เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องหอบตัวเองมานอนห้องพี่โฟนเพราะว่าโดนเขายึดห้องนั้นไป แถมเอาของทุเรศนั่นเข้ามาไว้ในห้องฉันอีก และแน่นอนว่าฉันจะไม่อยู่ห้องเดียวกับคนแบบเขาแน่ ๆ!
ฉันเองก็ไม่เข้าใจเขาเหมือนกันนะ ว่าจะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับฉันนักหนา เดี๋ยวก็ดีเดี๋ยวก็ไม่ดี
ฉันตามอารมณ์เขาไม่ทันเลย
ห้องเขาก็ออกจะใหญ่กว่าห้องของฉัน สไตล์ผู้ชายเตียงนอนก็ออกจะนุ่ม ไม่รู้ทำไมวุ่นวายกับห้องของฉันจัง หรือชอบห้องนอนของฉัน?
เป็นตุ๊ด?
เอาเป็นว่าฉันนอนในห้องของพี่โฟนได้พักหนึ่ง พี่โฟนก็กลับเข้ามาทางระเบียงทางเดิม ซึ่งฉันถึงกับต้องกรอกตามองบนกับการกระทำของเขา
นี่ไม่คิดจะเหนื่อยเลยหรือไง? ทำแบบนี้สนุกมากเหรอเนี่ย?
“ทำไมไม่นอนห้องแยมต่อละ” ฉันถามพร้อมกับยันตัวลุกขึ้นจากเตียงของเขาเพื่อเตรียมออกจากห้องนี้ ไม่อยากอยู่ร่วมห้อง
“อยากกลับมานอนห้องตัวเองแล้วอะ ทำไม?”
“พี่ไม่เหนื่อยเหรอปีนไปปีนมาแบบนี้อะ”
“ออกกำลังกาย” พี่โฟนตอบหน้าตายแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
ฉันถอนหายใจยาวเหยียดก่อนทำท่าจะเดินออกมาจากห้องของเขา แต่ก็ไม่วายโดนเขาเรียกเอาไว้ซะก่อน
“อย่าพึ่งไป”
“. . .”
“สังคมมหา'ลัยที่เลือกเข้า.. มันเป็นสังคมของการบูลลี่ ถ้าไม่เจ๋งจริงอยู่ไม่รอดหรอกนะแยม ยิ่งบ้านนอกไม่รู้เรื่องอะไรแบบมึงอีก กูช่วยมึงได้ถ้าเกิดมึงจะย้าย ย้ายตอนนี้ยังทัน” นี่ถึงขั้นเอาเรื่องการบูลลี่มาโกหกกันเลยเหรอพี่โฟน?
อยากจะไล่ฉันออกจากบ้านว่างั้นสิ น่าเสียดายนะที่เอาเรื่องไร้สาระมาโกหกฉัน เรื่องแบบนี้ฉันไม่เชื่อหรอกมันยากที่จะเชื่อ หรือที่เรียกว่าใครเชื่อก็โง่นั่นแหละ
ถ้าเกิดมันเป็นแบบที่เขาพูดจริง ๆ ทำไมเขาถึงยังเรียนต่อตั้งหลายปีล่ะ
“พี่ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ ยังไงซะแยมก็ไม่ไปรบกวนอะไรพี่หรอก” พูดจบฉันก็รีบเดินมุ่งหน้าไปทางประตูเพื่อที่จะออกจากห้องของเขา เริ่มจะโมโหแล้วนะ
แกร็กกก~
“ชิ!” ฉันสบถออกมาหลังออกมาได้สำเร็จไม่มีเสียงเรียกตามหลัง แต่ก็ต้องมาตกใจสะดุ้งโหย่งเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองเดินออกมาจากห้องของพี่โฟนหน้าตาเฉย แถมมองไปตรงหน้าห้องของแม่ยังมีแม่มองฉันอยู่อีกด้วย
มองฉันที่พึ่งจะออกมาจากห้องของพี่โฟนด้วยสายตามี่ยากจะคาดเดา แล้วแม่ถึงได้เข้ามาหาฉันกระทั่งประชิดตัวฉันได้สำเร็จ
“แยม! ทำไมออกมาจากห้องโฟน!” แม่บีบแขนของฉันเอาไว้แล้วดึงเข้าไปยืนใกล้ ๆ ฟังจากน้ำเสียงที่ดุดันแล้ว คงไม่ต้องเดาเลยว่าแม่กำลังรู้สึกยังไง
