“ คุณ เอ่อ
พี่ชายพูดว่าอะไรนะครับ ”
“ ถ้าอยากให้มีการจัดงานแต่งงาน
เราก็มาแต่งกับพี่แล้วกัน ”
“ งั้นผม เอ่อ
น้อยจะไปเรียนคุณพ่อว่าพี่ชายไม่ตกลงนะครับ ”
“ พี่ตกลง ไปเรียนคุณอาได้เลย
คุณพ่อครับ ช่วยผมจัดเตรียมเรื่องการจัดงานด้วยนะครับ ”
เดี๋ยวไอ้คุณพี่ชายบ้า พูดเสร็จก็เดินจากไป
ไม่มีการสนใจอะไรต่อเลย ทำเหมือนเป็นการสั่งงาน สรุปการประชุมจบอย่างนั้นแหละ
นี่มันงานแต่งงานนะโ-้ย แล้วเราก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ด้วย โอ้ย ปวดหัว
บ้านหลังใหญ่ ตระกูลชาติพยัคฆ์
ที่ห้องนั่งเล่น
“ คุณลุงครับ คุณพ่อให้มาถามเรื่องสัญญาที่เคยให้ไว้กับคุณตา
เรื่องแต่งงานครับ ตอนนี้น้องนิดก็ 17 ปีแล้ว
น้องหน่อยก็เพิ่งครบ 16 ปี ถ้าคุณ เอ่อ
พี่ชายต้องการแต่งกับคนไหน ให้เรียนกับคุณพ่อได้เลยครับ
นี่เป็นรูปถ่ายของน้องสาวของผมทั้งสองคนครับ ” เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากก่อนที่จะพยายามพูดออกมาด้วยความลำบากใจ
“ ถ้าอยากให้มีการจัดงานแต่งงาน เราก็มาแต่งกับพี่แล้วกัน ” คนพูดเดินลงมาจากชั้นบน
“ คุณ เอ่อ พี่ชายพูดว่าอะไรนะครับ ” เด็กหนุ่มรีบเปลี่ยนสรรพนามเรียกแทบไม่ทัน
เพราะตอนนี้เขาไม่ได้กำลังอยู่ตามลำพังกับคนที่เขาเพิ่งตั้งคำถาม
ตรงนี้ยังมีคุณชาญนั่งอยู่ด้วย ส่วนคุณสร้อย
ภรรยาของเจ้าของบ้านน่าจะกำลังดูแลพวกแม่บ้านให้ทำของว่างอยู่เป็นแน่ เขารู้
เพราะเขาก็เคยเข้ามาที่นี่บ่อย ๆ
“ ถ้าอยากให้มีการจัดงานแต่งงาน เราก็มาแต่งกับพี่แล้วกัน ” คนพูดยังพูดเหมือนเดิม เหมือนถ่ายเอกสารยังไงยังงั้น ท่ายืนสบาย ๆ
ทำเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรทั้งนั้น
“ งั้นผม เอ่อ น้อยจะไปเรียนคุณพ่อว่าพี่ชายไม่ตกลงนะครับ ” ‘โอ้ยให้ตายสิ นี่คุณลุงจะสงสัยไหมนะ ว่าเขาใช้สรรพนามผิดอีกแล้ว ’ เขาสรุปว่าที่อีพี่พูดอย่างนั้น คือ การประชด
ไม่ต้องการให้มีการแต่งงานนี้เกิดขึ้นนั่นเอง
“ พี่ตกลง ไปเรียนคุณอาได้เลย คุณพ่อครับ
ช่วยผมจัดเตรียมเรื่องการจัดงานด้วยนะครับ ” คนพูด
พูดกับเขาเสร็จก็หันไปบอกกล่าวพ่อของเขา จบแล้วก็เดินออกไปทันที
เดี๋ยว
ไอ้คุณพี่ชายบ้า พูดเสร็จก็เดินจากไป ไม่มีการสนใจอะไรต่อเลย
ทำเหมือนกับเป็นการสั่งงาน สรุปการประชุมจบอย่างนั้นแหละ นี่มันงานแต่งงานนะโ-้ย
แล้วเราก็เป็นผู้ชายทั้งคู่ด้วย โอ้ย ปวดหัว แล้วเขาจะทำอย่างไรดี
เขาจะไปบอกพ่อของเขาว่าอย่างไร น่าจะลากอีพี่ให้ไปพูดกับพ่อของเขาเอง
