กริ๊ง...ง...ง...ง
เสียงแหลมดังกังวานขึ้นจากในห้อง ชายหนุ่มอมยิ้มเห็นใจนาฬิกาปลุกเล็กน้อยเพราะมันส่งเสียงมาพักใหญ่ ทำให้เขาตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังหน้าประตูห้องน้องสาว
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
ภายในห้องนาฬิกาปลุกยังคงทำหน้าที่ของมันต่อไปด้วยความซื่อตรง
“คนเล็ก ตื่นได้แล้ว นาฬิกาปลุกของเราส่งเสียงปลุกคนทั้งตึกได้แล้วล่ะ” เสียงเรียกของชายหนุ่มดังขึ้นที่หน้าประตูห้องนอน
ชนิกานต์ผงกหัวขึ้นจากหมอนเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของชนกานต์ เธอเอื้อมมือไปคว้านาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะเล็กข้างเตียงมาดูเวลา
“เฮ้ย!” หญิงสาวร้องขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นเวลาพลางหันมาขานรับพี่ชาย
“เค้าตื่นแล้วตัวใหญ่” เสียงตอบรับของน้องสาวทำให้ชนกานต์เดินกลับไปนั่งที่โซฟาบริเวณห้องนั่งเล่น
“พวกแกตื่นเลย เดี๋ยวนี้! เที่ยงจะครึ่งแล้ว!” เสียงโวยวายของเธอเรียกสติของอังคณาและสุธาสินีได้ทันที
เมื่อเห็นเพื่อนสาวสองคนงัวเงียตื่นแล้ว ชนิกานต์ทำหน้ามุ่ยพลางบ่นใส่ทั้งคู่ทันที
“จะบ้าตาย นาฬิกาปลุกดังตั้งแต่เที่ยง นี่จะเที่ยงครึ่งแล้วทำไมไม่มีมนุษย์หน้าไหนในห้องนี้รับรู้เลยล่ะ”
“อืม ฉันได้ยินแล้วแต่มันลืมตาไม่ขึ้น” สุธาสินีตอบพร้อมเอี้ยวตัวบิดขี้เกียจ
“เยี่ยมเลย ถ้าสายตั้งแต่วันแรก ฉันจะโทษแกเพราะแกได้ยินแต่กลับไม่ปลุกใครเลย”
ชนิกานต์พูดแล้วปรี่เข้าห้องน้ำไปทิ้งให้สุธาสินีนั่งงงกับความผิดที่เพื่อนโยนมาให้ ส่วนอังคณาเปิดประตูห้องเพื่อออกไปเข้าห้องน้ำในห้องข้างเคียงซึ่งเป็นห้องของเธอและสุธาสินี
เวลาเดินไปครู่ใหญ่...สุธาสินีส่งเสียงผ่านประตูห้องน้ำไปปลุกชนิกานต์ขึ้นจากภวังค์
“คนเล็ก! เอาหมอนสักใบไหม?”
