NovelToon NovelToon

SWEET SITUATION หนีรักมาพบคุณ

บทนำ

บทนำ

 

 

          เธอไม่ควรรักเขาตั้งแต่แรก...

หญิงสาวบอกกับตัวเองแบบนั้น  ใบหน้าหมองเศร้ามองไปยังต้นไม้และท้องฟ้าที่อยู่เบื้องหน้าแม้ขอบฟ้าตะวันตกดินจะสวยมากขนาดไหนแต่จิตใจที่เจ็บปวดในตอนนี้ไม่ได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย ความรู้สึกในใจตอนนี้ทรมานจนแทบทำอะไรไม่ถูก  ดวงตากลมมองท้องฟ้าสีส้มที่ดวงอาทิตย์กำลังลับ   ขอบฟ้าไป ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมาย

“แม่หนู...ช่วยยายซื้อหน่อยสิ”

หญิงสาวเหลือบก่อนเดินกลับมามองขนมที่เรียงรายอยู่ในกระจาด

“ขนมชั้นดอกกุหลาบไหมจ๊ะ”

“ไม่ดีกว่าค่ะ หนูเห็นดอกกุหลาบแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี”

หญิงวัยสี่สิบปลายมองพลางยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น

“ขนมใส่ไส้” เธอพูดขึ้นหลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน “แล้วก็ขนมตาลค่ะ”

“หนูทำงานอยู่แถวนี่เหรอ”

“เปล่าค่ะ” เธอตอบด้วยน้ำเสียงแผ่ว “แค่มาเดินเล่นเฉย ๆ ค่ะ”

“สามสิบบาทจ้ะ”

เธอหยิบเงินจ่ายแล้วเอื้อมมือรับถุงขนมมาจากแม่ค้า

“เออ...เดี๋ยวสิหนู เพิ่งมาที่สวนนี้ครั้งแรกใช่ไหม”

“คะ ?”

“ยายมีเรื่องดี ๆ จะบอก...” ยายขายขนมเว้นวรรคเงียบก่อนพูดต่อไปว่า “ได้ยินมาว่า ศาลข้าง ๆ สวนนี้นะศักดิ์สิทธ์มาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องความรัก คู่ครอง”

หญิงสาวยิ้มราวกับว่าไม่เชื่อคำพูดของยายแม่ค้า

“หลานยายก็เคยขอและสมหวังด้วยนะ”

“หนูว่า...”

“มีคนบอกว่าหากอธิฐานอย่างแรงกล้า สิ่งที่ปรารถนาจะเป็นจริง”

“เออ...เอาไว้หนูจะมาลองค่ะ” เมื่อพูดจบก็รีบเดินจากไปในทันที จนกระทั่งเดินห่างออกมามากพอสมควรแล้ว จึงหยุดลงเพราะหัวใจที่สับสนกระวนกระวาย

ในใจเธอกำลังหวังอย่างนั้นเหรอ ? มันไร้สาระเกินไปหน่อยหรือเปล่า

หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ กลั้นน้ำตาที่กำลังไหลลงมาอีกครั้งหนึ่ง

“บ้าชะมัด...” เธอพูดกับตัวเอง ขณะก้าวเท้ายาวเดินออกจากสวนไป ครั้นเงยหน้าจากพื้นมองตรงไปก็หยุดชะงักลง

นี่ศาลเจ้าที่ยายขายขนมพูดถึงใช่หรือไม่ ?

ศาลเจ้าขนาดกลางที่ตั้งอยู่ตรงข้างต้นไม้ใหญ่ มีดอกไม้และพวงมาลัยจำนวนหนึ่งที่คนนำมาวางไหว้บูชา หญิงสาวยกมือขึ้นลูบที่ต้นแขนเมื่อมีลมเย็นพัดผ่านราวกับมีบางสิ่งเข้ามาหาและผ่านไป เธอไม่ได้เดินเข้าไปแต่ยืนมองอยู่นาน เพื่อตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

แต่สุดท้ายก็ขอพรไปจนได้...หญิงสาวถอนหายใจขณะที่เดินห่างออกมาจากศาลเจ้า เธอหยุดเดินลงและหมุนตัวกลับไปมองในระยะไกลก่อนจะค่อย ๆ เดินต่อไป อันที่จริงแล้วก็ไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่กับคำบอกเล่าของยายขายขนม เพราะว่าสิ่งที่เธอขอนั้นยังไงก็ต้องเป็นจริงอยู่แล้ว

บ้าชะมัดเลย...!

