ณ จวนราชครู ใหญ่ แคว้นเป่ยถัง
" ท่านพี่วันนี้ท่านพ่อจะพาพวกเราไปหาท่านน้าเสียนเฟยใช่หรือไม่?
เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า ดรุณีน้อย อีกคนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกับคนถามมิผิดเพี้ยน หากลองสังเกตุดีๆจะมองเห็นความแตกต่าง อย่างเห็นได้ชัดสองอย่าง นั่นคือสีของดวงตา และ รูปดอกบัวที่ปรากฏตรงกลางหน้าผากเหนือตำแหน่งระหว่างคิ้วทั้งของดรุณีน้อยทั้งสอง
" ชิงหลิง เจ้าถามข้ามาสามรอบแล้วตั้งแต่เจ้าลืมตาตื่นขึ้นมาวันนี้ " พูดไม่พูดเปล่ายังสายหน้าอย่างเอ็นดูให้กับน้องสาวที่อายุห่างจากกันไม่ถึงครึ่งเค่อ
คนถูกบ่น ทำเสียหน้ากระเง้ากระงอดดวงตาสีม่วงหม่นแสงลงพลางเอ่ยออกมาเบาๆ
" ท่านพี่ ข้าย่อมตื่นเต้นดีใจเป็นธรรมดาหรือท่านมิได้ตื่นเต้นดีใจกันเล่า "
" ข้าย่อมต้องดีใจเป็นธรรมดา ข้ารู้ว่าทุกครั้งที่เจ้าได้พบท่านน้า เจ้ารู้สึกเช่นไรเพราะข้าเองก็ไม่ต่างกัน "
" ท่านพี่ ข้าคิดถึงท่านแม่ "
" ข้าก็เช่นกัน " หยวนชิงหลีเอ่ยตอบหยวนชิงหลิงในใจ ด้วยความเป็นพี่จึงต้องแสดงความเข้มแข็งจะแสดงความอ่อนแอออกมามิได้
" ชิงหลิง วันนี้ข้ารู้สึกไม่อยากเข้าวังเลย "
หยวนชิงหลิง เอียงคอมองพี่สาวนางอย่างสงสัย ท่านพี่เป็นอันใด ไม่สบายใช่หรือไม่ มือน้อยๆยกขึ้นแตะหน้าผากคนตรงหน้า ตัวก็มิร้อนนี่นา
" ข้ามิได้เป็นอันใดชิงหลิง เพียงแต่รู้สึกไม่สบายใจเท่านั้น "
" ก็ได้..ก็ได้ ท่านพี่หากท่านไม่สบายใจ งั้นพวกเรารีบไปรีบกลับดีหรือไม่"
สองแขนอ้ากางออกโผเข้ากอด คนตรงหน้าอย่างออดอ้อน
" เจ้าต้องรับปากข้า ว่าเจ้าจะไม่ซนและจะเชื่อฟังข้า เพราะท่านพ่อมิอาจไปกับพวกเรายังตำหนักของท่านน้าเสียนเฟยได้"
" เจ้าค่ะ ท่านพี่ ข้าจะเป็นเด็กดี " ดวงตาสีม่วง สบ ดวงตาสีทอง พร้อมเอ่ยค่ำมั่น
ณ ใจกลางทะเลสาปมรกต
มีดอกบัวดอกใหญ่ปรากฏอยู่ กลีบดอกของดอกบัวมีเจ็ดสีแปร่งประกายระยิบระยับ รอบสระยังมีดอกบัวสีขาวขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ใต้น้ำดอกบัว ในแต่ละดอก กลับมีสิ่งมีชีวิตที่น่าเกรงขามอย่างมังกรเฝ้าอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น
ลึกลงไปใต้น้ำ เป็นที่ตั้งของตำหนักหมื่นธารา ของเทพธิดาบุปผาสวรรค์ ซึ่งมีร่างที่แท้จริงเป็นดอกบัวเจ็ดสี