“เอ่อ...” จะให้ฉันตอบว่ายังไงล่ะ? บอกว่าเราสองคนเล่นสลับห้องกันไปมาอย่างนั้นน่ะเหรอ หรือจะบอกว่าไปขอยืมอะไรจากห้องพี่โฟนมาดี
แต่เราสองคนก็ไม่ได้มีความสนิทสนมกันสักนิดเดียว
“ทำอะไรผิดผีกันมาใช่ไหม!!” แม่ทำตาลุกวาวกับสิ่งที่ตัวเองพูดออกมา
นี่แม่เห็นฉันเป็นคนยังไง ไม่คิดจะถามหาเหตุผลอื่นเลยหรือไง
“มะ แม่! ไม่ใช่สักหน่อยนะแม่” ฉันรีบปฏิเสธ ส่ายหัวระรัวกับสิ่งที่มันไม่ใช่เรื่องจริงแม้แต่นิดเดียว
ทว่า.. แค่มองหน้าแม่ฉันก็รู้แล้วว่าแม่ไม่มีความเชื่อใจฉัน แม่เริ่มบีบแขนของฉันแรงขึ้นอีกครั้งจนรอบนี้ฉันเจ็บขึ้นมาอีกเท่าตัว
“แยม!!” ผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้าเบิกตากว้างบังคับจะเอาคำตอบจากฉัน
“โอ้ยยย แม่ ๆ”
“มานี่เลย!”
แม่ลากฉันเข้าไปในห้องทำงานที่มีลุงฟานั่งทำงานอยู่ ลุงฟาหันมามองฉันกับแม่สลับกันทันทีที่ฉันมาถึงในห้อง
“แม่คงต้องบอกเรื่องนี้กับลุงฟา!” สิ้นคำพูดของแม่ลุงฟาก็วางมือจากงานที่ทำมาสนใจเราสองแม่ลูกทันที
ฉันไม่เข้าใจแม่เลยว่าจะทำเรื่องเล็กแค่นี้ให้เป็นเรื่องใหญ่ทำไหม? จะให้ฉันกับพี่โฟนผิดผีกันให้ได้
“เรื่องอะไรเหรอคุณ? ถึงได้ลากลูกเข้ามาแบบนี้ ใจเย็น ๆ ก่อนก็ได้” ลุงฟาพูดด้วยเหตุผล
“ไม่ได้แล้วค่ะ ลูกฉันทำผิดผี” คำก็ผิดผีสองคำก็ผิดผี แม่จะอะไรนักหนา!
“หืม?”
“ทำไมแม่ไม่ถามแยมก่อนบ้างว่าสิ่งที่แม่คิดน่ะมันใช่แล้วเหรอ!!?” ฉันแกะมือของแม่ที่บีบฉันเอาไว้ออกด้วยความโมโห
“ถามแล้วแกจะยอมรับความจริงไหม!?”
“กะ...” ฉันเก็บคำพูดจองตัวเองกลืนลงคอ รู้ว่าพูดอะไรไปตอนนี้มันก็คงจะฟังไม่ขึ้นสำหรับแม่ แต่ฉันเชื่อว่าลุงฟาเป็นคนมีเหตุผลพอ และคงจะพอที่จะเข้าใจว่าเรื่องนี้ที่แม่พูดไม่เป็นความจริง
“แยมออกมาจากห้องของโฟน ซึ่งฉันไม่ทราบหรอกค่ะว่าเขาสองคนทำอะไรกันในนั้น ก็อย่างว่านะคะหญิงชายอยู่ด้วยกันสองคนในห้อง มันจะคิดเป็นอะไรไปได้ ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องเลย"
“ลุงฟาจะเชื่อแม่เพราะแค่แม่พูดแค่นี้ก็ตามใจนะคะ” ฉันรีบแทรกหลังแม่พูดจบ แม่หันมาแยกเคี้ยวใส่ฉันหันทีแล้วถึงจะหันกลับไปทางลุงฟาเหมือนเดิม
“เชื่อเลยครับ เชื่อเลย”
“ ? ”
ฉันต้องงงเป็นไก่ตาแตกอีกครั้ง เมื่อจู่ ๆ ก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามาภายในห้อง ซึ่งเขาคนนั้นก็คือพี่โฟน โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าเขามาแอบฟังตั้งแต่ตอนไหน
แล้วมาฟังนานหรือยัง
“ตาโฟน..”
