เช้าของการเรียนอย่างจริงๆจังๆหลังผ่านมาหนึ่งอาทิตย์ของการเลือกลงวิชาที่จะเรียน แล้วก็จัดการเรื่องรับน้องเชียร์กลางของทางมหาลัยเรียบร้อยเสร็จสับแล้ว วันแรกเหมือนจะไม่มีอะไรเป็นคาบเรียนฟิสิกส์ปูพื้นฐานใหม่ๆ ซึ้งก็ไม่แปลกที่จะมีเพื่อนจากสาขาอื่นมานั้งเรียนด้วย แอบได้ยินโกโก้บอกมาว่าที่วิชานี้มีสาขาอื่นมาเรียนด้วยเยอะเพราะว่ามันได้ A ง่ายมากกว่า
ดูเหมือนว่าทั้งผิง น้ำ และต้นชาจะหลับลงกับโต๊ะกันหมดแล้วนี้มันคาบแรกของวันแท้ๆนะ ฉันหันไปมองโกโก้ที่ตอนนี้กำลังเติมหน้าด้วยแป้งตลับและลิปสติกสีสวย ก่อนที่เจ้าตัวจะหันมาหาฉันจะขยิบตาส่งจูบให้ นี้มันอะไรกันเนี้ยชิวขนาดนี้เลยหรอ ฉันค่อยๆเขย่าแขนผิงที่ก้มหลับอยู่ข้างๆเบาๆ ก่อนที่คนหน้าสวยจะเอามือปัดหน้าปัดตาแล้วหันมาหาฉัน
"ฟ่างมีนาฬิกาป่ะ" ฉันยื่นมือไปให้ผิงดูนาฬิกาที่ข้อมือซึ้งตอนนี้เป็นเวลา 9 โมงกว่าๆ ผิงชี้นิ้วมาใส่ฉันสลับกับชี้ลงไปที่โต๊ะ
"อะไรผิง"
"นอนลงไป นอน"
"เห้ย" ผิงกดหัวฉันลงกับโต๊ะก่อนที่เธอจะหมอบลงตาม
"นอนเดี๋ยวนี้นะฟ่าง" ผิงกัดฟันพูดกับฉันหน้าสวยๆนั้นดูเหมือนจะเริ่มดุขึ้นมาไม่ต่างกับหน้าน้ำตอนบังคับฉันกินยาเลยสักนิดฉันเลยกลั้นใจหลับตาไป
ความรู้สึกปวดที่ต้นคอปลุกฉันขึ้นมานี้ยังไม่นับรวมหลังที่ดูเหมือนจะเริ่มปวดขึ้นมาแล้ว แขนก็ชาไปหมด กลิ่นน้ำหอมจางๆโชยมาชนจมูกฉัน ถึงฉันจะไม่ได้สนิทกับพวกผิงขนาดจะรู้กลิ่นของน้ำหอม แต่ฉันก็พอจะรู้ว่านี้ไม่ใช่น้ำหอมกลิ่นของผู้หญิง
ฉันค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างช้าๆแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ตัวของฉันจะถูกคลุมด้วยช็อปสีเลือดหมูเจ้าของของกลิ่นน้ำหอมจางๆนี้คงมาจากเสื้อตัวนี้สินะ แต่เอ๊ะ! พวกน้ำหายไปไหนแล้ว ฉันพยายามมองเท่าที่ระยะสายตาท่านอนทับแขนของตัวเองจะมองได้ แต่กลับมีเพียงกระเป๋าสะพายใบสีดำที่วางอยู่บนโต๊ะเท่านั้น พวกนั้นหายไปไหน
เสียงของอาจารย์ที่ดังขึ้นพอที่คนพึ่งตื่นจะจับใจความได้ นี้ไม่ใช่วิชาที่เรียนเมื่อตอนเช้านิ
ฉันพยายามหันคอที่ปวดปานจะหักหันมาอีกด้านแต่ภาพที่อยู่ต่อหน้าฉันทำให้ฉันต้องอุทานออกมา
"เหี้ย!!!"
