ฉันกลืนน้ำลายลงคอ ให้ตายเถอะ! นอกจากฉันต้องระแวดท่านประทาน แล้วนี่ยังต้องมาเหนื่อยตอบคำถามของท่านรองอีกเหรอเนี่ย
"เรียนท่านรอง ท่านประธานเรียกดิฉันเข้าไปแก้งานค่ะ"
"แก้งาน?"
ท่านรองเอียงหน้ามองฉัน แววตามีความสงสัยแต่ก็เย้ยหยัน อากาศรอบตัวเริ่มอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ แรงกดอากาศก็เหมือนจะต่ำลงทุกทีๆ ลมหายใจเริ่มติดขัด หายใจไม่ทั่วท้อง
สายตาเริ่มที่จะดุดันของท่านรองทำเอาฉันเย็นสันหลังวาบ
"เขาไม่มีเลขาเป็นของตัวเองเหรอ ถึงได้มาแย่งของคนอื่นไปง่ายๆ"
"มีค่ะ"
"แล้วทำไมคุณยังทำงานให้เขาล่ะ"
"เพราะท่านประธานเป็นเจ้านายของดิฉันค่ะ"
"แล้วผมไม่ใช่เจ้านายคุณใช่ไหม คุณถึงไม่ทำงานให้ผม"
"เรียกท่านรองอีกครั้ง ท่านก็คือเจ้านายที่ดิฉันเคารพเช่นกัน แต่จะให้ดิฉันทำยังไง ในเมื่อดิฉันก็แค่ลูกจ้างคนหนึ่งเท่านั้น เมื่อเจ้านายสั่ง ดิฉันมีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธหรือคะ"
แววตาที่ดูดุเริ่มอ่อนลง เมื่อฟังคำอธิบายของฉันจบ ฉันจับจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาประหนึ่งปติมากรรมระดับโลก เขาเงียบไปสักครู่ก่อนที่จะออกคำสั่งที่ทำเอาฉันเหนื่อยใจ
"พรุ่งนี้คุณกลับมาทำงานที่เดิม ไม่ต้องย้าย"
"ฉันเกรงว่าจะไม่ได้"
เสียงทุ้มทรงอำนาจแผดออกมาจากทางด้านหลังของฉัน ฉันหันไปมองดูก็รู้ได้ทันทีว่าเรื่องนี้คงยากที่จะจบลงอย่างสงบสุข
"ท่านประธานคะ..."
"คุณไม่ต้องพูด ผมจะจัดการเอง"
ท่านประธานเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยท่าทีสบาย เหมือนว่าที่แห่งนี้คือห้องทำงานตัวเอง ท่านรองลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานที่นั่งประจำตำแหน่ง ขายาวๆก้าวเดินอย่างมั่นคงไปยืนตรงหน้าท่านประธาน ฉันกลัวว่าเขาทั้งสองจะซัดหน้ากันจังเลย ด้วยแววตาที่สบประสานกันอย่างแข็งกร้าว
"ไม่ทราบว่า ท่านประธานทำไมถึงแย่งลูกน้องของผมไปล่ะครับ"
"เพราะฉันถูกใจคนนี้"
ท่านประธานหันมามองหน้าฉันก่อนที่จะยิ้มมุมปาก ฉันก็ได้แต่ยืนเอามือมาประสานกันไว้ด้านหน้าและยืนรับฟังอย่างเงียบๆ
"ท่านถูกใจเลขาผม แต่ไม่ไยดีเลขาตัวเอง ท่านเสียมารยาทกับผมจริงๆ"
"เลขาที่ฉันส่งมาแลกเปลี่ยน เธอก็ทำงานใช้ได้ ถึงแม้จะไม่ได้เก่งอะไร"
"แลกเปลี่ยน?"
