NovelToon NovelToon

สารภาพรักไป99ครั้งก็ยังไม่ไหวงั้นหรอ!?

Episode​1

"ได้โปรดคบกับผมด้วยเถอะครับ!!"

ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม, ฤดูฝนได้เริ่มต้นขึ้นวันที่แสนร้อนยังดำเนินต่อไป ที่หลังยิมในโรงเรียนแห่งหนึ่งนั้น กำลังมีภาพที่ผู้ชายนั้นสารภาพรักกับผู้หญิงอยู่ตรงนั้น.

แต่อย่างไรก็ตาม ฝั่งผู้หญิงนั้นจ้องตาฝั่งผู้ชายและเธอก็ถอนหายใจพร้อมตอบกลับฝ่ายผู้ชายว่า

"จะมากี่ครั้ง คำตอบก็เหมือนเดิมค่ะ"

เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แต่ว่า ก็ไม่ได้กระทบอะไรฝั่งผู้ชายเลย กลับกัน เขายิ้มให้เธอและพูดว่า

"ว่าแล้วเชียว~ ไม่ได้สินะ"

เขานั้นไม่ได้ถูกสั่งให้มาสารภาพรักเพราะเกมลงโทษ ถ้าจะให้พูด นี่เป็นการสารภาพรักที่เขาจริงจังพูดออกไป

ถึงจะถูกปฏิเสธกี่ครั้งก็ตาม เขาก็ยังใจเย็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหตุผลก็เพราะทุกคนในโรงเรียนนั้นก็รู้หมดแล้ว

รวมถึงเธอด้วย

"คิดว่านี่มันรอบที่เท่าไรแล้วคะเนี่ย..."

เธอกุมหัวตัวเองแล้ว พูดออกมาด้วยท่าทางเหนื่อยใจ

เขายิ้มแล้วตอบออกมาอย่างชัดเจน

"ครั้งนี้ครั้งที่98แล้วล่ะ!"

"จะดื้อด้านเกินไปแล้ว!"

ผู้ชายคนนี้มีชื่อว่า อิชิกิ เซอิจิ ได้สารภาพรักกับผู้หญิงคนนี้ที่ชื่อว่า ยามาเสะ คิริน ไปแล้ว98ครั้งและแน่นอนว่าโดนปฏิเสธหมด

"ฮ่าาา วันนี้ก็ยังเหมือนเดิมสินะ"

หลังจากที่มาถึงห้องเรียนแล้วเซอิจิก็นั่งลงบนโต๊ะตัวเอง จากนั้นก็นึกถึงเรื่องที่สารภาพรักไปวันนี้

ถึงจะผ่านไป98ครั้งแล้วก็ตาม เซอิจิก็ยังคิดว่าการสารภาพรักเนี่ยรู้สึกประหม่าจริงๆ และไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ออกมาเป็นเหมือนเดิม

"นี่แก เมื่อเช้าก็ไปสารภาพรักกับยามาเสะซังมาอีกแล้วงั้นสินะ"

"ไม่คิดจะยอมแพ้เลยนะ~ แต่นั่นก็เป็นจุดที่น่าชื่นชมของแกจริงๆ"

ผู้ชายที่กำลังพูดอยู่นี้คือฟุรุซาวะ เค็นกับทาเคดะ ทาเคชิ 2คนนี้เป็นเพื่อนของเซอิจิตั้งแต่ประถม

"รำคาญน่า ไม่เกี่ยวกับพวกแกสะหน่อย"

"อย่าพูดแบบนั้นสิ ทางนี้เองก็รู้สึกสนุกที่มีอะไรให้ดูนะ"

ทาเคชิสนุกที่ได้หยอกล้อเซอิจิ

สำหรับทาเคชิ การสารภาพรักทุกครั้งของเซอิจินั้นเป็นเรืองสนุกของเขาไปเลย

"จะว่าไป แกเนี่ยไม่ยอมแพ้จริงๆนะ ถึงจะน่ารักจริงๆก็เถอะ แต่ถ้าโดนปฏิเสธไปขนาดนั้น ปกติก็ต้องยอมแพ้ไปแล้วไม่ใช่รึไง"

ด้วยท่าทางใจเย็น เค็นพูดออกมาขณะที่กำลังเล่นสมาร์ทโฟนอยู่

ไม่เหมือนกับทาเคชิ เคนนั้นที่เป็นคนใจเย็น ทุกๆครั้งก็จะบอกกับเซอิจิให้ตัดใจยอมแพ้

แต่ไม่ใช่เพราะเย็นชาหรืออะไรหรอกนะ ในฐานะเพื่อนเขาแค่อยากให้เซอิจิได้ไปมีรักใหม่สักที

"ความรักที่ไม่มีทางสมหวังเนี่ย มันก็ช่วยไม่ได้ไม่ใช่รึไง"

"แต่ว่านะเค็น! ฉันน่ะไม่มีทางโกหกต่อความรู้สึกนี้ได้หรอกตั้งแต่ที่ได้พบเธอวันเปิดภาคเรียนวันนั้น ฉันก็คิดมาตลอดเลยล่ะ"

"แล้วคิดว่าไงอะ"

เซอิจิตอบกลับเคนที่ทำท่าทางเหนื่อยใจด้วยดวงตาเปล่งประกาย

"พรหมลิขิต"

"เอาล่ะ เซอิจิไปโรงพยาบาลกัน"

"อะไรเล่า!!"

"ถ้าเป็นจิตแพทย์ล่ะก็ น่าจะรักษาอาการหลงตัวเองแบบนี้ได้"

"เฮ้ นั่นรักษาที่โรงพยาบาลได้ด้วยหรอ เยี่ยมไปเลยน้า"

"พวกแกเนี่ยน้า..."

การหยอกล้อเรื่องสารภาพรักของทั้ง2คน ก็ได้กลายเป็นกิจวัตรไปแล้ว

ตั้งแต่เปิดภาคเรียนก็ผ่านมา2เดือนแล้ว เซอิจิเริ่มจะคุ้นเคยกับชีวิตในโรงเรียนแล้ว

และในวันเวลาแบบนี้ การสารภาพรักต่อคิรินก็เป็นกิจวัตรไปเช่นกัน

ถึงในใจเซอิจิจะคิดว่าเป็นพรหมลิขิตก็ตาม แต่พักนี้ก็ได้คิดไว้บ้างแล้วว่า

(บางทีฉันควรยอมตัดใจรึป่าวนะ...)