ท่าทางจะง่ายกว่า
“ คุณลุงครับ
น้อยขอตัวกลับก่อนนะครับ ” เขายกมือขึ้นไหว้ชายวัยกลางคน
พยายามทำเสียงให้เป็นปกติ นายชาญยกมือไหว้ตอบเขา พร้อมยิ้มรับ
เขาเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นด้วยความโมโห
เขาจะไปแต่งงานกับชายหนุ่มรุ่นพี่ได้อย่างไร ในเมื่อตัวเขาเองก็เป็นผู้ชาย
ส่วนอีกคนก็เป็นผู้ชาย ถึงเขาจะแอบมีความรู้สึกดี ๆ ให้ก็ตาม แต่เขาเคยแอบได้ยิน
คนพี่นั้นพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนของเขาว่า เขาไม่ได้ชอบผู้ชาย เขาชอบผู้หญิง
แล้วทำไมเขาคนนั้นถึงได้กล้าพูดออกมาว่า จะแต่งงานกับเขานะ
ทั้งที่มีผู้หญิงให้เขาเลือกถึง 2 คน แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็รู้สึกว่า อีกคนน่าจะรำคาญเขามาก ๆ ด้วย
เขาก็เลยพยายามไม่ไปเข้าใกล้เขาคนนั้นอีกเลย
“ ดูสิ เดินหายไปไหนแล้วนะ ” เขาบ่นพึมพำ ก่อนรีบเดินผ่านประตูเล็กที่เชื่อมบ้านสองหลังไว้ด้วยกัน
คุณนวล คุณแม่ของเขา ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ เคยเล่าให้เขาฟังว่า
อาณาเขตบ้านของตระกูลชาติพยัคฆ์
ส่วนของเรือนหลังเล็กนั้นเคยเป็นบ้านที่คุณแม่กับคุณพ่อเคยอยู่ ก่อนที่เขาจะเกิดมา
แต่ภายหลังที่พ่อเขาแยกทางไป พ่อก็เอาไปขาย
โชคยังดีที่คุณลุงชาญเป็นคนมาซื้อเอาไว้ ประตูเล็กนี้จึงยังมีอยู่
แปลงกุหลาบของคุณแม่เขาก็ยังอยู่เหมือนเดิม ตอนเด็ก ๆ
คุณแม่ของเขาชอบพามานั่งดูเป็นประจำ ปากก็เล่าให้ฟังว่าพ่อเขาเป็นคนปลูกให้
แล้วก็ร้องไห้ สำหรับเขา เขาไม่ชอบเลยที่แม่ร้องไห้เพราะพ่อ แต่เขาก็ไม่เคยเกลียดพ่อเลย
เพราะแม่ไม่เคยสอนให้เกลียดพ่อ มีแต่สอนให้เขารัก
และต้องตอบแทนบุญคุณพ่อผู้ให้กำเนิดเขามา
ทั้งที่คนเป็นพ่อแยกทางกับแม่ของเขาทันทีที่เขาเกิด พี่เลี้ยงเล่าให้เขาฟังว่า
ที่พ่อเขาทิ้งเขากับแม่ไป เพราะเขาเกิดมาเป็นชาย ทำให้ข้อตกลงการหมั้นหมายของสองตระกูลเกิดขึ้นไม่ได้
เพราะเขาไม่ใช่ผู้หญิง พ่อของเขาไปมีครอบครัวใหม่ ให้กำเนิดลูกสาวมา 2 คน เขาเองไม่ได้เจอพ่อเลยตั้งแต่เกิด งานศพแม่ของเขา พ่อก็ไม่ได้มา
น้องสาวอีก 2 คนเขาก็ไม่เคยเจอ
เขาเองเพิ่งได้เจอกับพ่อตัวเองเมื่อวานนี้เอง พร้อมรูปของน้องสาวทั้ง 2 คน พ่อมาเพื่อให้เขาช่วยทวงสัญญาการหมั้นหมายนั้น
เขาเองก็เพิ่งได้รับรู้เรื่องทั้งหมด ตอนแรกเขาไม่คิดจะพูดให้
แต่คนเป็นพ่อก็ไม่พูดเปล่า กลับตรงเข้าทำร้ายเขา
ยังดีที่พี่เลี้ยงของเขาเข้ามาช่วย
