#2 สัมภาษณ์งาน

"ขอโทษ"น่านพูดอีกครั้งเสียงสั่นๆ หวั่นว่าตัวเองนั้นจะตาเขียวอีกรอบโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่จริงๆ 

"ไม่ใช่นี่หว่า..."คิสชะงัก เพราะไอ้ปิงไม่มีท่าทีขี้ขลาดแบบนี้แน่นอน 

"ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจชนนายจริงๆ"น่านกลัวจนขาสั่นไปหมดแล้ว 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อริของปิงนั้นจำคนผิดแบบนี้ เค้านั้นโดนต่อยโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่แบบนี้มากหลายครั้งแล้ว 

"ไม่ใช่ไอ้ปิง?"คิสถามย้ำ เริ่มมองน่านอย่างพินิจพิเคราะห์ แล้วก็พบว่าแม้หน้าจะเหมือนไอ้ปิงก็จริง แต่หน้าตาของน่านนั้นดูอ่อนโยนใจดีกว่า ไม่ได้เรียกตีนเหมือนไอ้ปิงเลยซักนิด 

"ไม่ใช่ ไม่ใช่จริงๆนะ"น่านส่ายหน้าไม่หยุด 

"เออ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่"คิสปล่อยมือในที่สุด เพราะหากว่าเป็นไอ้ปิงจริงๆ คงได้ออกหมัดสู้กันตั้งแต่เค้ากระชากคอเสื้อแล้ว ไม่มีทางมายืนขาสั่นขี้ขลาดแบบนี้นี่แน่นอน 

"ขอโทษที่เดินชน"น่านพูดแค่นั้น ก็รีบเดินหนี ทั้งยังปัดคอเสื้อที่โดนจับจนยับย่นของตัวเองไม่หยุดมือ 

"เดี๋ยว...ทำไมหน้าเหมือนไอ้ปิงขนาดนี้"คิสรีบรั้งแขนของน่านเอาไว้ 

"เพราะ...เพราะเป็นพี่น้องกัน"น่านพูดออกไปอย่างหวาดๆ ไม่รู้ว่าไอ้นักเลงนี่จะทำอะไรเค้าอีกบ้าง หากรู้ว่าเค้าทั้งสองคนนั้นเป็นพี่น้องกัน 

"พี่น้องกัน? พี่น้องกันทำไมเหมือนกันขนาดนี้" 

น่านทำได้เพียงแค่กรอกตา ไอ้บ้านี่ใช้กำลังมากกว่าสมองจนชินสินะ เลยคิดไม่ออกว่าคนที่หน้าเหมือนกัน เป็นพี่น้องกัน นั้นไม่ใช่แฝดกัน 

"แฝดไง"น่านชิงตอบในที่สุด เพราะเห็นท่าทางครุ่นคิดของคนตรงหน้าแล้วอดสงสารไม่ได้ 

เสียดายที่พ่อแม่นั้นให้หน้าตามาดีขนาดนี้ แต่สมองนั้นกลับไม่ได้ให้เผื่อมาด้วย เลยได้แต่หล่อแล้วโง่แบบนี้ 

"ถึงว่า...หน้าตาถึงได้เหมือนกัน"คิสตอบเสียงดังอย่างสะใจ เค้าก็ว่าอยู่แล้ว พี่น้องที่ไหนจะหน้าตาเหมือนกันได้ขนาดนี้ เป็นฝาแฝดกันนี่เอง! 

"อืม เพราะเป็นแฝดกัน ถึงได้หน้าเหมือนกัน"น่านได้แต่ยิ้มบาง 

เจ้านี่...มันโง่จริงๆสินะ... 

"นิสัยเหมือนกันด้วยเปล่า หากเหมือนจะได้ต่อยเอาไว้ก่อนเลย"คิสเงื้อมือขึ้นมา โชว์กำปั้นใหญ่ๆของตัวเองให้น่านดู 

"ไม่...ไม่เหมือน"น่านส่ายหัว 

"จริงนะ"คิสถามย้ำ 

"จริงสิ"น่านพยักหน้า 

"อย่าให้รู้นะว่านิสัยเหมือนกัน ไม่งั้นเจอกันครั้งหน้าไม่เอาไว้แน่"คิสขู่ 

"ได้ๆ ไม่นิสัยเหมือนกันแน่นอน"น่านพูดจบแค่นั้น ก็รีบวิ่งหนีกลับห้องเรียนตัวเองทันที 

