คุณหนูหน้านิ่ง คุณชายหน้าหวาน
ณ จวนเสนาบดีฝ่ายขวา..
"ท่านพ่อ ท่านมีเรื่องอะไรจะพูดกับข้า"เสียงถามแผ่วเบา เข้มเเข็ง แต่เยือกเย็นเอ่ยถามขึ้น ชายวัยเริ่มชราซึ่งคือเสนาบดีฝ่ายขวา เซิ่นหยวนหลัว นั่งอยู่ตรงหน้าลูกสาวของตัวเองทำหน้าลำบากใจเพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนกำลังจะบอกกับลูกสาวนั้นจะประสบผลสำเร็จหรือไม่
เพราะลูกสาวของของเสนาบดีเซิ่น เปลี่ยนไปตั้งแต่อายุ4ขวบเศษ เด็กสาวที่เคยน่ารัก เด็กสาวที่มีรอยยิ้มเป็นเอกลักษณ์ ยิ้มแย้มได้ตลอดสามารถทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้ทุกๆวันได้เปลี่ยนไป ไม่พูดมาก ไม่คบหากับใคร ความสงบเยือกเย็นเข้าครอบครองรอยยิ้มและจิตใจของเด็กสาว วันเวลาแห่งความสุขก็ได้หมดไป ตั้งแต่นั้นมาผู้เป็นพ่อก็จำรอยยิ้มนั้นไม่ได้เสียแล้ว เพราะได้ถูกสายลมหนาวพัดพาไปไกลแสนไกล
เสนาบดีเซิ่นตื่นจากความคิด พร้อมเงยหน้าขึ้นมองลูกสาวพร้อมพูดขึ้นด้วยเสียงสุขุม "พ่อมีเรื่องอยากจะให้เจ้า..ออกความเห็นหน่อย"
"........."
ผู้เป็นพ่อได้รับเสียงของความเงียบกลับมาจึงเริ่มพูดต่อ "อีกหนึ่งอาทิตย์ข้างหน้าจะมีการจัดงานฉลองพระชนมายุของฮ่องเต้ บุตรชายหญิงของเหล่าข้าราชบริพารต่างต้องไปร่วมกันทุกคน อีกอย่างหนึ่งฝ่าบาทก็ทรงประสงค์อยากชมความสามารถบุตรชายหญิงทั้งหลายของเหล่าข้าราชบริพารด้วย"
"แล้วเกี่ยวกับข้าหรอท่านพ่อ" ลูกสาวเสนาบดีเสิ่นเอ่ยขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ
"ครั้งนี้ฝ่าบาทประสงค์เช่นนี้การกระทำทุกอย่างของบุตรทั้งหลายของเหล่าข้าราชบริพารย่อมแสดงถึงการสั่งสอนของบิดามารดาด้วยดังนั้น..ข้าจึงอยากจะให้เจ้าเตรียมการแสดงในวันนั้นด้วย แต่ว่า...พ่อรู้ดีว่าเจ้าเป็นคนยังไง งานแบบนี้เจ้าไม่เคยคิดจะไปอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องนี้พ่อก็แค่บอกเจ้าไว้ให้รับรู้เพราะพ่อไม่อยากให้พระสนมเอกเสิ่นนางขึ้นเเสดงสักเท่าไหร่เพราะนางแต่งออกไปแล้วก็เหมือนนํ้าที่โดนสาดออกไป แต่หากนางจะแสดงก็ไม่ผิดหรอกนะแต่หากจะให้นางทำพ่อก็ไม่ค่อยอยากจะรบกวนเพราะจวนเราไม่ได้มีลูกเพียงคนเดียว" เมื่อเสนาบดีเซิ่นพูดจบก็มองหน้าลูกสาวเพื่อดูแววตาว่าเธอคิดอะไรอยู่แต่แววตานั่นดูเหมือนไม่สามารถเข้าถึงได้เลยเสนาบดีจึงละสายตาแล้วกลับมาพูดต่อ
"แต่หากเจ้าไม่ยินยอมก็ไม่เป็นไร..เฮ้อ แต่พ่อทำใจกับเรื่องนี้มานานแล้วล่ะ พ่อรู้ว่ามันจะเป็นยังไงแต่พ่อก็เเค่อยากบอกเจ้า ความจริงมันถูกกำหนดตั้งสองเดือนที่เเล้วแต่พ่อไม่รู้จะบอกเจ้ายังไงดี ตอนนี้เวลากระชั้นชิดแล้วสิ่งที่พ่อพูดไปคงไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ"
เสนาบดีเสิ่นมองหน้าลูกสาวอีกครั้งแต่ใบหน้าและดวงตานั้นยังคงสงบ เยือกเย็นเช่นเคยไม่เคยเปลี่นและไม่ใช่เพียงตอนนี้เท่านั้นทั้งตั้งแต่เมื่อวาน วันก่อน เดือนที่แล้ว ปีที่แล้ว และทุกๆปีที่ผ่านมาก็ยังคงเป็นเช่นนี้เรื่อยมา
"ความจริง" หญิงสาวจ้องมองบิดากลับด้วยสายตาสงบ "ท่านพ่อไม่จำเป็นต้องบอกข้า ไม่จำเป็นต้องคิดให้ข้า เพราะท่านย่อมรู้ดีว่าข้าเป็นอย่างไร"
"นั่นสินะข้าก็รู้ดีว่าเจ้าต้องปฏิเสธ"
"........."
"เจ้าไปเถอะ ข้าหมดธุระแล้ว"
"ท่านพ่อ ข้าทูลลา"หญิงสาวคำนับบิดาแล้วก็เดินออกไปทันที
เสนาบดีเซิ่นมองดูลูกสาวเดินออกไป จนชุดสีเเดง
ฉ่านของลูกสาวหายลับไปจากกรอบประตูและได้แต่ถอนหายใจไปไม่พร้อมเอ่ยด้วยเสียงอันเบา"จิ๋วเอ๋อ..."
"คุณหนูนายท่านพูดอะไรกับคุณหนูหรือเจ้าคะ"มู่ซินเจี่ยสาวใช้ข้างตัวของจิ่วหลันถามคำถามนี้ซํ้าไปมาระหว่างออกจากจวนมหาเสนาบดีมา แต่ก็ไร้คำตอบของคำถามที่ถามไป
รถม้าหยุดนิ่งไป จิ่วหลันเดินลงมามาจากรถม้า ข้างหน้าเป็นสุสานวิญญาณของโต้วจินเซีย มารดาของจิ่วหลันผู้ล่วงลับไปในวันที่เธอเกิดมา จิ่วหลันวางช่อดอกไม้ลงข้างป้ายวิญญาณพร้อมนั่งลงตรงหน้านั้น
"ท่านแม่ข้ามาเยี่ยมท่าน..ท่านไม่ต้องเป็นห่วงชีวิตของข้าในตอนนี้เพราะทุกคนก็ดีกับข้าเหมือนทุกๆครั้งที่ข้าบอกท่านเสมอมา ท่านแม่ท่านว่าข้าควรตอบตกลงท่านพ่อดีหรือไม่"
ทุกสิ่งนิ่งเงียบไป แต่แล้วสายลมก็พัดมาเเว่วเสียงคำตอบ "เจ้ารู้ว่าเจ้ามีหน้าที่อะไร อย่าทำให้ใครต้องผิดหวังเพียงเพราะ ใจ..ของเจ้า"
จิ่วหลันนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับอำลา
"ท่านแม่ ข้าจะมาใหม่"
จิ่วหลันเดินกลับมาที่รถม้า มู่ซินเจี่ยที่เห็นก็รีบเดินเข้ามาถามทันที"คุณหนูทำไมวันนี้ท่านกลับมาเร็วกว่าปกติล่ะเจ้าคะ"
"แค่ไม่มีอะไรให้ต้องอยู่นาน!"
แล้วจิ่วหลันก็ก้าวขึ้นรถม้ามุ่งกลับไปยังจวนเสนาบดีฝ่ายขวา รถม้าวิ่งอย่างช้าๆเข้าสู่ตัวเมือง จิ่วหลันนั่งหลับตามาตลอดทางฟังเสียงผู้คนไปมา แล้วจิ่วหลันก็ลืมตาขึ้น"มู่ซินเจี่ย หยุดรถ"
แล้วรถม้าก็หยุดลง จิ่วหลันเดินลงจากรถม้า มู่ซินเจี่ยจึงรีบถามขึ้นทันที "คุณหนูให้ตามไปมั้ยเจ้าคะ"
"ไม่ต้องรอข้า"จิ๋วหลันตอบโดยไม่ได้หันกลับมามองพร้อมเดินเข้าไปปะปนกับฝูงชน แต่มู่ซินเจี่ยก็ยังมองตามจิ่วหลันไปเพราะสังเกตง่ายมาก 'ชุดแดงสดขนาดนั้น'
จิ่วหลันเดินเข้าไปในโรงละครแล้วเดินไปนั่งโต๊ะด้านที่ลับตาคนที่สุด คนยกนํ้าชายกชามะลิกับขนมก๊วย ฮวามาให้จิ่วหลันทันทีอย่างคนที่รู้ดีมากคนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนอยู่แล้วเพราะคนในโรงละครต่างรู้ดีว่าหากหญิงสาวชุดแดงหน้าตาสวยดูมีชาติตระกูลเข้ามาเมื่อไหร่ ไม่จำเป็นต้องถามอะไรทั้งนั้นเอาเพียงชามะลิกับขนมก๊วยฮวามาก็พอแล้ว เพราะคนในนี้ต้องรู้ว่าคุณหนูเสิ่นจิ่วหลันชื่นชอบที่สุด..
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments