NovelToon NovelToon

Because Of You เพราะเธอคือไออุ่นของหัวใจ

บทนำ

‘รัก’ สำหรับคุณเป็นอย่าไรหรือคะ สำหรับฉันมันเป็นความรู้สึกดีๆที่เรามีให้กับผู้คนรอบๆตัว ฉันเคยได้ยินหลายคนมักพูดว่าความรักมักจะทำให้เกิดทุกข์ยามที่ไม่ได้ดั่งใจหวัง สำหรับฉันความรักคือความรู้สึกที่บริสุทธิ์ค่ะ มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองโดยที่เราไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ห้ามไม่ให้เกิดก็ไม่ได้ เพราะรักเป็นอย่างนั้นคนที่มีรักเลยเป็นทุกข์เสียเอง เพราะในบางครั้งเจ้าความรักเนี่ยมันก็ไปเกิดกับคนที่ไม่สมควรจะรักหรือเกิดขึ้นผิดที่ผิดทาง

หากตัวเรามีสติมากพอรู้ให้ทันหัวใจของตัวเองฉันว่าเราก็ไม่เจ็บไม่ทุกข์มากหรอกค่ะ เพราะถ้าเราเห็นคุณค่าในตัวเองมองเห็นความรักของคนอื่นๆที่ยื่นมาให้เราด้วยความหวังดี แค่นั้นฉันคิดว่าเราก็จะผ่านช่วงเวลาที่เป็นทุกข์มาได้ ฉันเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสได้เห็นความรักในหลายๆรูปแบบที่เกิดขึ้นในสังคมสมัยนี้จากผู้คนที่อยู่รอบๆตัวของฉันเอง ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเป็นบุพเพนำพาหรือโชคชะตากำหนดฉันจึงได้หลงเข้ามาอยู่ท่ามกลางกลุ่มคนที่มีความรักที่แตกต่างกันเช่นนี้ ซึ่งเราทุกคนก็อยู่รวมกันด้วยความรักและเป็นสุขมาก

เพราะอย่างนั้น 'รัก' สำหรับฉันคือสิ่งที่จะช่วยให้โลกบิดๆเบี้ยวๆใบนี้หมุนต่อไปได้ แม้ว่ามันจะมีทั้งน้ำตา เสียงสะอื้นไห้ แต่เราทุกคนก็ดำเนินชีวิตไปด้วยความรัก โดยที่บางคนก็ไม่รู้ตัวเองว่ากำลังเดินอยู่บนเส้นทางแห่งรักเส้นหนึ่ง ที่มันจะนำตัวเขาไปสู่ความรักที่เหมาะสมกับตัวเขาเอง แม้ว่าตลอดเส้นทางที่เดินผ่านจะเจ็บปวด หากเขาคนนั้นเลือกที่จะไม่หยุดเดินฉันคิดว่าโชคชะตาก็คงจะหาคนที่เหมาะสมมายืนรอที่ตรงจุดตัดของเส้นทางนี้ในสักที่ คนที่เกิดมาเพื่อเขาคนนั้นโดยเฉพาะเกิดมาเพื่อจะเติมเต็มสิ่งที่เขาคนนั้นโหยหา

หากคุณได้อ่านข้อความในหนังสือเล่มนี้ของฉันแล้วเห็นว่าทฤษฎีนี้มันน่าลองน่าติดตาม ฉันก็ยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์ที่ฉันมีให้แก่คุณได้อ่าน ฉันขอตั้งชื่อทฤษฎีที่ฉันได้พบเจอกับตัวเองว่า Because of you เพราะเมื่อรักเกิดขึ้นมาแล้วมันจะเกิดมาเพื่อคุณเสมอ ถ้าคุณรู้จักที่จะทำความเข้าใจกับมันทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพราะทุกอย่างที่เป็นไป เป็นเพราะตัวคุณเท่านั้นที่เป็นคนเลือกเมื่อคุณเลือกแล้ว โลกใบนี้ก็จะหมุนไปตามการตัดสินใจของคุณ

ยินดีที่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์อันมีค่าแก่คุณ ผู้ที่เปิดอ่านหนังสือเล่มนี้

^^^Butterfly Lily ^^^

ตอนที่ 01

ก้าบ ก้าบ ก้าบ เป็ดอาบน้ำในคลอง ตาก็จ้องแลมองเพราะในคลองมีหอยปูปลา ก้าบ ก้าบ...

เสียงเจื้อยแจ้วของเด็กๆวัยกำลังซนกำลังร้องเพลงและพากันเดินท่าเป็ดประกอบเพลงที่กำลังขับร้องกันอย่างสนุกสนาน ทำให้หญิงสาวร่างบางผิวขาวคล้ำที่ยืนมองอยู่ไม่ไกลแย้มยิ้มด้วยรอยยิ้มหวานกับภาพความน่ารักน่าหยิกของเด็กๆในบ้านเด็กกำพร้าย่านคลองเตยที่หญิงสาวมักจะมาทำบุญเลี้ยงข้าวอยู่เป็นประจำหากมีโอกาส เหมือนเช่นวันนี้ที่เธอพามารดามาทำกับข้าวเลี้ยงน้องๆ

“ครูขอบคุณมากเลยนะคะที่หนูไออุ่นยังนึกถึงที่นี่” เสียงเอื้อนเอ่ยที่เจือด้วยความเมตตาดังมาจากด้านหลังให้หญิงสาวหันกลับไปยิ้มให้

“อุ่นยินดีค่ะครู แม่ยิ่งยินดีดูสิคะยิ้มไม่หุบเลย” ไออุ่นมองมารดาที่ทำหน้าที่เป็นครูจำเป็นพาเด็กๆทำโน่นทำนี่เรียกเสียงหัวเราะจากเด็กน้อยเป็นระยะ

“พอเกิดเหตุการณ์วันนั้นครูคิดว่าหนูไออุ่นจะไม่มาที่นี่แล้ว” เสียงนั้นดูเศร้าและรู้สึกผิดระคนกันเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่หญิงสาวร่างบางตรงหน้าเกือบโดนจิตอาสาวัยรุ่นผู้ชายห้าคนฉุดครั้งที่หญิงสาวและเพื่อนๆมาช่วยสอนหนังสือเมื่อปลายปีที่แล้ว

“ครูพิศมัยไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะอุ่นเองก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแค่ฟกช้ำดำเขียวนิดหน่อยเอง” หญิงสาวจับมือนิ่มที่เริ่มมีริ้วรอยขึ้นมากุมเพื่อยืนยันว่าตนนั้นไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว ถึงแม้จะกลัวอยู่บ้างแต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่เตือนใจตัวเองว่าไม่ควรประมาทแบบนั้นอีก

“อุ่นเห็นมีรถหรูแล่นเข้ามาจอดหลายคันเขามาบริจาคหรือเปล่าคะ”

“ใช่จ้ะคุณภพเขามาบริจาคที่นี่ทุกปีในวันคล้ายวันเกิดลูกชายเขาน่ะ”

“ดีจังเลยนะคะ อุ่นอยากให้คนที่พอมีพอกินมองเห็นเด็กๆพวกนี้บ้างถึงจะไม่มากก็ขอให้มองเห็นและช่วยเหลือสังคมเราคงน่าอยู่ขึ้นเยอะ”

“เดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมันเยอะ แฝงตัวอยู่ทุกที่ไม่เว้นแม้แต่ในวัดในวา เลยพลอยทำให้คนที่มีจิตศรัทธาระแวงไม่กล้าให้ความช่วยเหลือกลัวว่าจะถูกหลอก”

“นั่นสินะคะ” ไออุ่นยิ้มแล้วมองไปยังกลุ่มเด็กๆที่รายล้อมมารดาตนเองอยู่ที่สนามหญ้า

...*...