เธอสะดุ้งจากภวังค์เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ก้มตัวลงรีบหยิบขึ้นดูปลายสายที่โทร. เข้ามาก่อนกดรับ

[อ่านข้อความแล้วหรือยัง อย่าลืมที่นัดกันนะ]

“อืม...” หญิงสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่ว ขณะที่มองไปยังถนนข้างหน้าที่หางไม่ไกลนัก

[แล้วนี่เป็นอะไรหรือเปล่า เสียงดูเหมือน...]

คำถามสุดท้ายไม่ได้เข้าประสาทหูเลยสักนิด เพราะเสียงโวยวายกรีดร้องทำให้หญิงสาวส่งสายตามองไปข้างหน้ามองเหตุการณ์ที่กำลังชุลมุนจากการทะเละวิวาทกันของกลุ่มวัยรุ่นที่อยู่ไม่ไกลนัก เธอไม่ได้สนใจแต่ก็ยืนอึ้งอยู่นาน จนกระทั่งเห็นใบมีดลอยเข้ามาใกล้ ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อกำลังลอยผ่านอากาศมายังใบหน้า

หญิงสาวรีบตั้งสติและเบี่ยงตัวหลบได้อย่างเฉียดตายพอดี ไม่นานก็มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ทุกคนต่างก้มตัวหลบหรือวิ่งหนีออกห่าง ในกลุ่มของเด็กวัยรุ่นอีกฝ่ายที่ไม่มีปืนก็วิ่งหลบแต่ไม่วายที่จะหยิบของอยู่ใกล้ปาใส่อีกฝ่าย จนคนที่ถือปืนอยู่นั้นก็หันมาและยกมือขึ้นเล็ง

เธอมองเหตุการณ์แบบงุนงง ขาและร่างกายนั้นไม่ตอบสนองราวกับว่ากำลังช็อกและตกใจอยู่ จนกระทั่งเสียงปืนอีกนัดดังขึ้นเรียกสติกลับคืนมา หญิงสาวมองเด็กหนุ่มล้มลงกับพื้นด้วยความตกใจ ก่อนที่จะได้ยินเสียงปืนอีกหลายนัดยิงมาชาวบ้านที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็ต่างกันวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว หญิงสาวรีบวิ่งหนีเพื่อไปให้ไกลจากที่นี่มากที่สุดทว่า...อยู่ ๆ เธอก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ด้านหลังช่วงบริเวณอกก่อนจะค่อย ๆ ล้มลงที่พื้น แต่โชคก็ไม่ได้ดีมากนักเมื่อศีรษะของเธอล้มลงกระแทกกับของแข็งที่วางอยู่ตรงพื้นอย่างแรงด้วยเช่นกัน

เลือดสีแดงสดไหลไปทั่ว ตอนนี้ไม่มีแม้แต่เรียวแรงที่จะเอ่ยปากร้องของความช่วยเหลือ ดวงตาพร่ามัวมองไปยังรั้วของสวนสาธารณะ เห็นเป็นเงาราง ๆ ของคนที่มองมา ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนักก่อนที่ดวงตาจะค่อยปิดสนิทลง

เธอกำลังจะตาย...

‘ความปรารถนาที่ขอมา ข้าจะรับมันไว้...’

เสียงเข้มแหบพร่าดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง ในตอนนี้เธอไม่มีแรงมากพอที่จะหันมองใบหน้าเจ้าของเสียง

ความปรารถนาของเธอ ?

หญิงสาวได้เพียงนอนนิ่งอยู่โดยที่ไม่ขยับไปไหน เบื้องหน้าคือความมืดมิดไร้แสงสว่าง ทว่าจู่ ๆ แสงสีขาวนั้นก็ปรากฏขึ้นสว่างจนแสบตา

เกิดอะไรขึ้นกัน?

‘มีคนมากมายที่อยากจะสมหวังกับความปรารถนาของตัวเอง แม้จะต้องแลกด้วยสิ่งที่รักมากที่สุด แต่กับเจ้าขอเพียงให้เขามีความสุข...’

ความหมายโดยนัยที่ฟังทำให้หญิงสาวพอจะเดาออกว่ามันคืออะไร...คำอธิฐานของเธอ

“ฉันไม่ควรรักเขาแต่แรกแล้วจริง ๆ ...” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ขอบตามีหยดน้ำใสปริ่มอยู่ เธอปล่อยให้มันไหล่ลงพร้อมกับหัวใจที่เจ็บปวด เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอเองก็ไม่อยากจะอยู่ถ้าหากต้องรับรู้และทนเห็นหน้าเขาทุกวันหลังจากนี้

เสียงหัวเราะของชายปริศนาดังขึ้นหลายครั้งอย่างพึงใจ มีน้อยที่จะขอเรื่องแบบนี้ หากเป็นความรักมักจะขอให้กลับมารักกันเหมือนเดิม ขอให้แฟนหนุ่มทิ้งคนรักที่คบอยู่เสีย...หญิงสาวตรงหน้าช่างน่าสนใจเสียจริง

‘ดี!’

