"อ้าว ยัยอิงกลับมาแล้วเหรอลูก พี่ทับเขากำลังรออยู่พอดีเลยลูก"
แม่ทักทายฉันอย่างสดใส ฉันมองไปที่อีคุณพี่ทับที่ยิ้มให้ฉันจนเห็นฟันเหลืองอร่ามไม่ใช่ทองนะ ขี้ฟัน เห็นแล้วจะอ้วก
"น้องอิงพี่ทับเอาองุ่นมาฝาก ที่บ้านพี่เหมาซื้อเพื่อน้องโดยเฉพาะเลยนะ"
ฉันยิ้มเจื่อนๆให้พร้อมกับมองไปที่พวงองุ่นเหี่ยวๆ ต้องเป็นคนแบบไหนว่ะเนี่ย ถึงมาทำอะไรแบบนี้ได้ คุณแม่จะเป็นลม
"ในเมื่อคุณพี่ทับมาก็ดีแล้วค่ะ น้องอิงจะได้บอกอะไรบ้างอย่าง"
ฉันยิ้มไปพูดไป และทั้งแม่ทั้งอีพี่ทับ รวมถึงพ่อที่นั่งอยู่ก็ยิ้มร่ามาให้ฉัน
"น้องจะคุยเรื่องอะไรครับ"
"คือน้องอิงจะคุยเรื่องงานแต่งของเราที่จะเข้ามาถึงเร็วๆนี้ล่ะค่ะ"
ทุกคนมองหน้ากันไปมองแล้วยิ้มออกมา คิดว่าฉันจะยอมจำนนสินะ
"อิงลูก แม่ก็กำลังจะคุยกับหนูพอดีเลย ไหนๆก็เกริ่นมาแล้วหนูก็พูดเลย"
ฉันแสร้งทำหน้าเศร้า เดินไปนั่งที่โซฟา
"ก่อนอื่นอิงต้องฝากกราบขอโทษคุณพ่อและคุณแม่ คุณพี่ทับด้วยนะคะ"
"อะไรกันครับเนี่ย ทำไมต้องขอโทษพี่ด้วยล่ะน้องอิง"
"คือ....อิง"
ฉันทำอ้ำอึ้งจนทุกคนเริ่มที่จะงงงวยกัยฉันแล้ว
"จะโทษที่อิงก็ได้นะคะ อิงเสียใจจริงๆที่ต้องเรียนเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบ"
"มีอะไรก็พูดสักทีเถอะอิง"
พ่อที่เริ่มจะทนลีลาของฉันไม่ไหว ก็เริ่มจะชักไช้
"คืออิง....ท้องค่ะ"
แม่ที่จับองุ่นขึ้นมาดูก็ถึงกับทำมันร่วงลงกับพื้นทันที อีพี่ทับถึงกับอ้ำอึ้งไปทันทีเหมือนกับพ่อฉันเลย ขอโทษนะ แต่ทุกคนบีบบังคับให้ฉันต้องทำแบบนี้เอง
"นี่มันอะไรกันห๊ะอิง....แกท้องได้ไง!"
"อิงผิดเองพ่อ ที่เผลอใจเผลอกายไปกับคนที่เพิ่งรู้จักได้ไม่ทันข้ามคืน ก็......"