นัยตาคู่คมมองสลับจากจอโปรเจคเตอร์หน้าห้องกับกระดาษแผ่นบางที่วางอยู่บนโต๊ะ มือเรียวข้างสวยชะงักเล็กน้อยหลังจากที่ได้ยินเสียงฉันตะโกนออกไป
พี่สายฟ้าวางปากกาลงก่อนจะมองมาที่ฉัน
เหมือนปากสวยนั้นจะขยับพูดเเต่ไม่มีเสียง
แต่พออ่านจับใจความได้ว่า เงียบๆเดี๋ยวคนในห้องก็รู้หรอก
วินาทีนั้นฉันไม่รู้ว่าความปวดทั่วร่างกายฉันหายไปไหนหมดฉันรีบลุกขึ้นจากโต๊ะก่อนจะรีบดึงเอากระเป๋าสะพายที่พาดอยู่บนเก้าอี้แล้วรีบวิ่งออกมาจากห้อง
"อะไรกันเนี้ย แฮกๆ..."
"เอ้าฟ่าง ตื่นแล้วหรอ หนีอะไรมาตาเหลือกเชียว" ฉันค่อยๆหันมองตามเสียงนั้นช้าๆไม่ใช่เสียงใครที่ไหนหรอกเสียงน้ำ
ไม่ใช่ว่าฉันห่วยขนาดจำเสียงเพื่อนไม่ได้หรอกนะ แต่คนมันพึ่งตื่นมันก็เบลอๆแบบนี้ล่ะ
ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอ่ยปากถามน้ำว่าไปไหนมา
"พวกน้ำไปไหนมาอะ ทำไมทิ้งฟ่างไว้ในห้องคนเดียว"
"คนเดียวที่ไหนเหนือ พี่ปี 3 เต็มเลย" โกโก้ขำเบาๆก่อนที่ต้นชาจะหยิกแขนโกโก้จนรอยยิ้มเมื่อตะกี้เปลี่ยนเป็นหน้ามุ้ยแทน
"มันวิชาทับกันอะเหนือ เราเลยต้องได้เรียนกับพี่ปี 3 ที่ลงวิชานี้ด้วย อีโก้มันหิวข้าว น้ำกับผิงเลยพาโก้ไปหาอะไรกิน ไม่รู้ว่าต้นชาจะตามมาด้วยละทิ้งฟ่างไว้"
"แล้วทำไมไม่ปลุกฟ่างอะ"
"ก็เห็นหลับสะน่าเอ็นดู ใครจะกล้าปลุก" ผิงตอบฉันก่อนจะหันไปตีแขนโกโก้
"โอ้ยตะกี้อีชาหยิก นี้มึงตีเลยหรออีผิง"
"ทำไม จะทำไม อีกระเทย"
"มึงสิกระเทย"
"อะไรของพวกแกเนี้ยจะเถียงกันทำไม แล้วนี้ช็อปใครอะฟ่าง" น้ำเอ่ยปากถาม
"ช..ช็อป? ห่ะ" เห้ยเสื้อช็อปใครละนิถ้าหากเอาตามเหตุผลต้องขอพี่มันแน่ๆ
"ฮั่นแน่ ตาเลิกลัก เพื่อนไม่อยู่แปปเดียวได้หนุ่มสะแล้ว" โกโก้แซวก่อนจะดึงเอาเสื้อช็อปจากไหล่ฉันมาดู "อุ้ยเหมือนจะสลักชื่อไว้สะด้วย เอ๋ ปรามวิชชื่อใครอะแก" จะชื่อใครสะอีกหล่ะ ปรามวิชงั้นหรอ ไม่เข้ากับชื่อเล่นเลยนะ
โกโก้เอาชื่อให้น้ำ ต้นชา และผิงดูได้ไม่ถึง 5 นาทีก็เหมือนว่าจะหมดคาบเรียนพอดีจนมีรุ่นพี่และเพื่อนร่วมสาขาฉันเดินออกมาจากห้อง สี่สหายดูเหมือนจะหันไปคุยกันยกใหญ่ ส่วนฉันได้แต่ยืนกุมขยับอยู่
"พี่ขอเสื้อคืนด้วยครับ น้อง...โกโก้"
