หลังจากนั้นฉันก็เข้าไปเรียนตามปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติคือเพื่อน ๆ ต่างมองฉันกันแทบทุกคนเลย ฉันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องน้ำนั่น ผู้หญิงคนนั้นต้องเอาไปนินทาแน่
ก็ช่างมันเถอะ ยังไงฉันก็ไม่มีเพื่อนอยู่แล้ว ยิ้มให้ใครก็ไม่เห็นจะยิ้มตอบ ไม่อยากเป็นเพื่อนกันนักก็แล้วแต่
“เฮ้ย ปากกาหมึกหมดขอยืมหน่อยดิ” ในระหว่างที่กำลังเรียนคาบของอาจารย์คนหนึ่งอยู่ จู่ ๆ เพื่อนข้าง ๆ โต๊ะฉันก็เอ่ยขึ้นมาอย่างแผ่วเบา แต่ไม่ได้ขอยืมฉันหรอกนะ ขอยืมเพื่อนเขานู้น
“. . .” ซึ่งไร้เสียงตอบกลับ โต๊ะของเราแยกห่างกันน่ะค่ะ เลยไม่สามารถเอื้อมมือไปหยิบเองได้ อีกทั้งอาจารย์คนนี้ค่อนข้างดุและเข้มงวด ทำให้พวกเรานักศึกษาปีหนึ่งกลัวกันไปหมด
“แก้ว ขอยืมหน่อย” เมื่อข้างโต๊ะเธอไม่ได้เลยหันไปด้านหลัง
แน่นอนว่าไม่มีใครที่จะยื่นมาให้แน่ ถ้าอาจารย์เห็นเข้าคงโดนดุ และโดนทำโทษ
“. . .”
“เอ้า!” เธอสะบัดหัวอย่างหัวเสีย ฉันเข้าใจความรู้สึกนะคะ มีเพื่อนไว้ทำไมถ้าในยามแบบนี้ยังจะไม่ช่วยเหลืออะไรเรา
“อะ นี่” ฉันยื่นปากกาของตัวเองไปให้ โดยที่สายตาไม่ได้มองเธอเลย แต่เธอก็รับไปใช้แต่โดยดี ถือว่าช่วยเพื่อนร่วมห้องก็แล้วกันนะ
หลังเลิกเรียน ฉันรีบหารถแท็กซี่เพื่อกลับบ้านก่อนพี่โฟน ไม่อยากเจอหน้าเขาน่ะนะ หลบได้นานแค่ไหนฉันก็จะหลบให้นานเท่านั้น ไม่นานแท็กซี่ก็มาจอดเทียบตรงหน้าของฉัน พร้อมกับมือถือที่สั่นคล่อน มีปลายสายที่โทรเข้ามาเป็น ‘พี่โฟน’
ฉันเลี่ยงที่จะรับสาย แต่ทักไปบอกเขาในข้อความแทนว่าฉันกลับบ้านก่อนเขาแล้ว ซึ่งเขาก็ไม่ได้โวยวายอะไร แค่อ่านแล้วไม่ตอบ
พอกลับมาถึงบ้านฉันก็รีบเข้าห้องทันที หวังว่าจะอยู่ในห้องนี้ไม่เสนอหน้าออกมาเจอพี่เขาอีก
ทว่า...
“แม่?” กลับเจอแม่อยู่ในห้องนอนของฉัน แถมยังทำท่าเหมือนค้นหาอะไรบางอย่างอีก นี่แม่ทำอะไรของแม่
“. . .” แม่เงียบแล้วยืนจ้องหน้าฉันเขม่ง เหมือนกับว่าฉันไปทำความผิดอะไรมาอย่างนั้นแหละ
“มีอะไรหรือเปล่า เข้ามาห้องแยมทำไม?” ฉันถามพลางเดินเข้าไปหาแม่ และไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องด้วย
“เมื่อวันก่อนหายไปไหนมา แม่โทรไปทำไมไม่รับ แล้วทำไมถึงกลับมาพร้อมกับโฟน.. แกไปทำอะไรมา”
“นี่คือเรื่องที่แม่บุกห้องแยมเหรอคะ?” ฉันเบี่ยงประเด็นถามแม่กลับ เพราะสมองตอนนี้ยังนึกไม่ออกว่าจะแถยังไงดี
“ตอบคำถามแม่ก่อนสิ”
“ไปนอนบ้านเพื่อนค่ะ ส่วนพี่โฟนแยมไม่รู้.. เรามาเจอกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง แยมเลยกลับบ้านกับพี่โฟน ส่วนที่ไม่รับสายแม่ก็เพราะ...”
“โกหก” ฉันยังพูดไม่ทันจบแม่ก็แทรกขึ้นมาก่อน นั่นทำให้ฉันถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่เลยละ
“. . .”
