หลังกิจกรรมทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างน่าเบื่อหน่าย มันก็มาถึงเวลาที่ฉันต้องกลับบ้านสักที อย่างน้อยบ้านที่มีคนแบบพี่โฟน ก็ยังดูจะสนุกกว่าการอยู่มหา'ลัยซะอีก
ครั้งนี้เป็นพี่โฟนที่เดินมาหาฉันถึงหน้าตึกคณะ แถมยังควงผู้หญิงมาด้วยอีกต่างหาก ฉันได้แต่มองเธอคนนั้นตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพิจารณา มองว่าเธอตาบอดมาเดินควงคู่กับคนแบบพี่โฟนได้ยังไง ผู้ชายที่มีดีแค่หน้าตาแต่จิตใจสกปรกแบบพี่โฟน ไม่ควรได้คู่ควงที่เบ้าหน้าดีขนาดนี้เลยสักนิด!
“มองอะไรอีหอยหลอด” พี่โฟนทักฉันที่จ้องมองเขากับผู้หญิงที่เขาควงมาอย่างไม่วางตา สาบานว่านั่นเป็นคำทักทายของผู้ชายอกสามศอก?
อีหอยหลอดเนี่ยนะ?
“คนนี้เหรอน้องโฟนน่ะ?” ผู้หญิงร่างสูงผอมหุ่นดีเอ่ยถามพี่โฟนด้วยน้ำเสียงหวานละมุนราวกับหลุดออกมากจากโรงลิเก
“ใช่ แต่เป็นน้องไม่แท้”
“แล้วทำไมไปเรียกน้องเขาว่าหอยหลอดละ น้องเขาออกจะน่ารัก” ไม่พูดเปล่า แต่เธอยังเดินเข้ามาหาฉันอีกด้วย ฉันได้ยิ้มแบบไม่เต็มใจแล้วมองหน้าพี่เขาที่กำลังเดินมาหาฉันเท่านั้น
จะทำอะไร! คงไม่ได้เดินมากระชากหัวฉันหรอกนะ
“กลับบ้านกันเถอะนะ วันนี้พี่ขอติดรถไปด้วย”
“ค่ะ”
“อุ้ย เกือบลืมเลย พี่ชื่อแนตตี้นะคะ” แนตตี้เหรอ? ฟังแล้วไม่ถนัดหูยังไงชอบกล แถมหน้าตาก็ยังสวยเกินผู้หญิงธรรมดาอีกด้วย นี่คงไม่ได้เป็นสาวประเภทสองหรอกนะ
อีพี่โฟนก็ไม่น่าตาถั่วไปคว้าสาวสองมาควงมั้ง... หรือสเปคพี่โฟนเป็นแบบนั้นกัน
“แยมค่ะ” ฉันแนะนำตัวเองแล้วยิ้มอ่อน ๆ
“เลิกแนะนำตัวกันได้ล่ะ เดี๋ยวได้กลับถึงบ้านเย็นพอดี” พี่โฟนไม่ว่าเปล่าแต่ยังดึงพี่แนตตี้ไปควงแบบเดิมอีกด้วย แหม.. ฉันไม่อิจฉาคนมีคู่หรอกนะบอกเลย
ฉันมองทั้งสองคนอย่างเอือมระอา แต่ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมามาก ถ้าให้เดาพี่โฟนก็น่าจะรู้ว่าฉันคนนี้กำลังเอือมระอากับเขาอยู่
ฉันเดินนำไปยังรถของพี่โฟนที่เขาขับมาจอดอยู่ไม่ไกล ฉันจำรถและป้ายทะเบียนได้ ฉันเลยมั่นใจที่เดินนำเขาไปก่อน
“เดี๋ยวกูจะไปส่งแนตตี้ก่อน มึงคงไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหม?” พี่โฟนถามฉันในขณะที่เราทั้งสามคนเข้ามาอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว
“ไม่มี” จะมีได้ยังไงล่ะ ฉันมีสิทธิ์โวยวายอะไรได้บ้าง! อีกอย่างคือฉันขึ้นมานั่งบนรถขนาดนี้แล้วถ้าจะถาม ทำไมไม่ถามก่อนที่ฉันจะขึ้นรถกันนะ?
