นิยาย
รุ่นพี่ที่เลิฟ
ผู้เขียน : มูมิน
ตอนที่1 : Home
สวัสดีครับทุกๆคน
เราชื่อมีน นะ อายุ 16 ปี เกิดราศีมีน เราเป็นคนรูปร่างเล็ก ผิวขาว ผอมบาง สูง 168 เซนติเมตร
นิสัยเราก็เป็นคนสนุกสนาน เป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ เอาแต่ใจตัวเองหรือเปล่าก็มีบ้างนะ เราเป็นคนไม่ชอบเล่นเกมส์ และไม่ชอบเล่นกีฬาใด ๆ เลยเพราะมันดูยากมาก ๆ สำหรับเรา โดยเฉพาะการเล่นกีฬาบาสเก็ตบอลเราไม่ชอบที่สุดไว้เราจะเล่าให้ฟังว่าทำไมเราถึงไม่ชอบกีฬาชนิดนี้ ที่สำคัญเราเป็นคนขี้ลืม และซุ่มซ่ามมาก ๆ เดี๋ยวเพื่อนๆก็จะได้เห็นวีรกรรมของเราแน่นอน
ครอบครัวเรามีกัน 5 คน และน้องหมาอีก 1 ตัว
มีคุณพ่อ คุณย่า และพี่สาว 2คน พี่โม และพี่เมย์ น้องหมาชื่อพี่มีตังค์อายุ 8 ปีแล้ว
ทุกคนต้องคิดแน่ๆ แม่เราไปไหน แม่เราเสียไปเมื่อ 3 ปีที่แล้วด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์
ครอบครัวเราเป็นครอบครัวฐานะปานกลางไม่ถึงกับรวยหรือจน ก็อยู่กันแบบไม่เดือดร้อน บ้านที่อยู่เป็นสมบัติของคุณย่ายกให้คุณพ่อเป็นของขวัญในวันแต่งงาน ทุกคนก็ทำหน้าที่ของตัวเองครับมีหน้าที่ต้องทำ แต่เราโชคดีหน่อยเราเป็นลูกคนเล็กคุณย่าตามใจแทบไม่ต้องทำอะไรเลย ส่วนกับพี่เมย์พี่สาวคนรองเราไม่ค่อยลงรอยกับพี่เมย์เท่าไหร่เพราะอายุห่างกันแค่ 2 ปีจะทะเลาะกันบ่อย แย่งของกัน แย่งทีวีดู สารพัดครับ นางชอบกัด แต่บางทีเราก็ไม่ยอมนะสู้นางอยู่ สำหรับพี่สาวคนโตพี่โมเรียนมหาลัยปี4 แล้วครับพี่โมเป็นความหวังของที่บ้านเป็นลูกรักของคุณพ่อ พี่โมทำทุกอย่างในบ้านแทนคุณแม่ เหมือนแม่อีกคนของเราเลย มาถึงคุณย่าวันๆ ก็จะทะเลาะกับพี่มีตังค์และชอบทำขนมไทยโดยเฉพาะขนมชั้นและบัวลอยคุณย่าเราทำอร่อยที่สุดในโลก และสุดท้ายคุณพ่อ พ่อเราทำงานธนาคารครับเป็นคนเจ้าระเบียบ เมื่อไหร่ที่มีคำสั่งลงมาทุกคนต้องทำตามไม่งั้นโดนตัดทุกอย่าง ดุหรือเปล่า ไว้อ่านไปเรื่อยๆ ก็จะรู้เองว่าพ่อเราดุแค่ไหน และที่ขาดไม่ได้คุณแม่เราทุกวันพระเราจะใส่บาตรให้ท่านทุกครั้ง ส่วนพี่มีตังค์หมาไทยหลังอานสีน้ำตาลทะเล้นๆน่ารักเวลาเรามีปัญหาพี่มีตังค์จะอยู่กับเราตลอด นี่แหละครับครอบครัวของเราเอง จะมีเรื่องป่วนๆ สนุกสนาน บ้าๆบอๆ ทุกข์สุขปนกันไป เราจะมาเล่าให้ฟังนะ แต่วันนี้เรารีบหละ ขอตัวต้องไปโรงเรียนก่อนนะครับ โรงเรียนใหม่ เพื่อนใหม่ และอะไรใหม่ๆ กำลังรอเราอยู่ครับ ที่แน่ ๆ มีพี่เมย์และพ่อรออยู่ข้างล่าง
วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกครับ กับชีวิตมอปลายวันแรกของเรา
“มีน แกเสร็จหรือยังพ่อจะไปส่งที่โรงเรียนแล้วนะ จะ7โมงแล้ว” เสียงแผดๆของพี่เมย์ทะลุมาจากชั้นล่าง
“มีนรีบลงมาลูกย่าจัดกับข้าวไว้ให้หละพี่โมทำไว้ให้” เสียงย่าแทรกพี่เมย์มา
“ใกล้เสดแล้วอีก 5นาที เดี๋ยวลงไปคับย่า ” เราแอบตื่นเต้นนะกับชั้นเรียนใหม่ วันนี้แต่งชุดนักเรียนใหม่ ปักชื่อโรงเรียนใหม่ ไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ แต่ก็ภูมิใจ แอบคิดจะเจออะไรบ้างนะ ตื่นเต้นๆ
10 นาทีผ่านไป
ทุกคนพร้อมที่โต๊ะทานข้าว และเมนูโปรดของเรา หมูทอดน้ำปลา โอ้โหพี่โมกับย่าน่ารักที่สุด
“ช้าทุกงานแกอ่ะไอ้มีน กว่าจะเสด็จลงมาได้ ” พี่เมย์ผู้ขี้บ่นทุกสถานะการณ์
“บ่นทำไมเนี้ย วันนี้เปิดเทอมวันแรก อย่าทำเสียอารมณ์” เราชอบเล่นหูเล่นตาใส่นาง
“รีบกินกันเด็ก ๆ เดี๋ยวพ่อแกจะสายไปอีก” คุณย่าตัดบท
“ถ้ากินเรียบร้อยแล้วก็ไปกันได้หละ พ่อรีบ เดี๋ยวรถติดอีกจะช้ากันพอดี มีน เมย์ ไม่ลืมอะไรแล้วนะลูก เช็คอะไรให้เรียบร้อย “ เสียงทุ้มๆ เหมือนจะดุของพ่อย้ำเราแบบนี้มาตลอด
“แกอ่ะมีนเช็คดีๆ ชอบลืมโน่นลืมนี่ตลอดทำคนอื่นเสียเวลา” พี่เมย์ก็ยังบ่นต่อไป
“เรียบร้อยครับพ่อ เอ่อแล้วพี่โมออกไปยังครับพ่อ” เราชะเง้อมองหาพี่โมระหว่างเดินไปที่รถ
“พี่โมออกไปตั้งแต่แกยังไม่ตื่นแล้ว ตื่นมาทอดหมูให้แกไงแล้วไปเรียนมัวรอแกก็สายพอดี “ มีเสียงพี่เมย์แทรกเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ยุ่ง” เราแอบแลบลิ้นใส่พี่เมย์
แล้วเดินไปหาพี่มีตังค์ ซึ่งรอส่งพวกเราอยู่หน้าบ้านแล้ว
“พี่มีตังค์มีนไปโรงเรียนก่อนนะเจอกันตอนเย็น” เราลูบหัวพี่มีตังค์อย่างที่ทำมาตลอด
ทุกคนสวัสดีคุณย่าแล้วขึ้นรถพร้อมเผชิญรถติดในวันเปิดเทอมวันแรกของมีน และ พี่เมย์ และวันจันทร์วันทำงานของคุณพ่อ
“มีน เมย์ เช็คของตัวเองอีกรอบนะลูกว่าไม่ลืมอะไรแล้ว” พ่อย้ำอีกครั้ง
“ครบครับไม่ลืม วันนี้มีนพร้อมมากกับวันเปิดเทอม เตรียมตัวมาหลายวันแล้ว สบายมาก” น้ำเสียงเราพร้อมมาก
“จ๊ะ” เสียงแบบประชดมาก ๆ จากพี่เมย์เราสัมผัสได้
“เอ่อพ่อคะตอนเย็นไม่ต้องแวะมารับหนูกับน้องนะค่ะ เดี๋ยวหนูนั่งรถเมล์กลับพร้อมน้องได้ค่ะ เผื่อพ่อเลิกงานเย็น” พี่เมย์พูดเสร็จเอื่อมมือไปเปิดเพลงเกาหลีวงโปรดของนาง อันนี้ให้อภัยเราก็ชอบเหมือนกัน
“โอเคร” พ่อพยักหน้าแล้วกำลังขับรถออกจากบ้าน
“มีนลูก” เสียงย่าเรียกเสียงดังมาก พ่อหยุดรถทันที
พ่อเปิดกระจกรถ “มีอะไรแม่เรียกซะตกใจกันหมด”
“นั่นดิย่าทำหนูตกใจเลย” พี่เมย์สมทบอีกเสียง
ส่วนเราก็แค่งงไม่มีไรเกิดขึ้น หันไปมองหน้าย่า แล้วตะโกนขึ้นมาทันใด “เฮ้ย มีนลืมโทรศัพท์” ในมือย่าถือโทรศัพท์เราอยู่ ทั้งพ่อและพี่เมย์มองหน้าเราพร้อมกัน ย่ายื่นโทรศัพท์มาให้พ่อแล้วย่าก็ยิ้มให้เราพร้อมโบกมือให้
“ไหนแกบอกพร้อมไงไอ้มีน จะสายก็เพราะแกนี่แหละ ถ้าฉันไปสายไม่ทันเข้าแถววันแรกนะแกโดนแน่” พี่เมย์ได้ทีใส่เราเต็ม
“ก็คิดว่าใส่ในกระเป๋ามาแล้ว เอ่อขอโทษ พ่อออกรถเหอะครับเดี๋ยวจะสาย” เราก็อ่อนๆลง เพราะรู้ตัวเองผิด
“ไม่ลืมอะไรแล้วแน่นะ จะได้ไปสักที” พ่อย้ำ
“ครับพ่อ ไม่มีหละ”
