ทันทีที่ชาลิสาได้ยินเสียงรถยนต์คันหรูแล่นเข้าจอดลง เธอรีบกดสวิตซ์ปิดทีวีแล้ววางรีโมตลงไว้ที่โซฟาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะรีบวิ่งออกไปหน้าบ้านทันที เธอดีใจที่เขากลับมา อย่างน้อยวันนี้เธอกับเขาก็น่าจะได้กินข้าวด้วยกัน
ภูวดลเปิดประตูรถลงมาแล้วเอียงตัวหันกลับไปปิดประตูรถเดินขึ้น
บันไดไปแต่ก็หยุดชะงักลงเมื่อเห็นใบหน้าสวยที่คุ้นเคยเดินเข้ามาหา
“คือ...คือ...” ชาลิสาก้มหน้าลงแล้วพูด แต่ทว่าเธอกลับไม่กล้าที่จะปริปากพูดออกไป แต่เธอก็พยายามกลั้นใจแล้วถามออกไป
“คุณไปไหนมาคะ แล้วทำไม....”
“เอาไว้คุยกันพรุ่งนี้ วันนี้ผมเหนื่อย” ภูวดลตัดบทพูดแล้วเดินเข้าไปข้างในทันที ชาลิสามองแผ่นหลังที่เดินออกห่างเธอไปเรื่อยๆ
“คุณกินข้าวหรือยังคะ?” ในที่สุดก็ถามออกไปจนได้
ภูวดลหยุดเดินแล้วถอนหายใจออกมา อย่างเหนื่อยล้าและรำคาญเธอที่มาซักถามเขา ถึงแม้ว่าเธอกับเขาจะเพิ่งราวรักผ่านกันมาเมื่อคืนแต่ก็ใช่ว่าจะซักถามเขาจนหน้ารำคาญ เขาไม่ชอบ อีกอย่างวันนี้เขาเหนื่อยมากพอที่จะต้องมายืนตอบคำถามไร้สาระ
ชาลิสามองแผ่นหลังที่หยุดเดินลงแล้วมองเขาถอนหายใจออกมาราวกับว่าเธอนั้นวุ่นวายสำหรับเขา เธอก็แค่อยากให้เขาสนใจเธอบ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยแลเธอสักครั้ง
“ผมกินมาแล้ว” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่เมื่อได้ฟังกับดูราวว่าเขาตอบตัดความรำคาญ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่สนใจคนที่ได้ยินคำตอบว่ารู้สึกอย่างไร
เพียงแค่ได้ยินคำตอบก็ทำให้หัวใจร่วงลงไปกับพื้น เธออุตส่าห์รอ รอเพื่อหวังว่าจะได้กินข้าวร่วมกับเขาสักมื้อ แต่ที่ไหนได้ สุดท้ายแล้วไม่ว่ายังไงเธอก็ต้องกินคนเดียว กินทั้งน้ำตาด้วยความเหงา เขาไม่มีวันรู้และเข้าใจว่าเธอรู้สึกอย่างไร
ทำไมนะ...ทำไมไม่หันมามองเธอบ้าง
...ทำไม
แพรวาไม่เคยคิดเลยว่าการมาทำงานเป็นเลขา ฯ ของท่านประธานที่บริษัทอัญมณีจะทำให้เธอเหนื่อยกว่าเดิมเป็นสิบเท่า ไม่เพียงแค่ต้องเดินคอยรับส่งแฟ้มเอกสารเท่านั้น แต่ต้องเดินตามเจ้านายเธอไปทุกที่ไม่ว่าจะเป็นร้านเพชรในเครือของเขาหรือว่าเป็นลูกค้าก็ตาม นี่ขนาดแค่ผ่านไปแค่ครึ่งวันแรกก็แทบทำเธอเป็นลมทั้งยืนเลย เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณยุวดา ทนได้ยังไง ช่างเป็นหญิงเหล็กแท้เสียจริง
หญิงสาวทิ้งตัวลงเก้าอี้ทำงานอย่างเหนื่อยล้า หลังจากช่วงเช้าที่ผ่านมาเธอต้องแบกเอกสารไปส่งตามแผนกต่างๆ ซึ่งเขาบอกว่านี่เป็นหน้าที่ของเลขา พอช่วงสายมีสายเข้ามาให้เขาไปดูงานการจัดการประมูล อัญมณีที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งเธอเองก็ต้องแบกร่างที่ราวกับกระดูกจะหลุดตามเขาไป นี่เขากะจะใช้เธอให้คุ้มกับค่าเงินเดือนที่จ่ายให้เลยใช่ไหมเนี่ย
“คุณแพรวา”
นั่นไงมาอีกแล้ว เสียงเข้มแบบนี้มีคนเดียว งานเข้าแล้วยัยแพร
