หลี่หลินเฟย
เสียงอาละวาดที่ดังขึ้นในห้องเก็บของ เสียงขว้างปาข้าวของตามด้วยเสียงร้องไห้สร้างความสำราญใจให้แก่สองแม่ลูกที่อยู่ด้านนอกนัก รูปโฉมงดงามแล้วอย่างไรสุดท้ายก็เป็นได้แค่อนุของเจ้าเมืองแก่ ๆ
ตัวข้า หลี่หลินเฟย รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในห้องเก็บของ คงเป็นฝีมือใครไปไม่ได้นอกจากสองแม่ลูกมหาภัยนั่น
นึกย้อนกลับไป
ข้า ผู้ซึ่งไร้มารดาคุ้มหัวตอนอายุสิบสามหนาว บิดาก็แต่งภรรยาใหม่ นาม หวงจิวฮุ่ย หญิงม่ายที่มีบุตรสาวอายุน้อยกว่าข้าเพียงหนึ่งเดือนติดสอยห้อยตามมาด้วย นาม หวงจิวซิน ในปีเดียวกันกับที่สิ้นมารดา ในสองปีมานี้ข้าต้องสู้รบตบมือกับสองแม่ลูกคู่นี้มาตลอดเพื่อความอยู่รอดของตัวเองจนข้าที่เป็นบุตรตอนนี้แม้แต่บ่าวรับใช้ยังมีความเป็นอยู่ดีกว่าเสียด้วยซ้ำ
พอพ้นวันปักปิ่นมาเพียงเดือนเดียวบิดากลับตายจากไปอีกคน ทิ้งข้าไว้เผชิญชะตากรรมต่อสู้กับมารดาเลี้ยงผู้โฉดชั่วผู้นี้ ที่พอสิ้นบิดาได้แค่สามเดือนก็ยกข้าให้แต่งเป็นอนุของขุนนางแก่คราวพ่อที่เป็นเจ้าเมืองอีกต่างหากตัวข้าหรือจะยินยอม
"ในเมื่อท่านเป็นผู้ตอบรับก็ส่งบุตรสาวท่านไปเถอะอย่ามายุ่งกับข้า"
"หนอย ข้ารึอุตส่าห์หวังดีอยากให้อยู่อย่างสุขสบาย ยังจะมายอกย้อน นังตัวดียังไงเจ้าก็ต้องแต่งให้ท่านท้าวซู ข้ารับของหมั้นเขามาแล้ว"
ท่านเจ้าเมือง ซูอี้จง ขุนนางเฒ่า มากเล่ห์บ้าตัณหาที่เป็นเจ้าเมือง เมืองหนานหยาง แห่งแคว้นอู๋ในรัชสมัย ฮ่องเต้ อู๋หย่งไท่ เมืองหนานหยางแห่งนี้ตั้งอยู่สุดเขตแดนของแคว้นอู๋ ติดกับแคว้นจ้าว ซึ่งเป็นบ้านพี่เมืองน้องพึ่งพาอาศัยกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษซึ่งสงบสุขเป็นอย่างดีตลอดมา ถึงแม้ว่าเจ้าเมืองจะเจ้าเล่ห์ หน้าเลือด แต่เป็นพระญาติของสนมของฮ่องเต้พระองค์หนึ่งจึงได้ใช้เส้นสายมาเป็นเจ้าเมืองที่นี่ เมืองนี้เป็นเมืองแห่งการค้าเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างแคว้นจึงทำให้มีแต่พวกพ่อค้าเดินทางเข้าออกทำให้ชาวเมืองมีรายได้ตลอด
"ท่านเป็นผู้รับ ท่านก็แต่งเองสิ ข้าในตอนนี้ก็อยู่สุขสบายดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาคิดเผื่อข้า"
" ข้าขอเตือนไว้ก่อนว่าท่านกับข้าตอนนี้หาได้เป็นอันใดกัน หากยังเจ้ากี้เจ้าการเรื่องของข้าอีกอย่าหาว่าข้าใจร้าย"
" เจ้า เจ้าคิดจะขู่ข้าหรือนังเด็กสารเลว เจ้าอย่าลืมนะว่าตอนนี้ข้าเป็นเจ้าของจวนนี้ ข้าจะเฉดหัวเจ้าออกไปตอนนี้เลยก็ได้"
" ไม่ต้องถึงกับเฉดหัวข้าหรอก เพราะข้าไม่คิดจะอยู่ในจวนที่เหลือแต่เปลือกนี่อยู่แล้ว"
เดิมทีจวนนี้นั้นเป็นจวนตระกูลหลี่ของนายท่าน หลี่ฟงหมิ่น เจ้าของร้านยาสมุนไพรขนาดใหญ่ที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนมือไปแล้ว เหลือแต่จวนตระกูลหลี่ที่ตอนนี้กำลังทยอยขายข้าวของมีค่าออกไปให้สองแม่ลูกจับจ่ายมือเติบ จนตอนนี้คิดจะขายข้าอีก ชั่วช้าเสียจริง แต่อย่าได้หวังเพราะข้าก็กำลังคิดจะออกไปจากที่นี่คงต้องไปพึ่งใบบุญของท่านลุงที่เป็นพี่ชายคนเดียวของมารดาและเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่แต่ท่านลุงอยู่ไกลถึงเมืองหลวงเคยมาเยี่ยมเยียนข้ากับท่านแม่เมื่อหลายปีก่อนแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ข้าคงต้องคิดหาทางอีกที
ข้าที่จำได้ว่าก่อนจะเข้านอนได้ดื่มน้ำชาที่วางไว้ในห้อง แล้วจึงล้มตัวลงนอนพอลืมตาขึ้นมากลับพบว่าตัวเองมานอนอยู่ในห้องเก็บของเสียได้ พยายามหาทางออกอยู่นานก็พบว่ามันถูกปิดจากภายนอกทั้งหมด อย่าให้ข้าออกไปได้ข้าจะเอาคืนให้สาสม
"คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ"
ข้าที่ตอนนี้หมดอาลัยตายอยากเงยหน้าที่ดวงตาแดงก่ำ หันมองหาเสียงเรียกแสนคุ้นเคยที่ไม่ได้ยินเสียนาน
"บนนี้เจ้าค่ะ บ่าวอยู่ข้างบนนี้"
รีบเงยหน้าขึ้นไปบนหลังคาที่มุงด้วยกระเบื้องเก่าๆ เห็นอดีตสาวใช้คนสนิทที่ถูกขายออกไปเป็นคนแรกๆหลังสิ้นบิดาด้วยข้อหาขโมย เพราะหวงจิวฮุ่ย ร่วมมือกับมือปราบคนนึงของทางการจนนางไม่สามารถช่วยเหลือได้ แต่ทำไมนางถึงมาอยู่นี่ได้
"ซิ่วอิง เป็นเจ้า มาอยู่นี่ได้อย่างไรกัน"
"คุณหนูอย่าพึ่งถามเลยเจ้าค่ะ รีบออกมาก่อนตอนนี้ฮูหยินกับคุณหนูจิวซินกำลังเดินทางไปจวนท่านท้าวซูเพื่อให้มารับตัวคุณหนูแล้วเจ้าค่ะ"
หลินเฟยเลยนำตั่งเก่ามาใช้ปีนขึ้นไปบนหลังตู้ที่สูงเอาการแล้วค่อยๆไต่ขึ้นไปบนช่องหลังคาที่ซิ่วอิงยกแผ่นกระเบื้องออกให้นางลอดออกไป พอลงมาถึงพื้นด้านล่างเล่นเอานางขาแข้งสั่น
" รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ"
" เดี๋ยว รอข้าสักครู่"
หลินเฟยรีบวิ่งกลับไปนำกล่องเครื่องประดับและตั๋วเงินของมารดาที่นางเก็บซ่อนเอาไว้ แล้วส่งให้ซิ่วอิงถือไว้ ส่วนนางก็จุดไฟเผาเรือนเก็บของและครัวที่ติดกัน
"คุณหนู ทำอะไรเจ้าคะ"
"หึ เอาคืนเล็กๆน้อยๆ เท่านั้น ไปกันเถอะ"
กว่าจะมีคนมาพบคงเสียหายไม่น้อยแน่ สองนายบ่าวเดินออกไปทางประตูหลังอย่างสบายใจ เพราะไม่ต้องกลัวใครเห็นเพราะจวนนี่บ่าวไพร่ถูกขายออกไปหมดแล้ว
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments