NovelToon NovelToon

เด็กผู้หญิงแห่งกาลเวลา

บทนำ

ในประเทศอังกฤษมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้นมา เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา แต่ในตอนที่เธออายุ 7 ขวบเธอได้เจอกับนางฟ้าและได้ขอพรจากนางฟ้า นางฟ้าให้พรหยุดเวลากับเธอ เธอจะหยุดเวลาและคลายเวลาตอนไหนก็ได้ แต่นางฟ้าให้พรเธอใช้ได้แค่ 7 ครั้งตามอายุของเธอ ถ้าหยุดเวลาครั้งหนึ่งจะนับเป็น 1 ครั้ง และถ้าคลายเวลาครั้งหนึ่งจะนับเป็น 1 ครั้ง สรุปว่าเด็กผู้หญิงมีโอกาสหยุดและคลายเวลาได้เพียง 3 ครั้งเท่านั้น นางฟ้าเตือนเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนไปว่า ห้ามใช้ครั้งที่ 7 เป็นอันขาด ไม่อย่างนั้นเธอจะติดอยู่ในโลกที่นิ่งสงบ และโลกจะกลายเป็นโลกที่นิ่งสงบตลอดกาล เด็กผู้หญิงฟังแล้วรู้สึกกลัว เธอจึงให้สัญญา

.......

เวลาผ่านไป 3 ปี ตอนนี้เด็กผู้หญิงอายุ 10 ขวบแล้ว และเธอก็ได้ใช้พรหยุดเวลาไปแล้ว 6 ครั้ง ครั้งแรกเริ่มต้นหลังจากเธอได้พรจากนางฟ้า เธอลองหยุดเวลาดูเพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้ฝันไป ด้วยความที่เธอเป็นเด็ก เริ่มแรกเธอรู้สึกกลัว แต่เธอก็พบว่ามันสนุกจริงๆ เธอเป็นอิสระจากทุกสิ่ง ความกลัวจึงหายไปหมดสิ้น

.......

และแล้วในวันหนึ่ง เด็กผู้หญิงก็เผลอหยุดเวลาครั้งที่ 7 ทุกอย่างหยุดนิ่งลง ไม่มีสิ่งใดเลยที่เคลื่อนไหวนอกจากตัวเธอ เธอลองคลายเวลาดู มันไม่ได้ผล แต่เด็กผู้หญิงไม่ได้ตกใจ เธอมองโลกทั้งใบที่หยุดนิ่ง รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นของเธอแล้ว และเธอก็เป็นอิสระ เธอเดินลงไปบนถนนที่ก่อนหน้านี้มีมีคนเดินพลุกพล่านอยู่เต็มไปหมด แต่ตอนนี้ทุกคนต่างหยุดนิ่ง เธอคิดว่าถึงเธอจะนอนกลิ้งบนถนนก็ไม่มีใครว่าเธอได้อีกแล้ว แต่เธอคิดว่าไม่ทำดีกว่า บนถนนดูท่าจะสกปรก

.......

เวลาผ่านไป ผ่านไป และผ่านไป เด็กผู้หญิงเริ่มรู้สึกเบื่อ นานมากแล้วที่เธออยู่ในโลกแห่งนี้ น่าแปลกที่ตัวเธอไม่ได้โตขึ้นเลย ทั้งๆที่เธอก็กิน เที่ยวเล่น และเคลื่อนไหวอยู่ในโลกแห่งนี้ แต่ถึงเธอจะไม่กินอะไรเธอก็ไม่เคยหิว แม้เวลาจะผ่านไปนานแสนนานแล้วก็ตาม บางทีนี่อาจจะเป็นผลกระทบจากการที่โลกหยุดนิ่ง

.......

เด็กผู้หญิงมีเวลาเหลือเฟือ เธอท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ทั้งในเมือง ในป่า บนภูเขา เธอสามารถมองดูงูป่าใกล้ๆได้โดยไม่ต้องกลัวว่ามันจะกัดเธอเลย ก็มันได้แต่นอนนิ่งอยู่อย่างนี้มาเนิ่นนานแล้วนี่ เธอขึ้นไปตามภูเขาต่างๆ มองดูโลก มองดูสิ่งก่อสร้างต่างๆ เธอค่อยๆเดินทางข้ามโลกไปเรื่อยๆในโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่ง ผู้คนทำท่าทางต่างๆราวกับหุ่นขี้ผึ้ง เธอเดินทางด้วยเรือผ่านทะเลได้สบายๆเพราะคลื่นลมไม่ไหวติง เพียงแค่เธอพายไปเรื่อยๆก็ถึงฝั่ง เพราะในโลกที่หยุดนิ่งนี้ เธอสามารถหยิบจับหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของได้อย่างไม่มีปัญหา โลกเพียงแค่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ด้วยตัวเองเท่านั้น

.......