“เอ่อ ไม่ต้อง ขออีก 5 นาทีนะ” เธอตอบ
ไม่นานนัก ชนิกานต์ก็ยืนอยู่ในชุดนักศึกษาหน้ากระจกบานใหญ่ ในกระจกสะท้อนภาพหญิงสาวผิวขาว เรือนผมสีดำขลับถูกดัดให้เป็นลอนคลื่นพาดยาวไปถึงกลางหลัง หน้าตาสะสวยด้วยโครงหน้ารูปไข่ คิ้วสีน้ำตาลไหม้พาดโค้งอยู่เหนือดวงตาชั้นเดียวที่ยาวรี นัยน์ตากลมสีน้ำตาลเข้มดูคมเฉี่ยว จมูกเรียวรับกับริมฝีปากบางที่สวยได้รูปและกำลังยิ้มกริ่มอย่างยินดี
วันนี้ทางมหาวิทยาลัยเปิดการเรียนการสอนวันแรก ชนิกานต์และเพื่อนสาวอีกสองคนสอบเข้าเรียนที่เดียวกันได้ พวกเธอจึงตกลงอยู่ร่วมกันในคอนโดห้องชุดของครอบครัวชนิกานต์ โดยมีชนกานต์ซึ่งเป็นพี่ชายและรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยของพวกเธออยู่ด้วยเพื่อคอยดูแลน้องสาวตามที่รับปากบิดามารดาเอาไว้
“แต่งตัวเสร็จหรือยังสาวๆ ให้พี่ไปส่งดีไหม?” ชนกานต์ พี่ชายที่อายุห่างจากน้องสาวเพียงสองปีเอ่ยขึ้น
เขาเป็นหนุ่มหล่อผิวขาว คิ้วเข้มหนาพาดเฉียงอยู่เหนือดวงตาเรียวคม สันจมูกตรงได้รูป ริมฝีปากสีแดงเรื่อน้อยๆ ตามธรรมชาติ บุคลิกงามสง่า อกผายไหล่ผึ่ง ฉายเสน่ห์แห่งบุรุษเพศได้อย่างชัดเจน
เพียงไม่ถึงสิบนาที สามนักศึกษาสาวจอมแสบก็มายืนอยู่ที่มหาวิทยาลัยหน้าคณะวิศวกรรมศาสตร์โดยความอนุเคราะห์ของชนกานต์ที่ขับรถออกมาส่ง ทั้งที่ถ้าเดินมาเองก็แค่ 20 นาทีเท่านั้น
“ทันบ่ายโมงครึ่งพอดีเลย นีน่า เราเรียนห้องไหนล่ะ” ชนิกานต์ถามขึ้น
“เอ่อ ตึก 2 ห้อง 209” อังคณาตอบหลังจากเงยหน้าขึ้นจากตารางเรียนแผ่นจิ๋วในมือ
เมื่อไปถึงหน้าห้องเรียนมีกระดาษขนาด A4 ติดประกาศไว้ที่ประตูใจความว่า...
...วิชาคอมพิวเตอร์เบื้องต้น รหัสวิชา xxxxxxx ย้ายวันและเวลาเรียน จากวันจันทร์ เวลา 13.30 – 15.30 น. เป็นวันอังคาร เวลา 10.30 – 12.30 น. หากมีข้อสงสัยให้ติดต่อ รศ.ดร.เกศรา วิมุติกุล (อาจารย์ประจำวิชา) ที่ห้องพักอาจารย์ประจำภาควิชาคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์...
“อ้าว...ย้ายวันและเวลาเรียน เอาไงล่ะทีนี้ เราไปหาอะไรกินกันไหม หิวแล้วล่ะ” สุธาสินีเสนอความเห็น
“ก็ดีนะคนเล็ก อีกอย่างวันนี้เราก็ยังไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เช้า...หาอะไรให้กระเพาะย่อยก่อนเถอะ” อังคณาสนับสนุน
“ก็เอาสิ ตามใจแกสองคน ว่าแต่จะไปกินที่ไหนล่ะ” ชนิกานต์เอ่ยถาม
“โรงอาหารคณะไง ไหนๆ ก็อยู่ในมหา’ลัยแล้ว ไปหยั่งเชิงของกินในถิ่นเราก่อนน่าจะดี” สุธาสินีตอบ สองสาวพยักหน้าเห็นด้วย
ที่โรงอาหารคณะ เมื่อสามสาวมาถึงก็จัดแจงแยกย้ายไปหาซื้ออาหารที่จะใส่กระเพาะตัวเองทันที ไม่นานนักอาหารทั้งหมดก็ถูกลำเลียงเข้าสู่ร่างกายเป็นที่เรียบร้อย พวกเธอจึงลุกขึ้นเพื่อนำจานชามไปวางในที่เก็บจานชามของโรงอาหาร และแล้วก็มีเสียงห้าวร้องขึ้นอย่างตกใจ...