“ผอ.จะปิดที่นี่จริงๆเหรอครับผมว่ามันก็ยังพอมีทางอยู่นะ เรื่องเจ้าของที่ดินเดี๋ยวผมจะจัดการให้” เสียงนุ่มทุ้มถามชายวัยกลางคนที่นั่งตรงข้ามกันด้วยท่าทีสงสัยที่เขากำลังจะปิดบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าที่เขารักมากไป

“ผมคุยกับเขาแล้วครับเขาไม่ขายแต่จะให้เราย้ายออกไปที่อื่นเพราะเขาจะเอาที่ตรงนี้ไปทำตลาดสด” สุชัยบอกผู้มีอุปการคุณด้วยแววตาเจ็บปวด

“เอาไว้ผมจะให้ลูกน้องไปคุยดูก่อนผอ.อย่าเพิ่งกังวลเลยครับ ถ้าไม่ได้จริงๆผมจะหาที่ใหม่ให้ยังไงผมก็ไม่ยอมให้ที่นี่ปิดหรอกครับ”

“ขอบคุณคุณภพมากเลยนะครับ ถ้าไม่มีเงินบริจาคจากคุณที่นี่คงจะปิดไปนานแล้ว”

“ไม่ต้องขอบคุณอะไรมากหรอกครับ ผอ.ก็เคยเป็นผู้ช่วยของพ่อผมมานานแค่นี้ไม่มากไปหรอกครับ” ประพันธ์ภพยิ้มให้ชายวัยกลางคนที่ดูภูมิฐานและแข็งแรงแม้ว่าอายุจะเยอะแล้วก็ตาม

“ยังไงก็ต้องขอบคุณอยู่ดี แล้วคุณท่านทั้งสองเป็นยังไงบ้างครับ” สุชัยถามถึงผู้มีพระคุณทั้งสองที่ตนเคยได้อยู่รับใช้ใกล้ชิด ก่อนจะขอลาออกมาทำบ้านเด็กกำพร้าแห่งนี้เพราะภรรยาอยากจะช่วยเด็กๆในสลัมที่ถูกทิ้ง

“สบายดีครับตอนนี้อยู่ที่สวิสเห็นว่ายังเที่ยวไม่ครบเลยจะขออยู่เที่ยวให้หนำใจก่อนจึงจะไปที่อังกฤษ” ร่างสูงของชายหนุ่มลุกขึ้นเดินไปมองเด็กๆจากหน้าต่างชั้นสองเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจที่ดังอยู่ด้านล่าง

“ใครเหรอครับ” ประพันธ์ภพถามคนที่เดินมายืนข้างๆถึงหญิงสาวร่างบางผิวคล้ำแต่ดูมีเสน่ห์บางอย่างดึงดูดสายตาให้ต้องจ้องมอง

“เธอชื่อไออุ่นครับ เคยเป็นอาสาสมัครมาดูแลเด็กๆสมัยเธอยังเรียนอยู่ ตอนนี้ก็ยังแวะมาเรื่อยๆครับมาเลี้ยงข้าวกลางวันเด็กๆแล้วก็ช่วยครูสอนหนังสือ”

“ดีนะครับคนวัยนี้หายากแล้วที่จะมาทำอะไรแบบนี้ ผมเห็นแต่แต่งตัวไปเดินห้างไปเที่ยวตามที่ต่างๆมากกว่า”

“เธอกับเพื่อนๆไม่ค่อยเหมือนวัยทำงานสมัยนี้เท่าไหร่หรอกครับ คนนี้น่ะเป็นที่รักของครูพิศมัยเขาเลยล่ะดูสิเดินตามไม่ห่างเชียว” สุชัยว่าให้ภรรยาที่มักจะให้ความสนใจหญิงสาวหน้าหวานมากเป็นพิเศษ ขนาดที่ว่าหากหญิงสาวมาครูพิศมัยจะวางงานทุกอย่างแล้วไปอยู่ดูแลใกล้ๆแบบนี้เป็นประจำ

...*...

“หูวว ครูไออุ่นวาดสวยจังเลยค่ะ” เด็กหญิงตัวเล็กที่ฟันกระต่ายหายไปหนึ่งซี่บอกอย่างตื่นเต้น เมื่อเดินเข้ามาดูคุณครูคนสวยวาดรูปทุกคนที่กำลังเต้นเพลงเป็ดราวกับเป็นภาพถ่าย

“เหรอจ๊ะกานพลูชอบไหม๊” หญิงสาววางมือจากพู่กันแล้วหันไปยิ้มให้เด็กหญิงที่นั่งลงข้างๆมองภาพวาดตาแป๋ว

“ชอบค่ะ พลูชอบรูปที่ครูไออุ่นวาดทุกรูปเลย”

“อ่ะ ถ้าอย่างนั้นกานพลูเอาอันนี้ไปให้ครูพิสมัยนะคะ” ไออุ่นหยิบม้วนกระดาษภาพที่วาดเสร็จแล้วยื่นให้เด็กหญิงเอาไปให้ครูใหญ่ที่ยืนมองอยู่ไม่ไกล

“ถ้าเอาไปให้ครูพิสมัยแล้วรูปนี้ก็ต้องถูกเอาไปแขวนไว้ที่ห้องแอร์ พอมีคนมาเจอเค้าก็จะเอาไปอีก” เด็กหญิงกานพลูทำหน้าเศร้าเมื่อรู้ว่าภาพแสนสวยที่ครูสาววาดจะถูกคนที่มาพบเอาไป

“แต่เขาก็ให้เงินบริจาคเป็นของตอบแทนไม่ใช่เหรอคะ ไม่ดีหรือที่ครูพิศมัยจะได้เอาเงินนั้นมาซื้อเสื้อผ้าตัวใหม่ให้พวกเราไง ไหนจะต้องซื้อของมาทำกับข้าวอร่อยๆให้กานพลูกินด้วยถ้าไม่มีใครชอบภาพที่ครูวาดแล้วเราจะเอาเงินมาจากไหนกันล่ะคะ” ไออุ่นรั้งร่างเล็กจิ๋วนั้นมากอดไว้หลวมๆอย่างที่เคยทำ พร้อมกับอธิบายเหตุผลให้เด็กหญิงเข้าใจ เด็กหญิงตัวน้อยผิวคล้ำพยักหน้าหงึกๆแล้ววิ่งเอาม้วนภาพไปให้ครูใหญ่

“แล้วภาพนี้ล่ะไม่เอาไปให้ครูพิสมัยเหรอ” อำพรนั่งลงข้างๆลูกสาวมองภาพในกระดานที่ยังไม่แห้งดี

“อุ่นว่าจะเอาไปเก็บไว้ที่บ้านค่ะ ไม่เห็นแม่มีรอยยิ้มแบบนี้นานแล้วแล้ว”

“แม่ก็ยิ้มอยู่ทุกวันนั่นแหละเราเองต่างหากที่ยุ่งจนไม่มีเวลาดู” มือนุ่มลูบผมสีดำสนิทของลูกสาวอย่างเอ็นดูกับรอยยิ้มแห้งที่เจ้าตัวส่งมา

...*...

