อนาตาเซีย ตอนหัวใจฟินิกซ์

อนาตาเซีย ตอนหัวใจฟินิกซ์

บทที่ 1 อนาตาเซีย

บทที่ 1 อนาตาเซีย

เมืองฮาเดน

ค่ำคืนอันมืดมิดในเมืองเล็กๆแสงไฟส่องสว่างตามทางไปทั่วบริเวณท้องถนน ยังมีสถานที่อันน่าจดจำของใครหลายคนนามว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามอเฟรนด์ บ้านอันเก่าแก่ของเด็กที่ไร้ซึ่งที่พักพิง และเป็นสถานที่แห่งความทรงจำที่ไม่อาจลืมเลือนของหลายคน

สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าปัจจุบันมีความทรุดโทรมและเสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา ผนังกำแพงมีฝุ่นและไยแมงมุมหน้าเตอะ ผนังรอบข้างมีรอยผุพังส่งผลให้น้ำรั่วไหลเปียกชื่นไปทั่วพื้นห้อง ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเก่าจนแทบจะใช้ไม่ได้และเหลือเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้น

เด็กกำพร้าหลายคนถูกส่งตัวมาที่นี่เพื่อเข้ารับการดูแล เนื่องจากเขาเหล่านั้นประสบปัญหาครอบครัว เช่นครอบครัวสูญหาย เสียชีวิต แยกทางกัน หรืออื่นๆ ทำให้ไม่มีใครต้องการพวกเขา อีกทั้งยังถูกมองว่าเป็นภาระ ทำให้เด็กส่วนใหญ่ที่ไม่มีผู้ปกครองจึงลงเอยด้วยการเป็นเด็กกำพร้าของที่นี่ แม้ว่าจะยังมีทางเลือกอื่นที่เด็กเหล่านั้นสามารถทำได้ซึ่งก็คือการออกไปเป็นเด็กเร่ร่อนใช้ชีวิตตามยถากรรม หาเศษอาหารประทังชีวิต หรือขอทาน ส่วนใหญ่ไม่นานเมื่อพวกเขาออกมาใช้ชีวิตแบบนั้นเด็กๆจะจบลงด้วยการเป็นขโมย ทำงานผิดกฎหมาย หรืออาจถูกหลอกไปขาย

อนาตาเซีย เด็กหญิงอายุ 13 ปี เธอคือหนึ่งในรายชื่อเด็กกำพร้าของที่นี่ซึ่งตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าตนจะเจอกับอะไรบ้าง ทำให้เธอเองก็มองไม่เห็นเส้นทางอนาคตของตนว่าจะเป็นเช่นไร อนาตาเซียสาวน้อยน่ารักคนนี้เธอมีผมสีน้ำตาลเข้มประกายแดงยาวสลวยถึงบ่า ดวงตาสีดำรัตติกาล ปากสีแดงเข้มเหมือนผลเชอรี่สุก ผิวขาวใสดุจหิมะ จมูกเล็กเป็นสันและใบหน้าที่แสดงให้เห็นถึงความใส่ซื่อไร้เดียงสา อนาตาเซียมีรูปร่างผอมบางและตัวเล็กแต่เธอกลับมีนิสัยที่ขยันขันแข็ง ตั้งใจทำงานและพยายามมองหาลู่ทางสำหรับอนาคตตัวเองเสมอถ้าเป็นไปได้

ตอนนี้อนาตาเซียเป็นเด็กรับจ้างในร้านขายของชำเล็กๆแห่งหนึ่งในเมืองฮาเดน เธอตั้งใจทำงานและเก็บเงินเอาไว้ใช้ในยามจำเป็น เพื่อให้ตัวเองไม่ลำบากมาก โชคดีที่เมืองแห่งนี้มีกฎหมายที่ไม่เข้มงวดเท่าไหร่ทำให้ชายเจ้าของร้านรับเธอเข้าทำงาน

.

.

.

.

เช้าวันสดใสอันธรรมดาร้านขายของชำเล็กๆเปิดให้บริการตามปกติ สาวน้อยตัวเล็กยืนปัดฝุ่นทำความสะอาดและจัดของบนชั้นตามปกติ เสียงชายแก่อายุราว 50 ปี เจ้าของร้านชำเรียกเด็กหญิงลูกจ้างมาทำหน้าที่ส่งหนังสือพิมพ์ในยามเช้า

“อนาตาเซีย ไปส่งหนังสือพิมพ์ตามแผนที่นี้นะ ส่งเสร็จแล้วมาจัดของในร้านด้วยล่ะ อย่าลืมปัดฝุ่นทำความสะอาดของให้ดีๆเสร็จแล้วฉันจะไปตรวจดูงานว่าเรียบร้อยดีไหม”

“ค่ะ”

ชายชราเปิดร้านแห่งนี้มานานหลายสิบปีปัจจุบันมีลูกค้ามากหน้าหลายตามาซื้อของในร้านแห่งนี้เป็นประจำ งานของอนาตาเซียที่ทำตลอดคือส่งหนังสือพิมพ์ไปยังร้านค้าย่อยต่างๆทุกๆเช้า และทำงานเล็กๆน้อยๆในร้าน อนาตาเซียทำงานที่นี่ตั้งแต่อายุ 12 ขวบ เธอเริ่มจากการปัดกวาดเช็ดถูร้านจนตอนนี้เธอก็อายุ 13 ปีแล้ว ดังนั้นเธอจึงมีหน้าที่ส่งหนังสือพิมพ์เพิ่มเข้ามาอีก 1 อย่าง ส่งผลให้เธอเริ่มยุ่งกับงานมากขึ้น