“เฮ้ย! หลบ!”
โครม! ...
“โอ๊ย...เดินยังไงเนี่ย” ชนิกานต์พูดโดยยังไม่ทันเงยหน้ามองคนที่เดินชนเธอลงไปนั่งพับอยู่ที่พื้น
“บอกให้หลบ ทำไมไม่หลบล่ะ” เสียงชายหนุ่มดังขึ้นอย่างหัวเสีย ผู้คนที่ยังพอหลงเหลือในโรงอาหารหันมามองต้นเสียงทันที
“นายแหกปากบอกฉันไม่ถึงหนึ่งวินาทีเลยนะ จะให้หลบทันได้ไงล่ะ” ชนิกานต์พูดพร้อมจ้องไปชายหนุ่มอย่างเอาเรื่อง ขณะที่เขากำลังก้มหน้าเก็บข้าวของที่หล่นกระจัดกระจาย
“เฮ้อ เอาเถอะ ขอโทษก็ได้ แล้วนี่จะนั่งแช่อยู่ตรงนี้ตลอดไปหรือไงครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าชนิกานต์นั่งก้มหน้าอยู่ที่พื้นยังไม่ขยับตัวลุกไปไหน เขาจึงยื่นมือส่งให้ แต่ชนิกานต์ปัดมือเขา...
“ไม่ลุกก็ตามใจ” ชายหนุ่มพูดแล้วจะเดินไป
“เดี๋ยว!” ชนิกานต์ส่งเสียงเรียกชายหนุ่มไว้
เมื่อเขาหันกลับมาเธอจึงยื่นมือให้เขา ชายหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะจับมือเธอไว้ เมื่อถูกจับมือชนิกานต์ออกแรงกระชากแขนเขาลงมาที่พื้นเต็มแรง
ตึง !
“โอ๊ย!” เสียงร้องของชายหนุ่มหลังจากโดนชนิกานต์กระชากลงมาจูบพื้นอย่างตั้งใจ
“เอาล่ะ หายกันแล้วนะ” พูดจบชนิกานต์ก็ลุกขึ้นปัดคราบสกปรกที่กระโปรงก่อนลากเพื่อนสองคนที่ยืนใบ้กินออกไปจากโรงอาหารและตรงออกไปจากคณะโดยไม่หันมามองเขาอีกเลย
“อ้าว โป้ง เพื่อนรัก นั่นแกพิศวาสอะไรกับพื้นวะนั่น” ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาเอ่ยขึ้น เป็นผลให้คนที่นั่งอยู่กับพื้นก็ผุดลุกขึ้นยืนก่อนพูดว่า
“เออ ไม่ต้องถามเลย ข้ารู้ว่าแกเห็น” เมื่อได้รับคำตอบ ชายที่ตามเข้ามาก็หัวเราะขึ้นอย่างสนุกสนาน
“ฮ่าๆ เสียฟอร์มหมด ไอ้โป้ง จะจีบสาวทั้งทีดันพลาดโดนสาวเล่นงาน ฮ่าๆ”
“ฮ่าๆ เสียเชิงว่ะโป้ง รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยนะเนี่ย ไหนว่าไม่น่ายากไง ฮ่าๆ”
“พอเลย พอ เสียอารมณ์ว่ะ ไปเหอะ” ว่าจบทั้งสามคนก็พากันเดินออกจากโรงอาหาร
“แล้วเอาไงต่อวะ โป้ง”
“กลับดิ ถามแปลก จะอยู่รอพ่อแกมารับรึไง”
“เอ๊ะ...ไอ้นี่ เล่นพ่อเลยนะเว้ย”
“แกมีพ่อหรอไอ้นัท ข้าเห็นแกเรียกป๊าว่ะ” พอพูดจบ บรรดาชายหนุ่มก็พากันวิ่งไล่กันออกไปจนถึงลานจอดรถของมหาวิทยาลัย...
“เฮ้ย...โป้ง นั่นไง เด็กที่แกเล็งไว้ที่โรงอาหารอ่ะ”
“เออว่ะ...โดนหนุ่มรุมอยู่นี่เอง” เขาไม่รีรอเดินตรงไปยังกลุ่มชายหนุ่ม 3-4 คนนั้นเพื่อเข้าไปหาสามสาว ก่อนคว้าแขนชนิกานต์ดึงเข้าหาตัว ชายหนุ่มโอบเอวชนิกานต์ไว้ เธอเกร็งตัวเล็กน้อยพลางตวัดสายตามองเขาอย่างไม่พอใจ
“ไง รอนานไหมที่รัก ไปกันเถอะ ขอตัวพาแฟนกับเพื่อนไปทานข้าวก่อนนะครับ” เมื่อพูดจบเขาก้มหัวเล็กน้อยให้ชายหนุ่มที่ยืนงงกันอยู่ มือหนาดันหลังหญิงสาวเล็กน้อย
ชนิกานต์ปล่อยให้ชายหนุ่มโอบเอวพาเดินมายังบริเวณใต้ต้นไม้ร่มรื่น หลังชายกลุ่มนั้นเดินพ้นสายตาไปแล้ว เธอกระทุ้งศอกไปที่หน้าท้องของชายหนุ่มอย่างแรงเพื่อให้เขาปล่อยมือออกจากเอวของเธอ
“โอ๊ย! อะไรอีกล่ะ ฉันไปช่วยเธอออกมาจากพวกนั้นนะ” ชายหนุ่มพูดจบก็ลูบท้องตัวเองเล็กน้อย
ชนิกานต์ยืนมองหน้าเขานิ่งไม่ตอบโต้อะไร เธอหันไปพยักหน้าให้กับเพื่อนอีกสองคนอย่างรู้กัน
“จะไม่ขอบคุณกันหน่อยหรอ” ชายหนุ่มรีบพูดเมื่อเห็นพวกเธอจะเดินจากไป
ชนิกานต์หยุดเดินแต่ไม่ได้หันกลับมา “คงไม่ต้องหรอก เพราะนายเองก็ฉวยโอกาสโอบเอวฉัน ฉะนั้นก็หายกัน” พูดจบชนิกานต์จะเดินต่อไป แต่มีชายหนุ่มอีกสองคนโผล่ออกมายืนดักอยู่
“ขวางทางเราทำไม! หลีกไปนะ” สุธาสินีกระชากเสียงถามทันทีอย่างระแวง
“คนเล็ก...” อังคณาเขยิบเข้าหาชนิกานต์ด้วยความกลัว แต่ชนิกานต์ไม่สนใจสักนิด
“หลีกไปสิ! ยืนเกะกะขวางทางอยู่ได้” ชนิกานต์เดินตรงไปที่ชายหนุ่มที่ยืนขวางทางแล้วผลักอกชายหนุ่มสองคนให้พ้นทางก่อนจะเดินผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สุธาสินีและอังคณาตามติดทันที
“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหนล่ะ เรายังไม่รู้จักกันเลยนะ” ชายหนุ่มรีบเดินมาคว้าแขนชนิกานต์ไว้ แต่เธอกลับสะบัดมือเขาออกอย่างแรงราวกับรังเกียจนักหนา
ดวงตาชายหนุ่มวาววับขึ้นมาเล็กน้อย ...ทำท่าหยิ่งใส่ฉันหรอ เดี๋ยวเห็นดีกันแน่...