“ดี!”
พอพี่โฟนตอบมาอย่างนั้นเขาก็ขับรถเพื่อที่จะไปส่งพี่แนตตี้ที่ที่พักของพี่เขา ส่วนฉันตอนนี้ก็เป็นได้แต่วิญญาณไร้ความหมายบนรถเท่านั้น มองดูทั้งสองคนคุยเล่นหยอกล้อกันเหมือนหนุ่มสาวจีบกันใหม่ ๆ เล่นเอาคนที่นั่งตรงนี้ทั้งคนอย่างฉันถึงกับต้องแกล้งหลับเพื่อที่จะได้ไม่เห็นภาพพวกนั้นเลยทีเดียว
ฉันแกล้งปิดตาจนมาถึงที่พักของพี่แนตตี้ หลังจากนั้นรถทั้งคันก็เงียบ พี่โฟนคงคิดว่าฉันหลับไปจริง ๆ มั้ง ถึงได้ไม่คุยไรกับฉันที่นั่งหลังรถ
ทว่า... เขาเลือกทำอีกอย่างหนึ่ง...
เอี๊ยดดดดด บรื้นนนนนนนนน!
รถทั้งคันขับเหวี่ยงไปมาจนฉันกลิ้งไปกลิ้งมาภายในรถ สุดท้ายก็ต้องลืมตาขึ้นเพราะสุดจะทนกับสิ่งที่พี่โฟนทำ
“ขับรถประสาอะไรของพี่เนี่ย!” ฉันที่ลืมตาขึ้นมาได้ก็บ่นเขาทันที
“เป็นวิธีการปลุกแบบมีมารยาท”
“กล้าพูดเนาะ! แบบนี้ที่บ้านแยมเรียกว่าไร้มารยาทค่ะ ไม่ใช่มีมารยาท!”
“กูจำได้ว่าบ้านเราสองคนอยู่ด้วยกัน”
“. . .!”
“เอาละ มึงมานั่งหน้านี่มา กูไม่ได้เป็นคนขับรถนะ มึงถึงจะนั่งหลังได้” พี่โฟนมองฉันผ่านกระจกหน้ารถ
แล้วนี่เขาบ้าไปแล้วหรือเปล่า? รถก็ไม่ยอมจอดแต่จะให้ฉันไปนั่งข้างหน้า
“พี่ก็จอดก่อนสิ!”
“จะจอดทำไมเสียเวลา มึงกระโดดมานั่งตรงหน้านี่เลยสิ ถอดรองเท้าออกแล้วข้ามมา” เขาพูดเหมือนง่าย สายตาจ้องมองทอดไปยังถนนเส้นยาวที่มีรถสวนไปมาอย่างไม่ขาดสาย
“แยมใส่กระโปรง มันไม่สะดวกต่อการข้ามไปนั่งตรงหน้าแบบที่พี่ว่าหรอกค่ะ!”
“จะอายอะไร ทำเหมือนกับกูไม่เคยเห็น”
“ ! ”
“เร็ว!!!” พี่โฟนย้ำอีกครั้งเสียงแข็ง ทำให้ฉันที่กำลังลังเลอยู่ ตัดสินใจที่จะข้ามไปนั่งด้านหน้า
“เออ!”
ํฉันตอบกลับแบบไม่ค่อยจะพอใจแล้วถอดรองเท้าออก ข้ามไปนั่งตรงข้างหน้าแบบที่พี่โฟนสั่ง และจังหวะที่ฉันเกือบจะลงไปนั่งได้อย่างสวยงาม พี่โฟนก็เกิดเบรกกระทันหัน
โป๊กกกก!