"ตายๆ แม่จะเป็นลม"
แม่ที่รีบหายาหม่องยาดมมาสูดเข้าปอด มันก็ทำให้ฉันรู้สึกผิดที่ต้องมาเห็นภาพแบบนี้ แต่ให้เลือกระหว่างคนที่ไม่ได้ชอบ ฉันยอมเลี้ยงลูกที่เกิดจากความพอใจของฉันดีกว่า ถึงแม่ว่าจะไม่มีพ่อ แต่มันก็ดีกว่าที่ฉันจะต้องไปทนทุกข์ใจกับคนที่ไม่ได้รัก
"น้องอิงล้อพี่เล่นใช่ไหม"
"ถ้าคุณพี่ทับไม่เชื่อ ก็ดูนี่นะคะ"
ฉันยื่นผลการตรวจครรภ์ให้พี่ทับดู ทั้งพ่อและแม่ก็สุมหัวไปดูด้วยกันกับพี่ทับ พี่ทับเงยหน้าฉันมามองฉันอย่างไม่เชื่อสายตาแล้วส่ายหัวไปมา อย่างกับกำลังเล่นละครอยู่
"ไม่จริง ไม่จริง ม่ายจริงงงงงงง"
พี่ทับโว๊ยวายแล้วก็วิ่งออกจากบ้านฉันไปเลย ฉันมองตามแล้วยิ้มมุมปากอย่างพอใจ
3 ปีต่อมา
"ลูกกวาด อมยิ้ม ไปโรงเรียนกันได้แล้วลูก"
"มามี๊ๆ มามี๊เอาการบ้านใส่กระเป๋าลูกกวาดรึยังคะ"
เด็กน้อยเดินมาจับมือฉันแล้วแกว่งไปมา ฉันตรวจดูความเรียบร้อยกระเป๋าของลูกๆ
"เรียบร้อยแล้วค่ะ คนเก่ง"
ฉันบอกพรางหยิบแก้มหนูน้อยอย่างหมั้นเขี้ยว
"ข้าวกล่องของอมยิ้มล่ะครับ"
"ใส่กระเป๋าให้แล้วครับ"
ฉันบอกลูกน้อยทั้งสองคน ลูกกวาดกับอมยิ้ม เป็นพี่น้องฝาแฝดชายหญิง เป็นผลงานของฉันเมื่อสามปีที่แล้ว ตอนนี้พวกเราสามคนแม่ลูกอาศัยอยู่คอนโดแห่งหนึ่ง ฉันทำงานอย่างหนักเพื่อที่จะเก็บเงินซื้อบ้านให้มันกว้างขวางกว่านี้หน่อย
"งั้นไปโรงเรียนกันเลยยยย เย้"
ฉันจูงมือเด็กๆเดินออกจากห้อง ไปยังลานจอดรถ
ฉันพาลูกน้อยของฉันทั้งสองคนขึ้นนั่งเบาหลังพร้อมคาดเบลท์ให้
"ลูกกวาด อมยิ้ม ถึงโรงเรียนกันแล้วค่ะ"
ฉันบอกเด็กๆที่กำลังนั่งดูดนมกล่องกันคนละกล่องอย่างเอร็ดอร่อย
ลูกแฝดทั้งสองคนของฉัน เป็นเด็กดีทั้งยังชอบที่จะมาโรงเรียน จะว่าชอบเข้าสังคมก็คงจะใช่ ถึงวันหยุดทีไรต้องให้พาออกไปเที่ยวทุกทีเลย
ครืด~~~~
ฉันหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าสะพายขึ้นมาดูว่าใครที่โทรเข้ามาแต่เช้า
"ฮัลโหลค่ะ เลขามัสมีอะไรรึเปล่าคะ"
"เลขาอิง วันนี้ท่ายประธานบินกลับมาแล้ว"
"เร็วขนาดนี้เลย?"
"คือตอนนี้ยังไม่มีใครมาที่ออฟฟิศเลย คนขับรถก็ลาพาเมียไปคลอด"
"แล้ว....."
ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ และหนังตาข้างขวาก็กระตุกรัวๆ
"เลขาอิงต้องไปส่งลูกอยู่แล้ว ก็ฝากไปรับท่านประธานด้วยแล้วกัน"
"เอ่อ.."
