NovelToon NovelToon

ลำนำรักดอกบัวสวรรค์ ตอน บันทึกรัก ตำหนักบูรพา

เตรียมตัว

ณ จวนราชครู ใหญ่ แคว้นเป่ยถัง 

" ท่านพี่วันนี้ท่านพ่อจะพาพวกเราไปหาท่านน้าเสียนเฟยใช่หรือไม่?

เสียงเล็กๆเสียงหนึ่งดังขึ้นตรงหน้า ดรุณีน้อย อีกคนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนกับคนถามมิผิดเพี้ยน หากลองสังเกตุดีๆจะมองเห็นความแตกต่าง อย่างเห็นได้ชัดสองอย่าง นั่นคือสีของดวงตา และ รูปดอกบัวที่ปรากฏตรงกลางหน้าผากเหนือตำแหน่งระหว่างคิ้วทั้งของดรุณีน้อยทั้งสอง

" ชิงหลิง เจ้าถามข้ามาสามรอบแล้วตั้งแต่เจ้าลืมตาตื่นขึ้นมาวันนี้ " พูดไม่พูดเปล่ายังสายหน้าอย่างเอ็นดูให้กับน้องสาวที่อายุห่างจากกันไม่ถึงครึ่งเค่อ

คนถูกบ่น ทำเสียหน้ากระเง้ากระงอดดวงตาสีม่วงหม่นแสงลงพลางเอ่ยออกมาเบาๆ

" ท่านพี่ ข้าย่อมตื่นเต้นดีใจเป็นธรรมดาหรือท่านมิได้ตื่นเต้นดีใจกันเล่า "

" ข้าย่อมต้องดีใจเป็นธรรมดา  ข้ารู้ว่าทุกครั้งที่เจ้าได้พบท่านน้า เจ้ารู้สึกเช่นไรเพราะข้าเองก็ไม่ต่างกัน "

" ท่านพี่ ข้าคิดถึงท่านแม่ "

" ข้าก็เช่นกัน  " หยวนชิงหลีเอ่ยตอบหยวนชิงหลิงในใจ ด้วยความเป็นพี่จึงต้องแสดงความเข้มแข็งจะแสดงความอ่อนแอออกมามิได้

" ชิงหลิง วันนี้ข้ารู้สึกไม่อยากเข้าวังเลย "

หยวนชิงหลิง เอียงคอมองพี่สาวนางอย่างสงสัย ท่านพี่เป็นอันใด ไม่สบายใช่หรือไม่ มือน้อยๆยกขึ้นแตะหน้าผากคนตรงหน้า ตัวก็มิร้อนนี่นา

" ข้ามิได้เป็นอันใดชิงหลิง เพียงแต่รู้สึกไม่สบายใจเท่านั้น "

" ก็ได้..ก็ได้ ท่านพี่หากท่านไม่สบายใจ งั้นพวกเรารีบไปรีบกลับดีหรือไม่" 

สองแขนอ้ากางออกโผเข้ากอด คนตรงหน้าอย่างออดอ้อน

 " เจ้าต้องรับปากข้า ว่าเจ้าจะไม่ซนและจะเชื่อฟังข้า เพราะท่านพ่อมิอาจไปกับพวกเรายังตำหนักของท่านน้าเสียนเฟยได้"

" เจ้าค่ะ ท่านพี่ ข้าจะเป็นเด็กดี " ดวงตาสีม่วง สบ ดวงตาสีทอง พร้อมเอ่ยค่ำมั่น

ณ ใจกลางทะเลสาปมรกต

มีดอกบัวดอกใหญ่ปรากฏอยู่ กลีบดอกของดอกบัวมีเจ็ดสีแปร่งประกายระยิบระยับ  รอบสระยังมีดอกบัวสีขาวขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น ใต้น้ำดอกบัว ในแต่ละดอก กลับมีสิ่งมีชีวิตที่น่าเกรงขามอย่างมังกรเฝ้าอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 

ลึกลงไปใต้น้ำ เป็นที่ตั้งของตำหนักหมื่นธารา  ของเทพธิดาบุปผาสวรรค์ ซึ่งมีร่างที่แท้จริงเป็นดอกบัวเจ็ดสี

ใจกลางตำหนักซึ่งเป็นที่เก็บรักษาอ่างน้ำศักดิ์สิทธิ  มีสตรี ผู้งดงามนางหนึ่งยืนอยู่ สตรีผู้นี้ สวมชุดสีขาวทั้งชุด บนศรีษะ มีเพียงปิ่นรูปดอกบัวเจ็ดสีเสียบไว้เท่านั้น แต่นั่นก็มิได้ทำให้ความงามของนางลดลง กลับทำให้รู้สึกสูงส่งจนไม่อาจเอื้อม

เสียงฝีเท้าดังมาจากข้างหลัง แต่ก็ไม่อาจดึงดูดความสนใจของนางไปจากอ่างศักดิ์สิทธิได้

" ใกล้ถึงเวลาแล้ว เหลียนฮวา "

เกิดเหตุที่ตำหนักไป๋เหลียนฮวา

" คุณหนูเจ้าคะ " ท่านราชครูให้บ่าวทั้งสอง มาเรียนคุณหนูว่าให้พวกท่านทั้งสองคนไปขึ้นรถม้าที่หน้าจวนก่อนได้เลยเจ้าค่ะ "

" พวกข้า กำลังจะออกไป พี่เป่ยซ่าว" 

เอ่ยตอบบ่าวรับใช้ข้างกายเสร็จก็หันมาจับมือของน้องสาวอีกครั้งจิตใจหาได้สงบไม่เหมือนมีคลื่นน้ำเป็นระรอกอยู่บนหัวใจ 

ป่ายจื่อ กับ ป่ายซ่าว ที่เห็นเจ้านายของพวกตนออกมาจากห้องก็รีบเข้าไปประคองทันที ใช้เวลาไม่นานทั้งหมดก็มาถึงรถม้าที่จอดรออยู่หน้าจวน รถม้ามีสองคัน คันหนึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีลักษณะเรียบง่ายแต่สมฐานะท่านราชครูใหญ่ อีกคันหนึ่ง กว้างใหญ่ ตกแต่งด้วยลายสลักรูปดอกบัวในลักษณะต่างๆ มีทั้งดอกบัวตูม ดอกบัวบาน สวยงามแปลกตายิ่งนัก นอกจากความสวยงามข้างนอกแล้ว ข้างในยังตกแต่งไปด้วยดอกบัวแก้ว ดอกเล็กๆ นับไม่ถ้วน ความพิเศษของดอกบัวแก้วนี้คือเมื่อถึงเวลากลางคืนจะสะท้อนแสงสีขาวนวลขึ้นมาทำให้ในรถม้าไม่ตกอยู่ในความมืด 

ทั้งหมดเข้าไปนั่งในรถม้าได้ไม่นานท่านราชครูก็ออกมาจากจวน เดินตรงไปขึ้นรถม้า แล้วสั่งให้ทั้งหมดออกเดินทางทันที

หนึ่งชั่วยามต่อมา รถม้าทั้งสองคันก็เดินทางมาถึงพระประตูพระราชวัง

ทั้งหมดลงจากรถม้า 

" ชิงหลิง " เสียงอบอุ่นอ่อนโยนเอ่ยเรียกบุตรสาว

" เจ้าค่ะท่านพ่อ " ดรุณีน้อยเอ่ยตอบผู้เป็นพ่อเสียงใส

ท่านราชครู มองบุตรสาวตรงหน้าสองมือยกขึ้นลูบศรีษะเบาๆ มีคำพูดบางคำที่อยากจะพูดแต่ก็มิสามารถพูดออกไปได้

" ชิงหลี ดูแลน้องให้ดีๆ " หันไปสั่ง บุตรสาวอีกคนที่ยืนข้างๆ

"เจ้าค่ะ  ท่านพ่อลูกจะดูแลน้องอย่างดีท่านพ่อโปรดวางใจ"

" พวกเจ้าทั้งสองคนจงดูแลคุณหนูของพวกเจ้าดีๆ "

