NovelToon NovelToon

ยกพวกฆ่ากันในต่างโลก

ตอนที่ 1

เขาลืมตาตื่นขึ้น

เบื้องหน้าสุดสายตาทัศนียภาพที่เห็นมีเพียงความมืด

แต่ยังพอมองเห็นสิ่งต่างๆเป็นเงาลางๆ ด้วยเพียงแสงจากวัตถุทรงกลมที่ลอยอยู่

ซึ่งมองดูแล้วมันไม่ได้อยู่ไกลนักแต่ก็ไม่ได้ใกล้พอที่เขาจะยื่นมือไปสัมผัสได้  เขาใช้มือก่ายหน้าผากตัวเองในหัวพยายามครุ่นคิดเหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี้  เมื่อเขาลุกขึ้นนั่งและมองไปโดยรอบ

ภาพเบื้องหน้าคือเงาของเหล่าผู้คนจำนวนประมาณไม่ต่ำกว่า 30

คนกำลังคุกเข่าก้มหัวแนบกับพื้นหันมาทางที่เขาอยู่ ก่อนที่เสียงของใครผู้หนึ่งจะพูดขึ้น

            “ทะ ๆ ๆ ท่านจะ จอมปีศาจ ขะ ๆขอบคุณที่ท่านยอมมาช่วยพวกข้า” น้ำเสียงสั่นเครือที่ใครผู้นั้นพูดไม่ใช่อาการสั่นที่เกิดจากความหนาวของอากาศรอบกาย

แต่หากเกิดจากความเกรงกลัวต่อบุรุษที่อยู่เบื้องหน้าของตน

ผู้ที่ตนคิดว่าเขาคือจอมปีศาจที่ทรงพลัง หากตนพูดอะไรที่ผิดพลาดไป จากที่จะได้รับความช่วยเหลือ

อาจกลายเป็นการฆ่าล้างหมู่บ้านแทนได้

มันจึงเป็นภาระที่ดูจะหนักอึงเกินกว่าที่คนธรรมดาคนหนึ่งต้องมาแบกรับจนกลายเป็นความกดดัน

จึงไม่แปลกที่เขาพูดมันออกมาโดยน้ำเสียงเช่นนั้น

            เมื่อได้ยินที่ใครผู้หนึ่งพูดขึ้นเขาก็พยายามคิดว่าตัวเองเป็นใครแต่ไม่ว่าจะพยายามเพียงใดมันก็กลับไม่สามารถนึกออกได้ว่าตัวตนของเขาคือใคร

หรือมันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ ใช่แล้วเขาคือจอมปีศาจสินะ

เมื่อคิดอย่างนั้นเขาจึงได้ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงปกติ

            “ข้าคือจอมปีศาจงันเหรอ” แม้จะเป็นเพียงคำถามที่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงธรรมดาๆแต่สำหรับเหล่าผู้คนที่กำลังคุกเข่าก้มหัวแนบกับพื้นดินนั้น

มันคือเสียงที่แฝงไปด้วยจิตสังหารที่รุ่นแรง

หากใครสักคนเอ่ยปากตอบออกไปและทำให้จอมปีศาจขุ่นเคืองใจแล้วอาจทำให้ผู้นั้นโดนสังหารอย่างง่ายได้

ทุกคนเลยต่างเงียบนิ่งพลางคิดในใจ จะมีก็แต่คนผู้เดิมเท่านั้น  เหตุที่เป็นเช่นนั้น

เพราะเขาคือผู้นำของหมู่บ้านแห่งนี้ และทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็เกิดจากเขา

เขารวบรวมความกล้าอีกครั้งพร้อมเงยหน้ามองดูบุรุษตรงหน้า

ถึงจะอยู่ในยามค่ำคืนแต่ด้วยสายตาที่ชินกับความมืดแล้วประกอบกับแสงจากวัตถุทรงกลมที่ลอยอยู่บนฟ้าที่มากระทบกับใบหน้าของบุรุษผู้ที่มองมาทางตนนั้นมีรูปร่างสูงประมาณ

190 กว่า หน้าตาคมเข้ม

แววตาช่างคมกริบนัยต์ตาข้างขวาเป็นสีเทาอีกข้างเป็นสีเหลืองมองดูให้ความรู้สึกน่ากลัว