"ค่ะ?" โกโก้หันหน้ามาหาเจ้าของเสื้อช็อปซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหนก็พี่มันนั้นแหละ โกโก้ยื่นเสื้อให้พี่สายฟ้าแบบงงๆ ก่อนที่พี่มันจะหันมาหาฉันและโยนเสื้อมาใส่ฉัน
"ใส่แล้วก็ซักให้ด้วย" ว่าจบพี่มันก็เอามือมาจัดคอเสื้อตัวเองและเสื้อสีขาวตัวบางที่บ่งบอกได้ว่าเจ้าตัวไม่ได้รีดมา หรือไปทำอะไรทาจนมันยับขนาดนี้ ก่อนจะเดินจากไปพร้อมเพื่อนอีกสองคนที่เดินตามมาทีหลัง
ฉันอยากจะปาเสื้อให้มันลอยตามตูดพี่มันไปจริงๆนะแต่มือฉันต้องชะงักเมื่อเหลือบไปมองดูโกโก้ที่ตอนนี้ยืนอ้าปากค้างอยู่
"อย่าถามอะไรนะอย่า" ฉันเอ่ยปากห้ามโกโก้ที่กำลังทำท่าเหมือนจะเอ่ยปากพูดทันที
แล้วต้องซักเสื้อไปคืนจริงๆหรออะไรกันเนี้ย
โยนทิ้งไปเลยดีไหมนะ
"ฟ่างไปเอาเสื้อพี่สายฟ้ามาได้ไงอะ" น้ำถามก่อนจะดึงเสื้อไป
"น้ำเอามาดมหน่อย" โกโก้ที่ยืนปากค้างอยู่นานรีบดึงเอาชายเสื้อที่เกินมือน้ำออกมาไปดม โรคจิตปะเนี้ย
"อีโก้ อีโรคจิต"
"แหม๋นิดๆหน่อยๆเอง"
ซักผ้าหรอก็ซักเป็นอยู่หรอกแล้วตอนเอาไปคืนจะเอาไปยังไงล่ะ คนยิ่งไม่ชอบหน้ากันอยู่
ฉันแยกกลับบ้านออกมาก่อนน้ำและพวกผิงๆ เพราะวันนี้มีธุระเรื่องที่จะเอารถกลับไปซ่อมที่ศูนย์
คาวนี้จะหมดไปกี่หมื่นเนี้ย รอบที่แล้วไฟหน้าแตกนี้ก็สี่ห้าหมื่นเลยนะก็ตอนซื้อก็คิดอยู่ล่ะว่ารถขนาดนี้ถ้าค่าซ้อมจะขนาดไหน BMW นินะ ช่างมันเถอะถึงจะแพงยังไงฉันก็มีเงินเก็บอยู่บ้าง หรือไม่ก็ทักไปอ้อนวอนพี่ชายต่างแม่ของฉันที่ทำงานอยู่แล้วก็ได้นิ
พี่ชายฉันชื่อสกายพี่สกายเป็นคนที่รวยมากและก็ฉลาดมากแกก็เป็นหมอที่โรงพยาบาลใกล้ๆมหาลัยที่ฉันเรียนอยู่นี่เองแต่แกอายุห่างจากฉันตั้ง9ปี และแม้ว่าเราจะต่างแม่กันแต่แกก็รักฉันเหมือนน้องที่คลานออกมาจากท้องแม่คนเดียวกันจริงๆ ขออะไรแกก็ให้แต่ฉันก็ไม่ได้ขอบ่อยขนาดนั้น ถ้ามีโอกาสแกก็พาฉันไปเที่ยวต่างจังหวัดออกจะบ่อย แต่คนส่วนมากไม่ค่อยคิดว่าฉันกับพี่สกายเป็นพี่น้องกันสักเท่าไหร่
"คุณฟ่างคะดิฉันจะมาสรุปรายการที่จะส่งรถของคุณไปซ่อมค่ะ BMW R1000 SS ดำ รายการที่สั่งซ่อมนะคะมีล้อรถ มีกาบโครงล้อ พ่นสี ปรับโครงข้างหน้าใหม่ ในรายการที่กล่าวมานี้ซ่อมในไทยนะคะ ส่วนค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 62,900บาทค่ะ แต่ว่าในกรณีของคุณฟ่างไม่เสียค่าใช้จ่ายนะคะ"
