ซุปตาร์หนีรัก
ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือดูไบเมืองของอภิมหาเศรษฐี ที่เว่อร์วัง คนทั่วไปต้องนึกถึงด้วยความหรูหราและความล้ำสมัยความยิ่งใหญ่ตระการตาจากเมืองแห่งท้องทะเล ได้กลายมาเป็นเมืองสวรรค์บนดิน
รวมถึงเพื่อนซี้ของเธอตะนอยร่างกายที่เป็นชายแต่ใจเป็นหญิงคนในวงการชอบเรียกนางว่า เจ๊มดตะนอยผู้จัดการดาราอันดับหนึ่งของเมืองไทย
ตะนอยนั้นบ่นมาทุกปีว่านางอยากจะมาเที่ยวดูไบ อยากจะมาเจอหนุ่มๆอาหรับ ซึ่งปีนี้เป็นปีที่เธอต้องการอยากพักจากการทำงานแสดงละคร โฆษณา และ อีเว้นท์ต่างๆ ซึ่งถือว่าเยอะมากในช่วงเวลาเกือบ 2 ปีแล้ว ที่ไม่ได้ออกไปเที่ยวที่ไหนนอกจากการทำงาน การมาเที่ยวของเราทั้ง 2 คน มันมีความแตกต่างกันมากมาย เพื่อนของเธอนั้นชัดเจนตั้งแต่ขึ้นครื่องลงเครื่องที่สนามบินแล้วว่าต้องการอะไร
กรี๊ด กรี๊ด “ว๊าย!!! หนุ่มอาหรับหล่อ มันทำใจของกะเทยเต้นตึ๊ก ตึ๊ก”
“พอ...หยุดสักที ไหนที่พักที่แกจองไว้ตะนอย ฉันเหนื่อยมากอยากจะพักผ่อน”
กังสดาลที่รู้สึกขำและแอบอายนิดๆ ที่เพื่อนของเธอแสดงอาการตื่นเต้น กรี๊ด วี๊ด ว้าย แบบนี้จนคนทั้งสนามบินหันหน้ามามองจุดที่เธอยืนอยู่
“ระดับเจ๊มดตะนอยไม่มีพลาดในการหาที่พักฉันเช็คข้อมูลมาอย่างละเอียดเรียบร้อยแล้วว่า ที่ไหนดี ที่ไหนเลิศ เจ๊มดตะนอยจัดการให้ let go!!”
พร้อมทำท่าดีดนิ้วแล้วกวักมือเรียกให้เธอเดินตามมากั้งถึงกับส่ายหน้าเบาๆ
“จ้า เรื่องงานก็ให้พร้อมแบบนี้บ้างนะ”ทั้งสองพากันเดินมายังรถของโรงแรมที่ได้ติดต่อให้มารับพวกเธอที่สนามบิน
“เฮ้อ...ถึงสักที ฉันขอพักเอาแรงก่อนนะ เหนื่อยมากและเพลียด้วย”
“โอเค ตามสบาย เดี๋ยวฉันจะจัดการเอาเสื้อผ้าเข้าใส่ในตู้ให้เองจ้ะ คุณเพื่อน”
ยังพูดไม่ทันจะจบตะนอยหันกลับไปมองอีกทีกั้งก็ได้หลับไปแล้วตะนอยถึงหัวเราะเบาๆ พร้อมกับส่ายหน้าเดินไปเปิดกระเป๋าเอาเสื้อผ้าออกมาแขวนแล้วทำการเดินสำรวจรอบ ๆ ห้อง จัดว่าห้องพักใช้ได้เลยทีเดียวสมกับราคาที่แสนจะแพง
“ไม่ไหวอาบน้ำดีกว่าเรา จะได้สบายตัว” พร้อมกับฮึมฮัมร้องเพลงไปเบาๆ
กั้งที่ได้นอนหลับไปสักพักตื่นขึ้นมาก็รู้สึกสดชื่นดีกว่าตอนมาถึงแรกๆ เธอเริ่มสังเกตมองรอบๆ ของห้องพักรสนิยมของเพื่อนจัดว่าใช้ได้ กั้งเดินบิดขี้เกียจและเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม เพื่อให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นเดินเลยไปมองตรงกระจกก้มมองไปตรงด้านล่างสมกับที่เขาบอกกันจริงๆ ว่าเป็นเมืองของมหาเศรษฐี
เธอกับตะนอยรู้จักกันตั้งแต่เด็กจนถึงเรียนมหาวิทยาลัยและเริ่มทำงานเข้ามาในวงการ ก็ได้ตะนอยนี้แหละเป็นเพื่อนมาคอยจัดคิวทั้งสองถือว่าสนิทและไว้ใจกันมากที่สุดในชีวิตเธอ ภายนอกทุกคนอาจจะคิดว่าเธอมีฐานะร่ำรวยไม่จำเป็นต้องมาทำงานในวงการก็มีกินมีใช้แล้ว ซึ่งความเป็นจริงแล้วเธอไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผู้ชายคนนั้นเห็นจะมีก็แค่นามสกุลเท่านั้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกันตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นได้ไล่เธอกับแม่ออกบ้าน ถ้าเปลี่ยนนามสกุลได้ใจเธอก็อยากจะเปลี่ยนให้มันจบๆไป แต่ติดตรงแม่ของเธอไม่ยอมให้เปลี่ยน เธอก็ไม่เข้าใจในตัวท่านเช่นกัน
แม่เลี้ยงสุมณฑา เทียมสมรหรือที่ใครๆ เรียกว่าแม่นาย เธอกับแม่ได้ย้ายกลับไปอยู่เชียงใหม่ตั้งแต่พ่อกับแม่ได้แยกทางกัน เราสองคนมาช่วยกันพัฒนาที่ดินของยาย ให้เป็นไร่ดอกกุหลาบและดอกไม้เมืองหนาวที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่ง ซึ่งไร่เรามีสายพันธุ์มากมาย จนเป็นที่ติดตลาดของเมืองไทย
กริ้ง กริ้ง กั้งรอปลายทางรับสาย “สวัสดีเจ้า แม่นาย สบายดีก่อเจ้า”
“สบายดีจ้ะคุณลูกสาวถึงดูไบแล้วหรือไงเรา”
“ถึงแล้วคะแม่ แม่ทำอะไรอยู่ค่ะ”
“แม่ก็กำลังเตรียมตัวจะเข้านอน เรานะไม่เหนื่อยหรือไงนี่คงพึ่งจะลงเครื่องได้ไม่นานใช่ไหมลูก”
“ใช่คะแต่กั้งหลับไปแล้วนิดนึงคะแม่ ตื่นขึ้นมาก็เลยโทรหาแม่ก่อน”
“แล้วตะนอยไปไหนแล้วละลูก เงียบเชี่ยวไม่ได้ยินเสียงเลย”
“ออ...ตะนอยอาบน้ำอยู่คะแม่ กั้งคิดถึงแม่จังอยากให้แม่มาเที่ยวด้วยกัน”
“จ้า...คุณลูกสาว แม่ก็คิดถึงหนู ดูแลตัวเองดีๆหละ ไปต่างบ้านต่างเมือง พอดีช่วงนี้ที่ไร่เรามันยุ่งๆ รอให้พ้นช่วงนี้ก่อนนะ แม่จะขอใช้เงินลูกบ้าง”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า สำหรับแม่กั้งยกให้หมดเลยคะ”
“ดีมากจำไว้ดีๆ นะคุณลูกสาว กั้งแค่นี้ก่อนนะแม่รู้สึกง่วงๆ วันนี้แม่ไปลงไร่มาทั้งวัน เหนื่อยๆ”
“คะแม่พักเถอะ ยังไงแล้วหนูจะโทรหาเรื่อยๆ แล้วกันนะคะแม่”
“จ้ะ คุณลูกสาว”