“ตอนบ่ายสามโมงผมมีนัดพบกับลูกค้า คุณเตรียมหาเปลี่ยนชุดที่ดูดีกว่าตอนนี้ได้เลย” กรกฎยืนมองเธอก่อนจะยิ้มแล้วส่ายหน้าออกมา แพรวาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้า แต่เธอก็ต้องอดทนต่อไป
“ค่าเจ้านายยยย” แพรวาขานรับเสียงยาว
กรกฎเมื่อเห็นเผลอยิ้มออกมา
“ดี....อย่าลืมแต่งให้ดูดีกว่านี้” เขาพูดแล้วเดินเข้าห้องทำงานไป แพรวาได้แต่ก้มมองตัวเธอ แบบนี้ดูดีจะตายไป เรียบร้อยด้วย อีกอย่างปลอดภัยต่อการโดนลวนลาม !
ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ภูวดลชวนเธอไปพบคุณชาญชัยที่บริษัทเรื่องการขยายสาขาของโรงแรม สาเหตุเพราะเขาอยากจะมาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจในสาขานี้ด้วย ชายหนุ่มไฟแรงอายุมากกว่าภูวดลเพียงสองถึงสามปี ใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับชายไทย ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มาก แต่ไม่คิดว่าเขาจะเก่งและเจ้าเล่ห์เสียด้วยซ้ำ
เธอได้แต่นั่งนิ่งเงียบและฟังโดยไม่พูดคุย ถึงแม้ว่าเธอยังจะพบมีความรู้อยู่บ้าง เธอเองก็ไม่อยากจะขัดเขาได้แต่นั่งฟังไปเรื่อยๆ แล้วก็ยิ้มตอบให้ทุกครั้งที่คุณชาญชัยหันมายิ้มให้เธอ ไม่รู้เหตุผลที่เขาพาเธอมาด้วยเพราะอะไร
เกือบสามชั่วโมงการสนทนาได้ยุติลง เธอกับภูวดลเดินออกมายังลานจอดรถ สีหน้าและแววตาของเขาที่มองเธอด้วยแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก เขาเดินขึ้นรถไปโดยไม่สนใจเธอ
ชาลิสามองท่าทีของคนตัวโตอย่างไม่เข้าใจก่อนจะขึ้นรถตามไป เธอสังเกตเขาตั้งแต่ออกจากห้องของคุณชาญชัยแล้ว เขามองเธอเหมือนกับว่า หึงเธอ! ชาลิสารีบส่ายหน้าอย่างทันที เขาคงไม่หึงเธอหรอกอย่าคิดอะไรไร้สารระอีก จำไว้ชาลิสา
ภูวดลขับรถออกจากบริษัทด้วยความเร็วเกินร้อยยี่สิบ แล่นไปตามสะพานขนาดใหญ่สี่เลน ชาลิสากลัวจนตัวสั่น เมื่อความเร็วของรถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาชำเลืองมองเธอแล้วหันกลับไปขับรถต่อ ความสับสนในใจเขาเรียกว่าอะไรกัน อารมณ์โมโหที่เดือดพล่านไปทั่วร่างกาย ตั้งแต่ตอนที่เขานั่งสนทนากับคุณชาญชัยแล้ว
เขาไม่ชอบเลย เวลาที่เธอยิ้มให้ชาญชัย เขาจะไม่ร่วมธุรกิจเพราะเธอนั่นแหละ หว่านเสน่ห์ให้คนอื่นได้ยังไง เขา..เขา หึง!! ใช่แล้วหึงมากด้วย
“นี่คุณ ! !” ชาลิสาหันไปตะโกนใส่เขา แต่ทว่าภูวดลกลับมีสีหน้านิ่งเรียบเช่นเดิม และเขากลับเหยียบเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก นี่เขาจะแกล้งเธอใช่ไหม
เวลาผ่านไปไม่นานรถหยุดจอดลงอยู่บนถนนสองเลนในที่กว้าง แทบจะไม่มีรถผ่านมา มีแต่เสียงลมพัดทำให้บรรยากาศดูสงบและน่ามาพักผ่อนเพื่อคลายกังวล
ชาลิสาเปิดประตูรถออกไปแล้ววิ่งไปข้างทางอย่างทันที ภูวดลมองหญิงสาวที่รีบเปิดประตูรถลงไป ทีแรกเขาตกใจนึกว่าเธอจะหนีแต่ที่ไหนได้เธออาเจียน ! !
ภูวดลมองชาลิสาอย่างรู้สึกผิด เขาเปิดประตูแล้วลงจากรถ ก่อนจะเดินไปหาเธอ ภูวดลยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอ แล้วมองหญิงสาวที่มีสีหน้าซีดจาง แต่ก็ช่วยไม่ได้เธอทำให้เขาหึงก่อนทำไม
ชาลิสารู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นลูบที่แผ่นหลังของเธออย่างเบาๆ เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าที่เขายื่นให้เช็ดริมฝรปาก แล้วลุกขึ้นหันไปหาเขา
“ไม่ต้องค่ะ” ชาลิสากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็ง เธอไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด ที่เขาทำทั้งหมดเพราะอะไร
“ผมขอโทษ” ภูวดลพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรค่ะ” ชาลิสาตอบแล้วเดินขึ้นรถไป แต่ทว่าเมื่อเดินไปไม่เพียงกี่ก้าว ร่างของเธอเซกลับไปที่อ้อมกอดของเขาอย่างทันที
“ผมขอโทษ” ภูวดลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่ม
ชาลิสาอึ้งไปชั่วขณะเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ยินน้ำเสียงแบบนี้
“ฉัน...” ชาลิสาแทบพูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าลงหลบหลีกสายตาของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะกอดอยู่ก็ตาม ในใจของเธอก็อยากจะร้องไห้ออกมาเหลือเกิน ขอหยุดเวลาตรงนี้ไว้จะได้ไหม อยากจะให้เขากอดเธอนานๆ
“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่คิดว่าคุณจะ...”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ชาลิสากลั้นเสียงเพื่อไม่ให้สั่น ผละอ้อมกอดของเขาออกแล้วหันมาเผชิญหน้ากัน
“คุณ...”
“กลับกันดีกว่าค่ะ” ชาลิสาพูดแล้วหมุนตัวเดินไปขึ้นรถ แต่เธอก็ต้องชะงักลงอย่างทันทีเมื่อได้ยินเขาถามขึ้น
“ถ้าหากผมไม่ใช่นายภูวดล อธิพัฒน์เดชากร คุณยังอยากจะเป็นภรรยาผมไหม ?” เมื่อชาลิสาได้ยินได้แต่นิ่งเงียบ เธอเคยจำได้ว่าเขาเคยถามเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากตอบ แต่เธอไม่กล้าที่จะตอบ ต่อให้เขาไม่ใช่ตระกูลอธิพัฒน์เดชากร แต่เธอก็ยังคงรักเขาที่เป็นเขา
“...”
ภูวดลมองใบหน้าสวยเฝ้ารอคำตอบ แต่ก็เนิ่นนานที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ ก็หมายความว่าความรู้สึกเธอกับเขาบางทีอาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เขาคงเข้าใจผิดไปเอง ที่เธอคงจะมีความรู้สึกดีๆ ให้เขาบ้าง
“ฉันไม่ได้แต่งงานเพราะเงินอย่างที่คุณเข้าใจ” ชาลิสาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันหน้าไปทางอื่น เธออยากจะร้องไห้อีกแล้ว ทำยังไงดี?
“แล้วคุณจะให้ผมเข้าใจว่า...”