ใจกลางตำหนักซึ่งเป็นที่เก็บรักษาอ่างน้ำศักดิ์สิทธิ มีสตรี ผู้งดงามนางหนึ่งยืนอยู่ สตรีผู้นี้ สวมชุดสีขาวทั้งชุด บนศรีษะ มีเพียงปิ่นรูปดอกบัวเจ็ดสีเสียบไว้เท่านั้น แต่นั่นก็มิได้ทำให้ความงามของนางลดลง กลับทำให้รู้สึกสูงส่งจนไม่อาจเอื้อม
เสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลัง แต่ก็ไม่อาจดึงดูดความสนใจของนางไปจากอ่างศักดิ์สิทธิได้
" ใกล้ถึงเวลาแล้ว เหลียนฮวา "
" คุณหนูเจ้าคะ " ท่านราชครูให้บ่าวทั้งสอง มาเรียนคุณหนูว่าให้พวกท่านทั้งสองคนไปขึ้นรถม้าที่หน้าจวนก่อนได้เลยเจ้าค่ะ "
" พวกข้า กำลังจะออกไป พี่เป่ยซ่าว"
เอ่ยตอบบ่าวรับใช้ข้างกายเสร็จก็หันมาจับมือของน้องสาวอีกครั้งจิตใจหาได้สงบไม่เหมือนมีคลื่นน้ำเป็นระรอกอยู่บนหัวใจ
ป่ายจื่อ กับ ป่ายซ่าว ที่เห็นเจ้านายของพวกตนออกมาจากห้องก็รีบเข้าไปประคองทันที ใช้เวลาไม่นานทั้งหมดก็มาถึงรถม้าที่จอดรออยู่หน้าจวน รถม้ามีสองคัน คันหนึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีลักษณะเรียบง่ายแต่สมฐานะท่านราชครูใหญ่ อีกคันหนึ่ง กว้างใหญ่ ตกแต่งด้วยลายสลักรูปดอกบัวในลักษณะต่างๆ มีทั้งดอกบัวตูม ดอกบัวบาน สวยงามแปลกตายิ่งนัก นอกจากความสวยงามข้างนอกแล้ว ข้างในยังตกแต่งไปด้วยดอกบัวแก้ว ดอกเล็กๆ นับไม่ถ้วน ความพิเศษของดอกบัวแก้วนี้คือเมื่อถึงเวลากลางคืนจะสะท้อนแสงสีขาวนวลขึ้นมาทำให้ในรถม้าไม่ตกอยู่ในความมืด
ทั้งหมดเข้าไปนั่งในรถม้าได้ไม่นานท่านราชครูก็ออกมาจากจวน เดินตรงไปขึ้นรถม้า แล้วสั่งให้ทั้งหมดออกเดินทางทันที
หนึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าทั้งสองคันก็เดินทางมาถึงพระประตูพระราชวัง
ทั้งหมดลงจากรถม้า
" ชิงหลิง " เสียงอบอุ่นอ่อนโยนเอ่ยเรียกบุตรสาว
" เจ้าค่ะท่านพ่อ " ดรุณีน้อยเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อเสียงใส
ท่านราชครู มองบุตรสาวตรงหน้าสองมือยกขึ้นลูบศรีษะเบาๆ มีคำพูดบางคำที่อยากจะพูดแต่ก็มิสามารถพูดออกไปได้
" ชิงหลี ดูแลน้องให้ดีๆ " หันไปสั่ง บุตรสาวอีกคนที่ยืนข้างๆ
"เจ้าค่ะ ท่านพ่อลูกจะดูแลน้องอย่างดีท่านพ่อโปรดวางใจ"
" พวกเจ้าทั้งสองคนจงดูแลคุณหนูของพวกเจ้าดีๆ "
