แต่แล้วก็มีบ่าวผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาแจงข่าวร้าย
“ท่านขุนขอรับท่านขุน”
คุณหญิงย่าตกใจตามประสาคนแก่ผู้เฒ่า กล่าววาจาตำหนิบ่าว
“มีอะไรหรือเจ้า เสียงดังได้ยินมาแต่โน่น”
“คุณหญิงขอรับ…คือว่า……ว่า (ตาเหลือบมองคุณหญิง)”
“ทัพพระยาสรรค์ยึดพระนครแล้วขอรับ”
ขุนศรีอภัยภักดิ์ตกใจ พร้อมพูดว่า
“เจ้าว่าอันใดน่ะ หาไม่ข้าจะโบยเจ้า2ยก (80ครั้ง)”
“ท่านได้ยินไม่ผิดแล้วขอรับ ทัพพระยาสรรค์ยึดพระนครธนบุรีขอรับ”
“ไม่ได้การแล้ว (มองหน้าบ่าวผู้ชาย)บอกเจ้าเรืองเตรียมเรือให้ข้าด้วย”
“จะไปที่ใดรึเจ้า”
“ลูกจะไปสืบข่าวคราวที่หน้าพระราชวังขอรับ”
“ระวังตัวด้วยน่ะเจ้า เพลานี้พระนครไม่สงบ”
ขุนศรีอภัยภักดิ์ก้าวเท้าเดิน2-3ก้าว แม่ชบาผู้เป็นเมียวิ่งไปกอดเข้าด้านหลัง
“คุณพี่….ระวังตัวด้วยนะคะ”
ด้วยจิตวิญญาณรักชาติ ขุนศรีอภัยภักดิ์เอามือจับมือของชบาแล้วปล่อยลง
“คุณพี่”
“นี่แม่ชบา เจ้าจะร้องหาอันใด ผัวเจ้าแค่ไปสืบข่าวคราว ไม่ได้ไปตายสักหน่อย”
15บาทผ่านไป(1ชั่วโมงครึ่ง)
ขุนศรีอภัยภักดิ์เดินขึ้นเรือนด้วยแววตาเศร้าสลด
“เป็นอย่างไรบ้างพ่อศรี”
“เป็นดั่งที่บ่าวมาแจ้งขอรับ กองทัพพระยาสรรค์ยึดพระนคร หาไม่ยังบีบบังคับให้ขุนหลวงตาก(สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช)ออกผนวช และสละราชสมบัติ”
“เจ้าว่ากระไรน่ะ”
ท่านขุนฯยังพูดต่ออีกว่า
“พระยาสรรค์นี่มันร้ายเหลือทน ขุนหลวงตากท่านทรงรับสั่งให้ไปปราบกบฏ แต่กลับไปเข้ากับกบฏนำทัพเข้ายึดกรุง”
“สักวันกรรมจะตามสนอง”
“แล้วนี่ใครจะขึ้นครองราชสมบัติต่อไปเล่า แผ่นดินมิสามารถว่างเว้นขุนหลวงได้”
“ก็คงจะเป็นฝ่ายกบฏคนใดคนหนึ่งแหละขอรับ”
คุณหญิงย่ากล่าววาจานุ่มนวล อ่อนหวาน
“รู้ว่าขุนหลวงตากทรงพระสติวิปลาส แล้วฉวยโอกาสยึดพระราชบังลังก์ คิดทรยศต่อแผ่นดิน ทั้งๆที่ครั้งพม่าบุกกรุงศรีอยุธยาท่านก็ทรงขับไล่ศัตรูออกจากแผ่นดินจนหมดสิ้น สักวันกรรมจะตามสนอง”
แม่ชบาพูดแทรกว่า
“นั่นสิเจ้าคะ ตัวเป็นถึงพระยา แต่ทำตัวต่ำๆทรามๆ ไม่สำนึกพระมหากรุณาธิคุณที่ขุนหลวงท่านมีไว้กับตนเอง คนเยี่ยงนี้ไม่ช้าไม่เร็ว กรรมที่กระทำจะคืนสนอง”