เวลาผ่านไป ผ่านไป ผ่านไป เด็กผู้หญิงไม่รู้แล้วว่านานแค่ไหน เธออาจจะเป็นเด็กผู้หญิงมาเป็นร้อยๆปีแล้วก็ได้ โลกนี้แสนสงบ ไม่มีเสียงใดๆเลย ยกเว้นเสียงที่เธอทำเอง เธอมีเวลามากมาย บางครั้งเธอก็หยุดเดินทางและเรียนรู้ประวัติศาสตร์ในที่ต่างๆที่เธอสนใจ บางทีตอนนี้เธออาจจะเป็นผู้รู้มากที่สุดในโลกนี้แล้วก็ได้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในโลกที่ตายไปแล้วนี่ เด็กผู้หญิงรู้สึกเบื่อ เธออยากให้โลกกลับเป็นอย่างเดิม แต่บางทีนางฟ้าที่ให้พรเธอคงจะโดนหยุดเวลาไปด้วย เพราะถึงเธอจะร้องเรียกหรือตามหาที่ไหนก็ไม่มีแม้แต่ร่องรอยเลย

.......

เวลาผ่านไป ผ่านไป และผ่านไป หลังจากเด็กผู้หญิงหมดเรื่องราวสนใจในโลกนี้แล้ว เธอก็ไม่รู้จะทำอะไรอีกต่อไป เธอคิดถึงชีวิตนิรันดร์ของตัวเอง เธอต้องอยู่อย่างนี้ตลอดไปเหรอ เธออยู่อย่างนี้มานานมากแล้วนะ ร่างกายและจิตใจของตัวเธอเองก็ไม่เติบโตขึ้นเลยเพราะผลกระทบจากการหยุดเวลา จากเรื่องราวมากมายที่เธอได้อ่าน นี่คือสิ่งที่คนมากมายใฝ่ฝัน แต่เธอไม่ต้องการ เพราะในโลกใบนี้มีเพียงเธอคนเดียว เด็กหญิงจึงหาทางคิดว่าเธอจะได้ยังไงดี เธอนึกขึ้นได้ว่า เคยอ่านเจอหนังสือที่บอกว่ามังกรมีพลังในการควบคุมเวลา งั้นเธอออกตามหามังกรดีกว่า มันน่าสนุกดี เผลอๆมังกรอาจช่วยคลายเวลาให้เธอได้ก็ได้

.......

และแล้วเด็กหญิงก็เริ่มตามหามังกร ข้อมูลต่างๆมากมายที่เธอได้อ่านเป็นไปไม่ได้เลยว่าจะมีมังกรอยู่ที่ไหนซักแห่ง แต่เด็กหญิงไม่ยอม เธอเชื่อว่ามังกรมีอยู่จริงๆ ก็มังกรเท่จะตาย ถ้าไม่มีอยู่จริง โลกนี้คงน่าเบื่อลงไปอีกนิด เด็กผู้หญิงเริ่มเดินทางตามหามังกรตามข่าวลือที่เธออ่านพบไปในที่ต่างๆแต่ก็ไม่เจอ

.......

อยู่มาวันหนึ่งเด็กผู้หญิงได้อ่านเจอข้อความที่บอกว่ามังกรอยู่บนภูเขาสูงแห่งหนึ่งทางตอนเหนือจึงรีบรุดหน้าไปทันที เด็กผู้หญิงไปถึงก็เริ่มปีนภูเขาด้วยความหวังที่มีมากมาย เธอมีความหวังเสมอ ก็เธอเป็นเด็กนี่นา วันเวลาในโลกที่หยุดเวลาไม่ได้ทำให้เธอเปลี่ยนไปเลย เธอยังคงรู้สึกเช่นเด็กๆ น่าแปลกที่ภูเขานี้มีต้นไม้อยู่เพียงประปราย น่าจะเรียกว่าสนามหญ้าที่เป็นภูเขาซะมากกว่า เด็กผู้หญิงเดินขึ้นไป เดินขึ้นไป และเดินขึ้นไป ยิ่งใกล้ถึงยอดเขาเท่าไหร่ พื้นที่ก็เริ่มมีต้นหนามยักษ์มากขึ้น ต้นหนามไม่มีใบเลย มีเพียงลำต้นกับหนามเท่านั้น หนามเองก็ใหญ่และนิ่มเกินกว่าจะทิ่มตำเธอได้ เธอเดินต่อไปจนกระทั่งถึงยอดเขา บนนั้นคล้ายลานโล่งเตียน แต่ตรงกลางลานกลับมีก่อต้นหนามสูงและกว้างอย่างกับภูเขา เด็กผู้หญิงเดินเข้าไปสำรวจใกล้ๆถึงได้รู้ว่าต้นหนามกำลังพันอะไรบางอย่างไว้ต่างหาก สิ่งมหึมาที่โดนต้นหนามพันอยู่นั้นมีผิวตะปุ่มตะป่ำ ผิวออกสีดำน้ำเงิน

.......

ไม่ผิดแน่ นี่มันมังกร มังกรมีอยู่จริง เธอเจอมันแล้ว

.......

เด็กผู้หญิงดีใจและกระโดดโลดเต้น หลังจากควบคุมอารมณ์ได้แล้ว เธอก็กลับมานั่งตรงหน้ามังกร พลางแปลกใจว่าทำไมต้นหนามยักษ์พวกนี้ถึงได้มาพันธนาการเจ้ามังกรตัวนี้ได้ เธอลองดึงต้นหนามพวกนั้นออก เธอโอบกอดและดึงต้นหนามที่อวบแน่นนั่นแล้วดึง แต่ก็ไม่ได้ผลซักนิด ในที่สุดเด็กผู้หญิงก็ตัดใจ

.......

เด็กผู้หญิงคิดว่าจะทำยังไงดี มังกรเองก็คงโดนหยุดเวลา มันคงช่วยคลายเวลาให้เธอไม่ได้ เป้าหมายในการตามหามังกรของเธอสำเร็จแล้ว อย่างนี้เธอก็ไม่มีอะไรทำอีกแล้วสิ

.......

เด็กผู้หญิงถอนหายใจก่อนที่จะตัดสินใจปีนขึ้นไปบนตัวมังกร เธอปัดต้นหนามให้เป็นที่นอนก่อนจะเอนกายลง เธอนอนอยู่บนตัวเจ้ามังกร สิ่งประหลาดที่ไม่น่าจะมีอยู่ในโลก

.......

ในโลกที่นิ่งสงบ และไม่มีเสียงใดเลย มันช่างเงียบสงบจนชวนหดหู่ ในเมื่อทุกอย่างในโลกนิ่งสงบ เธอเองก็นิ่งสงบด้วยดีกว่า เธอมองท้องฟ้าสีครามที่อยู่เหนือตัวเธอ ท้องฟ้านั้นดูกว้างใหญ่ราวกับจะโอบล้อมตัวเธอไว้ เธอโบกมือลาท้องฟ้า ลาโลกที่เป็นของเธอผู้เดียว ก่อนที่จะจมดิ่งลึกลงไปในห้วงนิทรา

ตอนที่ 1

เด็กผู้หญิงนอนหลับไปเนิ่นนาน เนิ่นนาน และเนิ่นนาน จนเวลาผ่านไปหลายต่อหลายร้อยปี  

ไม่สิ เวลามันหยุดอยู่นี่นา เอาเป็นว่ามันเนิ่นนานเกินกว่าที่ตัวเธอเองจะนึกถึง

และแล้ว เสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้น

หืม?เสียงใครกันนะ แต่เธอง่วงจนเกินกว่าจะลืมตาตื่น

เสียงนั้นยังคงดังต่อเนื่อง และร่างกายเธอเกิดแรงสั่นสะเทือนจนเธอทนไม่ไหว

โธ่ ตื่นก็ได้

เด็กผู้หญิงค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา ที่อยู่ตรงหน้าเธอคือพุ่มหนามสีเขียวสดที่บดบังท้องฟ้าสีครามไว้เบื้องบน และ เด็กผู้ชายผมสั้นสีน้ำตาลคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ เขาดูเหมือนรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ เด็กคนนั้นใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นตามปกติ แต่เขากลับมีผ้าคลุมสีแดงผูกไว้ข้างหลังอย่างกับพวกฮีโร่ที่เธอเคยเห็นในนิทานเรื่องต่างๆ

“เธอตื่นแล้ว!”

เด็กผู้ชายหันไปตะโกนบอกใครบางคนด้วยสีหน้าดีใจ

“ลุกไหวไหม ฉันเขย่าเธอเป็นชาติ นึกว่าจะไม่ตื่นซะแล้ว”

เด็กผู้ชายหันมาพูดกับเธอ

เด็กผู้หญิงมึนงง เธอพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง พลางปัดผมหยักยาวสีน้ำตาลออกจากใบหน้า

“ฉันอยู่ที่ไหน”

เด็กผู้หญิงมองไปรอบๆก็สังเกตเห็นว่า รอบๆตัวเธอมีแต่ต้นหนามอวบอ้วนสีเขียวเข้ม  สีของมันแทบจะกลืนไปกับชุดกระโปรงสีเขียวอ่อนของเธอ มันไม่ได้พันตัวเธอ แต่ทำราวกับเป็นกำแพงโอบล้อมตัวเธอไว้ และแล้วเธอก็นึกออกว่าเธออยู่ที่ไหน นึกออกถึงโลกที่หยุดนิ่งของเธอ เธอมองเด็กผู้ชายอย่างตกตะลึง

“เธอเป็นใคร...”