"ห...หะ?" ฟรีเงินครึ่งแสนเนี้ยนะ ฉันเอียงคอมองหน้าพนักงานที่แจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยความงุนงง
"ใช่คะ คุณเจนพิพัฒน์แจ้งทางเรามาแบบนั้น"
"เจนพิพัฒน์?" ใครชื่อเจนพิพัฒน์อีกล่ะเนี้ย
"อ้าวฟ่างมาแล้วหรอ"
"สวัสดีค่ะคุณเจน"
"งั้นคุณนัฐชาช่วยไปจัดการด้วยนะเดี๋ยวผมจะขอคุยกับเพื่อนผมหน่อย"
"ได้ค่ะ" คนตัวเล็กยิ้มออกมาจนแก้มน้อยๆนั้นจะแตกออกมาจากหน้าตัวเองอยู่แล้ว
เมื่อกี้ฉันก็ไม่ได้ฟังผิดนะที่พนักงานคนนั้นเรียกพี่ไนล์ว่าคุณเจน แต่ประเด็นสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ตรงนั้นน่ะสิมันอยู่ที่ว่าพี่มันมาทำอะไรที่นี้ แล้วรถของฉันที่สั่งจะเอาไปซ่อมที่เมืองนอกกลับถูกเลื่อนมาซ่อมที่ไทย แล้วไหนว่าอะไหร่ซ้อมที่ในไทยที่ฉันต้องการมันไม่มีนิแล้วทำไมวันนี้ถึงบอกว่าซ่อมในไทยได้ล่ะ
พี่ไนล์เดินมานั่งที่เก้าอี้ข้างๆฉันก่อนจะหยิบเอกสารรายละเอียดการซ่อมมาให้ฉันดู เหมือนปากเล็กๆนั้นจะบ่นพึมพัมอะไรสักอย่างเบาๆแล้วฉันไม่ได้ยิน
"สีที่นัฐชาส่งมาให้ใช้สีเดียวกันกับของฟ่างไหม?"
"ส...สีหรอ อ่อใช่ค่ะ"
"ไม่ต้องตกใจหรอกที่เค้าเรียกพี่ว่าเจน ตอนเด็กๆคุณพ่อกับคุณแม่พี่ท่านแย่งกันตั้งชื่อให้พี่ คุณพ่อพี่อยากให้ชื่อไนล์จะได้เข้ากับชื่อพี่ชายพี่ แต่คุณแม่พี่ท่านอยากให้ชื่อเจน ตีกันไปกันมาชื่อเล่นกลับเป็นของคุณพ่อ ส่วนคุณแม่เอาชื่อจริงไป คนที่นี้เลยเรียกพี่ว่าเจน"
พี่ไนล์อธิบายออกมายาวๆก่อนจะหยิบกาแฟขึ้นมาจิบ ตอนนี้พี่ไนล์ไม่ได้ใส่ชุดนักศึกษาแพทย์ที่ฉันเคยเห็นอยู่บ่อยๆแต่กลับเป็นเสื้อเชิตสีฟ้าสุภาพเซ็ตผมขึ้นมานิดหน่อยเหมือนจะมีกลิ่นน้ำหอมจางๆโชยออกมานิดๆด้วย จะไปเดตกับสาวที่ไหนล่ะ
"สีก็เหมือนกันค่ะ แต่ว่า... มันเยอะไปหรือปล่าวมันรถฟ่าง ฟ่างว่าฟ่างจ่ายเองดีกว่านะ" ฉันตอบพี่มัน
"พี่เกือบชนเราพี่ก็ต้องรับผิดชอบ ไม่กี่บาทเองพี่ทำงานไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ละ"
ทำงานไม่กี่ชั่วโมงก็ได้แล้วทั้งที่ยังเป็นแค่นักศึกษาแพทย์ปี4เนี้ยนะหรือฉันทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียนแพทย์ผิดหรอปี4นี่เค้าให้เริ่มทำงานแล้วหรือยังไง อีกอย่างนี้จะบอกว่าหาเงินแค่นี้ได้แค่แปปเดียวซึ่งฉันทำไม่ได้อย่างนั้นหรอ
"แล้วเรามีนัดต่อไหมไปทานข้าวกับพี่หน่อย" คนหน้าหล่อพูดขึ้นก่อนจะหยิบเอกสารไปวางไว้ที่โต๊ะ
ชวนกินข้าวอีกแล้วหรอ ยังไม่เข็ดจากรอบที่แล้วที้ฉันชิ่งหนีออกมาอีกหรอ ช่างไม่รู้จักเข็ดเลยจริงๆนะ แต่รอบที่แล้วเราเล่นหนีออกมาแบบนั้นกะเอาไว้ว่าจะขอโทษหลายครั้งแล้วนิ ช่วยไม่ได้เวลาน้ำไปหาพี่เกมส์ที่คณะฉันก็ตามไปด้วยตลอดแต่ก็ไม่เคยเจอพี่แกสองคนนี้เลย ขึ้นตึกบ้างล่ะ เก็บเคสบ้างล่ะ
"วันนี้หรอ ถ้านอกจากเรื่องรถก็ไม่มีแล้วล่ะ"
"งั้นไปทานข้าวกัน พี่จองร้านเอาไว้แล้ว"
"จองร้าน? ถ้าฟางบอกว่าไม่ไปพี่คงไปกินคนเดียวได้ใช่ไหมค่ะ ฮ่าๆ" ฉันขำออกมาเบาๆก่อนจะหันไปเก็บเอกสารในส่วนของฉันเข้ากระเป๋า จนไม่รู้ว่าร่างสูงๆของพี่ไนล์ขยับเขามาใกล้ฉันขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหนเสียงลมหายใจอ่อนๆที่พอฟังจังวะออกกระทบที่ข้างใบหู ความรู้สึกไม่ปลอดภัยจนทำให้อยากขยับตัวออก แต่กลับโดนมือทั้งสองข้างของพี่ไนล์รั้งตัวเอาไว้ไม่ให้ขยับสามารถขยับออกไปได้
"ปล่าวค่ะ...พี่แค่จะยกเลิกที่จองไป" พี่ไนล์กระซิบที่ข้างหูฉันเบาๆน้ำเสียงที่ถูกกดให้ต่ำลงกว่าปกตินั้นเป็นน้ำเสียงโทนที่ฉันไม่เคยได้ยินจากปากคนหน้าหล่ออย่างพี่ไนล์เลยไหนว่าไม่เคยจีบใครนี้มันเสียงเอาไว้ล่าเหยื่อชัดๆ
ว่าจบพี่ไนล์ก็ขยับตัวออกรอยยิ้มจางๆมี่มุมปากค่อยๆเผยออกมา สีหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์ตอนนั้นหายไปไหนแล้วล่ะตอนนี้กลับกลายเป็นหนุ่มติ๋มๆที่ดูนิ่งๆไปสะอย่างนั้น
ถึงฉันจะไม่เคยมีแฟนแต่ก็พอมีน้ำพูดให้ฟังอยู่บ้างว่าผู้ชายมีหลายประเภทเจ้าชู้บ้าง เก็บแต้มบ้าง บางคนก็แสดงออกมากบางคนก็ไม่แสดงออกเลย หายากคนที่จะจริงใจ แต่แค่ในความคิดฉันตลอดการเรียน 4ปีไม่ได้คิดเรื่องที่อยากจะมีแฟนเลยด้วยซ้ำ
สำหรับคนที่ต้องการความรักหรือโหยหาคนมาดูแลเอาใจใส่แบบนั้นก็แปลว่าคนเราก็คงหาความสุขในชีวิตเราไม่ได้ต้องหวังพึ่งคนอื่นอยู่ตลอดแบบนั้นน่ะสิ แล้วทำไมคนที่อยู่คนเดียวจะมีความสุขไม่ได้มีความสุขกับตัวเองสิ
ความสุขของคนเราขึ้นอยู่กับตัวเองไม่ใช่หรอ
นั้นคือความคิดที่ทำให้ฉันไม่มีเรื่องรักๆใคร่ๆในหัวเลย
"ฟ่างชอบทานอาหารญี่ปุ่นหรอ?"