"เถอะน่า เลขาอิงไปรับอาจจะได้โบนัสเพิ่มก็ได้"
"โอเคค่ะ เลขามัสวางใจได้ แล้วก็ฉันฝากดูเอกสารเข้าประชุมวันนี้ด้วยนะคะ"
" ได้ค่ะ ท่านประธานจะถึงภายใน 8 โมง ยังไงเลขาอิงก็ช่วยเร่งหน่อยนะคะ"
ฉันกดวางสาย ไม่อยากจะไปหรอกนะ แต่พอได้ยินคำว่าโบนัส คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลูกสองอย่างฉัน
มีเหรอจะปฏิเสธ
' 30 นาที จะไปถึงสนามบินทันยังไงวะ '
"มามี๊ เดี๋ยวจะเข้าแถวแล้ว รีบพาพวกเราลงไปกันเถอะ"
เสียงแจ้วของลูกกวาดทำให้ฉันตั้งสติได้
"โอเคค่ะ รอแป๊บนะคะ"
ฉันลงไปปลดสายเบลท์ออก อุ้มเด็กทั้งสองคนลงมาแล้วจัดแจงให้สะพายกระเป๋า
"ตั้งใจเรียนนะคะ"
ฉันก้มลงหอมแก้มนุ่มนิ่มของลูกน้อยทั้งสอง
"ตั้งใจทำงานนะคะ/ครับ"
หนูน้อยทั้งสองกอดล้อมคอฉัน และรุมหนูกันไปทั่วหน้า
"พอแล้วลูก เดี๋ยวเครื่องสำอางมามี๊ลบหมด"
"มามี๊ไม่ต้องแต่งก็สวย"
อมยิ้มพูดอย่างฉอเราะ ฉันหยิกแก้มอมยิ้มอย่างหมั้นเขี้ยว
"เข้าห้องเรียนได้แล้ว"
ฉันส่งเด็กๆให้กับคุณครู ก่อนที่จะโบกมือบ้ายบาย
ฉันก้มลงดูนาฬิกา ตอนนี้ฉันพอมีเวลาอยู่นิดหน่อย ถ้าขึ้นทางด่วนน่าจะเร็วมากขึ้น ฉันรีบขึ้นรถแล้วขับออกจากโรงเรียนลูกๆอย่างรวดเร็วปานเดอะฟาส
20 นาทีต่อมา
"มาถึงเร็วกว่าที่คิดแหะ"
ฉันเดินเข้าไปในสนามบิน ดีนะที่วันนี้มีประชุมใหญ่ ฉันถึงได้แต่งตัวสวยมาก
ฉันนั่งฆ่าเวลารอท่านประธานที่ร้านกาแฟ
"สั่งกาแฟดำให้ท่านดีไหมนะ ถ้าท่านถูดใจอาจได้โบนัสเพิ่ม"
ฉันลงความเห็นกับตัวเองก็คิดว่าน่าจะต้องซื้อเพื่อไว้ เดินทางนานๆอาจจะเมื่อยและอีกอย่างช่วงเวลาที่ต่างประเทศกับไทยมันแตกต่างกัน ท่านคงจะมีง่วงนอนบ้าง
ฉันถือแก้วกาแฟดำร้อนเดินไปรับท่านประธานสายตาสอดส่องว่าเมื่อไหร่ท่านจะเดินออกมา และท่านประธานคนนี้ไม่ใช่คนที่ฉันเคยเจอหน้ามาด้วยสิ เนื่องจากส่วนมากท่านทำงานที่ต่างประเทศมากกว่า และตอนที่ฉันสมัครงานท่านก็ไปดำรงตำแหน่งที่อื่นก่อน
'ถามเลขามัสดีไหมนะ'
"ท่านครับ ทางบริษัทส่งข้อความมาบอกว่าจะให้เลขาอิงเดือนมารับ"
ชื่อฉันหนิ ฉันหันไปมองด้านหลังก็พบกับผู้ชายร่างสูงใหญ่อยู่สองคน ชายใส่ชุดสูทดำล้วนน่าจะเป็นบอดี้การ์ด ส่วนคนที่ใส่ชุดสูทสีน้ำเงินที่ตอนนี้กำลังยืนหันหลังอยู่ ก็คงจะเป็นท่านประธาน
ฉันเดินตรงดิ่งด้วยท่าทีมาดมั่นเข้าไปหาทันที
"สวัสดีค่ะท่านประธาน ดิฉันอิงเดือนเองค่ะ"
ฉันใช้เสียงทุ้มหวานส่งกระแสเสียงนี้ออกไป ทุกครั้งที่ฉันใช้เสียงนี้มักจะมีคนตกหลุมพรางอยู่บ่อยๆ
"สวัสดีครับเลขาอิงเดือน"
การ์ดกล่าวทักทายฉันอย่างสุภาพ ฉันโค้งให้เล็กน้อยกับรอยยิ้มจางๆ
"ไม่ทราบว่า ท่านรอดิฉันนายไหมคะ"
"ไม่เลยครับ ผมพึ่งมาถึง"
เสียงนี้ ฉันเริ่มสะกิดใจกับน้ำเสียงที่มันดูคุ้นหูเอามากๆ ฉันยืนมองนิ่งรอให้เจ้าตัวหันหน้ามา
"ลำบากคุณจริงๆ ทั้งที่ไม่ใช่เลขาของผมยังต้องมารับถึงที่นี่"
"ไม่เป็นไรค่ะ ท่านประ....."