ด้วยเพราะการสารภาพรักที่ล้มเหลวติดๆกัน ทำให้เซอิจิก็เริ่มคิดที่ควรตัดใจ

บางที ยามาเสะซังอาจจะกำลังรำคาญอยู่ก็ได้พอคิดแบบนั้นก็เจ็บหัวใจ

เพราะชอบเธอ เลยไม่อยากสร้างปัญหาให้เธอ

"อิ อิชิกิคุง?"

"หืม โอ้ ประธาน มีอะไรหรอ"

"โม่ อย่าเรียกแบบนั้นสิ ฉันไม่ใช่ประธานสักหน่อย"

"แต่ก็เป็นประธานของชมรมทำอาหารนี่นา อีกอย่างได้ประธานช่วยไว้ด้วย แล้วก็นี่ก็เป็นการเคารพด้วยนะ"

"งะ งั้นหรอกหรอ"

ผู้หญิงที่เข้าร่วมวงสนทนาของพวกเซอิจิมีชื่อว่ามาเอบาชิ ซายากะ ปีหนึ่งเหมือนกันและยังเป็นประธานชมรมทำอาหาร เธอเป็น1ในผู้หญิงไม่รู้กี่คนที่ฉันมีความสัมพันธ์ที่ดีด้วย

"วันนี้ก็ไม่ได้หรอ?"

"อา ก็เหมือนทุกทีแหละนะ"

เซอิจิตอบกลับซายากะที่กำลังเป็นห่วงด้วยลอยยิ้มแห้งๆ

"มาเอบาชิก็พูดออกมาแล้วนะ ยอมแพ้ได้แล้ว~"

"ให้คนต่างเพศพูดจะดีกว่านะ อย่าง'ตัดใจแล้วมาคบกับฉันดีกว่า'อะไรทำนองนี้อะนะ"

"พะ พะ พะพูดอะไรของเธอฟุรุซาวะคุง"

เพราะคำพูดของเค็นทำให้ซายากะหน้าแดงกร่ำและรีบพูดออกมา ทาเคชิเห็นสถานการณ์แบบนี้แหละกริ่มยิ้มออกมา

"โอ้ย เค็นพูดอะไรออกมา ที่แกไม่รู้เนี่ยมันเสียมารยาทนะ"

"หืม อะไรล่ะ"

"ประธานน่ะนะ มีคนที่เธอชอบอยู่แล้วนะ เพราะฉะนั้นอย่าพูดเรื่องที่ละเอียดอ่อนแบบนั้นอีกนะ"

ก่อนหน้านี้เซอิจิเคยได้ยินจากซายากะว่าเธอมีคนที่ชอบอยู่แล้ว

เพราะงั้นเซอิจิที่รู้อยู่แล้ว เลยกังวลกับคำพูดของเค็น

"อาา เพราะรู้แล้ว ถึง.."

"อ๋าาาา! จะว่าไปวันนี้มีเรื่องจะขอร้องล่ะ!"

ซายากะรีบพูดเสียงดังเพื่อกลบคำพูดของเค็น

"ขอร้อง? อะไรงั้นเหรอ"

"อืม ที่จริงแล้วจะมีการจัดงานที่ศาลาชุมชมใกล้ๆนี่ละนะ แล้วชมรมทำอาหารของเราต้องรับผิดชอบเรื่องอาหารในเวลานั้นด้วย ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะขอให้ช่วยสักหน่อย..."

"แค่นั้นเอง ไม่มีปัญหาหรอก ฉันเองก็ได้ประธานช่วยไว้เหมือนกันนะ"

-----------------

ก่อนหน้านี้ ด้วยเหตุผลบางอย่างเซอิจิได้เรียนวิธีทำอาหารมาจากซายากะ ทำให้ทักษะทำอาหารของเขาสูงกว่าคนทั่วไป

และช่วงที่เซอิจิกำลังฝึกทำอาหารกับซายะกะ ทั้ง2คนก็เริ่มสนิทสนมมากขึ้น จนมาถึงปัจจุบัน

"จะว่าไป แกฝึกทำอาหารมาได้สักพักแล้วสินะ เพื่ออะไร?"

"อา นั่นเหตุผลอาจจะดูบ้าๆหน่อย แต่ฉันได้ยินข่าวลือมาว่า ยามาเสะซังชอบผู้ชายที่ทำอาหารอาหารเป็น เพื่อการนั้นเลยเข้าชมรมทำอาหาร แต่สุดท้ายก็โดนปฏิเสธกลับมาอยู่ดีอะนะ"

"เข้มงวดจังเลยนะ เค็น..."

เค็นพูดคุยโดยที่ยังคงเล่นสมาร์ทโฟนของเขาอยู่

เมื่อเซอิจินึกขึ้นได้ว่าเคยเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น ก็ฟุบตัวลงไปบนโต๊ะ

"แต่ว่านะ ถ้าไม่เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นก็คงไม่ได้มาสนิทกับประธานแบบนี้ คิดว่ามันก็ไม่ได้แย่เท่าไรหรอกนะ อื้ม"

"เน่... อิชิกิคุง ยังจะไปสารภาพอีกหรอ?"

ซายากะพูดกับเซอิจิด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผิดกับบุคลิกของเธอที่มักจะร่าเริงเป็นประจำ

"เอะ?"

ด้วยความเป็นห่วงซายะกะพูดต่อไป

"ไม่ว่าจะสารภาพไปกี่ครั้งก็ถูกปฏิเสธหมดเลยใช่ไหมล่ะ? ฉันเลยคิดว่าบางทีควรจะตัดใจแล้วไปหารักใหม่อาจจะดีกว่ารึป่าว?"

"ประธาน...."

"ฉันน่ะรู้นะความรู้สึกที่อิชิกิคุงมีต่อยามาเสะซังมากขนาดไหน พยายามเพื่อเธอไปตั้งขนาดนั้นแล้วแท้ๆ เพราะงั้นเลยคิดว่าตัดใจไปหาคนที่ดีกว่าน่าจะดีกว่านะ..."

"ว่าแล้วเชียว แบบนั้น น่าจะดีสินะ..."