วันแรกไปโรงเรียนเราก็เจอซะหละ อันนี้แค่เล็กน้อยที่จะเจอ สิว ๆ มาก ครับ
แล้วพ่อก็ขับรถออกจากบ้านไปส่งเรากับพี่เมย์ที่โรงเรียนได้สักที
จากบ้านเรามาโรงเรียน ถ้ารถไม่ติดก็ใช้เวลา 15 นาทีก็ถึงโรงเรียนใหม่แล้ว และใกล้กว่าโรงเรียนเดิมของเราซึ่งก่อนหน้าคุณพ่อต้องออกบ้านเช้ากว่านี้เพราะต้องส่งเราและส่งพี่เมย์อีกตอนนี้เราย้ายมาที่เดียวกันกะพี่เมย์แล้วก็จะสบายคุณพ่อด้วย แต่ในความเป็นจริงตอนนี้ปากซอยบ้านออกมาก็ติดแหงกแล้วเพราะกำลังทำรถไฟฟ้าอยู่ กว่าจะถึงโรงเรียนก็ใช้เวลา 45 นาที วันนี้เปิดเทอมวันแรกยิ่งติดหนักเข้าไปอีก
“เมย์เบาเพลงหน่อยลูก” น้ำเสียงพ่อแบบนี้ควรลดเสียงโดยด่วน
“พี่เมย์เบาเพลงนิดนึง” เราเอื่อมมือไปสะกิดพี่เมย์จากเบาะหน้ารถ ที่นั่งประจำของนางที่ใครก็ไม่ได้นั่งยกเว้นเวลาคุณย่าไปด้วย
ระหว่างรถติดพี่สาวจอมเหวี่ยงก็หลับ ส่วนเราก็นั่งเบาะหลังดูโน่นนี่ในโทรศัพท์ไป ส่วนรถพ่อก็ค่อยขยับไปตามจำนวนรถที่เยอะและผู้คนมากมาย ทั้งรถยนต์ มอเตอร์ไซด์ รถเมล์
ทันใดนั้นระหว่างที่รถค่อยๆ ขยับไปตามทาง ทุกคนจดจ่อในอารมณ์ของตัวเอง มีมอไซด์คันนึง ล้มลงตรงหน้ารถเรา พ่อก็เบรกอย่างจัง ทุกคนสะดุ้ง พี่เมย์ตื่นทันที
“ชนมั๊ยครับพ่อ” เรารีบถามด้วยความตกใจ
“ไม่ชนนะเขาล้มเองน่าจะเหยียบเบรกแล้วลื่น” พ่อพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มปกติมาก ๆ ไม่ตกใจเลย แล้วเดินลงไปช่วยพยุงคนกับรถคนนั้นขึ้นมา พ่อคุยกับคนนั้นไม่ถึงนาทีแล้วมอไซด์คันนั้นก็ขับต่อไปได้ตามปกติ
“โอ้ยอะไรเนี้ย จะสายไปกันไปอีกแน่ ๆ เลย ไม่เห็นหน้านะเป็นใคร มีนฉันว่ามันเหมือนเรียนโรงเรียนเดียวกับเราแน่เลย” เสียงพี่เมย์โมโห แผดเสียงดังในรถ
“ไม่รู้อ่ะมีนไม่ทันสังเกต แต่คิดว่าน่าจะใช่โรงเรียนเดียวกับเรานะ” เราสมทบไป
พ่อเดินเข้ามาในรถ “ไปกันเด็กๆ ไม่มีไรหละ สายกันพอดีวันนี้”
“คับพ่อ ไม่เป็นไรก็ดีแล้วครับ” เราก็โล่งหละ
“หนูว่านะคนนี้เรียนโรงเรียนเดียวกะพวกเราแน่ ๆ คะพ่อ” พี่เมย์ยังคงยืนยัน
“พ่อไม่ทันสังเกต แต่น่าจะรุ่น ๆ พวกลูก ๆ นะแหละ เอ่อเค้าทำจี้ร่วงไว้ด้วย น่าจะติดมากับสร้อย คงคว้าเอาแต่สร้อยไป น่าจะรีบไม่ทันสังเกตว่าจี้หาย “ พ่อโชว์จี้รูปนกกางปีกให้ เรา กับพี่เมย์ดู แล้วก็วางไว้ตรงหน้าไมล์รถไว้
“ช่างเหอะพ่อ ตอนนี้เราจะไปทันมั๊ยเข้าแถวโรงเรียนมั๊ย ไอ้มีนคนแรกหละ มาเจอคนนี้อีก” พี่เมย์หันมามองเรา
“อะไรว่ะโทษมันอยู่ได้ โทษมอไซด์คันนั้นดิ ทำเสียเวลา” เราเริ่มออกอาการโมโห
นึกอยู่ในใจ อย่าให้เจออีกนะมอไซด์คันนี้จะด่าให้ ทำเราโดนด่าซ้ำสองไปอีก
“พอ ๆ พ่อว่าทันอีกนิดเดียวก็ถึงแล้ว” พ่อพยายามสงบศึก
“อีก10 นาทีค่ะพ่อ หรือให้พวกหนูลงตรงนี้แล้วเดินไปดีกว่าคะ พ่อจะได้กลับรถแล้วไปทำงานเลย เดี๋ยวเมย์กับน้องลงเดินดีกว่าค่ะ” พี่เมย์ยืนยันจะลงเดิน
“ได้พี่เมย์แค่อีก2ป้ายรถเมล์เอง สบายมาก” เราสนับสนุน
แล้วเราสองคนก็ค่อย ๆ เปิดประตูรถออกมา สวัสดีพ่อ แล้วเดินไปโรงเรียนกับพี่เมย์
“ ไอ้มีนแกเร็วๆ เลย อย่าอ้อยอิ่ง” พี่เมย์กำชับ
“เอ่อรู้แล้วก็รีบเนี้ย” เราเริ่มอารมณ์ไม่ดี
เป็นเพราะคนขี่มอไซด์คันนั้นแหละทำเราเวลาต้องมาเดินดุ่ม ๆ แบบนี้เนี้ย เมืองไทยอากาศตอนเช้าก็ร้อนเอาการ ชุดนักเรียน ทรงผม ที่เซทมาไปหมด หมดกัน
ทันใดนั้น
“เฮ้ย พี่เมย์” เราตะโกนเรียกพี่เมย์
“อะไรของแกมีน อะไรอีก กูรีบ” พี่เมย์ก้าวขาอย่างรวดเร็วพร้อมหันมาตะคอกใส่เรา
“เออออออออออออ” จะพูดดีมั๊ยนึกในใจ
“อะไรของเมิงมีน กูรีบ จะพูดไรก็พูดมา” พี่เมย์เริ่มใส่อารมณ์
“มีนลืมโทรศัพท์ไว้ในรถพ่อ” ส่งสายตาแบ๊วๆ ใส่พี่เมย์
“อีมีนเมิงนี่นะ กูหละเชื่อเมิงเลย พ่อไปโน่นแล้วไม่ต้องใช้โทรศัพท์แล้ววันนี้อ่ะ สมน้ำหน้า ลืมอยู่ได้” แล้วพี่เมย์ก็ดุ่ม ๆ นำหน้าหายไปอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ ไม่ใช้ก็ได้ว่ะ” โมโหตัวเอง โมโหคนขี่มอไซด์ ที่นี่จะติดต่อนุ่น กะ พอร์ช ยังไง เอาว่ะไปถึงห้องหละกันค่อยว่า แต่ตอนนี้จะสายหรือเปล่า ว่าแล้วก็วิ่ง ๆ ตามหลังพี่เมย์ไป
ในที่สุดก็มาถึงหน้าโรงเรียนจนได้ เหงื่อแตก สภาพไม่ต่างอะไรจากอาบน้ำใหม่ กลิ่นเค็มของเหงื่อ เราสัมผัสมันได้เลย มองหาพี่เมย์ก็ไม่เจอแล้ว สงสัยว่าจะผ่านด่านอาจารย์ปกครองหน้าโรงเรียนไปแล้ว พี่เมย์นะพี่เมย์ ทิ้งน้องจนได้ โทรศัพท์ก็ไม่มี เอาว่ะทำใจให้อารมณ์ดี วันนี้วันแรก วันเปิดเทอม ทุกอย่างต้องดี
อยู่ ๆ มีมือมาแตะที่ไหล่ ทำเราสะดุ้งเฮือก
“ว่าไงมีน ไปทำไรมาวะ สภาพเมิงเปียกเป็นลูกหมาขนาดนี้ ” เพื่อนพอร์ชนั่นเองเพิ่งมาเหมือนกัน
“ไอ้พอรช์ กูตกใจหมดเลย เพิ่งมาเหมือนกันเหรอวะ” เราแอบดีใจมีเพื่อนหละ
“เอ่อดิเพิ่งนั่งพี่วินมาถึงก็เห็นแกเนี้ย” พอร์ชพูดไปหัวเราะไป
“ทำไมกูไม่นั่งวินมาเหมือนเมิงว่ะ กูจะเดินมาทำไมวะเนี้ย” เราเพิ่งนึกได้ อดโมโหตัวเองไม่ได้อีก
“ก็เมิงมันโง่ไง ไอ้มีน” พอร์ชจับเสื้อเปียกๆของเราแล้วมองบน
“เอ่อ ๆ ช่างมัน ตอนนี้เข้าแถวก่อน แล้วนุ่นมันถึงยังว่ะ กูลืมโทรศัพท์ไว้ในรถพ่อว่ะ” เราอธิบายให้เพื่อนฟัง
“นุ่นถึงแล้วกำลังจะไปเข้าแถวเปิดเทอมวันแรก เมิงนี่ตลอดเลยเน้อไอ้มีนเรื่องขี้ลืมเนี้ย” พอร์ชดูท่าทางแบบรู้นิสัยเราดี
“อย่าซ้ำเติมเพื่อนโอเครมั๊ย” เราย้ำ
เราวางกระเป๋านักเรียนแล้วไหว้อาจารย์หน้าโรงเรียน “สวัสดีครับอาจารย์”
“ชื่ออะไรเราอ่ะ” อาจารย์ถามด้วยเสียงดุมาก หน้าก็ดุด้วย
“ ชื่อ พัฒนพงษ์ ตันประเสริฐ ครับ ชื่อเล่น มีน ครับ อยู่ชั้น ม.4/2 ครับ” เสียงเราอ่อยๆ แอบกลัวอาจารย์