เด็กผู้หญิงถามอีกครั้ง

เด็กผู้ชายไม่ตอบ แต่กลับจ้องเธอเขม็ง “เธอคือแม่มดแห่งกาลเวลาสินะ คนที่ทำให้เวลาหยุดนิ่ง"

“ฉันไม่ใช่แม่มด ฉันแค่ได้พรจากนางฟ้าทำให้หยุดเวลาได้”

“นางฟ้า?” เด็กผู้ชายขมวดคิ้ว

“ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนางฟ้าให้พรหยุดเวลามาก่อน”

เสียงดังซวบๆมาจากทางด้านหลัง เด็กผู้หญิงหันไปมอง ก็ได้เห็นว่ามีคนๆหนึ่งกำลังปีนต้นหนามขึ้นมา เอ๊ะ ไม่สิ หรือว่าจะเป็นหมา เธองงไปหมดแล้ว จะให้เธอบรรยายยังไงดีล่ะ คนๆนั้นรูปร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อเชิ๊ตสีแดง และมีผ้าพันคอสีน้ำตาล เขาสวมหมวกสีดำด้วย เขาเหมือนคนปกติทุกอย่างถ้าไม่นับว่าตรงส่วนหัวเขาเป็นหมาพันธุ์ไซบีเรียน

“เธอบอกว่าเธอไม่ใช่แม่มดเหรอ”

คนๆนั้น(หรือหมาตัวนั้น)ถามเด็กผู้ชาย

“ใช่”

“ฉันเองก็ไม่เคยได้ยินว่าแม่มดจะเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้”

คนๆนั้น(หรือหมาตัวนั้น)จ้องเด็กผู้หญิงอย่างพินิจพิจารณา

“คุณเป็นตัวอะไรเหรอคะ?” เด็กผู้หญิงถามเขา

“สวัสดีแม่หนูน้อย ฉันเองก็ไม่แน่ใจ ก่อนหน้านี้ฉันเป็นหมาของเด็กคนนี้” เขาหันไปทางเด็กผู้ชาย

“แต่ฉันขอพรจากนางฟ้าว่าอยากจะเดินทางไปกับเด็กคนนี้ด้วย นางฟ้าเลยทำให้ฉันมีร่างกายที่สะดวกขึ้น ตอนนี้ฉันก็เลยเป็นเหมือนผู้ปกครองของเขาแทน”

เด็กผู้หญิงตกใจกับความเป็นมาของเขา แต่เธอไม่ได้รู้สึกกลัว กลับกันเธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอย่างน่าประหลาด เธอรู้สึกอยากจะอยู่ใกล้ๆเขา

“งั้นตอนนี้คุณก็เป็นมนุษย์แล้วสินะคะ ดีจัง หนูรู้สึกชอบคุณจังเลยค่ะ”

“ฉันเองก็รู้สึกถูกชะตากับเธอ แม่หนู”

หมา เอ๊ย เขาคนนั้นยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะนั่งลงข้างๆตัวเธอและเด็กผู้ชาย

“พวกคุณกำลังเดินทางไปที่ไหนกันเหรอคะ แล้วทำไมพวกคุณถึงเคลื่อนไหวได้ ตอนนี้โลกคลายเวลาแล้วเหรอคะ”

เด็กผู้หญิงถามรัวด้วยความสงสัย

“ยังหรอก” คราวนี้เด็กผู้ชายเป็นฝ่ายตอบ

“นางฟ้าเป็นคนคลายเวลาให้เรา และให้เราช่วยตามหามังกรเพื่อให้โลกเป็นอย่างเดิม นี่เป็นมังกรตัวแรกที่เราเจอ พอลองขึ้นมาก็พบเธอนอนหลับอยู่ในพุ่มหนามนี่ ฉันเห็นต้นหนามคุ้มกันเธออยู่ เลยคิดว่าเธอเป็นแม่มดแห่งกาลเวลา”

“แม่มดแห่งกาลเวลานี่เป็นใครเหรอ” เธอถาม

“นางฟ้าบอกว่าเป็นคนที่มีพลังหยุดเวลาได้ และเป็นคนที่ทำให้โลกหยุดเวลาอยู่ตอนนี้”

“นั่นฟังเหมือนเป็นฉันเลย” เด็กผู้หญิงพูดอย่างตกใจ “แต่ฉันไม่ได้เป็นแม่มด”

“พวกฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่างน้อยเธอก็เป็นคนที่ทำให้เวลาหยุด ฉันคิดว่าเธอน่าจะต้องเดินทางไปกับพวกเราเพื่อช่วยเรา” เด็กผู้ชายพูดอย่างไม่แน่ใจ

“แม่หนูอยากเดินทางไปกับพวกเราไหม” หมาถามเธอ

“อยากค่ะ หนูอยากไป ให้หนูไปด้วยนะ”

“แน่นอน เราจะพาเธอไปด้วย ฉันชื่อแจ็คเกอร์ เด็กคนนี้ชื่อเลโอ แล้วหนูชื่ออะไรล่ะ?”

