เมื่อได้รับสินสมรสครบนางก็ไปที่ร้านขายผ้าเพื่อตรวจดูรายบะเอียดต่างๆ พร้อมทั้งให้คนที่ทำงานคนเก่าสมัยมารดานางอยู่กลับมาแล้วเอาคนของฮูหยินออกทั้งหมด "ตัวข้านั้นคงไม่อยู่กับพวกท่าน ถ้าท่านขายดีพวกท่านก็จะได้มีรายได้ ท่านหลงจู้เป่ย ข้าฝากท่านด้วยนะ"
"คุณหนูวางใจเถอะขอรับ พวกเราได้กลับมาทำงานอีกครั้งเพราะคุณหนู พวกเราจะไม่ทำให้คุณหนูต้องเป็นห่วงขอรับ" หลงจู้กล่าวอย่างหนักแน่น
"ขอบคุณนะ ข้าเดินทางครั้งนี้คงไปนาน ข้าจะติดต่อมา โดยใช้สัญญาลักษณ์นี้" ชิงเยียนวางรูปดาวแบบง่ายๆแจ่นางคิดว่าคนอื่นคงไม่ทำแบบนี้ "อ้อ!ข้าใช้นามว่า จางชิงเยียน นะ"
ทุกคนกล่าวพร้อมกันว่า "ขอรับคุณหนูชิงเยียน"
เมื่อสั่งงานและเรื่องราวต่างเสร็จสิ้น จางชิงเยียนกำลังจะเดินทางไปฝึกวรยุทธ์ในป่าลึกๆเพื่อหลีกเลี่ยงการเจอผู้คน
"ท่านตาเทพ เมื่อไหร่จะสวยเล่าเจ้าคะ" ชิงเยียนเดินไปตามทาง "ข้าอยากสวยงดงาม อยากรวยๆๆๆ อยากเก่ง อยากมีแฟนสายเปย์ด้วย อยากมีความสุข อยาก...."
"นี่นางหนูเจ้าอย่าบ่นมากได้ไหม ข้าไม่ได้พักผ่อนเลยนะ เจ้าไม่ได้ของนี่ ไอ้ที่เจ้าพูดมาทั้งหมดนั้น"
"ไม่ขอได้ยังไงก็ขอไปแล้วไง ว่าเอาแบบเทพบนสวรรค์ไง แหม! ท่านอย่ามาทำลืมสิ เทพไม่สวยรึ ไม่รวยรึ ไม่เก่งรึ ฮ่าๆๆ"
"นี่เจ้า!...." เทพผู้ให้กำเนิดไม่มีคำจะกล่าวต่อ
"ข้าไม่มีเพื่อนคุยเลยเหงาน่ะ แต่ที่ขอไปต้องได้ด้วยนะเจ้าคะ"
"เฮ้อ!...เจ้าว่ามาๆข้าไม่น่าพลาดเล้ย"
"ไม่ทันแล้วเจ้าคะ หาคนมาอยู่เป็นเพื่อนข้าหน่อยสิ ที่มีเลเวลสูงๆหน่อย อิอิ"
เทพผู้ให้กำเนิดจึงนำท่อนไม้มาประกอบแล้วกลายร่างให้ท่อนไม้นั้นมห้เป็นมนุษย์ "นางจะเป็นสาวใช้ที่ภักดีต่อเจ้าแบะเชื่อฟังเจ้า แล้วก็ถ้าภายใน 5 วันนี้ถ้าเจ้าสามารถไปถึงขั้นกลางได้พรทุกข้อก็จะมาเอง แล้วก็ห้ามบ่นได้แล้วนะ ข้าจะพักผ่อน" กล่าวจบก็หายแว๊บไปทันที
นางใช้หนามแถวๆนั้นมาเจาะเลือดเพื่อหยดลงบนร่างสาวใช้ เมื่อนางมีชีวิต "ข้าตั้งชื่อให้เจ้าว่าเสี่ยวชิง ตามชื่อแรกของข้านะ ให้เจ้าชีวิตได้เหมือนมนุษย์ทั่วไป"
"รับทราบเจ้าคะคุณหนู" เสี่ยวชิงตอบกลับออกไป
จากนั้นชิงเยียนและเสี่ยวชิงก็คุยกันสนุกสนานไปตลอดทาง เมื่อถึงชายป่า ชิงเยียนก็เห็นผู้คนเดินออกมา จึงถามขึ้นว่า "พี่ชายไม่ทราบว่าป่านี้มีชื่อว่าอะไร"
ชายวัยกลางคนสูงล่ำสัน ผิวออกไปทางคลำเพราะทำงานหนัก "ป่าแห่งหมอก เมื่อเข้าไปหมอกจะหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ชื่อว่าป่าแห่งหมอก ใจกลางป่ามีหุบเขาอยู่แต่ไม่มีใครเคยเข้าไปได้"