ท่านรองทวนคำพูดเขาก่อนที่จะหัวเราะในลำคอ ใบหน้าที่แสดงออกอย่างชัดเจนข
องท่านรองว่าไม่ชอบใจเอามากๆ
"ท่านคิดว่าเลขาทั้งสอง เป็นสิ่งของรึไง"
" ถูก พวกเธอไม่ใช่สิ่งของ แต่ฉันถูกใจเลขาอิงที่ตั้งใจมารับฉันที่สนามบิน เจ้านายในฝ่ายตัวเองไม่ใช่ พอฉันมาเห็นทีมเลขาของตัวเอง ฉันก็ยังแปลกใจว่าทำไมถึงไม่ใช่เลขาอิงเดือนที่ไปรับฉัน"
"แล้วยังไงล่ะครับ ท่านจะมาฉกแวยไปแบบนี้ยังไงก็ไม่ถูกต้อง"
"เลขาเมย์ก็เป็นมือวางอันดับหนึ่งของผม เลขาอิงเดือนก็เป็นมือวางอันดับหนึ่งของคุณ ฉันก็ว่ามันก็ยุติธรรมดี"
ท่านประธานตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งดุจน้ำเย็นยะเยือกกลางหุบเขา แต่ท่านประธานก็คงจะเย็นไม่อยู่ทรงแล้วล่ะ
"ใช่ ขอเรียนให้ท่านเอาคนท่านกลับไปด้วย ถึงยังไงผมก็ยกเลขาอิงให้ไม่ได้"
"ไม่ได้หรอก ฉันตั้งใจจะอัพเงินเดือนให้เลขาอิง ที่ตั้งใจทำงานอย่างสุดแรงกาย โดยที่ไม่เกลี่ยงเลือกงานเลย"
"ถ้าจะพูดกันตามตรง การที่เลขาอิงไปรับท่านมันก็เป็นเหตุสุดวิสัย เป็นเรื่องของน้ำใจ ไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร ถ้าท่านอยากจะให้รางวัลเลขาอิงผมจะจัดการให้"
"เหมือนคุณจะหวงเลขาอิงมากนะ"
"ท่านก็เหมือนอยากจะแย่งไปให้ได้เหมือนกัน ถึงท่านจะถูกใจเลขาอิงขนาดไหน แต่ก็น่าจะสำนึกสักหน่อยว่าเธอคือของคนอื่น"
???
เอ๊ะ ทำไมคำพูดมันเริ่มจะแปลกขึ้นเรื่อยๆ สายตาท่านรองประธานมองมาที่ฉัน แต่่ก็ไม่สามารถคาดเดาความหมายได้
"ขออนุญาตค่ะ"
"เงียบ! / เงียบ!"
"ค่ะ"
อีตาสองคนนี้นี่มันอะไรกัน เป็นเด็กกันรึยังไงถึงได้มาเถียงกันต่อหน้าลูกน้อง โดนไม่นึกถึงหน้าตาและตำแหน่งของตัวเอง ให้ฉันกลับมาทำงานที่เดิมก็จบให้ตาย โตแต่ตัวกันจริงๆ ฉันล่ะเหนื่อยกับการที่ต้องมาฟังคนทะเลาะกันจริงๆ วันๆฉํนต้องฟังตั้งหลายคน ใช้ว่าฉันจะทำงานให้คนใดคนหนึ่งตลอดหนิ
ฉันแอบตวัดสายตามองผู้ชายร่างโตสองคนนี้ด้วยความไม่ความไม่พอใจ เมื่อเห็นท่าทางที่เอาแต่ใจของทั้งคู่ก็ยิ่งทำให้ฉันอย่างจะกระโดดถีบเขาที่สองออกนอกหน้าต่างไปเลยจริงๆ เป็นถึงผู้บริหารทั้งสองคนทำไมถึงเลือกเจรจากันดีๆไม่เป็น
"คุณก็พูดเหมือนว่า...คุณรักเธออย่างงั้นแหละ"
" ใช่ ผมรักเธอ"
ฉันเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อท่านรองพูดออกมาอย่างรวดเร็วและแทบจะทันที ท่านประธานเองก็มองหน้าเขาด้วยเช่นกันถึงแม้ว่าจะไม่ได้แสดงอาการอะไร แต่ก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่ขุ่นมัว
"เลขาอิงร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา เจออุปสรรคมาด้วยกัน แล้วจะไม่ให้ผมรักลูกน้องแบบนี้ได้ยังไง แต่ท่านจะมาแย่งไปดื้อๆแบบนี้ มันไม่หน้าด้านไปหน่อยเหรอครับ"
ท่านรองยิ้มมุมปากให้ท่านประธาน เป็นการประกาศว่าเขาเองก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรในตัวเขาเลย ท่านประธานลุกขึ้นเต็มความสูง เขามองท่านรองเพียงชั่วครู่ก่อนที่จะเบียงหน้ามาทางฉันด้วยสายตานิ่งสงบ
"เลขาอิง คุณยังต้องทำงานให้ผมเหมือนวันนี้และมันจะเป็นแบบนี้ไปทุกวัน มิตรภาพมันอาจจะดี แต่ความก้าวหน้าทางหน้าที่การงานมันคือสิ่งที่คุณควรคว้าเอาไว้อันดับแรก เงินที่เพิ่มสูงขึ้นจะทำให้คุณสุขสบายมากขึ้น"
"เหมือนว่าท่านจะไม่ฟังผมพูดเลยสินะ....ผมบอกว่า...."