"ใช่แล้วล่ะ! ก็พยายามเพื่อยามาเสะซังไปตั้งขนาดนั้นแล้วแท้ๆ แต่ยัยคนนั้นกับไม่สนใจอะไรเธอเลย! โหดร้าย! คนแบบนั้นน่ะลืมไปเถอะแล้วมาคบกับฉั...."

"เอะ? กับประธาน?"

ซายากะเผลอหลุดคำพูดของเธอออกไป เธอรีบปิดปากของตัวเอง เซอิจิก็สงสัยเกี่ยวกับคำพูดของเธอ

ทาเคชิยิ้มกริ่มให้ทำทั้ง2คน รวมถึงเค็นก็ละสายตาออกจากสมาร์ทโฟนและดูท่าทีทั้ง2คน

"เป็นอะไรหรอประธาน หน้าแดงขนาดนั้น"

"อุ.. ยะ.. อย่างไงก็เถอะ อิชิกิคุงน่ะ ควรไปหาคนใหม่นะ!"

ซายากะพูดและรีบวิ่งออกไปด้วยความเร็ว

"อาา ประธาน อะไรของเธอกันนะ"

ทิ้งไว้แค่บรรยากาศที่ชวนน่าสงสัย ทาเคชิกับเคนถอนหายใจและพูด'ดูแล้วน่าจะใช้เวลาพอสมควรนะเนี่ย'

"นั่นสินะ... ควรตัดใจจริงๆสินะ...."

พวกเพื่อนๆก็พูดออกมา ฉันเองก็เริ่มคิดถึงผลที่ตามมาแล้วล่ะ

คาบเรียนผ่านไปโดยเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ และแล้วก็ถึงหลังเลิกเรียน..

"เอาล่ะ ตัดสินใจได้แล้ว!"

"อะไรของแก"

เค็นกับทาเคชิที่กำลังถือกระเป๋าโรงเรียน ถามเซอิจิกลับมา

เรา3คนปกติหลังเลิกเรียนมักจะพูดคุยและกลับบ้านด้วยกันตลอด รวมถึงวันนี้พวกเรารออยู่ในหัองเรียนที่คนกำลังลดลง

"ฉันน่ะ ถ้าครั้งหน้าพลาดอีกล่ะก็ จะยอมตัดใจเรื่องยามาเสะซังแล้ว"

"โอ้.. ในที่สุด ก็จะได้เก็บซากแกแล้วสินะ!"

"ไม่เป็นไรหรอกนะ เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงคาราโอเกะให้สำหรับคนอกหักเอง"

"ทำไมถึงคิดแบบนั้นกันเล่า!!"

"ก็ทีผ่านมาก็แบบนี้ไม่ใช่หรือไง"

"อย่าพูดอย่างงั้นสิฟร่ะ"

ที่2คนนั้นพูดมาก็ถูก ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ผ่านมาก็พลาดตลอด

แต่ถึงอย่างงั้น มาตอกย้ำกันแบบนี้ก็เหมือนฆ่ากันชัดๆ

ไม่มีอะไรมาการันตีได้ว่าครั้งหน้าจะสำเร็จ ถ้าตามปกติแล้วก็ต้องพลาดเหมือนเดิม

"แต่ว่านะ บางที...."

"โอ้ คุณเค็น คุณเซอิจิเขาเริ่มจะสิ้นหวังมากกว่าปกติแล้วล่ะครับ"

"ทำไงได้ล่ะ ดูอย่างไงก็นกชัวร์ๆ แถมอีกอย่าง ยามาเสะซังมีดีอะไรขนาดนั้นนอกจากน่ารัก"

พอเซอิจิได้ฟังคำพูดของเค็น ก็ยิ้มแล้วตอบกลับไป

"ตั้งใจฟังให้ดีล่ะ ยามาเสะซังน่ะ ทั้งขาที่เรียวยาว ใบหน้าเล็กๆของเธอ ถึงหน้าอกจะไม่มี แต่ก็เป็นผู้หญิงในอุดมคติเลยนะ! เป็นคนที่สุขุมแล้วยังเป็นที่รักของเพื่อนๆ แถมยังได้รับความไว้วางใจจากคุณครูอีก แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น มันจะดีกว่านี้นะถ้านายไม่ตัดสินจากคนแค่ภายนอกและข่าวลือน่ะ"

"เออ พอแล้ว น่ารังเกียจวะ"

"อย่าพูดว่าน่ารังเกียจนะโว้ย"

เค็นที่ทำท่าทางข่มขื่นกับการอธิบายของเซอิจิ ทำให้เขาโกรธ

"น่าา ก็เป็นที่นิยมนี่นา ใครๆก็ตกหลุมรักเธอทั้งนั้น"

"พ่อรูปหล่อห้อง3นั่นก็โดนปฏิเสธสินะ"

"อา จากชมรมฟุตบอลน่ะหรอ ถูกปฏิเสธไปแบบหมดรูปเลยล่ะ"

"อืม แต่มีไอ้บ้าคนนึงที่ไม่ยอมแพ้สักทีแม้จะโดนปฏิเสธมาแบบหมดรูปเหมือนกันก็ตาม"

เค็นกับทาเคชิหัวเราะและพูดออกมา

เซอิจิโกรธกับการแสดงออกของ2คนนี้และเริ่มกล่าว

"ความรักบริสุทธิ์อะไรเล่า ฉันชอบเธอจริงๆนะโว้ย!"

"อย่าพูดด้วยท่าทางแบบนั้นดิ คิโม่ย"

อย่าพูดว่าคิโม่ยนะโว้ยย!"

เซอิจิกำลังคิดเกี่ยวกับการสารภาพรักครั้งสุดท้ายขณะที่อยู่กับทุกคนในห้องเรียน

และกำลังมองหาวิธีบางอย่างที่คิดว่าจะช่วยเพิ่มเปอร์เซ็นความสำเร็จ แต่ก็ไม่มี

"คิดไปคิดมา แกเนี่ยสารภาพรักมาทุกวิธี ตั้ง98รอบแล้วนี่นา'

"ถึงจะพูดแบบนั้น.."

พูดถึงเรื่องนั้น เซอิจิลองสารภาพรักมาทุกวิธีแล้ว

หลังเลิกเรียน หลังยิม ดาดฟ้า สารภาพต่อหน้าผู้คน ตอนนี้ไม่เหลืออะไรอยู่ในหัวแล้ว คิดวิธีใหม่ๆไม่ออกเลย

"อาา เอาไงดีเนี่ย"

"คิดว่าแบบปกติเนี่ย ดีที่สุดแล้วนะ"

พูดแบบนั้นออกมา เค็นน่ะจัดว่าค่อนข้างป๊อปในหมู่ผู้หญิงเลยเพราะใบหน้าที่ดูดี ถึงแม้เขาจะปฏิเสธทุกคนทีมาสารภาพรักกับเขา ทั้ง2คนนั้นรับฟังความคิดของเค็น

เค็นถอนหายใจกับปฏิกิริยาทั้ง2คน

"ฮ่า ก็ไม่ได้มีอะไรจะพูดมากหรอกนะ สิ่งที่นายต้องทำมีแค่บอกกับอีกฝ่ายที่ตัวเองคิดจริงๆไปแต่นั้นแหละ"

"ย อย่างนี้นี่เอง"

"ไม่ต้องมีบทประกอบอะไรหรอก แค่บอกไปว่าชอบ ถ้าไม่ได้ก็ตัดใจซะ"

ความคิดเห็นของเค็นนั้นมีเหตุผล ทำให้เซอิจิคิดถึงเรื่องสารภาพรักของเขา

ฉันพยายามทำทุกทางเพื่อส่งความรู้สึกให้ยามาเสะซังแต่ทั้งหมดนั้นเป็นการแสดงไปตามบท ทำให้นึกขึ้นได้ว่ามันไม่ได้ออกมาจากใจจริง

"เอาล่ะ ถ้างั้นฉันจะจบมันในวันพรุ่งนี้หลังเลิกเรียนล่ะ"

"ตัดสินใจแล้วสินะ ถ้างั้นก็มีที่เดียวที่เราควรไปแล้วละนะ"

"อา นั่นสินะ"

"ตอนนี้เลยหรอ? จะไปไหนกัน?"

เค็นกับทาเคชิเตรียมตัวเก็บของ แต่มีเพียงเซอิจิเท่านั้นที่ยังไม่รู้

"ก็แน่อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง"

"จะไปกันละนะ"

"แล้วจะไปไหนกันเล่า"

"ปาร์ตี้ปลอบใจคนอกหักไงล่ะ"

"พวกแกกก"

เซอิจิตะโกนใส่ทั้ง2คนโดยที่ไม่รู้ว่าที่จริงเป็นห่วงหรือแค่นึกสนุกเท่านั้น

Episode​2

ยามาเสะคิรินนั้นเป็นสาวป๊อปเพราะความสวยของเธอ

ผมตรงยาวสีดำ ขาที่เรียวยาว และใบหน้าที่งดงามของเธอ จัดได้ว่าเป็นสาวงามแบบสาวญี่ปุ่นโดยแท้ ถึงแม้จะไม่มีเมคอัพก็ยังมองเห็นความงามที่ออกมาจากตัวเธอ

ทว่าผู้หญิงคนนี้นั้นกำลังประสบปัญหาตั้งแต่วันแรกที่เปิดเรียน

"อรุณสวัสดิ์ คิริน วันนี้มาตั้งแต่เช้าเลยหรอ"

"อื้ม ให้ตายสิ อยากจะรีบเคลียร์เรื่องนี้ไวๆจังเลย"

"หืมม ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมไปหาทุกรอบเลยนี่นา~"

"ช่วยไม่ได้นี่นา ก็เหมือนว่าทางนั้นจะจริงจังทุกครั้งเลยด้วย..."

หลังจากที่เธอปฏิเสธสารภาพรักในตอนเช้า คิรินก็กลับไปยังห้องเรียนของเธอ และก็ได้พูดคุยกับเพื่อนร่วมชั้นของเธอซาซาฮาระ มิสะ

"แต่ว่าสุดยอดไปเลยน้า~ แล้วครั้งนี้ครั้งที่ไหร่แล้วล่ะ?"

"ครั้งที่98 ให้ตายสิไม่มีท่าทีว่าจะยอมแพ้เลย.."

"โหวว อีกนิดเดียวก็ขึ้น3หลักแล้ว นายคนนั้นเนี่ยชอบเธอจริงๆสิน้า~"

"นะ นั่นสินะ"

คิรินตอบไปด้วยใบหน้าแดงเล็กน้อย

เพราะคำพูดของคนอื่น ทำให้เธอตอบสนองโดยอัตโนมัติ

แต่คิรินนั้นไม่ได้มีความรู้สึกรักชอบอะไรเลย

"ตลอดมาตั้งแต่วันเปิดภาคเรียนใช่มั้ยล่า? โดยทั่วไปคงตอบตกลงไปแล้วละน้า~"

"ไม่รู้ด้วยหรอกย่ะ ที่ผ่านมาทุกวัน ไม่มีเว้นว่างให้พักเลย"

"อ่าา ถึงจะจริงก็เถอะ.. แต่ว่านะเธอน่ะ ได้คิดไตร่ตรองตอนปฏิเสธไปบ้างมั้ย?"

"เอะ? นั่นมันก็ต้องแน่นอนไม่ใช่รึไง"

"หืม ฉันคิดว่าเธอคงไม่ได้คิดอะไรเลยนะ ที่เห็นก็มีแค่ปฏิเสธไปให้มันจบๆ"

คิรินรู้สึกน้อยใจ

ไม่ใช่ว่าปฏิเสธไปแบบผ่านๆ ทุกครั้งเธอก็มีเหตุผลที่คบกันไม่ได้ เพียงแต่พักหลังเธอแสดงอาการเย็นชาเพื่อให้อีกฝ่ายตัดใจไป

"ไม่ใช่แบบนั้นสะหน่อย ฉันเองก็คิดเหมือนกันนะ..."

"แล้วได้คิดถึงอีกฝั่งด้วยมั้ยล่ะ"

"เอะ? หมายความว่าไง"

"ก็ เขาเข้าหาเธอมากกว่า90ครั้งแล้วไม่ใช่หรอ อย่างที่คิดเธอไม่ได้ใส่ใจเลยสินะ ทำไมถึงสงวนตัวเองขนาดนั้น แล้วทางเขาล่ะ"

ที่จริงก็ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบหรอก

เพียงแต่ว่า ไม่ว่าเขาจะมีเหตุผลแบบไหนก็ตาม ก็ไม่มีทางเปลี่ยนความจริงที่ว่าเราไม่มีทางคบกันได้หรอก แถมก็ไม่เคยรู้เรื่องของเขาเลยด้วย

"อืมม ไม่ใช่ว่าฉันไม่สนใจหรอกนะ เพียงแต่ว่าไม่ว่าอย่างไงเราก็คบกันไม่ได้"

"ฮ่า~ เพราะแบบนั้นไงเขาถึงไม่ตัดใจสักที..."

คิรินตกใจกับการตอบสนองของมิสะแล้วถามเธอ

"ทำไมเล่า ก็บอกไปแล้วนี่นาว่าปฏิเสธแบบมีเหตุผล"

"เหตุผลของเธอมันไม่สมเหตุสมผลไง"

"เอ๋..."

"เธอเคยบอกเขาอย่าง'ฉันคบกันคุณไม่ได้หรอกค่ะเพราะคุณไม่ใช่สเปคฉัน'มั้ยละ?"

"มะ ไม่เคยหรอก เรื่องโหดร้ายขนาดนั้น"

"นี่แหละ กรณีของเธออาจจะบอกไปว่า'ตอนนี้สนใจแค่เรื่องเรียนเท่านั้น'หรือ'ฉันยังไม่รู้จักคุณเลย'ปฏิเสธไปแบบนี้ยังไม่เคยใช่มั้ยล่ะ"

เหตุผลที่ฉันปฏิเสธเขาไปทุกครั้งเป็นแบบที่มิกะพูดเลย ฉันไม่เคยใส่ใจฝ่ายตรงข้ามและปฏิเสธไปด้วยความคิดของฉัน

"กะ ก็จริงนะ"

"อีกอย่างนะ เขาน่ะอาจจะคิดว่า'ยังมีโอกาสครั้งหน้า'อีกจึงได้มาเรื่อยๆไง"

คำพูดของมิสะแทงใจดำได้อย่างสวยงาม

ทุกครั้งไม่ว่าจะครั้งไหน ฉันก็พูดไปแบบให้ความหวังเขาไปแบบไม่รู้ตัวตลอด

"นั่นสินะ น่าจะเป็นแบบนั้น"

"เพราะงั้น ครั้งต่อไปก็พูดให้มันตรงๆไปเลยก็ได้นะ อย่าอ่อนข้อให้เพราะแค่ว่ารู้สึกไม่ดีล่ะ"

"บะ แบบนั้นมันหยาบคายไปมั้ย..."

คิรินคิดว่ามันเกินไปหน่อย ที่มิกะพูดโผงผางแบบนั้นออกมา

"พูดอะไรแบบนั้น! ถ้าเธอไม่พูดให้เคลียร์แบบนี้ละก็ เขาก็ไม่ยอมตัดใจสักทีนะสิ!"

"มันก็ใช่อยู่หรอก แต่ถ้าพูดถึงขนาดนั้น..."

"ไม่เป็นไรหรอก เขาเองก็ดูเหมือนว่าจิตใจแข็งแกร่งอยู่นะ บางทีถึงจะพูดแบบนั้นไป ก็อาจจะมาสารภาพรักอีกก็ได้"

มันก็จริงเพราะเขาถูกปฏิเสธมาตั้ง90กว่าครั้ง แต่ก็ยังมาสารภาพรักอีก บางทีถ้าพูดแรงขึ้นมาหน่อยคงไม่เป็นอะไร

"จะ จะลองดูละกัน..."

"โอ้ ในที่สุดก็มีใจแล้ว ถ้างั้นครั้งหน้าเอาแบบจัดเต็มแบบสุดๆไปเลย นี่ก็เพื่อเขากับตัวเธอเองนะ"

"อืม"

คิรินที่ได้ฟังมาจากมิสะก็เริ่มคิดเกี่ยวกับสารภาพรักครั้งถัดไป

คิรินคิดว่าครั้งต่อไปจะต้องหยุดความสัมพันธ์แปลกๆแบบนี้อย่างจริงจังสักที

*

หลังจากที่เซอิจิก็ได้มาคาราโอเกะกับเคนและทาเคชิ ได้ผ่านมาสองชั่วโมงแล้ว ทำให้คอเริ่มแห้งและก็เลยแยกย้ายกัน

"อาา ไอ้เจ้าพวกนั้น จะรีบฉลองกันเร็วเกินไปแล้ว...."

ทั้งสองบอกเซอิจิไปก่อนหน้านี้"สารภาพครั้งสุดท้ายก็คงเหมือนทุกทีแหละนะ"แล้วก็พามาจัดปาร์ตี้ปลอบใจ

"อย่างไงก็คงไม่ไหวสินะ..."

ไม่ว่าจะเวลาไหนเซอิจิก็คิดถึงแต่เรื่องของคิริน

ถ้าพรุ่งนี้ก็ไม่ได้ละก็คิดว่าจะตัดใจแล้วแท้ๆ แต่ก็เอาแต่คิดถึงเรื่องวิธีการสารภาพรักที่ไม่ว่าจะทำอย่างไงก็โดนปฏิเสธทิ้งอยู่ดี

"ฮ่าา สารภาพไปแบบธรรมดาน่าจะดีกว่าสินะ"

ตามที่เคนเคยบอก อย่างไงสารภาพไปแบบปกติก็คิดว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด เซอิจิคิดอย่างนั้นและตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะสารภาพรักแบบปกติ

"เอาล่ะ! จะวิธีไหนก็ช่างครั้งสุดท้ายขอพยายามให้เต็มที่เลยก็แล้วกัน!"