การทำงานในร้านขายของชำ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไม่มีใครรู้มาก่อนอีกทั้งพวกเขายังไม่ได้ให้ความสนใจ ทำให้อนาตาเซียต้องคอยระมัดระวังและปิดเรื่องนี้เอาไว้ เนื่องจากเธอเองก็ไม่ต้องการให้ใครรู้เรื่องการทำงานของเธอ เพราะอาจจะมีปัญหาตามมาที่หลัง ดังนั้นเธอจึงตื่นตี 3 เพื่อมาจัดร้าน และเมื่อถึงเวลาอาหารมื้อเช้า กลางวัน เย็น เธอจะรีบวิ่งกลับไปทานอาหารให้พร้อมกับทุกคนตามกฎของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

เย็นวันหนึ่งในสถามเลี้ยงเด็กกำพร้าเด็กหลายสิบคนนั่งเรียงแถวด้วยความเป็นระเบียบขณะรอทานอาหารค่ำ พร้อมพี่เลี้ยง 2 คนคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ

“เด็กๆนั่งให้เรียบร้อยได้เวลาทานอาหารค่ำแล้วนะจ๊ะ”

เสียงผู้ดูแลกล่าวด้วยน้ำเสียงเอ็นดูพร้อมส่งยิ้มให้ทุกคนที่นั่นรออาหารอย่างใจจดใจจ่อ ขณะนั้นผู้ดูแลได้สะดุดตากับบางอย่างทำให้เธอรู้สึกสงสัยและถามเด็กๆทันที

“เอ่อ...…เด็กๆอนาตาเซียหายไปไหน”

ผู้ดูแลถามและมองไปยังเด็กทุกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของตนด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อยแต่ขาดเพียงอนาตาเซียคนเดียวเท่านั้น

“พวกเราไม่เห็นอนาตาเซียตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายแล้วครับ ก่อนหน้านี้ผมเห็นเธอเดินเล่นอยู่คนเดียวตรงม้านั่งที่สนามหญ้า” เสียงเด็กคนชายคนหนึ่งตอบ

“ถ้าคนไม่ครบก็ยังทานข้าวไม่ได้นะเด็กๆ พวกเธอก็รู้กฎใช่ไหม ต้องตรงต่อเวลา”

ขณะที่ผู้ดูแลกำลังกล่าวเตือนเด็กอยู่นั้นเด็กคนหนึ่งได้หันไปพบกับเด็กสาวรูปร่างคุ้นเคยกำลังเดินตรงมายังห้องอาหาร ส่งผลให้เด็กๆร้องออกมาด้วยความดีใจ

“นั่นไง ! อนาตาเซียมาแล้ว” เด็กหญิงนั่งอยู่บนเก้าอี้กล่าวและชี้ไปยังประตูทันที

“อนาตาเซียทำไมเธอมาช้าอีกแล้ว รู้รึเปล่าว่าทำให้ทุกคนต้องรอทานอาหารค่ำช้าไปด้วย” ผู้ดูแลกล่าวตำหนิและแสดงท่าทีไม่พอใจออกมาทันที “รีบมานั่งที่เตรียมตัวทานอาหารค่ำ ทานเสร็จแล้วไปหาฉันที่ห้องทำงาน”

“ค่ะ”

ห้องทำงาน

“ทำไมเธอชอบออกไปข้างนอกคนเดียวแล้วกลับมาตอนหัวค่ำทุกวัน เธอคงไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม” ผู้ดูแลพูดด้วยความสงสัยและคาดเดาคำตอบ “เฮ้อ !!! มีเด็กกำพร้าหลายคนที่อยู่ที่นี่แล้วชอบลักเล็กขโมยน้อย จริงๆ ตอนนี้เธอก็อายุมากพอสมควรสำหรับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเรา เพราะเธอสามารถรับผิดชอบชีวิตด้วยเองได้แล้ว ตอนนี้ทางเรากำลังจะส่งตัวเธอออกไปจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าพร้อมกับเด็กคนอื่นๆ ที่อายุเท่าๆกับเธอ เราจะหางานให้พวกเธอทำเพื่อสร้างเนื้อสร้างตัวฉะนั้นอย่าสร้างเรื่องอะไรให้เดือดร้อนมาถึงที่นี่ก็แล้วกัน” ผู้ดูแลกล่าว เตือน “เอาล่ะ เธอไปได้แล้ว”

“ค่ะ”

อนาตาเซียกล่าวและเดินออกจากห้องของผู้ดูแลด้วยท่าทีเศร้าใจ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมหลายคนมักจะตัดสินคนจากประสบการณ์ของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้เด็กหลายคนรู้สึกกดดันที่ต้องพบกับสถานการณ์แบบนี้ หลังจากที่สาวน้อยถูกผู้ดูแลอบรมเสร็จเรียบร้อยเธอตรงไปห้องนอนของตัวเองและพักผ่อนทันที

ในความเป็นจริงสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามอเฟรนด์ไม่ได้เป็นสถานที่ใหญ่มาก ดังนั้นเด็กที่เป็นผู้ชายและผู้หญิงจะต้องนอนแยกกันอยู่คนละฝั่ง ฝั่งซ้ายเป็นของผู้หญิงและฝั่งขวาเป็นของผู้ชาย ภายในห้องมีเตียงนอนคนละเตียงยาวไปจนสุดทางและในหนึ่งห้องบรรจุคนได้ 30 คน แบ่งฝั่งละ 15 เตียง โดยการหันปลายเตียงเข้าหากัน เพราะสถานที่ค่อนข้างแคบอีกทั้งยังเก่าและทรุดโทรมมาก ทางภาครัฐไม่สามารถให้ความช่วยเหลือไก้เต็มที่ ดังนั้นความเป็นอยู่ของทุกคนจึงค่อนข้างลำบากและไม่ค่อยสบายนัก ยิ่งสุขอนามัยไม่ต้องพูดถึง ลำพังเงินเดือนผู้ดูแลก็ได้มีมากและเงินช่วยเหลือเด็กก็น้อยนิด สภาพชีวิตของเด็กที่นี่จึงค่อนข้างขัดสนและอยู่เพื่อมีชีวิตรอดเท่านั้น