เสียงหลุดรอยหายเข้าไปในลำคอทันทีที่เห็นหน้าของท่านประธาน ลำตัวเย็นวาบพร้อมกับขนที่ลุกชูชันขึ้นมา หัวใจคล้ายจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ หัวใจที่เริ่มจะเต้นไม่เป็นส่ำหลังจากหยุดไปเมื่อสักครู ตื่นเต้นยิ่งกว่าเจอเจ้าหนี้ ก็พ่อของลูกนี่แหละ!
"คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ"
เขาเดินเข้ามาจับที่ท่อนแขนฉันเบาๆ ในขณะที่ฉันกำลังตลึงในความโลกกลมนี้อยู่ ไม่รู้จะตกใจอะไรก่อนระหว่าง เจอคู่นอนเก่าที่เป็นเจ้านาย หรือ เจ้านายที่เป็นพ่อของลูก
ฉันรีบสกัดความคิดตอนนี้ออกไปให้หมดก่อน เมื่อคิดขึ้นได้ว่าเขาเองก็อาจจะจำฉันไม่ได้แล้วก็ได้
ฉันชักแขนออกเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มประจำตัว
"ไม่มีอะไรค่ะ นี่กาแฟดำที่ดิฉันตั้งใจซื้อให้ท่านค่ะ"
ฉันยื่นแก้วกาแฟให้ เขารับมันง่ายดาย จังหวะที่มือยื่นมารับแก้วกาแฟ ฉันรับรู้ได้ถึงความอุ่นที่แน่นอนว่าไม่ได้มาจากแก้วกาแหแน่นอน
เขากำลังกุมมือฉัน?
นี่ตั้งใจหรือแค่บังเอิญ?
ฉันช้อยสายตาแอบมองปฏิกิริยาเขา แต่เขาก็ดูนิ่งสงบ หรือนี่จะแค่บังเอิญ
ฉันปล่อยมือจากแก้วกาแฟ รวบมือทั้งสองข้างมาประสานกันที่หน้าท้องเล็กน้อย สายตาจ้องมองเขาเป็นระยะ
"ไม่ทราบว่าท่านรับประทานอะไรมาบ้งแล้วรึยังคะ"
"ทานนิดหน่อย ตอนอยู่บนเครื่องแล้วครับ"
"จะทานอาหารเช้าก่อนไหมคะ"
"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวจะไม่ทันประชุม"
ฉันพยักหน้ารับรู้
"งั้นเราไปกันเลยไหมคะ"
เขาพยัญหน้าให้ฉันเล็กน้อย ฉันเดินนำหน้าเขาไปยังรถยนต์ ในระหว่างทางก็คิดทบทวนเรื่องของเขา
หรือว่าเขาจะจำฉันไม่ได้จริงๆ แค่หนึ่งคืนมันคงจะไม่ได้พิเศษหรือมีความทรงจำอะไรให้เก็บไว้ก็เป็นได้ ถ้าเกิดเขาจำฉันไม่ได้ขึ้นมาจริงๆ ฉันสามารถวางใจเรื่องลูกได้แล้วใช่ไหม
ไม่ได้!