"หยุดกันก่อนเถอะค่ะ"
และแล้วความอดทนที่มีขีดจำกัดของฉันก็ได้หมดลง ฉันไม่ใช่ตุ๊กตานะ ที่จะคอยมาแย่งกันไปมา พอเบื่อแล้วก็ทิ้ง สองคนนี้ไม่ได้นึกถึงจิตใจคนอื่นเลยแม้แต่หน่อย คนรวยนี่มันเห็นแก่ตัวกันทุกคนเลยรึเปล่าเนี่ย
"เรียนท่านบริหารทั้งสองท่าน ดิฉันได้ฟังและวิเคราะห์สิ่งที่ท่านทั้งสองยกขึ้นมาเป็นประเด็นแล้ว ดิฉันไม่เห็นว่ามันจะสำคัญตรงไหน ในเมื่อดิฉันก็ทำงานให้กับบริษัทพวกท่าน ไม่ใช่ทำงานเพื่อคนใดคนหนึ่ง ผลประโยชน์สูงสุดตรงเกิดที่บริษัท หากท่านมัวแต่แย่งดิฉันไปมาแบบนี้ ดิฉันเองก็กลัวว่าเลขาเมย์จะน้อยใจ ดิฉันอยากให้ท่านเห็นใจทีมเลขาคนอื่นๆด้วย และที่สำคัญดิฉันไม่ได้ทำงานให้ทั้งกับท่านประธานและท่านรอง ดิฉันตั้งใจที่จะเห็นJL กรุ๊ป เจริญก้าวไกลไปกว่าษริษัทคู่แข่ง เพราะฉะนั้นอย่ามาทำเหมือนว่าดิฉันเป็นสิ่งของ "
ฉันค่อยๆสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วค่อยๆพ่นออกมาเบาๆเพื่อที่จะสงบอารมณ์ร้อนที่มันกำลังจะปะทุออกมา การเป็นเลขาไม่ง่ายเลย มันต้องมีความอดทนมากจริงๆ
"หรือว่าท่านผู้บริหารทั้งสอง อยากที่จะแข่งการทำผลงานโดยที่ไม่นึกถึงจิตใจของลูกน้อง"
ฉันตวัดสายตาขึ้นมองท่านประธานและท่านรองสลับกันสองสามรอบ
"ตอนนี้ดิฉันคิดว่า การที่ท่านทั้งสองมาแย่งดิฉันไปมาแบบนี้มันไม่เป็นผลดีมากนัก ท่านกำลังจะสร้างความสับสนให้กับพนักงานฝ่ายอื่นๆ และดิฉันเองก็ไม่ได้รู้สึกดีที่ถูกท่านแย่งกันไปมาเหมือนกับตุ๊กตาที่พอหมดสภาพแล้ว ก็โยนทิ้ง"
"คุณพูดแบบนี้ นั่นหมายถึงว่าคุณยอมรับที่จะเป็นเลขาท่านประธาน"
ท่านรองถามฉันอย่างจริงจัง และแน่นอนว่าฉันต้องตอบออกมาให้มันกระทบจิตใจฝ่ายตรงข้ามให้น้อยที่สุด
"ดิฉันดีใจและยินดีที่ได้รับความรู้สึกดีและความไว้เนื้อเชื่อใจจากท่านรอง แต่ตอนนี้ดิฉันได้ถูกเปลี่ยนตัวกับเลขาเมย์แล้วนั่นแสดงว่าหน้าที่ของพวกเราได้สลับปรับเปลี่ยนไปด้วยแล้ว การที่จะให้ห้วนคืนกลับมามันก็เป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ และแน่นอนว่าบอร์ดผู้บริหารท่านอื่นก็คงไม่อยากที่จัรับรู้เรื่องไร้สาระเท่าไหร่นัก และมันยังแสดงถึงความคิดและบุคลิกภาพทั้งสองท่านด้วย ดิฉันไม่ชอบการเลือกฝ่าย แต่จะให้ดิฉันเป็นกลางก็ไม่ได้ เพราะความเป็นกลายสุดท้ายและมันต้องเอนเอียงไปฝั่งใดฝั่งหนึ่ง และถึงแม้ว่าดิฉันจะทำงานให้กับท่านประธานเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อท่านรองอยากให้ดิฉันช่วยเหลือเรื่องงาน ดิฉันก็ยินดีที่จะช่วย เพราะว่าดิฉันทำงานให้กับบริษัทไม่ใช่บุคคล"