เสี่ยวชิงจึงเอ่ยขึ้นว่า "ขอบคุณพี่ชายมากนะ ข้ากับคุณหนูขอเข้าไปดูหน่อย" พูดพลางยิ้มสดใส ทำเอาชายหนุ่มหน้าแดงซ่าน
จางชิงเยียน เมื่อตอนเดินทางแรกๆออกมาจากวัดร้างถูกลวนลามเพราะหน้าตาที่สวยสดงดงามดังนั้น จึงใส่หมวกที่มีผ้าปิดหน้าไว้ จึงทำให้การเดินทางนั้นสะดวกขึ้น
"ระวังตัวหน่อยนะ พวกเจ้ายังไม่เคยเข้าไปน่ะ พวกข้าเข้าไปทุกวันยังแทบจำทางกลับไม่ได้"
สองสาวจึงกล่าวขึ้นว่า "ขอบคุณมากพี่ชาย พวกเราจะระวัง"
กล่าวจบคงทุกคนก็แยกย้ายกันจากไป
"เสี่ยวชิงเราเดินไปเก็บของกินไปด้วยนะ หาที่พักสักคืนก่อนค่อยเดินทางตอนที่สว่างจะได้ปบอดภัย เรื่องหาของกินฉันถนัดที่สุด เมื่อก่อนฉันแอบหนีคุณแม่ไปบ่อยๆ คริๆ" ชิงเยียนคิดถึงเมื่อตอนเป็นอรอุมาที่อาศัยอยู่ที่วัดกับแม่ชีหอมหวล เธอแอบหนีไปกับพวกเด็กวัดผู้ชาย ไปหาปลา หาหอย หาเก็บของป่าจำพวก เห็ด ผักหวาน ผลไม้ กระทั้งไปยิงนก ตกปลา เพราะออกจากวัดไปเธอก็จะมีพักพวกชาวบ้านระแวกวัด ที่ต่างจังหวัดจะเป็นแบบนั้น พอกลับวัดก็จะโดนคุณแม่ตี จนมาหยุดไปตะลอนตอนที่รู้ว่าคุณแม่ป่วย คุณแม่ถามเธอว่า "ถ้าไม่มีคุณแม่แล้ว อรจะทำอย่างไร จะเป็นโจรหรือจะเป็นคน" เธอจำคำนี้ของคุณแม่จนขึ้นใจ นั้นสิเธอไปมันสนุกแต่อนาคตเธอล่ะจะเป็นเช่นไร เธอจึงหันมาตั้งใจเรียนและเลือกเรียนพยาบาล เพื่อที่จะช่วยคุณแม่ของเธอ
"คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูยังมีเสี่ยวชิงเจ้าคะ" เมื่อเสี่ยวขิงเห็นสีหน้าที่ตอนแรกยิ้มแย้มแต่ต่อมาเศร้าสร้อยของชิงเยียนนางจึงพูดขึ้น
"นั้นสินะ มันไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่างเสียหน่อย อย่างน้อยก็ยังมีเจ้า" และพี่อยู่ ประโยคต่อมาเธอคิดในใจ
เมื่อเข้ามาภายในเขตป่า ชิงเยียนก็รับรู้ได้ทันทีว่ามีบางสิ่งไม่ปกติ "เสี่ยวชิงเจ้าหาต้นไม้ที่มีลักษณะสูงใหญ่ เร็วๆเดี๋ยวไม่ทัน"
เสี่ยวชิงก็ใช้สัญชาติญาณไม้ เพราะเธอเกิดจากไม้ จึงพบว่าด้านหน้ามีต้นไม้ใหญ่มากๆต้นนึ่ง ภายในมีโพรงที่สามารถให้คนเข้าไปอยู่ได้ "ทางเจ้าคะคุณหนู อยู่ไม่ไกล"
ชิงเยียนตามเสี่ยวชิงไปทันทีเมื่อไปถึง ชิงเยียนก็รีบเข้าไปในโพรงโดยมีเสี่ยวขิงยืนบังทางเข้าไว้
เป็นไปตามคาด มีฝูงหมาป่าวิ่งมาทางต้นไม้ใหญ่ที่พวกนางอยู่แล้วก็เดินวนเพื่อหาทางเข้าไปหาชิงเยียน แล้วตัวที่คาดว่าเป็นหัวหน้าก็พูดขึ้นมาว่า "เจ้าไม่รู้รึว่าเวลากลางคืนเป็นเวลาของพวกเรา หากเจ้าตายพวกเราก็ไม่ผิด แต่เวลากลางวันพวกเราล่าเจ้าไม่ได้ พวกข้ามีเวลาทั้งคืน ฮ่าๆๆ"