“มาวันแรกก็สายเลยนะนายพัฒนพงษ์ สายไป 5 นาที แล้วไปทำอะไรมาสภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำขนาดนี้รีบไปยืนรวมกับเพื่อนๆ คนอื่น ที่สายรอให้เพื่อน ๆ เข้าแถวหน้าเสาธงเสร็จค่อยเข้าไป” อาจารย์ฟันธงมาและชี้ให้เราไปยืนรวมกลุ่มกับคนที่มาสาย ยังดีนะที่มีไอ้พอร์ช อยู่เป็นเพื่อนด้วยอีกคน วันนี้วันเปิดเทอมต้องมาเจออะไรแบบนี้ ไม่เป็นอย่างที่คิดเลย
“พอร์ชเมิงนั่งข้างกูป่าวว่ะ” เราหาเรื่องมาคุยระหว่างรอขึ้นห้อง
“เอ่อดิ ไม่รู้ว่ะนุ่นนั่งกะใครยังไม่ได้ถามเลยว่ะ แต่นุ่นนั่งแถวหลังเรา” พอร์ชเสริม
“ดีหละใกล้ๆ กัน ไม่รู้ว่าที่นี่จะเป็นไง คิดว่าน่าจะโอเคนะว่ามั๊ย” เราออกความเห็น
“ดีซิเมิง พี่เมิงก็เรียนที่นี่ ถ้าไม่ดีพี่เมิงจะเรียนเหรอวะ พี่เมิงนี่สุดยอดความเรื่องเยอะแล้ว”พอร์ชพูดถึงพี่เมย์แล้วมองบนแบบรู้นิสัยพี่เมย์
“กูจะฟ้องพี่กูเย็นนี้” เราสมทบ
“อย่านะเมิงพี่เมิงอิทธิฤทธิ์เยอะกูกลัว” พอร์ชพูดแล้วหัวเราะเสียงดังขึ้นมา จนอาจารย์และเพื่อนคนอื่น ๆ หันมามอง
ก็พอทำให้บรรยากาศที่แย่ ๆ ดีขึ้นมาบ้าง เราแอบนึกในใจนะ วันนี้ที่ซวยและทำเรามาสาย เป็นเพราะนักเรียนคนนั้นแหละที่ขี่มอไซด์ ขอให้เรียนโรงเรียนเดียวกับเราเหอะจะหาตัวให้เจอ แต่ก็ไม่เห็นหน้า จำมอไซด์ไม่ได้ จำไรไม่ได้เลย เหมือนงมเข็มเลย แต่ตอนนี้ช่างมันเหอะ ขอคิดบวกก่อน
“นักเรียนขึ้นห้องเรียนห้องตัวเองได้แล้วนะครับ” อาจารย์ปกครองสั่งให้ทุกคนขึ้นไปห้องตัวเอง
เราไหว้อาจาย์แล้วลากไอ้พอร์ชมาด้วย
“ป่ะพอร์ช ว่าแต่ห้อง ม.4/2 ไปทางไหนว่ะ” เรากำลังงง
“ทางนี้มีน ตามกูมา” พอร์ชเดินนำเราไป
ระหว่างทางที่เดินไปที่ห้อง ทำไมเราตื่นเต้นและรู้สึกเหมือนหัวใจมันหวิว ๆ ทำไมเหมือนเราถึงนึกชอบที่นี่ขึ้นมาในทันที ตั้งแต่เดินผ่านประตูโรงเรียนมา ผ่านสนามบาสเก็ตบอล ผ่านหอประชุม แล้วโรงอาหาร จนมาถึงอาคารเรียนของเรา ที่อยู่ชั้น3
วันนี้เป็นการเริ่มต้นกับที่ใหม่ กับเพื่อนใหม่ กับอะไรใหม่ ๆ ตลอด 3ปีหลังจากนี้เราจะพบเจออะไร และผ่านอะไร มันต้องสนุกสนานแน่ ๆ สถานที่แห่งนี้นอกเหนือจากบ้านที่มีพี่ มีพ่อ มีย่า และน้องหมา โรงเรียนแห่งนี้จะเป็นที่แห่งความทรงดีๆ ของเราไปตลอดแน่นอน ขอให้เพื่อน ๆ ร่วมสนุกไปกับเรานะครับ แค่วันแรกก็สนุกขนาดนี้แล้ว หลังจากนี้เรื่องราวต้องสนุกน่าติดตามแน่นอน มาสนุกไปกับมีนนะครับ
“ไอ้มีนๆๆๆๆๆๆ” เสียงพอร์ชเรียกรัวๆ พร้อมเขย่าไหล่เรา
“อะไรของเมิงว่ะพอร์ช” เราตื่นจากภวังค์
“ถึงแล้ว ม.4/2 ห้องเรียนเราแล้วว่ะเพื่อน เมิงคิดไรอยู่เนี้ยกูเรียกอยู่ตั้งนาน” พอร์ชย้ำ
ตอนนี้เรา กับ พอร์ช อยู่หน้าห้องเรียน ม.4/2 เรียบร้อยแล้ว มองขึ้นไปบนป้ายห้องแล้วเดินไปตรงประตูเข้าห้องเรียน ในขณะที่กำลังเรากับพอร์ชกำลังจะก้าวเท้าเดินเข้าห้องเรียนทันใดนั้น ก็มีเสียงๆ หนึ่งพูดขึ้นมา
“เธอสองคนหยุดอยู่ตรงนั้น ห้ามก้าวเท้าเข้ามาเด็ดขาด จนกว่าฉันจะสั่งให้เธอสองคนเข้ามา”
โอ้วเกิดอะไรขึ้นกับวันแรกของการเปิดเทอมในวันนี้อีก เราจะเจอกับอะไรต่อไป ไว้ตอนหน้าเรามาจะมาบอกทุกคนนะครับว่าจากนี้เราจะเจอกับอะไร
“พอร์ชๆๆๆ กูลืมหยิบกระเป๋านักเรียนมาจากหน้าโรงเรียนว่ะ” ตาแบ๊วๆ ใส่เพื่อน
“ไอ้เวรมีน อีกแล้วเหรอเมิง”
...............👉🏻👉🏻👉🏻👉🏻👉🏻👉🏻👉🏻😄😄😄😄😄😄😄😄😄..............................
ตอนที่ 2 : School
“หยุดอยู่ตรงนั้น” เสียงผู้หญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่กลางห้องสั่งเราสองคน ในใจเราคิดหละอาจารย์ประจำชั้นเราแน่นอนไม่ผิด
“พวกเธอสองคนเป็นนักเรียนห้อง ม.4/2 จิง ๆ นะ” อาจารย์ถามย้ำเราอีกครั้ง
“ใช่ครับอาจารย์ผมเรียนห้องนี้ครับ” เรารีบตอบด้วยความตกใจ
“แล้วไหนกระเป๋า อุปกรณ์การเรียนของเธออยู่ไหน ” อาจารย์ยิงคำถามใส่เราคนเดียวเลยคราวนี้
เห้ยกระเป๋านักเรียนเราไปไหนอ่ะ หันไปมองหน้าพอร์ช
“พอร์ชๆๆๆ กูลืมหยิบกระเป๋านักเรียนมาจากหน้าโรงเรียนว่ะ” ตาแบ๊วๆ ใส่เพื่อน
“ไอ้มีน อีกแล้วเหรอเมิง” พอร์ชกระซิบข้างหูเรา
“ทำไงหละเมิง” เราหันไปถามพอร์ช
“ไม่รู้โว้ย กูรอดแล้ว” พอร์ชส่ายหน้าแล้วจ้องมาที่เรา
“เธอคนที่มีอุปกรณ์การเรียนมาครบเข้ามานั่งที่ตัวเองได้แล้ว” อาจารย์สั่งให้พอร์ชเข้าไปนั่งที่โต๊ะเรียน
“ครับอาจารย์” พอร์ชรอดแล้ววิ่งไปที่โต๊ะเรียนอย่างรวดเร็ว
“ส่วนเธอเดินมานี่” อาจารย์กวักมือเรียกให้เราเดินเข้าไปกลางห้องเรียน
วินาทีนั้นเราตื่นเต้นนะ และก็ใจสั่น สายตาทุกๆ คนในห้องมองมาที่เราคนเดียว ใครเป็นใครไม่รู้เลย เห็นแต่พอร์ช กับ นุ่น เพื่อนเราเท่านั้น คนอื่นใครกันไม่รู้ ไม่ได้ยินเสียง ไม่ได้ยินอะไรใด ๆ ใครเลย ทุกอย่างนิ่งไปหมด
“ได้ยินที่อาจารย์สั่งหรือเปล่าค่ะ” เสียงอาจารย์แตะที่ไหล่เรา แล้วบีบอยู่หลายที
“เอ่อ ตะกี้อาจารย์ว่าอะไรนะครับผมไม่ได้ยิน” เราหลุดจากภวังค์แล้วถามอาจารย์กลับ
“อาจารย์บอกให้เธอแนะนำตัวกับเพื่อน ๆ ในชั้นเรียน ไม่ได้ยินหรือยังไง” น้ำเสียงอาจารย์เริ่มดุดัน
“ครับๆ” เรารีบตอบด้วยอาการงงๆ
“สวัสดีครับเราชื่อ พัฒนพงษ์ ตันประเสริฐ เรียกเราว่า มีน ก็ได้นะครับ ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะครับ” คำพูดนี้เหมือนเราจะรู้และซ้อมมาจากที่บ้านแล้ว
“แล้วไหนกระเป๋านักเรียนเธอไปไหน ไหนบอกอาจารย์ซิ” อาจารย์ทำสีหน้างง
“เอ่อพอดีผมลืมกระเป๋าเอาไว้หน้าโรงเรียนครับอาจารย์ตอนที่ปล่อยตัวมาผมรีบครับเลยลืม” พูดด้วยน้ำเสียงอายๆปนตลก
จากนั้นได้ยินเสียงหัวเราะจากเพื่อนร่วมห้องทั้งชั้น หัวเราะแบบสามัคคีกันเลยทีเดียว
“หยุดหัวเราะกันได้หละนักเรียน ส่วนเธอนายพัฒนพงษ์ ไปนั่งที่ตัวเองให้เรียบร้อย และพักเที่ยงเธอไปเอากระเป๋านักเรียนเธอที่ห้องปกครอง” อาจารย์กำชับและมองหน้าเราปนจะขำนิด ๆ
“ครับอาจารย์” เราก็ไปนั่งข้างๆ พอร์ช