ดวงตากลมพยายามมองร่างและใบหน้าของเจ้าของเสียงนั้น แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อมีแสงสีขาวบดบังเอาไว้อยู่

‘จนกว่าจะถึงแรมสิบห้าค่ำเดือนเก้าหวนกลับมาอีกครั้ง มีเวลาที่จะเริ่มต้นรักที่ผิดพลาด หากทุกอย่างเปลี่ยนแปลง เจ้าจะมีชีวิตอยู่เฉกมนุษย์ทั่วไปด้วยวิญญาณและร่างกายนี้ แต่หากทุกอย่างเป็นดังเดิม...จะต้องตายและหายไปจากความทรงจำทุกคนตลอดกาล’

หญิงสาวไม่อาจเข้าใจความหมายที่ฟังได้ รวมทั้งร่างกายนั้นก็เจ็บปวดทรมานมากกว่าที่จะใช้สมองตรองได้ เธอเพียงแค่หลับตาลงและไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไป…

‘แย่ล่ะ ดันลบความทรงจำเดิมออก’ เสียงปริศนาดังขึ้นด้วยความตกใจแต่ก็คงไม่ทันเสียแล้วเมื่อส่งวิญญาณของหญิงสาวย้อนกลับมาไปซะแล้ว ‘ถ้างั้นก็เริ่มใหม่ไปแล้วกัน...’

 

 

 

 

ติดตามผลงานที่เพจได้นะคะ

Page Facebook : mamaya writer นะคะ

บทที่ 1

บทที่ 1 ความรัก (ไม่) กลับคืน

 

 

 

 

 

 

แสงตะวันส่องลอดผ่านผ้าม่านในยามเช้าวันหยุด เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นจนน่ารำคาญ หญิงสาวใต้ผ้าห่มขยับตัวเอื้อมมือปิดเสียงก่อนจะซุกตัวลงนอนต่อ ไม่นานนักเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นติดต่อกันหลายครั้ง จำต้องลุกขึ้นจากที่นอนเดินงัวเงียมาเปิดประตู

“เมื่อไหร่จะตื่นยะ นอนจนตะวันส่องก้นแล้ว” เสียงแหลมแสบแก้วหูของถลัชนันท์เอ่ยขึ้นมองน้องสาวท้องเดียวกันที่กำลังยกมือขยี้เส้นผมด้วย สีหน้าหงุดหงิด

“วันนี้วันหยุดนะ ให้จอมได้นอนซ้อมตายไม่ได้เหรอ?” ลฎาภาตอบกลับด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ตาทั้งสองข้างยังลืมขึ้นไม่เต็มตื่น

“ใช่! วันหยุด แต่แกไม่คิดจะตื่นมาออกกำลังกาย ไปเดินเล่นนอกจากนอนอืดอยู่ในห้องหรือไงห๊ะ! ”

คนฟังถอนหายใจออกมาก่อนจะเอื้อมมือปิดประตูแต่คนเป็นพี่รั้งเอาไว้และมองด้วยสายตาที่ขุ่นเคือง

“การนอนเป็นปัจจัยที่สำคัญพี่รู้ไหม? ทำให้ไม่แก่เร็วน่ะ”

ถลัชนันท์ถลึงตาใส่ทันที เพราะคำว่า ‘แก่’ นั้นกระทบเต็มๆ

“รีบอาบน้ำแล้วลงมาซะ” คนเป็นพี่กัดฟันพูดส่งสายตามองน้องสาวก่อนจะหมุนตัวเดินจากไปทันที ขณะที่ลฎาภานั้นมองและยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วปิดประตูห้องลง เธอเดินกลับเข้ามาในห้องพลางถอนหายใจออกมา ส่งสายตามองไปยังโต๊ะข้างหัวเตียงที่มีนาฬิกาตั้งอยู่

ยังไม่เที่ยงสักหน่อย...