“กั้งรักแม่นะคะ จุ๊บ จุ๊บ”คุยกับแม่เสร็จแล้ว เธอก็เดินออกมาตรงห้องรับแขก เธอเดินไปนั่งตรงโซฟาที่เห็นตะนอยนั่งอยู่ก่อนแล้ว ตะนอยได้หันหน้ามาถาม
“โทรรายงานตัวกับป้ามาแล้วใช่ไหม”
กั้งพยักหน้า ตาก็จับจ้องไปตรงโทรทัศน์ที่กำลังนำเสนอรายการของที่นี้ ดูๆไปก็เพลินดี สักพักกั้งก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ตั้งแต่เดินทางมาถึงเธอยังไม่ได้ล้างหน้าหรืออาบน้ำ มาถึงเธอก็ขอนอนพักเอาแรงก่อน เดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้แบบที่เธอชอบใส่บ่อยๆ เสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์รัดรูป ใส่คู่กับรองเท้าผ้าใบคู่เก่ง ถ้าไม่ทำงานเธอมักจะไม่ค่อยแต่งหน้าเท่าไหร่ เธอก็ใช่ช่วงนี้แหละได้พักใบหน้าจากเครื่องสำอางค์
“ไป ไป พร้อมหรือยัง เราจะมาเริ่มทริปท่องเที่ยวในดูไบกันแล้วน่ะ”
ตั้งแต่ก้าวแรกที่เธอเดินออกจากโรงแรม เพื่อนของเธอนั้นก็มีปณิธานอัน แน่วแน่ที่จะพาชมผู้ชายให้ทั่วดูไบ จนตอนนี้เธอเริ่มจะเวียนหัวสรุปว่าเพื่อนเธอชวนมาดูกล้ามอกแน่นๆ ของผู้ชายอาหรับ
“แก แก ดูผู้ชายคนนั้นสิคนที่มีหนวด อือหื้อ...หล่อวะ กั้งแกว่าไหมผู้ชายที่นี้ดูดีงานดีกันทั้งเมืองเลย”
“เออ...ตั้งแต่มาถึงดูไบ ฉันขอถามแกตรงๆ นะ แกเจอคนที่ไม่หล่อบ้างหรือยังถ้าเจอแล้วบอกฉันด้วย พอดีฉันอยากจะเห็นว่าคนไม่หล่อของแกหน้าตามันจะเป็นแบบไหน”
“อ้าวชะนีนี่ก็ คนสวยแบบหล่อนก็เลือกได้สิคะ แต่สำหรับฉันคนไม่หล่อแกจะให้ฉันดูไปทำไมให้เสียสายตา คนเราน่ามันต้องดูผู้ชายไว้เปรียบเทียบหากวันหนึ่งแกเกิดจะมีแฟนขึ้นมาแกจะได้ดูออก”
“สรุปคือแกจะให้ฉันศึกษาผู้ชายแต่ละประเทศหรือไง แล้วนี้ก็อีกเรื่องหนึ่งตั้งแต่ฉันมาถึงฉันเห็นแกชมคนโน้นหล่อคนนี้หล่อ ฉันก็อยากจะเจอคนไม่หล่อของแกบ้างสิมันผิดตรงไหนฉันก็จะได้เก็บไว้พิจารณา” ตะนอยหันไปมองบนเบาๆ ตามสไตล์
“พอๆ ไม่ไหวพรุ่งนี้เราค่อยว่ากันใหม่เถอะกั้ง ฉันรู้สึกเหนื่อยและร้อนเดี๋ยวพรุ่งนี้จะอธิบายให้ฟังใหม่เรื่องผู้ชาย”
“อ้าว ฮ่า ฮ่า เห็นคึกตั้งนานอยู่ดีๆ ก็แบตหมดสะงั้นคุณเพื่อน”
ในเช้าวันถัดมากั้งตื่นขึ้นมางัวเงียลุกขึ้นมารับโทรศัพท์ ที่มันดังอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา ใครเนี่ย!!! ที่โทรมาแต่เช้า
“ฮัลโล กั้งพูดอยู่ค่ะ” แต่หน้าก็ยังจมอยู่กับหมอนใบโต