"แกเป็นอะไรน่าน ไปหาอาจารย์ยุพินไม่ใช่เหรอ ทำไมวิ่งหน้าตาตื่นเข้าห้องมาแบบนี้"มะลิถามอย่างสงสัย 

"เจอคนไม่ปกติน่ะสิ เมื่อกี้เกือบโดนต่อยเลย"น่านรีบแย่งพัดจากมือของมะลิมาพัดให้ตัวเอง 

"อริไอ้ปิงอีกแล้วสิ"ได้ยินน่านพูดแบบนี้ มะลิก็ไม่ต้องเดาให้มากความ 

ไอ้บ้านั่นชอบไปหาเรื่อง แล้วผลกรรมก็มาตกอยู่ที่คนหน้าเหมือนกันอย่างน่านอยู่เป็นประจำ 

"น่าจะใช้ เกือบไปแล้ว หากตาเขียวไปสัมภาษณ์งานล่ะก็จบเห่แน่" 

"สัมภาษณ์งาน?" 

"ใช่ อาจารย์ยุพินหางานติวให้อะ ฉันว่าดีมากเลย นี่ก็ได้นามบัตรมาแล้ว เลิกเรียนฉันจะโทรไปคุยหากว่าทางนั้นเค้าโอเคล่ะก็ ต่อไปฉันก็ไม่ต้องไปทำงานล้างจานแบบนั้นอีกแล้ว"น่านบอกอย่างร่าเริง 

"จริงอะ แบบนี้ก็ดีเลยดิ"มะลิดีใจกับเพื่อนด้วยอีกคน 

งานล้างจานที่น่านทำอยู่ตอนนี้เป็นงานที่หนักมาก แม้ว่าจะเลยเวลาปิดครัวไปแล้ว แต่น่านนั้นก็ต้องทำงานต่อไป จนกระทั่งเก็บของในครัวล้างจนหมด ได้กลับบ้านดึกๆดื่นๆทุกวัน ทำเอามะลินั้นทั้งเป็นห่วง ทั้งสงสารเพื่อนจะตายอยู่แล้ว 

"ใช่ แบบนี้ดีเลย"น่านนั้นเรื่องอะไรก็ไม่เก่ง เรื่องกีฬา สรีระทางร่างกายแข็งแกร่งสู้ปิงไม่ได้เลยสักนิด จะมีก็แต่สมองนี่แหละ ท่ี่ได้ฉลาดนำปิงไปไกลโข และน่านนั้นก็ยินดีที่จะใช้ความฉลาดในสมองของตัวเอง หางานในด้านแบบนี้อีกด้วย 

เมื่อมะลิและน่านรับข่าวดีนี้จากอาจารย์ยุพินมา ตลอดทั้งช่วงบ่าย ทั้งสองคนก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมาก หลังเลิกเรียนมะลิยังให้น่านนั้นยืมโทรศัพท์ เพื่อโทรหาเจ้าของนามบัตรที่ชื่อว่ารุจีอีกด้วย มะลินั้นแอบยืนฟังอยู่ใกล้ๆ ไม่ส่งเสียง พยายามเก็บทุกรายละเอียดที่คนในสายพูดออกมา ช่วยน่านนั้นกลั่นกรองอย่างตั้งใจด้วยอีกแรง 

"คุณรุจีใช่มั้ยครับ นี่ผมน่านเองนะครับ ที่ติดต่อมาให้ผมไปติวหนังสือให้หลานของคุณ"น่านไม่รู้จะเกริ่นยังไงก่อน เลยเข้าเรื่องอย่างรวดเร็ว 

"ใช่จ๊ะ ฉันเป็นคนติดต่อไปเอง เธอเป็นเด็กดีคนนั้นที่ยุพินบอกเอาไว้สินะ งั้นมาเจอกันที่บ้านของฉันหน่อยดีมั้ย ฉันว่าการคุยกันโดยที่เห็นหน้า มันดีกว่าคุยผ่านโทรศัพท์แบบนี้นะ" 

เสียงของปลายสาย ดูอ่อนโยนและใจดีเอามากๆ ทำให้น่านกับมะลิโล่งใจไปเปราะนึงที่ได้ยินและได้ฟังน้ำเสียงอ่อนโยนแสนใจดีแบบนี้ 

"ได้ครับ แบบนั้นผมก็ว่าดีเหมือนกัน ว่าแต่บ้านของคุณน้าอยู่ที่ไหนเหรอครับ ผมจะได้ไปถูก" 

"บ้านของน้าอยู่ที่หมู่บ้านXXX บอกยามหน้าหมู่บ้านได้เลย ว่ามาบ้านของคุณแซน เดี๋ยวเค้าก็จะพาเข้ามาเองแหละจ๊ะ"ปลายสายพูดอย่างอารมณ์ดี 

"ได้ครับ"น่านพยักหน้าอย่างไม่รู้ตัว ทั้งที่จริงนั้นคนที่อยู่ปลายสายไม่ได้เห็นอาการที่แสดงออกทางร่างกายนี้ของเค้าเลยซักนิด แต่เค้านั้นก็ไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้พยักหน้าได้จริงๆ 

เมื่อได้รู้ที่อยู่ชัดเจนแล้ว มะลิก็ไม่รอช้าจัดการโบกแท็กซี่ไปหมู่บ้านที่ว่านี่ทันที 

"แกจะไปด้วยเหรอ"น่านคืนโทรศัพท์กลับให้มะลิ ทั้งยังถามอย่างแปลกใจ 

"แน่นอน ต้องไปด้วยอยู่แล้ว อย่างน้อยก็ต้องรู้เอาไว้ว่าแกนั้นทำงานที่ไหน หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล ฉันจะได้ไปช่วยแกได้ไง"มะลิไม่ไว้วางใจให้น่านไปบ้านคนอื่นที่ไม่รู้จักเพียงลำพัง เลยทำตัวเหมือนคนหน้าด้าน เกาะติดน่านไม่ยอมปล่อย 

ซึ่งน่านเองก็ไม่ได้ว่าอะไรมะลิ หากมะลิอยากไปก็ปล่อยให้มะลิไป เพราะมันก็จริงอย่างที่มะลิบอก หากมีอะไรเกิดขึ้นอย่างน้อยมะลินั้นก็จะเป็นอีกคนที่รู้ว่าเค้านั้นอยู่ที่ไหน 

"หมู่บ้านนี้ไฮโซจริงๆ บ้านแต่ละหลังคงจะแพงน่าดู"มะลิอดพูดขึ้นไม่ได้ เมื่อผ่านเข้ามาในหมู่บ้านที่ว่านี่แล้ว 

"คุณหนูอย่างแกยังจะพูดแบบนี้ออกมาอีก"น่านได้แต่ขำ เพราะบ้านของมะลิหลังใหญ่ อยู่ในแถบของพวกไฮโซเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่คนละทีกับที่นี่ก็เท่านั้น 

"เหอะ ว่าแต่ฉันเป็นคุณหนู แกเองก็เป็นคุณชายเหมือนกันนั่นแหละ...หากไม่เพราะ..." 

"เลิกพูดเรื่องนี้เถอะน่า"น่านรีบเบรก เมื่อมะลิจะพูดเรื่องของตัวเองออกมา 

"ได้ๆ"มะลิหยุดพูดอย่างที่น่านต้องการ เธอรู้ดีว่าน่านไม่ชอบให้มะลิรื้อฟื้นเรื่องของตัวเองก่อนหน้านี้ มะลิเองก็จะไม่ขัดความต้องการของเพื่อนเช่นกัน 

"ถึงแล้ว"น่านบอกมะลิเตรียมตัวหยิบกระเป๋านักเรียนของตัวเองขึ้นมาถือเอาไว้ เมื่อเห็นว่าคุณลุงยามที่นำทางเข้ามา หยุดจักรยานที่หน้าบ้านหลังนึง 

"นี่เงินค่ะ"มะลิชิงส่งเงินให้แท็กซี่ โดยที่น่านไม่ทันตั้งตัว 

"เดี๋ยวจะคืนให้นะ"น่านพูดแค่นั้นก็เปิดประตูลงไปทันที ทั้งยังรีบเข้าไปขอบคุณลุงยามที่พามาถึงที่นี่อย่างนอบน้อม ก่อนจะเดินไปกดออดแล้วยืนรออยู่กับมะลิอย่างเงียบๆ พยายามทำตัวเรียบร้อยอย่างที่สุด 