เซอิจิพูดแล้วชูกำปั้นขึ้นอยู่กลางถนน

ยังดีที่รอบข้างนั้นไม่ค่อยมีคน เพราะถ้ามีใครมาเห็นเข้าคงคิดว่าเป็นไอ้บ้า

"เอาล่ะ ในเมื่อตัดสินใจได้แล้ว กลับบ้านเลยดีกว่า"

เพราะเลือกเส้นทางที่ไม่ค่อยมีการสัญจรไปมา ทำให้รอบๆค่อยจะมีไฟข้างทางและบรรยากาศก็เริ่มมืดลง

ทางนี้ถึงจะไม่ค่อยดีเท่าไร แต่ก็เป็นทางที่ใกล้ที่สุดจากคาราโอเกะไปบ้าน ก็เลยเลือกใช้เส้นทางนี้

"ถึงนานๆทีจะผ่านทางนี้ก็เถอะ แต่ก็น่ากลัวจังเลยนะ"

ระหว่างที่พึมพำก็เผลอคิดไปว่าจะมีอะไรออกมาให้ตกใจรึป่าว

ตอนนี้ก็เป็นเวลา2ทุ่มแล้ว

บริเวรรอบๆนั้นมืดไปหมดและก็ไม่มีคน

"ถ้าเป็นในหนังสยองขวัญละก็ บรรยากาศแบบนี้ต้องมีเสียงผู้หญิงกรีดร้องออกมาด้วยสินะ"

"คิย้าาาาาาาาาา"

"ใช่ๆๆ แบบนี้เล... เห้ยเดี๋ยวนะ"

เซอิจิตกใจที่อยู่ๆก็มีเสียงออกมาตามที่เขาพูด

ถึงจะกลัวแต่เพราะความสนใจเซอิจิเลยวิ่งไปที่ต้นเสียง

แต่ว่าที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่ผีแต่อย่างใด

"ปะ ปล่อยนะ!"

"ชิ อย่าส่งเสียงดังสิวะ!"

ตรงนั้น เซอิจิเห็นผู้ชาย2คนกำลังพยายามลักพาตัวคิรินขึ้นไปบนรถ

พอเห็นอย่างนั้นร่างกายมันก็ขยับไปเองเพื่อออกไปช่วยเธอ

"โอ้วววว"

"กุอัก"

"เชี่ยไรวะ ไอ้เจ้านี้"

เซอิจิพุ่งเข้าใส่ชาย2คน

ทำให้ชายคนที่จับคิรินอยู่เสียหลักและปล่อยมือออกจากเธอ ทำให้เธอเป็นอิสระ

"วิ่งเร็ว"

"เอ๊ะ"

เซอิจิรีบพาคิรินวิ่งออกมายังถนนที่มีคนพลุกพล่าน

คิรินปล่อยให้เซอิจิพาไป จนกระทั่งมาถึงย่านการค้า

"ฮ่าา.. ฮ่าา... คงไม่ตามมาถึงนี่หรอกสินะ"

"ฮ่าา.. ฮ่าา... บ้าบิ่นจังเลยนะ.. นายน่ะ..."

เซอิจิหัวเราะออกมา

คิรินยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเป็นเซอิจิ

หลังจากหายเหนื่อยแล้วทั้ง เซอิจิก็ถามเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่สวนสาธารณะ

"คะ คือเกิดอะไรขึ้นงั้นหรอครับ?"

เซอิจิกังวลเรื่องที่ช่วยคนที่ตัวเองชอบในสวนสาธารณะ

เห็นอย่างนั้น คิรินก็เริ่มเล่าเหตุการณ์

"ระหว่างทางกลับบ้าน อยู่ดีๆก็โดนพาขึ้นรถน่ะสิ"

"งะ งั้นเหรอครับ โชคดีนะครับที่ไม่เป็นอะไร..."

"อืม แต่ไม่คิดเลยนะว่าจะได้ผู้ชายที่ฉันปฏิเสธอยู่ทุกวันช่วยไว้.... ขอบคุณ"

เซอิจิกริ่มยิ้มออกมาหลังจากได้ยินคำพูดของคิริน เขาพยายามดึงหน้ากลับมาแต่ก็ไม่เกิดผล เขารับรู้ได้เลยว่าใบหน้าตอนนี้ของเขาคงไม่หน้าดู

"อะไรล่ะนั่น... หน้าตาแบบนั้น..."

"อะ.. ระ.. เรื่องนั้นช่างมันก่อน กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบเมื่อกี้อีก เดี๋ยวผมพาไปส่งละกัน บ้านเธออยู่ไหนหรอ"

"......."

"เอ่อ.. คือ.."

เซอิจิพูดออกมาจากใจจริง แต่สายตาที่คิรินมองเซอิจินั้นมองมาด้วยความหวาดระแวง

"อะ ขอโทษ ก็อยากจะขอบคุณที่จะไปส่งอยู่หรอกนะ แต่จะให้บอกบ้านฉันกับนายนี่ก็....."

"นะ นั่นสินะครับ..."

นั่นก็จริงนะ เพราะมีเรื่องที่ไปกดดันขอสารภาพรักกับเธอ เธอจะระแวงก็ไม่แปลก

แต่ว่าจะให้เธอไปคนเดียวก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะเกิดเรื่องแบบเมื่อกี้อีก

เซอิจิเลยหาวิธีที่จะให้เธอสบายใจโดยไม่ต้องกลับคนเดียว

"เอาล่ะ! งั้นไปกันเถอะ!!"

"เอ๋?"

เซอิจิหยิบมือถือออกมา เพื่อโทรหาใครบางคน

คิรินไม่รู้ว่าเซอิจิกำลังพยายามจะทำอะไร

"นี่พวกนาย อยู่ที่ไหนกัน เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นรีบมาที่นี่หน่อยสิ ส่วนสถานที่ก็..."

ิไม่กี่นาทีต่อมา คนที่เซอิจิโทรไปหาก็มาถึง

คนนั้นก็คือ เคนและทาเคชิที่เพิ่งไปร้องคาราโอเกะมาด้วยกัน

ทั้งสองที่ไม่รู้เรื่องราวเลยถามเซอิจิออกไป

"โดนปฏิเสธมา?"

"ไม่ใช่โว้ยย!"

เซอิจิตบมุกออกไป และเริ่มเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง

"อย่างนี้เอง.. แล้วนายก็เลยจะให้พวกเราไปส่งยามาเสะซังสินะ.."

"อาา ก็เจ้าเซอิจิมันก็เหมือนสตอร์เกอร์ของยามาเสะซังนี่นะ"

"เฮ้ย ทาเคชิ เอ็งหุบปากไปเลย"

"อาา พวกเราไม่มีปัญหาหรอก แต่ยามาเสะซังล่ะ?"

"ค่ะ ถ้าเป็นทั้ง2คนล่ะก็..."