“สักวันหนึ่งคุณจะรู้ว่าทำไมฉันถึงแต่งงานกับคุณ”
เธอไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับเขา ความจริงที่ตอกย้ำเธอ และกลัวว่าเขาจะเกลียดเธอมากกว่าที่เป็น
“ช่างเถอะครับ เรากลับกันดีกว่า ผมมีนัดอีก เดี๋ยวจะไปไม่ทัน” ภูวดลพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าพลางจะหมุนตัวไป แต่เสียงสั่นของเธอทำให้เขาหันกลับมาแล้วรอฟัง
“คนใจร้าย...ฉันรอคุณมาตลอด...เมื่อวาน...ฉันรอคุณมานั่งกินข้าว
ด้วยกัน รอคุณ...” เธอสะอื้นออกมา น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเจ็บปวด
เมื่อภูวดลได้ยินเขามีสีหน้าที่แสดงท่าทีไม่ถูก เขามองใบหน้าสวยที่ค่อยๆ มีน้ำตาไหลรินลงมา ชาลิสาก้มหน้าหลบสายตาของเขา
ในที่สุดเธอก็พูดออกไป เขาเกลียดเธอให้แล้ว
“เมื่อวานคุณรอผม?” ภูวดลถาม
เธอพยักหน้าแทนคำตอบ ความรู้สึกบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในหัวใจเขา ทั้งดีใจทั้งเสียใจ เขาเสียใจที่ไม่รู้ว่าเธอรอเขา เขาเสียใจที่ตอบปัดเธอเพื่อตัดความรำคาญ
ภูวดลเดินเข้าไปใกล้เธออย่างช้า ๆ เชยคางของเธอขึ้นพร้อมสำรวจใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา นิ้วหัวแม่มือค่อยปาดน้ำตาบนใบหน้าสวยอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาคมจ้องมองเธอด้วยหัวใจที่พองโต เขาโน้มตัวเข้าไปหาเธอ แล้วกระซิบด้วยเสียงที่นุ่มนวลและแผ่วเบา
“อย่าร้องไห้นะคนดี” เสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนทำให้ชาลิสารู้สึกว่าเธอเองนั้นยังคงมีค่าสำหรับเขา
ภูวดลดึงหญิงสาวเข้ามาสวมกอด ราวกับว่าได้มีสิ่งหนึ่งเข้ามาเติมเต็มหัวใจเขา บางอย่างที่ขาดหายไปสำหรับเขา
“ยังไม่สายใช่ไหมครับที่ผมจะรักคุณ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยน ชาลิสารับรู้ถึงความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านเข้ามา หัวใจน้อยของเธอที่เคยพยายามสร้างเกาะแกร่ง เพื่อที่วันใดจะต้องจากเขาไป ก็ได้ทลายลงอย่างทันตา
ขอเพียงแค่เขารักเธอบ้าง ไม่ต้องมากเท่ากับผู้หญิงอื่นที่เขาเคยรัก เท่านั้นก็พอ
ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ภูวดลชวนเธอไปพบคุณชาญชัยที่บริษัทเรื่องการขยายสาขาของโรงแรม สาเหตุเพราะเขาอยากจะมาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจในสาขานี้ด้วย ชายหนุ่มไฟแรงอายุมากกว่าภูวดลเพียงสองถึงสามปี ใบหน้าคมเข้มตามแบบฉบับชายไทย ทำให้เขาดูมีเสน่ห์มาก แต่ไม่คิดว่าเขาจะเก่งและเจ้าเล่ห์เสียด้วยซ้ำ
เธอได้แต่นั่งนิ่งเงียบและฟังโดยไม่พูดคุย ถึงแม้ว่าเธอยังจะพบมีความรู้อยู่บ้าง เธอเองก็ไม่อยากจะขัดเขาได้แต่นั่งฟังไปเรื่อยๆ แล้วก็ยิ้มตอบให้ทุกครั้งที่คุณชาญชัยหันมายิ้มให้เธอ ไม่รู้เหตุผลที่เขาพาเธอมาด้วยเพราะอะไร
เกือบสามชั่วโมงการสนทนาได้ยุติลง เธอกับภูวดลเดินออกมายังลานจอดรถ สีหน้าและแววตาของเขาที่มองเธอด้วยแสดงถึงความไม่พอใจอย่างมาก เขาเดินขึ้นรถไปโดยไม่สนใจเธอ
ชาลิสามองท่าทีของคนตัวโตอย่างไม่เข้าใจก่อนจะขึ้นรถตามไป เธอสังเกตเขาตั้งแต่ออกจากห้องของคุณชาญชัยแล้ว เขามองเธอเหมือนกับว่า หึงเธอ! ชาลิสารีบส่ายหน้าอย่างทันที เขาคงไม่หึงเธอหรอกอย่าคิดอะไรไร้สารระอีก จำไว้ชาลิสา