ไม่อย่างนั้นรอยตามตัวพี่เลี้ยงคงมาอยู่บนตัวเขาแทนแน่ เขารีบเร่งฝีเท้าเข้าไปในบ้าน
บนโซฟาตัวสวย มีคนเป็นพ่อของเขานั่งอยู่ ส่วนพี่เลี้ยงของเขานั่งอยู่บนพื้น
“ เป็นอย่างไรบ้าง
ตกลงคุณชายเขาเลือกใคร ยายนิด หรือ ยายหน่อยล่ะ ” ผู้ที่ได้ชื่อเป็นพ่อ
รีบถามทันทีที่ได้เห็นหน้าของเขา หน้าตากระหยิ่มยิ้มย่อง แสดงออกอย่างชัดเจน
“ เอ่อ
คุณชายเขาไม่ได้ต้องการที่จะแต่งงานกับใครทั้งนั้นครับ ” เขาพยายามตอบออกไปอย่างแผ่วเบา
ไม่กล้าแม้แต่จะสบตากับคนตรงหน้า เพราะตอนนี้คนนั้นหุบยิ้มลง
แล้วตรงปรี่เข้ามาบีบแขนของเขาแน่น จนเขารู้สึกเจ็บ เริ่มมีน้ำใส ๆ
คลอขึ้นมาที่ดวงตาของเขา มืออีกข้างก็เงื้อมขึ้น
เตรียมพร้อมที่จะฟาดลงมาด้วยความโมโห
“ คุณหนูน้อย ” พี่เลี้ยงสาวรีบเข้ามากอดปกป้องเขาไว้
พร้อมกับมีร่างหนึ่งกระชากคนที่จะลงมือ เหวี่ยงลงไปกองกับพื้น
แล้วก็ประคองตัวเขากับพี่เลี้ยงสาวมาไว้ข้างตัว เขาหันหน้าไปมอง พี่ชาย
“ อย่ามาทำร้ายใครที่บ้านหลังนี้
ไม่อย่างนั้นจะหาว่าผมไม่เตือน ” คนพูดจ้องตาเขม็ง
ขบกรามแน่นดูเหมือนจะโกรธมาก ทำไมต้องโกรธมากซะขนาดนั้นนะ
“ มึงเป็นใคร
เข้ามายุ่งวุ่นวายอะไร นี่บ้านกู นี่ลูกกู ” พ่อเขาพยายามยันตัวขึ้น
ตะโกนออกมาด้วยความโมโห
“ ผมชื่อ ชาย
ชาติพยัคฆ์ เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ และนี่ก็คู่หมั้นผม ส่วนคุณ เชิญออกไปได้แล้ว
ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งตำรวจข้อหาบุกรุก พี่จันทร์ไปโทรหาตำรวจเดี๋ยวนี้ " ฮะ
อะไรนะ แล้วประโยคหลังก็หันไปสั่งกับพี่เลี้ยงของเขา ส่วนพี่จันทร์ก็ผละออก
เดินตรงไปที่โทรศัพท์ทันที เขาตอนนี้เผลอกอดคนโตกว่าไว้แน่น
แต่ก็ยังตกใจกับคำพูดพวกนัั้น แล้วนี่เขาไปเข้าพิธีหมั้นตอนไหน
“ เดี๋ยว คุณชาย
ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ฟังอาก่อน อาชื่อ ยิ่ง เยาวมาลย์ เป็นพ่อแท้ ๆ ของไอ้ เอ่อ
ตาน้อยเองครับ ” พ่อเขาพูดด้วยน้ำเสียงเกรงอกเกรงใจ
ท่าทางก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
“ คุณยังมีหน้ามาอ้างสิทธิความเป็นพ่อกับคุณน้อยอีกหรือครับ
นามสกุลคุณน้อยก็ไม่ได้ใช้ของคุณ ตั้งแต่คุณน้อยเกิดมา
ผมเพิ่งเคยเห็นคุณก็วันนี้เอง อ้อ แล้วเรื่องที่คุณบังคับให้คุณน้อยไปพูด
ผมไม่ตกลง เพราะคุณน้อยเป็นคู่หมั้นของผม
คำสัญญาเรื่องการแต่งงานใช้ได้แค่กับคนในตระกูลนพโยธินเท่านั้น ” ชายหนุ่มตรงหน้าพูดออกไปอย่างเด็ดขาดทุกอย่าง เขายืนฟังไป เริ่มยืนไม่ไหว
ตาเริ่มพร่า น้ำตาเริ่มเอ้อล้นอีกแล้ว ขาก็ไม่มีแรง ทำได้แค่เพียงทิ้งตัวเข้าหาคนเป็นพี่
มือก็เกาะแน่นขึ้น เหมือนยึดเอาไว้เป็นที่พึ่ง เขารู้สึกว่า
คนตัวโตกว่าชะงักเล็กน้อย แล้วก็เอามือมาลูบหัว ลูบหลังปลอบเขา
พี่มันก็ดูเหมือนเป็นห่วงเขาอยู่เหมือนกัน
“ จะไปหมั้นกันได้อย่างไรครับ
ตาน้อยมันเป็นผู้ชายนะครับ ” ยิ่งรีบแย้งขึ้นทันทีอย่างยิ้ม
ๆ
“ ทำไมจะไม่ได้
ถ้าผมเห็นด้วย คุณก็ควรกลับไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้น เรื่องหนี้ของคุณ
ผมจะไม่ผ่อนผันให้อีกแล้ว และตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
ห้ามคุณมาวุ่นวายกับคุณหนูน้อยอีก ไม่อย่างนั้น ผมจะยึดบ้านกับบริษัทคุณทันที ” คุณลุง เดินมาตอนไหนไม่มีใครได้ทันสังเกต ยืนมองพ่อของเขา
พร้อมเอ่ยวาจานิ่ง ๆ
“ งั้นผมกลับแล้วครับ
สวัสดีครับ ” พ่อยกมือขึ้นไหว้คุณลุง
แล้วรีบร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้ร่ำลาเขาเลยแม้แต่น้อย หรือ
จะหันมามองเขาสักหน่อยก็ไม่มี
“ คุณลุง ฮึก ฮึก
" คุณลุงมาช่วยเขาอีกแล้ว เขาผละจากคนพี่ วิ่งเข้าไปกอด
ร้องไห้สะอื้นตัวโยนอย่างไม่ต้องปกปิดอีก คนสูงวัยยกมือลูบหัวปลอบประโลมเขา
“ ไม่เป็นอะไรแล้วนะครับคุณหนูน้อย
ปะ กลับไปอยู่ที่เรือนคุณหนูใหญ่นะครับ ” คนพูดพลางจูงให้เขาเดินตาม
ก่อนหันมองที่พี่เลี้ยงของเขา “ จันทร์ก็ตามมาด้วย
แช่มพาคนไปเก็บของให้คุณหนูน้อยกับจันทร์ด้วย แล้วปิดบ้านนี้ไปเลยนะ
ชายอยู่ดูให้พ่อที ” คนพูดยังออกคำสั่งกับแม่บ้าน
และคนที่เดินตามมาด้วย ก่อนพูดกับลูกชายตัวเอง
“ เอ่อ ” พี่จันทร์เหมือนจะพูดขัดอะไรขึ้นมา
“ ค่ะ ” แต่ก็รับคำทันทีที่คุณลุงมอง แล้วรีบเดินตามมาโดยดี
“ ครับคุณพ่อ ” ส่วนคนที่เป็นลูกของคนที่ออกคำสั่ง รับคำ แล้วลอบมองเขา
แต่เขาตอนนี้ยังไม่อยากคิดอะไร จึงไม่ได้ตอบโต้อะไร ปกติเวลาคุณลุงบอกให้เขาทำอะไร
เขาเป็นต้องทำตามทุกอย่าง นั้นเป็นเพราะก่อนที่แม่เขาจะเสียได้เอ่ยยกเขาให้คุณลุง
เป็นผู้ปกครองของเขา และบอกให้เขาต้องเชื่อฟังคุณลุงทุกอย่าง
แล้วเด็กที่ไม่มีญาติสักคนอย่างเขา จะไปกล้าทำตัวไม่ดีกับคุณลุงได้อย่างไร
เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณลุงทำให้เขา ล้วนแล้วแต่ทำตามใจเขาทุกอย่าง
ถึงเขาจะไม่ใช่เด็กเอาแต่ใจ แต่คุณลุงก็มักจะรู้อยู่เสมอว่าเขาอยากได้อะไร หรือ
ไม่ต้องการอะไร และท่านไม่เคยบังคับให้เขาทำอะไรที่เขาไม่เต็มใจสักครั้ง
ไม่มีสักครั้งเลย ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ท่านคงรู้ว่า
ที่เรีอนหลังเล็กคงเป็นที่หลบภัยให้เขาได้
และเขาคงสบายใจเป็นอย่างมากที่จะได้นั่งมองดูดงดอกกุหลาบของแม่เขา
คุณลุงพาเขามานั่งที่โซฟาในห้องนั่งเล่นที่ตึกใหญ่
“ ต่อไปนี้
คุณหนูน้อยก็กลับมาอยู่ที่เรือนหลังเล็กของคุณหนูใหญ่เหมือนเดิมนะครับ ” เป็นบ้านเก่าของแม่เขาเอง เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรว่า
ทำไมคุณลุงต้องเรียกแม่เขาว่า คุณหนู แล้วคุณลุงก็เรียกเขาว่า คุณหนูทุกคำเช่นกัน
เขารู้เพียงแต่ว่าคุณตาของเขา คือ คุณชายนพโยธิน ส่วนแม่เขาเป็นลูกสาวคนเดียวของท่าน
แต่เขาได้ยินทุกคนเรียกแม่เขาว่า คุณนวลตลอด คุณลุงมักแสดงความนบน้อมกับเขาด้วยทุกครั้ง
เขายังไม่กล้าถาม กลัวว่า จะไม่เหมาะสม อันที่จริงแล้ว หลังจากงานศพของแม่เขา
ได้มีกลุ่มคนเข้ามาไล่ให้เขาออกไปจากบ้านของเขา แต่ก็ได้คุณลุงเข้ามาช่วยให้เขาได้บ้านคืนมา
ตอนนั้นคุณลุงเป็นคนให้เขากับพี่จันทร์มาอยู่ที่บ้านหลังเล็กนี้
ต่อมาภายหลังเขาเป็นคนขอคุณลุงที่จะกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเดิมเอง
ในตอนแรกคุณลุงยังไม่เห็นด้วย แต่เป็นลูกชายของคุณลุงที่ช่วยพูดให้
โดยที่คุณลุงมีข้อแม้ว่า ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาอีก
เขาจะต้องกลับมาอยู่ที่เรือนหลังเล็กนี้ เหตุผลของคุณลุง คือ จะได้มีคนมาคอยดูแล
และถึงยังไงคงไม่มีใครกล้ามาทำอะไรเขาในอาณาเขตบ้านของคุณลุงเป็นแน่
“ ครับ ” เขาก้มหน้ารับคำอย่างว่าง่าย
“ จันทร์ขอไปอยู่กับพวกป้าแม่บ้านที่หลังเรือนเล็กติดโรงครัวนะคะ ” พี่เลี้ยงสาวของเขากล่าวขึ้น
“ ทำไมล่ะ
คราวก่อนจันทร์ก็นอนที่เรือนเล็ก ที่เรือนเล็ก
มีห้องที่จันทร์เคยอยู่ตอนคุณหนูน้อยยังเล็ก ๆ ” คุณลุงถามขึ้น
“ นั่นสิ พี่จันทร์
ไปนอนกับน้อยนะครับ ” เขาหันไปถามอย่างอ้อน ๆ
“ คุณหนูน้อยโตแล้วค่ะ
คราวก่อนที่จันทร์นอนด้วย เพราะคุณหนูน้อยยังไม่คุ้นกับที่ค่ะ ” พี่จันทร์อธิบายเหตุผลให้เขาฟัง
“ พี่จันทร์ครับ ” เขาเริ่มโยเย
คุณลุงพูดขึ้นเสียงขึ้นมา
“ เอาเป็นว่าจันทร์อยู่ที่เรือนเล็กกับคุณหนูน้อยก็แล้วกัน
แล้วฉันจะให้แช่มไปช่วยดูอีกคน ”
“ ค่ะ ” พี่เลี้ยงรับคำในที่สุด
“ ขอบคุณนะครับ ” เขายกมือขึ้นไหว้ก่อนเดินไปกับพี่เลี้ยงของเขา
คุณลุงยิ้มให้
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!