คำพูดของคิรินนั้นทิ่มแทงหัวใจของเซอิจิ แต่เซอิจิก็ยังยิ้มและพูดออกมา

"ถ้างั้น ชั้นขอตัวล่ะ โทษทีนะแต่ฝากพวกนายด้วยนะ

"โอ้ว แล้วเจอกัน'"

เซอิจิคิด"ยามาเสะซังไม่ได้เป็นอะไรสะด้วยสิ ช่างมันละกัน"ระหว่างกำลังเดินกลับบ้าน

เหลือไว้แค่คิรินและอีก2คนกับบรรยากาศที่กดดัน

ทั้ง2คนรู้สึกแปลกๆกับการที่ต้องมาส่งยามาเสะคนที่คอยปฏิเสธเพื่อนตนเอง

"เน่ ถ้าเป็นปกติแล้ว มันต้องเซอิจิกับยามาเสะซังกลับบ้านด้วยกัน และก็สานสัมพันธ์ความรักกันไม่ใช่หรอ แล้วทำไมเซอิจิมันดันกลับคนเดียว และให้ยามาเสะซังกลับกับพวกเรา?"

"ก็เพราะเจ้านั่นมันสารภาพรักกับยามาเสะมากกว่า90ครั้งเลยนะ ก็พอเข้าใจความรู้สึกของยามาเสะซังอยู่หรอก"

"ก็นะ คนที่ปฏิเสธมาตั้งขนาดนั้น ก็ไม่คิดว่าเธอจะทนไหวหรอก"

ระหว่างที่เดินกลับ เคนกับทาเคชิก็พูดกระซิบกัน2คน.

ในสถานการณ์แบบนี้ทำให้คิรินยิ่งลำบากใจอีก เมื่อเห็นทั้งคู่

"ค คือว่า ขออภัยนะคะ คือกำลังรีบ..."

"อา อืม ได้สิ พวกชั้นก็ด้วยแหละ"

"ใช่ใช่ ปาร์ตี้ปลอ..."

"โอ่ย เจ้าบ้า"

ทาเคชิปิดปาก

ถ้าไปพูดกับคนที่ปฏิเสธว่า"จนถึงเมื่อกี้เราจัดปาร์ตี้ปลอบใจให้เซอิจิมาด้วยล่ะ~" คงเป็นสถานการณ์ที่ลำบากน่าดู

ทาเคชิกับเคนมองไปที่คิริน แต่คิรินก็ไม่สนใจอะไร

ในทางกลับกัน คิรินพูดถึงเซอิจิออกมา

"เป็นคนแปลกจริงๆ ทำไมต้องคิดถึงเรื่องฉันขนาดนี้ด้วย..."

Episode​3

เคนกับทาเคชิคิดว่าจะเอาอย่างไงกับสถานการณ์นี้ดี

บางทีถ้าช่วยซัพพอร์ทเซอิจิ อาจจะทำให้ความรู้สึกของคิรินที่มีต่อเซอิจิเปลี่ยนไปก็ได้

ทั้ง2คนคิดแบบนั้น เพื่อเซอิจิก็เริ่มชวนคิรินคุย

"ถึงพวกชั้นจะไม่รู้อะไรมากก็เถอะ แต่เจ้านั่นบอกว่าเป็นเหมือนโชคชะตาอะไรทำนองนี้แหละนะ"

"ใช่ๆ เจ้านั่นนะ เพื่อยามาเสะซังแล้วก็พยายามหลายๆอย่างเลยล่ะ!"

"อย่างงั้นหรอคะ?"

เคนกับทาเคชิ เล่าให้คิรินฟังว่าที่ผ่านมานั้นก่อนเซอิจิจะไปสารภาพรักก็ได้พยายามอะไรหลายอย่างจากที่ได้ยินมาจากข่าวลือสเปคของคิริน

"เป็นอย่างงั้นเองสินะคะ"

"อา พอเจ้านั่นได้ยินว่าเธอชอบคนแข็งแรง เจ้านั่นมันก็ไปเข้าชมรมจูโดแถมยังล้มประธานชมรมได้ภายใน1สัปดาห์และลาออกจากชมรมด้วยนะ ก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่เอาความแข็งแรงนั่นมาใช้กับคนอื่นบ้าง..."

"ตอนนั้นสินะ ประธานชมรมก็มาอวดครวญขอให้พาเซอิจิกลับไปด้วย"

คิรินรู้สึกเศร้าใจที่ได้ยินแบบนั้น

คิรินที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มตั้งคิดว่า รู้สึกผิดที่ไปปฏิเสธการสารภาพรักทิ้งแบบนั้น

"ถึงจะเสียมารยาทก็เถอะ แต่ขอถามหน่อยนะ จำนวนขนาดนั้นแท้ๆทำไมเธอถึงยังปฏิเสธอย่างสุภาพแบบนั้นล่ะ"

"เพราะว่าเขาดูจะจริงจังทุกครั้งเลยนี่นา ก็เลยเกรงใจ..."

สำหรับคิรินนั้นเธอเห็นอกเห็นใจอย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ว่า หลังจากที่คุยกับมิสะไป เธอก็คิดได้ว่าหากยังสุภาพแบบนี้ก็มีแต่จะให้ความหวังเขา เลยคิดได้ว่าจะควรตอบไปให้ชัดเจน

"อา ตรงนั้นก็เข้าใจนะ"

"เน่ ถ้างั้นพูดมาเลยจะไม่ดีกว่าหรอ?"

"หมายถึง?"