เธอเดินเข้าห้องน้ำจัดการแปลงฟันและล้างหน้า ก่อนใช้มือสางผมที่พันกันให้เรียบร้อยและทาแป้งที่แก้มทั้งสองข้าง และกลับมานั่งที่โต๊ะทำงานเช่นเดิม ครั้นกำลังจะเปิดโน้ตบุ๊กเสียงตะโกนจากชั้นล่างก็ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ต้องลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไปในทันที

“ทำไมยังไม่อาบน้ำอีก” เสียงแหลม ๆ ของถลัชนันท์เอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจเท่าไหร่นักเมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ยอมอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งที่บอกไว้แล้วว่าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้จะต้องออกไปห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของใช้

“ก็ไม่ได้ออกไปไหนนี่ จะอาบทำไมล่ะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับนั่งลงฝั่งตรงข้าม สายตามองอาหารเช้าตรงหน้า ตอนแรกตั้งใจว่าวันนี้จะไม่ลงมารับประทานอาหารช่วงเช้าเผื่อน้ำหนักที่กำลังขึ้นในช่วงนี้จะได้ลดลงบ้าง ทว่าเมื่อเห็นเมนูโปรดตรงหน้าแล้ว...ขอเปลี่ยนความคิดดีกว่า

“ไม่ต้องกิน ถ้ายังไม่อาบน้ำ” คนเป็นพี่พูดขณะที่ยกชามโจ๊กตรงหน้าของน้องสาวออกมา

ลฎาภามองด้วยความเสียดายสุด ๆ แต่ก็ไม่ยอมลุกขึ้นทำตามโดยดี

“ไม่เอา” เธอทำหน้ามุ้ย วางช้อนลงที่โต๊ะแล้วลุกขึ้น

“ไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงเข้มแกมสั่งของพี่สาวทำให้หญิงสาวมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจ “ก็ได้ ถ้าไม่ไปเดือนนี้ ก็ไม่ต้องกินข้าวที่บ้าน ของใช้ ผ้าอนามัย สบู่ล้างหน้า ครีม...”

“ไป ๆ ไปอาบแล้ว !” ได้ผลทันตา ลฎาภารีบวิ่งขึ้นบันไดไปแต่ไม่วายเธอโน้มตัวลงมาและตะโกนเสียงดังว่า “พี่จ่ายนะ” ก่อนจะหายลับไปทันที

ถลัชนันท์มองและส่ายหน้าออกมาไม่ต้องพูดก็รู้อยู่แล้วว่าต้องจ่ายให้ คนอย่างลฎาภางกสุด ๆ ไม่ยอมให้เงินใน บัญชีลดลงแน่นอน ก็ยังดีที่ช่วยงานบ้านและยอมไปช่วยถือของบ้าง

...ให้ตายสิ น้องบ้า !

 

 

“วันนี้กินหม้อไฟกันนะ” ลฎาภาหันไปพูดขณะที่จอดรถเข้าซองแล้ว

คนเป็นพี่สาวหันมองเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้เจ้าน้องสาวขี้งก “เออ ๆ ไปช่วยซื้อของก่อนแล้วกัน” พูดตัดด้วยความรำคาญเสียมากกว่า เพราะตั้งแต่ลฎาภาย้ายเข้ามาทำงานในเมืองหลวงด้วยแล้ว มารดาและพี่ชายก็ฝากให้เธอเป็นคนดูและน้องสาวคนนี้ ด้วยเพราะไม่เคยเข้าเมืองมาก่อน แต่ใครให้งกขนาดนี้กันละ ถ้าไม่ติดว่าเงินเดือนของเธอมากพอที่จะดูแลน้องด้วย คงไม่ยอมแน่ ๆ

“เย้! ” หญิงสาวร้องขึ้นทันที เพราะว่าเงินในเดือนนี้ใช้ไปกับเรื่อง ไร้สาระจนเกือบจะหมดแล้ว “มีสายเปย์แบบนี้ นี่ดีจริง ๆ”

ลฎาภาเอี้ยวตัวหยิบกระเป๋าที่เบาะหลังลงขณะที่ถลัชนันท์นั้นเปิดประตูลงมารอข้างนอก หญิงสาวปิดประตูและเดินอ้อมเข้ามาหาพี่สาวเกาะแขนอ้อนราวกับบอกว่า ‘หม้อไฟอย่าลืมนะ’

ถลัชนันท์ได้แค่ถอนหายใจมองหน้าน้องสาวคนเล็กจอมเอาแต่ใจขณะที่เดินผ่านประตูเข้าไปในห้างสรรพสินค้า ครั้นเดินเข้ามาแล้ว เสียงผู้คนก็ดังไม่ขาดสาย ทั้งเสียงตะโกนเรียกของพนักงานหน้าร้าน หรือแม้กระทั่งเสียงพูดคุยของคู่รัก...แต่ไม่ได้อยู่ในความสนใจของลฎาภาเลยสักนิด ตรงกันข้ามกับคนเป็นพี่ที่ทำสีหน้าหงุดหงิดออกมา

“ไปซื้อของเสร็จแล้วเอาของไปเก็บแล้วมากินหม้อไฟ แล้วต่อด้วยขนมหวานหน่อยดีไหม”