“หนูไออุ่นวาดภาพให้อีกแล้วเหรอคุณ” สุชัยถามภรรยาที่กำลังเอาภาพวาดใส่กรอบอยู่ในห้องรับรอง

“ค่ะสวยมากเลย” พิสมัยยกภาพขึ้นแขวนพลางถอยออกมาให้สามีดูผลงานของเด็กสาวที่เธอเอ็นดู

“สวยจังเลยนะครับดูแล้วสดชื่นดี” ประพันธ์ภพที่เดินเข้ามาเห็นมองภาพที่ผนังเหมือนถูกมนต์สะกด ตาคมที่กวาดมองภาพวาดขนาด35นิ้วสะดุดเข้ากับลายเซ็นที่ถูกเซ็นไว้มุมล่างของภาพ

‘Butterfly Lily’

“บัตเตอร์ฟลายลิลลี่” ชายหนุ่มอ่านตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ถูกเขียนหวัดด้วยปลายพู่กันอย่างสวยงาม

“เป็นนามแฝงของเธอครับ คุณภพอยากได้รึเปล่าครับผมยกให้”

“แต่เธอวาดมาให้ผอ.นี่ครับ”

“เธอวาดมาให้คนประมูลเป็นค่าใช้จ่ายของที่นี่ครับ เมื่อก่อนมีคนสนใจมารอภาพของเธอแทบจะทุกอาทิตย์แต่เธอยุ่งกับงานไม่ค่อยได้มาคนเหล่านั้นเลยหายไปกันหมดครับ” สุชัยพยักหน้าให้ภรรยาไปนำกระดาษมาห่อภาพให้ชายหนุ่ม

“ขอบคุณนะครับเสียดายที่วันนี้ผมมีธุระไม่งั้นคงต้องไปทำความรู้จักกับคนวาดสักหน่อย” ประพันธ์ภพไม่ปฏิเสธเพราะเขาถูกใจภาพนี้ตั้งแต่แรกเห็น พลางนึกหน้าของร่างบางที่เห็นแต่ด้านหลังไกลๆเมื่อครู่

...*...

“ภาพสวยมากเลยนะคะศิลปินคนไหนวาดคะเนี่ย” เสียงหวานที่ถูกดัดจนหวานเชื่อมถามชายหนุ่มที่นั่งสนใจเอกสารในมือมากกว่าเรือนร่างอันขาวอวบอิ่ม หน้าอกหน้าใจนี่แทบจะทะลักออกมานอกเสื้อตัวเล็กรัดรูปของผู้จัดการแผนกบัญชี

“ไม่รู้เหมือนกันครับผมบังเอิญไปเจอ” ประพันธ์ภพตอบอย่างไม่ใส่ใจสาวเปรี้ยวที่กำลังนั่งยั่วยวนอยู่บนเก้าอี้แม้ว่ากระโปรงทรงเอของเจ้าหล่อนนั้นตั้งใจให้มันเลิกขึ้นจนเกือบจะเห็นแพนตี้ตัวน้อยอยู่แล้ว

“ผมขอดูรายละเอียดของไตรมาสที่แล้วใหม่ด้วยนะครับ” ชายหนุ่มยื่นแฟ้มเอกสารคืนให้ผู้จัดการสาวเมื่อตัวเลขที่เห็นมันรวนไม่ตรงกับที่เลขาของเขารายงาน

“เอ่อ..ทั้งไตรมาสเลยเหรอคะ” ใบหน้าเรียวที่ถูกแต้มด้วยเครื่องสำอางจนหนาซีดลงเล็กน้อยเมื่อเจ้านายหนุ่มพยักหน้าเป็นคำตอบ

“ขออนุญาตครับ” มนัสเดินถือเอกสารมาวางให้เจ้านายในจังหวะที่หญิงสาวกำลังออกไปพอดี

“ล๊อกประตูด้วย” มนัสเดินไปล็อกประตูตามคำสั่งของเจ้านายแล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของประธานบริษัท

“ดูคุณวาสนาเธอหิวนะครับ” มนัสว่าขำๆเมื่อเจ้านายสุดหล่อทำหน้าระอา

“มีตัวเลขเคลื่อนหลายจุดนายจับตาดูหน่อย”

“ครับ” มนัสรับไอแผดที่เจ้านายยื่นมาให้ขึ้นดูรายงานบัญชีไตรมาสล่าสุด

“โครงการคอนโดที่บางนามีการเปลี่ยนวัสดุจริงตามที่สถาปนิกคนนั้นว่าครับ ผมไปเช็คดูแล้วบริษัทรับเหมากับนายปัญญามีเอี่ยวครับ”

“เสียไปเท่าไหร่แล้ว” ประพันธ์ภพหยิบเอกสารตรงหน้าขึ้นมาเปิดดูเมื่อได้ฟังรายงานจากเลขาคนสนิทที่ควบตำแหน่งบอดี้การ์ดส่วนตัวด้วย

“ประเมินขั้นต้นเกือบสิบล้านแล้วครับโครงการกำลังหล่อเสา”

“สั่งทุบอันเดิมทิ้งให้หมดแล้วติดต่อสถาปนิกที่ลาออกคนนั้นมาหาฉันด้วย”

“บอสจะลุยเองเลยเหรอครับ”

“ฉันไม่ยอมให้เงินบริษัทต้องเสียฟรีหรอก คิดซะว่านั่นเป็นเหยื่อที่เราใช้ตกพวกลักกินขโมยกิน” ชายหนุ่มบอกด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ลูกน้องคนสนิทต้องยิ้มตามเพราะอีกไม่นานคงมีเรื่องสนุกให้ทำ

“คนที่นี่ต้องรู้ถึงการซื่อสัตย์ต่อผู้อื่น ไม่ใช่ซื่อสัตย์แต่กับพวกตัวเอง”

“บอสจะเอาที่นี่เข้าในเครือบริษัทจริงๆเหรอครับระบบมันเละมากเลย เราคงต้องปรับกันอีกเยอะกว่าจะได้ตามมาตรฐาน”

“ยังไงก็เป็นบริษัทลูกไล่กับเรามานาน แต่ลูกชายเจ้าของคนเก่าบริหารไม่เป็นมันถึงเจ๊งนายจัดการเรื่องฝ่ายบุคคลไปถึงไหนแล้ว”

“คนของเราเข้ามาหมดแล้วครับนุชอาสามาเป็นผู้จัดการที่นี่เองครับ”

“ฉันอยากให้เลขาของเธอมามากกว่า ที่นี่เล็กไปสำหรับคนที่มีฝีมือขนาดนุช”

“เธอบอกว่าจะเข้ามากวาดระบบคนที่นี่ก่อนครับ พอทุกอย่างเข้าที่จะให้เลขามาเป็นผู้จัดการที่นี่”

ประพันธ์ภพพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเปิดแฟ้มอ่านรายงานต่อโดยมีมนัสยืนคุยโทรศัพท์อยู่อีกมุมของห้อง เรื่องประสานงานกับบริษัทแม่ที่จะรับที่นี่เข้าไว้ในความดูแลในนามของเครือไดมอนด์กรุ๊ป

ที่นี่เป็นบริษัทของนายทุนที่รู้จักกับประพันธ์ภพและขายบริษัทให้เขาเพื่อหนีหนี้ที่ตัวเองก่อเอาไว้ ที่เขารับซื้อไว้เพราะที่นี่มีโครงการหลายที่ที่อยู่ในย่านธุรกิจที่เขาเข้าไม่ถึง เพราะเจ้าของเก่ารุ่นพ่อก็พอมีฝีมือที่คอยขัดขวางเขาอยู่ พอมีโอกาสเขาก็เลือกที่จะไม่ปล่อยให้มันไปให้คนอื่นเพราะเขาค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะสามารถทำกำไรจากที่นี่ได้ พอเข้ามาดูแล้วก็พบว่าที่บริษัทมันไปไม่รอดเพราะคนในบริษัทแบ่งตัวกันเป็นฝักเป็นฝ่ายแล้วพากันกอบโกยผลประโยชน์เข้ากระเป๋าตัวเอง โดยที่เจ้าของก็ติดพนันหายไปอยู่ในบ่อนมากกว่าจะมาบริหาราบริษัทตัวเอง

เขาและลูกน้องเข้ามาดูแลที่นี่เพียงอาทิตย์เดียวก็มีการเปลี่ยนแปลงเกือบทั้งหมดแล้วโดยเฉพาะฝ่ายบุคคลที่เขาให้ความสำคัญมากในการคัดคนเข้ามาทำงาน เป้าหมายต่อไปที่เขาเล็งไว้ก็คือฝ่ายบัญชีที่ตอนนี้เริ่มร้อนกันเกือบทั้งฝ่ายเพราะจำนวนเงินในการสั่งสินค้าและขอเบิกค่าต่างๆมันผิดปกติหลายจุด และเขาก็ย้ำให้พวกที่ทำรู้ตัวว่าเขาจะไม่ปล่อยจุดนั้นไปเด็ดขาดนี่ก็มีหลายคนลาออกไปแล้วเพราะกลัวความผิดที่ตนเองได้ก่อเอาไว้ ซึ่งเขาเองก็ให้โอกาสสำหรับคนที่จะใช้วิธีนี้หนี ตอนนี้ก็เหลือแต่ตัวใหญ่ๆที่ไม่อยากเสียผลประโยชน์ที่เคยได้ไป

