วาริน เป็นลูกคนที่สี่ ในบรรดาลูกทั้งหกของครอบครัว ฐานะทางครอบครัวยากจนมาก แต่ยังดีที่มีที่นาทำกินอยู่ประมาณสามไร่ ก็ยังดีที่มีข้าวกิน ถ้าไม่พอ ก็ต้องเชื่อข้าวที่โรงสีมากินบ้าง
วาริน คุ้นเคยกับวุฒิไกร ลูกชายคนเดียวของท่านนายอำเภอ เขาเป็นชายที่เพรียบพร้อม ทั้งชาติตระกูล การศึกษา ฐานะตลอดจนถึงรูปร่างหน้าตาที่จัดว่าหล่อชวนฝันเลยทีเดียว
โปรดติดตามเรื่องราวการต่อสู้อันแสนลำบากของเธอ เพื่อเป็นกำลังใจให้เธอได้เลยครับ...
"มึงนะ มักใหญ่ใฝ่สูงเกินกว่าคนอื่นๆมากไปแล้วนะ ชาวบ้านที่นี่ทุกคนเขาก็อยู่กันอย่างธรรมดา มึงนะอย่า...แม้แต่จะคิด"
นี่คือคำให้พรของชาวบ้านหลายคนที่รู้ว่า ลูกชายคนเดียวของท่านนายอำเภอมาชอบฉัน มันผิดด้วยหรือที่เขามาชอบฉัน...
ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะมีคนรักที่สูงส่งนะหรือ และถ้าคนที่ชอบฉัน เป็นเพียงชาวบ้านกระจอกต่ำต้อยติดดินเหมือนกันกับชาวบ้านธรรมดาๆล่ะ พวกเขาจะมองฉันด้วยสายตาแบบไหน
การที่ลูกชายคนเดียวของท่านนายอำเภอมารักฉัน แล้วมันทำให้ใครเดือดร้อนละ และมันก็เป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของฉันมิใช่หรือที่จะรับรักเขา
"มึงอย่านึกว่าเขาจะจริงจังกับสาวบ้านป่าอย่างมึงละ โถ อยากจะเป็นลูกสะใภ้นายอำเภอ กูจะคอยดูว่ามึงจะได้หน้าได้ตาไปสักกี่วัน"
มันคือความหวาดหวั่นของฉัน ฉันยอมรับจริงๆว่าฉันนะทั้งหวาดกลัวและว้าวุ่น ฉันกลัว
ฉันก็กลัวว่าคำเหยียดของชาวบ้านจะเป็นจริง ความกลัวมันมากมาย จนทำให้ฉ้นเก็บไปฝัน
ความฝัน มันช่างร้ายแรงต่อฉันนัก ทุกคนในความฝันพากันทั้งเหยียด ทั้งรุมด่า แถมตบตีฉันอย่างไร้ปรานี
ความจริงกับความฝันมันแทบไม่ต่างกัน ฉันรู้สึกเหมือนถูกตบตีทุกครั้งที่มี สายตาผู้คนที่จ้องมองมายังฉัน มันทั้งกดดัน บีบคั้น และเจ็บปวดรวดร้าว
ฉันเก็บเอาความเจ็บปวดไว้กับตัวแทบจะตลอดเวลา ฉันอยากตอบโต้ออกไปอย่างรุนแรง แต่ดูเหมือนว่ามันมีแต่ความหวาดหวั่นเข้ามาครอบงำจนฉันไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
ฉันยังไม่โตพอ ฉันอายุเพียงสิบสี่ แล้วจะให้ฉันกล้าหาญตอบโต้ผู้ใหญ่ได้อย่างไร
แต่ฉันก็ยืนยันว่า ฉันไม่ผิด มันผิดด้วยหรือที่บ้านของฉันอยู่ติดกับบ้านของผู้ใหญ่บ้าน และการที่ท่านผู้ใหญ่บ้านรักและเอ็นดูฉัน
ผิดด้วยหรือที่ท่านผู้ใหญ่บ้านเป็นเพื่อนกับนายอำเภอ และทั้งนายอำเภอและลูกชายมักจะมาเยี่ยมท่านผู้ใหญ่บ้าน เราก็เลยพบกันและเราคุ้นเคยกันมาตั้งแต่เด็ก
ผิดด้วยหรือที่ลูกชายท่านนายอำเภอมักจะทักทายฉันก่อนที่เขาจะกลับทุกๆครั้ง และมักจะไปเยี่ยมฉันถึงไร่ยาสูบที่ฉันทำอยู่บ่อยๆ
และผิดด้วยหรือที่เขาขอให้ฉันนั่งรถไปด้วยเพื่อไปหาท่านกำนัน ฉันนะยินดีที่จะไปกับเขา เพราะเรารู้จักคุ้นเคยกันมานาน
"ผมชอบทิวทัศน์ข้างน้ำกกมากเลยครับ และผมจะขับชมสองข้างทางไปเรื่อยๆนะครับ"
เขาสุภาพกับฉันมาก ถึงมากที่สุด ขนาดคุ้นเคยกันแล้วก็ยังเรียกสรรพนามแทนตัวเขาเองว่าผมทุกครั้ง อันนี้ที่ทำให้ฉันสุดทึ่ง การศึกษามันทำให้คนเป็นคนดีอย่างนี้เองนะเหรอ...