ดีที่เจ้าของบ้านนั้นรับรู้อยู่แล้วว่าน่านนั้นจะเข้ามา เลยให้แม่บ้านมารอน่านอยู่ก่อนแล้ว มะลิกับน่านเลยไม่ต้องยืนรออยู่หน้าประตูรั้วกลางแดดร้อนๆนานเกินไปนัก 

"เข้ามานี่สิ"สตรีวัยกลางคนท่าทางใจดีคนนึง กวักมือเรียกน่านกับมะลิเข้าไปหาที่โซฟาในห้องนั่งเล่น 

"สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ"น่านกับมะลิยกมือขึ้นไหว้อย่างพร้อมเพรียง 

"สวัสดีจ๊ะ ป้าคือคนที่เราพูดด้วยในโทรศัพท์ก่อนหน้านี้ ส่วนนี่เด็กแสบที่หนูนั้นต้องมาคอยสอน คอยดูแล"คุณรุจีชี้เด็กตัวเล็กหน้าตาน่าเอ็นดูที่นั่งข้างให้ดู ก่อนจะบอกให้ทั้งสองคนนั่งลงคุยกันอย่างเป็นกันเอง 

น่านนั่งลงอย่างว่านอนสอนง่าย แต่ก็ไม่ลืมมองไปที่ด้านข้างของผู้หญิงใจดีตรงหน้า ที่ยังมีเด็กผู้หญิงหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มที่อายุไม่น่าเกิน 7- 8 ขวบนั่งนิ่งๆ หน้าบึ้งตึงไม่สมวัยอย่างสำรวจ 

อ่า..นั่นสินะคือนักเรียนของเค้า 

น่านพยายามฉีกยิ้มให้หวานเยิ้มมากที่สุด พยายามเอาใจเด็กตัวเล็กหน้าตาบึ้งตึงคนนี้เต็มที่ แต่เด็กน้อยคนนี้กลับไม่ได้สนใจมองเค้าเลยแม้แต่นิดเดียว เอาแต่จ้องมองมะลิไม่วางตา ทำเอารอยยิ้มของน่านนั้นแข็งค้างไปในที่สุด 

"คุณย่า...ลูกปลาไม่ให้พี่คนนั้นสอนนะ...ไม่เอา"ลูกปลาชี้ไปที่มะลิอย่างไม่ชอบใจ 

"ทำไมล่ะลูก ทำไมพี่คนนั้นสอนลูกปลาไม่ได้"คุณรุจีแกล้งถามหลานสาวของตัวเอง โดยไม่ยอมบอกว่าที่จริงแล้วคนที่สอนนั้นเป็นน่าน เด็กผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆต่างหาก 

"เพราะเค้าสวยกว่าลูกปลา ลูกปลาไม่ชอบ"ลูกปลากอดอกทันที ไม่ปรายตามองมะลิอีกเลยแม้แต่แว๊บเดียว 

มะลิที่อยู่ๆก็โดนเด็กเกลียดทำเอายิ้มแทบไม่ออก ต้องหันไปมองน่านอย่างขอความช่วยเหลือแทน 

ตอนนี้น่านนั้นเข้าใจแล้วว่า ไม่ได้เป็นเพราะสเน่ห์ของเค้านั้นลดน้อยลง แต่ติดตรงที่ว่าเด็กคนนี้คิดว่ามะลิเป็นคนมาสอนตัวเองสินะ เค้าเลยโล่งใจไปเปราะนึง 

"พี่คนนี้ไม่ได้เป็นคนมาสอนน้องนะครัับ เค้าแค่มาเป็นเพื่อนของพี่เฉยๆ พี่ต่างหากที่เป็นคนมาสอนน้อง" 

"จริงเหรอคะ"ลูกปลาได้ยินก็รีบเงยหน้าขึ้นมองน่านทันที และเมื่อเห็นว่าน่านนั้นมีหน้าตาหล่อเหลาเหมือนพี่ๆที่เธอนั้นเคยเห็นในทีวี ก็ฉีกยิ้มออกมาทั้งยังกระโดดข้ามโต๊ะกลาง มาเกาะติดน่านโดยไม่ทันให้น่านได้ตั้งตัวอย่างรวดเร็ว 

"ใช่ครับ"น่านตอบทันที เค้าตกใจกับการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วของเด็กผู้หญิงตัวเล็กนี่เป็นอย่างมาก 

"คุณย่าขา ลูกปลาจะเอาพี่คนนี้!!" 

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!