“ไม่” ถลัชนันท์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเล็กน้อย ทำให้คนฟังเดาได้ไม่ยากจากอารมณ์ที่แปรปรวนนี้ แน่นอนว่าไม่พ้นเรื่องการมองคู่รักเดินจับมือกันหวานชื่น แต่พี่สาวอายุเลยเลยสามมาแล้วหลายปีก็ยังไม่มีหวังเรื่องแต่งงานสักที แฟนที่คบกันอยู่ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องนี้สักนิด

“ถึงจะไม่ตะโกนออกมาว่า ‘อยากแต่งงาน’ แต่หน้าชัดเจนมาก ๆ”

ถลัชนันท์หันขวับมองด้วยสายตาขุ่นเคือง

“วันนี้ซื้อของเสร็จแล้วกลับ! ”

ลฎาภายืนงงอยู่ครู่หนึ่งก่อนรีบสาวเท้าตามพี่สาวไปในทันที

ก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง ทำเป็นงอนไปได้ ชิ!

 

 

เกือบสามชั่วโมงได้กว่าจะซื้อของใช้จำเป็นเสร็จทั้งหมด ไม่คิดว่าจะเต็มไม้เต็มมือขนาดนี้ ลฎาภามองของในมือและรีบเดินนำเข้ามาในร้านขนมหวาน วางของลงก่อนจะกวักมือเรียกพี่สาวให้เดินเข้ามาด้วย

“ไม่เลี้ยงนะ”

“ใจร้าย” ลฎาภามองด้วยสีหน้าผิดหวัง ก่อนหันไปสั่งเมนูโปรดกับพนักงานโดยไม่ต้องเปิดรายการขึ้นดู

ถึงแม้ว่าจะเข้าใจพี่สาวก็เถอะ แต่การทำหน้าบูดงอนนี่ ไม่รู้ได้อะไรขึ้นมา งอนไปใช่ว่าแฟนจะเดินมาขอแต่งงานสักหน่อย

“ใครจะเป็นแบบแกล่ะ อายุยังไม่ขึ้นเลขสาม แกไม่เข้าใจหัวอกผู้หญิงที่ต้องการมีครอบครัวหรอก”

ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือสงสารพี่สาวดี เพราะนิสัยงอนเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทำให้ไม่ค่อยชอบ ไม่รู้สึกแปลกเลยสักนิดที่ทำไมยังไม่แต่งงานกันสักที

“พี่จะไปใส่ใจทำไม ไม่ได้แต่งงานก็อยู่โสดไปซะสิ จอมยังตั้งใจเลยว่าจะอยู่เป็นโสดไปตลอด” ลฎาภาพูดด้วยสีหน้าที่มีความสุขต่างจากถลัชนันท์ที่ทำหน้าอย่างไม่เห็น

“ใครจะไปคิดแบบแกกันล่ะ! ”

ก็อาจจะจริงที่ไม่เข้าใจ เพราะเธอไม่เคยสนใจเรื่องมีคนรักเลยสักนิด มากไปกว่านั้นคือการมีอิสระอย่างเต็มที่แบบไม่ผูกมัด ลฎาภายิ้มเจื่อนๆ ก่อนก้มหน้าลงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่นรอ

“แกรู้ไหมว่าผู้หญิงพอถึงเวลาก็อยากจะมีครอบครัว...”

เฮ้อ...หญิงสาวถอนหายใจพลางส่ายหน้าเหลือบมองพี่สาวที่เอาแต่พูดตัดพ้อต่างๆ นานา

“เดี๋ยวนี้ผู้หญิงอยู่ได้โดยไม่ต้องง้อผู้ชายกันแล้ว มีเงินซะอย่าง”

“ใครจะคิดแบบแกกันล่ะ”

ลฎาภามองและยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ขณะที่พนักงานเดินเข้ามาเสิร์ฟขนมหวานที่สั่งไป หญิงสาวจดจ้องอยู่กับของหวานตรงหน้า แต่ก็ช้าไปเพราะถลัชนันท์หยิบช้อนและตักเข้าปากไปก่อน

“ไหนว่าไม่กินไง” เธอเงยหน้าขึ้นมอง

“บอกว่าไม่จ่าย แต่ไม่ได้บอกว่าไม่กินนี่”

“ชิ !” หญิงสาวเบ้ปากใส่ด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะหยิบช้อนตักน้ำแข็งราดด้วยสตรอว์เบอร์รี่เข้าปาก

เวลาผ่านไปนานพอสมควรจนกระทั่งชามตรงหน้าว่างเปล่า ลฎาภาหันมองไปตามสายตาที่พี่สาวมองด้านนอกร้าน

“พี่มองอะไร?”