“แม่เลี้ยงแกมาสิบเก้าปี เรื่องแค่นี้ทำไมจะไม่รู้ว่าแกโกหก”
“แล้วแม่คิดว่ายังไงละคะ?” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง แล้วเดินไปนั่งบนเตียงนุ่มนิ่มของฉัน จะให้เล่าเลยมันก็คงไม่ได้ และแม่อาจไม่ได้คิดถึงขั้นนั้น ขั้นที่ว่าเราสองคนมีอะไรกันแล้ว
“จะยังไงก็ช่าง แต่แกกับโฟนเป็นพี่น้องกัน ยังไงก็รักกันไม่ได้เด็ดขาด!” แม่ขึ้นเสียงใส่ฉันดังลั่นห้อง สีหน้าแววตาของแม่คงจะอยู่ในหมวดที่โกรธที่สุดแล้ว
“ก็แค่พี่น้องไม่แท้”
“แกพูดแบบนี้หมายความว่าไง”
“ถ้าแยมกับพี่โฟนรักกัน มันก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่คะ เมื่อเราทั้งสองคนต่างสายเลือดกันอยู่แล้ว” ฉันไม่ได้พูดจาปั่นประสาทแม่นะ แต่ฉันพูดออกมาตามความเป็นจริง
“ไม่ได้!!!”
“ถ้างั้นแม่ก็เลิกกับลุงฟาสิคะ แยมจะได้คบกับพี่โฟน”
“นับวันยิ่งทำตัวเหลวไหล! ได้! แม่จะหาทางออกที่ดีที่สุดให้กับแกเอง!” แม่กัดฟันกร่อด ก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ฉันถอนหายใจตามหลังของแม่อีกครั้ง ไม่ใช่ว่าทุกอย่างที่ฉันพูดไปเป็นเพราะฉันกวนแม่แต่อย่างใดนะ ฉันอ้างอิงความเป็นจริงทั้งนั้น แล้วนี่ก็ไม่รู้ว่าฉันจะหลงรักพี่โฟนหรือเปล่า? ในวันใดวันหนึ่ง
อะไรกันเนี่ย! ทำไมมีแต่เรื่องปวดหัวนะแยม!
ผ่านพ้นคืนนั้นไปได้ ดีหน่อยที่พี่โฟนไม่มาปั่นประสาทฉัน ไม่เข้ามาวุ่นวายกับฉันในห้อง มันเลยทำให้ฉันสบายใจขึ้นมานิดนึ่ง
เห็นหน้าพี่โฟน พี่โฟนต้องถามฉันแน่ว่าหลบหน้าทำไม และเมื่อคืนฉันก็ไม่มีอารมณ์ตอบกลับเขา
วันนี้ก็เหมือนเดิม ฉันไปเรียนแต่เช้าโดยไม่รอพี่โฟนเหมือนเดิม พอออกมาจากบ้านมองผ่านเข้าไปในโรงรถก็เห็นว่ารถยนต์ของพี่โฟนไม่อยู่แล้ว
หรือเมื่อคืนเขาจะไม่ได้กลับบ้านนะ?
ไม่นานนักฉันก็เลยมาถึงมหา'ลัย มาถึงที่นี้ก็ต้องสวมใส่หน้ากากหนา ๆ แล้วสินะ เพราะต้องอยู่คนเดียว กินข้าวคนเดียว สังคมที่ไม่มีเพื่อนก็ไม่โหดร้ายเท่าไหร่หรอกนะ
“แยม” ระหว่างทางที่ฉันกำลังเดินไปห้องเรียน ก็มีเสียงคนทักขึ้นมา เลยทำให้ฉันหันหน้าไปเผชิญกับเสียงที่เรียก
“พี่โฟน..” และเป็นเขาที่เหมือนจะมาดักรอฉันถึงที่มหา'ลัย
“หลบหน้ากูทำไม?”
“. . .” พี่โฟนถามพร้อมกับเดินเข้ามาใกล้ฉันเรื่อย ๆ ส่วนฉันก็ทำได้แค่เงียบ เพราะไม่คิดว่าพี่โฟนจะมาดักรอกันถึงที่นี้
ปกติเขาไม่ได้ตื่นเช้าขนาดนี้..
“กูถาม”
“เปล่าค่ะ แยมไม่ได้หลบหน้าพี่สักหน่อย” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ ทั้งที่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้นเลยสักนิด ความจริงคือฉันตั้งใจหลบหน้าเขาต่างหาก
“ก็เห็นอยู่ ทั้งที่บ้าน ที่มหา'ลัย”
“. . .”
“โกรธกูเรื่องวันนั้นเหรอ?” ร่างสูงเดินเข้ามาหาฉัน ก่อนจะใช้มือทั้งสองข้างยีแก้มของฉันอย่างหมั่นไส้
“เปล่า แยมจะโกรธพี่ทำไม แยมไม่ทีสิทธิ์สักหน่อย” ฉันจับมือของเขาออกเพื่อพูดอย่างน้อยใจ และฉันยังคงจับมือเขาเอาไว้อย่างนั้น ท่าทางของเราสองคนตอนนี้ ถ้าเกิดมีคนมาเห็น คงคิดว่าเราเป็นแฟนกันแน่
“ใครบอกว่าไม่มีสิทธิ์ มึงมีสิทธิ์เต็มร้อย”
“. . .” ทำไมฉันรู้สึกดีกับคำพูดเมื่อกี้จังเลยนะ มันเหมือนกับว่าฉันสำคัญต่อพี่โฟนอย่างนั้นแหละ
“ไว้กูพร้อมเมื่อไหร่ กูจะเล่าให้ฟังนะ” พี่โฟนว่าแล้วดึงฉันให้เข้าไปซบอกของเขา ด้วยส่วนสูงของฉันตอนนี้บวกกับส่วนสูงของพี่โฟนแล้ว ฉันอยู่ตรงหน้าอกของเขาพอดี
นั่นเลยทำให้ฉันได้ยินเสียงบางอย่างที่กำลังเต้นอย่างโครมครามอยู่ด้านในตัวเขา
เสียงหัวใจ...
“นี่พี่!” ฉันที่กำลังเคลิ้มกับอกอุ่น ๆ ของเขาอยู่ต้องหลุดออกจากภวังค์ เมื่อพี่โฟนโน้มใบหน้าลงมาราวกับว่าจะจูบฉันตามที่อารมณ์มันพาไป
แต่มันไม่ได้! ที่นี้มันมหา'ลัยนะ! ถ้ามีคนมาเห็นเราสองคน คงได้กลายเป็นข่าวฮอตพอดี
อันที่จริงตอนนี้ก็เริ่มมีคนสองสามคนเข้ามาแล้วนะ ฉันควรจะผละตัวออกจากพี่โฟนได้แล้ว!
“จะหลบหน้ากูอีกไหม?” พี่โฟนกำชับ
“ไม่แล้ว”
“ดีมากเด็กน้อย” พอได้ยินคำตอบของฉัน พี่โฟนก็เปลี่ยนเป็นคล้องคอฉันแทน ก่อนจะออกแรงลากฉันให้เดินไปกับเขา
ทำไมฉันรู้สึกเหมือนกับเราสองคนเป็นแฟนกันเลยนะ.. ถ้าเป็นจริง....
ก็ดีสิ...
“วันนี้มาส่ง..”
“ขอบคุณค่ะ” ฉันออกห่างจากตัวของพี่โฟนเมื่อมาถึงห้องเรียนของตัวเอง ที่แท้พี่โฟนก็เดินมาส่งฉันนี่เอง
จากนั้นก็เรียนอย่างเอาเป็นเอาตายเลยแหละ ระหว่างสับเปลี่ยนคาบ ฉันรู้สึกเหนื่อย ๆ เลยเผลอหลับไป ตั้งนาฬิกาปลุกไว้ด้วยนะ เพราะฉันตั้งใจว่าจะงีบแค่สิบนาทีรออาจารย์คนใหม่เข้ามาสอน.. สักพักมือถือฉันก็สั่นทำให้ฉันตื่นขึ้นมาและพบว่า
ทั้งห้องโล่งไม่มีคนแล้ว แต่มีโน๊ตเขียนไว้ว่าอาจารย์ยกเลิกคลาสนี้ พร้อมกับปากกาที่ฉันให้เพื่อนคนนั้นยืมเมื่อวาน
นี่คงเป็นข้อเสียของการไม่มีเพื่อนสินะ.. ก็ถ้ายกคลาสงั้นฉันก็กลับบ้านได้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี้ต่อ
ฉันคิดแบบนั้นก่อนจะลุกขึ้นจัดทรงผมเตรียมตัวกลับบ้าน แต่ก็คงต้องไปรอพี่โฟนก่อนน่ะนะ เพราะว่าพี่เขาอาจจะเรียนอยู่
กึก! กึก กึก!!
ฉันเขย่าประตูสองสามครั้งเพราะเปิดไม่ออก และเหมือนกับว่าฉันจะโดนแกล้งเข้าแล้ว เนื่องจากมันโดนแม่กุญแจห้อยล็อคจากด้านนอก.. ถึงจะไม่ได้ล็อคจริง ๆ แต่แค่ห้อยกุญแจเอาไว้ฉันก็ไม่สามารถออกได้แล้ว
ทำไงดี... เพื่อนฉันไม่มีพึ่งใครไม่ได้แล้วนอกจากพี่โฟน
ฉันตัดสินใจโทรหาพี่โฟนในเวลาต่อมา เพราะว่าพี่โฟนคือทางพึ่งสุดท้ายของฉันแล้ว ฉันกดโทรออกทันทีอย่างไม่ลังเล และในเวลาไม่นานนักเขาก็รับสายพร้อมกับเสียงอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่
(“ว่าไง กูเรียนอยู่!”) พี่โฟนเหมือนจะดุฉันเล็กน้อย อันที่จริงเขาไม่ต้องมารับสายฉันก็ได้นะถ้าเขาเรียนอยู่ แต่นี่เขาเลือกที่จะรับสายของฉัน
“พี่โฟนแยมโดนขัง.. โดนขังไว้ในห้องเรียน” ฉันรีบฟ้อง
(“ห๊ะ!”)