“หนูชื่อแมรี่ค่ะ”

“โอเค แมรี่ พวกเราจะเดินทางด้วยกัน ฉันดีใจที่เธอจะไปด้วย”

“หนูก็ดีใจที่ได้เจอคุณค่ะ” แมรี่กระโดดกอดแจ็คเกอร์  เธอรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่อได้อยู่ใกล้เขา 

“แล้วเราต้องทำยังไงถึงจะเอามังกรออกมาได้” เธอถามเขาทั้งสอง

“เธอต้องทำลายต้นหนามพวกนี้ก่อน นี่ไม่ใช่ต้นหนามธรรมดา มันเป็นต้นหนามแห่งกาลเวลา ในตอนที่โลกถูกหยุดเวลา ต้นหนามได้งอกขึ้นมาพันธนาการมังกรไว้เพราะมังกรเป็นผู้ควบคุมเวลา และทำให้มังกรหลับไหล ถ้าต้นหนามนี่ยังพันอยู่มังกรก็จะไม่ตื่น และโลกก็จะไม่มีวันคลายเวลา” เด็กผู้ชายอธิบาย

“แค่เราช่วยมังกรออกมา โลกก็คลายเวลาแล้วเหรอ”

“ไม่ ยังมีมังกรอีก 3 ตัวที่เธอต้องหาให้เจอ และช่วยพวกมันออกมา โลกถึงจะคลายเวลาได้”

เด็กผู้หญิงลุกขึ้นเดินออกมาจากดงต้นหนามที่ห่อหุ้มตัวเธอ เธอมองออกไปยังทิวทัศน์เบื้องล่าง ดูเหมือนต้นหนามจะแผ่ปกคลุมไปทั่วภูเขาแล้ว

“เราจะทำลายต้นหนามมากมายขนาดนี้ได้ยังไง?”

“ไม่ต้องกลัว หนูน้อย มันมีแค่ต้นเดียวเท่านั้น มันเพียงแค่ขยายกิ่งก้านไปไกล แค่ต้องหารากมันให้เจอและฟันมันทิ้งให้หมดก็จบ ไว้เป็นหน้าที่ฉันเอง ฉันคิดว่ามันต้องอยู่ใกล้ตัวเจ้ามังกรนี่แหละ” แจ็คเกอร์พูด

ผ่านไปพักใหญ่ แจ็คเกอร์ก็หารากของต้นหนามเจอ มันอยู่ข้างๆมังกรอย่างที่เขาบอก แจ็คเกอร์กับเลโอช่วยกันขุดรากมันขึ้นมา และฟันมันเป็นชิ้นๆ แมรี่อยากช่วย แต่เธอไม่มีเครื่องมือ รากนั้นใหญ่มาก พวกเขาต้องใช้เวลาเป็นนานมากกว่าจะขุดขึ้นมาหมด ตรงนั้นเกิดเป็นหลุมใหญ่ หลังจากฟันรากต้นหนามทิ้งไปไม่ทันไร กิ่งต้นหนามที่ปกคลุมไปทั่วภูเขาก็เริ่มเหี่ยวแห้ง และหายไปในที่สุด เหลือเพียงเจ้ามังกรตัวใหญ่ยักษ์อยู่ตรงนั้น

หลังจากต้นหนามหายไปจนหมด มังกรก็ค่อยๆตื่นขึ้น เกล็ดบนตัวมันสะท้อนแสงเป็นสีน้ำเงิน มันลุกขึ้นบิดขี้เกียจ มันตัวใหญ่และดูงุมง่ามไปหมด แมรี่รู้สึกว่ามันเคลื่อนไหวครั้งนึง แผ่นดินก็สะเทือนครั้งนึง แต่มันดูไม่ดุร้ายเลย ออกจะดูเซื่องซึมซะมากกว่า

“เอาล่ะ เราปลุกเจ้ามังกรได้แล้ว ว่าแต่เราจะพามันไปด้วยได้ยังไง” เลโอพูดขึ้น

“เจ้ามังกร เจ้าเห็นพวกเราไหม” แจ็คเกอร์พูดกับมังกร แน่นอนมันได้ยิน เพราะมันก้มลงมาดูและทำสีหน้างุนงง

“พวกเราเป็นคนช่วยเจ้า ปลุกเจ้าขึ้นมาจากการหลับไหล เราอยากจะพาเจ้าไปกับเราด้วย เพื่อจะทำให้โลกกลับมามีเวลาอีกครั้ง” ตลอดที่แจ็คเกอร์พูดมังกรก็พยักหน้าหงึกๆด้วยสีหน้างงๆของมัน แต่เห็นได้ชัดว่ามันเข้าใจและว่าง่ายแค่ไหน “แต่เจ้าตัวใหญ่ไป การจะพาเจ้าไปด้วยคงเป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก เจ้าพอจะช่วยทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ไหม?”