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ขออนุญาตค่ะ” มนัสเดินไปเปิดประตูให้คนข้างนอกเข้ามาแล้วจัดการล็อกไว้เหมือนเดิมเมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือคนที่ตนรู้จักดี

“นี่เป็นแผนงานที่นุชสรุปคร่าวๆค่ะบอส” นุชบาวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะให้เจ้านายแล้วถอยออกมายืนคู่กันกับมนัสเพื่อรอฟังผล

“จะเอาคนของเราจากไดมอนด์มาเป็นหัวหน้าแผนกทั้งหมดเลยเหรอ” ประพันธ์ภพเงยหน้ามาถามลูกน้องสาวที่ยืนห่างออกไปเมื่ออ่านจบ

“เป็นทางเดียวที่เราจะควบคุมพวกตัวเล็กๆได้ค่ะ ฉันสืบดูแล้วพวกตัวใหญ่ๆที่นี่มีอิทธิพลในละแวกนี้เกือบทุกคนค่ะมีแบคกราวด์ใหญ่เอาเรื่อง ถ้าเราไม่เอาคนเข้ามาในตำแหน่งที่สูงกว่าเราไม่มีทางบีบให้พวกนี้จนมุมได้แน่ๆค่ะ”

“แล้วคุณมีทีมหรือยังล่ะ ที่พอจะมีฝีมือต่อกรกับพวกเหลี่ยมจัดพวกนี้ได้”

“นี่เป็นรายชื่อที่ฉันวางตัวไว้ค่ะมีฝีมือและฝีปากพอตัว” นุชบายื่นกระดาษใบเล็กๆที่มีรายชื่อของคนที่ตนคัดแล้วว่าจะทำหน้าที่ให้เจ้านายได้ไม่ขาดตกบกพร่อง

“เจนใหม่ทั้งนั้นเลยนะนุช” มนัสที่มองเห็นรายชื่อถามคนข้างๆด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เพราะแต่ละชื่อนั้นจัดว่าเด็ดทุกคนแม้ว่าจะเพิ่งทำงานมาได้ไม่กี่ปี

“ใช่ ทั้งหมดไว้ใจได้และมีฝีมือ ที่นี่นั้นไม่ได้ใหญ่มากคิดว่าน่าจะส่งเด็กๆพวกนี้มาหาประสบการณ์” นุชบาก็ยิ้มตอบด้วยรอยยิ้มที่ไม่ต่างกัน เพราะประเมินไว้แล้วว่าคงไม่เกินความสามารถของคนที่จะเข้ามาดูแล

“แล้วคุณคิดว่าใครจะมาเป็นผู้จัดการฝ่ายที่นี่” ชายหนุ่มควงปากกายี่ห้อหรูถามอย่างอารมณ์ดีที่ลูกน้องทำงานได้ดั่งใจ

“คุณสมเกียรติค่ะ ตอนนี้เป็นรองผู้จัดการฝ่ายอยู่ที่แกรนด์เฟรชความสามารถเข้าขั้น มีความเมตตาแต่ก็เด็ดขาด ตรงฉินไม่รับบนโต๊ะใต้โต๊ะฉันคิดว่าน่าจะเป็นผู้นำที่ดีได้”

“นี่ขนาดอยู่คนละบริษัทคุณยังรู้ขนาดนี้เลยเหรอ” มนัสทำหน้าหวาดๆมองหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องที่รู้การเคลื่อนไหวของคนที่หมายตาไว้แม้ว่าจะอยู่คนละบริษัท

“สายฉันเยอะค่ะ” นุชบายิ้มเจ้าเล่ห์ให้เพื่อนร่วมทีมที่ทำหน้าหวาดกลัวที่มองมาจากนอกโลกก็ยังรู้ว่าเสแสร้ง

“แล้วจะได้ตัวเมื่อไหร่”

“ไม่เกินอาทิตย์นี้ครับ” มนัสบอกพลางกดเบอร์ของคนที่พอจะช่วยเขาได้ เมื่อเจ้านายตกลงเขาก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำตามให้ไวที่สุด

“งั้นเป็นอันสรุปว่าอาทิตย์หน้าคนของเราก็จะเข้ามาประจำตำแหน่งที่วางเอาไว้”

“ค่ะ รวมทั้งผู้จัดการฝ่ายจะมารายงานตัวกับบอสด้วยความสมัครใจ” นุชบาพยักหน้าให้คนที่คุยโทรศัพท์อยู่อีกมุมของห้องเมื่อมนัสยกมือเป็นสัญญาณว่าทุกอย่างเรียบร้อย

“เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกันผมขอบคุณมากที่คุณเข้ามาจัดการด้วยตัวเอง”

“แค่นี้เรื่องเล็กค่ะบอส ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวก่อนนะคะต้องรีบไปรับยัยหนู” ร่างสูงของมือซ้ายสาวหายออกจากห้องไปเมื่อเจ้านายพยักหน้าอนุญาต

“เราก็ต้องไปเตรียมงานวันเกิดของเจ้าแสบเหมือนกันนี่นะ” ประพันธ์ภพระบายยิ้มเมื่อนึกถึงเด็กชายตัวเล็กใบหน้าเรียวแก้มป่องๆของลูกชาย

“เค้กส่งไปถึงที่บ้านใหญ่แล้วครับทุกคนกำลังจัดเตรียมงานกันอยู่ บอสจะไปรับคุณหนูเลยหรือเปล่าครับ”

“แวะไปที่ร้านของเพื่อนฉันก่อน ฉันจะไปเอาของขวัญที่สั่งไว้เหลือเวลาอีกตั้งสองชั่วโมงกว่าโรงเรียนจะเลิก” ชายหนุ่มปิดอุปกรณ์บนโต๊ะทำงานทุกอย่างแล้วคว้าสูทสีดำที่คลุมอยู่หลังเก้าอี้มาสวมทับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน สำรวจรอบๆห้องเพื่อความแน่ใจก่อนจะเดินนำหน้าลูกน้องคนสนิทออกจากห้องไปด้วยท่วงท่าที่ดูสุขุมมีอำนาจ ให้เหล่าพนักงานที่อยู่ตามทางเดินต่างพากันตัวลีบตัวหดเพราะมีความผิดติดตัว

...*...

“วันนี้ฉันมีเวรส่งเด็กว่ะแกรอตรงนี้ไปก่อนนะ” ร่างบางในชุดกระโปรงลูกไม้สีครีมบอกเพื่อนสนิทที่มารอตามนัด

“งั้นฉันไปรอที่โต๊ะใต้ต้นไม้ตรงนั้นก็แล้วกันเสร็จแล้วค่อยไปตามก็ได้” ร่างบางผิวคล้ำบอกเพื่อนด้วยรอยยิ้มที่เจ้าตัวมักมีติดใบหน้าหวานแทบจะตลอดเวลาที่อยู่กับคนที่สนิทหรือเด็กๆ

มือบางหยิบกระดาษสำหรับวาดภาพขนาดA5ที่มักจะพกไว้ในกระเป๋าสะพายใบเก่งออกมาวางแล้วเริ่มลงลายเส้นกับภาพที่ทิวทัศน์เห็นตรงหน้ารอครูสาวตัวเล็กที่ต้องไปยืนรอส่งนักเรียนที่หน้าประตูตอนเย็น

“...เสร็จแล้วค่ะ” เสียงหวานบอกเมื่อผูกโบว์สีชมพูบนหัวเล็กๆของเด็กหญิงหน้าตาน่ารักน่าหยิกที่นั่งอยู่บนตักอย่างเรียบร้อย