" เจ้าค่ะนายท่าน ทั้งสองรับคำพร้อมกัน " 

" คาระวะท่านราชครู " เสียงอ่อนหวานดังขึ้น 

" ข้าน้อยนามว่า จั๋วจื่อ เป็นขันทีประจำตำหนัก ไป๋เหลียนฮวา มารอรับคุณหนูทั้งสองตามรับสั่งของพระสนมเสียนเฟยพะย่ะค่ะ "

จั๋วจื่อ หรือ? หันไปมองขันทีน้อยตรงหน้า  "ข้าเคยพบเจ้ามาก่อนหรือไม่ เหตุใดวันนี้ท่านหม่ากงกง ถึงไม่มาด้วยตนเอง "

" เรียนท่านราชครู วันนี้ท่านหม่ากงกง ไม่สบาย จึงเป็นข้าน้อยมาแทนขอรับ "

เมื่อซักถามจนคลายความสงสัยแล้วจึงหันไปสั่งความกับบุตรสาวทั้งสองอีกครั้ง

" เวลาก็ไม่เช้าแล้วพวกเจ้ารีบไปเถอะ ยามเซิน ก็มารอพ่อตรงนี้ "

"เจ้าค่ะ/ เจ้าค่ะ ท่านพ่อ 

" ข้าน้อยลาท่านราชครู  เชิญคุณหนูทั้งสอง พระสนมเสียนเฟยกำลังรอพวกท่านที่ศาลากลางน้ำ"

ภายในศาลากลางน้ำ

เพื่อเป็นการต้อนรับดรุณีน้อยผู้งดงามทั้งสอง ขนมมากมายถูกนำมาจัดเรียงจนเต็มโต๊ะ ไม่เพียงแต่เจ้าของตำหนักที่เอ็นดูคุณหนูทั้งสองแห่งจวนท่านราชครูเท่านั้น ยังรวมไปถึงบ่าวไพร่ในตำหนักมิเว้นแม้แต่ผู้ใด

วันนี้พระสนมเสียนเฟยแต่งกายด้วยชุดสีชมพูอ่อน ผิวที่ขาวราวหิมะ ยิ่งส่งให้นางงดงามประหนึ่งดอกไม้งามกลางหิมะ ผมถูกเกล้าอย่างปราณีต บนศรีษะ ปักปิ่นหยกรูปดอกบัวดอกเล็กๆ สีชมพูเข้าชุดนั่งเอนตัวรับลมบนเก้าอี้กุ้ยเฟยอย่างสง่างาม 

หลานทั้งสองคาระวะท่านน้า เจ้าค่ะ/บ่าวทั้งคาระวะพระสนมเสียนเฟยเพคะ

เมื่อเห็นดรุณีน้อยสองคนพระสนมเสียนเฟยก็ยกยิ้มอย่างอ่อนโยน 

" วันนี้ข้าเตรียมขนมให้พวกเจ้าทั้งสองเยอะแยะเลย พวกเจ้าทั้งสองค่อยๆทานไปนะก่อนนะข้าจะเข้าไปหยิบของมาให้พวกเจ้า " 

พูดจบพระสนมเสียนเฟยก็เสด็จออกไปจากศาลาทันที

หยวนชิงหลีและหยวนชิงหลิงนั่งกินขนมจนครบทุกอย่าง พระสนมเสียนเฟยก็ยังไม่เสด็จออกมาสักที จึงคิดที่จะเดินไปหาหยวนชิงหลิงที่อีกด้านของสะพาน เนื่องจากป่ายจื่อและป่ายช่าวได้รับอนุญาตจากพระสนมเสียนเฟยให้ไปทานขนมในครัว ตอนนี้ จึงเหลือเพียงสองดรุณีน้อยเท่านั้น

ตุ๊บ !!  เสียงของบางอย่างกระทบพื้น

หยวนชิงหลีก้มลงไปดูก็พบว่าเป็นป้ายหยกรูปดอกบัวสีทองที่ข้างเอวนางนั่นเองไม่รอช้ารีบก้มเก็บอย่างรวดเร็วเพราะสิ่งนี้เป็นเสมือนตัวแทนของท่านแม่ของพวกนาง

ทางด้าน  หยวนชิงหลิง ที่ยืนให้อาหารปลาอยู่อีกฝั่งของสะพานอย่างเพลิดเพลินในครรลองสายตา พลันปร่กฎ ดอกบัวสีม่วง และ สีเหลืองทองแปลกประหลาด ชูช่อ ส่องประกายอยู่ไม่ไกลจากตรงสะพานที่ยืนมากนัก   สีของดอกบัวสองดอกนนนี้ช่างเหมือน ดอกบัวตรงหน้าผากของนางและพี่สาวนางยิ่งนัก  นางค่อยๆเดินไปตรงสะพาน ตรงตำแหน่งใกล้ๆที่ดอกบัวทั้งสอง  มือน้อยเกี่ยวราวสะพานไว้ข้างหนึ่ง อีกมือยื่นไปอย่างสุดแขน แค่เพียงหนึ่งชุ่น (1ชุ่นเท่ากับ3.33เซนติเมตร)ก็จะถึงดอกบัวทั่งสองดอก ทนใดนั้น หยวนชิงหลิงเห็นงูลายสีรุ้งเลื้อยมาตรงบริเวณที่มืออีกมือวางอยู่ด้วยความตรงใจ จึงเผลอปล่อยมือทันที

ตู้ม!!  เสียงบางอย่างตกลงไปในน้ำ 

หยวนชิงหลีเงยหน้าขึ้นมาเพราะตกใจเสียงที่ได้ยิน  สองตาเบิกกว้างสองเท้าวิ่งไปตรงจุดที่ได้ยิน 

" ชิงหลิง  " ช่วยด้วย ชิงหลิงตกน้ำ "

ไม่รอช้า รีบถอดรองเท้าออก กระโดดลงน้ำตามน้องสาวทันที 

" ชิงหลิง ชิงหลิง" ปากก็ตะโกนเรียก ด้วยความที่สระนี้มีความแปลกประหลาด น้ำในสระใสจนสามารถมองเห็นก้นสระได้เลยทีเดียว จึงทำให้หยวนชิงหลีเห็นน้องสาวที่จมลงไปก้นสระอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ  ไวเท่าความคิด ร่างน้อยๆค่อยๆดำลงไปว่ายตรงไปถึงร่างน้องสาว กำลังจะพาน้องสาวขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่กลับรู้สึกว่า ขาไปเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายรากบัว หยวนชิงหลี พยามยามใช้สองขาสะบัดออกแต่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งเวลาผ่านไปแรงทีมีก็ลดน้อยลง ปอดเหมือนถูกบีบอัด  สองมือยังล็อคคอน้องสาวจากด้านหลังหวังจะพากันขึ้นให้ถึงฝั่ง  เท้าที่พยายามดิ้นรน หยุดเคลื่นไหว สองตาปิดสนิท สิ่งที่หยวนชิงหลีคิดว่าเป็นรากบัว  ที่เกี่ยวขาดรุณีน้อยก็คลายออก หายไป เหมือนไม่มีสิ่งใดเกี่ยวมาก่อน ชั่วเพียงจิบชา สองพี่น้องก็พากันจมดิ่งสู่ก้นสระอีกครั้ง 

เมื่อกงล้อแห่งโชคชะตาเริ่มหมุนเดิน

ฮีก.... เสียงสำลักน้ำดังออกจากปากของหยวนชิงหลี ปอดที่เหมือนถูกบีบอัดตอนนี้เริ่มผ่อนคลายลงบ้างแล้ว หลังจากสำลักน้ำออกมาจนหมดก็ สูดหายใจเฮือกใหญ่เข้าปอด ค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก พยายามจะยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล 

นี่ข้ายังไม่ตายหรือนี่ ?