ชิงเยียนไม่ได้กล่าวสิ่งใด กับหมาป่าฝูงนั้น แต่เธอพูดกับเสี่ยวชิงว่า "เจ้าไหวไหม รับมือได้นานแค่ไหน"
"เสี่ยวชิงไม่เป็นไรเจ้าคะ คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วง พักผ่อนเถอะเจ้าคะ" เสี่ยวชิงตอบชิงเยียนไป เธอไม่นอนก็ได้เพราะเธอคือไม้
หลังจากที่เดินทางมาทั้งวันชิงเยียนก็พล่อยหลับไป เสี่ยวชิงพอเห็นชิงเยียนหลับแล้วก็ใช้พลังทำให้ต้นไม้งอกออกมาปิดปากทางเข้าแล้วเธอก็ออกไปหาฝูงหมา "พวกเจ้าจะกินนายข้ารึ เมื่อไหร่ที่นางได้พลังกลับคืนมา พวกเจ้าจะมีกี่ชีวิตให้ตายกัน"
หัวหน้าหมาป่าไม่สนใจ ตามตกลงกับพวกชาวบ้านไว้ไม่ว่าใครถ้าอยู่ในป่าตอนกลางคืนพวกเราสามารถฆ่าได้หมด"
"ดี งั้นเริ่มที่ข้าเลยล่ะกัน เข้ามาสิ" เสี่ยวชิงกล่าว
"เจ้าไม่ใช่คนทั่วไป เจ้าคือตัวอะไร" หัวหน้าหมาป่าดมกลิ่นแต่นางไม่มีกลิ่นมนุษย์เลย
เสี่ยวชิงไม่กล่าวสิ่งใดเข้าโจมตีฝูงหมาป่าทันที ในพริบตาก็จัดการตัวหัวหน้าได้ ทำให้พวกทีเหลือวิ่งกลับไปในทันที เพราะในตอนที่หัวหน้าพูดขึ้นนั้น เสี่ยวชิงได้ให้เถาวัลย์รัดขามันไว้ใช้วิชาสร้างเถาวัลย์ให้พันแล้วนางก็พุ่งเข้าไปตัดหัวมันแล้วใช้ไฟเผาเอาผลึกอสูรขั้น 3 ของมันมาเพื่อเก็บไว้ให้คุณหนูชิงเยียนของนาง
หลังจากที่ได้พักผ่อนเต็มที่แล้ว "เสี่ยวชิงพวกหมาป่า เจ้าจัดการหมดแล้วรึ"
"เจ้าคะคุณหนู แถมเสี่ยวชิงยังได้ข้อมูลมาว่า ที่ป่าหมอกแห่งนี้ยังมีสัตว์อสูรระดับ 9 อยู่ตัวนึ่ง และที่ป่านี้มีหมอกเพราะภายในหุบเขานั้นมีบางสิ่งอยู่จึงทำให้มีหมอกแถมยังเป็นหมอกพิษด้วยเจ้าคะ คนและสัตว์อสูรจึงเข้าไปใกล้กับหุบเขาไม่ได้ เจ้าคะ"
"คนและสัตว์อสูรด้วยรึ อืม!น่าสนใจๆ ไปกันเถอะข้ากินข้าวแล้ว เจ้าหิวหรือไม่" ชิงเยียนถามเสี่ยวชิง
"ข้ากินน้ำและสารอาหารจากดินแล้วเจ้าคะ" เสี่ยวชิงตอบคุณหนูของตนไป
"งั้นเราก็ออกเดินทางกันเถอะ ข้าไม่เป็นอะไรกับพิษพวกนี้หรอก"ชิงเยียนพูดยอกเสี่ยวชิง
ทั้งสองสาวเดินทางต่อไปอย่างรวดเร็ว พอถึงเที่ยงก็พักกินข้าที่ เจี่ยอินกรืออรอุมาทำไว้ให้ จนมาถึงเนินเขาเล็กๆที่มีลักษณะคล้ายถ้ำ ทั้งคู่จึงเดอนเขาไปพบว่า ภายในถ้ำนี้มีพลังงานที่ใช้ฝึกวรยุทธ์เข้มข้นมาก ชิงเยียนจึงนั่งลงจะฝึกวรยุทธ์สักหน่อย ผ่านไปได้ 1 ชั่วยามชิงเยียนเลื่อนจั้นได้ 2 ขั้นขึ้นมาอยู่ที่ขั้น 5 ต้น นางก็รู้สึกได้ว่าที่แห่งนี้พบังงานไม่พอให้นางใช้เสียแล้ว "ไปต่อกันเถอะเสี่ยวชิง"
เสี่ยวชิงพยักหน้าแล้วเดินตาม ชิงเยียน ออกไปจากถ้ำเล็กๆนี้
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 39
Comments