คิดในใจวันนี้วันอะไรนะ เจอสถานการณ์แต่ละอย่างตั้งแต่ออกจากบ้านมาหละ อ่ะวันนี้วันเปิดเทอมทำตัวให้สนุกกับโรงเรียนใหม่ดีกว่า
”เอาหละนักเรียนทุกคน วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของนักเรียนใหม่ ห้องเรียน ม.4/2 ห้องเรียนสายวิทย์ พวกเธอทั้งหมด 41 คน อาจารย์จะดูแลและเป็นอาจารย์ประจำชั้นพวกเธอ และจะสอนวิชาฟิสิกส์ม.4 รวมถึงห้องพวกเธอด้วย ใครมีอะไรสงสัยหรือจะปรึกษาไปหาอาจารย์ที่ห้องพักอาจารย์ชั้น 1 ได้นะค่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ ส่วนเธอ นายมีน อย่าลืมไปเอากระเป๋านักเรียนด้วยเดี๋ยวจะไม่มีสมุดหนังสือเรียนเหมือนคนอื่นเขา” อาจารย์จ้องมาที่เราอีกแล้ว
“ครับอาจารย์” เราตอบรับอย่างเสียงดังฟังชัด
แล้วหัวหน้าห้องก็สั่งทำความเคารพ แล้วก็เริ่มต้นการเรียนวันแรกอย่างราบรื่น
เสียงกริ่งพักกลางวันของชั้นมอปลายดังขึ้นแล้ว เป็นสัญญาณว่าจะได้ไปพักกันแล้ว
“พอร์ช นุ่น เดี๋ยวไปห้องปกครองเป็นเพื่อนเราด้วยนะ” เราบอกเพื่อน ๆ ทั้งสองคน
“กูไม่เข้าใจเมิงจริง ๆ เลยนะมีน ทำไมเมิงลืมได้ว่ะ กูงง” นุ่นทำหน้างงใส่
“ไม่รู้ว่ะกูคงรีบมั้งและตื่นเต้น” เราก็แก้สถานะการไปก่อน จริง ๆ คือเป็นคนขี้ลืมสุดๆ
“ป่ะ ๆ ไปกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวค่อยไปเป็นเพื่อนเมิงที่ห้องปกครอง” พอร์ชเสริมขึ้นมา
ในขณะที่เรา พอร์ช และ นุ่น กำลังจะเดินพ้นห้องเรียนออกไปนั้น
“พวกนายๆๆ”
เรา3คนหันไปตามเสียงที่เรียกแล้วทำหน้าฉงน
“เราขอไปกินข้าวเป็นเพื่อนด้วยได้มั๊ย เราเพิ่งย้ายมาจากโรงเรียนอื่นเหมือนกัน เราชื่อ แค็ท และนี่เพื่อนเราอีกคน ชื่อบูม เราว่าพวกนายตลกดี เลยอยากเป็นเพื่อนด้วย” แค็ทยิ้มให้กับทุกคน
“ได้ดิ เรามีนนะ นี่เปรตกลับชาติมาเกิดไอ้พอร์ช และก็ยัยแว่นหนาเต๊อะชื่อนุ่น” ได้ทีเราใส่เพื่อนใหญ่เลย
“ปากดีนะเมิงไอ้มีน” นุ่นง้างมือจะตบหัวเรา แต่เราหลบทัน
“พวกเรายินดีเป็นเพื่อนกับเธอนะ แค็ท กับ บูม” นุ่นพูดด้วยน้ำเสียงยินดีมาก ๆ
“เราด้วย ปะไปกินข้าวกันเถอะ” พอร์ช กับเราพูดพร้อมกันเลย
หน้าห้องน้ำตึกเรียนมอปลายชั้น1 ระหว่างทางไปโรงอาหาร
“เห้ยพวกมึงกูขอเข้าห้องน้ำแป๊บนะ เมิงไปรอที่โรงอาหารกันก่อนเลย” เราบิดตัวไม่ไหวแล้ว
“เอ่อตามสบายเพื่อน” พอร์ชพยักหน้าแล้วเดินไปกับพวกนุ่น แค็ท และ บูม
ห้องน้ำทำไมมันดูเงียบจัง เอาว่ะ ห้องแรกนี่แหละปลอดภัยสุด ในขณะที่เรากำลังปลดเบาอยู่นั้น มีเสียงบ่นพึมพำอยู่ห้องข้าง ๆ น้ำเสียงเหมือนคนกำลังบ่นอะไรบางอย่าง ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่
“ไปไหนว่ะ ๆๆๆ ทำไงดีๆๆ” น้ำเสียงดูกลัวและวิตก และพูดซ้ำๆ อยู่ประโยคเดิม ๆ แบบนี้
“พูดอะไรว่ะ” เรากระซิบเบาๆ กับตัวเอง แล้วรูดซิบกางเกงตัวเองให้เรียบร้อย
“ไปไหนว่ะ ๆๆๆ ทำไงดี ๆๆ” น้ำเสียงเริ่มดังขึ้นๆ
เราอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเลยปิดฝาชักโครกแล้วเหยียบเพื่อจะชะโงกไปดูว่าเป็นยังไง กลัวเขาจะเป็นอะไรหรือเปล่า ทันใดนั้นขาซ้ายก้าวขึ้นเหยียบเรียบร้อยแล้ว ขาขวากำลังจะขึ้นตามไปปรากฏว่าพื้นรองเท้าของเราเปียกน้ำก้าวขึ้นไปแล้วพลาด ลำตัวเราไปกระแทกผนังห้องน้ำดังโครม
“โอ้ยยยยยย” เราส่งเสียงออกมา แล้วปิดปากตัวเองไม่ให้มีเสียงดังขึ้นมาอีก
“ใครอ่ะ” เสียงจากห้องข้าง ๆ ส่งเสียงมา แล้วหยุดพึมพำคำที่พูด ทุกอย่างสงบไปเพียงเสี้ยววินาที
เราเงียบไม่พูดอะไรแล้วปลดล๊อคกลอนห้องน้ำกำลังจะก้าวออกมาจากห้อง ทันใดนั้นมีร่างผู้ชายสูงประมาณ 180 เซนติเมตร ผิวขาว รูปร่างบาง ยืนหน้าห้องน้ำที่เราอยู่
“ตะกี้ทำไร เมิงแอบดูกูเหรอ” สีหน้าเขาดูขึงขังมาก แล้วเอามือมากั้นไว้ที่ประตูห้องน้ำเราไว้
“เอ่ออออออออ คือเอ่ออออออ” เราหน้าถอดสีแล้วจะอธิบายยังไงดีว่ะนึกอยู่ในใจ
“เป็นพวกถ้ำมองเหรอเมิงอ่ะ อยู่ชั้นไหน ห้องไหน เป็นเด็กใหม่หรือไงวะ” เขายิงคำถามใส่เรา
“เอ่ออออคือเอ่อออออ” เรายังคงอึ้งและพูดไม่ออก
“เอ่ออยู่ได้ถามไม่ได้ยินหรือไง ถ้าไม่ตอบมากูจะต่อยเมิงจริง ๆ ด้วย” เค้าเริ่มโมโหใส่เรา
“ตอบ ๆ ทำไมดุแบบนี้เนี้ย” เราแหงนหน้าแล้วหยุดมองดูเขา
“เอ่อ”ต้องให้เซ้าซี้ถาม
“ก็เราเห็นนายพูดไรไม่รู้พึมพำ ๆ ในห้องน้ำ ไปไหนว่ะ ๆ ทำไงดี ๆ เราก็คิดว่าเกิดอะไรขึ้นเลยอยากรู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า แค่นี้เองไม่ได้มีอะไรเลย” สีหน้าเราจริงจังขึ้น
พอเราพูดจบประโยค จากสีหน้าเขาที่ดูจะมีอารมณ์โมโห เปลี่ยนเป็นเหมือนคนรู้สึกผิดหวัง หรือเสียใจขึ้นมาทันที แล้วปล่อยมือที่กั้นประตูเราเอาไว้ลง แล้วยืนนิ่งเหมือนไม่รู้สึกอะไรเลย เราไม่รู้จะทำไงก็วิ่งออกมาจากห้องน้ำเลย ทิ้งเขาไว้ตรงนั้นโดยที่ไม่รับรู้อะไรแล้ว
“วันนี้วันอะไรของกูว่ะมีน” สถบกับตัวเองเบา ๆ ก่อนวิ่งอย่างรวดเร็วไปโรงอาหารหาเพื่อน ๆ
แต่ในใจก็คิดนะเขาเป็นอะไรหรือเปล่านะ แล้วประโยคที่เขาพูดมันหมายถึงอะไร ทำไมเรายังอยากรู้ ว่าแต่เขาจะจำหน้าเราได้มั๊ย แอบกลัว แต่ที่แน่ ๆ เราหน้าเขาได้ชัดเจนมากๆ จำได้ทุกส่วนบนหน้าเขาเลย
ที่โต๊ะกินข้าวโรงอาหาร ทุกคนสั่งข้าวกันมาหมดแล้ว ยกเว้นเราคนเดียวที่เพิ่งมาถึง
“ไอ้มีน เมิงตกส้วมมาหรือเปล่าว่ะ ไปโครตนาน” พอร์ชถามแบบตลก ๆ
“เอ่อกูปวดหนักว่ะ ไม่ไหวจริง ๆ นานไปหน่อย” เราแก้ตัวไปแบบนั้น
“เอ่อไปหาไรกินเหอะเมิง เดี๋ยวพวกกูรอ” พอร์ชชี้ไปที่ร้านข้าว
“เห้ยมีน ทำไมหน้าแกดูซีด ๆ ว่ะ ไปเจอไรมาป่าวเนี้ย” นุ่นถาม แค็ท กับ บูม พยักหน้าเห็นเห็นพ้องต้องกัน
“เหรอว่ะ หน้ากูซีดขนาดนั้นเลยเหรอว่ะ สงสัยท้องเสียแน่ ๆ” เราแก้ตัวอีกตามเคย
“เอ่อสงสัยหิวข้าวมั้ง” นุ่นตัดบท