" คุณหนูใหญ่ฟื้นแล้ว"   เป่ยซ่าวที่ถูกขัดไว้ห่างๆ ก็รีบวิ่งเข้าไปดูคุณหนูของนางทันทีโดยไม่เกรงกลัวต่อองค์รักษ์ผู้มีสีหน้าเย็นชาสองคนที่ขัดขวางนางก่อนหน้านี้

หยวนชิงหลีที่เห็นว่าคนที่มามีเพียงป่ายซ่าวเพียงคนเดียว  สีหน้าที่ซีดขาวยิ่งซีดเข้าไปใหญ่ เอ่ยถามป่ายซ่าวอย่างร้อนรน  " พี่ป่ายซ่าว แล้วชิงหลิงละ ชิงหลิงอยู่ที่ใด?นางเป็นอะไรหรือไม่? "

ปายซ่าว   " เรียนคุณหนู คุณหนูรอง ยังไม่ฟื้นคืนสติเจ้าค่ะ " 

เด็กชายท่าทางสูงศักดิ์ที่ยืนมององค์รักษ์ของตัวเอง ช่วยเด็กหญิงตัวน้อยที่งมขึ้นมาได้จากก้นสระ จนเห็นว่าอาการปลอดภัยแล้วก็กำลังจะสาวเท้าหันหลังมุ่งตรงไปในตำหนัก ของพระสนมเสียนเฟย เพื่อไปดูเด็กน้อยในชุดสีม่วงที่ถูกพาเข้าไปในตำหนักก่อนหน้านี้ เขารู้สึกคุ้นเคยกับเด็กน้อยชุดสีม่วงอย่างแปลกประหลาดและรู้สึกเกลียดชังเด็กน้อยชุดสีเหลืองนวลตรงหน้าอย่างไม่มีเหตุผล

เพียงแค่ได้ยินเสียงเล็กๆนั้นเอ่ยออกมาไม่กี่ประโยค กลับรู้สึกระคายหูจนอยากจะให้องค์รักษ์โยนลงไปในสระน้ำอีกครั้ง

ถ้าไม่ติดว่าเมื่อตอนที่งมพวกนางขึ้นมาจากในน้ำจะทราบว่าที่แท้เด็กน้อยทั้งสองคนเป็นบุตรสาวของท่านราชครูและเป็นหลานสาวแท้ๆของพระสนมเสียนเฟยที่เลี้ยงเขากับน้องชายมาตั้งแต่พระมารดาแท้ๆหรือก็คืออดีตฮองเฮาฉางเล่อเสียชีวิตตั้งแต่คลอดพวกเขาออกมาไม่นาน

ดวงตาสีทองสุขสดใสก้มมองดูเด็กน้อยตรงหน้าอีกครั้ง หัวคิ้วขมวดมุน แสดงถึงความไม่พอใจ ยิ่งมองก็ยิ่งเห็นความอัปลักษณ์ อย่างเห็นได้ชัด ผมเปียกลู่ไปกับศรีษะ มีโคลนจับอยู่ตามผมเป็นก้อนๆ ส่งกลิ่นเหม็นมาเป็นระยะ ชุดสีเหลืองที่ตอนนี้มีโคลนเปื้อนอยู่เต็มไปหมด มองเช่นใดก็หาถูกชะตาไม่ 

น่ารังเกียจ น่ารังเกียจ สิ้นดี !!

ริมฝีปากบางได้รูปคู่นั้นขยับขึ้น อย่างเอ่ยตัดบทอย่างรำคาญ 

" เด็กอัปลักษ์ ข้าจะพาเจ้าไปพบน้องสาวของเจ้าตามข้ามานางอยู่ในตำหนักของพระสนมเสียนเฟยเจ้าอย่าเล่นลวดลายรีบลุกขึ้นตามข้ามาเร็วเข้า" 

หยวนชิงหลี หันไปตามที่มาของเสียงที่ได้ยินภาพที่สะท้อนในดวงตาสีทองของเด็กหญิงตัวน้อย คือภาพ เด็กชายอายุประมาณสิบหนาว เครื่องหน้าทั้งหางดงามราวรูปสลัก สีดวงตาของเขาเป็นสีเหลืองทองเช่นเดียวกับสีตาของนาง เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำขลิบทอง ผมที่ยาวยันหลังถูกมัดไว้ครึ่งศรีษะอย่างพิถีพิถัน หยวนชิงหลีมองเด็กชายตรงหน้าอย่างหลงไหล ทั้งเป็นความความรู้สึกที่คุ้นเคยผูกพันและปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก

น่าแปลกที่คนตรงหน้าไม่ได้มีท่าทางอย่างที่นางรู้สึกเลย

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใดหยวนชิงหลี ที่ผ่านความเป็นความตายจนหมดสภาพก่อนหน้านี้ กลับลุกขึ้นอย่างกระทันหัน

วิ่งเข้าไปกอดเด็กชายตรงหน้าอย่างรักใคร่และแสนคิดถึงปากน้อยๆก็ตะโกนว่า

" อี้ฟางโตขึ้นข้าจะแต่งงานกับเจ้า "

ถึงแม้จะมึนงงที่ถูกเด็กหญิงผู้ซึ่งไม่เคยพบหน้ากันสักครั้งเอ่ยเรียก ชื่อตัวเองออกมาเหมือนรู้จักกันมานานแถมยังพูดจาแก่นแก้วแก่แดดแก่ลม ว่าจะแต่งงานกับเขาอีก

เมื่อหายมึนงงและตั้งสติได้ ก็ใช้มือแกะแขนที่กอดเอวเขาออกทันทีอย่างนึกรังเกียจ แรงเด็กหญิงตัวน้อยที่เพิ่งพ้นจากความตายมาหมาดๆหรือจะสู้แรงของเด็กชายที่ฝึกยุทธมาตั้งแต่สามหนาวได้ก็ แขนเล็กที่กอดไว้ก็ถูกแกะออกอย่างง่ายดาย

คิดก็ไม่คิดออกเหวี่ยงออกไปโดยตรง 

พลั๊ก !!  เสียงร่างของเด็กหญิงตัวน้อยกระทบพื้นหินเสียงดัง

ทั้งองค์รักษ์ที่ยืนอยู่รอบๆ และ เป่ยจื่อต่างตกใจกันถ้วนหน้า

หลังจากเหวี่ยง ออกไปได้สำเร็จ เท่านั้นยังไม่พอ ก็หันไปคาดโทษองค์รักษ์ ที่ยืนตกใจอยู่ใกล้ๆอย่างโกรธเกรี้ยวว่า

" ถ้าหากพวกเจ้าให้นางเข้าใกล้ตัวข้าอีก ข้าจะสั่งตัดมือพวกเจ้าให้หมดทุกคน มือที่ไร้ความสามารถของพวกเจ้ามีไว้หาใช้ประโยชน์อันใดได้ไม่ "

พูดจบก็หันหลังจากไปโดยไม่หันกลับไปมองข้างหลักอีกเลย

หยวนชิงหลีที่เห็นแบบนั้นก็นั่งนิ่งประหนึ่งวิญญาณออกจากร่างไปแล้วดวงตาสีทองยังคงมองตามแผ่นหลังที่เริ่มลับหายไปจากสายตา ม่านน้ำตาไหลลงมานองหน้าเอ่ยเสียงเรียกคนที่จากไปอย่างไม่ไยดี

" อี้ฟาง อี้ฟาง " ฮื่อๆ

เป่ยซ่าวรีบเข้ามาช่วยประคองคุณหนูของนางอย่างระมัดระวัง ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณหนูของนางที่แสนเรียบร้อย และแสนอ่อนโยนจะแสดงกิริยาเช่นนี้

หลังจากตั้งสติได้ก็รีบลุกขึ้นทันทีความห่วงน้องสาวที่ยังไม่คืนสติก่อนหน้านี้ ได้หายไปเกือบหมดแล้ว เพราะนางรู้ว่า กงล้อแห่งโชคชะตาได้เริ่มหมุ่นเดินอีกครั้ง ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่และโชคชะตาเป็นของตัวเองและโชคชะตาของนางก็คือเขา!!

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!