“โอ้ยย!!” ฉันโยกไปด้านหน้าอย่างแรง ทำให้หัวไปโขกกับหน้ารถ เนื่องจากพี่โฟนเบรก
ความรู้สึกแรงคือในหัววิ๊งมาก มีเสียงหัวเราะของคนใจร้ายหัวเราะออกมาไม่ขาดสาย แล้วรถก็เคลื่อนตัวต่อไป ทั้งที่ฉันกำลังมึนเหมือนจะอ้วก ภาพซ้อนเกิดขึ้นเต็มไปหมด
“ท่ามึงเมื่อกี้โคตรตลกอะแยม ฮ่า ๆ !” แต่แล้วคนที่เป็นต้นเหตุทำให้ฉันมึนหัวแบบนี้ก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะสนใจอาการฉันเลย
ซ้ำยังจะหัวเราะให้กับท่าทางของฉันอีก
“พะ พี่โฟน”
“อะไร แค่นี้ไม่ตายหรอก มึงควรจะหันมาหวีดกูได้แล้วนะ แบบที่มึงทำทุกครั้งไง ฮ่า ๆ !”
“แยมจะอ้วก” ฉันไม่สนใจคำพูดไร้ความหมายของพี่โฟน แล้วเลือกที่จะแสดงท่าทีออกมา ฉันปิดปากของตัวเองเอาไว้ ทำเหมือนจะอ้วกออกมาจนพี่โฟนต้องจอดรถกระทันหันด้วยความตกใจ
่
“เฮ้ย! ห้ามอ้วกในรถนะเว้ย!” ไม่ใช่ตกใจที่ฉันมีอาการแบบนี้นะคะ ตกใจกลัวฉันอ้วกใส่รถของเขามากกว่า
“มึนหัวไปหมดแล้วพี่” ไม่พูดเปล่าแต่ฉันยังพยายามออกจากตัวรถด้วยอาการมึนหัวแบบนี้อีกด้วย
“เออ ๆ”
ฉันเปิดประตูออกมาท่ามกลางรถคันอื่นที่บีบแตร๊ไล่รถของพี่โฟนที่จอดอยู่กลางถนน ไม่ชิดเข้าข้างทางเลย แถมยังมีรถมากมายขับสวนผ่านอีก ฉันเดินโซซัดโซเซจะไปอีกฝั่งหนึ่งเพื่อที่จะไปนั่งพักใต้ร่มต้นไม้ข้างทาง เผื่ออ้วกจะได้อ้วกไม่เลอะเทอะ..
แต่ภาพที่ซ้อนกันมันทำให้ฉันยากที่จะข้ามถนนคนเดียวในเวลาแบบนี้ เพียงแค่ฉันก้าวขาเดินไม่กี่ก้าว ฉันก็แทบจะหมดสติ ประคองร่างกายของตัวเองเอาไว้ไม่อยู่
“ระวัง!!” และนั่นเป็นเสียงสุดท้ายที่ฉันได้ยินก่อนที่ภาพของฉันจะตัดไปเป็นความมืด ทั้งที่ตอนนี้เป็นเวลาที่พระอาทิตย์ยังไม่ทันตกดิน..
. . .
“แยมอยู่ไหน” ฉันลืมตาขึ้นว่า พบว่าตัวเองอยู่ในสถานที่ใหม่ที่ไม่คุ้นชินตา แน่นอนว่าที่นี้ไม่ใช่โรงพยาบาล เพราะฉันรู้ดีว่าคนอย่างพี่โฟนไม่มีทางพาไปโรงพยาบาลแน่
“ฟื้นสักที กูนึกว่าจะฆ่าคนตายซะแล้ว มึงนี่อ่อนจริง ๆ เลยนะ กูแกล้งเล่นแค่นี้ถึงกับต้องหมดสติเลย” พอพี่โฟนรู้ว่าฉันได้สติก็แร็พใส่ฉัน แถมยังยืนเก๊กล้วงกระเป๋ามองฉันจากปลายเตียง
“แยมเจ็บจริง ๆ นะพี่โฟน” ฉันว่าพลางเลื่อนมือขึ้นไปจับบริเวณหน้าผาก ซึ่งตอนนี้ยังรู้สึกเจ็บ ๆ อยู่
“เออ! เห็นแล้วน่า จะฟ้องทำไมก็กูเป็นคนทำ!”