“ไง ยายตัวแสบถึงแล้วไม่คิดจะโทรหากันบ้างหรือไง”
“พี่ต้นโทรมาก็บ่นเลยน่ะ วันนี้ว่างแล้วเหรอคะคุณวิศวกรถึงได้โทรมาหา”
“ก็ว่างแล้วสิ พอดีน้องมันไม่เคยคิดจะโทรหาเราเลยต้องเป็นคนโทรหาเอง”
กั้งที่ได้ยินถึงกับหัวเราะคุยกันไปได้สักพัก ตะนอยก็เดินเข้ามาแซว
“ไงคะพี่ต้น ต้องโทรมารายตัวถึงที่นี่เลยหรือไง กลัวกั้งมันจะคว้าเอาหนุ่มอาหรับกลับไปฝากหรือไงคะ”
“พี่น่ะไม่กลัว กลัวแต่จะไม่คว้ามามากกว่านะสิ” ต้นที่ได้ยินเสียงตะนอย ดังแทรกเข้ามาเพราะกั้งได้เปิดสปีคโฟนพูด กั้งที่รู้ว่าตะนอยตื่นแล้วจึงหันหลังกลับไปไล่ตะนอยให้ไปอาบน้ำ
“ไป อาบน้ำได้แล้วแก เดี๋ยวฉันจะได้อาบมั้ง”
“พี่ต้นแค่นี้ก่อนนะคะ เสียดายเงินค่าโทรศัพท์ เดี๋ยวกั้งจะถ่ายรูปสวยๆ ส่งไปให้ดูคะ”
คุยเสร็จไปได้สักพักเธอก็ขอนอนอีกนิด จนตะนอยอาบน้ำเสร็จเธอก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวพร้อมกับเช็คกล้องกระเป๋าเงินสิ่งของต่างๆ ภายในกระเป๋า แล้วก็พากันเดินออกมายังด้านหน้าของโรงแรม ทั้งสองมองไปรอบๆ จนเจอร้านกาแฟที่สวย บรรยากาศดีน่านั่งในยามเช้า ซึ่งแดดมันยังไม่ถึงกับร้อนมาก เธอกับตะนอยเดินเข้าไปภายในร้านเพื่อดูเมนูและสั่งอาหารมานั่งทานเพลิน ๆ ก่อนจะออกไปเดินเที่ยวกันในวันนี้ ช่วงที่เธอนั้นกำลังมองไปรอบๆ ก็ต้องร้องออกมาเสียงดัง
“โอ๊ยๆ แกหยิกฉันทำไมตะนอย” ตะนอยที่พึ่งรู้สึกตัวจึงก้มมองตรงต้นแขนของเพื่อนที่เธอลืมตัวเผลอบิดเข้าไป
“โทษ ๆ ฉันขอโทษเผลอไปนิดนึงพอดีฉันเจอคนหล่อ นี่ๆ ดูสิแกคนบ้าอะไรจะหล่ออะไรขนาดนั้น”
กั้งหันไปมองตามที่ตะนอยชี้ก็หล่อจริงๆ แต่คนไหนกันล่ะที่เห็นยืนกันเป็นกลุ่มเหมือนกับพวกบอดี้การ์ดในละครหรือหนังที่เธอแสดง มองไปมองมาก็เหมือนกับพวกแกงค์มาเฟีย กั้งเมื่อมองเลยเข้าไปในกลุ่มของชายกลุ่มนั่นเธอสังเกตว่ามีผู้ชายคนหนึ่งที่เดินลงมาจากรถ เขาดูดีจัง หล่อ สมาร์ทมาก ท่าทางคงจะเป็นนักธุรกิจใหญ่ของที่นี่แน่ๆ มีแต่คนวิ่งออกมาต้อนรับ
“ชะนี ชะนี แกมองคนไหนแกชี้ให้ฉันดูสิ อย่ามามองคนเดียวกับฉันนะ”
“เดี๋ยวๆ น่ะฉันยังไม่รู้เลยว่าแกมองหรือชมคนไหนที่เห็นๆ เขาก็ยืนกันเป็นกลุ่มหรือว่าแกจะเหมาทั้งหมดดูท่าทางจะแข็งแรงแล้วกะเทยจะรับไหวไหม” กั้งที่ส่งเสียงหัวเราะจนตะนอยมองค้อนหันกลับมาเตรียมจะต่อว่า