สรุปวันนี้พักกลางวันนี้ก็ผ่านพ้นไป เราไปเอากระเป๋าที่ลืมไว้ที่ห้องปกครอง กลับมาเรียนภาคบ่ายตามปกติ
“พวกแก เมื่อเช้าพวกแกมาไม่ทัน เพราะมาสาย อาจารย์เขาให้ทุกคนเลือกชมรมที่ตัวเองจะอยู่ภายในวันศุกร์นี้นะ” นุ่นบอกเรากับพอร์ชด้วยน้ำเสียงแบบตื่นเต้น
“แล้วยังไงว่ะมีชมรมอะไรบ้างยังไม่รู้เลย” เราถามนุ่น
“วันศุกร์นี้เขาจะมีกิจกรรมตรงลานหอประชุมให้นักเรียนทุกคนเลือกชมรมที่ตัวเองชอบ” นุ่นอธิบาย
“อ๋อเหรอดีเลย กูอยากอยู่ชมรมทำอาหาร” พอร์ชทำท่าอยากอยู่มาก ๆ ยิ้มแบบกรุ่มกริ่ม
“เหมาะกับหน้าตาและรูปร่างเมิงมากพอร์ช” เราประชดใส่
“เมิงอย่ามาขอชิมฝีมือกูก็แล้วกันไอ้มีน” พอร์ชกล่าว
“เอ่อแล้วเมิงหละมีน คิดไว้ป่ะว่าอยากอยู่ชมรมอะไร” นุ่นถามเรา
“กูยังไม่รู้เลย กูไม่ชอบเล่นเกมส์ กูไม่ชอบกีฬาทุกชนิด โดยเฉพาะบาสเก็ตบอล แต่กูชอบเต้นอาจจะไปอยู่ชมรมเต้น cover เกาหลีดีกว่าถ้ามีนะ” เราพูดไปแบบลอย ๆ
“เราก็ชอบเต้นนะเผื่อไปสมัครชมรมนี้กันนะมีน” แค็ทเสริมขึ้นมา
“วันศุกร์ค่อยว่ากันนะพวกเรา กลับบ้านกันได้หละ” เราเก็บของเสร็จเรียบร้อยหละ
“เมิงกลับยังไง” พอร์ชถาม
“รอพี่เมย์หน้าโรงเรียนแหละ ไม่รู้ยังไง โทรศัพท์กูก็ลืมไว้ในรถพ่อ ไม่เจอก็คงกลับบ้านเองนั่งรถเมล์กลับ” เราพูดแบบสีหน้าซังกะตาย
“เอ่องั้นเจอกันนะเว้ยพรุ่งนี้ อย่าสายนะเมิง” พอร์ชถือกระเป๋านักเรียนแล้วรีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว
“เอ่ออออ รีบไปไหนของมันว่ะเนี้ย” เราตะโกนตามหลังพอร์ช
เราออกมารอพี่เมย์ที่หน้าโรงเรียนประมาณ 10 นาทีได้หละ ยังไม่ออกมาสักทีหรือว่ากลับไปก่อนแล้วก็ไม่รู้ถ้าอีก 10 นาทีไม่มาจะกลับแล้วนะไม่รอหละ หรือไม่แน่พี่เมย์อาจจะนอนดูทีวีสบายไปแล้วก็เป็นได้ หืมมม
“เอาไงว่ะเนี้ยยังไม่มาสักทีโทรศัพท์ก็ไม่มีกลับดีกว่า” เรารอไม่ไหวแล้ว
ทันใดนั้นเหมือนได้ยินเสียงกรี๊ดผ่านหูเรามาแว๊บนึง และเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ๆ
“เสียงไรว่ะ ดังมาจากทางสนามบาส มีเกิดไรขึ้นหรือมีไรป่าว” เราพูดกับตัวเอง
เราเดินตามเสียงกรี๊ดมาจนถึงสนามบาสจนได้ เห็นกลุ่มผู้หญิงมอปลายกลุ่มใหญ่มาก ๆ อยู่ตรงสนามบาส สิ่งแรกที่เห็นคือ พี่เมย์กำลังส่งเสียงกรี๊ดกับเพื่อน ๆ นางอยู่ขอบสนามบาส เราวิ่งไปหาพี่เมย์แล้วพูดว่า
“เห้ยปล่อยให้ยืนรอหน้าโรงเรียนตั้งนานคิดว่ากลับบ้านไปแล้ว” เราทำสีหน้าไม่พอใจ
“อะไรของแกนี่มันเพิ่งสี่โมงเองนะ ผิดที่แกนะแหละลืมโทรศัพท์ไว้บนรถพ่อเองนะมีน อย่ามาโทษฉันว่าไม่รอแก” พี่เมย์เถียงไป พลางตะโกนเชียร์ไป
“แล้วนี่มาทำไรแถวนี้เนี้ยคนเต็มไปหมดเลย” เราถามด้วยความสงสัย
“แกจะอยากรู้ไปทำไม แกไม่ชอบกีฬาไม่ชอบอะไรวุ่นวายแบบนี้อยู่แล้วจะถามทำไม” พี่เมย์ใส่ไม่หยุด
“แหม รวมกลุ่มกันขนาดนี้ กรี๊ดกันขนาดนี้ต่อให้ไม่อยากรู้ก็อยากรู้หละว่ะ” เราเถียงใส่
“เอ่อๆๆ ช่างเหอะขี้เกียจเถียงคนอย่างแก เอาเวลามาเชียร์น้องม่อน ดีกว่า” พี่เมย์พูดไปพลางยิ้มแบบคนอินเลิฟสุด ๆ
“หืมมน้องม่อน ใครว่ะ เป็นดาราเหรอ หรือเป็นนักร้อง หรือเป็นเน็ตไอดอล” เราถามแบบกวน ๆ ด้วยความสงสัยจริง ๆ
“โอ้ยจะมาซักอะไรตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่แกพูดมาหรอก เค้าเป็นนักกีฬาบาสเก็ตบอลทีมเยาวชนไทยและเรียนอยู่ที่โรงเรียนเราชั้น ม.5 รุ่นพี่แกปีนึง เป็นรุ่นน้องฉันปีนึง เก็ทม่ะ” พี่เมย์หน้าตาแบบปลื้มสุด ๆ
“แล้วยังไงทำไมต้องมากรี๊ดอะไรขนาดนี้งง” เรายิ่งงงไปใหญ่
“โอ้ยมีนเมิงกลับบ้านไปก่อนเลยป่ะ กลับไปหาย่าไปหาพี่มีตังค์ ไปดูทีวีหรือไปไหนก็ได้ให้พ้นจากตรงนี้เพราะเสียสมาธิในการที่ฉันจะมาดู น้องม่อนสุดหล่อสุดเท่ห์ออกมาโชว์การโยนลูกบาสลงห่วงพร้อมกับทีมของโรงเรียนเราเย็นนี้หรือในอีก 5 นาทีที่จะถึงนี้” พี่เมย์ดูภูมิใจนำเสนอสุด ๆ
“จิงๆ มีนก็ไม่ชอบหรอกนะ แต่เห็นพูดมาซะขนาดนี้จะรอดูซักหน่อยซิว่าจะเป็นยังไง” เรามองหน้าพี่เมย์แล้วแบะปากใส่
“แล้วแต่แกเหอะ แต่ช่วยออกไปยืนห่าง ๆ ฉันหน่อย เห้ยเกศนี่น้องเรา มีน ลืมแนะนำว่ะ ช่างมันรอน้องม่อนออกมาก่อนตอนนี้” พี่เมย์ผู้สามารถทำหลายๆ อย่างพร้อม ๆ กล่าวไว้
“เห้อ พี่กูท่าจะอาการหนัก” เรามองบนและกำลังจะหันหลังกลับไปยื่นห่าง ๆ พี่เมย์ แล้วเสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นกระหื่มเต็มสนามบาส
“ขอต้อนรับทีมบาสเกตบอลประจำโรงเรียนของเรา นำทีมโดย นายอิสริยะ เสถียรธัมรงค์ หรือน้องม่อน นักเรียนชั้นม.5/1 และเพื่อนร่วมทีมบาสเกตบอลทุกคนครับ ขอเสียงกรี๊ดดังๆ เป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ”
เราหันกลับมาที่ขอบสนามอีกทีตามเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือดังรัวๆ ชะเง้อดูทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนอย่าใจจดใจต่อ เอ๊ะทำไมรู้สึกคล้อยตามแล้ว หรือแค่อินไปตามกระแส แอบสับสนเล็กน้อยแต่
เราเดินกลับมายืนข้างหน้ากับพี่เมย์อีกครั้ง มุมที่พี่เมย์ยืนอยู่ตรงจุดที่นักกีฬาจะยืนและโยนลูกบาสลงห่วงพอดี เป็นมุมที่เหมาะและเห็นชัดเจนมาก ๆ
“พี่เมย์ๆๆๆ” เราตะโกนเสียงดังเพราะเสียงกรี๊ดยังมาไม่หยุด
“อะไรของแกอีกมีน เรียกอยู่ได้ ถ้าไม่อยากดูก็เงียบๆ ไว้อย่าวุ่นวายเข้าใจมั๊ย” พี่เมย์ตะโกนเสียงดังใส่
“ไหนอ่ะน้องม่อนสุดหล่อของพี่อ่ะ ออกมายัง” เราถามแล้วชะเง้อมองอยู่
“นั่นไงยืนอยู่คนที่ 3 คนสูง ๆ ฝั่งทางโน้นอ่ะ เห็นยัง จะออกมาโชว์การโยนลูกบาสลงห่วงเป็นคนต่อไปนี้แล้วไง” พี่เมย์ชี้มือไปทางนั้น แล้วเรียกชื่อ น้องม่อน ๆ
“ไหนว่ะคนที่3 สูง ๆ นักบาสก็สูงกันหมดทุกคนป่าวว่ะ” เราเล็งไปเห็นลางๆ มองไม่ถนัดเพราะคนข้างหลังเบียดเรามาเหมือนกัน