"เรื่องพรุ่งนี้ไงเล่า เราก็ไปบอกเซอิจิเกี่ยวความรู้สึกของยามาเสะซังที่มีต่อเซอิจิ แล้วก็จุดไหนที่ไม่ชอบก็บอกไป เพราะอย่างไงผลมันก็ออกมาแบบเดิมอยู่ดีนี่"

"อืม ถึงแบบนั้นจะทำได้ก็เถอะ แต่ถ้าให้พวกเราไปพูดเองมันดูขี้ขลาดนะ"

เคนปฏิเสธข้อเสนอของทาเคชิไป

ถ้าจะให้พูดเกี่ยวกับการไปสารภาพรักครั้งสุดท้ายก็คงจะพูดว่า"กรุณาคบกับผมด้วย"ออกไปอยู่ดี

"อื~ม ลำบากจริงๆนะ"

"ช่างเรื่องนั้นเถอะ สิ่งที่เราควรคิดตอนนี้คือพายามาเสะซังไปส่งที่บ้านนะ"

ทั้ง2คนนั้นก็ยังกระซิบกัน2คนต่อไป

คิรินรู้สึกสงสัยว่าทั้งคู่พูดอะไรกัน แต่เพราะรู้ว่าทั้งคู่ไม่อยากให้ได้ยิน คิรินเลยไม่ได้ถามออกไป

"จะว่าไป แย่เลยนะ ยามาเสะซังจะโดนลักพาตัวแบบนั้น"

เคนกับทาเคชิรู้ว่าไม่ค่อยดีที่พูดกัน2คน เลยพยายามชวนคิรินคุยด้วย

"ค่ะ อยู่ดีๆก็มีคนมาจับที่แขน... ก็เลยตกใจค่ะ"

"แถวๆนี้มันมีแต่พวกแปลกๆด้วยนี่นะ"

"ไม่จำเป็นต้องสุภาพก็ได้นะยามาเสะซัง อย่างไงซะก็ปีเดียวกันนิ"

ถึงแม้ว่า นี่จะเป็นการสนทนากันครั้งแรกแต่คิรินก็ไม่มีแสดงท่าทีเขินอายออกมาเลน

"อืมม งั้นก็ขอเสียมารยาทกับคำพูด พวกเธอ เอ่อ.. อิชิกิคุงสินะ พวกเธอสนิทกับเขาหรอ"

"อื้ม ก็คบกันมานานแล้วอะนะ"

"ปกติเรา3คนก็อยู่ด้วยกันตลอด ก็เลยสนิทกันแบบนี้แหละ"

ทั้งคู่หัวเราะและตอบคำถามของคิริน

ทั้ง3คนนั้นคบกันมาเป็นเวลามากกว่า5ปีแล้ว จึงทำให้ทั้ง3คนสนิทกัน

"สุดยอดเลยนะ แบบนั้น"

"อืม ก็ไม่ได้ผิดหวังเลยนะ เพราะทุกวันๆมีแต่เรื่อง ทำให้วันไหนก็ไม่มีเบื่อเลย"

"ทาเคชิ นั่นเพราะแกกับเซอิจิไม่ใช่รึไง ปกติฉันก็ชอบอยู่เงียบๆอยู่แล้วแต่ก็พวกแกก็เลยโดนเข้าใจผิดไปด้วย"

"โอ่ยๆ ทำเป็นมาแสดงท่าทีคูลๆ แกน่ะตั้งแต่เมื่อก่อนยอมทำทุกอย่างเพื่อไอดอลเลยไม่ใช่รึไง"

"ผิดคาดเลยนะ"

คิรินรู้สึกตกใจกับงานอดิเรกของเคนที่ไม่ตรงกับบุคลิกหน้าตาเอาสะเลย

"เจ้าโง่ ชั้นแค่ใช้จิตใจบริสุทธิ์เชียร์พวกเธอแค่นั้น แล้วก็ไม่เคยไปยุ่งกับใครเลยเฟ้ย"

"พูดมาได้นะ แกน่ะไปต่อแถวรอซื้อสินค้าที่ขายแค่1ท่าน1ชิ้น แล้วลากชั้นกับเซอิจิไปด้วย ให้ไปรอตั้ง3ชั่วโมง"

"เคยมีเวลาว่างกันบ้างมั้ยเนี่ย"

"น่ารำคาญ!!"

คิรินเผลอหัวเราะให้กับปฏิกิริยาของทั้ง2คน

ถ้าไม่สนิทกันคงไม่พูดออกมากันถึงขนาดนี้หรอก

"ดูสิ หัวเราะด้วยล่ะ"

"คนที่หัวเราะมันแกต่างหากเล่า!!"

"ขอโทษนะ แค่ประหลาดใจน่ะ"

คิรินคิดว่าคนพวกนี้จริงๆไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรก็เลยพูดด้วย

"ไม่เป็นไรแล้วล่ะ บ้านฉันอยู่ข้างหน้านี่แหละ แมนชั่นตรงนั้นไง"

"เอาจริงดิ"

"ใหญ่โคตร"

บ้านที่คิรินพูดนั้น เป็นคอนโดสุดหรูขนาดใหญ่ ในที่จอดรถก็เต็มไปด้วยรถที่ดูหรูราคาแพงทั้งนั้น

"ขอบคุณมากนะทั้ง2คน แล้วก็ฝากบอกเขาด้วยว่าขอบคุณนะที่ช่วยไว้"

"เรื่องนั้นยามาเสะซังพูดเองจะดีกว่านะ เจ้านั่นน่าจะดีใจมากกว่า"

"ใช่ๆ อย่างไงซะก็ยังพูดเองพรุ่งนี้ได้อยู่นี่นา"

คิรินเก็บคำพูดของทั้ง2คนเอาไว้

ถ้าเธอปฏิเสธเขาไปจริงจังตั้งแต่ก่อนหน้านี้ คงจะไม่คิดจริงจังขนาดนี้ ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น ก็ยิ้มแล้วตอบกลับไป

"อืมเข้าใจแล้วล่ะ ฉันจะไปขอบคุณตรงๆเอง เพราะอย่างไงเรื่องสารภาพรักกับเรื่องที่ถูกช่วยไว้มันก็คนละเรื่องอยู่แล้ว"

"ถ้างั้น ไปกันเถอะทาเคชิ รายกายเพลงจะเริ่มในอีก1ชั่วโมงแล้วนะ"

"เห้ อะ แล้วเจอกัน ยามาเสะซัง"

ด้วยคำพูดนั้น ทั้ง2คนเดินกลับไปทางเดิม

คิรินมองทั้ง2คนพร้อมกับถอนหายใจ

"เห้อ.. แล้วจะปฏิเสธลงมั้ยเนี่ย แบบนี้"

เหนือกว่าเรื่องที่ได้เซอิจิช่วยไว้ ก็คือได้รู้อะไรเกี่ยวกับเซอิจิที่ไม่รู้มาก่อน

เธอแปลกใจที่อารมณ์ของเธอเริ่มเปลี่ยนไป

แต่ว่า จะไม่ปฏิเสธแบบจริงจังก็ไม่ได้

เพราะว่าเธอมีเหตุผลที่คบกับเซอิจิไม่ได้อยู่

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!