“แล้วนี่ สมเด็จเจ้าพระยาฯ(ร.๑) ที่ไปราชการทัพเมืองเขมร ท่านทราบข่าวยังเล่า”คุณหญิงกล่าว
“คงจะไม่แหละขอรับ เรื่องเพิ่งเกิดตอนตะวันขึ้นเอง”
ณ เมืองเสียมราฐ เขมร
สมเด็จเด็จเจ้าพระยา (ร.๑) มีจิตใจร่าเริง ดีใจ เพราะสามารถยกทัพตีเมืองเสียมราฐได้สำเร็จ อีกใจหนึ่งมีความทุกข์ที่เห็นชาวเมืองเดือดร้อนแสนยากลำบาก ต้องกินน้ำโคลนจากศึกสงคราม แลเห็นไปทั้วเมืองเต็มไปด้วยบ้านผุพัง บ้านไม้ริมฝั่งน้ำโดนน้ำกัดเซาะจนเหลือแทบโครง
“ข้าสงสารชาวบ้านชาวเมืองที่ต้องโดนภัย แต่ทำอย่างไรได้ เพื่อความเจริญ และสื่อถึงอำนาจของธนบุรี ข้าย่อมทำได้เสมอ”
แต่แล้วได้มีนายทหารผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาเฝ้า
“เจ้าเป็นอันใดรึ หรือว่าข้าศึกมันมาบุกเรากลับ”
เสียงของสมเด็จเจ้าพระยาที่เต็มไปด้วยความแกร่งกราจชายชาติทหาร
“ไม่ใช่เรื่องสงครามขอรับ”
“แล้วเรื่องอันใดเล่า”
“พระยาสรรค์ร่วมกับกบฏยึดพระนคร ปล้นพระราชบัลลังก์ขอรับ”
“เจ้าว่าอันใดน่ะ ไม่ได้การแล้ว”
สมเด็จเจ้าพระยาสั่งทัพกลับธนบุรีโดยกระทันหัน
ฝ่ายกบฏและพระยาสรรค์ มีความสุขสบายในพระราชวัง สภาพขุนหลวงตากสินในขณะนี้คงเทียบได้กับเชื้อพระวงศ์บ้านพลูหลวง ถึงแม้จะเคยมีอำนาจในกำมือ แต่ต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง พระยาสรรค์ให้คำมั่นสัญญากับพระยาสุริยอภัยซึ่งเป็นหลานของสมเด็จเจ้าพระยาฯว่าจะรั้งเมืองธนบุรีไว้เพื่อให้สมเด็จเจ้าพระยาฯกลับมาครองสืบไป แต่กาลต่อมาได้ปล่อยตัวกรมขุนอนุรักษ์สงครามซึ่งเป็นพระนัดดาของขุนหลวงตากพร้อมกับขุนนางฝ่ายขุนหลวงตากมาสู้กับพระยาสุริยอภัย ฝ่ายพระยาสุริยอภัยเกิดสงสัยว่าทำไมไม่เป็นไปดั่งสัญญา อาจเป็นไปเพราะครั้งนั้นพระยาสรรค์อาจจะยังไม่รับรู้ถึงกำลังทัพของพระยาสุริยอภัย จึงจำเป็นต้องยอมอ่อนน้อม แต่พอได้เห็นศักยภาพทัพของพระยาสุริยอภัย จึงฉุดคิดได้ว่าพอสามารถต่อสู้ได้ จึงตัดสินใจที่จะสู้ ถึงแม้จิตใจจะยอมอ่อนน้อม แต่ยังมีเสี้ยวเล็กๆยังคิดกบฏ
เหตุการณ์จะเป็นเช่นไรต่อไปนั้น กรุณาติดตามชมตอนต่อไปขอรับ
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments