ท่านอ๋องคนงาม 2 พบเจอคนไกล (1)

ท่านอ๋องคนงาม 2 พบเจอคนไกล

รัชศกที่ 9 ในราชวงศ์หลง ฮ่องเต้ หลงจื่อฝาน

พระสนมหลิน หลินเผิง ตำหนักกุ้ยหยา ถูกสังหารโดยกลุ่มมือสังหารไร้นามไม่อาจตามหาล่องลอยผู้อยู่เบื้องหลังได้ การตกตายของกลุ่มมือสังหารทั้งกลุ่มเป็นเพราะทหารเสริมตามมาทันและฆ่าล้างจนหมดสิ้นจึงไม่อาจสอบถาม ช่วยชีวิตอ๋องหลิน สายเลือดมังกรไว้ได้แต่ไร้ความสามารถรักษาชีวิตพระสนม จึงรับสั่งประหารทหารและธารกำนันในเหตุการณ์ทั้งหมด อ๋องหลินไร้ซึ่งมารดามีรับสั่งย้ายไปอยู่ตำหนักโม่ฉาย ตามคำขอของพระสนมอวิ๋น

รัชศกที่ 15 ในราชวงศ์หลง ฮ่องเต้ หลงจื่อฝาน

องค์รัชทายาท หลงชินหยาง ศึกษาเล่าเรียนในสำนักฝึกยุทธ์ถึงขั้นนภาเป็นที่ชื่นชมของคณาอาจารย์ ผู้อาวุโสสร้างชื่อเสียงแก่ราชวงศ์ เป็นความภาคภูมิใจของฮ่องเต้

อ๋องฮุ่ย หลงหมินเซียน ปรีชาศาสตร์การปกครองและการเดินหมาก แก้ปัญหาข้าวยากหมากแพงได้รับความนิยมในหมู่ชน เป็นที่ชื่นชมของฮ่องเต้

อ๋องอวิ๋น หลงชิงเล่อ ดีดพิณบรรเลงคราใดแม้แต่สวรรค์ก็หยุดสดับฟังราฏรสรรเสริญให้บรรเลงขับกล่อมให้แก่ทวยเทพทุกเดือนหวังให้เทพประทานพรให้บ้านเมืองสงบร่มเย็น เป็นที่รักของฮ่องเต้

อ๋องหลิน หลงเฟิงถาง แม้นมารดาสิ้นก็ไร้ซึ่งคุณธรรม ไม่เห็นแก่บิดาผู้เป็นถึงเจ้าแผ่นดิน เริงรมณ์เคล้าโลกีไม่สนใจบ้านเมือง ฮ่องเต้ไม่เหลียวแล

“เฟินถาง เฟินถางเจ้าจะรีบไปที่ใดกัน”

เสียงเรียกดังตามหลังร่างโปร่งในชุดสีครามที่เดินนำหน้าลิ่วไปไกลราวกลับกำลังเร่งรีบเพื่อให้ทันก่อนประตูปิดอย่างไรอย่างนั้น ส่วนคนที่ตามมาก็วิ่งตามมาแต่ก็ไม่สะดวกนักเพราะผ้าคลุมสีดำที่ปกปิดใบหน้านั้นบังทิศนียภาพไม่น้อย จะเดินเหินก็เกรงจะไปชนถูกใครจนเป็นเรื่องได้

ในที่สุดคนตรงหน้าก็หยุดและหันกลับมาด้วยใบหน้าหงุดหงิด “ชู่! ใครให้เรียกชื่อนี้กัน เดี๋ยวก็โดนจับกลับไปนั่งตาเหลือกหรอก” การนั่งตาเหลือกนั้นเป็นคำเปรียบเปรยที่เจ้าตัวตั้งขึ้นมาเอง เพราะเวลาที่ต้องเรียนกับท่านอาจารย์ผู้เฒ่าทั้งหลายนั้นรู้สึกราวกับวิญญาณหลุดจากร่างอย่างไรอย่างนั้น

นั้นจึงเป็นเหตุผลที่เด็กหนุ่มมทั้งสองมาปรากฏตัวอยู่ในซอกซอยตลาดแทนที่จะเป็นศาลาเรียน

“ก็เจ้าเอาแต่เดินไม่รอข้า หากไม่ทำเช่นนีข้าคงคลาดกับเจ้าไปแล้ว” คนที่เพิ่งเดินตามมาทันทำหน้างอเล็กน้อยแต่คนที่โดนกล่าวหาว่าเดินเร็วก็รู้ดีว่าเจ้านี่ตั้งใจเดินช้าเอง สังเกตได้ง่ายๆ ที่บนใบหน้าไม่มีล่องรอยของเหงื่อหรือความเหนื่อยล้าเลย

“ว่าข้าได้เช่นไร ทางนี้หาใช่มาคราแรกเสียเมื่อไหร่มีหรือจะตามหาไม่เจอ ถึงอย่างไรก็ต้องรอเจ้าที่ร้านเกวียนที่เดิมอยู่ดี” เฟิงถางเอ่ยอย่างเบื่อหน่าย หวังว่าจะได้รับอะไรที่บ่งบอกว่าอีกฝ่ายยอมแพ้และเลิกก่อกวน แต่กลับได้กิริยาตอบรับเป็นการยักไหล่เล็กน้อยเท่านั้น ก่อนจะคว้ามือคนตรงหน้ามาจับเอาไว้แน่นแม้ว่าจะพยายามสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดจนคนถูกคุมตัวได้แต่เรียกชื่ออีกอย่างอย่างขัดใจ

“เรียกชื่อข้าทำไม หลงชิงเล่อ เจ้าจำไม่ได้หรือไร อีกอย่างแอบออกมาเช่นนี้ชื่อนี้ใช้การได้ที่ใดกัน” อวิ๋นชิงเล่อเพีงกระตุกยิ้มมุมปากแล้วเร่งอีกฝากให้นำทางไปต่อ

“เจ้าก็เป็นเช่นนี้ตลอด ทำทีเป็นเดินไม่ทันแล้วสุดท้ายก็มาคุมเข้มข้า”

“คุณชายหลินถาง จะไปหรือไม่ไป”

“คุณชายอวิ๋นเล่อ เจ้าก็เลิกข่มขู่แล้วไปเสียที!”

หลงชินเล่อ อ๋องอวิ๋น ในราชวงศ์หลง ฮ่องเต้ หลงจื่อฝาน ตั้งแต่จำความได้เฟิงถางก็เป็นดั่งเพื่อน พี่น้องและคนที่เขาไว้ใจมากที่สุด นั้นอาจเพราะพระสนมอวิ๋น มารดาของเขานั้นสนิทสนมกับพระสนมหลิงมากที่สุด

ตั้งแต่วันนั้นที่พระสนมหลินสิ้นไปเฟิงถางก็แทบจะกลายเป็นเด็กเก็บตัวร้องไห้อยู่ภายในห้องของตัวเองที่ตอนนี้ก็ยังคงใช้ห้องนั้นอยู่ แน่นอนว่าห้องนั้นไม่ได้อยู่ตำหนักกุ้ยหยาที่เป็นตำหนักของพระสนมหลิง หรือตำหนักโม่ฉาย แม้ว่าเมื่อเติบใหญ่จะเคยลองเลียบเคียงถามถึงตำหนักกุ้ยหยาแต่เฟิงถางก็เพียงตอบกลับมาว่า

“หากกลับไปก็คงจมอยู่กับอดีต หากเจ้ากับพระสนมไม่เหนื่อยกับตัวข้านักข้าก็ขออยู่ที่นี่ต่อ ข้าดูหน้าหนารึไม่”

คิดถึงตอนนั้นที่เจ้าหล่อนพูดก็คงได้แต่ส่ายหัวแล้วยิ้มเอ็นดู

ตอนนี้คนที่รู้ว่าเฟิงถางเป็นสตรีคงจะมีเพียงตัวอวิ๋นอ๋องเองและพระมารดา เพราะวันนั้นที่เกิดเรื่องผมก็ให้นางกำนันไปเรียกท่านแม่มาด้วยความเป็นเด็กจึงทำอะไรไม่ถูก พระสนมอวิ๋นมาจัดการเรื่องราวปล่อยให้อ๋องอวิ๋นพาเจ้าตัวน้อยกลับไปพักผ่อนที่ตำหนักแม้ว่าเฟิงถางจะดิ้นสะบัดหนีแค่ไหนก็ตาม

