นอกจากเจเล่แล้วตอนนี้กลุ่มเรามีสมาชิกเพิ่มมาอีกสองคนชื่อส้มกับกุ๊ก ฉันพยายามเปิดใจรับสังคมใหม่ แต่ก็ไม่ได้ให้ใจใครจนหมดเพราะก็ยังฝังใจกับความหลัง ในคณะมีผู้ชายมากกว่าที่ฉันคิดไว้ บางส่วนก็ไม่แท้ บางส่วนก็แท้แต่ชอบผู้ชาย แต่อย่าเพิ่งคิดว่าหญิงแท้อย่างเรา ๆ จะไม่มีที่ยืนนะ เพราะคนชอบผู้หญิงก็ยังมีอยู่ แต่ตรงนี้ฉันก็ไม่ได้แคร์อะไร ฉันเข้าไปส่องเฟซพี่เคเพราะสงสัยว่าเขาทำไมมาเรียนไกลแบบนี้ เลยได้เรื่องว่าเขาเพิ่งซิ่วมาจากมอใกล้บ้านมาต่อที่นี่ สถานะกับแฟนก็ยังคงขึ้นอยู่แบบนั้น
“พวกแกเลือกชมรมกันหรือยัง” กุ๊ก สาวเปรี้ยวระดับมะนาวทั้งสวน รูปร่างดีเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ ผิวสีแทนจากความชอบส่วนตัวจนลงทุนไปทำให้มันแทน ผมสั้นเสมอหูตามกระแสนิยม และนมขึ้นเขียงก่อนจะมาเรียนมหาลัยขนาดเท่าหัวเด็ก แถมใส่เสื้อรัดติ้วจนกระดุมแทบกระเด็น ฉันเห็นมันเพิ่งแชร์เรื่องชมรมอยู่เหมือนกัน แต่ยังไม่ได้อ่านรายละเอียด
“ยังเลย ฉันว่าฉันจะเข้าชมรมนักเขียน อยากเขียนหนังสือสักเล่มก่อนจบ” ฉันตอบมันไป ฉันอยากเขียนระบายประสบการณ์เฮงซวยของตัวเอง เผื่อไว้เป็นบทเรียนให้คนอื่น ๆ
“ส้มว่าส้มจะเข้าชมรมรักษ์ธรรมชาติ”
“หล่อนอยากเข้าเพราะประธานชมรมใช่ไหม” เจเล่จีบปากจีบคอถาม คนถูกถามก็อายบิดจนตัวจะเป็นเกลียว ส้มเป็นสาวเรียบร้อยกระโปรงยาวคลุมทั้งขา ตัวเล็ก ผมหงิกธรรมชาติแต่เป็นลอนสวย
“ใครวะ เห็นหงิม ๆ แบบนี้เข้ามาก็แอ๊วผู้เลยเหรอ” กุ๊กร้องถาม ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าใคร แต่ก็อย่างที่รู้กันผู้หญิงทุกคนมีสิทธิจะแรดทั้งนั้นแหละ ต่อให้เรียบร้อยอย่างกับกุลสตรีก็เถอะ มันเหมือนเป็นสัญชาตญาณดิบที่มีอยู่ในตัวผู้หญิงทุกคน
“พี่โอ๊คไง เนี่ยคนนี้” เจเล่พูดพร้อมกับโชว์รูปในไอจีของพี่เขาให้พวกเราดู
“ก็ดีอยู่นะ” ฉันพูดไปตามเนื้อผ้า แต่ฉันไม่ชอบผู้ชายที่ดูติ๋ม ๆ หงิม ๆ สักเท่าไหร่ มันไม่น่าอร่อย
“แล้วมึงล่ะเจเล่ มีเป้าหมายหรือยัง” กุ๊กถามต่อ
“กูว่าจะไปกับอีส้มมันอะ ผู้ชายเยอะดี”
“เหรอๆๆ กูไปด้วย อยากไปหาผู้ชาย” แล้วสามคนก็พากันหัวเราะคิกคัก มีแต่ฉันสินะที่ไปชมรมนี้คนเดียว แต่ก็ช่างเหอะ ให้ฉันไปบุกป่าฝ่าดงฉันก็ไม่เอาด้วยหรอก อีกอย่างผู้ชายมีอยู่ทุกที่อยู่แล้ว อยู่เฉย ๆ ก็เจอได้ เยอะซะยิ่งกว่าแมลงหวี่แมลงวัน ถ้าเปรียบความรักเป็นผีเสื้อ ฉันคงกำลังยืนอยู่ในแก่งกระจานในช่วงเดือนเมษา