“ทำไงดี ไม่มีใครอยู่ด้านนอกเลย”
(“กูจะไปเดี๋ยวนี้”)
“อือค่ะ” ฉันอุ่นใจขึ้นเล็กน้อยที่พี่โฟนพูดแบบนั้น แล้วสักพักเสียงอาจารย์ในห้องของเขาก็ดังแทรกขึ้นมา
(“ ... : นักศึกษาจะไปไหน!! อยากโดนหักคะแนนหรือไง!”
“อยากหักก็หักเลยครับ ผมต้องไปหาคนสำคัญก่อน!”)
“พี่... พี่โฟน...” คนสำคัญอย่างนั้นเหรอ.. ฉันได้ยินเท่านั้นก่อนที่สายจะถูกตัดไป สักพักก็มีคนเดินมาบริเวณหน้าห้อง ซึ่งนั่นก็เป็นพี่รหัสของฉันเอง พี่ไวท์
“อ้าวเฮ้ย!” พี่เขาตกใจนิดหน่อยที่หันมาแล้วเจอฉันโดนขังอยู่ในห้อง นี่ถ้าเขามาเร็วกว่านี้ฉันคงไม่ต้องโทรตามพี่โฟนแล้ว.. “โดนแกล้งเหรอ?” พี่ไวท์ถามอย่างสงสัยหลังเปิดประตูให้กับฉัน
เขาถือวิสาสะจับแขนของฉันทันทีโดยที่ฉันไม่ได้ตั้งตัว แล้วสำรวจร่างกายของฉันด้วยสายตา
“ใช่ค่ะ..” ฉันตอบเสียงเบา
“ใครทำแยม?” พี่ไวท์ถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดูเป็นผู้ชายอ่อนโยนที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา
“ไม่รู้.. แยมไม่รู้”
“เฮ้อออ.. เข้มแข็งนะ เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้พี่เชื่อแบบนั้น” พี่ไวท์เหมือนจะรู้ว่าเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดา เขาเลยให้กำลังใจฉันผ่านคำพูด แล้วลูบหัวของฉันเบา ๆ อย่างเอ็นดู “เอาเบอร์พี่ไว้ไหม เผื่อมีอะไรบอกพี่ได้นะ”
“เอ่อ... ค่ะ” ฉันตอบตกลงหลังคิดเพียงแค่แปปเดียว มีก็ดีนะ ฉันจะได้ไม่ต้องรบกวนพี่โฟน ฉันก็เกรงใจเขาเป็นเหมือนกัน
“เอามือถือแยมมาสิ” พี่ไวท์ว่า ฉันเลยเอามือถือในมือยื่นให้กับเขาไป
ตึก! ตึก! ตึก!!
และมันก็เป็นจังหวะเดียวกับที่พี่โฟนวิ่งอย่างหอบเหนื่อยมาพอดี
“. . .” ฉันเงียบแต่ยิ้มทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม ดีใจที่เขารีบมาหาฉันขนาดนี้ ดีใจที่เมื่อกี้พี่เขาบอกว่าฉันเป็นคนสำคัญ..
“แฮ่ก ๆ ... กูอุตส่าห์วิ่งมาแทบตาย” แต่สีหน้าพี่โฟนท่าทางจะไม่พอใจเท่าไหร่ แล้วพี่ไวท์ก็คืนโทรศัพท์ฉันมาพอดี
“พี่เขา..” เราไม่ได้แลกเบอร์กันนะ และฉันก็ไม่ได้อ่อยด้วย พี่เขาแค่ให้เบอร์ฉันไว้แค่นั้นเอง..
“เสียเวลาว่ะ!” พี่โฟนพูดอย่างหัวเสียแล้วหมุนตัวเดินกลับไป ทำให้ฉันตกใจเป็นอย่างมากนี่พี่โฟนต้องโกรธฉันแหงเลย
“พี่โฟน!!” ฉันตะโกนตามหลังเขา แต่ไม่วายที่จะหันไปขอบคุณพี่ไวท์แล้ววิ่งตามก้นพี่โฟนไป
เฮ้อ! ให้ตายเถอะ!!
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 39
Comments