ไม่มีอะไรการันตีว่าเขาจำฉันไม่ได้ ถึงแม้ว่าฉันจะได้สำคัญวิเศษวิโสอะไร บางทีเขาอาจจะจำฉันได้ แต่อาจจะแกล้งทำเป็นจำไม่ได้ก็ได้นี่
เฮ้อ~ ฉันถอนหายใจเฮือกใจ เป็นจังหวะเดียวกันที่เดินมาถึงรถฉัน ฉันกดรีโมตปลดล็อค
"เลขาอิงเดือนครับ ให้ผมคับเถอะ"
การ์ดของเขาเอ่ยของอย่างสุภาพ
"ฉันขับเองก็ได้ค่ะ คุณทั้งสองเดินทางมาเหนื่อยน่าจะพักกันในรถสักหน่อย"
"ไม่เป็นไรครับ ผมคงปล่อยให้คุณขับไม่ได้"
ไม่ไว้ใจฉัน?
ไม่พาไปตายหรอกน่า ฉันยิ้มให้เล็กน้อยปากก็กำลังจะอ้างตอบ
"คุณให้เขาขับเถอะ เขาชอบขับรถ"
ท่านประธานพูดอย่างสงบนิ่ง ฉันก็ได้แต่นิ่งเงียบแล้วยิ้ม ยื่นกุญแจให้การ์ดเขาไป พร้อมทั้งเดินไปเปิดประตูรถเตรียมจะขึ้นไปนั่งข้างคนขับ
"เลขาอิงเดือนครับ"
ฉันมองไปที่การ์ดแล้วทำหน้าสงสัยว่าเขาเรียกฉันไว้ทำไม เขามองไปที่ท่านประธานและกลับมามองที่ฉัน
ฉันต้องเปิดประตูรถให้เขาด้วยเหรอ?
ฉันเดินไปเปิดประตูรถให้เขา เขามองหน้าฉันสักครู่อย่างมีอะไรจะพูด แต่ก็ไม่พูดแล้วก็ก้าวขึ้นรถไป ฉันปิดประตูตามอย่างงงๆ
ฉันเดินอ้อมที่จะไปนั่งข้างหน้าเหมือนเดิม
"เลขาอิงเดือนครับ"
"คะ"
ฉันมองหน้าเขาและเริ่มจะไม่พอใจนิดๆ มองสายตาที่เขาพยายามจะสื่อความหมายไปที่เบาะหลัง
"ให้ฉัน...ไปนั่ง"
"ครับ"
"ฉันนั่งข้างคุณก็ได้ค่ะ"
"นั่งข้างหลังดีกว่าครับ ผมชอบนั่งข้างหน้าคนเดียว"
นี่รังเกียจฉันรึไงยะ!
ฉันจำต้องพยักหน้ายิ้มๆให้ แล้วค่อยๆเลื่อนตัวเองไปเปิดประตูด้านหลังและขึ้นไปนั่งข้างท่านประธานอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อรถแล่นตัวออกจากสนามบินก็เป็นเวลาเกือบจะ 9 โมงแล้ว ซึ่งเราต้องไปให้ทันประชุมใหญ่ตอน 10:30 และแน่นอนว่าเวลานี้รถติดมากเลยทีเดียว
"รถที่เมืองไทยค่อนข้างติดเลยทีเดียว"
คนข้างกายที่ไม่ได้พูดมาเป็นเวลาสักพัก ก็เอ่ยขึ้น ฉันมองออกไปนอกถนนที่รถติดเรียงรายกัน
"เราต้องไปทางด่วนค่ะ อาจจะทันหรือไม่ก็สายนิดหน่อย"
"ไม่มีทางเลือกแล้ว เลือกเส้นทางที่ดีที่สุดเถอะ"
"ครับท่านประธาน"
หึ! รถติดขนาดนี้การเข้าประชุมยังไงก็สาย ฉันรู้ดี เพราะฉันต้องเจอกับรถติดทุกเช้า
------------------
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 13
Comments