“เฮอะ... อยากกลับบ้านแล้ว” ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ปรับสายและจูนสมงสมองตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง
“ไม่ให้กลับ วันนี้มึงต้องนอนที่นี้กับสุดหล่อแบบกู!”
“ไม่มีทาง” ส่ายหัวปฏิเสธรัว ๆ เลยจ้า นอนกับพี่โฟนก็ไม่แน่ว่าอาจจะโดนรังแกอีก หน้าตายิ่งไม่ค่อยจะน่าไว้วางใจเท่าไหร่อยู่ด้วย
“หัวมึงแดงขนาดนี้ กลับไปกูก็โดนด่าแย่น่ะสิ มึงอย่าทำให้กูเดือดร้อนไปเลยน่าแยม”
“ไม่มีใครกล้าว่าอะไรพี่หรอก” พูดให้ตัวเองน่าสงสารไปเพื่ออะไร ในเมื่อไม่มีใครกล้าด่าคนแบบเขาอยู่แล้ว
“ทำไมจะไม่มี”
“. . .ไม่คุยกับพี่แล้ว คุยไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร แยมกลับบ้านดีกว่า” ฉันพูดไปก็ทำท่าจะก้าวลงจากเตียงไป แต่ทว่ากลับถูกพี่โฟนเดินเข้ามากดบ่าของฉันให้นั่งที่เดินเอาไว้เสียก่อน
“อย่าดื้อได้ป่ะ บอกว่าไม่ให้กลับก็คือไม่ให้กลับไง”
“. . .” ฉันเงียบแล้วมองหน้าพี่โฟนอย่างพิจารณา เขาบอกว่าอย่าดื้อเหรอ...
“เจ็บมากไหม ตรงนี้.. จุ๊บ”
“ ! ” และแล้วพี่โฟนก็ทำในสิ่งที่ฉันไม่คาดคิดว่าเขาจะทำ นั่นคือการที่โน้มตัวลงมาจุ๊บหน้าผากของฉันอย่างแผ่วเบาเพียงเสียววิ แล้วผละใบหน้าออกอย่างรวดเร็ว
ทำให้ฉันถึงกับอึ้งในสิ่งที่เขาทำ และกำลังใจเต้นแรงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“พึ่งหกโมงเอง ทำอะไรกันหน่อยไหม? พรุ่งนี้ค่อยกลับบ้าน”
“อะ อะไรของพี่...” ฉันถามเสียงสั่น ไม่กล้าสบตาเขาในตอนนี้เลย เพราะหัวใจของฉันกำลังเต้นแรงอยู่
“ขาวดีนะ” พี่โฟนว่าแล้วผลักร่างของฉันออกเล็กน้อย มองหน้าอกของฉันที่กระดุมเสื้อนักศึกษามันหลุดออก
นี่เขาทะลึ่งซะมัด!!
“พี่โฟน!!” ฉันรีบผลักเขาออกแล้วยกแขนเรียวเล็กของตัวเองขึ้นมากอดอกตัวเองเอาไว้ ป้องกันคนทะลึ่งแบบพี่โฟนมองนาน ๆ
พอกันที! หัวใจฉันไม่ควรใจเต้นแรงกับคนแบบพี่โฟน!
**ตอนนี้ไม่ได้มีเจตนาจะเหยียดเพศที่สามนะคะ เป็นเพียงความคิดของตัวละครเท่านั้นน้าา
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 39
Comments