“ขอบคุณค่ะ ถ้าครูลินอยู่บ้านเดียวกับหอมก็คงจะดีนะคะ” เด็กหญิงข้าวหอมเงยหน้ายิ้มให้ครูสาวแสนสวยอย่างเอาใจ

“ดียังไงคะข้าวหอมมีคุณแม่แล้วจะให้ครูไปอยู่ด้วยทำไมล่ะคะ เดี๋ยวคุณแม่ก็น้อยใจแย่เลย”

“ก็หม่ามี๊ทำผมให้หอมไม่เป็นนี่คะ วันไหนครูลินไม่อยู่หน้าโรงเรียนหอมก็จะถูกเพื่อนล้อว่าหัวฟูเพราะหม่ามี๊มัดผมให้ไม่สวย”

“งั้นเอาเป็นว่าครูจะมารอข้าวหอมที่หน้าโรงเรียนทุกวันดีหรือเปล่าคะ จะได้มามัดผมให้สวยๆก่อนจะเข้าโรงเรียน”

“ครูลินสัญญาแล้วนะคะ” นิ้วเล็กๆถูกยื่นไปหน้าครูสาวที่ยิ้มเอ็นดูในความช่างพูดและความฉลาดของเด็กน้อย

“สัญญาค่ะ” นิ้วเรียวเกี่ยวก้อยเล็กๆนั้นด้วยความยินดีก่อนจะหอมกระหม่อมเล็กๆอย่างเอ็นดู

“สัญญาอะไรกันคะ” เสียงคุ้นหูดังมาก่อนที่ร่างสูงในเสื้อสูทแขนยาวคอวีสีดำเข้าคู่กับกางเกงสแล็คขายาวเข้ารูปจะเดินเข้ามาถึงม้านั่งหน้าสนามเด็กเล่นที่ทั้งสองนั่งอยู่

“ครูลินสัญญาว่าจะทำผมในหอมทุกเช้าค่ะ” เด็กหญิงตัวน้อยบอกด้วยความภูมิใจยังไม่ยอมลงจากตักนุ่มๆของคุณครูคนโปรด

“รบกวนครูเขามากเกินไปแล้วนะข้าวหอม” เสียงนุ่มเมื่อครู่แปรเปลี่ยนให้มีความเข้มอยู่ในน้ำเสียงเมื่อลูกสาวตัวน้อยเอาแต่ใจตัวเอง

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะฉันมาโรงเรียนแต่เช้าอยู่แล้ว” นลินบอกด้วยรอยยิ้มเอ็นดูเมื่อเด็กน้อยทำหน้างอเมื่อถูกแม่ดุ

“ขอบคุณที่ช่วยดูยัยตัวเล็กให้นะคะ พอดีว่ามีเรื่องระหว่างทางนิดหน่อยเลยทำให้มาช้า” นุชบาเอ่ยขอโทษครูสาวที่เป็นธุระอยู่กับลูกสาวจนตนทั้งที่ตอนนี้ไม่เหลือเด็กอยู่แล้ว

“ยินดีค่ะข้าวหอมแกน่ารักค่ะคุยเก่งทำให้ลืมเวลาไปเลย” นุชบายิ้มให้ครูคนสวยของลูกสาวอย่างเกรงใจ

“ถึงบ้านแล้วอย่างลืมทำการบ้านนะคะ”

“ค่ะ พรุ่งนี้เจอกันนะคะ” เด็กหญิงหอมแก้มนุ่มของนลินแล้วเดินนำแม่ออกไปยังรถที่จอดอยู่หน้าโรงเรียน สองสาวยิ้มให้กันกับความแสบเล็กๆของเด็กน้อยก่อนที่ผู้เป็นแม่จะเดินตามเจ้าตัวแสบออกไป ครูสาวจึงเดินกลับเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งรออยู่ไม่รู้ว่าป่านนี้เพื่อนตัวดำของเธอจะบ่นว่าอะไรบ้างที่ปล่อยให้รอนานขนาดนี้

ตอนที่ 02

“บอกเลยว่าฉันไม่คุ้นกับแกลุคนี้เลยจริงๆอุ่น” หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มตามแบบฉบับของลูกผสมไทยจีนว่าให้เพื่อนสาวตัวคล้ำ เมื่อไออุ่นและนลินเดินเข้ามาในร้านอาหารที่นัดกันกันไว้

“ถ้าไม่ทำแบบนี้แล้วฉันจะได้ทำงานยาวๆจนถึงวันนี้ไหมล่ะ ไม่โดนเจ้านายหัวงูก็เพื่อนร่วมงานชีกอ นี่ยังไม่รวมพวกพนักงานหญิงที่คอยหาเรื่องมาให้เพราะผู้ชายที่พวกหล่อนหมายตามายุ่มย่ามกับฉันอีก” ไออุ่นบอกด้วยใบหน้าขยาดเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา

“จ้าๆ แม่คนสวยแม่เจ้าหญิงหลงยุค ไม่รู้หลุดออกมาจากวรรณคดีเรื่องไหน” นันทิกานต์แขวะเพื่อนอย่างหมั่นไส้แต่ปากเล็กก็ระบายยิ้มกับคำพูดที่ว่าเพื่อนเมื่อครู่

“แล้วยัยขวัญยังไม่มาอีกเหรอฉันว่าพวกฉันมาช้าสุดแล้วนะเนี่ย” นลินชะเง้อคอมองรอบๆหาเพื่อนอีกคนที่น่าจะมาถึงก่อนตนและไออุ่น

“ยังไม่เห็นเลย นี่กะว่าถ้ายังไม่มีใครมาอีกห้านาทีฉันก็จะกลับ มีอย่างที่ไหนมาเลทกันเกือบครึ่งชั่วโมง”

“ก็ยัยลินน่ะสิบอกอยู่ส่งเด็กแป๊บเดียว ไปๆมาๆกลายเป็นเกือบชั่วโมง”

“ก็แม่ของเด็กเขาติดธุระมาช้านี่นาจะให้ชั้นปล่อยได้ยังไง”

“แล้วครูอีกคนล่ะจ๊ะ”

“ก็...”

“พอๆไม่ต้องเถียงกันฉันปวดหัว สั่งอะไรไว้รอกันเลยดีไหมไว้ยัยขวัญมาแล้วค่อยสั่งอีกที” นันทิกานต์ห้ามทัพของสองสาวก่อนที่จะปวดหัวเพิ่ม

“ใคร..ใครจะสั่งอาหารก่อนฉัน” เสียงเข้มดังเข้ามาในโซนวีไอพีที่สามสาวนั่งอยู่ ก่อนที่เจ้าของเสียงคนสวยจะเดินตามเข้ามานั่งลงตรงเก้าอี้ที่ว่างอยู่

“ยังมีหน้ามาโกรธอีกเหรอคะ คุณมาช้าเกือบชั่วโมงนะคะคุณพาขวัญ” นันทิกานต์หันขวับไปแขวะใส่เพื่อนสาวอีกคนทันทีเมื่อใบหน้าสวยๆยิ้มแป้นแล้นโดยไม่ได้สำนึกว่าตัวเองสาย

“ก็รถมันติดแล้ว...” พาขวัญที่อธิบายเหตุผลให้เพื่อนฟังหันไปหาสาวตัวคล้ำที่นั่งจิบน้ำมองตัวเองยิ้มๆ

“ไออุ่น!” พาขวัญอุทานด้วยเสียงสูงเมื่อมองเพื่อนดีๆ ดีที่ตรงนี้เป็นโซนส่วนตัวที่มีเพียงโต๊ะเดียวไม่อย่างนั้นคนรอบข้างคงได้หันมามองกันเป็นแถบกับอาการตกใจของคนมาใหม่

