แนะนำตัวละครหลักของเรื่อง
หม่านซื่อหลิง นางเอกของเรื่อง ชาติที่แล้วเป็นพนักงานของ 'บริษัท หลิวเหว่ย กรุ๊ป' ทั้งยังเป็นนักอ่านนิยายจีนตัวยง แต่ด้วยเรื่องไม่ขาดฝันขนาดนอนอ่านนิยายเป็นเหตุทำให้นางต้องเข้าไปอยู่ในนิยายที่ตนเองอ่าน และยังเข้ามาอยู่ในร่างไร้ลมหายใจของ เฟิ่งฝูหยิน หรือ หวังหลาน ที่ได้ชื่อว่านางร้ายในนิยาย นางจึงต้องจำใจลุกขึ้น เพื่อแก้แค้นคนที่ช่วงชิงอนาคตและความรักของนางไปทั้งนางฝืนต่อสู้สายตาอันเหยียดหยามของครอบครัวรวมถึงเหล่าตระกูลใหญ่ในแผ่นดิน นางจะทำได้หรือไม่ อนาคตของของนางจะเป็นเช่นไร ติดตามอ่านได้ค่า
หลี่จิ่งเสียน หรือ องค์ชายหกแห่งแคว้นฝูหลิง พระเอกหน้าชาของเรื่อง ในอดีตเขาได้ตายไปแล้ว ครั้นนี้สวรรค์ประทานชีวิตใหม่ให้แก่เขา เพื่อมาเอาชีวิตของคนที่แย่งทุกอย่างไปจากเขาและทำให้เขาต้องเจ็บปางตาย แม้แผนของเขาจะแยบยนเพียงใดแต่กลับมีสตรีผู้หนึ่งมองออกอย่างหมดเปลือก ทำให้เขาเลือกที่จะลงเรือลำเดียวกับสตรีผู้นั้นเพื่อปิดปากของนาง แต่หัวใจของเขาไม่อาจทรยศนางได้ ทำให้เขาจึงต้องเลือกระหว่างเดินตามหัวใจ และศักดิ์ศรีอำนาจของตน
เหวินไท่ซู่ หรือ แม่ทัพหลวง อดีตคนที่นางเอกของเราแอบชอบ แม้นางเอกของเราจะยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกแต่กลับได้มาเพียงซึ่งคำตาลปัตรสัตย์ เขาเพียงต้องการกอบกุมอำนาจของทุกตระกูล เขาจึงจำต้องเอาความรักเข้าแรก เขามีคนที่ชอบอยู่แล้วแต่เพื่ออำนาจอันมหาศาลที่แม้แต่ฮ่องเต้ก็มิอาจเอื้อมคว้ามันได้ เขาจึงจำต้องกำจัดเสี้ยนหนามของตน เพื่อให้เขานั้นสามารถกุมอำนาจไว้ในกำมือได้อย่างงง่ายดาย
กู่อี้เหริน หนามยอกอกศัตรูตัวร้าย ของเฟิ่งฝูหยิน บุตรสาวของเสนาบดีกู่ นางคือคู่หมั้นของเหวินไท่ซู่ นางได้กำชัยชนะอย่างเต็มมือทั้งยังตบหน้าของเฟิ่งฝูหยินอย่างเต็มแรง นางไม่กลัวสิ่งใดในชีวิตของนางนั้นไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากได้กำจัดเฟิ่งฝูหยินออกจากชีวิตไป
"คุณหนูเจ้าคะ แย่แล้วเจ้าค่ะ!" บ่าวรับใช้มวยผมสองข้างวิ่งเข้ามาหาร่างบางที่ที่นั่งปลูกผักอยู่ในบริเวณจวนของตนอย่างมีความสุข
แต่ความสุขของนางก็ต้องเป็นอันจบลงเมื่อคนที่ได้ชื่อว่าพ่อผู้ที่มิเคยหันหัวมามองนางเลยในคราเดียวกลับมาที่จวน เพราะนางเป็นคนที่หัวรั้นเป็นที่สุด
"คนพรรค์นั้นอย่าสนเลย เอาเวลามาทำมาหากินยังมีประโยชน์กว่าเยอะ" หญิงสาวพูดไปพลางปลูกผักไป
"มะ..ไม่ได้นะเจ้าคะคุณหนู! หากท่านเสนาบดีไม่เจอคุณหนูที่นั้นข้ากับท่านจะโดนโบยเอาได้นะเจ้าคะ" บ่าวรับใช้พูดขึ้นพร้อมกับหยิบจอบของร่างบางไปเก็บเข้าที่
"นิ! เจ้าทำอะไรนะ ปลอบจอบเดี๋ยวนี้นะ"
"หากท่านไม่ไปข้าก็ไม่ปล่อยเจ้าคะ ไปแค่เคอเดียวไม่ตายหรอกนะเจ้าคะคุณหนู" อรชรทั้งสองพลางดึงจอบกันไปมาก่อนร่างบางจะเป็นฝ่ายปล่อยจอบไป
ข้ามิอยากไปเลยเห็นหน้าแล้วแทบเอียน พอเห็นสายตาเหยียดหยามพวกนั้นตัวเราก็แทบอยากจะเดินหนีเสียอย่างนั่น หน้ารำคาญ ทำไมข้าจำต้องเกิดมาอยู่ในร่างเด็กนี้ด้วยนะ!
ทั้งๆที่ตัวเลือกมีมากมายแท้ๆเหตุใดจึงมิยอมให้ตัวข้านั้นเกิดมาอยู่ในร่างนางเอกเสียเล่า
"เจ้ายืนงงอะไร ไปเตรียมชุดให้ข้าสิจะได้รีบๆไปรีบๆกลับ!" ร่างบางพูดขึ้นก่อนบ่าวรับใช้จะฉีกยิ้มดีใจขึ้น นางรีบวิ่งเข้าไปในจวนหลังเล็กภายในมีเสียงกุกกักเล็กน้อยเหมือนกำลังหาบางอย่าง
'เฮ้อ... ข้าควรทำเช่นไรดีจะกลับไปที่โลกเดิมก็ไม่ได้จะหนีก็ไม่มีที่พึ่งพิงเสียด้วยสิ ข้าละอยากถอนหายใจเป็นสีรุ่งเสียจริง'
อรชรพลางครุ่นคิดหนัก แต่นางจำต้องจำใจอยู่ต่อไป ตลอดชีวิต นางอยากตายอีกรอบแม้คราวจะได้ไปอยู่ในปรโลกก็ตาม
________________________________________________
"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูงามมากเลยเจ้าค่ะ" ร่างบางพลังมองกระจกทองเหลืองที่สะท้อนใบหน้าของตนแม้เลือนลางนักแต่รับรู้ได้ว่ามันสวยงามมากจริงๆ
"ฝีมือแต่งหน้าของข้าไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว" อรชรชูสองนิ้วขึ้นแนบใบหน้า จนทำให้บ่าวของตนงุนงงและยังทำตัวไม่ถูกกับกิริยาของคุณหนูของตน
"สองรองใคร? คืออะไรเจ้าคะ" บ่าวร่างเล็กเปล่งวาจาใส่คุณหนูของตนด้วยความงุนงงสงสัย
"เอาเป็นว่ามันมีความหมายดีละกัน" นวลระหงส์ยิ้มหวามใส่บ่าวที่กำลังยืนอยู่ข้างหลัง
"เจ้าคะคุณหนู" บ่าวรับใช้ฉีกยิ้มงามตอบ
ในชีวิตของฉันสิ่งที่ฉันไม่อยากทำที่สุดคือการพบเจอครอบครัว(ลวงๆ)ของตัวเอง... แต่ว่าในเมื่อมันเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องจำใจ แม้ในสายตาของทุกคนจะคิดว่าฉันเป็นคนเลวทรามก็ตาม
เพราะอะไรนะเหรอก็เพราะเจ้าของร่างเก่าละ พาลกับคนอื่นเขาไว้เยอะจนสุดท้ายตนเองก็กลับจนตรอก ในที่สุดก็สิ้นใจเพราะตัวพระ ไปรักกับตัวนาง เห้อ..น่าสงสารๆ
ฉันพยายามหาทางกลับโลกปัจจุบันแต่มันก็ทำไม่ได้ แม้จะกลับไปในที่เดิมๆก็แล้ว ท่องคาถาอะไรบ้าๆก็แล้วผลสุดท้ายก็ต้องจำใจรับชีวิตที่เหลือของ 'นางร้าย' ในนิยายที่ตนเองอ่าน
เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อ หนึ่งเดือนที่แล้ว
________________________________________________
1 เดือนก่อนเกิดเรื่อง
ณ มลฑลชานซี ประเทศจีน
'บริษัท หลิวเหว่ย กรุ๊ป'
' ฟึบ ฟุบ ฟึบ ฟุบ ' เสียงลุกๆนั่งๆของร่างนวลระหงส์
"นี้ๆ ซื่อหลิง ถ้าเธอจะลุกๆนั่งๆอย่างนี้ ฉันว่าเธอเดินไปหานางเองเลยดีกว่านะ" เสียงเพื่อนสาวคนสนิทเรียกบัดดี้ของตน
"อึ๋ย~ ลี่จางเธอเห็นรึป่าวพอนางได้รับคำชมจากหัวหน้าก็ทำเป็นเขินชักดิ้นชักงอ เหอะ!" ร่างบางสะบัดก้นของตนนั่งเก้าอี้อย่างเป็นสุข
นางเป็นคนขี้รำคาญคนที่ชอบประจบประแจงคนโน่นนั้นคนนี้ ทำไมชอบคำชมนักรึไง ที่ฉันพูดหวานใส่บ้างทำเป็นหยิ่งใส่นางคิดว่านางดีมาจากไหนห้ะ!
"เอาน่าๆ เรากลับหอกันดีกว่าอย่ามัวมานั่งมองเสนียดสายตาเลย ฉันเห็นว่าเธอซื้อนิยายมาอ่านด้วยนี้หน่าฉันละอยากลองไปอ่านจะตายอยู่แล้วละ" ลี่จางมองคนหน้างอ เธอคิดว่าเพื่อนสาวของเธอเป็นไบโพล่าเพราะเดี๋ยวนางก็ดีเดี๋ยวนางก็ร้าย
แต่สิ่งที่ทำให้ฉันชอบเธอคือการที่เธอนั้นเป็นตัวของตัวเองได้อย่างมีความสุข
"ชิ! ก็ได้กลับก็กลับโว้ยยย" ร่างบางทั้งสองลุกขึ้นเก็บโต๊ะสะพายกระเป๋าข้างเดินออกไปจากออฟฟิต เพื่อตรงดิ่งไปหอพักของตน
________________________________________________
ณ หอพัก
1ชั่วโมงหลักจากกลับมาจากออฟฟิตฉันอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะนอนกลิ้งบนเตียงนิ่มและหยิบหนังสือเล่มใหม่มาอ่าน
หัวใจของฉันสูบฉีดเลือดไปมาอย่างรวดเร็วเป็นเท่าทวีคูณ ฉันนำมือเรียวของตนลูบไปบนปกหนังสือหนาอย่ามีความสุขจนออกนอกหน้า
เนื้อเรื่องที่ดำเนินไปอย่างเข้มข้นจนคนติดนิยายอย่างฉันปล่อยมันออกไปจากฝ่ามือไม่ได้เลย นางเอกก็เป็นขุ่นแม่แสนดีเหลือเกิน ส่วนนางร้ายก็แสนร้ายเหลือเกินคำบรรยาย
เนื้อเรื่องของนิยายดำเนินมาจนใกล้ถึงตอนจบแล้วในไม่กี่หน้า นวลระหงส์ที่นอนราบอยู่บนเตียงพลางถอนหายใจดังเฮือก 'ฉันยังอ่านไม่ทันสนุกจบอีกละ' หญิงสาวคิดอย่าท้อแท้จนในที่สุดเนื้อเรื่องดำเนินมาถึงหน้าสุดท้าย
หญิงสาวอยากรู้ว่าพระเอกจะคิดอย่างไรกับนางเอกกันแน่เพราะดูก็รู้อยู่ว่านางเอกมีใจให้ พระเอกก็คงไม่แตกต่างกันนักหรอก แต่ก็สงสารตัวร้ายที่สุดท้ายก็ตายอย่างน่าเวทนายิ่ง
"ทำไมมันถึงง่วงอย่างงี้ละ อีกนิดเดียวเองนะ" อยู่หญิงสาวสายตาเริ่มเลือนลางอย่างกระทันหัน
"โอ้ย ใครก็ได้... ลี่จาง..." ฉันมีความรู้สึกหากครั้งนี้หลับไปละก็จะไม่มีโอกาสได้ลืมตาดูโลกนี้อีก
' แล้วทุกอย่างก็ดับมืดลง '
'อึก..' ฉันกลืนน้ำลายเหนี่ยวๆลงคอก่แนใจหายใจถี่อย่างตกใจ
'ฟุบ!' ร่างบางพลันเด้งออกจากเตียงไม้ไผ่สกปรกอย่างตกใจ ก่อนสายตาคมจะมองสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบๆตัวของด้วยความงุนงง
'ที่นี้ที่ไหนอะ แล้วทำฉันถึงมาอยู่ที่นี้ได้' ความคิดที่หลากหลายถาโถมเข้าใส่อรชรร่างเล็กบนตั่งเตียงเล็ก
"คะ..คุณนะ..หนู คุณหนูของบ่าว ฮึก..ฮือ..ฮึก.." อยู่ก็ได้ยินเสียงของหญิงสาวที่ดูโศกศัลย์และดูอาลัยอาวรเธอเหลือเกิน
ทำไมเธอคนนี้ถึงได้เรียกแทนตัวเองว่าบ่าว? แล้วทำไมนางต้องร้องห่มร้องไห้เสียจะเป็นจะตายขนาดนั้นด้วย..