“มิแกไม่ไปกับฉันจริงเหรอ” กุ๊กหันมาถามอีกครั้ง ฉันพยักหน้าตอบ
“ไปเถอะ ถ้าฉันไปด้วย พวกแกอาจจะอดกันหมดก็ได้นะ” ฉันเลยแกล้งหยอกพวกมันไป เจเล่กับกุ๊กเบ้ปากมองบนกันสุดฤทธิ ฉันก็ได้แต่หัวเราะกับท่าทางที่เพื่อนตอบกลับมา
“เกรงใจนมกูด้วยมิ แหมมม”
“นมใหญ่ไม่ได้แปลว่าเด็ดนะกุ๊ก” ฉันยังคงต่อล้อต่อเถียง
“ไม่มีผู้ชายมาจีบฉันบ้าง ก็ให้มันรู้ไป ลงทุนไปอัพไซส์ถึงเกาหลีหวังจะมาเป็นของดีมหาลัย”
“โอ๊ยไปเถอะค่ะ จะเข้าไหมชมรมน่ะ แล้วเจอกันนะอีมามิ” เจเล่โบกมือบ๊ายบายก่อนจะเดินไปกับสองคนนั้น พวกมันเดินมาส่งฉันที่ห้องชมรมนักเขียน จากนี้ฉันก็เดินต่อเข้ามาเองตามป้ายจนถึงห้องที่ว่า
“ขอโทษนะคะ มาสมัครเข้าชมรมค่ะ” ฉันเคาะประตูก่อนจะบอกกับคนที่นั่งอยู่ในหองเพียงคนเดียว
“กรอกใบสมัคร แนบเอกสาร แล้วก็เอาวางไว้ในตะกร้าสมัคร” เขาตอบมาทั้งที่ไม่เงยหน้ามองฉันด้วยซ้ำ ฉันแอบชะเง้อดู เห็นว่าอ่านหนังสือภาษาอังกฤษอยู่ คงจะเป็นประธานชมรมหรือเปล่า แต่ก็ช่างเถอะ สมัครให้มันจบ ๆ จะได้ไป ๆ ฉันจัดการกรอกใบสมัครแล้วก็ยื่นส่งไปที่ตะกร้า จากนั้นก็เดินออกมาเลย ไม่มีเรียนแล้วโทรหาไอ้เอ็กซ์ดีกว่าไม่รู้มันว่างหรือยัง
“อยู่ไหน” มันไม่ได้ตอบ แต่ฉันได้ยินเสียงเหมือนมันกำลังอยู่ในคลาส สงสัยจะยังไม่ว่างแน่เลย โอ๊ยกลับหอก็ไกลจะเดินก็ไม่ได้ เสียค่าวินกลับสักวันก็แล้วกัน อยากกลับไปนอนเมื่อคืนเพลียมาก
ฉันตัดสินใจเดินจากตึกชมรมมาจนถึงหน้ามอ ว่าจะหาวินกลับแต่ก็ยังไม่เห็นสักคัน
“ไปไหนอะ” ฉันหันไปมองคนถาม เป็นพี่ในคณะชื่อพี่แบงค์ คนนี้ก็เคยมาขอไลน์ฉันอยู่นะ แต่ฉันรู้สึกว่าเขาทำลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนกลัวแฟนเห็น ก็เลยไม่ยุ่ง
“ไปเซเว่นตรงนี้เองค่ะ” ฉันเลยรีบตอบดักไว้ก่อนกลัวจะชวนไปด้วยกัน
“ไปกับพี่ไหมเดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ไม่เป็นไรค่ะข้ามถนนก็ถึงแล้ว”
“เฮ้ยไม่เป็นไร ให้พี่ไปส่งดีกว่านะ” พี่แบงค์เอื้อมมือมาคว้าแขนฉันฉุดให้ขึ้นรถ แต่ฉันพยายามสะบัดออก พี่เขาก็ยิ่งออกแรงมากขึ้น
“ปล่อยนะ!!” คนเดินไปเดินมาตั้งเยอะแต่ไม่มีใครคิดจะช่วยฉันสักคน เห็นมอง ๆ แต่ก็ไม่ช่วย
“ทำไรวะ” ไม่รู้สวรรค์เห็นใจหรือกลั่นแกล้งกันแน่ เมื่อคนที่เดินเข้ามาหวังว่าคงจะช่วยดันเป็นพี่เค เขาเดินตรงเข้ามาแกะมือพี่แบงค์ออก แล้วดึงฉันไปหลบข้างหลัง
“มึงใครวะ กูจะพาน้องเขาไปส่งห้อง” พี่แบงค์พูดหน้าด้าน ๆ ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น แล้วก็ไม่ได้ขอให้ไปส่งสักหน่อย