" เจ้าค่ะนายท่าน ทั้งสองรับคำพร้อมกัน "
" คาระวะท่านราชครู " เสียงอ่อนหวานดังขึ้น
" ข้าน้อยนามว่า จั๋วจื่อ เป็นขันทีประจำตำหนัก ไป๋เหลียนฮวา มารอรับคุณหนูทั้งสองตามรับสั่งของพระสนมเสียนเฟยพะย่ะค่ะ "
จั๋วจื่อ หรือ? หันไปมองขันทีน้อยตรงหน้า "ข้าเคยพบเจ้ามาก่อนหรือไม่ เหตุใดวันนี้ท่านหม่ากงกง ถึงไม่มาด้วยตนเอง "
" เรียนท่านราชครู วันนี้ท่านหม่ากงกง ไม่สบาย จึงเป็นข้าน้อยมาแทนขอรับ "
เมื่อซักถามจนคลายความสงสัยแล้วจึงหันไปสั่งความกับบุตรสาวทั้งสองอีกครั้ง
" เวลาก็ไม่เช้าแล้วพวกเจ้ารีบไปเถอะ ยามเซิน ก็มารอพ่อตรงนี้ "
"เจ้าค่ะ/ เจ้าค่ะ ท่านพ่อ
" ข้าน้อยลาท่านราชครู เชิญคุณหนูทั้งสอง พระสนมเสียนเฟยกำลังรอพวกท่านที่ศาลากลางน้ำ"
ภายในศาลากลางน้ำ
เพื่อเป็นการต้อนรับดรุณีน้อยผู้งดงามทั้งสอง ขนมมากมายถูกนำมาจัดเรียงจนเต็มโต๊ะ ไม่เพียงแต่เจ้าของตำหนักที่เอ็นดูคุณหนูทั้งสองแห่งจวนท่านราชครูเท่านั้น ยังรวมไปถึงบ่าวไพร่ในตำหนักมิเว้นแม้แต่ผู้ใด
วันนี้พระสนมเสียนเฟยแต่งกายด้วยชุดสีชมพูอ่อน ผิวที่ขาวราวหิมะ ยิ่งส่งให้นางงดงามประหนึ่งดอกไม้งามกลางหิมะ ผมถูกเกล้าอย่างปราณีต บนศรีษะ ปักปิ่นหยกรูปดอกบัวดอกเล็กๆ สีชมพูเข้าชุดนั่งเอนตัวรับลมบนเก้าอี้กุ้ยเฟยอย่างสง่างาม
หลานทั้งสองคาระวะท่านน้า เจ้าค่ะ/บ่าวทั้งคาระวะพระสนมเสียนเฟยเพคะ
เมื่อเห็นดรุณีน้อยสองคนพระสนมเสียนเฟยก็ยกยิ้มอย่างอ่อนโยน
" วันนี้ข้าเตรียมขนมให้พวกเจ้าทั้งสองเยอะแยะเลย พวกเจ้าทั้งสองค่อยๆทานไปนะก่อนนะข้าจะเข้าไปหยิบของมาให้พวกเจ้า "
พูดจบพระสนมเสียนเฟยก็เสด็จออกไปจากศาลาทันที
หยวนชิงหลีและหยวนชิงหลิงนั่งกินขนมจนครบทุกอย่าง พระสนมเสียนเฟยก็ยังไม่เสด็จออกมาสักที จึงคิดที่จะเดินไปหาหยวนชิงหลิงที่อีกด้านของสะพาน เนื่องจากป่ายจื่อและป่ายช่าวได้รับอนุญาตจากพระสนมเสียนเฟยให้ไปทานขนมในครัว ตอนนี้ จึงเหลือเพียงสองดรุณีน้อยเท่านั้น
ตุ๊บ !! เสียงของบางอย่างกระทบพื้น
หยวนชิงหลีก้มลงไปดูก็พบว่าเป็นป้ายหยกรูปดอกบัวสีทองที่ข้างเอวนางนั่นเองไม่รอช้ารีบก้มเก็บอย่างรวดเร็วเพราะสิ่งนี้เป็นเสมือนตัวแทนของท่านแม่ของพวกนาง