“เปล่า” ถลัชนันท์พูดขึ้นไม่เต็มเสียหลังจากที่นั่งเงียบมานาน “แค่มองผู้ชายหล่อ ๆ เป็นอาหารสายตา”

“ไหน?” เธอยังคงส่งสายตามองตามด้วยความอยากรู้

“ผู้ชายสูง ๆ เสื้อสีดำนั่นไง” คนเป็นพี่ชี้บอกไปมั่ว ๆ เพราะสายตาไม่ได้จ้องตามที่บอก ดวงตากลมกลอกไปมาด้วยความสับสน และคิดว่าเมื่อครู่คงจะตาฝาดไปเองแน่ ๆ ที่เห็นแฟนหนุ่มเดินจับมือกับผู้หญิงคนอื่น

ลฎาภาเพ่งสายตามองไปยังเป้าหมายที่พี่สาวบอกอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มยิ้มออกมาเจื่อนๆ แล้วหันกลับมาแล้วมองพี่สาวก่อนพูดขึ้น “พี่มีแฟนแล้วนะ”

เธอมองพี่สาวที่จ้องผู้ชายอยู่นานมากจนกระทั่งเดินลับสายตาหายไป จึงขยับตัวลุกขึ้นสะกิดเรียกให้ลุกและหยิบของเดินออกจากร้านไป

 

 

หนีรักมาพบคุณฉบับอีบุ๊กพร้อมโหลดแล้วนะคะ !

MEB >> https://bit.ly/2Nm12F1

OokBee >> https://bit.ly/2T8gAkW

Hytexts >> https://bit.ly/2BMpSJE

Fictionlog >> https://bit.ly/2XfHXIV

Naiin >> https://bit.ly/2txL8OD

 

 

 

 

ติดตามผลงานที่เพจได้นะคะ

Page Facebook : Mamaya Writer

 

 

บทที่ 2

หลังจากที่เดินซื้อของรวมถึงแวะรับประทานอาหารมื้อเย็นเสร็จ กว่าจะกลับถึงบ้านก็เกือบสองทุ่ม หญิงสาวทั้งสองช่วยกันขนของจากท้ายรถเดินเข้ามาวางไว้บนโต๊ะในห้องครัว

“เดือนหน้าที่บริษัทมีวันหยุดยาวจะกลับบ้านไหม?” ถลัชนันท์เอ่ยถามขึ้นขณะที่วางของ

“จริง ๆ วันหยุดยาวมีตั้งแต่วันนี้และยาวไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะหางานใหม่ได้” หญิงสาวตอบกลับพลางหยิบของที่ซื้อมาจัดใส่เข้าตู้เย็น

“อย่าบอกนะว่าเข้ากับเพื่อนร่วมงานไม่ได้?”

“ใช่ที่ไหนล่ะ เพื่อนที่นี่ดีทุกคนแหละ แต่เดินทางไกล งานก็หนักเงินก็น้อย” หญิงสาวพูดพลางถอนหายใจออกมาเสียงดัง หันหน้ามามองพี่แล้วพูดต่อไปว่า “ก็มันกลับดึกนี่ ก็รู้ว่าขนาดวันหยุดบางทียังต้องเข้าไปเก็บผลการทดลองที่ทำค้างไว้เลย มันเหนื่อยและจอมก็อยากทำงานที่ขึ้นตำแหน่งสูงมากกว่านี้ได้ด้วย”

“แล้วบอกแม่หรือยัง?”

ลฎาภาส่ายหน้าทันที “มีหวังให้กลับมาช่วยทำงานที่บ้านแน่ ๆ”

คนเป็นพี่ยิ้มหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินคำตอบ แน่นอนว่ารู้นิสัยของน้องสาวดีที่ไม่ชอบกลับไปทำงานรีสอร์ทที่บ้านเกิด เพราะต้องรับมือกับแขกเดาไม่ได้ และรวมถึงเธอด้วย

“แต่แกจะมานั่ง ๆ นอน ๆ แบบนี้โดยไม่หางานทำไม่ได้นะ”

ลฎาภามองแล้วยิ้มออกมาด้วยสายตาอ้อนออด “เอาน่า จอมสัญญาว่าจะรีบหางานใหม่ให้ได้เร็ว ๆ”

เฮ้อ...เสียงถอนหายใจของถลัชนันท์ดังขึ้นอีกครั้ง พลางเหล่มองน้องสาวที่กะพริบตาให้

“เออ รีบ ๆ ด้วยละกัน เงินเก็บฉันจะหมดเพราะแกนี่แหละ”

“น่ารักที่สุดเลย !” เธอพูดเสียงหวานเดินเข้ามากอดถลัชนันท์แน่น ก่อนจะคลายวงแขนออกและยิ้มหวานให้ ขณะที่คนเป็นพี่มองแล้วส่ายหน้าออกมาก่อนเดินออกจากห้องครัวไป เหลือเพียงลฎาภาที่ยืนยิ้มออกมาอย่างมีความสุขและโล่งอก

อย่างน้อยก็ไม่ถูกไล่ให้กลับบ้านไปสักพักหนึ่งล่ะนะ...

 

 

อยากจะบ้าตายสุด ๆ ไปเลย

ลฎาภาสบถในใจพลางเอนตัวลงพิงที่พนักเก้าอี้ หลังจากที่รออีเมลตอบกลับจากบริษัทหลายแห่งมาหลายวันแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีการตอบกลับอีกเช่นเดิม เธอยกมือขยี้เส้นผมสีน้ำตาลสั้นประบ่ามือข้างหนึ่งก็เอื้อมหยิบขนมที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมากิน เพราะยังรออีเมล แต่จะปล่อยให้ว่างงานไปหลายเดือน

ก็ไม่ได้ มีหวังต้องโดนบ่นแน่

หญิงสาวถอนหายใจ พลางเปิดเข้าดูโพสต์ที่อัพเดทผ่านทางเพจรวมทั้งข้อความที่บ่นเพ้อของเพื่อนสมัยเรียน ก่อนขยับตัวลุกขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างตัดใจ ดูท่าแล้วคงไม่มีจดหมายตอบรับจากบริษัทที่ส่งใบสมัครงานไปแน่ ๆ

ลฎาภาเดินออกจากห้องนอนมายังห้องครัวเพื่อหาอาหารว่างรับประทาน ทว่าเสียงถอนหายใจดังนับสิบรอบ ขณะเดินกลับขึ้นมานั่งหน้าจอคอมเช่นเดิม ทันใดนั้นก็มีเสียงอีเมลตอบกลับมา เธอจึงไม่รอช้าที่จะเปิดอ่านทันที ครั้นได้อ่านใบหน้าสวยที่บูดบึ้งอยู่นั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา

“ได้แล้ว ๆ” หญิงสาวร้องออกมาด้วยความดีใจ ขณะที่ลุกขึ้นเต้นราวกับว่าถูกรางวัลก้อนใหญ่ แม้จะยังไม่รู้ผลตอบรับการเข้าทำงาน แต่บริษัทเรียกสัมภาษณ์งานนั้นถือเป็นเรื่องน่ายินดี อีกอย่างบริษัทใหญ่มีการตลาดดีทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งสวัสดิการพนักงานก็ดีด้วย

สวรรค์ช่วยลูกแล้ว !

ลฎาภาดีใจอยู่นานก่อนจะรีบวิ่งไปที่ตู้เสื้อผ้าในทันที มองเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปวันสัมภาษณ์ในวันอังคารหน้า จนกระทั่งผ่านไปแล้วสิบนาที เสื้อผ้าทั้งตู้ถูกขนออกมาจนเกือบหมดแล้วก็ยังหาตัวที่เหมาะสมกับการใส่ยังไม่ได้ หญิงสาวถอนหายใจก่อนจะจัดเก็บเสื้อผ้าเข้าตู้ดังเดิม

“ไปซื้อใหม่ก็ได้ เผื่อจะได้งานที่นี่” ลฎาภาพูดแล้วหยิบออกมาเสื้อผ้าเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว

หลังจากอาบน้ำเสร็จออกมาเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบขึ้นมามองสายที่โทร. เข้าก่อนกดรับ

“ว่าไงคะ คุณพี่”

[วันนี้กลับดึกนะ กะว่าจะไปกินดินเนอร์กับพี่อาร์ตสักหน่อย]

“พอดีเลย จอมจะออกไปซื้อของอยู่”

[งั้นแค่นี้นะ ปิดประตูบ้านให้ดีล่ะ]

“รับทราบค่า”

ลฎาภาวางสายเดินมาแต่งหน้าแล้วหยิบกระเป๋าออกจากห้องไปทันที

 

 

หมายเลขที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ....

ถลัชนันท์ยืนรออยู่หน้าประตูห้องคอนโดฯ ของเขามาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว พอโทร. หาแฟนหนุ่มก็ปิดเครื่องไม่รับสาย จนสุดท้ายตัดสินใจที่จะใช้กุญแจสำรองที่ได้ให้เปิดเข้าไปรอข้างใน

เกือบสองอาทิตย์ที่ไม่ได้พบหน้ากับชายหนุ่มเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายงานเยอะ โทร. หรือส่งข้อความไปก็มักจะบอกว่า ติดประชุมบ้าง เจ้านายเร่งงานบ้าง หรือต้องออกไปพบปะลูกค้า จึงทำให้ไม่กล้าโทร. มากวนมากเท่าไหร่ แต่มันก็นานมากจนทำให้เธอรู้สึกว่าเริ่มห่างกันออกไป