วันสุดท้ายของการเป็นนักเรียน...
เมื่อเราจบ ป. 6 วันสุดท้ายที่ฉันยังคงมีความรู้สึกอบอุ่นหลงเหลืออยู่บ้างก็คือวันที่ได้รับวุฒิการศึกษา มันมีทั้งความสุขปนเศร้า ฉันต้องลาคุณครูและต้องย่างก้าวออกจากรั้วโรงเรียน
มันเกิดความรู้สึก เหมือนคนไร้บ้าน สิ้นความสุข สิ้นความสดใส ไร้คนรัก ไร้ทุกสิ่งทุกอย่าง มันเคว้งคว้าง โดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยว วังเวงอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้
ทำไมฉันถึงมีความรู้สึกเคว้งคว้างล่อยลอย...
เพราะเหมือนกับว่าฉันกำลังจะถูกคนเขาปล่อยให้ลอยแพ ไม่มีใครที่จะคอยดูแลเห็นอกเห็นใจ ไม่มีใครที่จะคอยสั่งสอน ไม่มีคนมอบสิ่งที่ดีงามให้ฉันอีกต่อไปแล้ว
ทำไมฉันถึงมีความรู้สึกโดดเดี่ยวเปล่าเปลี่ยว...
ก็เพราะว่าฉันไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ในเมื่อสิ่งที่ครอบครัวมอบให้แก่ฉันนั้นมันก็เป็นได้แค่เพียงชีวิต อาจจะมีความรักและความดีงามให้กับฉันปนมาอยู่บ้างสักเล็กน้อยที่ทำให้ฉันเติบโตมาได้
และอีกอย่างหนึ่งฉันแทบไม่เหลือเพื่อนอยู่เลย เพื่อนที่เคยให้ความร่าเริงสนุกสนาน เพื่อนที่เที่ยวหาปูหาปลาหาหน่อไม้ของป่าด้วยกัน
ทำไมฉันถึงรู้สึกเหมือนคนไร้บ้าน สิ้นความสุข...
เพราะสำหรับฉันแล้ว บ้านคือที่คุ้มภัย คุ้มครองปกป้องฉัน มิใช่ผลักใส ไล่ส่งส่งให้ฉันออกไปทำงานหาเงิน และบ้านคือครอบครัวรวมทั้งพี่ๆน้องๆ มันคือความรัก ความอบอุ่นความดีงาม
อย่าว่าแต่เด็กที่จบ ป. 6 แล้วอย่างฉันเลย ที่จะรู้สึกและต้องการอย่างนี้ แม้แต่เด็กอนุบาลก็ยังรู้สึกและต้องการ เหมือนกับฉันเลย ใครละจะไม่ต้องการความรัก ความดีงาม หากโลกนี้มีแต่สิ่งแย่ๆ มีแต่ความเกลียดชัง แล้วคนจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร
วันสุดท้ายของการรับสมัครเรียนชั้นมัธยม...