“มาแล้ว ๆ แก น้องม่อนมาแล้ว” เสียงพี่เมย์ดังมาก ๆ จนแสบแก้วหูจริง ๆ
“น้องม่อน ๆๆๆๆ” เสียงเรียกไม่หยุดจากสาวๆ โดยเฉพาะพี่เมย์
และแล้วก็ถึงคิวของนักบาสเกตบอลทีมเยาวชนไทย น้องม่อนของพี่เมย์ มาโชว์ความเก่งให้สาว ๆ กรี๊ดแล้ว ตอนที่เขาเดินเข้ามาในสนาม ดูสาว ๆ จะเชียร์กันเสียงดังมากๆ รวมไปถึง เหล่า ๆ สาวบรรดา สาวเทียมทั้งหลาย เกย์ เก้ง กวาง ก็ให้ความสนใจเขามากก ๆ
“ทำไมหน้าผู้ชายคนนี้มันคุ้นเราจังว่ะ” เรานึกอยู่ในใจว่าเคยเจอคนคนนี้ที่ไหนมาก่อน ยังนึกไม่ออก แล้วก็จ้องไปที่ผู้ชายที่สวมชุดนักบาสคนนั้นอย่างตั้งใจ ทำไมดูสูง สง่า และรูปร่างดีจัง ทำไมลีลาการโยนลูกบาสเขาดูเทห์สุด ๆ ไปเลย เกิดอะไรขึ้นกับเรา มีน นายเป็นอะไรนายเป็นอะไรมีน ทำไมทุกอย่างดูล่องลอย เบาหวิว เหมือนตัวเองกำลังลอยอยู่บนอากาศ นี่เราเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น
“มีนๆๆๆๆ มีนแกเป็นไรทำไมดูแปลกๆจังว่ะ หิวข้าวเปล่าหรือไรว่ะเนี้ย” พี่เมย์ตะโกนถาม
“แปลกยังไงอ่ะพี่เมย์” เรายังไม่ตื่นจากภวังค์ยังเคลิ้มๆอยู่
“เห้ยมีนแกระวัง มีนนนนนนน” เสียงพี่เมย์ดังก้องในหู
นั่นคือคำสุดท้ายที่ได้ยินเสียงพี่เมย์เรียกและทุกๆ อย่างหยุดลงในทันใด เราไม่รับรู้อะไรอีกเลยจากนั้น เกิดอะไรขึ้นกับเรา เหตุการณ์มันเร็วมากๆจนเราไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลยหลังจากนั้น ช่วยเราด้วยนะใครก็ได้ช่วยปลุกเราจากความเงียบนี้ไปซะที ใครก็ได้ช่วยเราด้วย ช่วยเราด้วย
………………………………………………………………………………………………………..
ตอนที่ 3: Dream
ท่ามกลางทุ่งดอกไม้อันกว้างใหญ่ สีสดสวยงดงามมาก ๆ รับกับแสงแดดยิ่งทำให้ดอกไม้ดูมีชีวิตชีวาเหลือเกิน มองไปไกลจนสุดลูกหูลูกตามีแต่ทุ่งดอกไม้เยอะแยะเต็มไปหมด ส่งกลิ่มหอมอบอวลไปหมด ที่นี่ที่ไหนสวรรค์ชัด ๆ แล้วเรามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงแต่ช่างเหอะตอนนี้รู้แค่ว่าทุกอย่างมันช่างดีจริง ๆ ตรงนั้นมีดอกทิวลิปสีขาวด้วย เป็นดอกไม้ที่เราชอบที่สุด
“สวยจัง” เราจับดอกทิวลิปมาดูใกล้ ๆ
“นุ่มด้วย คือดีมาก ๆ เลย” เราเริ่มเคลิ้ม และก็ไปดูดอกทิวลิปดอกอื่น ๆ อย่างเพลิดเพลิน
“มีนตื่นได้แล้วๆๆ” เสียงพี่เมย์แว่วๆ เข้ามาในหู
“พี่เมย์อยู่ไหนอ่ะ” เราเรียกหาพี่เมย์
“เป็นยังไงบ้างครับ” แล้วนี่เสียงใครไม่คุ้น และเริ่มถี่ขึ้นๆ เสียงใครกันแน่ เรียกเราอยู่ได้
ทันใดนั้น ภาพทุ่งดอกไม้อันกว้างใหญ่ ดอกทิวลิปที่แสนสวย แสงแดดที่สดใส หายวับไปกับตา กลายเป็นความมืดสนิทมองไม่เห็นอะไรเลย เกิดอะไรขึ้นกับเราเนี้ย นี่เราฝันไปเหรอหรือยังไง
“ พ่อ แม่ ย่า ทุก ๆคน ช่วยมีนด้วยครับ ตอนนี้มีนไม่รู้ตัวเองอยู่ที่ไหน มันมืดไปหมด” เราร้องไห้ออกมา
“มีนตื่นได้แล้ว ๆๆ” เสียงพี่เมย์อีกแล้ว
“นายเป็นไงบ้าง ตื่นได้แล้ว” แล้วเสียงนี้เสียงใคร
เรามองไม่เห็นใครเลยทำยังไงดี ช่วยด้วยครับ
“ช่วยมีนด้วยๆ” เราร้องไห้ออกมา
วินาทีนั้นเหมือนรู้สึกได้ว่ามีคนเขย่าร่างของเราอยู่ เขย่าไปมาจนเรารู้สึกตัวขึ้นมา ค่อย ๆลืมตาขึ้นมา ภาพตรงหน้ามันเบลอมองเห็นอะไรไม่ชัดเลย เราเห็นร่างอะไรก็ไม่รู้กำลังจ้องเราอยู่ ภาพๆค่อยชัดขึ้นและชัดขึ้น จนเห็นเป็นร่างผู้ชายใส่เสื้อบาสตัดผมรองทรงผมเส้นตรงสลวยสีดำขับกับใบหน้าเล็ก ๆ จมูกโด่ง ปากสีชมพู แขนและมือของเขากำลังจับอยู่ที่ไหล่ของเรามันดูแข็งแรงจัง มีเหงื่อไหลลงมาตรงซอกคอ และข้างแก้มนิดหน่อย เขาเป็นใคร นายเป็นใครอ่ะ จากนั้นสายตาของเราก็สบตากันกับเขาแบบจัง ๆ จ้องกันอยู่ เราจ้องกันอยู่แบบนั้น
“ฟื้นแล้ว”.เหมือนเสียงพี่เมย์เลยอ่ะ
“มีนแกเป็นไงบ้าง” เสียงพี่เมย์นี่หว่าเราเริ่มมีสติ และเลิกจ้องหน้าเขาคนนั้น แล้วลุกขึ้นผลักร่างเขาออกไป จนร่างเข้าหลุดห่างออก
“ช่วยมีนด้วย” ประโยคแรกที่เราพูดแล้วพยายามมองหาพี่เมย์
“มีนแกผลักม่อนเค้าทำไม” พีเมย์ยืนอยู่กับผู้ชายคนนั้น
“เกิดไรอะไรขึ้นอ่ะ” เราถามพี่เมย์
“แกโดนลูกบาสโหม่งหัวเอาอ่ะดิอย่างจังเลย แล้วแกก็วูบหลับไป ทำงานเค้าล้มไม่เป็นท่าเพราะแกเลยนะมีน แล้วม่อนเขาก็มาช่วยปฐมพยาบาลแก” พี่เมย์พยายามอธิบายอย่างรวดแร็ว
“ไม่เป็นไรครับเขาฟื้นหละก็ไม่น่าเป็นอะไร งั้นผมไปก่อนนะ” เขาหันไปพูดกับพี่เมย์ แล้วเหลือบสายตามองมาที่เรา
พี่เมย์หันไปขอบคุณผู้ชายคนนั้น แล้วก็กลับมาผยุงเราให้ลุกขึ้น เราก็หันไปมองเขาเดินออกไปจากสนามจนลับตา
“มีนแกโอเครแล้วนะ” พี่เมย์ถาม
“โอเคร แล้วม่อนนั่นเขามาช่วยมีนทำไมอ่ะ”เราถามอย่างสงสัย
“ก็ลูกบาสที่โดนหัวแกอ่ะคือลูกบาสที่น้องม่อนเค้าโยนแล้วมันกระเด้งมาโดนหัวแกอย่างจังนะแหละ เค้าถึงมาช่วยแกเอาไว้ แต่มีนมันเป็นอุบัติเหตุนะเว้ย ไม่มีใครแกล้งแกหรอก “ พี่เมย์พยายามอธิบาย
“อ๋อเหรอ แบบนี้นี่เอง ขอโทษสักคำยังไม่มีเลย” เรามองบนใส่
“ก็แกผลักม่อนมันแบบนั้นเขาจะอยู่รอขอโทษแกมั๊ยหละ คิดซิ” พี่เมย์เหมือนจะเข้าข้างเขามากกว่า
“เอ่อๆ ช่างเหอะ” เราตัดบท แต่ยังคงมองไปทางที่เขาเดินไปทางนั้นอยู่ไม่ละสายตา
“ป่ะกลับบ้านกันเหอะ ฉันโทรให้พ่อมารับแล้วหละ” พี่เมย์ตบไหล่เราเบาๆ
แล้ววันเปิดเทอมวันแรกของเราก็จบวันลงแต่ก็เจออะไรมากมายหลายอย่างจริง ๆ นี่วันแรกนะยังขนาดนี้ สุดท้ายวันนี้เราและพี่เมย์ก็ให้พ่อแวะมารับกลับบ้านอยู่ดี กลับไปกินข้าวฝีมือพี่โมและคุณย่า กลับไปดูทีวี ไปเล่นกับพี่มีตังค์ กลับไปบ้านที่อบอุ่นของเรา แต่ทำไมภาพผู้ชายคนนั้นติดตาเรามาตลอดเลยตั้งแต่วินาทีที่เราลืมตาขึ้นมา ไม่นะเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดขึ้นมาเอง อีกเดี๋ยวก็คงลืมมั้ง ที่แน่ ๆ ยังเจ็บหัวอยู่เลย ความจำจะเสื่อมหรือเปล่าก็ไม่รู้ ยิ่งขี้ลืมอยู่ด้วยจะเป็นมากกว่าเดิมหรือเปล่า
…………..
“มีนแกแต่งตัวเสร็จยังวันนี้วันศุกร์นะเว้ยรถเยอะเดี๋ยวไปไม่ทันอีก” เสียงคุ้นๆแว่วๆเข้ามาในหู
เรางัวเงียหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา
“ตายหละ ลืมตั้งนาฬิกาปลุกจะสายแล้วทำไงดีว่ะ” เรารีบลุกขึ้นจากที่นอนแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ
“ใกล้เสร็จแล้ว 10 นาทีเดี๋ยวมีนลงไป” เราแก้ตัวไป
“เอ่อรีบเลยทุกคนรอแกคนเดียวเลย” เสียงเดินลงบันไดไปหละ รีบเลยมีนเดี๋ยวจะโดนด่าไปมากกว่านี้ ระหว่างที่อาบน้ำ เรานึกอยู่ตลอดเวลาเลยทำไมตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้นมาวันนั้น เราฝันถึงเหตุการณ์วันนั้นทุกวันเลย แปลกมาก ๆ พยายามจะไม่นึกแต่ก็ยังฝันถึงอยู่ดี ฝันแบบเดิม ๆ อยู่ได้
สติกลับมาอีกครั้งมีเสียงเรียกพี่เมย์
“มีนนนนนนนนนนน” เสียงแหว่วจากชั้นล่างมาหลอนอีกแล้ว
เรารีบแต่งตัว เก็บของ แล้วลงไปหาทุกคน วันนี้มั่นใจว่าไม่ลืมอะไรแน่นอน เตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพราะวันนี้จะมีการเลือกกิจกรรมชมรม
ระหว่างทางไปโรงเรียน วันนี้รถก็ติดเป็นปกติเลยยังไม่พ้นปากซอยบ้านออกมาก็ติดไม่ขยับเลย
“วันนี้รถเยอะกว่าปกตินะ” พ่อพูดลอย ๆขึ้นมา
ไม่มีใครตอบพ่อเลยพี่เมย์ออกมาจากบ้านก็เปิดเพลงเกาหลีแล้วฮัมเพลงไปเบา ๆ ไม่สนใจอะไรเลย ส่วนเราก็จดจ่อกับโทรศัทพ์คุยแชทกับ นุ่น กับพอร์ชอยู่ ก็เป็นสิ่งที่พวกเราทำเป็นประจำทุกวันระหว่างทางไปโรงเรียนอยู่แล้ว
“อ้าวพ่อหนุ่มเวสป้าสีเขียวคนนั้นนี่ที่รถล้มหน้ารถพ่อตอนวันเปิดเทอม มาจอดทำไรหน้าปากซอยบ้านเรา” พ่อพูดขึ้นมาลอยๆเหมือนเดิม โดยที่เราก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“คันนั้นเหรอค่ะพ่อ บ้านอาจจะอยู่แถวนี้หรือเปล่า ไม่เห็นหน้าเลยใส่หมวกกันน๊อคอยู่ ช่างเขาเหอะ” พี่เมย์เด้งตัวจากเบาะชะเง้อไปดู แต่เราไม่ได้ใส่อะไรยังคงคุยแชทกับนุ่น
แล้วรถพ่อก็ขับผ่านเวสป้าสีเขียวคันนั้นพอดี ขณะที่เรากำลังเงยหน้าขึ้นพอดี เราเหลือบไปเห็นตัวย่อโรงเรียน เป็นโรงเรียนเดียวกันกับเรานี่หน่า
“เห้ย” เราอุทาน
“เป็นอะไรมีน” พี่เมย์หันมาพูดกับเรา
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” เราส่ายหน้าแบบงงๆ
“แกว่าเวสป้าตะกี้เรียนที่เดียวกับเรามั๊ย ฉันดูคุ้น ๆ ยังไงไม่รู้ แต่นางไม่ถอดหมวกกันน๊อคเลยไม่รู้” พี่เมย์เริ่มมีปฏิกริยากับคนแปลกหน้าคนนั้น
“ไม่รู้ดิ” เราตัดบท ไม่อยากจะบอกพี่เมย์ว่าเรารู้แล้วว่าเรียนที่เดียวกัน
และแล้วเวสป้าสีเขียวก็ขับผ่านรถพวกเราไปข้างหน้าแล้วหายแว๊บไปเลย
“พ่อเพิ่งนึกออกจี้เขาที่ทำตกไว้ไม่ได้คืนให้เลย” พ่อหยิบจี้รูปนกกางปีกขึ้นมา
เรากับพี่เมย์หันหน้ามามองกันแล้วก็ไม่ได้อะไร ก็นั่งรถและทำอะไรไปตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนพ่อก็วางจี้นั้นไว้ตรงหน้าไมล์รถเหมือนเดิม
ในห้องเรียน ม.4/2 ก่อนพักเที่ยง อาจารย์ปล่อยก่อนเวลา 15 นาที ให้ทุกคนได้พูดคุยกันเรื่อง กิจกรรมชมรมที่จะจัดขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ ให้นักเรียนใหม่ได้เลือกชมรมที่ตัวเองชอบและอยากเข้ามากที่สุด
“พวกเมิงเลือกกันหรือยังว่าจะอยู่ชมรมอะไร” พอร์ชหันมาถามทุกคนในกลุ่ม
“เรากับบูมว่าจะไปอยู่ชมรมฟิสิกส์” นุ่นพูดก่อนคนแรก
“แคท กับ มีน ว่าจะไปชมรม เต้นก่อนเห็น ว่านเพื่อนเราอีกห้องก็จะไปด้วย” แคทเสริมขึ้นมา
“กูไปชมรมทำอาหารแน่นอนอยู่แล้ว” พอร์ชดูมั่นใจมากกับชมรมนี้
“งั้นเดี๋ยวบ่ายขึ้นมาอีกทีค่อยว่ากัน ตอนนี้ลงไปหาไรกินกันก่อนดีกว่า” เราตัดบทเริ่มหิวข้าวหละ
“มีนแกลืมไรมั๊ย วันนี้เวรแกรวบรวมเอาสมุดการบ้านฟิสิกส์อาจารย์บุษบาไปส่งที่โต๊ะอาจารย์นะ” นุ่นพูดพลางชี้ไปกองสมุดหน้าโต๊ะอาจารย์
“เห้ย เกือบลืมไปเลย” เรารีบไปเอากองสมุดการบ้านมาเก็บไว้
“ป่ะไปกันเหอะ” บูมชวนทุกคนลงไปไปโรงอาหาร
ระหว่างทางลงไปห้องพักอาจารย์ชั้น1
“เดี๋ยวกูเอาสมุดการบ้านไปไว้โต๊ะอาจารย์บุษบาก่อน พวกเมิงไปโรงอาหารก่อนเลย กูลืมหยิบโทรศัพท์มาว่ะรีบไปนิด เดี๋ยวเจอกัน” เราแยกเดินไปห้องพักอาจารย์ส่วนเพื่อน ๆ ก็เดินไปโรงอาหารกัน
ณ ห้องพักอาจารย์ เราเดินเข้าที่โต๊ะอาจารย์บุษบา อาจารย์ประจำชั้นของเราเอง พร้อมหอบสมุดการบ้านฟิสิกส์มาส่ง เห็นอาจารย์กำลังกุลีกุจอหาของอะไรบางอย่างบนโต๊ะ
เราสวัสดีทักทายอาจารย์ “มาส่งการบ้านห้อง ม.4/2. ครับอาจารย์” แต่ดูอาจารย์ไม่สนใจเราเลย กำลังหาอะไรบางอย่างแล้วก็บ่นพึมพำอยู่คนเดียว
“ให้ช่วยอะไรมั๊ยครับอาจารย์” เราถาม
อาจารย์หันมามองหน้าเราแล้วตกใจ “ มาเมื่อไหร่นายพัฒนพงษ์ ไม่ให้สุ่มให้เสียง”
“เอ่ออออออ” เรานิ่งแล้วถามอาจารย์อีกครั้ง “ให้ผมช่วยอะไรมั๊ยครับอาจารย์”
“อาจารย์กำลังหารายการที่จะให้ป้ามาลัยแม่บ้านไปซื้อของให้ที่ร้านค้าไม่แน่ใจว่าให้แกไปหรือยังอาจารย์จดรายการไว้เยอะมาก โทรหาป้าแกก็ไม่รับสาย พัฒนพงษ์เธอไปตามป้ามาลัยที่ห้องพักแม่บ้านด้านหลังตึกให้อาจารย์หน่อย” อาจารย์หันมามองเราแล้วชี้มือไปทางห้องพักแม่บ้าน แล้วก้มหน้าหาของบนโต๊ะต่อ
“ครับอาจารย์เดี๋ยวผมไปตามให้” เราเดินออกไปแบบงงๆ นิดนึง แล้วเดินไปตามทางที่อาจารย์บอกไว้ ระหว่างทางที่เดินไปก็เจอผู้หญิงคนหนึ่งต้องใช่ป้ามาลัยแน่ ๆ เราเลยตรงเข้าไปหา
“ป้ามาลัยครับอาจารย์บุษบาตามหาอยู่คับ” เราถามป้าคนนั้นทันที
“ไม่ใช่จ๊ะป้าไม่ใช่มาลัย” แล้วป้าก็ชี้มือไปทางห้องเก็บของไปทางด้านหลังตึก “ป้ามาลัยไปห้องเก็บของลูกน่าจะไปเอาของ หนูตามไปเลยป้าเพิ่งเดินสวนป้ามาลัยไปเมื่อกี้เอง รีบไปนะเดี๋ยวป้าแกจะออกไปข้างนอก” ป้าให้เรารีบไป “ครับผมขอบคุณครับ” เรารีบเดินไปตามที่ป้าบอก