“ทำไมล่ะครับ? ตรงไหนที่เรียกว่าผิดผี? ถ้าเป็นตรงที่ผมกับแยมยังไม่ได้แต่งงานกันแล้วอยู่ห้องเดียวกันเนี่ย.. ไม่น่าจะคิดมากนะครับ เพราะคุณพ่อผม ท่านเป็นคนบอกเองว่านี่น้องสาวผม คงไม่แปลกมั้งที่พี่กับน้องจะเข้าออกห้องนอนของกันและกัน?” ฉันรู้สึกว่าพี่โฟนเป็นฮีโร่ก็วันนี้แหละ พี่โฟนได้พูดสิ่งที่ฉันอยากพูดไปหมดแล้ว “อย่าทำการกระทำที่มันย้อนแย้งคำพูดนักเลยครับ”
“. . .”
“ถ้าไม่มีอะไรมันก็ดี แค่ไม่อยากให้ทั้งสองคนเกินเลยกันและกันเท่านั้นเอง” ทีงี้แม่พูดอ่อนข้อขึ้นมาเชียวนะ
“ครับ ไม่มีหรอก” ตัวร้ายอย่างพี่โฟนหันหน้ามามองฉันพร้อมกับยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ ท่ามกลางสายตาของลุงฟาและแม่
ฉันว่าท่านทั้งสองคนจะไม่ไว้ใจก็เพราะแบบนี้แหละ!
“กลับเข้าห้องไปแยม ไม่มีอะไรที่ต้องคิดมาก เราเป็นพี่น้องกัน.. ไม่แท้” คำว่าไม่แท้พี่โฟนแค่ขยับปากพูดแต่ฉันพอจะจับใจความได้ว่าเขาพูดว่าอะไร
“ค่ะ” ฉันขานรับและกำลังจะเดินกลับ จังหวะนั้นแม่ก็กระซิบบางคำให้กับฉัน
“ทำอะไรระวังหน่อย แม่เป็นห่วง”
“ค่ะ”
เข้าใจความหวังดีของแม่นะคะ อยากจะให้มันมีเหตุผลมากกว่านี้อีกเสียหน่อยนี่เล่นไม่ฟังกันเลย นั่นแหละ ฉันตอบรับแค่นั้นแล้วก็รีบเดินกลับเข้ามาในห้องทันที
คราวหลังต้องระวังตัวมากกว่านี้แล้ว ใจจริงไม่อยากจะให้พี่โฟนปีนข้ามไปข้ามมาแบบนี้อีก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คนอย่างเขามันเอาแต่ใจ
เดี๋ยวนะ! นี่อีพี่โฟนมันยังไม่เอาของ ๆ มันกลับไปอีกเหรอเนี่ย!
ก๊อก ๆ ๆ!
“ใคร?” ฉันหลุดออกจากภวังค์เมื่อมีคนมาเคาะประตู ฉันไม่ไปเปิดก็พอจะรู้ว่าใคร
“กู” ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเขาอย่างที่คิด
“มาก็ดี!” มาเคาะประตูขนาดนี้ก็ควรจะเอาของตัวเองกลับไปซะ “เอาของของพี่กลับไปเลยนะ!” ฉันเดินไปหยิบของ ๆ พี่โฟนที่เอามาวางไว้บนเตียงของฉัน แล้วคืนเขาไป “ของทุเรศ”
“เฮอะ!”
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 39
Comments