ภูวดลขับรถออกจากบริษัทด้วยความเร็วเกินร้อยยี่สิบ แล่นไปตามสะพานขนาดใหญ่สี่เลน ชาลิสากลัวจนตัวสั่น เมื่อความเร็วของรถเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เขาชำเลืองมองเธอแล้วหันกลับไปขับรถต่อ ความสับสนในใจเขาเรียกว่าอะไรกัน อารมณ์โมโหที่เดือดพล่านไปทั่วร่างกาย ตั้งแต่ตอนที่เขานั่งสนทนากับคุณชาญชัยแล้ว
เขาไม่ชอบเลย เวลาที่เธอยิ้มให้ชาญชัย เขาจะไม่ร่วมธุรกิจเพราะเธอนั่นแหละ หว่านเสน่ห์ให้คนอื่นได้ยังไง เขา..เขา หึง!! ใช่แล้วหึงมากด้วย
“นี่คุณ ! !” ชาลิสาหันไปตะโกนใส่เขา แต่ทว่าภูวดลกลับมีสีหน้านิ่งเรียบเช่นเดิม และเขากลับเหยียบเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก นี่เขาจะแกล้งเธอใช่ไหม
เวลาผ่านไปไม่นานรถหยุดจอดลงอยู่บนถนนสองเลนในที่กว้าง แทบจะไม่มีรถผ่านมา มีแต่เสียงลมพัดทำให้บรรยากาศดูสงบและน่ามาพักผ่อนเพื่อคลายกังวล
ชาลิสาเปิดประตูรถออกไปแล้ววิ่งไปข้างทางอย่างทันที ภูวดลมองหญิงสาวที่รีบเปิดประตูรถลงไป ทีแรกเขาตกใจนึกว่าเธอจะหนีแต่ที่ไหนได้เธออาเจียน ! !
ภูวดลมองชาลิสาอย่างรู้สึกผิด เขาเปิดประตูแล้วลงจากรถ ก่อนจะเดินไปหาเธอ ภูวดลยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอ แล้วมองหญิงสาวที่มีสีหน้าซีดจาง แต่ก็ช่วยไม่ได้เธอทำให้เขาหึงก่อนทำไม
ชาลิสารู้สึกถึงฝ่ามืออุ่นลูบที่แผ่นหลังของเธออย่างเบาๆ เธอใช้ผ้าเช็ดหน้าที่เขายื่นให้เช็ดริมฝรปาก แล้วลุกขึ้นหันไปหาเขา
“ไม่ต้องค่ะ” ชาลิสากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็ง เธอไม่เข้าใจเขาเลยสักนิด ที่เขาทำทั้งหมดเพราะอะไร
“ผมขอโทษ” ภูวดลพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรค่ะ” ชาลิสาตอบแล้วเดินขึ้นรถไป แต่ทว่าเมื่อเดินไปไม่เพียงกี่ก้าว ร่างของเธอเซกลับไปที่อ้อมกอดของเขาอย่างทันที
“ผมขอโทษ” ภูวดลกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่ม
ชาลิสาอึ้งไปชั่วขณะเพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ยินน้ำเสียงแบบนี้
“ฉัน...” ชาลิสาแทบพูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้าลงหลบหลีกสายตาของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะกอดอยู่ก็ตาม ในใจของเธอก็อยากจะร้องไห้ออกมาเหลือเกิน ขอหยุดเวลาตรงนี้ไว้จะได้ไหม อยากจะให้เขากอดเธอนานๆ
“ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่คิดว่าคุณจะ...”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ชาลิสากลั้นเสียงเพื่อไม่ให้สั่น ผละอ้อมกอดของเขาออกแล้วหันมาเผชิญหน้ากัน
“คุณ...”
“กลับกันดีกว่าค่ะ” ชาลิสาพูดแล้วหมุนตัวเดินไปขึ้นรถ แต่เธอก็ต้องชะงักลงอย่างทันทีเมื่อได้ยินเขาถามขึ้น
“ถ้าหากผมไม่ใช่นายภูวดล อธิพัฒน์เดชากร คุณยังอยากจะเป็นภรรยาผมไหม ?” เมื่อชาลิสาได้ยินได้แต่นิ่งเงียบ เธอเคยจำได้ว่าเขาเคยถามเธอมาแล้วครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากตอบ แต่เธอไม่กล้าที่จะตอบ ต่อให้เขาไม่ใช่ตระกูลอธิพัฒน์เดชากร แต่เธอก็ยังคงรักเขาที่เป็นเขา
“...”