ผมยาวเกือบถึงเอวเส้นผมสีเทาเงิน ผิวสีขาวซีด  สวมเสื้อและกางเกงสีดำมีเสื้อหนังสีดำคลุ้มทับยาวเกือบถึงข้อเท้า

ปกคอเสื้อหนังเป็นขนสัตว์สีเทา ถึงแม้ว่าจะดูยังไงก็อาจไม่ได้แตกต่างไปจากคนธรรมดา

แต่ว่ามันมีบางอย่างที่แตกต่าง ความรู้สึกของผู้นำหมู่บ้านบอกว่ามันคือรังสีอัมหิตที่ลอมรอบกายของบุรุษผู้นี้

ถึงแม้ว่ามันจะไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา แต่เขาก็สัมผัสได้ด้วยความรู้สึกที่อาจจะเรียกได้ว่าสัญชาติญาณ

ใช่แล้วมีแต่ปีศาจเท่านั้นที่มีมัน ไม่ผิดแน่บุรุษผู้นี้คือจอมปีศาจจริงๆ

อย่างไม่ต้องสงสัย

            “ทะ ถูกต้องแล้วครับ ท่านคือจอมปีศาจ”

            “แล้วทำไม

ข้าถึงได้มาอยู่ที่นี้ได้”

ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้

“พี่ยูเรีย

ท่านพ่อให้มาเรียกพี่ไปหา” เด็กหญิงผมสั้นผิวขาว ตัวเล็กๆ

วัย 6 ขวบ ใบหน้ากลมๆหน้าตาดูน่ารักน่าเอ็นดู ผมยาวกว่าติ๋งหูเพียงเล็กน้อย

คนหนึ่งได้ถามกับหญิงสาวที่กำลังนั่งเหม่อหลังพิงอยู่กับต้นไม้ต้นหนึ่งกลางทุ่งหญ้ากว้าง

บริเวณไม่ห่างจากหมู่บ้านมากนัก

“รู้รึเปล่ายูนะ

ตอนที่พี่อายุเท่าเจ้า พี่เคยได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับดินแดนต่างๆข้างนอกหมู่บ้านของพวกเรามาจากท่านผู้เฒ่า

ดินแดนข้างนอกหมู่บ้านเรามันกว้างใหญ่มากเลยนะ

แต่ว่าตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้พี่ยังไม่เคยได้ออกจากหมู่บ้านไปไหนไกลๆเลยนะ ตอนนี้พี่กำลังจะจากหมู่บ้านนี้แล้ว

ต่อไปพี่เมื่อพี่ไม่อยู่แล้วก็ขอฝากเจ้าดูแลพ่อของเราด้วยนะ”ยูเรียพูดขึ้นอย่างหดหู่ก่อนค่อยๆลุกขึ้นยืน

“เราไปหาท่านพ่อกันเถอะ” ยูเรียพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเพื่อไม่ให้น้องสาวเห็นว่าตัวเองกำลังทุกข์ใจ

“ยูนะไปเล่นออกไปเล่นข้างนอกก่อนนะ”เสียงของชายวัยกลางคนผู้เป็นพ่อได้บอกลูกสาวคนเล็กให้ไปเล่นที่อื่นเพื่อที่จะไม่ต้องรับรู้เรื่องที่เขากำลังจะคุยกับยูเรีย

“ยูเรีย

ผู้เป็นพ่อได้เรียกชื่อลูกสาวเบาๆพร้อมกับถอนหายใจ เฮ้อ... “ลูกรู้ใช่ไหมว่าวันนี้เป็นวันอะไร

พ่อตัดสินใจแล้ว เจ้าจะต้องหนีไป”

“ท่านพ่อ

ข้าไม่หนีไปไหนทั้งนั้น”ยูเรียพูดอย่างเด็ดเดี่ยว

“แต่ว่า...” พ่อของเธอพูดไม่ทันจบยูเรียก็พูดแทรกขึ้นมา

“ข้าไม่เป็นไรหรอกท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง

ข้าเคยคิดอยากออกไปข้างนอกหมู่บ้านเหมือนกัน

บางทีนะนี้อาจจะเป็นโอกาสหากข้าโชคดีข้าอาจได้ไปยังเมืองยังดินแดนต่างๆที่ท่านผู้เฒ่าเคยเล่าให้ฟังก็ได้”ยูเรียเธอพูดด้วยน้ำตาที่เอ่อขึ้นมา