แจ็คเกอร์พูดจบมังกรก็พยักหน้าหงึกๆเช่นเดิม แต่คราวนี้มันกางปีกออก ก่อนจะกระพือปีกบินขึ้นบนฟ้า ลมจากปีกมังกรรุนแรงจนแมรี่แทบปลิว โชคดีที่เธอเกาะแจ็คเกอร์ไว้ทัน มังกรบินสูงขึ้นไป สูงขึ้นไป ก่อนที่มันจะบินวนเป็นวงกลมในอากาศ มังกรบินวนครั้งแล้วครั้งเล่า ดูเหมือนว่ายิ่งมันบินวนมันก็ยิ่งห่างไกลออกไป แต่เปล่าเลย ตัวมันเล็กลงต่างหาก และแล้วมันก็กลับลงมาที่พื้นดินอีกครั้ง มันลงจอดบนอุ้มมือของแมรี่ ใช่ มังกรตัวเล็กลงทุกๆครั้งที่มันบินวน ตอนนี้มันตัวเท่าลูกบอลเท่านั้น

“ดีเลย! แบบนี้เราก็เดินทางต่อกันได้ล่ะ” แจ็คเกอร์อุทานออกมาอย่างชอบใจ

“หนูเพิ่งรู้ว่ามังกรย่อตัวให้เล็กลงด้วยวิธีหมุนตัวแบบนี้! ถ้ามันหมุนอีกด้านตัวมันก็จะใหญ่ขึ้นสินะคะ” แมรี่พูดอย่างตื่นเต้น เธอรู้สึกว่ามังกรในมือเธอน่ารักมาก เธอดึงมันมากอด เอาแก้มถูมัน มังกรร้อง กี้ กี้ ออกมาอย่างชอบใจ ดูเหมือนมันเองก็ชอบเธอ

“ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน แต่ก็ไม่แปลก ใช่ว่าใครจะมีโอกาสเจอมังกรบ่อยๆ” แจ็คเกอร์พูด “เอาล่ะ งั้นเราเดินทางไปที่ต่อไปกันดีกว่า”

ในที่สุดคณะเดินทางที่แสนพิลึกพิลั่นก็เริ่มออกเดินทาง  ดูเหมือนการหยุดเวลาของแมรี่จะทำเอาโลกพิลึกพิลั่นไปหมด มีทั้งมังกร มีทั้งหมาที่มีร่างกายเป็นคน  แมรี่อดตื่นเต้นไม่ได้ว่า  ต่อไปเธอจะได้เจออะไรพิลึกพิลั่นแบบไหนอีก  แต่อย่างน้อยสำหรับเธอตอนนี้  โลกก็ดูไม่น่าเบื่อแล้ว

ตอนที่ 2

ในโลกที่หยุดนิ่ง มีคณะเดินทางหนึ่งกำลังเดินทางอยู่ ถ้าคุณเห็นคณะเดินทางนี้คุณจะต้องประหลาดใจเป็นอย่างมากแน่ๆ การอธิบายให้คนอื่นเข้าใจยิ่งเป็นเรื่องยาก เพราะคุณจะไม่แน่ใจว่าคณะเดินทางนี้มีทั้งหมด4คน หรือ 3คนกับอีก1ตัว หรือ 2คนกับอีก2ตัวกันแน่ เอาเป็นว่ามีมังกรอยู่หนึ่ง คนที่มีหัวเป็นหมาหนึ่ง เด็กผู้ชายที่ผูกผ้าคลุมสีแดงหนึ่ง และเด็กผู้หญิงที่อยู่ในชุดกระโปรงสีเขียวตัดกับผมสีน้ำตาลของเธออีกหนึ่ง เป็นความโชคดีที่โลกหยุดนิ่ง จึงไม่มีใครต้องมาเห็นคณะเดินทางอันพิลึกพิลั่นนี้

พวกเขาทั้งสี่เดินทางมาจนถึงป่าทึบทางตอนใต้ของโลก ป่านั้นลึกและทะมึนน่ากลัว อย่างกับเป็นป่าชั่วร้ายในนิทานต่างๆ แมรี่มองเข้าไปในป่าแล้วรู้สึกไม่อยากเข้าไป แต่แจ็คเกอร์บอกว่ามีมังกรตัวนึงอยู่ในป่านี้

“คุณรู้ได้ยังไงเหรอคะ กว่าหนูจะหาเจอตัวนึงก็เป็นชาติ”

“ฉันได้กลิ่นน่ะ” แจ็คเกอร์ตอบเพียงแค่นั้น แมรี่ไม่แน่ใจว่ากลิ่นของมันกรเป็นยังไง จึงลองดมเจ้าตัวที่อยู่ในอ้อมกอดเธอดู กลิ่นมันอุ่นๆ

“เอาล่ะ เราเข้าไปกันเถอะ ทุกอย่างต่างหยุดนิ่ง เพราะงั้นไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก” แจ็คเกอร์พูด “แมรี่ ถ้าหนูกลัวจับมือฉันไว้ก็ได้นะ”

แมรี่จับมือแจ็คเกอร์ไว้ด้วยความยินดี มือของแจ็คเกอร์เหมือนมือมนุษย์ แต่เต็มไปด้วยขนสีขาวนวลของเขา มันให้ความรู้สึกจั๊กจี้แต่อบอุ่น มังกรบินออกจากอ้อมกอดเธอไปเกาะที่หัวเธอแทน

