กน้อยดูเหมือนจะมีความคิดมากมายในหัวเล็กๆนั้นเต็มไปหมด​ เด็กน้อยดูเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่ฉันพูดให้ฟังนะ

พอฉันจะให้เด็กน้อยฝึกอัตลักษณ์​ เด็กน้อยดูเหมือนไม่พอใจบางอย่าง​ ทำไมล่ะ? มองฉันเหมือนโกรธ​จัดแล้วก็ถอนหายใจ​ สรุปแล้วเด็กน้อยเป็นอะไร? 

เด็กน้อยไม่พูดอะไรแล้วเดินลงจากศาลา​ ฉันคิดไปเองหรือเปล่า? เด็กน้อยเหมือนจะเกลียด​ดวงอาทิตย์​ ทำไมล่ะ? หรือว่าแดดมันร้อน? 

เด็กน้อยยกแขนขึ้นตั้งฉากแล้วก็ดีดนิ้วออกไป​ พลังที่ปล่อยออกมาก็นับได้ว่าประมาณ​50%เลยทีเดียว​ ตัวฉันนี่แทบปลิวทั้งที่ยืนอยู่ข้างหลัง​ พอมองไปที่เด็กน้อยว่าบาดเจ็บไหม​ ฉันจะได้พาไปรักษาเลย​ แต่ปรากฏ​ว่า​ เด็กน้อยไม่เป็นไรเลย นิ้ว​ มือ​ แขน​ ยังปกติดีทุกอย่าง​ เป็นไปได้ยังไง? ควบคุมพลังได้แล้วหรอ? เมื่อวานที่มีวิลเลินบุกยังแขนขาหักหมดสภาพอยู่เลย

หรือว่าเมื่อวานที่เด็กน้อยเปลี่ยนไปอย่างกับคนละคน​ ที่ทั้งตัวเป็นสีขาวน่ะและยังจำอะไรไม่ได้เพราะปลุกพลังอัตลักษณ์​ของตัวเองได้หรือเปล่า? อืม​ เป็นไปได้สูงมากเลย

เอาเถอะ​ ไม่ว่าจะเป็นยังไง​ เด็กน้อยก็ใช้พลังถึง50%โดยไม่บาดเจ็บได้แล้ว​ล่ะนะ​ แบบนี้มันต้องฉลอง! 

[ออลไมท์​ Part​ end] 

"หนุ่มน้อยมิโดริยะ​ เป็นยังไงบ้าง?" 

"นิ้วมันชาๆน่ะครับ" 

ออลไมท์พยักหน้า​อย่างเข้าใจ

"จริงสิ​ เธอจำอะไรไม่ได้เลยแบบนี้ไปโรงเรียนจะลำบากหรือเปล่า​ เวลาก็น้อยด้วยสิ​ คงต้องให้เธออาศัยอ่านหนังสือไปก่อนละนะ" 

"...ครับ"

"นี่ก็เที่ยงแล้ว​ หนุ่มน้อยมิโดริยะ​ เราไปกินข้าวกันเถอะ​ ฉันเลี้ยงเอง" 

เด็กหนุ่มเอียงคอสงสัยนิดหน่อยแต่ก็พยักหน้าตอบกลับไป

.

.

ออลไมท์ได้พาเด็กหนุ่มไปกินข้าวที่ร้านอาหารหรือภัตตาคาร​แห่งหนึ่ง​ สไตล์​ร้านเป็นแบบผสมญี่ปุ่นดั้งเดิม​ มีสวนไผ่เขียวกับน้ำตกหิน​ 

'โห​ โลกมนุษย์​เนี่ย​ มีอะไรให้ข้าแปลกใจไปเสียหมดเลยนะ​ ถึงจะไม่งดงามเท่าวังของข้าก็เถอะ'​

ออลไมท์ได้สั่งไคเซกิที่เป็นอาหารคอร์ส​ให้กับทั้งตัวเองและเด็กหนุ่ม

หลังทานข้าวออลไมท์ได้พาเด็กหนุ่มไปซื้อหนังสือในห้างที่อยู่ในตัวเมือง​ ซื้อเยอะชนิดที่เกือบเหมาทุกเล่มในร้าน​ หนังสือวิชาการ​ หนังสือวรรณกรรม​ หนังสือประวัติศาสตร์​ และอื่นๆอีกมากมายที่สำหรับประกอบการเรียนอย่างเร่งด่วน

เพราะชุดฮั่นฝูสีดำเทาของเด็กหนุ่มนั้นจึงทำให้ตกเป็นเป้าสายตาอย่างเลี่ยงไม่ได้​ ชุดคลุมแบบบางๆสีดำที่ตัดกันกับผิวสีขาวนวล​ ทั้งใบหน้าเด็กหนุ่มนั้นจัดว่าทั้งหล่อเหลาและสวยเข้ากันได้อย่างลงตัว​ ผมสีเขียวเข้มคลอเคลีย​กับใบหน้าขาวและต้นคอ​ กระ4จุดบนใบหน้านั้นช่างดึงดูด​ 

บางคนถึงกับล้วงหยิบโทรศัพท์​ขึ้นมาแอบถ่ายหรือถ่ายรูปกันโต้งๆก็มี

ออลไมท์ด้วยความที่เขาเป็นฮีโร่อันดับ1 ออกสื่อก็ออกจะบ่อยจึงไม่ใคร่สนใจเรื่องแบบนี้แต่ตอนนี้ผู้ตกเป็นเป้าสนใจนั้นหาใช่เขาแต่เป็นตัวผู้สืบทอดของเขา! แบบนี้จะถูกชิงตัวไปเป็นดาราก่อนเป็นฮีโร่ไหมเนี่ย!? 

ㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡㅡ

ตอนนี้ก็ให้น้องได้ทำความเข้าใจกับโลกนี้คล่าวๆเพราะต้องอยู่ไปอีกนาน

อีกทั้งพลังOne For Allด้วย

ส่วนอีพระเอก2ตัวนั้นก็รอบทไปยาวๆนะจ้ะ

ส่วนที่เราคิดว่ามันต้องมีคนอ่านงงกับถามเข้ามาแน่

เราจะอธิบายตรงนี้

เวลาน้องคิดในใจหรือพูดกับตัวเองมันจะออกโบราณ​ๆไปนิดหน่อยอย่าง​ "ข้า" "ท่าน" อะไรแบบนี้​ ก็เป็นเทพนิ

ส่วนที่สามารถพูดแบบปกติออกมาได้อย่างเป็นธรรม​ชาตินั้นคือความคุ้นเคยของร่างกาย​ ร่างที่น้องมาสถิตนั่นเอง

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!