“นี่แกนึกครึ้มอะไรของแกเนี่ยถึงทาตัวดำเป็นน้องกุลาแบบนี้” พาขวัญที่เพิ่งเจอไออุ่นเป็นครั้งแรก หลังจากไม่ได้เจอกันเกือบสามเดือนเพราะเจ้าตัวต้องไปดูงานของบริษัทที่อังกฤษเพิ่งจะกลับมาได้ไม่กี่วันจึงนัดเพื่อนๆมากินข้าวกันเพราะคิดถึง

“สั่งอาหารกันก่อนไหม สงสารพยาธิฉันหน่อยมันร้องขอมาครึ่งชั่วโมงละ” นลินบอกแล้วหยิบเมนูขึ้นมาดูก่อนจะเรียกเด็กเสิร์ฟมาสั่งอาหารเพราะถ้าให้เล่าตอนนี้คงอีกนานกว่าจะได้กินข้าว

ณ บ้านโชตินวจินดา

“พ่อคับทำไมโชถึงไม่มีแม่เหมือนคนอื่นๆ” คำถามซื่อๆของเด็กน้อยวัยสี่ขวบทำเอาชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าถึงกับสะอึก

“โชมีแม่ครับแต่แม่ของโชตายไปแล้วครับ”

“เพื่อนที่โรงเรียนแม่เขาก็ตาย แต่ทำไมเขาถึงมีแม่ใหม่ล่ะคับ แล้วทำไมโชถึงไม่มีแม่ใหม่บ้าง”

“การหาแม่ใหม่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับโชกุน ถ้าเกิดพ่อภพหาแม่ใหม่แล้วรักแม่ใหม่มากกว่าแล้วก็ลืมโช แบบนี้อาว่ามันไม่ดีหรอกจริงไหม” เสียงนุ่มดังแทรกบทสนทนาของสองพ่อลูกที่นั่งอยู่ริมสระว่ายน้ำหลังจากงานเลี้ยงเลิกแล้ว

“จริงเหรอคับอาพริม” เด็กชายตาโตทำหน้าราวจะร้องไห้เมื่อได้ยินว่าพ่อจะไม่รัก

“เพราะอย่างนั้นพ่อจึงต้องเลือกคนดีๆมาเป็นแม่ใหม่ให้โชไงครับ ถ้าเป็นคนดีเขาก็จะรักโชเหมือนที่พ่อรักเหมือนที่อาพริมและคุณปู่คุณย่ารักไงครับ”

“แต่โชไม่อยากโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ในวันแม่ของโรงเรียน” เด็กชายก้มหน้าซ่อนความเสียใจเมื่อนึกถึงบรรยากาศของงานวันแม่ที่ผ่านมาที่ไม่มีใครไปเป็นแม่ให้ตนเอง

สองพี่น้องมองหน้ากันด้วยความสงสารเด็กชายที่วันนี้เศร้าเป็นพิเศษคงจะเป็นเพราะเรื่องนี้

“คุณหนูค่ะมีเพื่อนมาหาค่ะ” สาวใช้หน้าตาน่ารักเดินเข้ามาบอกให้เจ้าของวันเกิดไปต้อนรับเด็กชายจึงเดินไปอย่างว่าง่ายเมื่อพ่อพยักหน้าอนุญาต

“เอาไงล่ะพี่ภพ ไม่หาให้หลานหน่อยเหรอ” พริมานั่งลงถามพี่ชายด้วยรอยยิ้มกวนเพราะรู้ว่าประพันธ์ภพเข็ดกับเรื่องพวกนี้ขนาดไหน

“พี่เลี้ยงของโชกุนก็จับตัวเองใส่พานถวายตัวให้แทบจะทุกเวลาอยู่นะ” ชายหนุ่มหน้าตาคมเข้มอีกคนเดินเข้ามาเอ่ยหยอกเมื่อได้ยินบทสนทนากันเมื่อครู่

“พี่ถึงต้องไล่ออกแทบจะทุกเดือนอยู่เนี่ย” ประพันธ์ภพตอบอย่างระอากับลูกจ้างที่จ้างมาเป็นพี่เลี้ยงแต่กลับอยากได้ตำแหน่งแม่เลี้ยงกัน

“พี่ศินมีแนะนำบ้างไหมล่ะได้ข่าวว่ามีสต็อกเยอะไม่ใช่เหรอ” พริมาได้ทีแขวะพี่ชายคนรองที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกันด้วยความสนิทสนม

“มีน่ะมี แต่เอามาทำพันธุ์ไม่ได้หรอกแต่ละนางมีดีแค่สวยและเซ็กส์เท่านั้นแหละ” พศินบอกด้วยท่าทีสบายๆราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติให้คนถามได้แต่ค้อนในใจกับท่าทางไม่ยีหระของพี่ชาย

“จับกลุ่มคุยอะไรกันคะพี่น้อง” พริสรที่เดินเข้ามาใหม่นั่งลงข้างๆน้องสาวถามพอเป็นพิธี เพราะรู้อยู่แล้วว่าคงไม่พ้นเรื่องสาวๆของสองหนุ่ม

“พี่สรจะกลับเมกาเลยเหรอ” พริมาถามพี่สาวที่แต่งตัวเตรียมจะไปขึ้นเครื่อง

“เปล่าจะไปปารีสน่ะไปเตรียมแฟชั่นวีค เหลือเวลาอีกไม่ถึงเดือนงานที่จะโชว์ยังไม่เรียบร้อยเลย”

“เสร็จงานแล้วแวะไปหาพ่อกับแม่ที่แอลเอด้วยนะบ่นหากันใหญ่แล้ว” พศินบอกน้องสาวที่ไม่ค่อยได้อยู่บ้านช่วยครอบครัวดูแลธุรกิจ เพราะเจ้าตัวหนีไปเรียนออกแบบพอจบก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปๆมาๆระหว่างอเมริกากับฝรั่งเศสไม่ค่อยจะมีเวลาว่างกับคนอื่นเขานักหรอก ที่มาไทยก็เพราะมาเปิดสาขานำเข้าเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองไม่งั้นคงไม่มีทางได้เห็นพริสรในงานวันเกิดของหลานชายแน่ๆ

“นี่ถ้านายเพไม่ติดสอบเราห้าพี่น้องคงได้อยู่พร้อมหน้ากันในรอบสี่ปีเลยล่ะมั้ง” ประพันธ์ภพบอกด้วยรอยยิ้มที่เห็นพี่น้องพร้อมหน้าจะขาดก็แต่น้องชายคนเล็ก

“ใครถามหาผมเหรอครับ” เสียงทุ้มดังเข้ามาทักทายอย่างสดใส ก่อนที่ร่างสูงของหนุ่มนักศึกษาคณะบริหารปีสุดท้ายจะเดินทำหน้าตาทะเล้นนั่งลงข้างๆพศิน

“ไหนบอกพี่ว่าติดสอบ” ประพันธ์ภพถามคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีไม่จริงจังนัก

“ก็เสร็จเร็ว นี่ขนาดรีบบึ่งรถมาเลยนะแต่ขอบอกว่ารถที่กรุงเทพเนี่ยติดแบบมหากาฬมาก นั่งแช่ตั้งเกือบสามชั่วโมงอ่ะ” เพทายบ่นด้วยท่าทางเหนื่อยหน่ายแล้วยกน้ำแดงของพี่สาวขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้ว

“ไหนๆก็อยู่กันครบห้าพี่น้องโชตินวจินดาแล้วเรามาถ่ายรูปเป็นที่ระทึกหน่อยดีกว่า” ดีไซเนอร์สาวยกโทรศัพท์ขึ้นประกอบคำพูดตนเองแล้วเรียกสาวใช้ที่อยู่ใกล้ๆมาถ่ายรูปให้ ก่อนที่ทั้งหมดจะนั่งร่วมเฟรมเดียวกันเก็บภาพอย่างสนุกสนาน

โดยมีประพันธ์ภพที่เป็นพี่ใหญ่นั่งตรงกลางข้างกันกับพศินที่เป็นพี่คนที่สอง อีกข้างเป็นพริสรพี่คนที่สาม พริมายืนข้างหลังคู่กับน้องเล็กอย่างเพทาย ทั้งหมดโพสท่าด้วยท่าที่เป็นทางการในภาพแรก ก่อนจะเปลี่ยนท่าตามความคิดของน้องเล็กและน้องสาวคนโต ทั้งห้าต่างหัวเราะและยิ้มให้กันด้วยความสุขใจที่นานๆทีจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน เพราะแต่ละคนต่างก็แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง ทั้งดูแลบริษัทของครอบครัวและงานที่ตัวเองรักและเลือกที่จะทำ

...*...

“...สรุปว่าจากรจนาแสนงามเลยกลายมาเป็นกุลาแสนสวยเพราะเรื่องที่ทำงาน?” พาขวัญสรุปเมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดของเพื่อนสาวหน้าหวานที่กลายเป็นน้องดำประจำกลุ่ม

“จะว่าไปแกก็น่าจะผันตัวไปเป็นศิลปินเต็มตัวไม่ดีกว่าเหรอ นั่งๆนอนวาดภาพไม่กี่ชั่วโมงก็ขายได้ละ” นันทิกานต์เสนอหนทางแก้ให้เพื่อนเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวก็พอมีฝีมือ

“ฉันมันก็แค่คนธรรมดามือสมัครเล่นไม่มีชื่อเสียงอะไร วาดภาพก็งั้นๆจะไปสู้ศิลปินที่มีชื่อเสียงได้ยังไง หากภาพขายไม่ออกไม่อดตายก่อนหรือไง” ไออุ่นบอกด้วยท่าทีไม่จริงจังดูดนมเย็นแก้วโปรดอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน

“ไปทำงานกับพี่นาทไหมล่ะพี่ฉันยังรอแกเสมอนะ ถึงพี่นาทจะไม่หล่อเข้มแบบสเปคในฝันของแกแต่พี่ชั้นก็หล่อตี๋สไตล์เกาหลีนะแก” นันทิกานต์ได้ทีขายพี่ชายให้เพื่อนอย่างที่เคยทำเป็นประจำจนสองคนที่นั่งข้างๆทำหน้าเบื่อโลก

“ชั้นก็บอกแกแล้วหนิว่าชั้นคิดกับพี่นาทแค่พี่ชายน่ะ”

“ใช่! แกขายพี่ให้ไออุ่นมันตั้งแต่ปีหนึ่งจนตอนนี้ทำงานกันหมดแล้วก็ยังไม่เลิกอีก ไม่เบื่อบ้างหรือไงวะ” นลินส่ายหน้าระอากับความมั่นหน้าในความหล่อของพี่ชายตัวเองของนันทิกานต์

“นั่นสิ จากที่ชั้นเคยปลื้มพี่แกตอนนี้นี่เอือมมากบอกเลย” พาขวัญผสมโรงกับเพื่อนเมื่อเห็นนันทิกานต์หันไปแยกเขี้ยวใส่นลิน ไออุ่นยิ้มขำให้เพื่อนๆที่นานๆทีจะได้มีโอกาสกินข้าวนั่งชิลพร้อมหน้าพร้อมตากันครบแก๊งค์

“เออ..แล้วน้าพรเป็นไงบ้างเห็นว่าเพิ่งผ่าเสร็จ” พาขวัญหันไปถามไออุ่นถึงแม่ที่เพิ่งจะผ่าตัดเอาเนื้อที่หลังออกเพราะมีเชื้อก่อมะเร็ง

“ก็เกือบหายดีแล้วล่ะ ผลตรวจล่าสุดออกมาว่าไม่มีเชื้อแล้วแต่หมอก็ยังนัดไปตรวจเป็นระยะในช่วงหกเดือนแรก”

“แล้วเรื่องค่ารักษาล่ะแกเอามาจากไหนไม่เห็นยืมฉันเลย” นลินถามอย่างสงสัยเพราะตอนแรกเพื่อนสาวบอกจะขอยืมหากไม่พอ

“เงินเก็บทั้งหมดของฉันน่ะ ดีที่มันไม่เกินล้านไม่งั้นฉันได้ไปเรี่ยไรจากพวกแกทุกคนแน่ๆ” ไออุ่นตอบเพื่อนขำๆ

“พวกชั้นเต็มใจช่วยย่ะ ไม่ต้องเรี่ยไรก็ยินดีช่วย” พาขวัญยีผมสีดำสนิทของเพื่อนอย่างเข่นเขี้ยวก่อนที่ทั้งหมดจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

“จะไปไหนต่อมะหรือจะกลับเลย” นลินถามร่างบางผิวคล้ำที่เดินตามหลังมาหลังจากแยกกันกับเพื่อนๆแล้ว

“กลับเลยก็แล้วกันนี่ก็ทุ่มแล้วกว่าจะถึง”

“ต้องบอกว่ากว่าจะฝ่าดงรถติดไปได้” หญิงสาวร่างบางผิวขาวอมชมพูแก้ความหมายให้เพื่อนใหม่เมื่อคาดเข็มขัดนิรภัยเสร็จก่อนจะเลี้ยวรถออกจากร้านประจำ

“นี่จะไม่มีใครนอนที่บ้านใหญ่เป็นเพื่อนผมเลยเหรอครับ” เพทายตีหน้าเศร้าเมื่อพริมาและประพันธ์ภพกำลังเดินไปยังรถที่จอดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบสิบไร่ใจกลางกรุง

“นี่! บ้านพี่ห่างกันสองซอยอย่ามาทำตัวเป็นเด็ก” ประพันธ์ภพว่าให้น้องชายคนเล็กสุดอย่างเอือมๆโดยมีลูกชายหลับอยู่บนบ่า

“พรุ่งนี้พี่ก็มีงานที่กองปราบแต่เช้าและคงจะหายยาวไปสักพักกว่าจะทำคดีใหม่เสร็จ” พริมาตบบ่าน้องเบาๆแต่เจ้าตัวกลับทำหน้าเหมือนว่าเจ็บมาก จนพี่สาวคนสวยตบแรงๆป๊าบใหญ่ให้เจ้าตัวได้ร้องโอดโอย

“พี่ภพพาหลานกลับบ้านเถอะไม่ต้องสนใจเด็กโข่งแถวนี้หรอก ศินได้ยินคุยโทรศัพท์กับเพื่อนว่าจะออกไปท่องราตรีกันอยู่”

“โธ่พี่ศินนานๆจะมีพี่ๆมาให้อ้อนที รีบบอกไปไหนเนี่ย” เพทายบอกอย่างเคืองๆแล้วรีบพาตัวเองออกจากรัศมีฝ่ามือของพี่สาว แต่ก็ไม่พ้นขายาวที่เตะเข้าที่ก้นอย่างจังเมื่อมือตีไม่ถึง เรียกเสียงหัวเราะครืนใหญ่ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันกลับที่พักของตัวเอง

“แล้วนี่พี่จะกลับเมกาเลยเหรอเห็นเด็กเตรียมกระเป๋าใส่รถ”

“เครื่องที่สิงคโปร์มีปัญหาน่ะพี่ว่าจะไปดูหน่อย ลำนี้เพิ่งจะซื้อมาไม่ถึงปีถ้ามันยังอยู่ในประกันพี่ก็จะเปลี่ยนเครื่องใหม่แล้วก็เปลี่ยนบริษัทที่รับทำด้วย”

“แล้วพี่จะสั่งทำที่ไหนล่ะมีไม่มากหรอกนะที่เขาจะสร้างเครื่องบินขายน่ะ”

“อยู่อเมริกาเป็นของเพื่อนพี่เอง สร้างเครื่องบินรบให้กองทัพมาตั้งแต่รุ่นปู่ที่นี่ไว้ใจได้แน่”

“แล้วจะให้เขาสร้างเครื่องบินโดยสารเนี่ยนะ” เพทายนิ่วหน้าไม่เข้าใจในความคิดของพี่ชายแต่ก็ทำได้แค่ยักไหล่แล้วเดินเข้าบ้านไป ปล่อยให้พี่ชายยืนส่ายหน้าระอาเพราะยังไงก็ยังดูไม่ออกว่าหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเพทายจะขึ้นมาบริหารบริษัทผลิตและส่งออกเครื่องประดับที่เป็นธุรกิจหลักของโชตินวจินดามาตั้งแต่รุ่นปู่ได้ยังไง

...*...