ทางด้าน หยวนชิงหลิง ที่ยืนให้อาหารปลาอยู่อีกฝั่งของสะพานอย่างเพลิดเพลินในครรลองสายตา พลันปร่กฎ ดอกบัวสีม่วง และ สีเหลืองทองแปลกประหลาด ชูช่อ ส่องประกายอยู่ไม่ไกลจากตรงสะพานที่ยืนมากนัก สีของดอกบัวสองดอกนนนี้ช่างเหมือน ดอกบัวตรงหน้าผากของนางและพี่สาวนางยิ่งนัก นางค่อยๆเดินไปตรงสะพาน ตรงตำแหน่งใกล้ๆที่ดอกบัวทั้งสอง มือน้อยเกี่ยวราวสะพานไว้ข้างหนึ่ง อีกมือยื่นไปอย่างสุดแขน แค่เพียงหนึ่งชุ่น (1ชุ่นเท่ากับ3.33เซนติเมตร)ก็จะถึงดอกบัวทั่งสองดอก ทนใดนั้น หยวนชิงหลิงเห็นงูลายสีรุ้งเลื้อยมาตรงบริเวณที่มืออีกมือวางอยู่ด้วยความตรงใจ จึงเผลอปล่อยมือทันที
ตู้ม!! เสียงบางอย่างตกลงไปในน้ำ
หยวนชิงหลีเงยหน้าขึ้นมาเพราะตกใจเสียงที่ได้ยิน สองตาเบิกกว้างสองเท้าวิ่งไปตรงจุดที่ได้ยิน
" ชิงหลิง " ช่วยด้วย ชิงหลิงตกน้ำ "
ไม่รอช้า รีบถอดรองเท้าออก กระโดดลงน้ำตามน้องสาวทันที
" ชิงหลิง ชิงหลิง" ปากก็ตะโกนเรียก ด้วยความที่สระนี้มีความแปลกประหลาด น้ำในสระใสจนสามารถมองเห็นก้นสระได้เลยทีเดียว จึงทำให้หยวนชิงหลีเห็นน้องสาวที่จมลงไปก้นสระอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ ไวเท่าความคิด ร่างน้อยๆค่อยๆดำลงไปว่ายตรงไปถึงร่างน้องสาว กำลังจะพาน้องสาวขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่กลับรู้สึกว่า ขาไปเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายรากบัว หยวนชิงหลี พยามยามใช้สองขาสะบัดออกแต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งเวลาผ่านไปแรงทีมีก็ลดน้อยลง ปอดเหมือนถูกบีบอัด สองมือยังล็อคคอน้องสาวจากด้านหลังหวังจะพากันขึ้นให้ถึงฝั่ง เท้าที่พยายามดิ้นรน หยุดเคลื่นไหว สองตาปิดสนิท สิ่งที่หยวนชิงหลีคิดว่าเป็นรากบัว ที่เกี่ยวขาดรุณีน้อยก็คลายออก หายไป เหมือนไม่มีสิ่งใดเกี่ยวมาก่อน ชั่วเพียงจิบชา สองพี่น้องก็พากันจมดิ่งสู่ก้นสระอีกครั้ง
ฮีก.... เสียงสำลักน้ำดังออกจากปากของหยวนชิงหลี ปอดที่เหมือนถูกบีบอัดตอนนี้เริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว หลังจากสำลักน้ำออกมาจนหมดก็ สูดหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอด ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก พยายามจะยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล
นี่ข้ายังไม่ตายหรือนี่ ?
" คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้ว" เป่ยซ่าวที่ถูกขัดไว้ห่างๆ ก็รีบวิ่งเข้าไปดูคุณหนูของนางทันทีโดยไม่เกรงกลัวต่อองค์รักษ์ผู้มีสีหน้าเย็นชาสองคนที่ขัดขวางนางก่อนหน้านี้
หยวนชิงหลีที่เห็นว่าคนที่มามีเพียงป่ายซ่าวเพียงคนเดียว สีหน้าที่ซีดขาวยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ เอ่ยถามป่ายซ่าวอย่างร้อนรน " พี่ป่ายซ่าว แล้วชิงหลิงละ ชิงหลิงอยู่ที่ใด?นางเป็นอะไรหรือไม่? "
ปายซ่าว " เรียนคุณหนู คุณหนูรอง ยังไม่ฟื้นคืนสติเจ้าค่ะ "
เด็กชายท่าทางสูงศักดิ์ที่ยืนมององค์รักษ์ของตัวเอง ช่วยเด็กหญิงตัวน้อยที่งมขึ้นมาได้จากก้นสระ จนเห็นว่าอาการปลอดภัยแล้วก็กำลังจะสาวเท้าหันหลังมุ่งตรงไปในตำหนัก ของพระสนมเสียนเฟย เพื่อไปดูเด็กน้อยในชุดสีม่วงที่ถูกพาเข้าไปในตำหนักก่อนหน้านี้ เขารู้สึกคุ้นเคยกับเด็กน้อยชุดสีม่วงอย่างแปลกประหลาดและรู้สึกเกลียดชังเด็กน้อยชุดสีเหลืองนวลตรงหน้าอย่างไม่มีเหตุผล
เพียงแค่ได้ยินเสียงเล็กๆนั้นเอ่ยออกมาไม่กี่ประโยค กลับรู้สึกระคายหูจนอยากจะให้องค์รักษ์โยนลงไปในสระน้ำอีกครั้ง
ถ้าไม่ติดว่าเมื่อตอนที่งมพวกนางขึ้นมาจากในน้ำจะทราบว่าที่แท้เด็กน้อยทั้งสองคนเป็นบุตรสาวของท่านราชครูและเป็นหลานสาวแท้ๆของพระสนมเสียนเฟยที่เลี้ยงเขากับน้องชายมาตั้งแต่พระมารดาแท้ๆหรือก็คืออดีตฮองเฮาฉางเล่อเสียชีวิตตั้งแต่คลอดพวกเขาออกมาไม่นาน
ดวงตาสีทองสุขสดใสก้มมองดูเด็กน้อยตรงหน้าอีกครั้ง หัวคิ้วขมวดมุน แสดงถึงความไม่พอใจ ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นความอัปลักษณ์ อย่างเห็นได้ชัด ผมเปียกลู่ไปกับศรีษะ มีโคลนจับอยู่ตามผมเป็นก้อนๆ ส่งกลิ่นเหม็นมาเป็นระยะ ชุดสีเหลืองที่ตอนนี้มีโคลนเปื้อนอยู่เต็มไปหมด มองเช่นใดก็หาถูกชะตาไม่
น่ารังเกียจ น่ารังเกียจ สิ้นดี !!