ชนิกานต์เชิดหน้าขึ้นเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันจำเป็นต้องรู้จักนายหรอ”
“ทำไมล่ะ...แค่บอกชื่อก็ไม่ได้หรอคนเล็ก” ชายหนุ่มพูดพร้อมรอยยิ้ม แต่ชนิกานต์ถลึงตาใส่เขา
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ ฉันว่าฉันเรียกชื่อเธอไม่ผิดนะ” ชายหนุ่มพยักหน้าไปทางอังคณาเป็นเชิงว่าเขาได้ยินจากอังคณา ชนิกานต์ปรายตามองเพื่อนสาวเล็กน้อยแล้วมองหน้าชายหนุ่ม
“แล้วจะเอาไง?” เธอกระชากเสียงถามขึ้น
ชายหนุ่มยิ้มไม่ตอบแต่เดินเข้าประชิดตัวชนิกานต์ทันที สาวน้อยไม่ถอยหนีแต่กลับจ้องเข้าไปในดวงตาเขานิ่ง
“นายจะทำอะไร ถอยไปห่างๆ เพื่อนฉันนะ” สุธาสินีโวยวายขึ้นและจะเดินเข้าไปปกป้องเพื่อน แต่ก็โดนชายหนุ่มอีกสองคนเดินมาจับตัวเธอและอังคณาถอยออกมา
“อย่านะ พวกนายจะทำอะไร?” อังคณาเอ่ยเสียงสั่น
“นี่ อย่าเข้าใจผิดสิ พวกเราไม่ใช่คนเลวร้ายนะ” ชายคนที่ยึดแขนเธอไว้เอ่ยขึ้นแล้วหัวเราะออกมา
“นายบอกให้เพื่อนนายปล่อยมือจากเพื่อนฉันได้ไหม เพื่อนฉันไม่ชอบ” ชนิกานต์เอ่ยขึ้นเสียงแข็ง
ชายหนุ่มพยักหน้าให้เพื่อนเขา อังคณาเดินไปเบียดสุธาสินีทันทีที่เธอเป็นอิสระจากมือชายหนุ่มแต่ก็ยังโดนบังจนมองไม่เห็นตัวชนิกานต์ ทางด้านชนิกานต์เองถึงแม้ชายหนุ่มจะยืนชิดเธอในลักษณะล่อแหลม แต่เธอกลับยืนนิ่งไม่ถอยหลบและยังมองหน้าชายหนุ่มไม่หลบสายตาเขาด้วย
“นายต้องการอะไรจากฉัน” ชนิกานต์เอ่ยถาม แต่ชายหนุ่มเอาแต่อมยิ้มไม่ตอบ
“ที่โรงอาหารนายก็แกล้งเดินชนฉัน เมื่อกี้ก็เดินเข้าไปพาฉันออกมาจากพวกผู้ชายพวกนั้น แล้วนี่ก็ไม่ยอมให้ฉันไปแถมยังกล้ายืนเบียดฉันเหมือนคิดจะสิงร่างฉันแบบนี้ นายคิดจะทำอะไรกันแน่” ชนิกานต์เอ่ยเสียงเครียดแต่สองหนุ่มด้านหลังเธอหัวเราะกันอย่างเฮฮาเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
“เธอรู้ด้วยหรอว่าโป้งมันแกล้งเดินชนเธอ” หนึ่งในสองถามขึ้นกลั้วหัวเราะ
“เก่งจริงนะ คนเล็ก” ชายหนุ่มยิ้มแล้วพูดขึ้นอีก “ฉันสนใจเธอนะ เรามาทำความรู้จักแล้วลองคบกันไหม ถ้าไม่พอใจก็ต่างคนต่างไป ว่าไง?” ชายหนุ่มถามขึ้นแล้วเคลื่อนหน้าเข้าใกล้ชนิกานต์มากขึ้น
“ไม่ ฉันไม่สนใจนาย ไม่ได้อยากรู้จักและไม่อยากเห็นหน้านายด้วย” ชนิกานต์ตอบเสียงเรียบอย่างไม่กลัวทั้งที่ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้เธอมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น
“จะบอกอะไรให้นะ คนเล็ก ไม่มีอะไรที่ฉันอยากได้แล้วไม่ได้” ชายหนุ่มพึมพาให้เธอได้ยินกันเพียงสองคน สองมือเขารั้งร่างเล็กเข้าหาตัว โน้มหน้าเข้าใกล้อีกนิดเพื่อหวังจะหยุดเสียงคนปากเก่ง แต่ชนิกานต์ตาวาวขึ้นเล็กน้อย...
“ระวังหน่อยสิ...ปลายมีดมันแหลมนะ” เธอพูด
ชายหนุ่มชะงักไปทันทีเพราะรู้สึกว่ามีบางอย่างสะกิดบริเวณเป้ากางเกง เขาเหลือบตาลงมองก็พบว่าชนิกานต์กำมีดพกไว้ในมือและปลายมีดมันจ่ออยู่ที่บริเวณของรักของหวงของเขา
“เล่นแบบนี้เลยหรอ” ชายหนุ่มพึมพำชิดริมฝีปากเธอ ก่อนปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน ชนิกานต์เหยียดยิ้มให้
“เอาล่ะ ฉันให้คำตอบนายแล้วนะ ทีนี้ปล่อยพวกฉันไปได้หรือยัง?” ชนิกานต์พูดขึ้นทันทีที่เขาห่างเธอออกไป
“ปล่อยแน่ แต่ว่า...” ยังไม่ทันพูดจบชายหนุ่มก็เดินเข้าประชิดตัวชนิกานต์แล้วดันตัวเธอถอยไปจนติดกับต้นไม้ ชนิกานต์ที่ระวังตัวอยู่แล้วสะบัดปลายมีดในมือสร้างแผลให้แขนชายหนุ่มเล็กน้อย แต่แรงของอิสตรีหรือจะสู้กำลังแห่งบุรุษได้ ชั่วครู่เดียวชนิกานต์โดนชายหนุ่มยึดมือเอาไว้แน่น
“ปล่อยฉันนะไม่งั้นนายเจอดีแน่” ชนิกานต์ตวาดใส่ด้วยความโมโห
...กล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้...อย่าให้หลุดไปได้นะ ฉันเอานายตายแน่... ชนิกานต์คิดพร้อมจ้องหน้าชายหนุ่มด้วยดวงตาวาวโรจน์ขึ้นอย่างเอาเรื่อง
เมื่อเห็นชนิกานต์ขยับไม่ได้อีก ชายหนุ่มกดเรียวปากร้อนผ่าวที่แก้มหอมแล้วลากปลายลิ้นลงมาจนถึงที่ต้นคอเล่นเอาหัวใจคนตัวเล็กกระตุกวูบ ชนิกานต์ยืนนิ่งอย่างตกใจกับสัมผัสที่อุกอาจชั่วครู่และเริ่มดิ้นรนหาทางเอาตัวรอดอีกครั้งแต่ชายหนุ่มรู้ทันเขายึดสองมือเธอตรึงไว้เหนือศีรษะด้วยมือเดียว อีกมือก็ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกเผยให้เห็นเนินอกขาวนวล เขายิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากเล็กน้อยแล้วก้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาอีกครั้ง
เมื่อเธอพยายามใช้ขาดันเอาไว้เขาก็ใช้ต้นขาเบียดเธอไว้ทำให้ขยับไม่ได้แถมยังสอดขาเข้ามาข้างหนึ่งเพื่อแยกเรียวขาสวยของเธอออกจากกัน มือที่วุ่นวายกับกระดุมเริ่มเลื่อนลงไปแถวชายกระโปรง มือใหญ่ซอกซอนเข้าไปลูบไล้เรียวขางามจนร่างบางผวาเฮือก ชนิกานต์รู้ดีถ้าปล่อยไปแบบนี้เธอไม่รอดแน่แต่เธอขยับไม่ได้ สุดท้ายจึงร้องโวยวายให้สองสาวช่วย
“ก้อย! ช่วยฉันด้วย!” ชนิกานต์ร้องขึ้นเสียงหลง
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!