และแล้วเราก็เดินมาถึงห้องเก็บของของโรงเรียนว่าแต่ทำไมมันดูน่ากลัวจังเลย หรือป้ามาลัยแกจะไปบ้านพักแม่บ้านไหน ๆ ก็มาถึงหละแวะห้องเก็บของหละกัน บรรยากาศดูเงียบมาก เอาไว้เก็บอะไรเนี้ย บรรยากาศดูเหมือนไม่ค่อยมีใครเข้ามาสักเท่าไหร่ถ้าไม่จำเป็น แล้วไหนห้องเก็บของคือห้องไหน ตรงนี้มีห้องเก่า ๆ อยู่ด้วยกัน 4 ห้องแล้วห้องไหนที่ป้ามาลัยเข้ามา 1 2 3 หรือห้องที่4 อ๋อเราเห็นแล้วมีห้องเดียวที่ไม่ได้ล๊อคกุญแจห้องเอาไว้ คือห้องที่2 ต้องเป็นห้องนี้แน่ ๆ เราพุ่งไปที่ห้องที่2. ทันที แล้วเปิดประตูห้องกำลังจะก้าวเท้าเข้าไป วินาทีนั้นนึกในใจ ทำไมห้องมันมืดแบบนี้เนี้ย เหม็นอับด้วย ป้าแกมาทำอะไรในนี้ ไฟก็ไม่เปิด แต่ก็พอเห็นแสงอยู่บ้างจากข้างใน
“ป้ามาลัยครับๆ” เราส่งเสียงถามขึ้นมา
“มีใครอยู่มั๊ยครับ” เราถามย้ำอีกรอบ
เลองเข้าไปดูหละกันป้าแกน่าจะหาอะไรอยู่เลยไม่ได้ยินเสียงที่เราถาม มัวแต่ช้าเดี๋ยวเพื่อน ๆ กับ อาจารย์รออีก หิวข้าวแล้วด้วย เอาว่ะรวบรวมความกล้าแล้วก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องนั้นทันที ทำไมใจเราเต้นแรง เหงื่อเริ่มไหลแล้ว อากาศเริ่มร้อน ทำไมเราตื่นเต้นหรือเรากลัวกันแน่ ผสมปนเปกันไปหมดเวลานี้ เราก็เดินเข้ามาเรื่อยๆ ค่อย ๆ ก้าวมาทีละก้าว
“มีใครอยู่มั๊ยครับ ป้ามาลัยอยู่ในนี้มั๊ยครับ” เสียงเราเริ่มสั่น ทุกอย่างเริ่มเงียบไม่มีเสียงตอบรับใด ๆมาเลย เรามองไปรอบ ๆ ห้องเก็บของ ในนี้มีอุปกรณ์กีฬาเก่าๆ มีป้ายกีฬาสีกอบสุมกันอยู่ มีชุดกีฬาเก่าๆ เต็มไปหมด ที่คิดว่าคงไม่ได้ใช้งานแล้ว ฝุ่นเต็มเลย ใยแมงมุมก็เกาะเต็ม แล้วป้าจะเข้ามาทำอะไรในนี้ทำไม มาหาอะไร หรือใครใช้ป้าแกมาหาของในนี้หรือเปล่า นึกไปหลายอย่างหมดสับสนปนกันไปหมดเลยในเวลานี้
“มีใครอยู่มั๊ยครับ” เรายังคงถามคำเดิม
“ป้ามาลัยคับอยู่มั๊ยครับ” ทุกอย่างยังคงเงียบงันไร้การตอบรับใด ๆ
ทันใดนั้น มีเสียงจากนอกห้องเก็บของ ดังแกร๊ก เราหันหลังกลับไปดูทีประตูห้องมีคนมาปิดประตูแล้วล๊อคกุญแจแน่ ๆ จากด้านนอก
“เห้ย ซวยหละกู” เหงื่อเราตอนนี้ผุดขึ้นมาเยอะกว่าเดิมอีก ทำยังไงดี เรารีบก้าวเท้าอย่างรวดเร็วไปที่ประตูห้องทันที พุ่งตรงไปเขย่าประตูห้องให้แน่ใจ มันล๊อคจริง ๆ ด้วย เอายังไงดีที่นี้ เราตะโกนเรียกหาคนช่วย
“ช่วยด้วยครับมีคนอยู่ในห้องเก็บของ ใครก็ได้ช่วยทีครับ” เราเขย่าประตูแล้วพูดซ้ำอยู่แบบนั้นหลายรอบมาก แต่ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงเราเลย นึกขึ้นได้โทรศัพท์ไงโทรหาพอร์ชดีกว่าให้มันมาตามคนมาช่วย มือก็ล้วงไปที่กระเป๋ากางเกง วินาทีนั้นเรารู้สึกโมโหตัวเองเข้าไปใหญ่ ก็จะยังไงหละดันลืมโทรศัพท์ไว้บนห้องเรียนก่อนลงมาส่งการบ้านอาจารย์อีก
“โอ้ยทำไมมันซวยอย่างนี้เนี้ย” เราเริ่มโมโหตัวเอง ที่เป็นคนชอบลืมนั่นนี่พอเกิดเรื่องแบบนี้มาใครจะช่วยเราได้ ตอนนี้โมโหด้วย กลัวด้วย ทำไงดีหละมีน วินาทีนี้เรานึกอะไรไม่ออกแล้วไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี ทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าประตูแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาเอง เราจะติดอยู่ในนี้อีกนานมั๊ย จะมีคนมาช่วยเราหรือเปล่า ร้องเรียกหาใครก็ไม่มีใครตอบเราเลย ในห้องนี้ก็ร้อน แถมมืดอีกต่างหาก จะตายอยู่ในนี้หรือเปล่าเราจะเป็นผีเฝ้าห้องเก็บของอยู่ในห้องนี้ใช่มั๊ย ไม่นะเราจะไม่ยอมตายในห้องนี้แน่นอน ต้องหาวิธีออกไปให้ได้ แล้วเราก็รีบดึงตัวเองขึ้นมาสภาพตอนนี้คือกางเกงและเสื้อนักเรียนกเปื้อนฝุ่นและเหงื่อเต็มไปหมด เราเดินกลับเข้าไปอีกครั้ง เผื่อจะมีทางออกทางอื่นๆ เช่นมีหน้าต่างหรือประตูทางออกด้านหลัง ไม่ลองไม่รู้ รวบรวมความกล้าอีกครั้ง
“เอาว่ะดีกว่าตายในนี้ไอ้มีน” เราฮึดขึ้นมา
ทันใดนั้น
มีเสียงเหมือนแก้วหล่นลงพื้นด้านหลังกองป้ายกีฬาสีที่กองทับถมกันสูงประมาณหนึ่ง เราหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน แล้วพูดเบาๆ ไปว่า
“ป้ามาลัยหรือเปล่าครับ ป้ามาลัยครับใช่ป้ามั๊ย” เราใจดีสู้เสือถาม และค่อยๆเดินไปทีละก้าวไปหาต้นตอของเสียงแก้วที่หล่นลงพื้นเมื่อครู่ ค่อยๆเดินไป เดินไป ตอนนี้ใจเราเต้นแรงมากจนได้ยินเสียงมันอย่างชัดเจน จะทะลุออกมากจากอกแล้ว เหงื่อก็ไหลไม่หยุด ขาสั่น มือสั่น ใจยิ่งสั่นไปใหญ่ และแล้วเราก็ชะโงกมองไปหลังกองป้ายพวกนั้น สิ่งที่เห็นแว๊บแรกเป็นเงาบางอย่างยืนอยู่ เราตกใจแล้วอุทานออกไป
“เห้ออะไรวะ” กำลังจะหันหลังกลับวิ่งออกไปทางเดิม เท้าเราไปสะดุดกับกองป้ายล้มลง ทำให้รองเท้าเราหลุดข้างหนึ่ง ในขณะนั้นเงาที่เห็นก็ขยับเข้ามาใกล้เราทีละนิด ร่างที่เห็นเริ่มใหญ่ขึ้น เงามืดเริ่มขยายใหญ่ขึ้น
“ช่วยด้วยๆๆ” เราตะโกนออกมาแบบไม่คิดชีวิตด้วยความหวาดกลัว
เราพยายามลุกขึ้นให้ได้ แต่เหมือนจะหมดแรงเพราะล้มกระแทกไปทำให้ลุกไม่ขึ้น ใครก็ได้ช่วยมีนด้วยครับ คุณพ่อ คุณแม่ คุณย่า มีนจะตายแล้วครับ
ทันทีที่เงานั้นมาถึงตัวเรา วินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างวูบไป
“ช่วยยยยยยย………” เงาดำเอามือมาปิดปากเราไว้ไม่ให้ออกเสียงมันมืดจนเราไม่เห็นอะไรแล้วในเวลานี้ และทุกอย่างก็มืดดับลงเราไม่ได้ยินเสียงหรือเห็นอะไรอีกเลยหลังจากนั้น มันไม่ใช่ความจริงใช่มั๊ยมีน มีคือความฝันใช่หรือเปล่า ตื่นจากความฝันนั้นได้แล้วมีน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!