แต่ก็ยังพยายามยิ้มกลบเกลื่อนความเศร้าภายในใจ

“แต่นี้มันไม่ใช้การออกเดินทางเพื่อผจญภัยไปยังเมืองหรือดินแดนต่างๆแบบที่เจ้าพูด

เจ้าที่จะต้องไปชีวิตทั้งชีวิตกับหัวหน้าโจรชั่วนั้น ข้าผู้เป็นพ่อจะทนได้อย่างไร”

“แต่นี้ก็เพื่อหมู่บ้านของเราท่านพ่อ

ทุกอย่างมันต้องดีขึ้นแน่”ยูเรียพูดด้วยรอยยิ้ม

“แต่ก็ไม่ต้องเอาความสุขทั้งชีวิตของเจ้ามาแลก

เจ้าหนีไปเถอะ พ่อได้หาคนพาเจ้าหนีไว้แล้ว”พ่อของยูเรียพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

“ถ้าเกิดว่าข้าหนีไปจริงๆ

แล้วทุกคนในหมู่บ้านนี้จะเป็นอย่างไรต่อ ไอ้โจรชั่วมันอาจไม่พอใจ

เคราะห์ร้ายอาจตกที่ใครบางคนหรืออาจทั้งหมู่บ้าน แล้วจะให้ข้าหนีไปได้งันหรือ

ข้าตัดสินใจแล้วท่านพ่อ ขอร้องอย่าบอกให้ข้าหนีไปเลย”

“วันนี้เป็นวันเกิดของเจ้า

พ่อก็อยากให้เจ้ามีความสุข พ่อไม่อยากเห็นเจ้าที่เป็นลูกต้องไปแต่งงานกับเจ้าโจรชั่วนั้น”ผู้เป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆพร้อมส่ายหน้าช้าๆ

“ใช่แล้ว

วันนี้เป็นวันเกิดข้าและมันก็เป็นวันสุดท้ายแล้วที่ข้าจะได้อยู่กับทุกคนข้าเองก็อยากจะเห็นท่านพ่อมีความสุข

เพราะงันท่านได้โปรดอย่าโทษตัวเอง และใช้ชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขเพื่อข้าด้วย” เธอพูดอย่างเศร้าสร้อย ถึงแม้จะมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า

แต่แววตาของเธอกลับเศร้าหมอง

เฮ้อ!

ผู้เป็นพ่อถอนหายใจก่อนจะพูดต่อว่า“ในเมื่อมันเป็นการตัดสินใจของเจ้า

พ่อก็คงไม่มีอะไรต้องพูดแล้วล่ะ ถ้างันพ่อขอไปทำธุระก่อนแล้วกัน”ผู้เป็นพ่อพูดเสร็จก็ส่ายหน้าและเดินจากไป

ก๊อก

ๆ ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นตามมาด้วยเสียงของชายคนหนึ่ง “ท่านผู้เฒ่า ข้าขอเข้าไปนะ” เมื่อเขาพูดจบก็ได้เปิดประตูแล้วเดินเข้าไปภายในห้องเล็กๆ

ชายชราผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเสื่อเก่าๆผืนหนึ่ง

ด้านหลังของเขาเต็มไปด้วยอุปกรณ์ไอเท็มแปลกประหลาดมากมาย

“เจ้าคงยังคิดไม่ตกอยู่สินะ

ถึงได้มาหาข้าในวันนี้ ยูเรียเองก็อายุครบ 18 ปีแล้ว

เธอชั่งน่าสงสารเสียจริงที่ต้องมารับเคราะห์แทนหมู่บ้านเช่นนี้” ชายชราคนนั้นเอ่ยปากพูด

“ข้าเป็นถึงผู้นำหมู่บ้านแท้ๆแต่ก็กลับทำอะไรเพื่อปกป้องคนในหมู่บ้านไม่ได้

หรือแม้แต่กระทั้งลูกสาวของข้าก็ยังไม่สามารถช่วยไว้ได้”พ่อของยูเรียพูดด้วยท่าทางเหนื่อยๆและรู้สึกปวดใจเป็นอย่างมาก

เฮ้อ...ชายชราถอนหายใจยาวๆก่อนจะพูดขึ้นอย่างขมขื่นใจ “มันก็แบบนี้แหละ คนอ่อนแอก็ได้แต่ต้องเป็นเหยื่อของคนที่แข็งแกร่งกว่า