ภูวดลมองใบหน้าสวยเฝ้ารอคำตอบ แต่ก็เนิ่นนานที่รู้ว่าอีกฝ่ายไม่ตอบ ก็หมายความว่าความรู้สึกเธอกับเขาบางทีอาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวกัน เขาคงเข้าใจผิดไปเอง ที่เธอคงจะมีความรู้สึกดีๆ ให้เขาบ้าง
“ฉันไม่ได้แต่งงานเพราะเงินอย่างที่คุณเข้าใจ” ชาลิสาสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันหน้าไปทางอื่น เธออยากจะร้องไห้อีกแล้ว ทำยังไงดี?
“แล้วคุณจะให้ผมเข้าใจว่า...”
“สักวันหนึ่งคุณจะรู้ว่าทำไมฉันถึงแต่งงานกับคุณ”
เธอไม่กล้าที่จะบอกความจริงกับเขา ความจริงที่ตอกย้ำเธอ และกลัวว่าเขาจะเกลียดเธอมากกว่าที่เป็น
“ช่างเถอะครับ เรากลับกันดีกว่า ผมมีนัดอีก เดี๋ยวจะไปไม่ทัน” ภูวดลพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าพลางจะหมุนตัวไป แต่เสียงสั่นของเธอทำให้เขาหันกลับมาแล้วรอฟัง
“คนใจร้าย...ฉันรอคุณมาตลอด...เมื่อวาน...ฉันรอคุณมานั่งกินข้าว
ด้วยกัน รอคุณ...” เธอสะอื้นออกมา น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเจ็บปวด
เมื่อภูวดลได้ยินเขามีสีหน้าที่แสดงท่าทีไม่ถูก เขามองใบหน้าสวยที่ค่อยๆ มีน้ำตาไหลรินลงมา ชาลิสาก้มหน้าหลบสายตาของเขา
ในที่สุดเธอก็พูดออกไป เขาเกลียดเธอให้แล้ว
“เมื่อวานคุณรอผม?” ภูวดลถาม
เธอพยักหน้าแทนคำตอบ ความรู้สึกบางอย่างแทรกซึมเข้ามาในหัวใจเขา ทั้งดีใจทั้งเสียใจ เขาเสียใจที่ไม่รู้ว่าเธอรอเขา เขาเสียใจที่ตอบปัดเธอเพื่อตัดความรำคาญ
ภูวดลเดินเข้าไปใกล้เธออย่างช้า ๆ เชยคางของเธอขึ้นพร้อมสำรวจใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา นิ้วหัวแม่มือค่อยปาดน้ำตาบนใบหน้าสวยอย่างแผ่วเบา นัยน์ตาคมจ้องมองเธอด้วยหัวใจที่พองโต เขาโน้มตัวเข้าไปหาเธอ แล้วกระซิบด้วยเสียงที่นุ่มนวลและแผ่วเบา
“อย่าร้องไห้นะคนดี” เสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยนทำให้ชาลิสารู้สึกว่าเธอเองนั้นยังคงมีค่าสำหรับเขา
ภูวดลดึงหญิงสาวเข้ามาสวมกอด ราวกับว่าได้มีสิ่งหนึ่งเข้ามาเติมเต็มหัวใจเขา บางอย่างที่ขาดหายไปสำหรับเขา
“ยังไม่สายใช่ไหมครับที่ผมจะรักคุณ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลและอ่อนโยน ชาลิสารับรู้ถึงความรู้สึกที่ถูกส่งผ่านเข้ามา หัวใจน้อยของเธอที่เคยพยายามสร้างเกาะแกร่ง เพื่อที่วันใดจะต้องจากเขาไป ก็ได้ทลายลงอย่างทันตา
ขอเพียงแค่เขารักเธอบ้าง ไม่ต้องมากเท่ากับผู้หญิงอื่นที่เขาเคยรัก เท่านั้นก็พอ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!