ฉันเผลอหันไปมองท่านประธานก็ได้เห็นรอยยิ้มของผู้ชนะจางๆจากริมฝีปากและดวงตา เมื่อเห็นรอยยิ้มนี้ทำให้ฉันนึกถึงคืนวันนั้นที่เราเจอกันครั้งแรก นี่เป็นรอยยิ้มที่เขาใช้ในวันนั้น และก็ไม่น่าเชื่อว่าโชคชะตาจะเล่นตลก นำพาพวกเรามาบรรจบเจอกันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าว่าการเตอกันครั้งนี้มันจะมีความคลุมเคลือในความชัดเจน ฉันเองก็ไม่อยากให้เขาจำฉันได้
ถ้าเขาจำฉันไม่ได้จริงมันก็ดีสิ
ถ้าเกิดว่าเขาไม่รู้ว่ามีเด็กน้อยสองคนเป็นลูกมันก็ดีแล้ว เพราะฉันเองก็ไม่อยากมากังวลใจแบบนี้
ฉันเองก็หวังว่าเขาจะจำฉันคนในเมื่อสามปีก่อนนี้ไม่ได้ตลอดไป เพราะมันคือผลดีทั้งของฉันและเขา ฉันจะได้ไม่ต้องหนี และ ไม่ต้องเสียงานที่มั่นคงแบบนี้ไป
ส่วนเขาก็เป็นเจ้านายของฉันต่อไป ฉันไม่อยากให้เรื่องราวเมื่อสามปีก่อนมาฝุดสะกิดความจำของเขา อย่าเลยนะ อย่าจำฉันได้เลย
"เหมือนว่าเลขาอิงจะชอบมองหน้าผมจริงๆด้วยนะ"
ฉันกระพริบตาไล่ความคิดทั้งหมดออกไป ท่านประธานมองฉันยิ้มๆแต่มันก็ไม่ใช่แบบเดียวกับที่เห็นเมื่อสามปีก่อน เพราะรอยยิ้มตอนนั้นมันตรึงใจและติดตามาถึงทุกวันนี้
ฉํนเบียงหน้าไปทางอื่นแต่ก็ดันเป็นทางที่ท่านรองยืนอยู่ ฉันแสร้งทำเป็นไม่เห็น
"ถ้าจบเรื่องราวแล้ว ดิฉันขอตัวค่ะ"
ฉันเดินออกจากห้องไปทันทีที่พูดจบ พอออกมาก็เห็นพนักงานต่างมองมาที่ฉันอย่างอยากรู้อยากเห็น แต่ฉันเลือกที่จะเดินหนีไป และฉันเองก็คาดว่าท่านประธานก็คงเดินตามออกมา
"ขอบคุณนะที่เลือกที่จะอยู่กับผม"
เขาเดินมาประกบข้างฉัน ฉันเงยหน้ามองเขาชั่วครู่ก่อนที่จะตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
"ท่านเป็นเพียงหัวหน้าดิฉัน แต่จริงๆแล้วดิฉันทำงานให้กับทุกคน การที่ดิฉันจะไปทำงานฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแต่หน้าที่หลักก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป"
"แต่ก็ยังดีที่คุณไม่หักหน้าผม"
ฉันยิ้มออกมาบางๆ แล้วคิดว่าฉันไม่ใช่เด็กที่จะต้องมาคอยเอาชนะ
"ดิฉันไว้หน้าท่าน แต่ก็ไม่ได้หักหน้าใคร ฉันไม่ได้อยู่ฝ่ายใดฝ่านหนึ่ง เพียงแค่สถานการณ์มันบังคับ นี่ก็เลยเวลางานแล้วดิฉันของตัวกลับก่อน สวัสดีค่ะ"
ฉันกล่าวลาและเดินแยกออกมาทันที
เมื่อฉันได้ขึ้นมานั่งอยู่ที่รถแล้วก็ทำเอาแทบหมดเรี่ยวแรงกันเลยทีเดียว เพราะวันนี้ฉันเจอเรื่องหนักหน่องจริงๆ นี่ถ้าฉันตอบไม่ดี บางทีตำแหน่งเลขาอาจจะขาดออกเหมือนกระดาษแผ่นบางๆเป็นแน่
ฉันเอาหัวพิงเบาะเบาๆ ถ้าใครมาเจอสถานการณ์แบบนี้คงไม่รอดแน่ ดีนะ ที่ฉันเองหาเหตุผลเก่ง
"เด็กๆยังรอให้ฉันกลับไปทำอาหารอยู่ ไฟท์ติ้งโว๊ย"
ฉันเริ่มด้วยการสตาร์ทรถไปที่ที่ซุปเปอร์มาเก็ต และก็ตรงไปที่บ้านของลูกจีน
_______________________
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 13
Comments