หญิงสาวถอนหายใจออกมาเดินดูไปรอบ ๆ ห้อง ก่อนจะเดินไปยังห้องครัวเพื่อหาน้ำดื่ม ไม่นานนักเธอก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจึงรีบเดินไปทว่าก็ได้ยินเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งแทรกเข้ามาทำให้หยุดชะงักลงและหาที่ซ่อนทันที

“มาอยู่กับฉันแบบนี้ แฟนคุณจะไม่ว่าเหรอคะ?” เสียงหวานน่ารักออดอ้อนดังขึ้นจากหน้าประตู ถลัชนันท์รีบซ่อนตัวอยู่ในห้องครัว ยกมือปิดปากเงียบเอี้ยวหูฟังบทสนทนาของทั้งสองคน จนกระทั่งแสงสะท้อนผ่านเห็นเป็นเงาจึงรู้ว่าทั้งสองคนนั้นอยู่ฝั่งตรงโต๊ะที่เธอหลบอยู่ หญิงสาวมองเงาเห็นเป็นรูปร่าง มือทั้งสองก็กดปิดปากแน่นกลั่นเสียงเอาไว้ หยดน้ำตาไหลลงมาไม่รู้ตัว ร่างกายสั่นเทาจนไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น

พอมองจากเงาจึงรู้ว่าแฟนหนุ่มของเธอกำลังกอดและจูบฝ่ายหญิงอยู่

เธอทำอะไรผิด ทำไมถึงต้องนอกใจเธอ?

“นี่ อย่าสิ...เดี๋ยวแฟนคุณมาจะไม่ดีนะ” หล่อนพูดเสียงหวานเป็นเชิงห้ามแต่ก็เป็นการเชิญชวนอีกฝ่ายให้เข้าหา

“ไม่มาหรอก เราคบกันมาปีหนึ่งแล้วนะ ยังไม่ถูกจับได้เลย”

“งั้นก็เลิกกับมันซะสิ” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“เรื่องนั้นค่อยว่ากัน ตอนนี้เรามาสนุกกันดีกว่านะ”

ถลัชนันท์ได้แค่ฟังเสียงครางของทั้งสองคน ขณะกลั้นเสียงตัวเองเอาไว้มองเงาที่ผ่านลงมายังผนังกำแพงด้วยความเจ็บปวดใจ ก่อนเงานั้นจะหายไป และตามด้วยเสียงปิดประตูห้อง เธอจึงรู้ว่าทั้งสองคนได้เข้าไปในห้องนอนแล้ว ร่างกายทรุดลงเรี่ยวแรงแทบไม่มีเมื่อได้รู้ความจริง เขาคบกับเธอมามาห้าปีกว่าแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะทำแบบนี้ ทั้งที่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะแต่งงานและสร้างครอบครัวด้วยแล้ว

ถลัชนันท์หัวเราะสมเพชกับตัวเอง พลางยกมือขึ้นปาดน้ำตา ไม่ใช่ว่าไม่เคยอกหักหรือถูกนอกใจ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเจียนตาย

หญิงสาวเดินออกมาหันมองไปยังประตูห้องนอนที่มีเสียงดังครางของทั้งสองคนเป็นระยะ ก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยจิตใจล่องลอย

จะมีสักคนที่เชื่อใจได้จริง ๆ ไหม?

สักคนที่ไม่นอกใจ

ถลัชนันท์ไม่รู้ตัวเลยสักนิดด้วยซ้ำว่าได้เดินออกมานอกประตูคอนโดฯ ของชายหนุ่มมาแล้ว พอได้ยินเสียงแตรรถบีบเรียกให้ได้สติขึ้นมาก็หันมองแสงไฟที่ส่องจ้า แล้วรู้ว่าตัวเองนั้นได้ยืนอยู่ท่ามกลางถนน จึงรีบสาวเท้าวิ่งข้ามฝั่งอย่างรวดเร็ว ครั้นก่อนเดินต่อไปก็หันมองคอนโดฯ อีกครั้ง และรีบหมุนตัวสาวเท้าเดินไปเพื่อขับรถออกไปทันที...

 

 

หนีรักมาพบคุณฉบับอีบุ๊กพร้อมโหลดแล้วนะคะ !

 

 

MEB >> https://bit.ly/2Nm12F1

OokBee >> https://bit.ly/2T8gAkW

Hytexts >> https://bit.ly/2BMpSJE

Fictionlog >> https://bit.ly/2XfHXIV

Naiin >> https://bit.ly/2txL8OD

 

 

ติดตามผลงานที่เพจได้นะคะ Page Facebook : Mamaya Writer

 

 

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!