ในป่าที่มืดทะมึน ยิ่งพวกเขาเดินเข้าไปลึกมากเท่าไหร่ ต้นไม้ก็ยิ่งสลับซับซ้อนมากขึ้น แถมยังมีเถาวัลย์พันเกี่ยวเต็มไปหมด ป่าราวกับไม่เคยมีใครเข้ามาเลย แมรี่เงยหน้าขึ้นมองด้านบน ต้นไม้บดบังกันแน่นจนแทบมองไม่เห็นท้องฟ้า ป่าเริ่มมืดลงราวกับเป็นกลางคืน

“ฉันว่าเราต้องการไฟ” แจ็คเกอร์พูดพลางควานหากิ่งไม้แถวนั้นมาได้อันนึงและให้มังกรพ่นไฟ ไฟติดขึ้นที่ปลายไม้เกิดเป็นแสงสว่าง “เอาล่ะ ไปกันต่อเถอะ”

ทั้งสามคนเดินลึกเข้าไปในป่าเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถึงทางตัน เพราะมีพุ่มไม้ขึ้นหนาแน่นจนไม่อาจไปต่อได้

“ลองช่วยกันสำรวจดูว่ามีทางอื่นไปต่อได้รึเปล่า ฉันจะดูทางฝั่งนี้ส่วนพวกเธอดูทางนั้นนะ” แจ็คเกอร์บอก

แมรี่เดินแยกมากับเลโอ ป่ามืดจนแทบมองไม่เห็นอะไร จู่ๆกลุ่มก้อนความมืดก็วาบเข้าปกคลุมทั่วร่างเธอ เธอตกใจ เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองตกอยู่ในความมืด ทุกอย่างมืดสนิท แต่กลับมีดวงไฟเล็กๆประมาณ4-5ดวงกำลังเคลื่อนไหวราวกับหิ่งห้อยอย่างอิสระ

“สวยจัง..” แมรี่รำพึงออกมา

ดวงไฟเหล่านั้นมาวนรอบๆตัวเธอ 

ราวกับมันกำลังร้องเรียกว่า ...อยู่กับเราเถอะ อยู่กับเรานะ ตามเรามา... 

แมรี่รู้สึกหลงรักดวงไฟเหล่านั้น เธอเดินตามดวงไฟไป

เลโอสังเกตเห็นแมรี่เดินออกไปไกลจากพวกเขาจึงเรียกเธอไว้

“แมรี่เธอจะไปไหนน่ะ สำรวจดูแถวนี้ก็พอแล้ว” เขาบอก

“ฉันจะไปกับพวกแสง พวกแสงกำลังเรียกฉัน..” แมรี่ตอบ ท่าทางเหม่อลอยราวกับตกอยู่ในภวังค์ เลโอมองหาแสงที่แมรี่พูดถึงแต่ก็ไม่เห็นเลย ไม่ว่าจะทางไหนก็มีเพียงป่ารกทึบ

“แมรี่ เธอไปไม่ได้นะ ฉันไม่เห็นมีแสงอะไรอยู่เลย” 

“ไม่ พวกเขาอยากให้ฉันอยู่ที่นี่.. ฉันเองก็อยากอยู่กับพวกเขา..”

“เธออยู่ที่นี่ไม่ได้ มันไม่ใช่เป้าหมายของเรา เราต้องตามหามังกรต่างหาก!”

“ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว.. ฉันอยากอยู่ที่นี่..กับพวกเขา” แมรี่พูดอย่างเหม่อลอย เธอเห็นดวงไฟเหล่านั้นวนรอบตัวเธอราวกับจะเร่งให้เธอรีบไป 

“ฉันต้องไปแล้ว..” 

เลโอพยายามคิดว่าเขาควรทำไงดี

“จริงสิ! ผ้าคลุมที่นางฟ้าให้มา” เลโอปลดผ้าคลุมสีแดงที่หลังของตัวเองออก ก่อนจะเอามาคลุมให้แมรี่ แมรี่สะดุ้งราวกับตื่นจากความฝัน

“เอ๊ะ! ฉัน..”

“เธอเห็นภาพลวงตา คงจะโดนมนตราเข้าน่ะ” เลโอบอก “โชคดีเรามีผ้าคลุมวิเศษ มันใช้ปกป้องจากสิ่งชั่วร้าย และป้องกันอันตรายได้”

“ผ้าคลุมวิเศษเหรอ? เธอไปได้มาจากไหน?”

“ฉันได้สิ่งนี้จากนางฟ้า ก็เหมือนที่เธอได้พรหยุดเวลา และแจ็คเกอร์ที่ได้พรที่ทำให้กลายเป็นมนุษย์” เลโอพูด "ฉันเองก็อยากเท่เหมือนเหล่าฮีโร่เลยขอผ้าคลุม"

ทันใดนั้นแจ็คเกอร์ก็โผล่มาทางด้านหลังพร้อมอุ้มเจ้ามังกรมาด้วย “พวกเธอเป็นอะไรรึเปล่า อยู่ๆเจ้านี่ก็บินไปหาฉัน เลยคิดว่าอาจเกิดอะไรขึ้น”

“แมรี่โดนมนตราของป่าเข้าน่ะ ได้ผ้าคลุมของฉันเลยไม่เป็นไรแล้ว” เลโอตอบ

"โลกหยุดเวลาอยู่ แล้วทำไมมนตราถึงใช้ได้ล่ะ?”