"คุณหนูของบ่าวยังไม่ตายจริงๆด้วยเจ้าคะ ซู่ผิงคิดไว้แล้วเชียวเจ้าคะว่าคุณหนูจะไม่หายไป..ไม่หายไปจากโลกใบนี้แน่ๆเจ้าคะ" หญิงสาวปริศนาพลันจับมือบางที่ดูซูบผอมไร้เรี่ยวแรงและเป็นสีขาวซีดเหมือน คนตาย.... อย่างถนุถนอมเหมือนกลัวว่าสิ่งนี้จะหายหลุดลอยจากตนไปตลอดกาล หญิงสาวพูดไปทั้งน้ำตาที่ไหลพรากดั่งสายวารี
ภายในห้องนี้นั่นแคบนัก ในครานี้มีเพียงตัวนางและก็หญิงสาวที่แต่งตัวสกปรกๆพอๆกับนางนั่งอยู่บนพื้นสาก นางไม่รู้อะไรเลย นางไม่รู้ว่านางมาที่นี้ได้อย่างไร ใครเป็นผู้นำทางนางมาที่แห่งนี้ แล้วหญิงสาวคนนี้เป็นอะไรทำไมถึงร้องไห้ฟูมฟายดั่งคนใจแตกเสียอย่างนั่น
สงสัยต้องปลอบนางเสียหน่อย ปกติฉันก็ไม่ชอยคนขี้งอแงอยู่แล้วและยิ่งเห็นร้องห่มร้องไห้เหมือนคนใกล้ตายต่อหน้าเธอแล้ว ก็ยิ่งทนไม่ได้เข้าไปใหญ่
"โอมเอยโอม โอมกิมก๋อง กิมก๋องเป็นเจ้านายใหญ่" ร่างบางเริ่มร้องเพลง พร้อมกับลูบหัวของหญิงสาวปริศนาที่ดูมีอายุน้อยกว่าตน
"บ่าวไพร่มายกรองเท้าไป
ยกยังไงก็ยกไม่ขึ้น เลี้ยงหมูก็โตกว่าวัว
วัวเหลืองออกลูกเป็นม้า ม้าออกไข่มุก
ไข่มุกกลมกลิ้งหลุนๆ อาเสี่ยเรียนหนังสือไปสอบ
จอหงวน สอบจอหงวน สอบจอหงวน
อาเสี่ยมีวิชาเทียบชั้นทังฮวย
ขาไปใช้พนักงานแบกสัมภาระ
ขากลับนั่งเกี้ยวใหญ่ขนาบด้วยธงทิวหลากสี "
หญิงสาวหยุดสะอื้น ก่อนเข้าโผล่กอดอรชรงามอย่างคิดถึง นางไม่ได้ฝันไปแน่ๆ..คุณหนูของนางไม่ได้ตายดั่งใครเขาว่ากัน
คุณหนูของนางมีบุญเหลือเกิน ขอบคุณเง็กเซียนที่รับฟังคำขอของข้า นะเจ้าคะ
"เธอชื่ออะไรเหรอ" ร่างบางเริ่มถามคำถามกับหญิงสาวตรงหน้า หลังจากที่นางหายสะอื้นจากอาการโศกเศร้า
"เจ้าคะ?... คุณหนูจำบ่าวไม่ได้หรือเจ้าคะ.." หญิงสาวปริศนาหน้ามุ้ยนิดๆแต่นางก็พอเข้าใจเหตุผลว่าทำไมคุณหนูของนางถึงเป็นแบบนี้และคนที่ทำให้คุณหนูของนางเป็นเช่นนี้นางจะไม่มีวันให้อภัยมันเป็นอันขาด
"บ่าวชื่อซู่ผิงเจ้าคะ" หญิงสาวแนะนำตัวอย่างสุภาะ
"เธอไม่มีแซ่เหรอ" ร่างบางทำหน้างง อย่างน้อยคนที่พูดได้รู้ภาษารู้มารยาทแบบนีเควรจะมีแซ่ทุกคนสิแต่ทำไมนางไม่มีแซ่หรือนางจะ.... ไม่สิหากนางเป็นขอทานทำไมถึงสวยแบบนี้ทำไมถึงรู้จักมารยาทได้ละ
"เจ้าคะ"หญิงสาวยิ้มอ่อนแล้วตอบก่อนอรชรจะมองไปรอบๆด้วยความงุนงงสุดๆก่อนจะพูดขึ้นด้วยความงงใจตน"แล้วที่นี้คือที่ไหนเหรอซู่ผิงแล้วอยูามานานเท่าไหร่แล้วละ"
หญิงสาวมองหน้านายของตนก่อนจะดึงมือเล็กไปที่มือสากของตน
"ที่นี้คือกระท่อมชายป่าเจ้าคะ ท่านกับข้าอยู่ที่นี้มาเกือบครึ่งปีได้แล้วเจ้าคะ" ซู่ผิงพูดด้วยสีหน้าไม่สบายใจ นางควรบอกนายหญิงของตนเช่นไรดีนะ..