ดินแดนแห่งเวทมนตร์(โลกเวทมนตร์)

กระทรวงช่วยเหลือพ่อมดแม่มดกำพร้าหรือผู้ไม่รู้ว่าตนเป็นพ่อมดแม่มด เจ้าหน้าที่ในกระทรวงมีหน้าที่ช่วยเหลือสายเลือดแห่งดินแดนที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเวทมนตร์เพื่อกลับไปฝึกพลังของตนให้แข็งแกร่งและร่วมมือกันพัฒนาดินแดนให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ขณะนั้นเองหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเดินตรงไปหาพนักงานของตนและมอบหมายหน้าที่ให้แก่เขาและเธอเพื่อไปตามสายเลือดของดินแดนกลับทันที

“แลนดา ปีนี้มีเด็กหลายคนอยู่รวมกับมนุษย์ประมาณ 50 คน การพาสายเลือดดินแดนแห่งเวทมนตร์กลับมาเป็นหน้าที่ของเธอ”

หญิงสาวผู้ดูแลกระทรวง (ภูติสันติแห่งดินแดนแห่งเวทมนตร์)กล่าวกับตัวแทนในกระทรวง ในที่นี้เธอมีอำนาจสูงสุดและสามารถตรวจจับพ่อมดแม่มดในโลกมนุษย์นี้ได้โดยใช้ความสามารถพิเศษของตน

“อีกอย่างนะแลนดา จำเอาไว้ว่า เด็กๆทุกคนจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมเพื่อเรียนรู้การใช้พลังอย่างถูกต้อง ฉะนั้นเธอต้องทำทุกอย่างให้เรียบร้อยก่อนวันเปิดภาคเรียน อย่าลืมเอาประวัติพื้นฐานครอบครัวให้พวกเขาดูเพื่อที่เขาจะได้รู้ความเป็นมาของตัวเอง ถึงยังไงตอนนี้ทางกระทรวงได้มีการดูแลพ่อมดแม่มดกำพร้าค่อยข้างดีฉะนั้นไปทำหน้าที่ให้ดีล่ะ เข้าใจใช่ไหม”

“ค่ะ ภูตสันติ” แลนดาตอบแล้วเดินจากไป

ในดินแดนแห่งเวทมนต์มนุษย์ที่มีสายเลือดของเผ่าพันธุ์ผู้อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งเวทมนต์ อาจเป็นพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งที่มาจาก ดินแดนนี้ ขอแค่มีสายเลือดของเผ่าพันธุ์แห่งนี้เด็กเหล่านั้นก็จะถูกส่งตัวไปยังดินแดนแห่งเวทมนตร์ทันทีเมื่อถึงวัยอันสมควร โดยเมื่อถึงเวลานั้นเด็กทุกคนจะต้องมาดินแดนแห่งเวทมนตร์เพื่อเรียนรู้การใช้พลังของตัวเองและควบคุมมัน

เช้าวันหนึ่งในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อ แลนดา วินซ์ มีจดหมายมาจากกระทรวงทางตอนใต้ของเมืองฮาเดน เพื่อมารับตัวเด็กหญิง ชื่ออนาตาเซีย กริมส์”

แลนดากล่าวกับผู้ดูแลสถานเลี้ยงเด็กด้วยท่าทีน่าเคารพและส่งยิ้มให้ผู้ดูแลด้วยความเป็นมิตร

“คุณเป็นญาติของเด็กหรอคะ หรือต้องการรับอุปการะ” ผู้ดูแลถาม

“นี้เป็นจดหมายจากทางกระทรวงพลเรือนของเราเมื่ออ่านจบแล้ว คุณน่าจะเข้าใจ”

แลนดาตอบและส่งจดหมายจากกระทรวงให้ผู้ดูแล หลังจากผู้ดูแลอ่านจบเธอก็พยักหน้ารับทราบทันที

“ต้องการพาตัวเด็กไปเมื่อไหร่คะ”

“เรามารับตัวเด็กไปวันนี้ค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น รอสักครู่นะคะ”

ผู้ดูแลตอบ และบอกผู้ช่วยให้ไปตามอนาตาเซียมาทันที หลังจากนั้นเด็กสาวก็เดินเข้ามาในห้องทำงานด้วยความระมัดระวังพร้อมกับตรงไปยังโต๊ะของผู้ดูแลด้วยความงุนงง

“อนาตาเซีย คุณแลนดามาจากกระทรวงทางตอนใต้ เธอคือพลเรือนของพวกเขาและพวกเขาก็มาที่นี่เพื่อพาตัวเธอไป”

“หนูต้องเดินทางไปเมื่อไหร่คะ”

“วันนี้จ่ะ นี้คือจดหมายการรับตัวจากทางกระทรวง เธอไม่จำเป็นต้องเอาอะไรไป แล้วก็เรามีประวัติครอบครัวคร่าวๆของเธอเธออยากจะดูไหม”

แลนดาถามอนาตาเซียด้วยรอยยิ้มก่อนยื่นเอกสารสีน้ำตาลและจดหมายรับตัวให้อนาตาเซียดู อนาตาเซียสาวน้อยผู้น่ารักสดใสรับซองจดหมายแล้วเปิดอ่านประวัติครอบครัวของตัวเองทันที ในนั้นมีแค่ชื่อกับประวัติเล็กน้อย พร้อมรูปถ่ายพ่อแม่ของเธอ

ประวัติ : โทมัส กริมส์ บิดา

: อมันด้า กริมส์ มารดา

สถานะ : หายสาบสูญ

“ขอบคุณค่ะ คุณจะพาหนูไปที่ไหนคะ”

“ไปกระทรวงทางตอนใต้ที่นั่นจะมีสิ่งจำเป็นที่เธอจะต้องเรียนรู้และเตรียมตัวในการเข้าโรงเรียน ฉะนั้นเธอคิดว่าเราเดินทางกันเลยดีไหมจ๊ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น อนาตาเซียจึงหันหน้าไปมองผู้ดูแล ด้วยความกังวล

“ไม่ต้องกังวลนะอนาตาเซีย คุณแลนดาคือคนจากกระทรวงทางตอนใต้เชื่อถือได้จ่ะ”

หลังจากได้ยินผู้ดูแลกล่าวอนาตาเซียจึงเดินทางไปพร้อมกับแลนดาทันที

ระหว่างทาง

“นอกจากประวัติครอบครัวแล้วเรามีบางสิ่งจะให้เธอ” แลนดากล่าว ก่อนยื่นสร้อยลวดลายเส้นสีทอง ซึ่งมีจี้เป็นผลึกคริสตัลสีแดงหนึ่งเส้นให้แก่อนาตาเซีย “นี้เป็นสร้อยของแม่เธอ กระทรวงของเราเก็บเอาไว้เป็นอย่างดี แล้วก็เรามีบางอย่างที่จะบอกกับเธอ เธออาจจะไม่เชื่อหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่รับรองได้ว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริง เธอคือหนึ่งในสายเลือดแม่มดของดินแดนแห่งเวทมนตร์ ฉันมาจากกระทรวงพ่อมดแม่มดทางตอนใต้ มีหน้าที่มารับบุคคลในดินแดนแห่งเวทมนตร์ที่กำพร้าหรืออาศัยอยู่กับมนุษย์กลับดินแดน

สิ่งที่เธอต้องรู้คือกระทรวงของเรามีประวัติของทุกคนถึงแม้พวกเขาจะจากไปก็ตาม และกระทรวงที่คอยดูแลเรื่องทรัพย์สินก็ยังคงทำหน้าที่ของตนเป็นอย่างดีในการดูแลทรัพย์สินจนกว่าจะถึงเวลาอันสมควร ที่ทายาทจะมาดูแลต่อหรือถ้าไม่มีทายาททรัพย์สินก็จะถูกเก็บเข้าคลังเป็นสมบัติส่วนรวม”

“เอ่อ......เดี๋ยวนะคะ แม่มดหรอ หนูว่ามันต้องมีการเข้าใจผิด หนู หนูไม่ใช่แม่มด หนูเป็นแค่เด็กธรรมดาคนหนึ่งพวกคุณอาจจะตามหาผิดคน”

หลังจากได้ยินแลนดารับรู้ถึงความไร้เดียงสาและนึกถึงตัวเองในอดีตทันที

“ไม่หรอกสาวน้อย ตอนที่ฉันอายุเท่าเธอฉันก็พูดแบบนี้แหละ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะพิสูจน์ให้ดู เอามือของเธอมาวางไว้ที่มือฉันสิแล้วหลับตาลง”

อนาตาเซียทำตามที่แลนดาบอกด้วยความใส่ซื่อเธอหลับตาและได้ยินเสียงแลนดาพูดอะไรบางอย่างที่เธอไม่เข้าใจ หลังจากนั้นเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น”

“มาซิสเพอริอัส” เสียงแลนดาร่ายคาถาลงบนมือของนาตาเซียเสร็จเรียบร้อยไม่นานก็ควันมากมายปรากฏขึ้นที่มือทั้งสองข้างของเธอ ภาพครอบครัวค่อยๆปรากฏออกมาอย่างแปลกประหลาดเหมือนกับความฝัน เธอมองเห็นตัวเองกำลังนั่งทานข้าวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา มีภาพคุณพ่อนั่งอยู่ข้างๆและอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน เขาหันมาส่งยิ้มให้อนาตาเซีด้วยความเอ็นดู ส่วนคุณแม่ของเธอเดินมาหอมแก้มแล้วพูดกับเธอด้วยถ่อยคำอ่อนโยน “ลูกรักทานเยอะๆนะ” พร้อมส่งยิ้มหวานที่เธอแทบจะไม่มีโอกาสได้เห็นมาก่อนนั้นให้กับเธอ ภาพเหล่านี้ล้วนปรากฏอยู่เพียงในความฝันของเธอเท่านั้น เหตุการณ์นี้ทำให้อนาตาเซียรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นและรับรู้ถึงเวทมนตร์ทันที

“ที่คุณทำเมื่อกี้คืออะไรหรอคะ”

อนาตาเซียถามแลนดาด้วยความอยากรู้

“มันก็แค่เวทมนตร์พื้นฐานที่พ่อมดแม่มดทุกคนต้องเรียน เมื่อร่ายคาถานี้ มันจะปรากฏความปรารถนาของเธอที่อยู่ในใจออกมา ยังมีอีกหลายเวทมนตร์ที่เธอต้องเรียน อนาตาเซียพ่อแม่ของเธอเป็นนักเรียนที่โรงเรียนสตาเดเฟียฉะนั้นฉันหวังว่าเมื่อเธอไปที่นั่นเธอจะตั้งใจเรียนเพื่อเป็นแม่มดที่ดีในอนาคต”

แลนดาพูดพร้อมส่งยิ้มให้อนาตาเซีย

ถึงแม้สาวน้อยจะยังไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อนาตาเซียก็ตัดสินใจเดินทางไปยังกระทรวงทางใต้เพราะยังไงเธอก็เป็นเด็กกำพร้าจะอยู่หรือไปคงไม่ต่างกัน มันไม่มีใครสนใจเด็กกำพร้าอยู่แล้ว ดังนั้นสาวน้อยวัยกำลังโตจึงเริ่มออกเดินทางไปยังสถานที่ที่ตนไม่เคยไปทันที

ทั้งคู่ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชั่วโมงในที่สุดก็มาถึงกระทรวงทางตอนใต้ แลนดานำเธอไปรวมกับเด็กคนอื่นที่มาถึงก่อนแล้ว และส่งให้ผู้ดูแลในกระทรวงจัดการต่อ หลังจากมาถึงอนาตาเซียพบว่าที่นั่นมีเด็กที่เป็นกำพร้าเหมือนเธอหลายคนและพวกเขาก็พึ่งมาที่นี่ครั้งแรกเช่นกัน ทุกคนถูกจัดให้อยู่ในส่วนที่กำลังจะถูกส่งตัวไปยังดินแดนแห่งเวทมนตร์ดังนั้นทุกคนจึงต้องทำความเข้าใจกับการใช้ชีวิตใหม่ในดินแดนแห่งนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เด็กทุกคนฟังทางนี้ พวกเธอคงจะพอรู้ประวัติคร่าวๆของครอบครัวเกี่ยวกับสายเลือดของพวกเธอมาบ้างแล้ว ตอนนี้พวกเราจะแบ่งพวกเธอทุกคนทั้ง 50 คนออกไปอยู่โรงเรียนตามพื้นเพครอบครัว โดยมีทั้งหมด 5 เมือง 5 โรงเรียน นี้คือแผนที่ของดินแดนแห่งเวทมนตร์” เสียงผู้ดูแลกล่าวเธอมีหน้าที่กล่าวอธิบายเกี่ยวกับดินแดนแห่งเวทมนตร์ให้เด็กทุกคนฟัง ก่อนจะใช้เวทมนตร์อันมหัศจรรย์ของตนเสกแผนที่ของดินแดนให้ปรากฏยังกลางห้อง

“ว้าวว”

เสียงเด็กร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจ

“วันนี้ฉันจะอธิบายให้เธอทุกคนฟังคร่าวๆเริ่มจาก

1.อาณาจักรกลางเมืองสตาทิส โรงเรียนสตาเดเฟีย

2.อาณาจักรเหนือเมืองมาธิออคัส โรงเรียนมาธีออซ

3.อาณาจักรใต้เมืองอาร์ทิต โรงเรียนอาดิเคส

4.อาณาจักรตะวันออกเมืองจูคาเดียน โรงเรียนจูดิคัส

5.อาณาจักรตะวันตกเมืองฮาเมอร์ลิน โรงเรียน ฮาดิเกน

ในดินแดนแห่งเวทมนตร์จะมีโรงเรียนแค่ 5 โรงเรียนนี้เท่านั้น โดยชื่อโรงเรียนได้ตั้งตามอักษรตัวแรกของเมือง พวกเธอต้องเข้าเรียนในโรงเรียนตามที่ครอบครัวของเธอเคยอยู่ แต่การย้ายโรงเรียนก็สามารถดำเนินได้ หากมีความจำเป็น หลังจากนี้พวกเธอจะต้องไปขึ้นเรือเเฟรี่ เพื่อเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ขอให้ทุกคนโชคดี”

หลังจากสิ้นสุดการแนะนำเมืองทุกคนถูกแบ่งออกไปตามเมืองต่างๆ โดยเมืองแต่ละเมืองจะส่งคนมารับเด็กไปยังเทมพรอตหรือสถานที่พักชั่วคราวสำหรับนักเรียนใหม่ ที่นั่นมีเด็กที่ต้องเตรียมตัวเข้าเรียนในโรงเรียนเวทมนตร์มากมายซึ่งเด็กทุกคนที่ทางกระทรวงแต่ละที่พามาจะต้องไปรวมกันที่เทมพรอตเสมอ อนาตาเซียเองก็เช่นกัน เธอมีต้นกำเนิดมาจากอาณาจักรกลางดังนั้นเธอจึงต้องเตรียมตัวไปเรียนที่ โรงเรียนเวทมนตร์สตาเดเฟียตามกลุ่มของตัวเอง

“เร็วเข้าๆเจอป้ายเมืองของตัวเองแล้วรีบขึ้นเรือเลย เร็วเข้าๆทุกคนเร็วเข้า”

เสียงคนถือป้ายตะโกนส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวพวกเขากวักมือเป็นสัญญาณให้เด็กๆรีบเดิน

“สตาเดเฟียมาทางนี้”

เสียงชายวัยรุ่นถือป้ายโชว์ชื่อเมืองสตาทิสพูดขึ้น เขามองมายังเด็กหลายคนที่กำลังเดินขวักไขว่ไปมา และป้ายโชว์นี้ก็ดึงดูดให้เด็กผู้มีต้นกำเนิดมาจากอาณาจักรกลางทยอยเดินไปยังเรือและต่อแถวลงเรืออย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อเด็กลงเรือกันครบหมดแล้ว ทุกคนจึงเริ่มออกเดินทาง

“สวัสดีทุกคน ฉันเป็นรุ่นพี่ฝ่ายดูแลนักเรียนที่โรงเรียนเวทมนตร์สตาเดเฟียวันนี้อาจารย์ฝ่ายรับนักเรียนไม่อยู่ ฉันจึงมารับพวกเธอแทน พวกเธอเรียกฉันว่ารุ่นพี่มาควิสก็ได้”

เสียงผู้ดูแลนักเรียนกล่าวแนะนำตัวด้วยความเป็นมิตร

“ค่ะ/ครับ รุ่นพี่มาควิส”

ระหว่างทางเดินเรือ

“เรือนี้สวยมากเลยเธอว่าไหม” เสียงเด็กหญิงคนหนึ่งกล่าวทักทายเพื่อนใหม่ เธอมีดวงตาสีเขียว ผมบอนด์ทองยาวถึงหลัง ผิวขาวเหมือนดอกเดซี่ ริมฝีปากอมชมพูดั่งผลแอปเปิล จมูกโด่งเป็นสัน และรูปร่างผอมบางเหมือนกับอนาตาเซีย เธอเดินเข้ามาทักทายอนาตาเซียด้วยน้ำเสียงสดใส

“เอ่อ……ใช่ เรือสวยมาก วิวทะเลที่นี่ก็สวย สวัสดี ฉันชื่ออนาตาเซีย กริมส์ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“ฉันชื่อลูเซีย ฮาร์เอน ยินดีที่ได้รู้จักเหมือนกัน เธอเคยอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหรอ ฉันเคยเห็นเด็กใส่เสื้อแบบนี้ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” ลูเซียถาม

“ใช่ ! แล้วเธอล่ะ”

“อ๋อ……ฉันเองก็เสียพ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก อารับฉันมาเลี้ยง ตลกนะว่าไหมทำไมคนที่รับเรามาเลี้ยงมักจะปฏิบัติกับเราไม่ดี ฮะๆ” เสียงลูเซียหัวเราะด้วยความขมขื่น ทำให้อารมณ์มากมายถ่าโถมเข้ามาบนใบหน้าของเธอจนไม่อาจปิดบังเอาไว้

“ทำไมหรอ”

เมื่อไม่กี่เดือนก่อนฉันหนีออกจากบ้านตลอดหลายปีที่ผ่านมาพวกเขาทำร้ายร่างกายของฉันทุกครั้งที่หงุดหงิด โมโห หรือมีปัญหากับที่ทำงาน ทุกวันเขาใช้งานฉันจนเกินกำลังของเด็ก ฉันทนจนไม่อาจทนได้………คืนนั้นฝนตกหนักฉันหนีออกมาจากที่นั่น หนีไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ขาสองข้างของฉันจะไปได้ ตั้งแต่นั้นฉันก็กลายเป็นคนไร้บ้าน ขอเศษเงินอยู่ข้างถนน มันดูแย่มากใช่ไหมที่กลายมาเป็นคนไร้บ้าน”

“ก็ไม่ขนาดนั้น”

“สำหรับฉันตั้งแต่ที่หนีออกมาได้ฉันไม่เคยคิดอยากกลับไปที่นั่นอีกเลย ฉันรู้สึกว่าการอาศัยนอนอยู่ตามถังขยะยังมีอิสระมากกว่าการกลับไปบ้านหลังนั้นซะอีก อย่างน้อยฉันก็สามารถทำงานบ้านได้ ทำอาหารได้ สามารถหาเงินได้เล็กๆน้อยๆจากงานนี้ ถึงอย่างนั้นฉันก็ใช้ชีวิตข้างถนนได้ไม่นานอยู่ๆก็มีคนไปหาฉันแล้วพาฉันมาที่นี่ เหมือนปาฏิหาริย์เลย ตอนแรกฉันนึกว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล แต่พวกเขาก็พิสูจน์ให้ฉันดูพร้อมกับให้ประวัติครอบครัว หลังจากนั้นฉันเลยตัดสินใจมาที่นี่ ไม่คิดว่าแม่ของฉันที่หลายคนบอกว่าไม่มีหัวนอนปลายเท้าจะเป็นแม่มด อีกอย่างไม่คิดว่าที่นี่จะน่าสนุกและตื่นเต้นอย่างนี้”

“เสียใจด้วยนะที่เจอเรื่องเลวร้ายแบบนั้นของฉันพ่อแม่หายสาบสูญ ฉันเลยต้องมาอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า”

“ถ้าอย่างนั้น เราก็ไม่มีครอบครัวเหมือนกันสินะ”

“คงงั้น”

“เอาหล่ะเด็กๆ เมื่อผ่านหมอกสีขาวตรงนั้นเราก็จะเข้าเขตเมืองสตาฟิตแล้วเตรียมตัวให้ดี”

เสียงมาควิสกล่าว และหันหัวเรือตรงไปยังหมอกตรงหน้าทันที

เมืองสตาทิส

“ว้าวววว สวยจัง”

เสียงเด็กบนเรือพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้นเมื่อพวกเขาพบกับเมืองสตาฟิตที่กว้างใหญ่ อลังการ บนท้องฟ้ามีสีสันสดใสสวยงามหลากสี พร้อมเรือบินหลายลำลอยไปมาอวดความสวยสู้กับเหล่านกน้อยบนท้องฟ้า ภายในทะเลสาบเรือสำเภาลำใหญ่เดินทางไปมาจอดเทียบท่ากันไม่ขาดสายสร้างความรุ่งโรจน์ให้กับเมืองนี้ไม่น้อย บ้านและสถานที่แปลกตาเรียงรายไปทั่วบริเวณ นอกจากนั้นแล้วบนถนนยังมีผู้คนหลากหลายเผ่าสัญจรไปมา ซึ่งสิ่งแปลกประหลาดนี้ทำให้พวกเด็กๆยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิม

“ลงเรือแล้วเดินเกาะกลุ่มกันไว้ พวกเราใกล้จะถึงเทมพรอตแล้ว”

มาควิสพูดและเดินนำทางทุกคนไป

“เทมพรอตยินดีต้อนรับเด็กๆทุกๆคนนะจ๊ะ” หญิงวัยกลางกล่าวต้อนรับ เธอเดินนำเด็กไปยังห้องโถงสีทองเหลืองอร่ามที่กว้างใหญ่และหรูหรา “เด็กๆเดินมาทางนี้ ก่อนอื่นพวกเธอทุกคนจะต้องมีภูตประจำตัวชั่วคราวก่อน ซึ่งภูตประจำตัวจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงพาเธอไปเตรียมของใช้ที่จำเป็นก่อนไปโรงเรียนเวทมนตร์ ภูติประจำตัวชั่วคราวจะจากไปก็ต่อเมื่อพวกเธอขึ้นรถไฟเรียบร้อยแล้ว คนแรกเดินไปหยิบตลับที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอสามารถเลือกได้ตามใจชอบเลยนะเด็กๆ”