“ค่ะ!!! ได้มาทั้งหมดกะเทยก็พร้อมรับนะ ส่วนแกนังชะนีสนใจจะรับสักคนไหมคะ”
“อย่า!!! มาโยนให้ฉันพอดีฉันไม่นิยมกินของนอกคะท่าทางน่ากลัว”
ตะนอยจึงพูดสวนกลับมา “น่ากลัวจะรับไม่ไหวใช่ไหมล่ะชะนี”
“จ้า!! คุณสมชาย” ตะนอยได้ยินก็กรี๊ดรับไม่ได้กับชื่อจริงที่เพื่อนเรียกและ เตรียมทำท่าจะตบปากเพื่อนสนิท
“หยุด!!! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะนังเพื่อนบ้า ถ้าแกเรียกชื่อนี้อีกทีฉันจะหางานให้ทำไม่ให้หยุดเกมของแกฉันก็จะไม่ให้เล่นฉันจะยึดเวลาทั้งหมดของแก”
“ถ้าฉันไม่ได้หยุด ตัวแกก็อย่าฝันว่าจะได้หยุดเช่นกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เสียงหัวเราะของทั้งสองคนนั้นดังไปกระทบใครบางคนที่ก้าวลงมาจากรถ มาร์ตินจึงหยุดและหันหน้าไปมองตรงที่ร้านกาแฟที่มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งกับผู้ชายที่ออกจะตุงติง กั้งที่กำลังหัวเราะอยู่ดีๆ จู่ก็มีลางสังหรณ์แบบแปลกว่ามีใครมองเธออยู่
“ตะนอย ตะนอย เขามองมาทางนี้ เราเสียงดังกันไปหรือเปล่าว่ะ”
กั้งที่หันไปสะกิดเพื่อนแล้วมองไปรอบๆ ไม่มีใครเธอจึงได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงขอโทษที่ทำเสียงดัง เขาคงจะรำคาญผู้ชายคนนั้นยืนนิ่งหันหน้ามาทางนี้ แต่ภายใต้แว่นตาเธอไม่รู้ว่าเขามองอะไร จากที่ยิ้ม ๆ ก็หุบยิ้มในทันที
“ตะนอย ตะนอย เขามองเราหรือเปล่าวะ”หรือเขามองใคร กั้งได้หันไปมองรอบๆ ก็มีแต่เธอกับตะนอยเท่านั้น
“แก แก ฉันว่าเราไปที่อื่นกันเห๊อะ”
มาร์ตินได้โอกาสก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ซึ่งเขานั่นก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันเขาจะถ่ายรูปผู้หญิงคนนั้นทำไม ใช่เธอสวย สวยแบบสาวเอเชียหุ่นทรวดทรงโอเคเลยดูใบหน้าเล็กๆ ปากนิดจมูกหน่อยนั่นจัดว่าเข้ารูปสวย
กั้งนั้นคิดในใจงานนี้เธอต้องทำอะไรผิดพลาดแน่ๆ เขาถึงได้ถ่ายรูปพวกเธอนี่เขาจะเอาไปแจ้งความหรือว่าอะไร กั้งทำสีหน้าไม่สู้ดีมันร้อนๆหนาวๆ พิลึกกฎของที่นี่เธอก็ไม่รู้ ข้อห้ามเขาห้ามทำอะไร เธอก็ไม่ได้ศึกษามาเลย
“แก เก็บของเสร็จหรือยังตะนอย”กั้งรีบเร่งให้ตะนอยรีบๆ เก็บของ
ช่วงทีเธอกับตะนอยก้มเก็บของอยู่นั้น ก็มีผู้ชายคนหนึ่งได้เดินมาหาเธอที่โต๊ะเธอนั่ง