แม้ใบสมัครเรียนต่อฉันก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง มันถูกขยี่ ฉีกและโยนเข้ากองไฟ ด้วยความเคียดแค้นชิงชัง ที่ล้นออกมาจนเห็นได้จากสายตาที่แข็งกร้าว ของคนที่เกลียดมัน
"มันอวดดีเอามาทำไมวะ ไอ้ใบสมัครเรียนต่อบ้าๆนี่"
เมื่อครอบครัวฉันเป็นแบบนี้จะให้ฉันมองใบหน้า ที่เอิบอิ่ม เต็มไปด้วยความสุขสมหวัง ความสุขใจของเพื่อนบางคนที่สามารถเข้าเรียนต่อในตัวเมืองได้หรือ
เพราะความรู้สึกของเขามันตรงข้ามกับฉันและต่างกันราวฟ้ากับดิน เขาสุขสมหวังยินดีปรีดาส่วนฉันเจ็บปวดรวดร้าวอย่างแสนสาหัสถึงขั้วหัวใจ
มันย้ำเตือน และตราหน้าฉันว่า ฉันคือคนต่ำต้อยด้อยค่าไร้ความหมาย หมดสิ้นปัญญา หากโดดน้ำ มุดดินหนีได้ฉันก็คงทำไปแล้ว คำตอบเดียวในหัวของฉัน
"เขาช่างโชคดี ที่เกิดถูกที่ถูกคน"
ความรู้สึกท้อแท้มันถาโถมทับถม ใส่ฉันจนแม้แต่จะยืนฉันก็ยืนไม่ไหว
แม้จะท้อแท้เพียงไร เพื่อตอบแทนบุญคุณครอบครอบครัว ที่ฉันรัก ฉันจึงต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้
วันหนึ่งฉันพ่นยาฆ่าแมลงเกือบ30ถัง ถังสุดท้ายฉันหมดแรงตกลงไปในน้ำ พอดีขอนไม้ใต้น้ำทำให้ฉันล้มลง และด้วยสายน้ำที่เชี่ยวแรง มันดันร่างฉันลงไปข้างล่าง
ตัวฉันลื่นลงไปติดิยู่ใต้ขอนไม้ ส่วนถังพ่นยาของฉัน ฉันยังเห็นมันติดอยู่กับกิ่งไม้บนหัวฉันอยู่เลย ส่วนฉันนั้นติดอยู่กับขอนไม้ใต้น้ำ
เพราะช่องว่างระหว่างขอนไม้กับพื้นมันเล็กกว่าตัวฉัน ฉันจึงติดอยู่กับขอนไม้ใต้น้ำนั้น ไม่มีแรงที่จะงัดตัวเองออกมา
เมื่อฉันหมดปัญญาจะพาตัวเองขึ้นจากน้ำได้ ฉันก็คงต้องตายแน่ๆ ความรู้สึกที่ยอมรับได้ว่าคงจะตายแน่ๆ มันก็แค่ความอึดอัดเท่านั้น
มันยังมีพอเวลาให้ฉันคิดได้อีกว่า ตายเสียได้ก็ดี จะอยู่ไปทำไมกัน...
และวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายของชีวิตฉันจริงๆ...
ฉันรู้สึกว่า ร่างฉันถูกคนดึงออกจากขอนไม้ใต้น้ำก่อนที่ฉันจะหมดสติ จนฉันพ้นจากความตาย เมื่อฉันลืมตาขึ้นมองเขา ฉันคลางออกมาเบาๆว่า "คุณนั่นเอง"
"ผมเองครับ วารินคุณปลอดภัยแล้วนะครับ ผมดีใจที่คุณฟื้นครับ"
ฉันยังคงนอนตักเขาด้วยความอ่อนเพลีย และฉันก็ไม่อยากลุกจากตักเขาด้วย ฉันไม่ได้แกล้งทำมารยาอยากนอนหนุนตัดเขานานๆ แต่ฉันหมดแรงจริงๆ
เวลานี้เขาสามารถที่จะทำอะไรกับฉันก็ได้เพราะที่นี่ไม่มีใคร และฉันก็ไม่มีแรงที่จะต่อสู้ แต่เขาคือสุภาพชนที่ไม่ฉวยโอกาสลวนลามฉันเลย
"วันนี้ผมรู้สึกร้อนใจจนไม่สามารถอยู่บ้านได้ จึงมาที่นี่ก็มาพบกับคุณอยู่ใต้น้ำนั่นเองแหละ น้ำนะมันไม่ลึกแต่มันเชี่ยว"
เขานั่นเอง เขาคือผู้ให้ชีวิตใหม่แก่ฉัน ที่สำคัญกว่านั้น เขาคือคนที่ทำให้ฉันพ้นจากความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า ด้วยคำพูดสั้นๆ
"ผมนะชอบคุณนะครับ เพราะคุณเป็นหญิงพิเศษคนเดียวมีค่าต่อผมมาก ผมไม่เคยเห็นหญิงคนไหนมาก่อนที่แกร่งเหมือนคุณเลยจริงๆครับ"
คำชมของเขา มันทำให้ฉันตื่นเต้น เสียยิ่งกว่าความตายที่กำลังจะพรากชีวิตของฉันที่ผ่านไปหยกๆนี่เอง
เพราะคำชมของเขามันสามารถเยียวยาความรู้สึกเจ็บปวดที่คอยกัดกินดวงใจของฉันตลอดมา ทำให้ฉันมีความสุข มีกำลังใจ แม้ว่าฉันจะยังคงจดจำคำสาปแช่งของใครต่อใครได้ชัดเจนอยู่ แต่ก็รู้สึกเจ็บน้อยลง และรู้สึกเหมือนแค่ฝันร้ายที่ผ่านไป