เด็กคนแรกเดินตรงไปยังโต๊ะวางและหยิบตลับสีทองลวดลายสวยงามมา 1 ชิ้น หลังจากเปิดตลับเขาพบภูติตัวจิ๋วบินออกจากตลับภูตินี้มีรูปร่างเหมือนคนแต่มีปีกบินได้เหมือนนางฟ้าตัวเล็ก

“สวัสดีฉันคือภูติประจำตัวชั่วคราวเธอสามารถเรียกฉันว่า ภูติจิ๋วได้” เสียงภูติจิ๋วกล่าวทักทาย และคนถัดไปก็เดินมาหยิบตลับต่อไปทันที เมื่อทุกคนเลือกตลับครบแล้วก็แยกย้ายกันไปซื้อของตามสถานที่ต่างๆด้วยตนเองทันที

“อนาตาเซียสิ่งที่เธอจะต้องซื้อเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนมีดังนี้ฟังนะ” ภูติจิ๋วกล่าวและเตรียมตัวอ่านรายชื่อของที่จำเป็นทันที แต่กลับถูกอนาตาเซียขัดขึ้นด้วนความรวดเร็ว

“เดี๋ยวก่อน ! ฉันไม่มีเงินพอที่จะซื้อของ ฉันมีเงินเก็บแค่เล็กน้อยไม่กี่เหรียญเท่านั้น” อนาตาเซียกล่าวกับภูติจิ๋วของตน

“อนาตาเซียเรื่องนี้ไม่ต้องเป็นห่วง เธอพอจะรู้ประวัติครอบครัวของเธอใช่ไหม เธอสามารถไปติดต่อกับคลังทรัพย์สินเพื่อขอดูทรัพย์สินที่พ่อแม่ของเธอทิ้งเอาไว้ให้ได้ แล้วก็เขาจะจัดแจงส่งเงินเดือนให้เธอทุกเดือนตามความเหมาะสม ส่วนเงินที่มนุษย์ใช้ ใช้กับที่นี่ไม่ได้เธอเก็บเอาไว้เผื่อไปเที่ยวที่นั่นเถอะ เอาเป็นว่าเราไปติดต่อที่คลังทรัพย์สินกันก่อนก็แล้วกัน”

ภูติจิ๋วกล่าวและบินนำเธอไปทันที

คลังทรัพย์สิน

เวลาผ่านไปสักพักหลังจากที่อนาตาเซียมาติดต่อกับคลังทรัพย์สิน

“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะคุณอนาตาเซีย ทางเราจะส่งถุงเงินเดือนทุกเดือนให้โดยส่งผ่านสัตว์เลี้ยงส่งของของคุณค่ะ”

เจ้าหน้าที่คลังทรัพย์สินกล่าว

“ค่ะ ขอบคุณค่ะ” อนาตาเซียกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่และเดินออกจากคลังทรัพย์สินทันที

“ภูติจิ๋วไม่คิดว่าเงินที่นี่จะแตกต่างกับที่ฉันเคยอยู่ขนาดนี้”

“แน่นอนอยู่แล้ว ที่นี่ไม่ใช้เหรียญแบบนั้นหรอก ดินแดนแห่งนี้สิ่งที่มีค่าคือผลึกศิลา ตอนนี้เธอก็มีเงินแล้วเราไปซื้อของกันเถอะ สิ่งจำเป็นต้องใช้เมื่ออยู่ที่สตาเดเฟีย อย่างแรก คือชุดนักเรียนและก็อย่าลืมฮู้ดยาวของแม่มดด้วยล่ะ ถ้าไม่ใช้ผ้าคลุมการบินบนอากาศจะมีปัญหา” ภูติจิ๋วอธิบาย

“ภูติจิ๋วนอกจากซื้อชุดนักเรียน ซื้อสัตว์เลี้ยง หนังสือเรียนกับตั๋วรถไฟแล้ว ฉันต้องออกเดินทางพรุ่งนี้ตอนเช้าเพื่อไปโรงเรียนสตาเดเฟีย แค่นี้ก็หมดแล้วใช่ไหม” อนาตาเซียถามภูติจิ๋ว

“ใช่ แล้วเธออยากได้อะไรเป็นสัตว์เลี้ยงมี แมว นกฮูก งู หนูแฮมเตอร์แล้วก็แมงมุม”

“แมว” อนาตาเซียตอบด้วยความมั่นใจ

“แน่ล่ะเพราะดูแล้วเธอค่อนข้างชอบสัตว์มีขน จะเอาแมวสีอะไร” ภูติจิ๋วถาม

“ฉันชอบแมวสีส้ม”

“ได้เลยไปร้านสัตว์เลี้ยงกัน” ภูติจิ๋วตอบและบินตรงไปยังร้านสัตว์เลี้ยงทันที

ร้านสัตว์เลี้ยง

“ติ้งต่อง” เสียงกริ๊งดังส่งสัญญาณว่าลูกค้าเดินเข้ามาในร้าน ทำให้ชายเจ้าของร้านรีบทักทายต้อนรับลูกค้าทันที

“สวัสดีสาวน้อย ต้องการสัตว์เลี้ยงแบบไหนตัวไหนสามารถบอกฉันได้เลยนะ”

“คือฉันต้องการแมวส้ม ตาสีเขียวค่ะ”