"อือ"
พี่ไนล์พาฉันมาทานข้าวที่ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ฉันเป็นคนเลือกเอง ทีแรกพี่แกเล่นไปจองร้านอาหารหรูขนาดแต่ละเมนูจานละเป็นหมื่นฉันถึงกับอ้าปากค้างในความป๋าของพี่แก แต่ก็ยังดีที่เปลี่ยนร้านทัน
ฉันไม่ใช่คนติดหรูหรืออะไรมากขนาดพอที่จะทานข้าวจานละหมื่นมื้อละครึ่งแสนขนาดนั้นร้านข้าวแกงหน้าปากซอยฉันก็กินได้ ยิ่งอะไรที่เป็นเส้นหน่อยๆนะกินได้หมดแหละ มาม่าอะไรแบบนี้ แต่ที่เลือกมากินอาหารญี่ปุ่นเพราะวันนี้นึกอยากกินซูชิขึ้นมาเท่านั้นเอง
ร้านที่ฉันว่านี้คือร้านของแม่เพื่อนสนิทฉันตอนมัธยมที่มีเมนูอาหารญี่ปุ่นอร่อยๆแต่ในราคาที่ถูกมาก เทียบกับคุณภาพของอาหารแล้วคือดีสุดๆ อาหารที่ฉันสั่งเริ่มถูกวางลงบนโต๊ะของเราทีละอย่างๆ ช่างเป็นอะไรที่ดีอย่างนี้จริงๆเลยกลิ่นหอมๆของงา กลิ่นอ่อนๆของวาซาบิเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ทั้งๆที่ยังไม่ตาย ถ้าคุณคิดภาพไม่ออกให้นึกสะว่าคุณได้กลิ่นของอาหารที่คุณชอบกินมากๆไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรแต่มันก็ทำให้คุณยิ้มได้ไปทั้งวันถ้าได้เอามันเข้าปาก
"ชอบมากเลย?" เสียงของพี่ไนล์ปลุกฉันขึ้นจากพะวังความฟินของคนคลั่งรักอาหารแบบฉัน
"ถามกี่รอบละนิ"
"ก็แค่รอบเดียว เห็นกัดตะเกียบจ้องอยู่นาน กินเลยก็ได้นะ พี่ไม่ชอบอาหารญี่ปุ่น" อ้าวแล้วทำไมไม่บอกว่าไม่ชอบแล้วฉันก็ดันพามาร้านแบบนี้ ทำร้ายลูกเขาอีกแล้ว
"อะ" ฉันคีบซูชิหน้าไข่ปลาวางลงบนจานของพี่ไนล์ "อุส่ามาทั้งทีกินสักคำเถอะ" คนหน้าหล่อหลุดขำออกมาเบาๆ
"อือ..."
"เคี้ยว ห้ามคาย" ฉันคีบเอาซูชิชิ้นที่วางอยู่บนจานเข้าปากพี่ไนล์ พี่ไนล์ไม่ได้ขัดขืนอะไรเพียงแต่ซูชิมันเข้าปากเข้าไปในท่าที่ไม่พอดีสักเท่าไหร จนมันเปื้อนปากสวยๆนั้น
"อย่าคายออกมา"
"ฟ่างมันเปื้อน"
"เดี๋ยวไปเอาทิชชู่มาให้"
"ไม่เป็นไร"
"อ๊ะ..." พี่ไนล์ดึงมือฉันไปจับ แรงเยอะดึงออกไม่ได้ นิ้วเรียวเกี่ยวนิ้วโป้งฉันออกมาจากมือที่กำแน่นพี่ไนล์ยื่นหน้าหล่อๆเข้ามาใกล้ๆ ปากสวยนั่นสัมผัสโดนกับนิ้วโป้งของฉันฉันสะดุ้งเมื่อรู้สึกถึงแรงกัดเบาๆที่ปลายนิ้ว บ...บ้าน่าเมื่อกี้พี่มันเอานิ้วฉันไปเช็ดปากหรอ
"ออกแล้วทีนี้นั่งลง"พี่มันว่าเบาๆก่อนจะปล่อยมือฉัน
"ซูชิอร่อยไหม" ฉันถามก่อนจะคีบซูชิไข่ปลาเข้าปากเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตะกี้
"อร่อยดี..."
"บอกแล้วว่าร้านนี้อร่อย"
"พี่ไม่ได้หมายถึงซูชิ"
***ดาวน์โหลด NovelToon เพื่อเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การอ่านที่ดียิ่งขึ้น!***
Comments