“นี่แฟนกู มึงอะไร” พี่เคชี้หน้าบอกกับพี่แบงค์
“ไหนวันนั้นบอกไม่มีแฟนไง ตอแหลนี่หว่า” ฉันไม่เคยบอกแบบนั้น เพราะพี่เขาไม่เคยถาม สังคมนี้มันน่ากลัวกว่าที่คิดไว้จริง ๆ ผู้ชายก็ตอแหลใช่ย่อย
“วันไหนโสดกูไม่รู้ ตอนนี้ไม่โสดน้องเขาแฟนกูมึงไปเลยนะ” พี่เคตะหวาดลั่น คนมองกันเยอะขึ้นจนฉันเริ่มรู้สึกอาย
“เดี๋ยวรับน้องเราได้เห็นดีกันแน่” พี่แบงค์ชี้นิ้วขู่ฉันก่อนจะขับรถออกไป
“เป็นไรหรือเปล่า” พี่เคหันมาถามพร้อมกับจับดูที่แขน ฉันส่ายหัวแทนคำตอบ จริง ๆ ก็เจ็บนะ ไอ้บ้านั่นมันกระชากซะแรงเลย
“ขอบคุณนะพี่” ฉันขอบคุณพี่เคแล้วตั้งใจจะเดินข้ามถนนหนี
“อะไร ขอบคุณแค่นี้ไม่หายหรอก” พี่เครีบคว้าแขนฉันไว้ หนีเสือปะจระเข้หรือเปล่านะแบบนี้
“อะไรอีก”
“เลี้ยงน้ำปั่นพี่แก้วนึง” ฉันถอนหายใจด้วยความเอือมระอา คนอะไรขี้ตื้อฉันรู้ว่านี่เป็นมุกถ่วงเวลาให้ได้อยู่กับฉันต่อ แต่ก็เพื่อตอบแทนที่มาช่วยไว้ก็ต้องทำ
“ไอ้ดำเมื่อกี้นี่พี่ในคณะเหรอ เห็นมันบอกรับน้องเจอกัน” พี่เคหันมาถาม เรานั่งกินกันที่ร้านเพราะพี่เคไม่ยอม ชวนแต่ให้นั่งคุยกันก่อน
“อืม” ฉันตอบส่ง ๆ
“ระวังไว้บ้างนะ พวกนี้มันไว้ใจไม่ได้”
“แก้มรู้ดี เพราะเคยเกือบจะโดนพ่อพี่ข่มขืนมาแล้ว” ฉันเลยหันไปว่า พี่เคทำหน้าไม่ดีนัก ไม่รู้ว่าฉันพูดแรงไปหรือเปล่า
“พี่ขอโทษแทนพ่อพี่ด้วยนะ เพราะเรื่องนี้ใช่ไหมแม่แก้มถึงเลิกกับพ่อพี่”
“อืม”
“ที่แก้มไม่ยอมให้พี่จีบ ก็เพราะเรื่องนี้เหรอ”
“เปล่า เพราะพี่มีแฟนแล้ว และแก้มก็ไม่อยากยุ่งกับคนมีแฟนแล้ว”
“แล้วถ้าพี่เลิกกันล่อะ” พี่เคยถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“พี่คบกับเขามาตั้งนาน อีกอย่างแก้มไม่อยากแย่งแฟนใครหรอก”
“พี่ชอบแก้มจริง ๆ นะเว้ย” พี่เคยังคงยืนยันหนักแน่น ฉันเข็ดว่ะ ครั้งพี่บูมมันจำฝั่งใจเป็นปมติดตัวเลย
“พี่เค พี่เองไม่ใช่เหรอที่เคยบอกแก้มว่าถ้าเขาทิ้งแฟนเขามาเอาเราได้ วันหนึ่งเขาก็ต้องทิ้งเราไปหาคนอื่นได้เหมือนกัน” ฉันตัดสินใจพูดไปชัด ๆ แรง ๆ เพราะไม่อยากยุ่งกับพี่เขาจริง ๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดีแต่ไม่ชอบมันก็คือไม่ชอบ ยิ่งเขามีแฟนแล้วก็ยิ่งไม่ชอบ มันเข็ดจริง ๆ นะ ฉันเดินออกจากร้านมาโบกแท็กซี่กลับห้อง ขอนอนพักหน่อยเถอะวันนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลย
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
อัพเดทถึงตอนที่ 11
Comments