มันเป็นสัจธรรมของโลกนี้จริงๆ”

“นี้เราไม่มีทางที่จะทำอะไรได้บ้างเลยเหรอครับท่านผู้เฒ่า”พ่อของยูเรียถามขึ้นด้วยความโมโหและเจ็บใจในความไม่เอาไหนของตัวเอง

“บางที่มันก็อาจจะมีหนทางอยู่หรอกนะ

แต่ผลจะออกดีหรือร้ายก็ไม่อาจรู้ได้”

“ท่านผู้เฒ่าท่านหมายความว่าไงกัน”พ่อของยูเรียพูดด้วยสีหน้าแปลกใจแต่แฝงไปด้วยความหวัง

ไม่ช้าชายชราก็หยิบบางอย่างด้านหลังเขาขึ้นมา

ลักษณะของมันเป็น

คริสตัลรูปไข่สีขาวใส่ที่มีควันสีเขียวเป็นรูปใบหน้าและหัวกะโหลกลอยไปลอยมาอยู่ภายในหากมองอย่างตั้งใจควันมันจะค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างไปเรื่อยๆ

จึงไม่สามารถบอกได้ว่าที่อยู่ในนั้นมันเป็นรูปหน้าคนหรือรูปหัวกะโหลกลอยไปลอยมาดูแล้วช่างประหลาดยิ่งนัก

ตอนที่ 2

“นี้มันคืออะไรกันเหรอครับท่านผู้เฒ่า”พ่อของยูเรียถามด้วยความประใจ

“ของสิ่งนี้ข้าได้รับเมื่อนานมาแล้วในตั้งแต่สมัยที่ข้ายังหนุ่มยังแน่นบางทีนี้อาจจะถึงเวลาที่จะได้ใช้มันแล้วก็ได้  เจ้าสิ่งนี้มันคือไอเท็มที่เก็บงำพลังมหัศจรรย์เอาไว้

ไอเท็มที่หากใช้มันแล้วอาจจะอัญเชิญเทพหรือว่าจอมปีศาจมารับฟังคำอ้อนวอนขอร้องจากผู้ที่ใช้มัน

ซึ่งข้าเองก็ไม่อาจบอกได้เลยว่าผู้ที่จะตอบรับการอัญเชิญของไอเท็มนี้จะเป็นเทพเจ้าที่มาช่วยเหลือหรือว่าปีศาจที่จะมาทำลายล้างกันแน่

ข้าจึงเก็บมันไว้มาเป็นเวลานานกว่า 50 ปีโดยไม่กล้าที่จะนำมาใช้ ข้ายกมันให้เจ้าก็แล้วกัน

ไม่ว่าจะใช้หรือไม่ใช้ก็ให้เจ้าเป็นคนตัดสินใจเอาเองแล้วกัน

กว่าฟ้าจะมืดลงก็ยังเหลือเวลาอีก 4 ชม. ค่อยๆคิดให้ดีๆแล้วกัน

คนแก่อย่างข้าก็คงทำได้แค่นี้แหละ”

แม้ว่าจะเหลือเวลา

4

ชม.แต่สำหรับพ่อของยูเรียที่ต้องแบกรับการตัดสินใจครั้งนี้เวลานั้นมันก็ช่างเดินไปไวพอๆกับเวลาแค่

4 นาที

เมื่อท้องฟ้าเริ่มท้อแสงด้วยสีส้มก่อนที่ท้องฟ้าจะถูกกลืนกินด้วยความมืดอีกครั้ง

เสียงเคาะระฆังดังกังวานขึ้นทั่วหมู่บ้าน มันคือสัญญาณเพื่อเรียกให้ทุกคนที่อยู่ในหมู่บ้านมารวมตัวกัน

ไม่นานนักชาวบ้านก็ต่างพากันมารวมตัวกันบริเวนลานกว้างกลางหมู่บ้าน ชาวบ้านทุกคนยืนล้อมเป็นวงกลมสายตาพากันจับจ้องไปยังผู้นำหมู่บ้านของพวกเขาที่ยืนอยู่ตรงกลาง

พ่อของยูเรียสอดส่องสายตามองไปรอบๆ

เมื่อเห็นว่าจำนวนคนมากันเยอะแล้วไม่มีทีท่าว่าจะมีคนมาเพิ่มแล้วเขาก็ได้พูดขึ้น “ข้าในฐานะที่เป็นผู้นำหมู่บ้านคนปัจจุบัน

ที่ได้ตีระฆังเรียกทุกคนมาวันนี้หลายๆคนก็น่าจะรู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร

แต่สำหรับคนที่อาจจะยังไม่รู้ วันนี้ก็คือวันคล้ายวันเกิดของยูเรียลูกสาวของข้า

ซึ่งปีนี้ก็จะครบ 18 ปี นั้นก็คือวันที่หัวหน้ากลุ่มโจรหัวแดงได้กำหนดไว้ว่าจะมารับลูกสาวข้าไปแต่งงาน

และก็จะลดการเก็บค่าคุ้มครองลงจากที่ 70/30 จากผลผลิตทั้งหมดที่พวกเราหาได้เป็น 50/50”พ่อของยูเรียหยุดคิดสักพักก่อนจะพูดขึ้นต่อ “ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า

5 ปีที่พวกเราถูกกดขี่และข่มเหง วันนี้ในที่ฐานะที่ข้าเป็นผู้นำหมู่บ้าน

และในฐานะที่ข้าเป็นพ่อของลูกสาวผู้แสนน่ารักที่จะต้องไปเป็นเจ้าสาวของหัวหน้าโจรผ้าแดง

ข้าได้ตัดสินใจแล้วว่าหลังจากนี้ข้าจะไม่ยอมอดทนอีกต่อไป เพราะข้ามีไอ้นี้!”พ่อของยูเรียชูไอเท็มคริสตัลรูปทรงเหมือนไข่สีขาวประหลาดๆที่ได้รับมาจากผู้อาวุโสขึ้นให้กับชาวบ้านทุกคนได้เห็น

เมื่อชาวบ้านทุกคนได้เห็นไอเท็มนั้นต่างพามองดูสิ่งนั้นด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจบางก็พูดถึงของสิ่งนั้นไปต่างๆนาๆว่ามันคืออะไร

“ไอ้ของประหลาดนั้นคืออะไรกัน”

“ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

“ของนั้นมันคืออะไร”

“หรือมันจะเป็นไข่วิเศษ”

“ด้วยลักษณะเช่นนั้นข้าว่ามันเป็นไข่มอนสเตอร์ระดับสูงมากกว่า”

“ท่านผู้นำของสิ่งนี้มันคืออะไรกันแน่ครับ

แล้วมันใช้ทำอะไร” ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ย

พ่อยูเรียมองดูของสิ่งนั้นที่อยู่ในมือของตัวเองด้วยสีหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความหวังก่อนพูดขึ้น“เอาละข้าจะบอกให้ทุกคนได้รู้ มันก็เป็นไอเท็มที่ข้าได้รับมาจากท่านผู้เฒ่า

มันเก็บงำพลังอำนาจมหัศจรรย์ใช้เพื่ออัญเชิญเทพเจ้าหรือจอมปีศาจมารับฟังคำอ้อนวอนจากพวกเรา

ถ้าเทพเจ้ายอมรับฟังคำร้องขอจากพวกเรา ต่อให้มีกองโจรสักกี่กองโจรพวกเราก็ไม่ต้องกลัวมันอีกแล้ว”

ได้ยินคำอธิบายจากผู้นำหมู่บ้านของตนแล้วชาวบ้านต่างพากันพูดซุบซิบถึงไอเท็มนั้นด้วยความตื่นเต้นและยินดีก่อนที่ผู้นำหมู่บ้านจะพูดต่อ

“ข้าเรียกให้ทุกคนมารวมกันก็ด้วยเรื่องนี้แหละ

ขอถามความเห็นจากทุกคนหน่อยว่า ถ้าข้าจะใช้ไอเท็มนี้มีใครที่ไม่เห็นด้วยบ้างหรือไม่”

“เดี่ยวก่อนสิท่านผู้นำท่านบอกว่ามันอัญเชิญเทพเจ้าหรือจอมปีศาจมา

แล้วถ้าเกิดสิ่งที่มาคือจอมปีศาจ พวกเราจะไม่แย่กันเหรอ”ใครบางคนถามขึ้นโดยความกลัว

“ถ้าเกิดว่าสิ่งที่ออกมาคือจอมปีศาจจริงๆทุกคนไม่ต้องห่วง

ข้าเองพร้อมสละร่างกายของข้าเป็นเครื่องสังเวย” ผู้นำหมู่บ้านตอบด้วยความมุ่งมั่นที่จะรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองได้เป็นผู้กระทำ

“ท่านพ่อ!” เสียงของหญิงสาวผู้หนึ่งดังขึ้นมาก่อนที่เธอจะเดินมาหาผู้นำหมู่บ้านแล้วพูดต่อ “ท่านไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้

ข้าบอกแล้วว่าข้ายินดีเป็นเจ้าสาวไปอยู่กับหัวหน้ากองโจรผ้าแดง…”

เพี๊ยะ!

พ่อของยูเรียตบหน้าลูกสาวสุดที่รักแล้วพูดด้วยน้ำตาคลอในขณะที่มืออีกข้างกำแน่น “ยูเรียลูกรู้บ้างรึเปล่า พ่อเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เล็ก

ถึงเจ้าจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่จะให้ข้าผู้เป็นพ่อนิ่งเฉยได้อย่างไร

เจ้ารู้ไหมว่าข้ารู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน”

“แต่ว่าท่านพ่อ...”ยูเรียพูดด้วยเสียงสะอื้น

“ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว

ขอให้พ่อได้ทำในสิ่งที่พ่อทำได้ในตอนนี้เถอะ”

“ข้ารักท่านพ่อนะ”ยูเรียพูดทั้งที่น้ำตาไหลก่อนจะโผเข้ากอดพ่อของตัวเองแล้วร้องให้สะอึกสะอื้น

“หยุดร้องให้ได้แล้วเด็กโง่พ่อยังไม่ตายสักหน่อย

และเราเองก็ยังมีความหวังอยู่” ผู้เป็นพ่อพูดปลอบลูกสาวของตน  หลังจากที่ทั้งสองสงบสติอารมณ์ได้จึงเอ่ยถามชาวบ้านอีกครั้ง

“ตอนนี้ยังมีใครไม่เห็นด้วยบ้างหากข้าจะใช้ไอเท็มประหลาดนี้บ้างไหม”เมื่อชาวบ้านได้เห็นเหตุการณ์ที่แสนหดหู่ของสองพ่อลูกแล้วก็ไม่มีใครกล้าที่จะคัดค้าน

“ขอบคุณทุกคนที่เห็นด้วย

ถึงแม้จะเป็นความหวังที่เล็กน้อย แต่มันก็คือความหวังที่มีค่ามากแก่พวกเรา”เมื่อพูดจบเขาก็นึกถึงวิธีการใช้ไอเท็มนี้ที่ผู้อาวุโสได้บอกไว้

ให้เจ้าวาดวงกลมขึ้นที่พื้นดินแล้ววาดรูปดาวห้าแฉกไว้ในวงกลมนั้นอีกทีหนึ่ง

เจ้าจงยืนข้างนอกห่างจากสัญลักษณ์ประมาณสามเมตร แล้วพูดว่า

“ด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า  ข้าขออัญเชิญท่านผู้ยิ่งใหญ่”

จากนั้นให้จับไอเท็มนี้ให้แน่นและทุบทำลายมันลงไปตรงกลางของสัญลักษณ์ที่วาดไว้

ผู้นำหมู่บ้านไม่รอช้า

ปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนทุกอย่างได้อย่างสมบูรแบบ หลังจากที่ได้ทำลายไอเท็มนั้นเขาจึงรีบออกหากจากสัญลักษณ์ที่พื้น

ไม่นานภาพที่เห็นเบื้องหน้าก็กำเนิดสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมาหลายหน

จนเกิดฝุ่นหนาขึ้นตลบอบอวนจนไม่สามารถมองเห็นว่ามีสิ่งใดอยู่ในวงกลมนั้นหรือไหม

ทุกคนในบริเวณโดยรอบต่างจับจ้อง

สายตาทุกคู่มองดูด้วยความตื่นเต้นว่าสิ่งที่ถูกอัญเชิญมานั้นแท้จริงแล้วจะเป็นอะไรกันแน่

เวลาผ่านไปไม่กี่อึดใจ ฝุ่นควันค่อยๆจางลงที่ละนิดและก็สลายหายไปจนหมด วินาทีถัดมาสิ่งที่เข้ามาอยู่ในความคิดของทุกคนนั้นก็คือความสิ้นหวัง

เพราะภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าของพวกเขา คือ ความว่างเปล่า

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!