นาโช่ที่ได้รับคำสั่งจากบอสให้เดินมาถามชื่อและสั่งให้เขามาขอเบอร์โทร แต่เมื่อเขาเดินมาถึงที่โต๊ะ เขาต้องตกใจกับผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างผู้ชายคนนี้มองเขาสายตาอย่างกับจะกลืนกินเขาเข้าไปอย่างนั้นแหละ
นาโช่คิดในใจ เฮ้ย!!! ทำไมบอสทำแบบนี้กับเขา ไอ้เบ็นมันก็ว่างทำไมไม่ใช้มันมาเขาเริ่มคิดในใจเขาไม่ค่อยจะถูกโฉลกกับเพศนี้สักเท่าไหร่ เขามั่นใจมาว่าคนที่จ้องมองเขาอยู่นั่นเป็นเพศไหน
กั้งเงยหน้าขึ้นไปมองเอาแล้ว เอาแล้วไงเราต้องทำผิดกฎของที่นี้แน่ ๆ เขาถึงได้เดินมาเตือน
“ขอโทษนะครับ พอดีบอสของผมขอให้ผมมาทำความรู้จักคุณ พอดีบอส ผมคิดว่าคุณผู้หญิงหน้าตาดูคุ้นๆ คล้ายกับเพื่อนของท่าน” เนียนไปแล้วกันเรา
กั้งได้ยินคำทักทายแล้วถึงกับทำหน้าสงสัย ตะนอยก็ไม่ต่างกัน แต่ด้วยความที่เป็นคนเฟรนลี่และคนที่ยืนตรงหน้าเป็นหนุ่มหล่อ เพื่อนของเธอมีเหรอที่จะพลาด
“สวัสดีคะ ดิฉันชื่อตะนอย เป็นผู้จัดการของดารา คนที่คุณกำลังบอกว่าหน้าคุ้นๆ คนนี้เธอคือมิสกังสดาล วัฒนาศิริ แล้วนี้นามบัตรคะคุณสุดหล่อ”
กั้งดึงแขนตะนอยมาตีเบาๆ แล้วทำเสียงดุ พร้อมกับชี้ให้หยุดพูดและที่สำคัญคือเพื่อนเธอให้นามบัตรไปด้วยสิ
“ตะนอยแกไปให้นามบัตรเขามั่วซั่วแบบนั้นได้ไงและที่สำคัญแกบอกชื่อของฉันไปทำไม” พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปให้เพื่อน
“เออ...ขอโทษคุณต้องการอะไรหรือเปล่า หรือว่าพวกเราได้ทำผิดกฎอะไรของที่นี่” กั้งนั่นพูดจาด้วยความระมัดระวังตัวเอง เธอไม่แน่ใจว่าเขามีจุดประสงค์อะไร
“ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่อย่างที่ผมได้บอกคุณไปเมื่อกี้ บอสของผมเขาคุ้นๆ ใบหน้าคุณผู้หญิงบอสเลยให้ผมมาถามชื่อว่าใช่คนรู้จักหรือเปล่าก็แค่นั้นครับ”
กั้งได้ยินสิ่งที่ผู้ชายตรงหน้าพูดแล้วไม่คิดที่จะเชื่อในสิ่งที่เขาพูดว่านั่นคือเรื่องจริง เธอพึ่งเคยมาที่นี่ไม่มีทางที่จะรู้จักใคร นึกไปอีกทีเธอกับตะนอยต้องทำอะไรผิดแน่ๆ จนเจ้านายเขารำคาญหรือว่าพวกเธอทำอะไรไม่ดี
“ไม่ใช่ครับ บอสผมแค่อยากจะรู้จักคุณเท่านั้นและนี่คือนามบัตรของบอส ครับ” เร็วกว่าเธอก็เพื่อนคนข้างๆ ที่เอามือยื่นไปรับมาทันทีกั้งได้แต่ส่ายหน้า
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 55
Comments
Atinonk
👍🏿
2024-04-07
0
รุม
👍
2023-05-16
0
Thiwlip Chaepung
ไม่รู้
2022-07-30
0