ใช่ว่าอยากใจร้าย แต่การสิ้นชีพของพระสนมหลินไม่อาจปล่อยให้เป็นแผลเป็นลึกในใจของเฟิงถางไปมากกว่านี้ เมื่อพามาถึงตำหนักโม่ฉายก็ช่วยเฟิงถางเปลี่ยนเสื้อผ้าแต่ในระหว่างที่ถอดเสื้อก็เห็นผ้าคาดแปลกๆ ที่ตนไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อเอ่ยถามจึงรู้ว่านี่เป็นผ้าคาดที่พระสนมหลินให้รัดเอาไว้ถ้าปล่อยออกมาก็จะไม่ใช่คนเดิม

ด้วยความเป็นเด็กจึงคิดสงสัยว่าหากถอดผ้าคาดจะไม่ใช่คนเดิมได้อย่างไรจนได้ยินคำตอบว่าเป็นชื่อที่เปลี่ยนไป หากผ้าคาดนี้ยังอยู่จะชื่อเฟิงถาง แต่หากปลดมันออกนางก็คือเฟิงเยว่

ครานั้นเมื่อเห็นว่าเฟิงถางเบนความสนใจมาที่เสื้อผ้าแล้วเลยให้เจ้าตัวจัดการตัวเองและเข้านอน หลังจากนั้นจึงไปแอบถามกับพระมารดาจนรู้ความจริงแต่เพื่อปกปิดความลับและไม่อยากให้อยู่คนเดียวจึงต้องจำใจให้พักห้องเดียวกันไปก่อน เมื่อโตขึ้นอีกหน่อยพระสนมอวิ๋นจึงอธิบายให้ฟังถึงความแตกต่างระหว่างเพศชายและหญิงให้นางฟัง

และนั้นก็เป็นวันที่เด็กหนุ่มได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเพศของคนตรงหน้า

ได้แต่หวังว่าจะไม่ทำให้เกียรติของนางเสียหายในยามที่ความจริงเปิดเผย แม้ว่าจะมีชายหนุ่มบางคนหลงหน้ามืดมาชื่นชอบขณะแอบลอบหนีเที่ยวหลายคราจนเป็นที่ขบขันของร่างบางที่สวมชุดบุรุษได้สมชายชาตรี

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเป็นบุรุษอยู่ดี

และคนที่ทำให้ท่านอ๋องอวิ๋นผู้ปรีชาศาสตร์การบรรเลงต้องมาขบคิดอยู่นั้นกำลังยิ้มแย้มด้วยดวงตาประกายกับของมากหน้าหลายตาตามแผงลอยตรงหน้าไม่ได้สนใจชายหนุ่มข้างหลังเลยแม้แต่น้อย

นั้นก็เพราะวันนี้เป็นวันแรกที่เรือต่างแคว้นมาจอดที่ท่าเรือ พวกเขาจะนำของมาขายเป็นแผงในพื้นที่ไม่ไกลจากเรือสำเภาลำใหญ่นั้น

แต่เห็นนางมีความสุขย่อมดีกว่าจมอยู่กับความทุกข์ระทมกับเรื่องราวในอดีต ยิ่งนางเศร้าหมองคนเฝ้ามองเช่นเขาจะทำเช่นไรได้อีก

“Mr. Lin? ”

Talk

*รัชศก นับตั้งแต่ฮ่องเต้องค์นั้นขึ้นครองราชย์

---------------------

เอาล้าววว

ใครเรียกน้องเยว่กันนน

มาตามต่อตอนหน้า เจอกันค่ะ อิอิ

แล้วก็อยากสอบถามว่า

ในช่วงที่เป็นคุยกับลุงชาลอยากให้พิมพ์เป็นไทยไปเลยมั้ยคะ

หรือว่าเป็นภาษาอังกฤษแบบนี้ดีแล้วหรือเปล่า

แต่กลัวภาษาอังกฤษใช้ผิดๆ ถูกๆ ง่า

ยังไงฝากคอมเม้นต์บอกได้เลยนะงับ พร้อมแก้ไขค่า

ฝากติชมเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ รักรีดทุกคนค่า

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!