ริมฝีปากบางได้รูปคู่นั้นขยับขึ้น อย่างเอ่ยตัดบทอย่างรำคาญ
" เด็กอัปลักษ์ ข้าจะพาเจ้าไปพบน้องสาวของเจ้าตามข้ามานางอยู่ในตำหนักของพระสนมเสียนเฟยเจ้าอย่าเล่นลวดลายรีบลุกขึ้นตามข้ามาเร็วเข้า"
หยวนชิงหลี หันไปตามที่มาของเสียงที่ได้ยินภาพที่สะท้อนในดวงตาสีทองของเด็กหญิงตัวน้อย คือภาพ เด็กชายอายุประมาณสิบหนาว เครื่องหน้าทั้งหางดงามราวรูปสลัก สีดวงตาของเขาเป็นสีเหลืองทองเช่นเดียวกับสีตาของนาง เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำขลิบทอง ผมที่ยาวยันหลังถูกมัดไว้ครึ่งศรีษะอย่างพิถีพิถัน หยวนชิงหลีมองเด็กชายตรงหน้าอย่างหลงไหล ทั้งเป็นความความรู้สึกที่คุ้นเคยผูกพันและปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก
น่าแปลกที่คนตรงหน้าไม่ได้มีท่าทางอย่างที่นางรู้สึกเลย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดหยวนชิงหลี ที่ผ่านความเป็นความตายจนหมดสภาพก่อนหน้านี้ กลับลุกขึ้นอย่างกระทันหัน
วิ่งเข้าไปกอดเด็กชายตรงหน้าอย่างรักใคร่และแสนคิดถึงปากน้อยๆก็ตะโกนว่า
" อี้ฟางโตขึ้นข้าจะแต่งงานกับเจ้า "
ถึงแม้จะมึนงงที่ถูกเด็กหญิงผู้ซึ่งไม่เคยพบหน้ากันสักครั้งเอ่ยเรียก ชื่อตัวเองออกมาเหมือนรู้จักกันมานานแถมยังพูดจาแก่นแก้วแก่แดดแก่ลม ว่าจะแต่งงานกับเขาอีก
เมื่อหายมึนงงและตั้งสติได้ ก็ใช้มือแกะแขนที่กอดเอวเขาออกทันทีอย่างนึกรังเกียจ แรงเด็กหญิงตัวน้อยที่เพิ่งพ้นจากความตายมาหมาดๆหรือจะสู้แรงของเด็กชายที่ฝึกยุทธมาตั้งแต่สามหนาวได้ก็ แขนเล็กที่กอดไว้ก็ถูกแกะออกอย่างง่ายดาย
คิดก็ไม่คิดออกเหวี่ยงออกไปโดยตรง
พลั๊ก !! เสียงร่างของเด็กหญิงตัวน้อยกระทบพื้นหินเสียงดัง
ทั้งองค์รักษ์ที่ยืนอยู่รอบๆ และ เป่ยจื่อต่างตกใจกันถ้วนหน้า
หลังจากเหวี่ยง ออกไปได้สำเร็จ เท่านั้นยังไม่พอ ก็หันไปคาดโทษองค์รักษ์ ที่ยืนตกใจอยู่ใกล้ๆอย่างโกรธเกรี้ยวว่า
" ถ้าหากพวกเจ้าให้นางเข้าใกล้ตัวข้าอีก ข้าจะสั่งตัดมือพวกเจ้าให้หมดทุกคน มือที่ไร้ความสามารถของพวกเจ้ามีไว้หาใช้ประโยชน์อันใดได้ไม่ "
พูดจบก็หันหลังจากไปโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลักอีกเลย
หยวนชิงหลีที่เห็นแบบนั้นก็นั่งนิ่งประหนึ่งวิญญาณออกจากร่างไปแล้วดวงตาสีทองยังคงมองตามแผ่นหลังที่เริ่มลับหายไปจากสายตา ม่านน้ำตาไหลลงมานองหน้าเอ่ยเสียงเรียกคนที่จากไปอย่างไม่ไยดี
" อี้ฟาง อี้ฟาง " ฮื่อๆ
เป่ยซ่าวรีบเข้ามาช่วยประคองคุณหนูของนางอย่างระมัดระวัง ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูของนางที่แสนเรียบร้อย และแสนอ่อนโยนจะแสดงกิริยาเช่นนี้
หลังจากตั้งสติได้ก็รีบลุกขึ้นทันทีความห่วงน้องสาวที่ยังไม่คืนสติก่อนหน้านี้ ได้หายไปเกือบหมดแล้ว เพราะนางรู้ว่า กงล้อแห่งโชคชะตาได้เริ่มหมุ่นเดินอีกครั้ง ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่และโชคชะตาเป็นของตัวเองและโชคชะตาของนางก็คือเขา!!
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!