“สักครู่นะครับ” ชายเจ้าของร้านกล่าวก่อนจะเดินไปนำแมวที่มีคุณสมบัติตามที่อนาตาเซียต้องการมาให้ “นี่เป็นแมวส้ม ตาสีเขียวตามที่ต้องการครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

“นอกจากแมวแล้วไม่ทราบว่าต้องการอะไรเพิ่มไหมครับ ร้านเรานอกจากจะขายสัตว์เลี้ยงแล้วฝั่งซ้ายยังขายของชำเล็กๆน้อยๆ แล้วก็มีหนังสือนอกบทเรียนอีกมากมายอยากไปเดินชมไหมครับ” พ่อค้าพูดเชิญชวน

“ไม่ล่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ เราต้องการแค่แมว” อนาตาเซียตอบแล้วเดินจากไป

“ตอนนี้เราก็ได้ของครบแล้วเรากลับไปเทมพรอตกันเถอะ” ภูติจิ๋วกล่าว

“ตกลง กลับกันเลย” อนาตาเซียตอบแล้วเข็นรถที่เต็มไปด้วยสิ่งของกลับไปยังเทมพรอต

เช้าวันรุ่งขึ้นหน้าสถานีรถไฟ

“เร็วเข้าอนาตาเซียรถไฟจะออกตอน 09:30 น.” ภูติจิ๋วกล่าวเตือนแล้วบินตรงไปส่งที่รถไฟ

“ฉันไปแล้วนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะภูติจิ๋ว หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะคะ”

อนาตาเซียกล่าวลาและส่งยิ้มให้ภูตจิ๋ว ก่อนเดินขึ้นรถไฟไปยังที่นั่งของตน ไม่นานรถไฟก็เดินทางมุ่งหน้าไปยังโรงเรียนสตาเดเฟียด้วยความรวดเร็ว

เลือกตอน
1 บทที่ 1 อนาตาเซีย
2 บทที่ 2 เรียนรู้การใช้ชีวิตของแม่มด
3 บทที่ 3 งานเลี้ยงน้ำชา
4 บทที่ 4 น้ำศักดิ์สิทธิ์จากดวงตาเทพ
5 บทที่ 5 แครอน
6 บทที่ 6 เรื่องเล่าจากนักเล่านิทาน
7 บทที่ 7 โลกนิทาน
8 บทที่ 8 อาณาจักรเหนือ
9 บทที่ 9 ราชินีหิมะ
10 บทที่ 10 ลูกฟินิกซ์
11 บทที่ 11 งานกาชาด
12 บทที่ 12 เลือด
13 บทที่ 13 แข่งชิงอัญมณีแก้ว
14 บทที่ 14 ห้องสมุดเล็ก
15 บทที่ 15 ป่าเมอแลนด์
16 บทที่ 16 หญ้าแสงจันทร์
17 บทที่ 17 ดินแดนต้องมนต์
18 บทที่ 18 คฤหาสน์ของวีเรน
19 บทที่ 19 ถ้ำก็อบลิน
20 บทที่ 20 คฤหาสน์ตาเดียว
21 บทที่ 21 พิษฟามารัน
22 บทที่ 22 ล่องเรือ
23 บทที่ 23 ยักษ์อนาทาเนีย
24 บทที่ 24 ประตูกล
25 บทที่ 25 มังกรดำ
26 บทที่ 26 ซาตานแห่งความตาย
27 บทที่ 27 ประชุม
28 บทที่ 28 สุสานมืด
29 บทที่ 29 ต่อสู้
30 บทที่ 30 หนี
31 บทที่ 31 แลกหัวใจ
เลือกตอน

อัพเดทถึงตอนที่ 31

1
บทที่ 1 อนาตาเซีย
2
บทที่ 2 เรียนรู้การใช้ชีวิตของแม่มด
3
บทที่ 3 งานเลี้ยงน้ำชา
4
บทที่ 4 น้ำศักดิ์สิทธิ์จากดวงตาเทพ
5
บทที่ 5 แครอน
6
บทที่ 6 เรื่องเล่าจากนักเล่านิทาน
7
บทที่ 7 โลกนิทาน
8
บทที่ 8 อาณาจักรเหนือ
9
บทที่ 9 ราชินีหิมะ
10
บทที่ 10 ลูกฟินิกซ์
11
บทที่ 11 งานกาชาด
12
บทที่ 12 เลือด
13
บทที่ 13 แข่งชิงอัญมณีแก้ว
14
บทที่ 14 ห้องสมุดเล็ก
15
บทที่ 15 ป่าเมอแลนด์
16
บทที่ 16 หญ้าแสงจันทร์
17
บทที่ 17 ดินแดนต้องมนต์
18
บทที่ 18 คฤหาสน์ของวีเรน
19
บทที่ 19 ถ้ำก็อบลิน
20
บทที่ 20 คฤหาสน์ตาเดียว
21
บทที่ 21 พิษฟามารัน
22
บทที่ 22 ล่องเรือ
23
บทที่ 23 ยักษ์อนาทาเนีย
24
บทที่ 24 ประตูกล
25
บทที่ 25 มังกรดำ
26
บทที่ 26 ซาตานแห่งความตาย
27
บทที่ 27 ประชุม
28
บทที่ 28 สุสานมืด
29
บทที่ 29 ต่อสู้
30
บทที่ 30 หนี
31
บทที่ 31 แลกหัวใจ

กกาวน์โหลดทันที

ชอบผลงานนี้ไหม? ดาวน์โหลดแอพ บันทึกการอ่านของคุณจะไม่สูญหาย
กกาวน์โหลดทันที

โบนัส

ผู้ใช้ใหม่ที่ดาวน์โหลดแอพสามารถปลดล็อค 10 ตอนได้ฟรี

รับ
NovelToon
เปิดประตูต่างภพ
เพื่อวิธีการเล่นเพิ่มโปรดดาวน์โหลดMangatoon APP!