เขาว่ากันว่า วันที่ผู้หญิงงดงามที่สุดคือวันแต่งงาน อาจจะจริงเพราะชีวิตเธอ ไม่เคยชินกับเครื่องสำอางหนาเตอะขนาดนี้มาก่อน ในขณะที่แววตาแสดงความเศร้าออกมาอย่างเห็นได้ชัด การแต่งงานที่เกิดขึ้น เกิดจากผู้ใหญ่ทั้งสองตระกูลตั้งใจให้เกี่ยวดองกันไว้ เพราะผลประโยชน์ทางธุรกิจล้วนๆ
“ถ้าลูกแต่งงานกับชานนท์ ตระกูลเรา ธุรกิจของเราจะยิ่งใหญ่กว่าเดิม ไม่มีตระกูลไหนในประเทศจะกุมอำนาจทางธุรกิจได้เท่าเราอีกแล้ว ดังนั้นเชื่อพ่อ รักมันกินไม่ได้ แต่งงานกับเขาซะ” หนูนาหลับตานึกถึงคำพูดของบิดา ตั้งแต่เด็กจนโตถูกพร่ำสอนหนักหนา ว่าให้เคารพความรู้สึกตัวเองเป็นสำคัญ
ยิ่งทบทวนยิ่งไม่เข้าใจว่าทำไมบิดาผู้เฝ้าสอน ถึงบังคับยัดเยียดเธอให้ตระกูลทรัพย์ทวี มือบางค่อยๆ ปลดชุดออก แล้วเร่งทำธุระในห้องน้ำให้เสร็จ ก่อนเดินออกมาพร้อมกับความเหนื่อยล้า เธอยังคงพบเขานอนเล่นมือถืออย่างสบายใจ เขาคือชายหนุ่มที่นับได้ว่ารูปร่างหน้าตาดีอย่างมาก แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อแต่งงานกันทั้งที่ไม่ได้รัก
“ขอโทษนะที่ทำให้รู้สึกอึดอัด...แต่คุณสบายใจได้ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลย” น้ำคำราบเรียบพูดกับหญิงสาวจบ จึงหันไปเล่นมือถือต่อ หนูนาไม่พูดอะไร สองเท้าเดินไปนอนข้างเขาอย่างเงียบๆ มือน้อยกำไว้แน่น เธอจำใจต้องใช้ชีวิตร่วมอยู่กับชายที่ไม่ได้รัก ก่อนที่ชานนท์จะลุกไปเข้าห้องน้ำ
“ฉันไม่ได้รัก ไม่ได้รู้สึกอะไร เราแต่งงานเพราะธุรกิจพวกนายก็รู้” เสียงของชานนท์คุยโทรศัพท์กับกลุ่มเพื่อน ดังลอดออกมาให้หนูนาได้ยินชัดถ้อยชัดคำ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจแล้วพยายามข่มตาหลับ การแต่งงานจอมปลอมเพิ่งได้เริ่มต้นเท่านั้น ยังมีอุปสรรคให้หญิงสาวได้ฟันฝ่าอีกนับร้อยนับพันอย่าง
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเศษ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาวละเอียด จมูกโด่งเป็นสันเดินออกจากห้องน้ำ ปรายตามองหญิงสาวที่กำลังหลับสนิทนอนขดตัวอยู่ สายตาคมมองดูเธอครู่หนึ่ง แล้วตัดสินใจเอื้อมมือไปหยิบผ้าห่มคลุมกายให้เธอ
หลังจากจบพิธีแต่งงานได้เพียงอาทิตย์เดียว ข่าวคาวๆ ของชานนท์ชายหนุ่มเจ้าชู้ระดับเทพ ก็ถูกตีแผ่ออกมาสู่สายตาผู้คน เป็นภาพของทายาทตระกูลทรัพย์ทวีที่พึ่งแต่งงานอย่างใหญ่โต กำลังเดินจับมือถือแขนกับดาราสาวนางหนึ่งที่พึ่งหย่าล้างไปได้ไม่นาน ก่อนที่หน้าฟีดข่าวจากทุกสำนักจะหยุดอัปเดตไปอย่างเงียบๆ ปล่อยให้ประชาชนบางส่วนค้างคาใจ
“เมื่อไหร่แกจะเลิกทำตัวเหลวไหลเสียที” ราเชนทร์บิดาของชานนท์ เดินเข้ามายังห้องทำงาน แล้วกระแทกมือถือให้ชายหนุ่มได้รับรู้ ดวงตาเหี่ยวย่นบ่งบอกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์โกรธอย่างมาก ข้อเสียของลูกชายคือเจ้าชู้ได้ทุกเวลาไม่เลือกที่ ส่วนอื่นๆ นอกเหนือจากนี้เขาทำได้ดีหมด ไม่ว่าจะเรื่องเรียนหรือทำงานก็ตาม เป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมและแสนฉลาดได้ดังใจทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเจ้าชู้ประตูดินที่ยังคงทำให้หนักใจได้ทุกวี่วัน
“รู้ไหม ว่าฉันต้องลำบากเสียเงินมากมายแค่ไหน เพื่อที่จะปิดข่าวคาวๆ ของแก” ราเชนทร์ชี้ภาพข่าวของลูกชาย ให้ดูเป็นหลักฐาน
“ความจริงพ่อไม่จำเป็นต้องเสียเงินมากมายเพื่อปิดข่าวพวกนี้ เดี๋ยววิภาเธอก็แก้ข่าวเองแหละ” ชานนท์กำลังหมายถึงดาราสาวที่เขาควง ชายหนุ่มมองมือถือ ที่บิดาวางเด่นอยู่แล้วเหลือบขึ้นสบตาชายชราโดยไม่ได้รู้สึกสะท้านในความผิดของตัวเอง
“พ่อไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอกครับ พ่อให้ผมแต่งงานกับหนูนา ผมก็ทำตามแล้วไง”
“แกทำตามฉันเพราะผลประโยชน์ ดังนั้นอย่ามาอ้าง”
“แล้วพ่อจะเอาไง ก็ผมไม่ได้รักหนูนา พ่อให้ผมจดทะเบียนสมรสก็จดให้แล้ว เล่นละครว่ารักกันปานจะกลืนกิน ก็ทำให้แล้ว แล้วจะเอาอะไรอีก” ใบหน้าหล่อเหลาพูดพร้อมน้ำเสียงราบเรียบ ไม่มีท่าทีก้าวร้าวประการใด
“หยุดความเจ้าชู้มักมากของแกซะ”
“พ่อก็รู้ว่าผมทำไม่ได้” ชานนท์พูดจบจึงลุกขึ้นเดินออกจากห้องผู้บริหาร โดยมีสายตาของพนักงานมองตรงมาเป็นทางเดียวกัน
“ไปทำงานสิครับ” เขาพูดเสียงเข้ม ก่อนที่พนักงานทุกคนจะก้มหน้ามุดด้วยความเกรงกลัว ชายชราถึงกลับยืนไม่อยู่ ค่อยๆ ถลาตัวลงนั่งที่โซฟา ราเชนทร์หวนนึกถึงอดีตที่เขากับวิรุณเป็นเพื่อนรักและคอยเกลื้อหนุนธุรกิจกันมาอย่างยาวนาน จนต่างฝ่ายต่างประสบความสำเร็จตามๆ กันมา
“ถ้าฉันมีลูกสาว ฉันจะยกให้เป็นภรรยาของตาชานนท์” วิรุณพูดกับราเชนทร์ในขณะที่ชานนท์ยังแบเบาะ และคำพูดนั้น ได้ผ่านมาเนิ่นนาน จนทุกคนลืมกันไปหมด ชานนท์และหนูนาต่างเติบโตแยกย้ายไปใช้ชีวิตของตัวเองตามที่ปรารถนา แต่เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ข่าวร้ายที่ทำให้เพื่อนรักของเขาเกือบทรุด นั่นคือมะเร็งร้ายที่กำลังทำลายระบบต่างๆ ในร่างกายของวิรุณ ซึ่งเข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้ว
“ฉันเป็นมะเร็ง” วิรุณพูดด้วยเสียงสั่นเครือ ก่อนจะวางผลตรวจให้เพื่อนรักดู ราเชนทร์เปิดดูด้วยอาการสั่นเทา รู้สึกวูบชาไปครู่หนึ่ง ทว่านิ่งเงียบไม่พูดอะไรต่อ เขาสังเกตสีหน้าของวิรุณด้วยความเห็นใจอย่างถึงที่สุด เพราะหากวิรุณเป็นอะไรไปสักคน ทุกอย่างคงปั่นป่วนวุ่นวายไม่น้อย
“นายจำวันที่ตาชานนท์แบเบาะได้ไหม ที่ฉันเคยบอกว่า ถ้าฉันมีลูกสาวจะยกให้เป็นภรรยาเขา นับจากวันนั้นฉันลืมไปแล้ว จนมาวันนี้คนที่ฉันห่วงที่สุดก็คือยัยหนูนา” วิรุณพูดพร้อมกับสีหน้าเศร้าหมอง เพราะรู้ว่าเวลาของเขาเหลือน้อยเต็มที หนูนาพึ่งเสียมารดาไปเมื่อสามปีก่อน ขณะนั้นกว่าหญิงสาวจะทำใจยอมรับได้ก็กินเวลานานนับปี หญิงสาวที่เติบโตท่ามกลางความสุขสบาย ไม่เคยลำบาก วิรุณจึงไม่มั่นใจนักว่าเธอจะใช้ชีวิตเพียงลำพัง โดยแบกรับธุรกิจนับหลายพันล้านบาทได้ไหม
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 8
Comments