งันก็แสดงว่าเราอยู่ที่นี้มาครึ่งปีแล้วสินะ ตะ..แต่เราทำงานอยู่ออฟฟิตไม่ใช่เหรอ แต่ทำไมอยู่ๆถึงได้มาอยู่ในกระท่อมชายป่าได้นานถึงครึ่งปีกันละ
งันก็แสดงว่า.......
"ซู่ผิงเอากระจกมาให้ข้าหน่อยสิ" อรชรพูดพร้อมกับลูบใบหน้าที่ซูบผอมของตนด้วยความกังวล
หากว่าใบหน้าที่สะท้อนมาอัปลักษณ์หน้าเกลียดละนางควรทำเช่นไร! อยู่ในป่าแบบนี้จะหาหมอศัลยกรรมได้ที่ไหนกันเล่า!
"หมายถึงคันฉ่องหรือเจ้าคะ" นางงงจริงๆว่านายของตนพูดว่าอะไรนะ..กระจก นางงงอยู่สักพักก่อนจะสังเกตมือของคุณหนูที่ลูบไปทั่วใบหน้าของตัวเอง นางจึงคิดว่านางน่าจะของคันฉ่อง
"เออ....นั้นแหละคันฉงคันฉ่องอะไรก็เอามาแหละ" อรชรเริ่มปวดหัวกับภาษาอะไรก็ไม่รู้ นี้ยุคเสรีนิยมแล้วนะทำไมยังมีคนใช่คำโบราณชวนปวดหัวแบบนี้อยู่อีกละเนี้ย
ซู่ผิงคลานเข่าไปหยิบกระจกเหล็กที่ดูสกปรกมาให้อรชร อย่างรวดเร็ว
นางอยากเอากระบานโขกกับผนังเสียจริง นางบอกว่านางจะเอากระจกไม่ใช่ถาดอาหาร!
"เออ..." ฉันพยายามไม่เลือกเพราะตอนนี้ทุกอย่างมันซับซนวุ่นวายไปเสียหมด ในที่สุดฉันก็ทำใจมองตนเองในแผ่นเหล็กขัดเงา
"......." ฉันเงียบไป แม้เงาในนั้นจะสะท้อนอย่างเลือนลาง แต่ฉันก็เห็นได้ว่าใบหน้านั้น สวยมากสวยจริงๆสวยวัวตายความล้มเลยก็ว่าได้
หากออกไปโลกภายนอกมีหวังได้เป็นดาราดังถล่มทลายเป็นแน่แท้ งามล้มเมืองจริงๆ แสดงว่านี้ก็ไม่ใช่เรานะสิแต่ทำไมถึงมาอยู่ในร่างนี้ได้กันละ
เรื่องพรรณนี้มันมีจริงด้วยเหรอ...
"แล้วฉันชื่ออะไรอะ" หญิงสาววางแผ่นเหล็กขัดเงาก่อนจะนำนิ้วมาชี้ที่ใบหน้าของตนเอง
"เออคุณหนูชื่อ.. หวังหลาน เจ้าคะ.." หญิงสาวพูดขึ้น
"ห้ะ! แซ่ก็ไม่มี แถมชื่อยังเหมือนผู้ชายอีก อกอีแป้นจะแตก!" อรชรอุทานขึ้น
"อกอีแปนจากแตกคืออันใดเจ้าคะคุณหนู?" ซู่ผิงถาม"คำอุทานหน่ะ เธอไม่ต้องสนใจหรอก" อรชรไม่รูจะพูดอธิบายยังไงนางเอื่อมระอาเหลือเกินทน
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!