ที่ผ่านมา แม้ว่าฉันจะทำงานอย่างหนักแต่ฉันกลับไม่มีเงินติดตัวแม้แต่บาทเดียว ก็เพราะฉันทำเพื่อครอบครัวของฉัน ฉันหวังว่าถ้าฉันทำงานอย่างหนักเราจะพ้นจากความยากจน
และฉันคิดไปอีกไกลว่า หากฉันสามารถทำให้ครอบครัวมีฐานะดีได้นั่นคือฉันสามารถใช้หนี้ชีวิตฉันได้ วันนั้นฉันจะพ้นจากความต้อยต่ำ
ก็เพราะคำพูดเหล่านี้ไงที่ทำให้ฉันต้องทำงานหนัก และการทำงานหนักของฉันมันยังมีผลทำให้เขาชอบฉันอีกด้วยโดยที่ฉันก็มิได้คาดคิดมาก่อน
"มึงจะเกิดมาล้างมาผลาญครอบครัวเหรอ คนที่มันไปเรียนมันคนโง่ทั้งนั้น คนที่ส่งลูกเรียนมันก็ยิ่งโง่ ที่ยอมเป็นขี้ข้าลูกของตัวเอง"
"เลี้ยงโตแล้วยังไม่พออีกเหรอ ยังจะเอาความลำบากมาให้พ่อแม่ไม่รู้จักจบจักสิ้นอีกเหรอ"
"ใครในครอบครัวของเราได้เรียนบ้างละ ทุกคนยังอยู่ได้ ไม่เห็นมีใครตายซักคน"
"มึงคอยดูนะ ไอ้คนที่เรียนนะ มันจะไปได้แค่ไหน มาลองแข่งกันดูก็ได้ว่าคนที่เรียน กับคนที่ไม่เรียนใครจะได้ดีกว่ากัน"
คำพูดทุกคำ มันดูเหมือนคำสั่งห้าม แต่ว่ามันไม่ใช่ มันเป็นมากกว่านั้น มันคือความชิงชังและการดูหมิ่นการศึกษา เป็นคำสบถแช่งด่า
เป็นความเกลียดชังต่อครอบครัวที่ส่งลูกหลานเรียนต่อ เพราะครอบครัวเหล่านั้นมันทำให้ลูกหลานของใครต่อใครอยากเอาอย่าง อยากเรียนเหมือนกับเขาบ้าง
เพราะในทางตรงข้าม หลายครอบครัวต้องการใช้ให้ลูกทำงาน หาเงินให้พ่อแม่ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหาเงินแบบใดก็ตาม ขอแค่ให้ได้เงินมาตอบแทนค่าข้าวปลาอาหารที่พ่อแม่เลี้ยงดูมาได้ก็พอ
ความจริงนะไม่ต้องแช่งด่ากันด้วยความชิงชังกันขนาดนั้นก็ได้ เพียงแค่พูดง่ายๆว่า
"พ่อแม่หวังดีกับแกนะ ถึงไม่ให้ไปร่ำไปเรียน เพราะมันจะทำให้แกเสียเวลาทำงานหาเงิน"
"อีกหน่อยแกก็ต้องมีผัวแล้วจะเรียนไปทำไม อย่าเรียนเลยนะ"
พูดแค่นี้พวกลูกๆก็เกรงใจจะตายอยู่แล้ว พวกลูกๆคงไม่กล้าฝืนคำพ่อแม่หรอก
ก็เพราะลูกๆถูกสอนสั่งให้มีหน้าที่ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่อยู่แล้ว ที่ท่านทำให้ลูกๆเกิดมา และเลี้ยงดูลูกๆให้เติบโตเป็นผู้เป็นคนกับเขาได้
ส่วนลูกๆก็อย่าไปหวังว่าท่านจะส่งเสริม หรือส่งเสียให้เรามีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต หรือมีความเจริญรุ่งเรืองเลย...
ชาวบ้านหลายคนคิดแค่สั้นๆว่า การเรียนมันทำให้สิ้นเปลือง สู้การรีบใช้งานลูกเราเสียตั้งแต่ยังเล็ก ในเมื่อมันก็ทำงานได้แล้วนี่
พวกเขาไม่ได้คิดว่าหากลูกๆมีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิต ท่านก็จะได้รับผลนั้นด้วย และหากลูกๆตกต่ำแล้วท่านก็จะแย่ไปด้วย
สิ่งเหล่านี้มันฝังอยู่ในใจชาวบ้านส่วนใหญ่ และมันก็กระจ่างชัดอยู่ในหัวฉันอยู่แล้ว ซึ่งมันทำให้ฉันอดที่จะเปรียบเทียบความคิดของชาวบ้านบางคนกับเขาและพ่อของเขาซึ่งเป็นถึงนายอำเภอมิได้
"ขอบคุณมากนะคะ ที่ให้ชีวิตใหม่แก่ฉัน ฉันยินดีมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันมีให้กับคุณ เป็นการตอบแทน"
คือคำพูดที่ฉันคิดว่าดีที่สุด และเป็นการตอบแทนที่ดีที่สุด...เขาก็ได้แค่ยิ้มเท่านั้น...
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!