“ยังไม่นอนอีกหรือลูก” อำพรนั่งลงข้างๆลูกสาวที่นั่งวาดภาพอยู่ริมระเบียงห้องนอน

“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่น่ะค่ะ” ไออุ่นวางพู่กันลงแล้วเอนตัวซบอกมารดาอย่างอ้อนๆเหมือนเช่นทุกวัน

“แม่ไม่อยู่อุ่นต้องรีบนอนนะลูกเดี๋ยวตอนเช้าจะตื่นไม่ทันไปทำงาน”

“อุ่นก็ไม่ได้นอนดึกขนาดนั้นซักหน่อย” หญิงสาวย่นจมูกบอกอย่างงอนๆกับเสียงหัวเราะเล็กๆของมารดา

“ตากับยายจะมารับแต่เช้าเลยหรือเปล่าคะ”

“คงไม่น่าจะเกินแปดโมงหรอก ยายเค้าไม่ชอบรถติดน่ะ”

“ถ้าไม่ติดว่าเป็นหนี้บัตรเครดิตอยู่นะอุ่นจะไปอยู่บ้านสวนด้วย”

“เยอะไหมอุ่น” อำพรถามด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักเมื่อรู้ว่าลูกสาวกู้เงินธนาคารมาเป็นค่ารักษาตน

“แสนกว่าๆค่ะ เงินเก็บอุ่นไม่พอเลยต้องกู้ แต่แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะทำงานไม่ถึงปีอุ่นว่าอุ่นใช้หมดแน่ๆ” ไออุ่นกอดอกเชิดหน้าเหมือนเด็กๆให้มารดาได้ยิ้มออก

“อย่าหักโหมเกินไปล่ะ เอาเงินตาก่อนไหมเดี๋ยวแม่คุยให้”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะอุ่นอยากยืนด้วยขาของตัวเอง ตอนนี้อุ่นยังหาได้อยู่ไม่ได้เดือดร้อน เอาไว้มันจนมุมจริงๆเดี๋ยวอุ่นไปขอตาเองค่ะ แค่ตากับยายเห็นหน้าอุ่นก็ใจอ่อนแล้ว”

“จ้าแม่คนเก่ง รีบนอนนะลูก” อำพรหอมหน้าผากมนของลูกสาวอย่างเข่นเขี้ยวด้วยรอยยิ้มหวานก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของลูกไปเพื่อเตรียมตัวกลับไปพักฟื้นร่างกายที่บ้านสวนตามคำแนะนำของแพทย์เจ้าของไข้

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะพ่อ แม่หายแล้วนะคะเราผ่านจุดนั้นมาได้แล้วค่ะ” ไออุ่นคุยกับภาพที่เพิ่งวาดเสร็จด้วยรอยยิ้มแบบเดียวกับแม่ที่มีให้เธอเมื่อครู่

ผู้ชายหน้าตาคมเข้มอุ้มเด็กหญิงวัยเจ็ดขวบด้วยแขนข้างเดียว แก้มยุ้ยๆข้างหนึ่งถูกหญิงสาวหน้าหวานหยดราวกับดารานางแบบหอมค้างไว้ด้วยความรัก ภาพนี้เป็นภาพเดียวกับภาพที่อยู่ในล็อกเก็ตรูปหยดน้ำสีเงินลายผีเสื้อที่แม่ของเธอไม่เคยถอดเลยสักครั้งตั้งแต่ที่พ่อของเธอให้เป็นของขวัญ

“อุ่นจะดูแลแม่ให้ดีที่สุดเหมือนอย่างที่พ่อเคยทำ เป็นกำลังใจให้อุ่นด้วยนะคะ” หญิงสาวมองลงไปยังแปลงดอกไม้สีขาวที่ชูช่อส่งกลิ่นหอมสะอาดสร้างความสดชื่นในเวลากลางคืน ดอกไม้ที่เป็นตัวแทนของพ่อผู้ที่ล่วงลับไปหลายปีจากการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้บ้านที่เคยมีเสาหลักต้องพังลง แม่ของเธอต้องขายบ้านหลังเก่าแล้วมาซื้อบ้านหลังนี้ในหมู่บ้านจัดสรรแทนเพราะอยู่ใกล้โรงเรียนของเธอในเวลานั้น แม่ของเธอต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวโดยไม่พึ่งใครแม้กระทั่งพ่อและแม่ของตัวเอง ส่งเสียให้เธอเรียนจนจบมหาลัยเป็นทั้งพ่อและแม่ให้เธอในทุกๆช่วงเวลา เธอไม่เคยรู้สึกว่าขาดอะไรเลยเมื่อมีแม่อยู่ข้างๆขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เธอมาเป็นลูกของผู้หญิงคนนี้ คนที่เธอเรียกว่าแม่เพราะต่อให้เธอไม่เหลืออะไรเลยในชีวิตผู้หญิงคนนี้ก็พร้อมที่จะกอดเธอเอาไว้ด้วยความเต็มใจ ไม่ว่าเธอจะทำผิดพลาดจนไม่น่าให้อภัยเธอก็เชื่อว่าแม่จะให้อภัยเธอได้เสมอ

‘I love you My mom’ ข้อความเล็กๆถูกปลายพู่กันแต้มลงตรงด้านล่างของภาพก่อนจะตามด้วยลายเซ็นที่เขียนตัวเล็กกว่าอยู่ถัดลงมา

รอยยิ้มหวานประดับบนในหน้างามยามไร้เครื่องสำอางใดๆฉาบแต่ง ผิวคล้ำเมื่อตอนกลางวันถูกลบออกเหลือเพียงแต่ผิวขาวนวลดุจไข่มุก จมูกเล็กโด่งพองามรับกับดวงตากลมโตที่มีขนตางอนยาวเป็นแพตามธรรมชาติประดับอยู่ ทำให้หญิงสาวนั้นดูงดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดโดยไร้การเสริมแต่งเพิ่มเติมใดๆ ใบหน้างามเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดมิดไร้แสงดาวของเมืองหลวงที่ไม่เคยหลับแห่งนี้ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง

...*...

“พ่อขอโทษนะโชกุนที่ทำให้ลูกต้องมีปมด้อยแบบนี้” ประพันธ์ภพลูบหัวลูกชายที่หลับสนิทอยู่บนเตียงด้วยแววตาเจ็บปวด เขาไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแต่เขาก็ไม่ได้เป็นคนผิด คนที่ผิดคือผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวคนนั้นที่ทิ้งลูกตัวเองได้ลงคอทั้งที่เพิ่งจะคลอดเขาออกมาแท้ๆ

ชายหนุ่มทิ้งตัวลงบนที่นอนกว้างของตัวเองอย่างเหนื่อยหน่ายตาคมมองเพดาลสีขาวด้วยหัวใจที่ชินชากับความเจ็บปวดที่ยังคงฝังรอยอยู่ในหัวใจ เขาไม่ได้รักผู้หญิงคนนั้นแล้วแต่ความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้นมันก็คอยตอกย้ำในใจเสมอ ที่ลูกชายเขาต้องเสียใจก็เพราะตัวเขา เพราะความผิดพลาดของเขาเองที่เลือกผู้หญิงคนนั้นมาเป็นแม่ของลูก ร่างสูงเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความคิดที่ยังคงตีกันเช่นนี้ดั่งเช่นทุกๆคืน

...แต่ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าขณะที่ผู้คนกำลังหลับใหลอยู่นั้น วงล้อของโชคชะตาก็กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างแข็งขัน

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!