“มนตราเป็นสิ่งลึกลับโบราณ มีพลังอำนาจที่เราไม่มีทางรู้เลยว่ามันทำอะไรได้บ้าง อำนาจมันอาจจะมีเหนือมนต์หยุดเวลา” แจ็คเกอร์พูด

“เอาล่ะ เราไปจากตรงนี้ดีกว่า อยู่ใกล้ๆเลโอไว้แล้วเธอจะปลอดภัย แม่หนูของฉัน” แจ็คเกอร์ลูบหัวของแมรี่

“อ้อมไปอีกทางกัน ฉันจะนำทางเอง” เลโอพูดก่อนจะเดินนำไป

ระหว่างที่ทั้งสามคนกำลังเดินทางต่อ จู่ๆก็มีอะไรบางอย่างมากระตุกชายกระโปรงของแมรี่ 

เธอก้มลงไปมองก็เห็นเด็กตัวเล็กๆ2คนยืนอยู่ น่าจะประมาณ 2-3 ขวบ ทั้งสองคนสวมชุดมาสคอตสัตว์ มีเพียงใบหน้าโผล่มาให้เห็น คนหนึ่งอยู่ในชุดเสือ อีกคนหนึ่งอยู่ในชุดสุนัขจิ้งจอก เธอเห็นเด็กชุดเสือติดหนวดที่แก้มด้วย ทำให้ดูน่ารักเข้าไปอีก

“พวกคุณจะเข้าไปด้านในของป่าไม่ได้ ในป่านี้ห้ามเข้า” เด็กในชุดเสือพูดกับเธอ

“พวกเธอเป็นใครกันน่ะ! น่ารักจัง” แมรี่อุทานอย่างตื่นเต้น

“ฉันเป็นลูกเสือ” เด็กในชุดเสือตอบ

“ฉันเป็นลูกสุนัขจิ้งจอก” เด็กในชุดสุนัขจิ้งจอกตอบ

“พวกเธอไม่ใช่มนุษย์เหรอ งั้นนี่ก็ไม่ใช่ชุด  แต่เป็นขนพวกเธอจริงๆน่ะสิ!”

แมรี่อุทานอีกรอบ

“พวกเธอเป็นแบบนี้ได้ไงกัน”

เด็กพวกนี้น่ารักจริงๆ เธอรู้สึกชอบพวกเขาขึ้นมาทันที

“หลายวันก่อน พวกเราได้เจอกับหญิงนางหนึ่ง นางบอกว่า จะมีคนมาขโมยมังกรของนาง นางจึงให้เราช่วยเฝ้ามังกรให้ และนางก็เสกให้เราเป็นแบบนี้”

“โธ่ พวกเธอยังเด็กอยู่เลย แม่พวกเธอไปไหนซะล่ะ?” แมรี่ถาม

“ตอนนี้แม่ขยับไม่ได้ นางผู้นั้นบอกว่า ถ้าช่วยปกป้องมังกรสำเร็จ จะทำให้แม่เคลื่อนไหวได้อีกครั้ง” ลูกจิ้งจอกตอบ

“นั่นไม่จริงเลยเด็กน้อย การนำมังกรออกไปต่างหากถึงจะช่วยแม่ของพวกเธอได้” แจ็คเกอร์พูดขึ้น

“ฉันเองก็เคยเป็นสัตว์เหมือนพวกเธอ พวกเธอพอจะเชื่อฉันได้ไหม”

“งั้นเราต้องทำยังไง” เด็กทั้งสองมองหน้ากันเลิ่กลักและเริ่มใกล้จะร้องไห้  

พวกเขายังเด็กเกินไปจริงๆ

“ใจเย็นๆ” แจ็คเกอร์ลูบหัวพวกเขา การกระทำนั้นทำให้พวกลูกสัตว์รู้สึกอบอุ่นและวางใจ “ที่พวกเธอต้องทำก็แค่บอกทางเข้าไปด้านในกับพวกเรา ที่เหลือฉันจะช่วยจัดการเอง ตกลงไหม”

“ตกลง พวกเราจะบอกทางแก่พวกคุณ”

"หญิงนางนั้นอาจจะเป็นแม่มดแห่งกาลเวลา พวกเธอระวังตัวด้วยนะ" แจ็คเกอร์หันมาบอกเลโอกับแมรี่ ที่สำคัญเขารู้สึกเหมือนมีใครบางคนจับตาดูพวกเขามาตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว หวังว่าเขาจะคิดไปเอง

เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!

novel PDF download
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!